id
stringlengths
1
7
url
stringlengths
31
212
title
stringlengths
1
182
text
stringlengths
100
310k
1478091
https://th.wikipedia.org/wiki/วิถีคนเลี้ยงสัตว์
วิถีคนเลี้ยงสัตว์
thumb| แผนที่โลกแสดงวิถีคนเลี้ยงสัตว์ ต้นกำเนิดและพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ วิถีคนเลี้ยงสัตว์ หรือ ท้องทุ่งนิยม () เป็นรูปแบบหนึ่งของสัตวบาล โดยจะมีการปล่อยสัตว์เลี้ยง (เรียกว่า "ปศุสัตว์") ออกไปหากินในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่มีพืชพรรณปกคลุม (ทุ่งหญ้า) เพื่อกินหญ้า ซึ่งในอดีตนั้น ชนเร่ร่อนจะเคลื่อนย้ายฝูงสัตว์ไปตามที่ต่าง ๆ ชนิดของสัตว์ที่เลี้ยง ได้แก่ ได้แก่ วัว อูฐ แพะ จามรี ยามา กวางเรนเดียร์ ม้า และแกะ == อ้างอิง == หมวดหมู่:สัตวบาล
1478097
https://th.wikipedia.org/wiki/จังหวัดมอแซนแดรอน
จังหวัดมอแซนแดรอน
จังหวัดมอแซนแดรอน (; , ) เป็นหนึ่งใน 31 จังหวัดของประเทศอิหร่าน มีเมืองหลักคือเมือง ซอรี ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทางใต้ของ ทะเลแคสเปียนและในบริเวณเทือกเขาแอลโบร์ซตอนกลางที่อยู่ติดกัน มีอาณาเขตตามเข็มนาฬิกาติดกับประเทศรัสเซีย (มีทะเลกั้น) จังหวัดโกเลสถาน จังหวัดเซมนอน จังหวัดเตหะราน จังหวัดแอลโบร์ซ จังหวัดแกซวีน และจังหวัดกีลอน จังหวัดก่อตั้งเมื่อปี 1937 ครอบคลุมพื้นที่ 23,842 ตารางกิโลเมตร == อ้างอิง == หมวดหมู่:รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2480 หมวดหมู่:จังหวัดของประเทศอิหร่าน
1478101
https://th.wikipedia.org/wiki/สถานเอกอัครราชทูตไทย_ณ_กรุงลอนดอน
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน () เป็นคณะผู้แทนทางทูตของไทยในสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ที่ควีนส์เกต สถานทูตยังได้รับการรับรองให้ไปประจำที่ไอร์แลนด์ในฐานะผู้ไม่มีถิ่นที่อยู่ อาคารนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มอาคารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอนุรักษ์ระดับ II ในควีนส์เกต ซึ่งรวมถึงสำนักงานข้าหลวงใหญ่แห่งบังกลาเทศซึ่งอยู่ติดกัน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีสำนักงานทูตฝ่ายทหารอากาศ ที่เลขที่ 2 ถนนวิกตอเรีย เซาท์เคนซิงตัน สำนักงานทูตฝ่ายพาณิชย์ ที่เลขที่ 11 ถนนเฮิร์ตฟอร์ด เมย์แฟร์ และสำนักงานทูตฝ่ายการศึกษา ที่เลขที่ 28 ถนนปรินซ์สเกต เซาท์เคนซิงตัน บ้านพักเอกอัครราชทูตตั้งอยู่ในอาคารแยกต่างหาก บนถนนเทรกุนเตอร์ บรอมป์ตัน ภายในอำนาจของสถานทูต ประเทศไทยยังเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ในคาร์ดิฟฟ์, ยิบรอลตาร์ และคิงส์ตันอะพอนฮัลล์ == ประวัติ == สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงลอนดอน ตั้งอยู่ที่ปัจจุบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 โดยก่อนหน้านั้นตั้งอยู่ที่ 21-23 แอชเบิร์นเพลส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2427 ในปี พ.ศ. 2505 สถานทูตได้ร่วมมือกับอดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย และนักธุรกิจอังกฤษและไทย เพื่อก่อตั้งสมาคมแองโกล-ไทย ซึ่งมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์เป็นประมุข สถานทูตยังคงมีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับสมาคม == ระเบียงภาพ == ไฟล์:Embassy_of_Thailand_in_London_2.jpg|แผ่นป้ายด้านนอกสถานทูตแสดงตราแผ่นดินของไทย ไฟล์:Embassy_of_Thailand_in_London_3.jpg|ป้ายติดหน้าสถานทูตเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย ไฟล์:Thai_Ambassador's_Residence,_London.jpg|บ้านพักเอกอัครราชทูตบนถนนเทรกุนเตอร์ == ดูเพิ่ม == * ความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักร * สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == * Official Facebook Page หมวดหมู่:ความสัมพันธ์ไทย-สหราชอาณาจักร หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างภายใต้การพิทักษ์ เกรด II ในรอยัลโบโรออฟเคนซิงทันแอนด์เชลซี หมวดหมู่:เซาท์เคนซิงตัน
1478102
https://th.wikipedia.org/wiki/กีฬาเรือพาย
กีฬาเรือพาย
กีฬาเรือพาย เป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่เป็นการแข่งความเร็วของเรือโดยใช้ไม้พาย ซึ่งแตกต่างจากกีฬาเรือแจวโดยที่ในกีฬาเรือพาย ไม้พายจะถูกยึดติดกับเรือโดยใช้ที่ยึด แต่กีฬาเรือแจวจะไม่มีการยึดไม้พายติดกับเรือ กีฬาเรือพายมีชนิดสนามแข่งและรูปแบบการแข่งที่หลากหลาย แต่การแข่งขันระดับชิงชนะเลิศส่วนมากจะใช้สนามแข่งที่เป็นน้ำนิ่งโดยมีความยาว 2 กิโลเมตร พร้อมเลนเรือหลายเลน โดยใช้ทุ่นเป็นสัญลักษณ์ในการแบ่งเลน ปัจจุบันในทวีปต่าง ๆ ทั้งหกทวีป มี 150 ประเทศที่มีสหพันธ์เรือพายเป็นของตนเอง ซึ่งเข้าร่วมแข่งขันกีฬานี้ ==ดูเพิ่ม== * กีฬาเรือพายในโอลิมปิกฤดูร้อน ==อ้างอิง== หมวดหมู่:เรือพาย หมวดหมู่:กีฬาในโอลิมปิกฤดูร้อน
1478129
https://th.wikipedia.org/wiki/วันตระหนักรู้ออทิซึมโลก
วันตระหนักรู้ออทิซึมโลก
วันตระหนักรู้ออทิซึมโลก เป็นวันสำคัญสากล ตรงกับวันที่ 2 เมษายน ของทุกปี เพื่อส่งเสริมให้รัฐสมาชิกสหประชาชาติดำเนินมาตรการในการเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคออทิซึม ส่งเสริมการยอมรับ การชื่นชม และการรวมผู้เป็นโรคออทิซึมให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และยกย่องการมีส่วนสนับสนุนผู้เป็นโรคออทิซึมในระดับท้องถิ่นและระดับโลก วันดังกล่าวได้รับการกำหนดโดยมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (A/RES/62/139) ซึ่งผ่านมติของสมัชชา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 และได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ค.ศ. 2007 โดยได้รับการเสนอโดยโมซา บินต์ นัสเซอร์ อัล-มิสเน็ด ผู้แทนสหประชาชาติจากกาตาร์ และได้รับการสนับสนุนจากประเทศสมาชิกทั้งหมด คำว่า "วันรณรงค์ต่อต้านออทิสติก" และ "เดือนรณรงค์ต่อต้านออทิสติก" บางครั้งถูกโต้แย้งโดยนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิด้านออทิสติก ซึ่งอ้างว่าคำเหล่านี้ถูกนำไปใช้เพื่อการเลือกปฏิบัติและอคติทางสังคมต่อผู้พิการ กลุ่มดังกล่าว รวมถึงเครือข่ายสนับสนุนตนเองเพื่อผู้เป็นโรคออทิซึม สนับสนุนให้ใช้คำว่า วันยอมรับโรคออทิซึม ทดแทนชื่อวันดังกล่าว โดยเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมการเอาชนะอคติต่อผู้เป็นโรคออทิซึม มากกว่าที่จะเพียงแต่เพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคออทิซึมเท่านั้น อีกทางเลือกหนึ่งคือ วันภาคภูมิใจโรคออทิสติก ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองเพื่อตระหนักถึงความสำคัญของความภาคภูมิใจของผู้ที่เป็นโรคออทิซึม และการนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคมโดยรวม == องค์ประกอบ == มติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ มีองค์ประกอบหลักสี่ประการ: * การกำหนดให้วันที่ 2 เมษายนของทุกปี เป็นวันตระหนักรู้ออทิซึมโลก เริ่มต้นในปี ค.ศ. 2008 * การเชิญชวนให้รัฐสมาชิกและองค์กรอื่นที่เกี่ยวข้องกับสหประชาชาติ หรือระบบสังคมนานาชาติ รวมทั้งองค์การนอกภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับสาธารณชนเกี่ยวกับโรคออทิซึม * การสนับสนุนให้รัฐสมาชิกเพิ่มการตระหนักรู้ถึงโรคออทิซึม ในทุกระดับของสังคม * ขอให้เลขาธิการสหประชาชาติส่งข้อความนี้ไปยังรัฐสมาชิก และองค์กรของสหประชาชาติอื่น ๆ == ประเด็นหลัก == ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 เป็นต้นมา วันตระหนักรู้ออทิซึมโลกในแต่ละปี จะมุ่งเน้นไปที่หัวข้อเฉพาะที่กำหนดโดยสหประชาชาติ * 2012: "การเปิดตัวแสตมป์รณรงค์สร้างความตระหนักรู้ของสหประชาชาติอย่างเป็นทางการ" * 2013: "การเฉลิมฉลองความสามารถที่อยู่ในผู้เป็นโรคออทิซึม" * 2014: "การเปิดประตูสู่การรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งทางการศึกษา" * 2015: "การจ้างงาน: ประโยชน์ของผู้เป็นโรคออทิสซึม" * 2016: "ออทิสซึมและวาระแห่งปี ค.ศ. 2030: การรวมเป็นส่วนหนึ่งและความหลากหลายทางระบบประสาท" *2018: "การเพิ่มอำนาจสตรีและเด็กหญิงที่เป็นโรคออทิสซึม" * 2019: "เทคโนโลยีเพื่อการช่วยเหลือ, การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน" *2020: "การเปลี่ยนผ่านสู่วัยผู้ใหญ่" *2021: "การรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในที่ทำงาน" *2023: "การแลกเปลี่ยนเรื่องเล่า:การได้รับการสนับสนุนที่บ้าน ที่ทำงาน ในงานศิลปะ และการกำหนดนโยบาย" *2024: "การเปลี่ยนจากการเอาตัวรอดไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง:ผู้เป็นโรคออทิซึมร่วมแบ่งปันมุมมองร่วมกันในระดับภูมิภาค" *2025: "การส่งเสริมความหลากหลายทางระบบประสาทและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)" == วันซีเวนส์เดย์ == ในปี ค.ศ. 2014 วันตระหนักรู้ออทิซึมโลกตรงกับวันวันซีเวนส์เดย์ ซึ่งเป็นวันที่ก่อตั้งโดยสมาคมออทิซึมแห่งชาติ เพื่อกระตุ้นให้คนในอังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ แสดงการสนับสนุนผู้ที่เป็นโรคออทิซึมด้วยการสวมชุดวันซี (ชุดแบบชิ้นเดียวคล้ายผู้แสดงเป็นสัญลักษณ์นำโชค) หรือชุดนอนเพื่อแสดงความรู้สึกว่า "การเป็นคนที่แตกต่างไม่ใช่เรื่องเสียหาย" == ผลลัพธ์ในสหรัฐ == ในปี ค.ศ. 2015 ประธานาธิบดีบารัก โอบามา เน้นย้ำถึงความคิดริเริ่มที่รัฐบาลสหรัฐ กำลังดำเนินการเพื่อนำสิทธิมาสู่ผู้มีโรคออทิซึมและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคนี้ ผ่านบทบัญญัติต่าง ๆ เช่น รัฐบัญญัติคุ้มครองผู้ป่วยและการบริบาลที่เสียได้ ซึ่งห้ามบริษัทประกันสุขภาพปฏิเสธความคุ้มครองโดยอิงจากเงื่อนไขทางสุขภาพแต่กำเนิด เช่น โรคออทิสซึม นอกจากนี้ รัฐบัญญัติคุ้มครองผู้เป็นโรคออทิซึม ค.ศ. 2014 ยังกำหนดให้มีการฝึกอบรมระดับสูงขึ้นสำหรับผู้ดูแลผู้เป็นโรคออทิซึม เมื่อวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้อ่านคำประกาศเนื่องในวันตระหนักรู้ออทิซึมโลก ที่สหรัฐ อย่างไรก็ตาม เครือข่ายสนับสนุนตนเองด้านออทิสติก (ASAN) วิพากษ์วิจารณ์คำประกาศของทรัมป์ที่ไม่เน้นย้ำถึงการยอมรับ ไม่พูดถึงผู้ที่เป็นออทิสติกโดยตรง แต่มุ่งเน้นเฉพาะเด็ก และทรัมป์อ้างว่ามี "การเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกตะลึง" ของผู้เป็นโรคออทิซึม (โดยไม่พูดถึงสาเหตุจากมาตรฐานการวินิจฉัยที่เพิ่มมากขึ้น) และปกปิดนโยบายของรัฐบาลที่ไม่เป็นมิตรกับผู้เป็นโรคออทิซึม == ดูเพิ่ม == * วันคนพิการสากล == อ้างอิง == หมวดหมู่:วันสำคัญในเดือนเมษายน หมวดหมู่:วันตระหนักด้านสุขภาพ หมวดหมู่:วันสหประชาชาติ
1478131
https://th.wikipedia.org/wiki/แจอ์แฟร์_โซบฮอนี
แจอ์แฟร์ โซบฮอนี
แกรนด์อายะตุลลอฮ์ แจอ์แฟร์ โซบฮอนี (; เกิด 9 เมษายน ค.ศ. 1929) เป็นมัรญะอ์ชีอะฮ์สิบสองอิมามชาวอิหร่านที่เป็นนักเทววิทยาและนักเขียนผู้ทรงอิทธิพล โซบฮอนีเป็นอดีตสมาชิก Society of Seminary Teachers of Qom และผู้ก่อตั้งสถาปับอิหม่ามซอดิกที่โกม ==อ้างอิง== Category:บุคคลจากแทบรีซ
1478141
https://th.wikipedia.org/wiki/สถานเอกอัครราชทูตไทย_ณ_กรุงพนมเปญ
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ () เป็นคณะผู้แทนทางทูตของไทยในกัมพูชา ตั้งอยู่เลขที่ 196 ถนนพระนโรดม แขวงโตนเลบาสัก เขตจ็อมการ์มน พนมเปญ == ประวัติ == สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ได้เริ่มต้นหาที่ทำการแห่งแรกที่รัฐบาลไทยเป็นเจ้าของหลังจากสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2493 ในปี พ.ศ. 2534 คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนการสร้างอาคารสถานเอกอัคราชทูตและบ้านพักของเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชาในกรุงพนมเปญ นอกจากนี้ยังทำลายบริษัทและกิจการต่าง ๆ ของชาวไทย === การฟื้นฟูและเปิดทำการใหม่ === รัฐบาลกัมพูชาได้ชดใช้ค่าเสียหายจากการถูกเผาและทำลายสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เป็นจำนวนเงิน 6 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหลังจากได้รับเงินดังกล่าวไทยจึงได้ผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ กับกัมพูชา == รายละเอียด == สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ทำการวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 08.30 - 12.00 น. และ 13.30 - 16.30 น. (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) == ดูเพิ่ม == * ความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย * สถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == หมวดหมู่:ความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย หมวดหมู่:พนมเปญ
1478153
https://th.wikipedia.org/wiki/วันประกาศอิสรภาพแห่งชาติเกาหลี
วันประกาศอิสรภาพแห่งชาติเกาหลี
วันประกาศอิสรภาพแห่งชาติเกาหลี หรือ วันฉลองการปลดปล่อยคาบสมุทรเกาหลี เป็นวันหยุดราชการที่มีการเฉลิมฉลองเป็นประจำทุกปีในวันที่ 15 สิงหาคม ทั้งในเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เพื่อรำลึกถึงวันที่คาบสมุทรเกาหลีได้รับการปลดปล่อยจากจักรวรรดิญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1945 ภายหลังจากตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่นมาเป็นเวลาถึง 35 ปี โดยเป็นผลจากชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง วันดังกล่าวยังตรงกับวันสถาปนาสาธารณรัฐเกาหลีในปีเดียวกันอีกด้วย วันฉลองการปลดปล่อยเป็นวันหยุดทางการเมืองเพียงวันเดียวที่มีการเฉลิมฉลองร่วมกันทั้งในเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ == นิรุกติศาสตร์ == ในเกาหลีเหนือ วันดังกล่าวเรียกว่า ชโอกุกแฮบังอึย นัล () ในเกาหลีใต้ วันดังกล่าวเรียกว่า ควังบกจอล () คำว่า ควังบกจอล ใช้คำว่า “ฟื้นฟู” () แทนคำว่า “เอกราช” () เพื่อเน้นย้ำว่าเกาหลีมีเอกราชมาก่อนแล้วก่อนจะถูกญี่ปุ่นยึดครอง == ประวัติศาสตร์ == วันนี้ถือเป็นวันครบรอบประจำปีของการประกาศว่าญี่ปุ่นจะยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1945 กองกำลังทั้งหมดของกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่นได้รับคำสั่งให้ยอมจำนนต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ต่อมาในช่วงกลางเดือนกันยายน กองทัพสหรัฐฯ ได้ยกพลขึ้นบกในภาคใต้ของประเทศ และประกาศว่ารัฐบาลชั่วคราวนั้นเป็นโมฆะ วันที่ 15 สิงหาคม ยังถูกเฉลิมฉลองในหลายประเทศในฐานะวันชัยเหนือญี่ปุ่น (Victory over Japan Day) ซึ่งเป็นวันที่จักรพรรดิญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกาจะรำลึกถึงวันนี้ในเดือนกันยายน เมื่อมีการลงนามในเอกสารยอมจำนนอย่างเป็นทางการ วันหยุดนี้มักมีการเฉลิมฉลองด้วยขบวนพาเหรดทางทหารที่จัตุรัสคิม อิล-ซ็องในปีครบรอบใหญ่ (เช่น ครบ 25, 40, 50, 60, 70 ปี) โดยมีประธานคณะกรรมาธิการกิจการแห่งรัฐและผู้บัญชาการสูงสุดแห่งกองทัพเกาหลีเหนือเข้าร่วม ขบวนพาเหรดครั้งแรกจัดขึ้นในปี 1949 ที่สถานีเปียงยาง มีการจัดอีกครั้งในปี 1953 และจัดต่อเนื่องทุกปีจนถึงปี 1960 จากนั้นหยุดไปจนถึงช่วงต้นทศวรรษ 2000 === การเปลี่ยนเขตเวลาในปี 2015 === เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 2015 รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ตัดสินใจเปลี่ยนเขตเวลากลับไปใช้UTC+08:30 โดยมีผลในวันที่ 15 สิงหาคม 2015 และประกาศว่าเขตเวลาใหม่นี้จะมีชื่อว่า เวลาเปียงยาง (PYT) รัฐบาลเกาหลีเหนือระบุว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการ “ตัดขาดจากลัทธิจักรวรรดินิยม” โดยการเปลี่ยนแปลงเขตเวลาดังกล่าวมีผลในวันครบรอบ 70 ปีของการปลดปล่อยคาบสมุทรเกาหลี อย่างไรก็ตาม เกาหลีเหนือได้ยกเลิกการเปลี่ยนแปลงนี้ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2018 == เกาหลีใต้ == === วันหยุดราชการ === ในประเทศเกาหลีใต้ มีกิจกรรมและงานเฉลิมฉลองมากมายจัดขึ้นในวันหยุดนี้ รวมถึงพิธีการอย่างเป็นทางการที่ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเข้าร่วม ซึ่งจัดขึ้นที่หออนุสรณ์อิสรภาพแห่งเกาหลีในช็อนอัน หรือที่ศูนย์ศิลปะการแสดงเซจง ระหว่างงานเฉลิมฉลอง ธงชาติของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่แขวนอยู่บนถนนบริเวณจัมชิลดง ระหว่างสนามกีฬาสำหรับโอลิมปิกกรุงโซลกับสวนโอลิมปิกแห่งกรุงโซล จะถูกปลดลงและแทนที่ด้วยธงชาติของเกาหลีใต้ โดยปกติรัฐบาลจะออกการอภัยโทษพิเศษในวันกวังบกจอล === เหตุการณ์พยายามลอบสังหาร === เมื่อเวลา 10:23 น. ของวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1974 มุน เซ-กวัง ชาวเกาหลีในญี่ปุ่นและผู้ฝักใฝ่เกาหลีเหนือ พยายามลอบสังหารประธานาธิบดีพัก จ็อง-ฮี ณ โรงละครแห่งชาติเกาหลีในกรุงโซล ระหว่างพิธีวันกวังบกจอล แม้พักจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ภริยาของเขา ยุก ย็อง-ซู ซึ่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ในขณะนั้นเสียชีวิต == ดูเพิ่ม == * หอประชุมอิสรภาพแห่งเกาหลี * พิพิธภัณฑ์เรือนจำซอแดมุน == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == * South Korea Independence Day at Holidays around the World == แหล่งข้อมูลอื่น == * The Independence Hall of Korea * Gwangbokjeol Song at the Ministry of Patriots and Veterans Affairs หมวดหมู่:เหตุการณ์ในเกาหลี พ.ศ. 2488 หมวดหมู่:วันสำคัญในเดือนสิงหาคม หมวดหมู่:ขบวนการเอกราชเกาหลี หมวดหมู่:วันหยุดราชการในประเทศเกาหลีเหนือ หมวดหมู่:วันหยุดราชการในประเทศเกาหลีใต้ หมวดหมู่:วันแห่งชัยชนะ หมวดหมู่:ฤดูร้อนในประเทศเกาหลีใต้ หมวดหมู่:ฤดูร้อนในประเทศเกาหลีเหนือ หมวดหมู่:จุดสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง
1478156
https://th.wikipedia.org/wiki/หอสมุดคาร์เนกี
หอสมุดคาร์เนกี
หอสมุดคาร์เนกีแห่งแรกในดันเฟิร์มลิน ประเทศสกอตแลนด์ ห้องสมุดสาธารณะคาร์เนกีที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1902 ในฮันติงตัน รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ตั้งแต่ ค.ศ. 1899 เป็นต้นมา มูลนิธิของคาร์เนกีได้ให้ทุนสนับสนุนในการสร้างหอสมุดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการเติบโตของสโมสรสตรีในช่วงหลังสงครามกลางเมือง สโมสรนี้เป็นผู้นำในการจัดระเบียบความพยายามของท้องถิ่นในการจัดตั้งหอสมุด รวมถึงการระดมทุนในระยะยาวและการวิ่งเต้นภายในท้องถิ่นของตนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานและคลังทรัพยากรในหอสมุด พวกเขาเป็นผู้นำในการจัดตั้งห้องสมุดราวร้อยละ 75-80 ในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ คาร์เนกีมีความเชื่อในการให้แก่ "ผู้ที่ขยันขันแข็งและทะเยอทะยาน ไม่ใช่ผู้ที่ต้องการให้ทำทุกอย่างให้ แต่เป็นผู้ที่มีความขวนขวายและสามารถช่วยเหลือตนเองได้มากที่สุด [เขา]สมควรได้รับ[มัน]และ[เขา]จะได้รับประโยชน์จากความช่วยเหลือจากผู้อื่น" ภายใต้การแบ่งแยกเชื้อชาติ คนผิวดำส่วนใหญ่มักถูกปฏิเสธการเข้าถึงห้องสมุดสาธารณะในตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา แทนที่จะให้มีการรวมกลุ่มทางเชื้อชาติในหอสมุดของเขา คาร์เนกีกลับให้ทุนสร้างหอสมุดแยกต่างหากสำหรับคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในพื้นที่ดังกล่าว เช่น ในฮิวสตัน เขาได้ให้ทุนสนับสนุนสร้างหอสมุดคาร์เนกีสำหรับคนผิวสีแยกต่างหาก ห้องสมุดคาร์เนกีในสะวันนา รัฐจอร์เจีย เปิดให้บริการใน ค.ศ. 1914 เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยที่เป็นคนผิวดำซึ่งถูกแยกออกจากห้องสมุดสาธารณะที่แบ่งแยกคนผิวขาว สมาคมห้องสมุดคนผิวสีแห่งเมืองสะวันนาซึ่งเป็นองค์กรเอกชนได้ระดมทุนและรวบรวมหนังสือเพื่อจัดตั้งห้องสมุดขนาดเล็กสำหรับพลเมืองผิวสี หลังจากแสดงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนห้องสมุดแล้ว สมาคมดังกล่าวได้ยื่นคำร้องและรับเงินสนับสนุนจากคาร์เนกี แคลเรนซ์ โทมัส ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐ เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาที่เผยแพร่เมื่อ ค.ศ. 2008 ว่าเขาเมื่อยังเป็นเด็กมักจะใช้ห้องสมุดแห่งนี้ก่อนที่ระบบห้องสมุดสาธารณะจะยกเลิกการแบ่งแยกสีผิว อาคารหอสมุดสร้างขึ้นในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น โบซาร์ เรอแนซ็องส์อิตาลี บารอก ฟื้นฟูคลาสสิก และอาณานิคมสเปน เพื่อปรับปรุงรูปลักษณ์ในฐานะอาคารสาธารณะ เป็นรูปแบบหนึ่งที่ใช้ในห้องสมุดในประเทศสกอตแลนด์ ส่วนในสกอตแลนด์ บ้านเกิดของคาร์เนกี ยังมีการเลือกใช้รูปแบบบารอนสกอตติชอีกด้วย โดยชุมชนเป็นผู้เลือกรูปแบบของอาคาร เมื่อเวลาผ่านไป เจมส์ เบอร์แทรม เลขานุการของคาร์เนกี เริ่มมีความอดทนน้อยลงในการอนุมัติการออกแบบที่ไม่ถูกใจเขา เอ็ดเวิร์ด ลิปปินคอตต์ ทิลตัน เพื่อนที่เบอร์แทรมแนะนำบ่อยครั้ง มักออกแบบอาคารหอสมุดที่สร้างขึ้นหลายแห่ง สถาปัตยกรรมโดยทั่วไปมักเรียบง่ายและเป็นทางการ ต้อนรับผู้ใช้บริการผ่านประตูทางเข้าที่โดดเด่น ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องผ่านบันไดจากระดับพื้นดิน บันไดทางเข้าเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการยกระดับบุคคลด้วยการเรียนรู้ ในทำนองเดียวกัน หอสมุดส่วนใหญ่มีเสาไฟฟ้าหรือโคมไฟติดตั้งไว้ใกล้ทางเข้า แสดงถึงสัญลักษณ์แห่งการตรัสรู้ ในยุคนั้น เงินอุดหนุนของคาร์เนกีมีมูลค่าสูงมาก และงานการกุศลหอสมุดของเขาถือเป็นกิจกรรมการกุศลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ คาร์เนกียังคงให้เงินทุนสนับสนุนหอสมุดใหม่กระทั่งช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนการเสียชีวิตของเขาใน ค.ศ. 1919 หอสมุดสร้างขึ้นในเมืองต่าง ๆ ในบริเตนใหญ่และประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ โดยมีการใช้เงินเกือบ 56.2 ล้านดอลลาร์ในการก่อสร้างหอสมุด 2,509 แห่งทั่วโลก ในจำนวนดังกล่าว มีการบริจาคเงิน 40 ล้านดอลลาร์สำหรับการก่อสร้างอาคารหอสมุดสาธารณะ 1,670 แห่งในชุมชน 1,412 แห่งในอเมริกา เมืองขนาดเล็กหลาย ๆ แห่งได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 ดอลลาร์ ช่วยให้ท้องถิ่นสามารถสร้างหอสมุดขนาดใหญ่ซึ่งกลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญที่สุดของเมืองในชุมชนหลายร้อยแห่งโดยทันที == ภูมิหลัง == alt=Carnegie Library, built in 1901 in Guthrie, Oklahoma| หอสมุดคาร์เนกีที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1901 ในกัทรี รัฐโอคลาโฮมา ไฟล์:Akron_Public_Library_(Akron,_Ohio).jpg|alt=Carnegie Library, built in 1904 in Akron, Ohio| หอสมุดคาร์เนกีที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1904 ในแอครอน รัฐโอไฮโอ ไฟล์:Tyler_carnegie_library.jpg|alt=Carnegie Public Library, built in 1904 in Tyler, Texas| หอสมุดสาธารณะคาร์เนกีที่สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1904 ในไทเลอร์ รัฐเท็กซัส ไฟล์:Hokitika_Museum_248.JPG|alt=Carnegie Library, built in 1908 in Hokitika, New Zealand| หอสมุดคาร์เนกีที่สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1908 ในโฮกิติกา ประเทศนิวซีแลนด์ ไฟล์:Kilkenny_Carnegie_library.jpg|alt=Kilkenny Carnegie Library, built in 1910 in Kilkenny, Ireland| หองสมุดคาร์เนกีเมืองคิลเคนนี สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1910 ในคิลเคนนี ไอร์แลนด์ ไฟล์:West_Tampa_Free_Public_Library.jpg|alt=West Tampa Free Public Library, built in 1914 in Tampa, Florida| หอสมุดสาธารณะเสรีเวสต์แทมปา สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1914 ในแทมปา รัฐฟลอริดา ไฟล์:Beaumont_Library_District,_Beaumont,_CA,_bld2.jpg|alt=Beaumont Library built in 1914 in Beaumont, California| หอสมุดโบมอนต์ สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1914 ในโบมอนต์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ไฟล์:St._Pete_Mirror_Lake_Library02.jpg|alt=St. Petersburg Public Library, built in 1915 in St. Petersburg, Florida| หอสมุดสาธารณะเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1915 ในเซนต์ปีเตอส์เบิร์ก รัฐฟลอริดา ไฟล์:Bayliss_Carnegie_Library_(April_2023)-3563.jpg|alt=Bayliss Library, built in 1917 in Glenn County, California| หอสมุดเบลิสส์ สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1917 ในเกลนน์เคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย ไฟล์:Univerzitetska_biblioteka,_Beograd_05.jpg|alt=Carnegie Library, built in 1921 in Belgrade, Serbia| หอสมุดคาร์เนกีที่สร้างขึ้นในค.ศ. 1921 ในเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย == หมายเหตุ == == บรรณานุกรม == * Anderson, Florence (1963). Carnegie Corporation Library Program, 1911-1961... (Carnegie Corporation of New York) * Black, A., & Prizeman, O. (2021). "A Reassessment of the Design of Carnegie Public Library Buildings with a View to Their Future Use: The Case of Evanston Public Library, Illinois" (1908). IFLA Journal 47, no. 4: 444-452. * Bobinski, George S. (1968). "Carnegie Libraries: Their History and Impact on American Public Library Development." ALA Bulletin 62, no. 11 (December 1968): 1361-1367. in JSTOR * Ditzion, Sidney. (1947). Arsenals of a Democratic Culture: A Social History of the American Public Library Movement in New England and the Middle States from 1850 to 1900 (American Library Association). * Fultz, Michael (2006). "Black Public Libraries in the South in the Era of de jure Segregation" Libraries & the Cultural Record 41, no. 3: 337-359. * Garrison, Dee (1979). Apostles of Culture: The Public Librarian and American Society, 1876-1920 (New York: Free Press). * Grimes, Brendan. (1998). Irish Carnegie Libraries: A Catalogue and Architectural History. (Irish Academic Press). * Harris, Michael (1974). "The Purpose of the American Public Library, A Revisionist Interpretation of History" Library Journal 98: 2509-2514. * Jones, Theodore (1997). Carnegie Libraries Across America: A Public Legacy, John Wiley & Sons. * Kevane, M.J. and W.A. Sundstrom, Public Libraries and Political Participation, 1870-1940 Santa Clara University Scholar Commons (2016); uses advanced statistics to find a new library had no effect on voter turnout * Kevane, Michael, & Sundstrom, William A. (2014). "The Development of Public Libraries in the United States, 1870-1930: A Quantitative Assessment" Information and Culture, 49, no. 2, 117-144. * Lorenzen, Michael (1999). "Deconstructing the Carnegie Libraries: The Sociological Reasons Behind Carnegie's Millions to Public Libraries", Illinois Libraries. 81, no. 2: 75-78. * Martin, Robert Sidney. (1993) Carnegie Denied: Communities rejecting Carnegie Library Construction Grants, 1898-1925 (Greenwood Press) * Miner, Curtis (1990) "The 'Deserted Parthenon': Class, Culture and the Carnegie Library of Homestead, 1898-1937." Pennsylvania History 52, no. 2 (April 1990): 107-135. in JSTOR * Nasaw, David (2006). Andrew Carnegie. New York: Penguin Press. * Pollak, Oliver B. (2005). ''A State of Readers, Nebraska's Carnegie Libraries, (Lincoln: J. & L. Lee Publishers). * Prizeman, Oriel (2013). Philanthropy and Light: Carnegie Libraries and the Advent of Transatlantic Standards for Public Space (Ashgate). * Swetman, Susan H. (1991). "Pro-Carnegie library arguments and contemporary Concerns in the Intermountain West." Journal of the West 30, no. 3, 63-68. * Van Slyke, Abigail A. (1995). Free to All: Carnegie Libraries & American Culture, 1890-1920. (University of Chicago Press) * Watson, Paula D. (1996). "Carnegie Ladies, Lady Carnegies : Women and the Building of Libraries." Libraries & Culture'' 31, no. 1 (Winter 1996): 159-196. * Watson, Paula D. (1994). "Founding Mothers: The Contribution of Women's Organizations to Public Library Development in the United States" Library Quarterly 64, no. 3 (July 1994): 233-270. * Wiegand, Wayne A. (2011). Main Street Public Library: Community Places and Reading Spaces in the Rural Heartland, 1876-1956 (University of Iowa Press). == แหล่งข้อมูลอื่น == * มอลลี สกิน (5 มีนาคม 2004) "ห้องสมุดคาร์เนกีของอเมริกาปรับตัวเพื่ออยู่รอดอย่างไร" Preservation Online * ห้องสมุดคาร์เนกีแห่งสกอตแลนด์ - สถานที่สำคัญในวรรณกรรม หมวดหมู่:การให้ หมวดหมู่:ห้องสมุด
1478160
https://th.wikipedia.org/wiki/คณะผู้บริหารสูงสุดประจำกรมการเมืองพรรคแรงงานเกาหลี
คณะผู้บริหารสูงสุดประจำกรมการเมืองพรรคแรงงานเกาหลี
คณะผู้บริหารสูงสุดประจำกรมการเมืองพรรคแรงงานเกาหลี หรือเรียกอย่างง่ายว่า เปรซิเดียม และเดิมเรียกว่า คณะกรรมาธิการสามัญ (1946-61) เป็นคณะกรรมาธิการที่ประกอบด้วยผู้นำระดับสูงของพรรคแรงงานเกาหลี ในอดีต มีสมาชิกตั้งแต่หนึ่งถึงห้าคน และปัจจุบันมีสมาชิกห้าคน วัตถุประสงค์ที่ได้รับมอบอำนาจอย่างเป็นทางการคือการดำเนินการอภิปรายนโยบายและตัดสินใจในประเด็นสำคัญเมื่อกรมการเมือง องค์กรตัดสินใจขนาดใหญ่กว่าไม่ได้อยู่ในสมัยประชุม แม้ในทางทฤษฎีแล้วคณะผู้บริหารสูงสุดจะรายงานต่อกรมการเมือง ซึ่งกรมการเมืองจะรายงานต่อคณะกรรมาธิการกลางที่ใหญ่กว่า แต่ในทางปฏิบัติ คณะผู้บริหารสูงสุดมีอำนาจสูงสุดเหนือองค์กรแม่ของตนและทำหน้าที่เป็นองค์กรตัดสินใจที่ทรงอำนาจที่สุดในเกาหลีเหนือ บทบาทของคณะกรรมาธิการนี้มีความคล้ายคลึงกับคณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน == ประวัติศาสตร์ == คณะผู้บริหารสูงสุดได้รับการฟื้นฟูในการประชุมพรรคครั้งที่ 3 โดยมีการแต่งตั้งสมาชิกใหม่ 4 คน ได้แก่ คิม ย็อง-นัม (ประธานคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาประชาชนสูงสุด และประมุขแห่งรัฐ), ชเว ย็อง-ริม (นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารัฐบาล), รองจอมพล โช มย็อง-รก (ผู้อำนวยการกรมการเมืองทั่วไปกองทัพประชาชนเกาหลี) และรองจอมพล รี ย็อง-โฮ (ประธานคณะเสนาธิการใหญ่) การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทหารสองคนนี้ ผู้สังเกตการณ์ภายนอกมองว่าสอดคล้องกับนโยบายทหารมาก่อน เชื่อกันว่าในขณะนั้น รี ย็อง-โฮเป็นผู้คุ้มกันทางทหารส่วนตัวของคิม จ็อง-อึน คล้ายกับบทบาทของโอ จิน-อูในช่วงแรกของการปกครองของคิม จ็อง-อิล ต่อมาในการประชุมพรรคครั้งที่ 4 รองจอมพล ชเว รยง-แฮ ก็ได้รับแต่งตั้งเข้าสู่คณะกรรมาธิการสามัญฯ == สมาชิกปัจจุบัน == ==อ้างอิง== ===เชิงอรรถ=== ===บรรณานุกรม=== หมวดหมู่:กรมการเมืองพรรคแรงงานเกาหลี หมวดหมู่:การเมืองเกาหลีเหนือ
1478162
https://th.wikipedia.org/wiki/โรงงานซึงรีมอเตอร์
โรงงานซึงรีมอเตอร์
รถบรรทุกซึงรี-58 โรงงานซึงรีมอเตอร์ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1950 ในชื่อ โรงงานท็อกช็อนมอเตอร์ (덕천자동차공장) โดยผลิตรถยนต์คันแรกคือรถบรรทุกรุ่น ซึงรี-58 (Sungri-58) ใน ค.ศ. 1958 ใน ค.ศ. 1975 โรงงานแห่งนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงงานซึงรีมอเตอร์ (ซึงรีในภาษาเกาหลีหมายถึงชัยชนะ) ใน ค.ศ. 1980 รัฐบาลรายงานว่ามีกำลังการผลิตรถยนต์ 20,000 คันต่อปี อย่างไรก็ตาม อัตราการผลิตจริงน่าจะอยู่ที่ประมาณ 6,000 ถึง 7,000 คันต่อปี ใน ค.ศ. 1996 การผลิตได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากความยากลำบากทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยผลิตได้เพียงประมาณ 150 คัน ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 มีรายงานว่าโรงงานซึงรีมอเตอร์มีอาคารผลิตแห่งใหม่ * ค็อนชุก (건축 - 'การก่อสร้าง') ==รุ่นรถบรรทุก== * คึมซูซัน (금수산 - 'ภูเขาคึมซู') - รถดัมป์สำหรับงานก่อสร้างขนาด 40 ตันจากปี 1979 ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1958 ต่อมามีการดัดแปลงรุ่นซึงรี-58KA และซึงรี-58NA (ขับเคลื่อนสี่ล้อ) โดยมีห้องโดยสารใหม่ปรากฏขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 * ซึงรี-60/10.10) - รถบรรทุก 6×6 ขนาดใหญ่จากปี 1960 มีน้ำหนักบรรทุก 10 ตัน และถูกใช้เป็นหลักในทางทหาร รถบรรทุกรุ่นนี้ปรากฏอยู่บนแสตมป์ของเกาหลีเหนือตั้งแต่ปี 1961 * ซึงรี-61 - อิงจากรถบรรทุก GAZ-63 (ГАЗ-63) เป็นรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อของซึงรี-58 ถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในปี 1961 * ซึงรีซัน/ค็อนซอร์-25 ('ภูเขาแห่งชัยชนะ'/'การก่อสร้าง') - รถดัมป์ขนาด 25 ตันจากปี 1970 อิงจากรถบรรทุก BelAZ ต่อมาถูกสร้างขึ้นโดยโรงงานยนตรกิจ 30 มีนาคม == ดูเพิ่ม == * อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศเกาหลีเหนือ * เศรษฐกิจเกาหลีเหนือ == อ้างงิง == หมวดหมู่:ผู้ผลิตยานยนต์ของเกาหลีเหนือ หมวดหมู่:บริษัทผลิตยานยนต์ที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2493 หมวดหมู่:ท็อกช็อน
1478167
https://th.wikipedia.org/wiki/มิถุนายน_พ.ศ._2568
มิถุนายน พ.ศ. 2568
มิถุนายน พุทธศักราช 2568 เป็นเดือนที่ 6 ของปี พ.ศ. 2568 วันแรกของเดือนเป็นวันอาทิตย์ วันสุดท้ายของเดือนเป็นวันจันทร์ == สถานีย่อย:เหตุการณ์ปัจจุบัน == หมวดหมู่:มิถุนายน
1478173
https://th.wikipedia.org/wiki/พย็องฮวามอเตอส์
พย็องฮวามอเตอส์
พย็องฮวามอเตอส์ ( - คำในภาษาเกาหลีแปลว่า "สันติภาพ") หรือสะกดว่า Pyonghwa เป็นหนึ่งในสองผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของเกาหลีเหนือร่วมกับโรงงานซึงรีมอเตอร์ (Sungri Motor Plant) ก่อน ค.ศ. 2013 บริษัทนี้เคยเป็นกิจการร่วมค้าในนัมโพระหว่างพย็องฮวามอเตอส์ของโซล (เกาหลีใต้) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การครอบครองของโบสถ์แห่งความสามัคคีของซ็อน มย็อง-มุน และรย็องบงเจเนรัลคอร์ปของเกาหลีเหนือ กิจการร่วมค้านี้ผลิตรถยนต์ขนาดเล็กภายใต้ใบอนุญาตจากเฟียตและบริลเลียนซ์ไชนาออโต รวมถึงรถกระบะและจำเป็นต้องอ้างอิง] ตั้งแต่ ค.ศ. 2013 บริษัทนี้ได้กลายเป็นของรัฐเกาหลีเหนืออย่างสมบูรณ์ เอริก ฟาน อินเกน เชเนา ผู้เขียนหนังสือ Automobiles Made in North Korea () ประมาณการว่ายอดการผลิตรวมของบริษัทใน ค.ศ. 2005 อยู่ที่ไม่เกินประมาณ 400 คัน ==ประวัติศาสตร์== พย็องฮวามอเตอส์ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการโดยโบสถ์แห่งความสามัคคี ซึ่งสายการผลิตแห่งแรกในนัมโพได้เสร็จสมบูรณ์และมีการผลิตรถยนต์ Hwiparam คันแรกออกมา ต่อมาใน ค.ศ. 2004 ก็มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นพรีมิโอและพรอนโต ใน ค.ศ. 2009 พย็องฮวามอเตอส์มีรายได้ประมาณ 700,000 ดอลลาร์จากการขายรถยนต์ 650 คัน โดยในจำนวนนี้มีการส่งเงินกลับไปยังเกาหลีใต้ 500,000 ดอลลาร์ ==รายชื่อรุ่นรถ== ป้ายโฆษณาของพย็องฮวามอเตอส์ที่แสดงภาพฮวีพารัม File:Pyonghwa Pyongyang.JPG|ป้ายโฆษณาของ "พย็องฮวามอเตอส์" ในเปียงยาง == ดูเพิ่ม == * โบสถ์แห่งความสามัคคีและเกาหลีเหนือ == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == * โบรชัวร์พย็องฮวา (PDF) บนเว็บไซต์สมาคมมิตรภาพเกาหลี * ภาพถ่ายรถยนต์เกาหลีเหนือ รวมถึงรุ่นพยองฮวาที่รวบรวมโดยผู้เขียน Automobiles Made in North Korea'' * วิดีโอโฆษณาของพย็องฮวามอเตอส์ * ที่ตั้งโรงงานพย็องฮวามอเตอส์ในนัมโพ: หมวดหมู่:นัมโพ หมวดหมู่:องค์กรในเครือโบสถ์แห่งความสามัคคี หมวดหมู่:ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับโบสถ์แห่งความสามัคคี หมวดหมู่:ผู้ผลิตยานยนต์ของเกาหลีเหนือ หมวดหมู่:บริษัทผู้ผลิตที่ตั้งอยู่ในโซล หมวดหมู่:ผู้ผลิตยานยนต์หรูหรา หมวดหมู่:บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2542 หมวดหมู่: ความสัมพันธ์เกาหลีเหนือ-เกาหลีใต้ หมวดหมู่:บริษัทของรัฐบาลเกาหลีเหนือ หมวดหมู่:ก่อตั้งในประเทศเกาหลีเหนือในปี พ.ศ. 2542
1478184
https://th.wikipedia.org/wiki/โรงเบียร์แทดงกัง
โรงเบียร์แทดงกัง
thumbnail|แทดงกังเบอร์ 2 ขนาด 640 มล. File:Taedonggangbeer.jpg|แทดงกังขนาด 500 มล. == ดูเพิ่ม == * เบียร์ในประเทศเกาหลีเหนือ * อาหารเกาหลี == อ้างอิง == === ผลงานที่อ้างถึง === == แหล่งข้อมูลอื่น == * เรตเบียร์: โรงเบียร์แทดงกัง * เปียงยางรีพอร์ต: คุณอยากดื่มเบียร์แทดงกังไหม? * บทความ "Pyongyang Watch: Beer Leader" ของเอเชียไทมส์ * โฆษณาทางโทรทัศน์ของเบียร์แทดงกัง เก็บถาวรที่ Ghostarchive.org เมื่อ 29 เมษายน 2022 หมวดหมู่:เบียร์ในประเทศเกาหลีเหนือ หมวดหมู่:บริษัทอาหารและเครื่องดื่มในเกาหลีเหนือ หมวดหมู่:บริษัทอาหารและเครื่องดื่มที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2545 หมวดหมู่:บริษัทที่ตั้งอยู่ในเปียงยาง
1478186
https://th.wikipedia.org/wiki/แทดงกัง
แทดงกัง
แทดงกัง () เป็นยี่ห้อเบียร์ของเกาหลีเหนือที่ผลิตโดยบริษัทโรงเบียร์แทดงกังของรัฐบาลและตั้งอยู่ในเปียงยาง แม้จะมีเบียร์ถึงสี่ยี่ห้อที่วางตลาดภายใต้ชื่อแทดงกัง แต่ยี่ห้อที่รู้จักกันทั่วไปว่า "เบียร์แทดงกัง" นั้นหมายถึงชนิดที่ได้อธิบายไว้ด้านล่าง == ประวัติศาสตร์ == thumb|เบียร์แทดงกังหนึ่งขวดและแก้ว ใน ค.ศ. 2000 รัฐบาลเกาหลีเหนือตัดสินใจซื้อโรงเบียร์ ในตอนนั้น ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีกับชาติตะวันตกผ่านการติดต่อกับเยอรมนี รัฐบาลเกาหลีเหนือซื้อโรงเบียร์ที่ยังคงอยู่และใช้งานได้ของบริษัทอัชเชอร์แห่งโทรว์บริดจ์ (Ushers of Trowbridge) ในโทรว์บริดจ์ วิลต์เชอร์ ประเทศอังกฤษ ซึ่งปิดกิจการไปแล้วในราคา 1.5 ล้านปอนด์ผ่านนายหน้าชื่ออูเว โอมส์ ปีเตอร์ วอร์ด จากบริษัทโรงเบียร์ทอมัส ฮาร์ดี บริวอิงแอนด์แพ็กเกจจิง (Thomas Hardy Brewing and Packaging) ซื้อโรงงานนี้หลังได้รับคำยืนยันว่าโรงงานจะไม่ถูกนำไปใช้ในการผลิตอาวุธเคมีและจัดการให้ทีมงานจากเกาหลีเหนือเดินทางมาที่โทรว์บริดจ์เพื่อรื้อถอนชิ้นส่วนต่าง ๆ โรงเบียร์นี้ได้รับการติดตั้งใหม่และเริ่มดำเนินการผลิตได้ตั้งแต่ ค.ศ. 2002 โดยใช้เทคโนโลยีควบคุมการผลิตเบียร์ด้วยคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในเยอรมนี และตั้งแต่นั้นมา เกาหลีเหนือก็มีเบียร์ใช้บริโภคอย่างต่อเนื่อง วันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 มีการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งเกาหลี (เคซีทีวี) ซึ่งเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมาก เนื่องจากไม่ค่อยมีโฆษณาทางโทรทัศน์ของเกาหลีเหนือเลย โฆษณาชิ้นนี้แสดงภาพช่างเทคนิคกำลังชิมเบียร์และขวดเบียร์ที่ลอยอยู่ในอวกาศ พวยพุ่งฟองออกมาคล้ายกับการยิงขีปนาวุธ ซึ่งขีปนาวุธแทโพดง (Taepodong) ของเกาหลีเหนือบางครั้งก็ถูกเรียกว่า "แทดง" โฆษณาชิ้นนี้ออกอากาศไปทั้งหมดสามครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ. 2016 เบียร์นี้มีวางจำหน่ายในประเทศจีนในปริมาณจำกัด == ลักษณะผลิตภัณฑ์ == รีวิวเบียร์แทดงกังในปัจจุบันยังคงมีความเห็นที่หลากหลาย ลาเกอร์สไตล์พิลส์เนอร์ที่หาดื่มได้ทั่วไปนั้น เดอะนิวยอร์กไทมส์ อธิบายว่าเป็น "ลาเกอร์รสชาติเข้มข้น ออกหวานเล็กน้อย และมีรสขมติดปลายลิ้น" และ "เป็นหนึ่งในเบียร์คุณภาพสูงที่สุดบนคาบสมุทร [เกาหลี] มาหลายปีแล้ว" อย่างไรก็ตาม สตีเวน อีแวนส์ ผู้สื่อข่าวของบีบีซีประจำเกาหลีให้ความเห็นไว้ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2016 ว่า "เป็นเบียร์ที่พอใช้ได้ ออกจะจืดชืดไปหน่อยสำหรับลิ้นของผมที่คุ้นเคยกับเบียร์อังกฤษที่รสชาติเยี่ยมยอด - ออกจะคล้ายกับเบียร์อเมริกันที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก รสชาติจืดชืดเหมือนน้ำล้างจานในความคิดเห็นของผม" รีวิวเบียร์บราวน์เอลของแทดงกังจากฟินแลนด์ระบุว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ร้อยละ 5 และมีรสชาติขมกว่าเบียร์เอเชียส่วนใหญ่ค่อนข้างมาก ส่วนลาเกอร์ของแทดงกังมีลักษณะคล้ายกับเอลของอังกฤษ เบียร์แทดงกังตั้งชื่อตามแม่น้ำแทดง ซึ่งไหลผ่านใจกลางเมืองหลวงของเปียงยาง ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001, ISO 22000 และ HACCP == ประเภท == เบียร์แทดงกังมีการจัดเรียงตามปริมาณมอลต์ที่บรรจุอยู่ โดยมีตัวเลขตั้งแต่ "7" ถึง "1" ชนิดที่ "1" ทำจากมอลต์ล้วน และชนิดที่ "5" ทำจากข้าวล้วน จากชนิดที่ "1" ถึง "5" ยิ่งตัวเลขสูงขึ้นเท่าไรก็ยิ่งมีข้าวมากขึ้นและมีมอลต์น้อยลงเท่านั้น ชนิดที่ "6" และ "7" เป็นเบียร์ดำ โดยชนิดที่ "6" ทำจากมอลต์มากกว่าเล็กน้อย ส่วนเบียร์แทดงกังชนิดที่ "1" และ "2" ที่ส่งออกไปยังจีนแผ่นดินใหญ่มีขนาด 500 มิลลิลิตร (18 ออนซ์อิมพีเรียล; 17 ออนซ์สหรัฐ) ต่างจากรุ่นที่ขายในเกาหลีเหนือที่มีขนาด 600 มิลลิลิตร (21 ออนซ์อิมพีเรียล; 20 ออนซ์สหรัฐ) และมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์แตกต่างกัน == การจำหน่าย == เบียร์แทดงกังมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้บริโภคในประเทศ แต่ก็เคยมีการส่งออกไปยังเกาหลีใต้ในช่วงนโยบายตะวันฉายแสง การส่งออกไปยังเกาหลีใต้ในปริมาณจำกัดเริ่มขึ้นใน ค.ศ. 2005 โดยมีบริษัทวินเทจโคเรีย ซึ่งตั้งอยู่ในดกอก เขตคังนัม โซล เป็นผู้นำเข้า ในช่วงกลาง ค.ศ. 2007 การจำหน่ายเบียร์แทดงกังในเกาหลีใต้เริ่มลดน้อยลงและปัจจุบันเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าไม่มีการนำเข้ามายังประเทศอีกแล้วหลังโรงเบียร์ขึ้นราคาถึงร้อยละ 70 โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ตามคำบอกเล่าของชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในเกาหลีเหนือ เบียร์ยี่ห้อนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด และมีการเสิร์ฟอย่างแพร่หลายในร้านอาหาร บาร์ และโรงแรมในเปียงยางที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเบียร์ขวดเล็กมีราคาประมาณ 0.5 ยูโร == ดูเพิ่ม == *เบียร์ในประเทศเกาหลีเหนือ *โรงเบียร์แทดงกัง == อ้างอิง == === ผลงานที่อ้างถึง === == แหล่งข้อมูงอื่น== *เรตเบียร์: โรงเบียร์แทดงกัง * เปียงยางรีพอร์ต: คุณอยากดื่มเบียร์แทดงกังไหม? * "Pyongyang Watch: Beer Leader" บทความ เอเชียไทมส์ *"เบียร์ที่ผลิตในเกาหลีเหนือได้รับความนิยม" ที่เนนารา หมวดหมู่:เบียร์ในประเทศเกาหลีเหนือ หมวดหมู่:เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกาหลี หมวดหมู่:ยี่ห้อเบียร์ หมวดหมู่:อาหารเกาหลีเหนือ
1478192
https://th.wikipedia.org/wiki/วีไอพี_(สควิดเกม_เล่นลุ้นตาย)
วีไอพี (สควิดเกม เล่นลุ้นตาย)
วีไอพี เป็นตัวร้ายหลักของซีรีส์ดราม่าจากเกาหลีใต้ใน เน็ตฟลิกซ์ เรื่อง สควิดเกม เล่นลุ้นตาย โดยปรากฏตัวครั้งแรกในตอนที่ 7 ซึ่งตั้งชื่อตามพวกเขา วีไอพี เป็นกลุ่มบุคคลผู้มั่งคั่งซึ่งปกปิดตัวตนด้วยหน้ากาก และเป็นผู้ให้เงินทุนสำหรับการแข่งขันเกมเอาชีวิตรอด โดยมีเงินรางวัลรวมกว่า พันล้านวอน เดิมที วีไอพี เป็นกลุ่มคนร่ำรวยที่ใช้ชีวิตอย่างเบื่อหน่ายและไม่รู้จะใช้เงินอย่างไร จนกระทั่ง โอ อิล-นัม เสนอแนวคิดในการสร้างเกมเหล่านี้เพื่อความบันเทิงและการลงทุน พวกเขาวางเดิมพันกับผู้เข้าแข่งขันที่คิดว่าจะชนะ และเดินทางมาชมการแข่งขันรอบสุดท้ายด้วยตนเอง กระแสตอบรับต่อ วีไอพี มีทั้งแง่บวกและลบ ขณะที่บางคนชื่นชมการใช้ตัวละครเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความโลภและความฟุ่มเฟือย แต่ก็มีผู้ชมจำนวนมากวิจารณ์บทพูดและการแสดงที่แข็งทื่อของนักแสดงที่พูดภาษาอังกฤษ ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากนักแสดงชาวเกาหลีในเรื่อง == ประวัติ == === ภูมิหลัง === วีไอพี คือกลุ่มบุคคลจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินของเกม โดยรับชมและวางเดิมพันกับผู้เข้าแข่งขันเพื่อความบันเทิง ระหว่างการแข่งขัน วีไอพี มักติดต่อกับ ฟรอนต์แมน ทางโทรศัพท์ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ของเกมที่สวมหน้ากากตามลำดับชั้น วีไอพี ก็สวมหน้ากากสีทองในรูปทรงสัตว์ต่าง ๆ เช่น สิงโต วัว และกวาง ในซีรีส์ หน้ากากของ วีไอพี เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง อำนาจ และยังช่วยรักษาความเป็นนิรนาม หน้ากากสัตว์แต่ละแบบยังสื่อถึงลักษณะของผู้สวมใส่และย้ำถึงความแตกต่างจากผู้เล่นและเจ้าหน้าที่ในเกม === สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ฤดูกาลที่ 1 === เมื่อการแข่งขันเหลืออีกเพียงสองเกม วีไอพี หกคนเดินทางมายังเกาะเพื่อรับชมการแข่งขันรอบสุดท้ายและพบกับ ฟรอนต์แมน ในวันที่มีการแข่งขันเกมที่ห้า พวกเขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับเกม “สะพานกระจก” ที่ผู้เล่นต้องเลือกกระเบื้องกระจกที่ถูกต้อง มิฉะนั้นจะตกลงไปจนเสียชีวิต ระหว่างเกม วีไอพี รับชมอย่างสบายใจพร้อมพูดคุยกันอย่างหยอกล้อเกี่ยวกับชะตากรรมของผู้เข้าแข่งขัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฮวัง จุน-โฮ ซึ่งปลอมตัวแฝงตัวอยู่บนเกาะเพื่อสืบหาเบาะแสพี่ชายของตน ได้รับความสนใจจาก วีไอพี คนหนึ่ง ซึ่งเชิญเขาไปที่ห้องส่วนตัวและพยายามล่วงละเมิดทางเพศ แต่จุนโฮกลับควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ ใช้อาวุธขู่บังคับให้ วีไอพี เผยข้อมูลเกี่ยวกับเกม และบันทึกวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาเจ้าหน้าที่เกมพบ วีไอพี ที่หมดสติและนำตัวไปช่วยเหลือ วีไอพี รับชมการแข่งขันสุดท้าย“เกมปลาหมึก” และรู้สึกตกใจเมื่อ ซ็อง กี-ฮุน / ผู้เล่นหมายเลข 456 เสนอให้ยุติเกมและแบ่งเงินรางวัลกับ โช ซัง-อู / ผู้เล่น 218 เพื่อรักษาชีวิต แต่ซังอูปฏิเสธและตัดสินใจฆ่าตัวตาย ทำให้กีฮุนเป็นผู้ชนะโดยพฤตินัย หลังจบเกม วีไอพี ทิ้งหน้ากากและเดินทางออกจากเกาะ หนึ่งปีต่อมา กีฮุนผู้สิ้นศรัทธาในชีวิตได้รับบัตรเชิญจาก โอ อิล-นัม / ผู้เล่น 001 ซึ่งเขาเคยเชื่อว่าเสียชีวิตแล้ว อิลนัมสารภาพว่าตนคือหนึ่งใน วีไอพี และเปิดเผยว่าเกมถูกสร้างขึ้นจากความเบื่อหน่ายของเศรษฐีที่มีเงินมากเกินไปและไม่มีเป้าหมายในชีวิต เขาและกลุ่มคนร่ำรวยจึงสร้างเกมขึ้นเพื่อความตื่นเต้น อิลนัมเสียชีวิตหลังจากสารภาพไม่นาน กีฮุนสาบานว่าจะใช้เงินรางวัลทั้งหมดในการสืบหาองค์กรเบื้องหลังเกมและทำลายมันให้สิ้น === สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ฤดูกาลที่ 3 === วีไอพี กลุ่มใหม่จะปรากฏตัวในซีซัน 3 ของซีรีส์ == แนวคิดและการสร้าง == วีไอพี ถูกสร้างขึ้นโดย ฮวัง ดง-ฮย็อก และแสดงโดยนักแสดงหลายคน ส่วนใหญ่มาจากอเมริกา == อ้างอิง == หมวดหมู่:ผู้บริหารในเรื่องแต่ง หมวดหมู่:ชาวเกาหลีใต้ในเรื่องแต่ง หมวดหมู่:ตัวร้ายชาย หมวดหมู่:ตัวร้ายหญิง หมวดหมู่:สควิดเกม เล่นลุ้นตาย หมวดหมู่:ตัวละครโทรทัศน์ที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2564 หมวดหมู่:อาชญากรในเรื่องแต่ง หมวดหมู่:นักพนันในเรื่องแต่ง หมวดหมู่:กลุ่มตัวละครในเรื่องแต่ง
1478197
https://th.wikipedia.org/wiki/ผู้สรรหา_(สควิดเกม_เล่นลุ้นตาย)
ผู้สรรหา (สควิดเกม เล่นลุ้นตาย)
ผู้สรรหา หรือรู้จักในอีกชื่อว่า พนักงานขาย เป็นตัวร้ายรอง ในซีรีส์ดราม่าของ เน็ตฟลิกซ์ จากประเทศเกาหลีใต้เรื่อง สควิดเกม เล่นลุ้นตาย โดย ผู้สรรหา มีหน้าที่สรรหาผู้เข้าแข่งขันสำหรับเกม ผ่านกระบวนการเดียวกันเสมอ: เล่นเกม ตักจี, มอบเงิน และบัตรเชิญให้กับผู้เล่น == การปรากฏตัว == === เบื้องหลัง === ผู้สสรหา เคยเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเกมมาก่อน และค่อย ๆ ไต่เต้าจนกลายมาเป็นหนึ่งในผู้รับหน้าที่สรรหาผู้เล่นสำหรับเกมนี้ === สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ฤดูกาลที่ 1 === ผู้สรรหา อุทิศตัวให้กับการสรรหาผู้เข้าแข่งขันในเกม ด้วยจำนวนผู้เล่นที่เหลือไม่มาก เขาจึงเข้าไปหาหมอโอ ซ็อง กี-ฮุน บนรถไฟใต้ดิน และเสนอให้เขาเล่นเกม ตักจี เพื่อชิงเงิน เมื่อกีฮุนแพ้และไม่สามารถจ่ายเงินได้ ผู้สรรหา จึงตบหน้าเขา และกระบวนการนี้ก็เกิดขึ้นซ้ำ ๆ จนกว่ากีฮุนจะชนะและได้รับเงินจากเขา ในตอนแรกกีฮุนปฏิเสธไม่รับบัตรเกม แต่ ผู้สรรหา เริ่มพูดถึงข้อมูลทั้งหมดในชีวิตของกีฮุน และมอบบัตรให้เพื่อให้เขาได้คิด กีฮุนในที่สุดโทรเข้าร่วมเกม หนึ่งปีต่อมา กีฮุนเห็น ผู้สรรหา กำลังเล่นเกมกับคนอื่น และเมื่อ ผู้สรรหา เห็นกีฮุน เขาก็ยิ้มและเดินจากไปบนรถไฟใต้ดิน === สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ฤดูกาลที่ 2 === ตลอดระยะเวลาสามปี กีฮุนพร้อมกับอดีตเจ้าหนี้และทีมของเขา ทุ่มเทกับการตามหาตัว ผู้สรรหา ในรถไฟใต้ดิน วันหนึ่ง คิม เจ้าหนี้ และคู่หูของเขา ชเว อู-ซ็อก พบ ผู้สรรหากำลังเล่นเกมตักจีกับใครบางคน และเมื่อเขาจากไป ทั้งคู่ก็แอบตามเขาไป ผู้สรรหา ซื้อสลากกินแบ่ง 100 ใบ พร้อมขนมปังจำนวนหนึ่ง และนำไปแจกให้คนไร้บ้านในสวนสาธารณะ โดยให้เลือกระหว่างสลากกับขนมปัง เมื่อคนส่วนใหญ่เลือกสลาก ผู้สรรหา ก็ทำลายขนมปังทั้งหมดต่อหน้าพวกเขา คิมและอูซอกยังคงติดตามเขา ก่อนจะถูกทำร้ายจนหมดสติ ผู้สรรหา พาทั้งคู่ไปที่อพาร์ตเมนต์ และบังคับให้เล่นเกม เป่ายิ้งฉุบ พร้อมกับ รัสเซียนรูเล็ต ระหว่างเกม คิมสละตัวเองและเสียชีวิต ผู้สรรหา จึงได้พูดคุยกับกีฮุนที่ฐานปฏิบัติการของเขา และเปิดเผยว่าเขาเคยเป็นยาม และต่อมาเป็นทหารในเกม และเคยฆ่าพ่อของตัวเอง เขาให้เหตุผลว่าผู้เข้าแข่งขันเป็น “เศษสวะ” และเกมคือสิ่งที่เหมาะสมกับพวกเขา กีฮุนและ ผู้สรรหา เล่นรูเล็ตรัสเซียกัน และเมื่อ ผู้สรรหา แพ้ เขายอมรับความพ่ายแพ้และยิงตัวเอง == แนวคิดและการสร้าง == ตัวละคร ผู้สรรหา ถูกสร้างขึ้นโดย ฮวาง ดง-ฮย็อก และรับบทโดย คง ยู คง ยูเคยร่วมงานกับฮวังในภาพยนตร์เรื่อง เสียงจากหัวใจ..ที่ไม่มีใครได้ยิน และฮวังได้ขอให้เขามารับบทรับเชิญใน สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ในการให้สัมภาษณ์กับ Business Insider ฮวังเปิดเผยว่าเขาได้เพิ่มบทบาทของ ผู้สรรหา ให้มากขึ้นในฤดูกาลที่สองหลังจากได้รับกระแสตอบรับที่ดีในซีซันแรก โดยต้องการเผยให้เห็นแก่นแท้ของตัวละครในฐานะ “ซาดิสม์” ที่ทำทุกอย่างเพื่อเกม “ด้วยความรักในเกม” และให้เขามีเส้นเรื่องของตัวเอง ฮวังกล่าวว่า เนื่องจากกงยูมักรับบทเป็นคนดี เขาจึงอยากเห็นคง ยูแสดงบทคนบ้าที่โหดร้ายดูบ้างในการออกแบบตัวละคร ฮวังตั้งใจให้เขาเป็นคนที่ผ่านความลำบากในชีวิต เหมือนกับผู้เข้าแข่งขันในเกม และเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดความเกลียดนั้นไปยังคนที่มีชะตาเหมือนกัน และเชื่อว่าตนเองเหนือกว่าคนเหล่านั้น == การตอบรับ == การกลับมารับบทตัวละครของ คง ยู ในฤดูกาลที่สองของ สควิดเกม เล่นลุ้นตาย ได้รับเสียงตอบรับเชิงบวกจากแฟน ๆ บนโซเชียลมีเดียอย่างล้นหลาม รอกซานา ฮาดาดี จากเว็บไซต์ Vulture กล่าวยกย่อง “ความยอดเยี่ยม” ของกงยู และ “อารมณ์อันดิบเถื่อน บิดเบี้ยว และไม่สมควรได้รับความสุข [...] ลักษณะที่คง ยูแสดงออกมาได้อย่างแม่นยำไม่ต่างจากแนวกรามอันคมกริบของเขา." == อ้างอิง == หมวดหมู่:ตัวละครสมมติชาวเกาหลีใต้ หมวดหมู่:ตัวร้ายชาย หมวดหมู่:ตัวสควิดเกม เล่นลุ้นตาย หมวดหมู่:ตัวละครโทรทัศน์ที่เปิดตัวในปี พ.ศ. 2564 หมวดหมู่:อาชญากรสมมติ
1478203
https://th.wikipedia.org/wiki/เจโทรนิก
เจโทรนิก
เจโทรนิก () เป็นชื่อทางการค้าของเทคโนโลยีระบบฉีดเชื้อเพลิงท่อร่วม (manifold injection) สำหรับเครื่องยนต์เบนซินในยานยนต์ พัฒนาและทำการตลาดโดยบริษัท โรเบิร์ต บ๊อช จำกัด (Robert Bosch GmbH) ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 เป็นต้นมา บ๊อชได้อนุญาตให้ผู้ผลิตยานยนต์หลายรายใช้แนวคิดนี้ และมีเทคโนโลยีหลายรูปแบบที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ==ดี-เจโทรนิก (ค.ศ. 1967-1979)== เป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบแอนะล็อก โดยอักษร "D" มาจากคำในภาษาเยอรมันว่า "Druck" หมายถึงแรงดัน ระบบนี้จะวัดแรงดันสุญญากาศในท่อร่วมไอดีโดยใช้ตัวตรวจจับแรงดันที่ติดตั้งอยู่ภายในหรือเชื่อมต่อกับท่อร่วมไอดี เพื่อคำนวณระยะเวลาในการฉีดเชื้อเพลิงแต่ละครั้ง เดิมที ระบบนี้มีชื่อเรียกว่าเจโทรนิกเฉย ๆ แต่ภายหลังมีการตั้งชื่อว่าดี-เจโทรนิกขึ้นมาใหม่ เป็น นิวัตนามหรือชื่อที่ตั้งย้อนหลังเพื่อใช้แยกแยะความแตกต่างจากเจโทรนิกรุ่นต่อ ๆ มาที่ถูกพัฒนาขึ้น ดี-เจโทรนิกโดยพื้นฐานแล้วคือการปรับปรุงเพิ่มเติมจากระบบจ่ายเชื้อเพลิงอิเล็กโทรเจ็กเตอร์ (Electrojector) ที่พัฒนาโดยบริษัทเบ็นดิกซ์คอร์ปอเรชัน (Bendix Corporation) ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 แทนจะเลือกแก้ไขปัญหาความน่าเชื่อถือต่าง ๆ ของระบบอิเล็กโทรเจ็กเตอร์ ทางเบ็นดิกซ์กลับให้สิทธิ์การใช้งานการออกแบบแก่บ๊อช และด้วยบทบาทของระบบเบ็นดิกซ์ที่ถูกลืมเลือนไปอย่างมาก ดี-เจโทรนิกจึงกลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้บุกเบิกที่ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางของระบบคอมมอนเรลอิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ โดยมีระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยแรงดันคงที่ไปยังหัวฉีดและการฉีดแบบพัลส์ แม้จะเป็นแบบกลุ่ม (หัวฉีด 2 กลุ่มฉีดพร้อมกัน) ไม่ใช่แบบลำดับ (หัวฉีดแต่ละตัวฉีดแยกกัน) เหมือนในระบบรุ่นหลัง ๆ ดี-เจโทรนิกก็เช่นเดียวกับระบบอิเล็กโทรเจ็กเตอร์ที่ใช้วงจรแอนะล็อก โดยไม่มีไมโครโปรเซสเซอร์หรือตรรกะดิจิทัลใด ๆ หน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ใช้ทรานซิสเตอร์ประมาณ 25 ตัวในการประมวลผลทั้งหมด สองปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความล้มเหลวของระบบอิเล็กโทรเจ็กเตอร์ในที่สุดคือการใช้ตัวเก็บประจุแบบหุ้มด้วยกระดาษซึ่งไม่เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและสัญญาณกล้ำแอมพลิจูด (amplitude modulation - AM ที่ใช้ในทีวี/วิทยุสมัครเล่น) ในการควบคุมหัวฉีด ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถูกแทนที่ไปแล้ว การขาดพลังการประมวลผลและไม่มีตัวตรวจจับแบบโซลิดสเตตทำให้ตัวตรวจจับสุญญากาศเป็นอุปกรณ์ที่มีความเที่ยงตรงสูงและค่อนข้างแพง คล้ายกับบารอมิเตอร์ โดยมีท่อลมทองเหลืองอยู่ภายในเพื่อวัดแรงดันในท่อร่วมไอดี แม้ในทางแนวคิดจะคล้ายกับระบบส่วนใหญ่ในยุคหลัง ที่มีหัวฉีดแต่ละหัวควบคุมด้วยไฟฟ้าแยกตามแต่ละกระบอกสูบ และมีการจ่ายเชื้อเพลิงแบบปรับความกว้างของพัลส์ (pulse-width modulated - PWM) แต่แรงดันเชื้อเพลิงไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนตามแรงดันในท่อร่วมไอดี และหัวฉีดจะทำงานเพียงครั้งเดียวในทุก 2 รอบการหมุนของเครื่องยนต์ (โดยหัวฉีดครึ่งหนึ่งจะทำงานในแต่ละรอบการหมุน) ระบบดังกล่าวถูกนำไปใช้ครั้งสุดท้าย (โดยมีกลไกการปรับจังหวะที่ออกแบบโดยบริษัทลูคัส (Lucas) และมีการติดป้ายยี่ห้อลูคัสทับลงบนชิ้นส่วนบางชิ้น) บนเครื่องยนต์จากัวร์ V12 (ในรุ่น XJ12 และ XJ-S) ตั้งแต่ ค.ศ. 1975 ถึง 1979 ==เค-เจโทรนิก (ค.ศ. 1973-1994)== เป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบกลไก โดยอักษร 'K' มาจากคำในภาษาเยอรมันว่า "Kontinuierlich" หมายถึง "ต่อเนื่อง" โดยทั่วไปในสหรัฐเรียกกันว่า "หรือระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบต่อเนื่อง" (continuous injection system - CIS) เค-เจโทรนิกต่างจากระบบฉีดแบบพัลส์ตรงที่เชื้อเพลิงจะไหลออกจากหัวฉีดทุกตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปั๊มเชื้อเพลิงจะอัดแรงดันเชื้อเพลิงได้สูงถึงประมาณ 5 บาร์ (73.5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) ปริมาณอากาศที่เครื่องยนต์ดูดเข้าไปจะถูกวัดเพื่อกำหนดปริมาณเชื้อเพลิงที่ต้องฉีด ระบบนี้ไม่มีวงแลมบ์ดาหรือการควบคุมแลมบ์ดา เค-เจโทรนิกเปิดตัวครั้งแรกในรถยนต์พอร์เชอ 911T รุ่นปี 1973.5 ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1973 และต่อมาถูกนำไปติดตั้งในรถยนต์พอร์เชอ, ฟ็อลคส์วาเกิน, อาวดี้, บีเอ็มดับเบิลยู, เมอร์เซเดส-เบนซ์, โรลส์-รอยซ์, เบนท์ลีย์, โลตัส, เฟอร์รารี่, เปอโยต์, นิสสัน, เรอโน, วอลโว่, ซ้าบ, ทีวีอาร์และฟอร์ดอีกหลายรุ่น รถยนต์คันสุดท้ายที่ใช้เค-เจโทรนิกคือพอร์เชอ 911 เทอร์โบ 3.6 รุ่นปี 1994 เชื้อเพลิงถูกสูบจากถังไปยังลิ้นควบคุมขนาดใหญ่ที่เรียกว่าหัวจ่ายเชื้อเพลิง ซึ่งจะแบ่งท่อน้ำมันเชื้อเพลิงขาเข้าเส้นเดียวจากถังออกเป็นท่อขนาดเล็กหลายเส้น แต่ละเส้นจะไปที่หัวฉีดแต่ละอัน หัวจ่ายเชื้อเพลิงติดตั้งอยู่เหนือแผ่นวัดควบคุมซึ่งไอดีทั้งหมดจะต้องไหลผ่านไป และระบบทำงานโดยการปรับปริมาณเชื้อเพลิงที่ส่งไปยังหัวฉีดโดยอิงจากมุมของแผ่นเคลื่อนที่ในมาตรการไหลอากาศ (air flow meter) ซึ่งจะถูกกำหนดโดยปริมาณอากาศที่ไหลผ่านแผ่นดังกล่าว และโดยแรงดันควบคุม แรงดันควบคุมถูกควบคุมด้วยอุปกรณ์กลไกที่เรียกว่าตัวควบคุมแรงดัน (control pressure regulator - CPR) หรือตัวควบคุมการอุ่นเครื่อง (warm-up regulator - WUR) ขึ้นอยู่กับรุ่น CPR อาจใช้เพื่อชดเชยระดับความสูง ภาระเต็มที่ และ/หรือเครื่องยนต์เย็น หัวฉีดเป็นเพียงลิ้นกันกลับแบบมีสปริงพร้อมหัวฉีด เมื่อแรงดันระบบเชื้อเพลิงสูงพอจะเอาชนะสปริงต้าน หัวฉีดจะเริ่มฉีดพ่น ==เค-เจโทรนิก (แลมบ์ดา)== เปิดตัวครั้งแรกในเครื่องยนต์พีอาร์วี V6 โดยปรากฏครั้งแรกในรถยนต์วอลโว่ 264 ใน ค.ศ. 1974 และต่อมาถูกนำไปใช้ในรถยนต์รุ่นอื่น ๆ เช่นเปอโยต์ 504 และ 604, เรอโน 30 รวมถึงในรถยนต์ดีเอ็มซี เดอโลเรียนใน ค.ศ. 1981 เป็นเค-เจโทรนิกที่มีการควบคุมแลมบ์ดาแบบวงปิดหรือที่เรียกว่าคู-เจโทรนิก (Ku-Jetronic) โดยอักษร 'u' ย่อมาจาก USA ถูกนำมาใช้ในรถยนต์พอร์เชอ 911 รุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐช่วง ค.ศ. 1980-1983 ระบบนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบการปล่อยมลพิษของคณะกรรมการทรัพยากรทางอากาศรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ และต่อมาถูกแทนที่ด้วยระบบเคอี-เจโทรนิก ==เคอี-เจโทรนิก (ค.ศ. 1985-1993)== เป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบกลไกควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยควบคุมเครื่องยนต์ (ECU) อาจเป็นได้ทั้งแบบแอนะล็อกหรือดิจิทัล และระบบอาจมีหรือไม่ที่การควบคุมแลมบ์ดาแบบวงปิดก็ได้ ระบบนี้มีพื้นฐานมาจากระบบกลไกเค-เจโทรนิก โดยมีการเพิ่มตัวกระตุ้นไฮดรอลิก-ไฟฟ้า โดยหลักแล้วคือหัวฉีดเชื้อเพลิงที่อยู่แนวเดียวกับท่อเชื้อเพลิงกลับ แทนที่จะฉีดเชื้อเพลิงเข้าไปในท่อร่วมไอดี หัวฉีดนี้จะอนุญาตให้เชื้อเพลิงไหลผ่านตัวจ่ายเชื้อเพลิง ซึ่งจะปรับแรงดันเชื้อเพลิงที่ส่งไปยังส่วนประกอบหัวฉีดแบบกลไกโดยอิงจากข้อมูลนำเข้าหลายอย่าง (ความเร็วเครื่องยนต์ แรงดันอากาศ อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ตำแหน่งลิ้นปีกผีเสื้อ แลมบ์ดา และอื่น ๆ) ผ่าน ECU เมื่อถอดสายไฟอิเล็กทรอนิกส์ออก ระบบนี้จะทำงานเหมือนระบบเค-เจโทรนิก โดยทั่วไปรู้จักกันในชื่อ 'CIS-E' ในสหรัฐ รุ่นย่อย KE3 (CIS-E III) ที่ออกมาภายหลังมีคุณสมบัติในการตรวจจับการน็อก ==แอล-เจโทรนิก (ค.ศ. 1974-1989)== เป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงแบบแอนะล็อก แอล-เจโทรนิกมักถูกเรียกว่าระบบหัวฉีดแบบควบคุมด้วยการไหลของอากาศ (AFC - Air-Flow Controlled) เพื่อแยกความแตกต่างจากระบบดี-เจโทรนิกซึ่งควบคุมด้วยแรงดัน โดยอักษร 'L' ในชื่อมาจากคำในภาษาเยอรมันว่า "luft" หมายถึง "อากาศ" ในระบบนี้ การไหลของอากาศที่เข้าสู่เครื่องยนต์จะถูกวัดโดยแผ่นกั้นที่เคลื่อนที่ได้ (บ่งชี้ภาระของเครื่องยนต์) ที่เรียกว่าตัวตรวจจับปริมาณการไหลของอากาศ (volume air flow sensor - VAF) หรือในเอกสารภาษาเยอรมันจะเรียกว่าลุฟท์เม็งเงินเมสเซอร์ (LuftMengenMesser - LMM) แอล-เจโทรนิกใช้วงจรรวมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ส่งผลให้หน่วยควบคุมเครื่องยนต์ (ECU) มีความเรียบง่ายและเชื่อถือได้มากกว่าของระบบดี-เจโทรนิก แอล-เจโทรนิกถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในรถยนต์ยุโรปช่วงทศวรรษ 1980 รวมถึงจักรยานยนต์บีเอ็มดับเบิลยู เค-ซีรีส์ด้วย บริษัทลูคัส, ฮิตาชิออโตโมทีฟโปรดักส์ (Hitachi Automotive Products), นิปปอนเด็นโซ่ (NipponDenso) และบริษัทอื่น ๆ ได้รับอนุญาตให้ใช้แนวคิดและเทคโนโลยีบางส่วนของบ๊อช แอล-เจโทรนิกในการผลิตระบบหัวฉีดเชื้อเพลิงที่คล้ายคลึงกันสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ในเอเชีย แอล-เจโทรนิกที่ผลิตภายใต้ใบอนุญาตโดยระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ญี่ปุ่น (Japan Electronic Control Systems) ถูกติดตั้งในจักรยานยนต์คาวาซากิ Z1000-H1 ปี 1980 ถือเป็นจักรยานยนต์ที่ผลิตออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้ระบบหัวฉีดเชื้อเพลิง แม้ส่วนประกอบของแอล-เจโทรนิกและส่วนประกอบที่ผลิตภายใต้ใบอนุญาตโดยผู้ผลิตรายอื่นจะมีความคล้ายคลึงกันทางกายภาพ แต่ระบบที่ไม่ใช่ของบ๊อชไม่ควรเรียกว่าแอล-เจโทรนิก และชิ้นส่วนมักไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ ==แอลอี1-เจโทรนิก, แอลอี2-เจโทรนิก, แอลอี3-เจโทรนิก (ค.ศ. 1981-1991)== นี่คือแอล-เจโทรนิกที่ได้รับการปรับปรุงให้ง่ายขึ้นและทันสมัยยิ่งขึ้น ECU มีราคาถูกลงในการผลิตอย่างมากเนื่องจากใช้ส่วนประกอบที่ทันสมัยกว่า และเป็นมาตรฐานมากกว่า ECU ของแอล-เจโทรนิก เช่นเดียวกับแอล-เจโทรนิก ระบบนี้ยังคงใช้ตัวตรวจจับการไหลอากาศแบบแผ่นวัด (vane-type airflow sensor) เมื่อเทียบกับแอล-เจโทรนิก หัวฉีดเชื้อเพลิงที่ใช้ในแอลอี-เจโทรนิกมีค่าความต้านทานสูงกว่า แอลอี-เจโทรนิกมีอยู่สามรุ่น ได้แก่ แอลอี1 รุ่นเริ่มต้น, แอลอี2 (1984-) มีฟังก์ชันสตาร์ตเย็นที่รวมอยู่ใน ECU ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้หัวฉีดสตาร์ตเย็นและสวิตช์ความร้อนเวลาที่ระบบเก่ากว่าใช้, แอลอี3 (1989-): มี ECU ขนาดเล็กที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด ถูกรวมเข้ากับกล่องเชื่อมต่อของมาตรการไหลอากาศ ==แอลยู1-เจโทรนิก, แอลยู2-เจโทรนิก (ค.ศ. 1983-1991)== เหมือนกับระบบแอลอี1-เจโทรนิกและแอลอี2-เจโทรนิกตามลำดับ แต่มีการควบคุมแลมบ์ดาแบบวงปิดและถูกออกแบบมาสำหรับตลาดสหรัฐในตอนแรก ==แอลเอช-โจโทรนิก (ค.ศ. 1982-1998)== เป็นระบบฉีดเชื้อเพลิงดิจิทัล เริ่มใช้ในรถยนต์วอลโว่ 240 รุ่นปี 1982 ที่จำหน่ายในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอักษร 'LH' มาจากคำภาษาเยอรมันว่า "Luftmasse-Hitzdraht" หมายถึงเทคโนโลยีมาตรวัดความเร็วลมแบบขดลวดร้อนที่ใช้ในการกำหนดมวลอากาศที่เข้าสู่เครื่องยนต์ มาตรมวลอากาศนี้บ๊อชเรียกว่า HLM2 (Hitzdrahtluftmassenmesser 2) แอลเอช-เจโทรนิกส่วนใหญ่ถูกนำไปใช้โดยผู้ผลิตรถยนต์สแกนดิเนเวีย และในรถสปอร์ตและรถยนต์หรูที่ผลิตในปริมาณน้อย เช่นพอร์เชอ 928 รุ่นที่พบบ่อยที่สุดคือแอลเอช 2.2 ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์อินเทล 8049 (MCS-48) และโดยปกติจะมีหน่วยความจำโปรแกรมขนาด 4 กิโลไบต์ และแอลเอช 2.4 ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ซีเมนส์ 80535 (รุ่นหนึ่งของสถาปัตยกรรม 8051/MCS-51 ของอินเทล) และหน่วยความจำโปรแกรมขนาด 32 กิโลไบต์โดยใช้ชิป 27C256 แอลเอช-เจโทรนิก 2.4 มีการควบคุมแลมบ์ดาแปรผันอัตโนมัติ และรองรับคุณสมบัติขั้นสูงที่หลากหลาย รวมถึงการเพิ่มปริมาณเชื้อเพลิงตามอุณหภูมิไอเสีย (เช่น ในเครื่องยนต์วอลโว่ B204GT/B204FT) บางรุ่นที่ผลิตในภายหลัง (หลัง ค.ศ. 1995) มีฮาร์ดแวร์ที่รองรับการวินิจฉัยรุ่นแรกตามมาตรฐาน ISO 9141 (รู้จักในชื่อ OBD-II) และฟังก์ชันป้องกันการโจรกรรม ==โมโน-เจโทรนิก (ค.ศ. 1988-1995)== ระบบเชื้อเพลิงดิจิทัลนี้มีหัวฉีดเชื้อเพลิงหนึ่งหัวที่อยู่ตรงกลาง ในสหรัฐ ระบบฉีดแบบจุดเดียว (single-point injection) ชนิดนี้ถูกทำการตลาดในชื่อ "throttle body injection" (TBI) โดยบริษัทเจเนรัลมอเตอร์ (GM) หรือ "central fuel injection" (CFI) โดยบริษัทฟอร์ด โมโน-เจโทรนิกต่างจากระบบฉีดแบบจุดเดียวอื่น ๆ ที่รู้จักกันทั่วไปตรงที่อาศัยเพียงตัวตรวจจับตำแหน่งลิ้นปีกผีเสื้อ (throttle position sensor) เท่านั้นในการประเมินภาระเครื่องยนต์ ไม่มีตัวตรวจจับการไหลอากาศหรือแรงดันสุญญากาศในท่อร่วมไอดี โมโน-เจโทรนิกมีการควบคุมแลมบ์ดาแบบวงปิดแปรผันอัตโนมัติ และเนื่องจากการตรวจจับภาระเครื่องยนต์ที่เรียบง่าย จึงต้องพึ่งพาตัวตรวจจับแลมบ์ดาอย่างมากเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง หน่วยควบคุมเครื่องยนต์ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์อินเทล 8051 โดยปกติแล้วมีหน่วยความจำโปรแกรมขนาด 16 กิโลไบต์ และไม่มีระบบวินิจฉัยขั้นสูง (OBD-II) (เนื่องจาก OBD-II กลายเป็นข้อกำหนดในรถยนต์รุ่นปี 1996) == ดูเพิ่ม == == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == *ความเป็นมาของระบบดี-เจโทรนิก *Volvo enthusiasts. The site mostly focuses on 240-series cars with the Bosch K-Jet fuel injection systems หมวดหมู่:ระบบฉีดเชื้อเพลิง หมวดหมู่:ระบบฝังตัว หมวดหมู่:ระบบควบคุมกำลัง หมวดหมู่:เทคโนโลยีเครื่องยนต์ หมวดหมู่:ชื่อทางการค้าเทคโนโลยียานยนต์ หมวดหมู่:บ๊อช (บริษัท)
1478205
https://th.wikipedia.org/wiki/จูเลีย_มอร์ลีย์
จูเลีย มอร์ลีย์
จูเลีย เอเวลิน มอร์ลีย์ (นามสกุลเดิม พริทชาร์ด เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1939) เป็นนักธุรกิจหญิงชาวอังกฤษ นักการกุศล และอดีตนางแบบ เธอคือประธานและซีอีโอขององค์กรมิสเวิลด์ ซึ่งเป็นผู้จัดประกวด มิสเวิลด์ และ มิสเตอร์เวิลด์ ทั้งคู่แต่งงานกันในปี 1960 เธอได้เป็นประธานขององค์กรมิสเวิลด์ หลังจากสามีของเธอเสียชีวิตในปี 2000 ในฐานะประธานของการประกวดมิสเวิลด์ เธอได้เปิดตัวโครงการ "บิวตีวิธอะเพอร์เพิส" (ในประเทศไทยแปลวลีนี้ว่า "งามอย่างมีคุณค่า" == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == หมวดหมู่:ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ซีบีอี หมวดหมู่:นางแบบอังกฤษ หมวดหมู่:มิสเวิลด์ หมวดหมู่:บุคคลจากลอนดอน หมวดหมู่:นักธุรกิจชาวอังกฤษ หมวดหมู่:ประธานบริษัท
1478210
https://th.wikipedia.org/wiki/สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีในฤดูกาล_2025–26
สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีในฤดูกาล 2025–26
ฤดูกาล 2025-26 เป็นฤดูกาลที่ 131 ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี และเป็นฤดูกาลที่ 24 ติดต่อกันในลีกสูงสุด. นอกเหนือจาก ลีกภายในประเทศ, สโมสรจะได้เข้าร่วมใน เอฟเอคัพ, อีเอฟแอลคัพ, ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เป็นฤดูกาลที่ 14 ติดต่อกัน นี่จะเป็นฤดูกาลแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 ที่ไม่มีเควิน เดอ บรอยน์ กองกลางตัวเก่งของทีม เนื่องจากเขาออกจากสโมสรหลังจากสัญญาของเขาหมดลง == ซื้อขายและสัญญา == === เข้า === === ยืมเข้า === === ยืมออก === === ออก === === สัญญาใหม่ ===