query
stringlengths 11
185
| positive_passages
sequencelengths 1
11
| negative_passages
sequencelengths 0
30
|
---|---|---|
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดสอนกี่สาขาวิชา? | [
"ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยมหาสารคามมีศูนย์กลางบริหารงานอยู่ที่เขตพื้นที่ขามเรียง ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เขตพื้นที่ในเมือง ตำบลตลาด อำเภอเมือง มหาสารคาม และเขตพื้นที่นาสีนวน ที่ตั้งของ คณะเทคโนโลยี คณะสัตวแพทยศาสตร์ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เปิดการสอนระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก 177 สาขาวิชา [2]:5 ใน 20 คณะหรือเทียบเท่า [2]:69 และขยายโอกาสทางการศึกษาโดยจัดโครงการศึกษาที่ จังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดอุดรธานี [2]:7 นอกจากนี้ยังมีการจัดการเรียนการสอนขั้นพื้นฐาน คือ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ฝ่ายประถมและฝ่ายมัธยม [2]:7"
] | [
"เดิมมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเปิดสอนสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขานิติศาสตร์ และสาขาวิชารัฐศาสตร์ ในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ โดยภาควิชาเศรษฐศาสตร์และการเมืองรับผิดชอบในสาขารัฐประศาสนศาสตร์และสาขาวิชานิติศาสตร์ ส่วนภาควิชาสังคมวิทยารับผิดชอบสาขาวิชารัฐศาสตร์ ",
"ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 มหาวิทยาลัยได้ขยายการรับนักศึกษาเพิ่มขึ้นในสาขาวิชานิติศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์(มนุษยนิเวศศาสตร์) และสาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์ ปีการศึกษา 2526(ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นสาขาวิชาเกษตรศาสตร์และสหกรณ์) มหาวิทยาลัยได้เปิดสอนสาขาวิชารัฐศาสตร์ ปีการศึกษา 2527 เปิดสอนสาขาวิชานิเทศศาสตร์ ในปีการศึกษา 2538 มหาวิทยาลัยได้เปิดสอนสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และในปี พ.ศ. 2544 ได้เปิดสอนสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ เพิ่มขึ้นอีกสาขาวิชาหนึ่ง รวมเป็น 12 สาขาวิชา",
"หลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ เป็นหลักสูตรสาขาวิชาที่เปิดสอนวิชารัฐศาสตร์ ในสังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เปิดทำการสอนเมื่อปี พ.ศ. 2550 หลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม เป็นหลักสูตรรัฐศาสตร์ 1 ใน 3 หลักสูตรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, สาขาวิชารัฐศาสตร์ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ หลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ วิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม) และยังเป็นหลักสูตรรัฐศาสตร์ 1 ใน 3 หลักสูตรที่เปิดทำการเรียนการสอนอยู่ใน มหาวิทยาลัยราชภัฎอีกด้วย (สาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์, สาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์และ หลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารคาม))",
"เรียบเรียงตำราหลายเล่ม เพื่อให้ลูกศิษย์ได้ศึกษา พัฒนาวิชาการดนตรีให้เทียบเท่าอารยประเทศ เช่น วิชาการประพันธ์ดนตรีแจ๊ส (JAZZ COMPOSITION) วิชาการประสานเสียงดนตรีแจ๊ส (JAZZ HARMONY) \nเนื่องจากมีผลงานดนตรีด้านต่างๆ และเป็นผู้ให้การส่งเสริมการดนตรีให้แพร่หลายมาโดยตลอดจึงทำให้ในปี 2535 จึงได้รับคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล) ปี พ.ศ. 2540 ได้รับพระราชทานปริญญาศิลปกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาดุริยางคศาสตร์สากล จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ 24 มกราคม 2548 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ศาสตราจารย์พิเศษ ในสาขาวิชาดุริยางคศาสตร์ คณะศิลปกรรมศ่าสตร์ ม.มหาสารคาม\nปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด และเป็นกรรมการและที่ปรึกษาของหน่วยงานราชการและเอกชนหลายแห่ง เป็นอาจารย์สอน เป็นที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรี Jazz ของคณะดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้อำนวยการโรงเรียนดนตรีสยามกลการ และสอนวิชา JAZZ COMPOSITION, JAZZ HARMONY ที่โรงเรียนดนตรีสยามกลการและมหาวิทยาลัยต่างๆ ฯลฯ",
"มหาวิทยาลัยแฮเรียท-วัตต์ เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านงานวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ โดยรายได้หลักของทางมหาวิทยาลัยเกือบครึ่งหนึ่งเป็นรายได้จากงานวิจัย การให้การสนับสนุนของมหาวิทยาลัยเรื่องการฝึกงานและการให้บริการทางธุรกิจนั้น ทำให้มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ศึกษาในระดับปริญญาโทและเอกที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่ง นอกจากการเรียนการสอนวิศวกรรมศาสตร์ในสาขาวิชาที่เป็นที่นิยมทั่วไป เช่น วิศวกรรมโยธา คอมพิวเตอร์ ไฟฟ้า อุตสาหการ และปิโตรเลียมแล้ว สาขาวิศวกรรมเฉพาะด้านที่หาเรียนได้ในมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่แห่งในโลกเช่น การต้มและกลั่นสุรา",
"เดิมวิชาผังเมืองเปิดเป็นหลักสูตรสอนในระดับปริญญาโท (บัณฑิตวิทยาลัย) เริ่มครั้งแรกที่ ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เน้นการวางแผนและนโยบายในภาพกว้างบัณฑิตจากทุกสาขาสามารถเข้าเรียนได้ และ ต่อมา มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้เปิดสอนที่หลักสูตรปริญญาโท สำหรับผู้ที่จบปริญญาตรีสถาปัตยกรรมและการออกแบบกายภาพอื่นๆ ที่ ภาควิชาการออกแบบชุมชนเมือง และ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใน สาขาวิชาการผังเมืองโดยได้รับปริญญาการผังเมืองมหาบัณฑิตโดยตรง ในปัจจุบันมีหลักสูตรการออกแบบชุมชนเมือง ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้ทำการเปิดสอนในระดับปริญญาตรีในหลายมหาวิทยาลัย อาทิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ ภาควิชาการวางแผนภาคและเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใน สาขาวิชาการผังเมือง และสาขาการออกแบบพัฒนาชุมชนเมือง และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ สาขาวิชาสถาปัตยกรรมเมืองและชุมชน เป็นต้น",
"คณะบัญชีได้ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับการก่อตั้งของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พุทธศักราช 2505 ทั้งนี้เนื่องจากในขณะนั้นมีสถาบันที่เปิดสอนทางด้านบัญชีอยู่เพียงไม่กี่แห่งและที่มีเสียงก็คือ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสถาบันของรัฐ มีผู้สนใจศึกษาทางด้านบัญชีมากแต่ยังขาดสถาบันรองรับ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ จึงเปิดสอนสาขาวิชาบัญชี โดยตั้งเป็นแผนกเรียกว่า แผนกบัญชี เพื่อสร้างบัณฑิตให้ออกไปทำงานด้านการบัญชีในหน่วยงานเอกชน และหน่วยงานราชการ ในเวลาต่อมาปีพุทธศักราช 2520 มหาวิทยาลัยได้ยกฐานะแผนกบัญชีขึ้นเป็นคณะวิชาบัญชีและเปลี่ยนชื่อเรียกให้สั้นเข้าในปีต่อมาว่า คณะบัญชี ปัจจุบันคณะบัญชีเปิดสอนนักศึกษาทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ ในหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาตรีต่อเนื่อง",
"ปัจจุบันหลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ฯ ได้ปรับปรุงหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนทั้งสิ้น 2 หลักสูตรสาขาวิชา 6 แขนงสาขาวิชา ดังนี้",
"สถาบันดนตรียามาฮ่า (สยามกลการ) ผู้นำดนตรีศึกษารายแรกของเมืองไทย จับมือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดโรงเรียนสอนดนตรี ณ ศูนย์การค้าเสริมไทยคอมเพล็กซ์ ด้วยเงินลงทุน 10 ล้านบาท เตรียมปั้นบุคลากรดนตรีครั้งใหญ่ โดยวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ เป็นเทรนเนอร์ คัดเลือกนิสิต นักศึกษาคนรุ่นใหม่ เปิดประสบการณ์ดนตรีสร้างรายได้มหาศาล เตรียมพร้อมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2015 บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด มองเห็นความสำคัญในการผลิตบุคลากรด้านดนตรี นับเป็นหัวใจหลักในการพัฒนาดนตรี ควบคู่ไปกับการพัฒนานิสิต นักศึกษา ที่มีความรู้ความสามารถด้านดนตรี เพื่อเสริมศักยภาพของนิสิตไทยสู่บุคลากรดนตรี มืออาชีพ และก้าวสู่ระดับสากล อีกทั้ง เตรียมก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2015 \nโดยมีความพร้อมในการขยายเครือข่ายร่วมกับพันธมิตรธุรกิจดนตรี คือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดโรงเรียนสอนดนตรี ณ ศูนย์การค้าเสริมไทยคอมเพล็กซ์ ติดกับมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยได้รับความร่วมมือคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ในการเป็นเทรนเนอร์ของโรงเรียนในแขนงวิชาต่าง ๆ อาทิ เปียโน กีตาร์คลาสสิค กีตาร์ไฟฟ้า กีตาร์เบส กลองชุด ไวโอลิน และหลักสูตรอื่นๆ ของสถาบัน ตลอดจนพัฒนาหลักสูตรดนตรีในสาขาดนตรีไทย และดนตรีพื้นบ้าน เพื่อเปิดสอนให้กับบุคคลทั่วไป และยังเป็นการผลิตบุคลากรนักดนตรีที่มีความรู้ และมีคุณภาพ ตลอดจนให้ความสำคัญเรื่องอุปกรณ์การเรียนการสอนต้องได้มาตรฐานสากล เพื่อรักษาระดับมาตรฐานทางด้านการเรียนการสอนเอาไว้ให้ดีที่สุดในเมืองไทย ตอบสนองความต้องการของนิสิต นักศึกษา และประชาชนที่สนใจอยากศึกษาดนตรี",
"“วิทยาลัยดุริยางคศิลป์” เป็นโครงการตามแผนปฏิบัติราชการ 4 ปี พ.ศ. 2550– 2554 (ได้รับอนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2550) เดิมเป็นสาขาวิชาดุริยางคศิลป์ สังกัดคณะศิลปกรรมศาสตร์ และในปี พ.ศ. 2550 สาขาวิชาดุริยางคศิลป์ได้แยกการบริหารออกมาจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ เป็นโครงการจัดตั้งวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ซึ่งมีหน้าที่หลักในการจัดการเรียนการสอนให้แก่บุคคลที่สนใจศึกษาในสาขาวิชาด้านดนตรี โดยในปี พ.ศ. 2540 ได้เปิดหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดุริยางคศิลป์ ปี พ.ศ. 2549 เปิดหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาดุริยางคศิลป์ ปี พ.ศ. 2550 ได้ร่วมมือกับโรงเรียนสาธิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จัดการเรียนการสอนหลักสูตรเตรียมอุดมดนตรี และในปี พ.ศ. 2551 ได้เปิดหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาดุริยางคศิลป์",
"คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามมีวิวัฒนาการสืบเนื่องมานับตั้งแต่ พ.ศ. 2538 กล่าวคือ วิทยาลัยครูมหาสารคามยกฐานะเป็นสถาบันราชภัฏมหาสารคาม จึงได้จัดตั้งภาควิชาเศรษฐศาสตร์และการเมือง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ขึ้น แต่ยังไม่ได้จัดการเรียนการสอนสาขานิติศาสตร์ ต่อมาภาควิชาเศรษฐศาสตร์และการเมืองได้เปิดสอนหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (นิติศาสตร์) เป็นรุ่นแรกในปี พ.ศ. 2543 หลังจากการการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเมื่อปี พ.ศ. 2547 ได้มีการเปลี่ยนแปลงภายในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ขึ้น โดยได้ยุบภาควิชาเศรษฐศาสตร์และการเมืองจัดตั้งเป็น 2 โปรแกรมวิชา คือ โปรแกรมวิชารัฐประศาสนศาสตร์และโปรแกรมวิชานิติศาสตร์",
"คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นคณะแรกเริ่มที่อนุมัติให้มีการจัดตั้งคณะขึ้นภายใต้การดูแลของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตมหาสารคาม เป็นคณะที่จัดตั้งขึ้นโดยการยุบรวมกันระหว่าง 2 คณะ คือ คณะมนุษยศาสตร์กับคณะสังคมศาสตร์ภายหลังจากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒมหาสารคาม เปลี่ยนสถานะภาพเป็นมหาวิทยาลัยมหาสารคามในปี 2537 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มีการบริหารจัดการและแบ่งส่วนราชการแยกเป็นภาควิชาและสำนักงานเลขานุการ ในส่วนภาควิชาแบ่งเป็น 5 ภาควิชา คือ\nสำหรับในส่วนสำนักงาน เลขานุการคณะ แบ่งกลุ่มงานภายในเป็น 4 กลุ่มงานคือ กลุ่มงานบริหารและธุรการ กลุ่มงานคลังและพัสดุ กลุ่มงานวิเคราะห์นโยบายและแผน และกลุ่มงานบริการวิชาการและบริการโสตทัศนศึกษา ปัจจุบันคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จัดการเรียนการสอน ระดับปริญญาตรี จำนวน 13 สาขาวิชา ระดับปริญญาโท จำนวน 3 สาขาวิชา และระดับปริญญาเอก จำนวน 3 สาขาวิชา",
"สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มีการเรียนการสอนในสาขาวิชารัฐศาสตร์ 3 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยบริหารศาสตร์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ และสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร แต่ปัจจุบันมีการขยายวิทยาเขตในการศึกษาทางด้านรัฐศาสตร์ อันได้แก่ แม่โจ้-แม่สะเรียง, แม่โจ้-แม่ฮ่องสอน, แม่โจ้พังงา-ภูเก็ต, แม่โจ้-ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจาก แม่โจ้-เชียงใหม่ แม่โจ้-แพร่ และแม่โจ้ - ชุมพร จะเน้นในการบริหารงานของภาครัฐโดยเพิ่มเติมส่วนที่ควรปฏิบัติเพิ่มเติมด้านการบริหารงานแบบเอกชน จุดเน้นที่สำคัญคือ การบริหารงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งต่อไปถือเป็นส่วนที่เป็นฐานของการพัฒนาจังหวัด ประเทศ โดยสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่ประเทศ และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีแก่ประชาชนเป็นหลัก ซึ่งภายในไม่กี่ปี จะมีการเปิดรับสมัคร ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ ถือเป็นการครบส่วนการศึกษาในวิทยาลัยบริหารศาสตร์ ที่มีหลักสูตรการศึกษาในภาคอุดมดศึกษา ตั้งแต่ปริญญาตรี โท และเอก ",
"หลักสูตรสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มีสัญลักษณ์ประจำหลักสูตรคือ ตราสิงหราช หลักสูตรสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ เดิมสังกัดคณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ใน พ.ศ. 2538 ภาควิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ได้แยกเป็นภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ และภาควิชานิติศาสตร์ ใน พ.ศ. 2552 ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ ร่วมกับ ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ และภาควิชานิติศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ร่วมกันยกฐานะเป็นวิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง ",
"วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ (อังกฤษ: College of Music) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นหน่วยงานที่จัดการเรียนการสอนด้านดนตรี ดำเนินงานโดยยึดหลักปรัชญาของมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่ว่า พหูนํ ปณฺฑิโตชีเว “ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน” และหลักปรัชญาของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ที่ว่า “สร้างคน สร้างจินตนาการ สร้างงานคุณภาพ” วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นวิทยาลัยดนตรีชั้นนำของประเทศ และในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นวิทยาดุริยางคศิลป์แห่งที่ 2 ของประเทศไทย วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนาวิทยาลัยเพื่อความเป็นเลิศ 5 ด้าน คือ ด้านการจัดการเรียนการด้านสอน ด้านการวิจัย ด้านการบริการวิชาการสังคม ด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และด้านการบริหารจัดการ ตลอดจนเป็นแนวทางในการดำเนินงานโดยอยู่ภายใต้ค่านิยม ของวิทยาลัยได้แก่ “MUSIC” เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับเตรียมอุดมดนตรี จนถึงระดับปริญญาเอก มีสาขาวิชาที่หลากหลายครอบคลุมทุกเนื้อหาทางดนตรี ปัจจุบันเป็นวิทยาลัยที่จัดการเรียนการสอนด้านดนตรี เทียบเท่าคณะ แห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ",
"ต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ได้เปลี่ยนชื่อ \"วิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง\" เป็น \"คณะนิติศาสตร์\" ตามประกาศมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ได้มีประกาศมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามให้แยกสาขาวิชารัฐศาสตร์ และสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ออกจากคณะนิติศาสตร์ แล้วจัดตั้งเป็น คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ขึ้นมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นไป",
"มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิดการสอนใน 3 กลุ่มสาขาวิชา ได้แก่",
"ในปี พ.ศ. 2538 วิทยาลัยครูมหาสารคามยกฐานะเป็นสถาบันราชภัฏมหาสารคาม ภาควิชาเศรษฐศาสตร์และการเมืองจึงเปิดสอนหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐประศาสนศาสตร์) และภาควิชาสังคมวิทยาได้เปิดสอนหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (การพัฒนาชุมชน) ต่อมา ภาควิชาเศรษฐศาสตร์และการเมืองได้เปิดสอนหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต (นิติศาสตร์) เป็นรุ่นแรกในปี พ.ศ. 2543 หลังจากการการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามเมื่อปี พ.ศ. 2547 ได้มีการเปลี่ยนแปลงภายในคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ขึ้น โดยหลักสูตรสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์รับผิดชอบหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต หลักสูตรสาขาวิชานิติศาสตร์รับผิดชอบหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ส่วนหลักสูตรสาขาวิชาการพัฒนาชุมชนรับผิดชอบหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต (การพัฒนาชุมชน) ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นหลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์รับผิดชอบหลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต",
"การบริหารการศึกษาดำเนินการโดย 18 คณะ 2 วิทยาลัย 1 บัณฑิตวิทยาลัย และ 2 สถาบันวิจัย [2]:5 ในปีการศึกษา 2560 มหาวิทยาลัยเปิดการสอนหลักสูตรต่าง ๆ จำนวน 177 สาขาวิชา [2]:5 เป็นหลักสูตรระดับปริญญาตรี 87 สาขาวิชา ระดับปริญญาโท 56 สาขาวิชา และระดับปริญญาเอก 34 สาขาวิชา [2]:3",
"ปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์ ดำเนินการจัดการเรียนการสอน 5 หลักสูตร คือ หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต (6 ปี) (หลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2549)\nหลักสูตรแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2556) หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเวชกิจฉุกเฉิน หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ และหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต\nสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ",
"นายสุวนัย ทะคำสอน ประธานบริหารหลักสูตรสาขาวิชานิติศาสตร์ (20 พฤศจิกายน 2558 - ปัจจุบัน)(ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตั้งแต่ 14 ธันวาคม 2559 เป็นต้นไป)",
"IUJ เป็นเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรก และเป็นมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่แห่งในประเทศญี่ปุ่น ที่ทำการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหลักสูตร โดยเริ่มการเรียนการสอนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1982 ในระดับปริญญาโท ในห้าสาขาวิชาได้แก่ การพัฒนาระหว่างประเทศ การศึกษาสันติภาพระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บริหารธุรกิจ (MBA) และ e-Business Management โดย IUJ ได้รับการรับรองการเรียนการสอนและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการแห่งประเทศญี่ปุ่น ",
"คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ จัดการเรียนการสอนในหลักสูตรระดับปริญญาตรีและปริญญาโท โดยแบ่งออกเป็น 2 หลักสูตรสาขาวิชา ได้แก่",
"ปัจจุบันหลักสูตรสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามรับผิดชอบการจัดการเรียนการสอน ดังนี้",
"หลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เริ่มเปิดทำการเรียนการสอน ในปี พ.ศ. 2550 ในสังกัดคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ต่อมาได้แยกออกมาสังกัดวิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง ในปี พ.ศ. 2551 ร่วมกับหลักสูตรสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ และหลักสูตรสาขาวิชานิติศาสตร์ และแยกออกมาสังกัดคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2557",
"จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่จัดการเรียนการสอนทางด้านนิเทศศาสตร์เป็นแห่งแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2482 โดยเปิดสอนในระดับอนุปริญญา สังกัดในคณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์[1] หลังจากนั้น จึงมีการโอนการศึกษาวิชาการหนังสือพิมพ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไปทำการสอนที่มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2497 โดยใช้ชื่อคณะว่า คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน และได้ปรับปรุงหลักสูตรจนสามารถเปิดสอนในระดับปริญญาตรีได้เป็นแห่งแรกของประเทศไทย[2] ภายหลังมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จึงได้เปิดการเรียนการสอนในสาขาวิชาทางด้านนิเทศศาสตร์มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งอาจะใช้ชื่อคณะที่แตกต่างกัน อาทิเช่น มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิตในวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใช้ชื่อ คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ใช้ชื่อ คณะวิทยาการสารสนเทศ ขณะที่ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยทักษิณ ก็มีเปิดสอนในหน่วยงานต่างๆของมหาวิทยาลัย",
"คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เป็นส่วนงานประเภทคณะของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม จัดตั้งขึ้นตามประกาศมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม เรื่องเปลี่ยนชื่อ \"วิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง\" เป็น \"คณะนิติศาสตร์\" ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2557 โดยให้มีผลเป็นคณะนิติศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2557 เป็นต้นไป มีรากฐานมาจากภาควิชาเศรษฐศาสตร์และการเมือง คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ต่อมา พ.ศ. 2543 แยกจากภาควิชารัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มาเปิดสอนโดยเอกเทศเป็นโปรแกรมวิชานิติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2552 แยกจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ จัดตั้งเป็นวิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง ร่วมกับหลักสูตรสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์และหลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ โดยมีฐานะเป็น หลักสูตรสาขาวิชานิติศาสตร์ วิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง และในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เปลี่ยนชื่อจากวิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง เป็น คณะนิติศาสตร์ ปัจจุบัน เปิดสอนระดับปริญญาตรี",
"รัฐประศาสนศาสตร์ (Public Administration) คือ การเรียนการสอนวิชาในด้านการบริหารรัฐกิจ การบริหารและการจัดการภาครัฐ ในประเทศไทยมีหลายสถาบันอุดมศึกษาเปิดสอน ทั้งนี้การสังกัดหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มีอยู่ในหลากหลายลักษณะ อาทิ สังกัดอยู่ภายใต้ชื่อคณะโดยตรง เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สังกัดอยู่ภายใต้ชื่อคณะรัฐศาสตร์ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สังกัดภายใต้ภาควิชา เช่น ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาการจัดการ รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขา รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร",
"ต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 หลักสูตรสาขาวิชานิติศาสตร์ร่วมกับหลักสูตรสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์และหลักสูตรสาขาวิชารัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นหลักสูตรวิชาชีพและกึ่งวิชาชีพได้ขอแยกจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในการบริหารงาน รวมทั้งรองรับความเติบโตของหน่วยงาน จึงมีการรวมหลักสูตรสาขาวิชาทั้ง 3 หลักสูตรเพื่อยกฐานะขึ้นเป็นหน่วยงานภายใน เรียกว่า วิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง มีฐานะเทียบเท่าคณะ ซึ่งได้รับการอนุมัติจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552 ตามระเบียบมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ว่าด้วย วิทยาลัยกฎหมายและการปกครอง พ.ศ. 2552"
] |
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสียชีวิตที่ไหน? | [
"พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ทรงลาออกจากราชการและเสด็จไปประทับ ณ ประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับครอบครัวเมื่อ พ.ศ. 2476 ต่อมาประชวรจนกระทั่งวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2479 จึงสิ้นพระชนม์ที่โรงพยาบาลในประเทศสิงคโปร์ สิริพระชันษาได้ 55 ปี พระชายาได้เชิญพระศพกลับกรุงเทพฯ คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลโปรดให้ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งทรงธรรม วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร แล้วประกอบการพระราชกุศลทักษิณานุปทานในวันที่ 8-9 ตุลาคม[5]"
] | [
"หม่อมเจ้าโสภณภราไดย เสกสมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามยุรฉัตร พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2473 มีโอรสคือ หม่อมราชวงศ์พรรธนภณ สวัสดิวัฒน์ (นามเดิม หม่อมราชวงศ์ฉัตรโสภณ สวัสดิวัตน์) ",
"สถานีกำแพงเพชร (, รหัส BL12) เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ที่ถนนกำแพงเพชร กรุงเทพมหานคร ใช้ชื่อตามถนนกำแพงเพชร ซึ่งตั้งตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งค้าขายที่สำคัญคือตลาดนัดจตุจักร ตลาดกลางองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และตลาดสัตว์เลี้ยง องค์การส่งเสริมกิจการโคมนมแห่งประเทศไทย",
"ครั้นวันรุ่งขึ้น วันที่ 8 มีนาคม 2448 ร.5 ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ตั้งหม่อมเจ้า บุตรีในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล เป็นพระองค์เจ้าตามพระมารดา ตามกฎมณเฑียรบาลราชประเพณีที่มีมา โดยทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งขึ้นเป็น พระหลานเธอ พระองค์เจ้า ทั้งสายที่จะร่วมพระครรภ์สืบไป ",
"เจ้าลดาคำ เสกสมรสครั้งแรกกับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระธิดาสององค์ได้แก่",
"ตราบุรฉัตร เป็นตราวงกลมทำจากเหล็กหล่อสีแดงน้ำหมาก สร้างขึ้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ในการที่พระองค์ทรงนำรถจักรดีเซลคันแรกมาใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2471 โดยตราบุรฉัตรจะติดข้างรถจักรดีเซลไฟฟ้าทุกคัน",
"พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 35 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาวาด ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2424 ขณะทรงพระเยาว์เริ่มศึกษาที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ",
"พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร (27 มิถุนายน พ.ศ. 2464 — 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552) เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว",
"พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบรวมกรมทางไปขึ้นกับกรมรถไฟหลวง โดยให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมขุนกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ทรงรับผิดชอบงานสร้างถนนและสะพานทั่วประเทศ เช่น สะพานกษัตริย์ศึก เป็นสะพานลอยข้ามทางรถไฟแห่งแรก และสะพานรัษฎาภิเศก จังหวัดลำปาง สะพานพุทธ สะพานพระราม 6",
"หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม: สารสาส; 7 มิถุนายน พ.ศ. 2458 – 18 ตุลาคม พ.ศ. 2526) เป็นหม่อมในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล",
"ศาสตราจารย์พิเศษ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร (12 สิงหาคม พ.ศ. 2458 - 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2524) พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล ประสูติเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2458 ",
"ประยอม ซองทอง สมรสกับ หม่อมราชวงศ์อรฉัตร สุขสวัสดิ์ ธิดาหม่อมเจ้าประสมสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ โอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี กรมหลวงอดิศรอุดมเดช กับ หม่อมเขียน และหม่อมเจ้าหญิงกาญจนฉัตร ฉัตรไชย ธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน กับ หม่อมเพี้ยน สุรคุปต์ มีบุตรธิดา 3 คน คือ",
"พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล (11 มิถุนายน พ.ศ. 2428 - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506) เป็นพระธิดาพระองค์สุดท้องในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ กับหม่อมราชวงศ์สว่าง จักรพันธุ์ และเป็นพระชายาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน",
"พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล เป็นพระชายาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน มีพระโอรส 1 องค์ และ พระธิดา 3 องค์ ซึ่งพระโอรสธิดาที่ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล จะมีฐานันดรศักดิ์เป็น\"พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า\"ทั้งหมด",
"หม่อมเจ้าสุรฉัตร ฉัตรชัย ประสูติเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2472 เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธินกับหม่อมเผือด พึ่งรักวงศ์ พระองค์มีศักดิ์เป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว",
"พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร มีพระนามเล่นว่า ตุ๊ เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2464 พระองค์มีพระเชษฐภคินีและพระเชษฐา คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามยุรฉัตร, พระองค์เจ้าหญิง และพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร",
"เป็นทรงแปดเหลี่ยมซ้อนกัน ก่ออิฐถือปูนทำผิวหินล้าง มีลายปั้นเป็นแบบรักร้อยห้องทั้ง 4 ด้าน บนสุดเป็นฉัตรโลหะ 5 ชั้นตามพระนาม ภายในบรรจุพระสรีรางคารของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน (ในเจ้าจอมมารดาวาด กัลยาณมิตร) พระชายา พระโอรสและพระธิดา ในสายราชสกุลฉัตรไชย",
"หม่อมเจ้าอุทัยเฉลิมลาภ วุฒิชัย เสกสมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล มีบุตรและธิดา คือหม่อมเจ้าอุทัยเฉลิมลาภ วุฒิชัย สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2501 สิริพระชันษา 44 ปี",
"การดำเนินกิจการรถไฟในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงให้ชาวต่างประเทศเป็นผู้ควบคุมการบริหารกิจการทั้งหมด กระทั่งปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร รักษาการตำแหน่งเจ้ากรมรถไฟสายเหนือ ในปี พ.ศ. 2460 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกรมรถไฟสายเหนือกับสายใต้เข้าเป็นกรมเดียวกัน เรียกว่า \"กรมรถไฟหลวง\" และให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมขุนกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง และทรงบุกเบิกพัฒนากิจการต่างๆ ของกรมรถไฟหลวง ขยายเส้นทางเดินรถไฟสายเหนือและสายใต้เข้าด้วยกัน สายตะวันออกเฉียงเหนือทรงสร้างทางรถไฟจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี สายตะวันออกจากฉะเชิงเทราถึงอรัญประเทศ และในปี พ.ศ. 2471 พระองค์ยังได้ทรงสั่งซื้อรถจักรดีเซล จำนวน 2 คัน (หมายเลข 21 และ 22) จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยมีกำลัง 180 แรงม้า เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นว่า รถจักรไอน้ำลากจูงขบวนรถไม่สะดวก และไม่ประหยัด อีกทั้งลูกไฟที่กระจายออกมาเป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร และอาจทำให้เกิดไฟไหม้ไม้หมอนอีกด้วย ซึ่งรถจักรดีเซลทั้งสองคันดังกล่าว เป็นรถจักรดีเซลคันแรกในทวีปเอเชีย และถือว่าประเทศไทยนำรถจักรดีเซลเข้ามาใช้งานเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียด้วย [6]",
"หม่อมราชวงศ์อรฉัตร เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2485 เป็นธิดาในหม่อมเจ้าประสมสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ กับหม่อมเจ้ากาญจนฉัตร ฉัตรชัย พระนัดดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ต้นราชสกุลฉัตรชัย และเป็นพระนัดดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ต้นราชสกุลสุขสวัสดิ สำเร็จการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมรสกับประยอม ซองทอง บุตรของฮด กับมี ซองทอง มีบุตรธิดา 3 คน คือ",
"ภายหลังการถึงแก่พิราลัยของเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต ในปี พ.ศ. 2465 เจ้าบุญสารเสวตร์ จึงได้รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินกิจการอุตสาหกรรมป่าไม้ของเจ้าบิดาต่อเนื่องมา จนกระทั่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับราชการในกรมทางหลวง ภายใต้การบังคับบัญชาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน โดยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สร้างทางหลวงสายแพร่-น่าน",
"พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรเสด็จกลับประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2447 ทรงรับราชการทหาร เหล่าทหารช่าง กรมยุทธนาธิการทหารบก ทรงดำรงตำแหน่งจเรทหารช่างพระองค์แรกในปี พ.ศ. 2451 และทรงดำรงตำแหน่งนี้เป็นระยะเวลา 17 ปี ทรงนำความรู้ในวิชาการทหารแผนใหม่ตามแบบอย่างประเทศตะวันตกมาปรับปรุงกิจการทหารช่าง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้วางรากฐานกิจการทหารช่างแผนใหม่ และกองทัพ",
"ถนนเลียบโครงการโฮปเวลล์ หรือ โลคอลโรด เป็นถนนที่ก่อสร้างในเขตทางรถไฟ เส้นทางเลียบไปกับโครงสร้างของโครงการโฮปเวลล์ ก่อสร้างโดยงบประมาณของกรมทางหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2542 ส่วนเลียบทางรถไฟสายเหนือ-อีสาน มีชื่อเป็นทางการว่า ถนนกำแพงเพชร 5 และถนนกำแพงเพชร 6 และส่วนเลียบทางรถไฟสายตะวันออก มีชื่อเป็นทางการว่า ถนนกำแพงเพชร 7 ตั้งชื่อตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน",
"วิทยุกระจายเสียงในประเทศไทย ถือกำเนิดขึ้นระยะแรก ราวปี พ.ศ. 2470-2472 โดยพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งทรงริเริ่มทดลองส่งวิทยุกระจายเสียง เป็นครั้งแรกในประเทศสยาม โดยทรงตั้งชื่อว่า “สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท” เนื่องจากส่งกระจายเสียงจากพระราชวังพญาไท และยังทรงมอบหมายให้กรมไปรษณีย์โทรเลข โดยกองช่างวิทยุ ดำเนินการทดลองส่งวิทยุกระจายเสียง เป็นการคู่ขนานกับสถานีส่วนพระองค์ โดยผู้ฟังนิยมเรียกว่า “สถานีวิทยุศาลาแดง” เนื่องจากสถานีส่งกระจายเสียง ตั้งอยู่ในบริเวณย่านที่เรียกว่าศาลาแดง และต่อมาสถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท เปิดกระจายเสียงอย่างเป็นทางการ เริ่มด้วยการถ่ายทอดเสียงสด กระแสพระราชดำรัส เนื่องในการพระราชพิธีฉัตรมงคล ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เมื่อวันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 จากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร",
"เจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ (7 ธันวาคม พ.ศ. 2439 — 15 มิถุนายน พ.ศ. 2527) เป็นเจ้านายฝ่ายเหนือท่านหนึ่ง ทั้งเคยเป็นอดีตหม่อมในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว",
"หม่อมเจ้าสุรฉัตร ฉัตรชัย (15 มิถุนายน พ.ศ. 2472 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2536) เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว",
"นายพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระนามเดิม พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร (23 มกราคม พ.ศ. 2424 - 14 กันยายน พ.ศ. 2479) อดีตจเรทหารช่าง อดีตผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง อดีตเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม และ ผู้ริเริ่มการค้นหาปิโตรเลียมในประเทศสยามเป็นครั้งแรก",
"ท่านผู้หญิงฉัตรสุดา วงศ์ทองศรี (นามเดิม: หม่อมเจ้าฉัตรสุดา ฉัตรไชย; เกิด: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2463 — ถึงแก่อนิจกรรม 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2539) เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน กับเจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ ",
"พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เสนาบดี กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ในรัชกาลที่ 7 ทรงเป็นผู้บุกเบิกและริเริ่มใ ห้มีการทดลองส่งวิทยุกระจายเสียง ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยปี พ.ศ. 2470 พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ได้ทรงซื้อเครื่องส่งวิทยุเข้ามาเพื่อศึกษายังที่ประทับของพระองค์เองคือวังบ้านดอกไม้ ทั้งศึกษาและทดลองเอาโทรศัพท์และเสียงเพลงมาส่งเสียงพูด พร้อมเสียงดนตรีกระจายออกไป",
"พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามยุรฉัตร (7 มีนาคม พ.ศ. 2448 — 11 สิงหาคม พ.ศ. 2513) เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมลประสูติเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2448 เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล ",
"ร้อยตรี หม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย (6 ตุลาคม พ.ศ. 2477 - 13 มกราคม พ.ศ. 2553) เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ประสูติแต่ หม่อมเอื้อม ฉัตรชัย ณ อยุธยา (สกุลเดิม อรุณทัต) และทรงเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้เขียนบทภาพยนตร์ชาวไทย สิ้นชีพิตักษัยที่วัง ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี หลังจากประชวรด้วยโรคพาร์กินสัน เป็นเวลาถึง 15 ปี ซึ่งหม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรไชย เป็นอนุชาต่างมารดา กับ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร ที่สิ้นพระชนม์ก่อนหม่อมเจ้าทิพยฉัตร ฉัตรชัย เพียง 1 เดือน นับเป็นการสูญเสียเจ้านายชั้นสูงที่นับถือของราชสกุลฉัตรชัย"
] |
เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดลฤดูกาลที่ 5 ใครเป็นผู้ชนะ ? | [
"ผู้ชนะในฤดูกาลนี้ คือ มอรีน ว็อบเบลวิทซ์ จาก ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเธอจะได้รับรถยนต์ ซูบารุ อิมเปรซ่า หนึ่งคัน, ถ่ายภาพแฟชั่นเซ็ทและขึ้นหน้าปกให้กับ นิตยสาร ไนล่อน แม็กกาซีน สิงคโปร์ และเซ็นสัญญานางแบบกับเอเจนซี่ สตอร์ม โมเดล แมเนจเมนท์ ที่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ"
] | [
"ต่อมา โมนิก้า ได้พูดคุยกับจอร์จิน่า ซึ่งโมนิก้าได้เผยว่า ตัวเธอไม่ได้เป็นคนเสแสร้ง และไม่ได้เป็นคนขี้โกหก และการถ่ายภาพที่เธอประสบปัญหามากที่สุดคือ การถ่ายแคตตาล็อกของ ซาโลรา และเมื่อจอร์จิน่าถามว่า เธอคิดว่าใครควรชนะการแข่งขัน เธอได้ตอบว่า กานี่ เนื่องจากเธอเชื่อมันศักยภาพในตัวกานี่เป็นอย่างมาก ว่าจะสามารถไปได้ไกลในวงการแฟชั่น โครงหน้าของเธอสามารถทำให้ถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงาม และสุดท้ายเธอได้เผยว่า กานี่ คือคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเธอ",
"เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 1 เป็นฤดูกาลแรกของ เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ที่ต้องการค้นหาสุดยอดนางแบบ เพื่อทำงานในวงการนางแบบ ในระดับมืออาชีพ โดยสาวๆ ที่เข้าแข่งขัน จะต้องมีเชื้อสายของเอเชียเท่านั้น โดยส่วนมากจะมากจากเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้",
"ผู้ชิงตำแหน่งสามคนสุดท้าย: มิญ ตู้ เหงียน, มอรีน ว็อบเบลวิทซ์ และชิคิน โกเมซ เอเชีย เน็กซ์ ทอป โมเดล: มอรีน ว็อบเบลวิทซ์ ช่างถ่ายภาพ: ยู ไซ แขกรับเชิญพิเศษ: เพีย วูร์ทซบาค, รูบี้ แอดเลอร์, อะเดล ชาน, เกล็น ตัน, แดเนียล บอย, นูราอซิลาห์ โกเมซ, โรซินะห์ บินตี้ ยาฮายะห์, ลึง จื่อ เถียน, ฉึ่ง หวิก ซี, เอ็นริโก้ นิดิวิดาด, เดซี่ นิดิวิดาด",
"นิโคลเป็นผู้ผ่านรอบคัดเลือกรอบ 14 คนสุดท้ายของรายการ อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 13 ซึ่งเป็นฤดูกาลสำหรับสาวที่สูงไม่เกิน 5 ฟุต 7 และเธอก็เป็นผู้ชนะในฤดูกาลนั้น ไม่กี่เดือนก่อนที่จะเปิดรอบคัดตัว นิโคลก็ได้พบกับช่างภาพเดนเวอร์ ที่อาร์ทแกลอรี่ ซึ่งเขาได้แนะนำให้เธอลองมาออดิชั่นเหมือนกับที่เคยแนะนำ แอลลิสัน ฮาร์วาร์ด จาก อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 12 มาแล้ว",
"สุดท้ายแล้ว กลุ่มสองเป็นกลุ่มที่ชนะ และภาพของพวกเธอ จะได้ถูกตีพิมพ์ลงนิตยสาร ฮาร์เปอร์บาซาร์ จีและสเตฟานี่ ต้องตกเป็นสองคนสุดท้าย จากภาพถ่ายที่ออกมาจืดชืด และไม่มีชีวิตชีวา แต่ นาเดีย ได้กล่าวว่า เนื่องจาก โมนิก้า ได้ออกจากการแข่งขัน ในสัปดาห์นี้พวกเธอทั้งคู่จะได้รับโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้ง โดยจะไม่มีใครถูกคัดออกจากการแข่งขัน",
"ซึ่งการตัดสินนั้น จะตัดสินจากภาพเซลฟี่แบบรายบุคคล โดยสาวๆต่างแยกย้ายกันออกไปถ่ายภาพตามมุมต่างๆภายในบ้านพัก ซึ่งภาพถ่ายที่องค์ประกอบภาพออกมาโดยรวมถูกใจ แอนเดรีย มากที่สุด คือภาพของ วาเลรี่ เธอจึงเป็นผู้ชนะในครั้งนี้ ทำให้เธอได้รับคะแนนจากการแข่งขันสูงที่สุด ในขณะที่ เลย์ลา ได้รับคะแนนต่ำที่สุด ซึ่งทำให้ มิญ ตู้ ที่สนิทกับ เลย์ลา รู้สึกกังวลแทนเธอเป็นอย่างมาก ต่อมา พวกเธอได้รับข้อความจากซินดี้ ว่าให้ไปดูที่ริมสระว่ายน้ำ เมื่อพวกเธอออกไป จึงพบว่า มีอาหารและเครื่องดื่ม เป็นจำนวนมาก จัดเตรียมไว้ให้แก่พวกเธอ พวกเธอจึงดื่มและรับประทานอาหารกันอย่างสนุกสนาน",
"อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 21 (หนุ่มหล่อ & สาวสวย2) เป็นฤดูกาลที่ 21 ของอเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล โดยในฤดูกาลนี้ จะเป็นครั้งที่สองในประวัติศาสตร์รายการ ทีมีผู้เข้าแข่งขันเป็นผู้ชาย ร่วมเข้าแข่งขันในรายการด้วย ซึ่งฤดูกาลนี้จะเริ่ม ออกอากาศใน ปี 2557 โดยคณะกรรมการยังประกอบไปด้วย ไทรา แบงส์, เคลลี่ ครูโทน, สุดยอดนายแบบชาย ร็อบ อีวานส์ ถูกเปลี่ยนเป็น เจ.อเล็กซานเดอร์ และ ผู้กำกับการถ่ายภาพ เปลี่ยนจาก จอห์นนี่ วูเจ็ค เป็น ยู ไซ โดยที่ในฤดูกาลนี้ประชาชนยังสามารถโหวตให้คะแนนผู้เข้าแข่งขัน ได้เหมือนใน สองฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการคัดออกในแต่ละสัปดาห์ได้เหมือนเดิม",
"ในรอบสามคนสุดท้าย ผู้เข้าแข่งขันต้องถูกคณะกรรมการประเมินผลงานทั้งหมดที่ผ่านมาเพื่อคัดเลือกให้เหลือเพียงสองคนสำหรับเข้าสู่การเดินแบบรอบสุดท้าย โดยแชนน่อนเป็นคนแรกที่ผ่านเข้ารอบ และเอลิสกับเอเดรียนน์ที่เป็นสองคนสุดท้าย และผู้ตัดสินต่างลงความเห็นว่าจนถึงตอนนี้เอลิสก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการเป็นนางแบบไม่เพียงแต่สวยอย่างเดียวเท่านั้นยังต้องมีความฉลาดอีกด้วยและนั่นจึงทำให้เธอต้องตกรอบ\nหลังจากที่เอเดรียนน์และแชนน่อนได้เดินแบบให้กับโชว์ของเบบี้แฟทแล้ว สองสาวก็ต้องเข้าพบคณะกรรมการเพื่อให้ประเมินผลงานอีกเป็นครั้งสุดท้าย การเดินแบบบนรันเวย์ของแชนน่อนได้รับคำชมจากกรรมการเป็นอย่างมาก และคณะกรรมการได้ลงความเห็นว่าเธอน่าจะขายได้ในวงการแฟชั่น ไทร่ารู้สึกแปลกใจที่เอเดรียนน์มาไกลได้ถึงขนาดนี้เพราะในตอนรกทั้งรูปลักษณ์และการพูดจาของแอนเดรียนน์ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่านางแบบเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ตัดสินใจกันได้เรียบร้อยแล้ว ไทร่าได้เรียกผู้เข้าแข่งขันทั้งสองกลับเข้ามาแล้วบอกว่าภาพที่อยู่ด้านหลังคณะกรรมการคือผู้ชนะ และเมื่อดึงผ้าที่ปิดอยู่ออกมาปรากฏว่า ผู้ชนะคนแรกของอเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดลก็คือ เอเดรียนน์ เคอร์รี่",
"ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน ผู้ที่ถูกคัดออกจากการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะการแข่งขันประจำสัปดาห์ ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกจากการแข่งขัน แต่ได้รับโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้ง ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะการแข่งขันประจำสัปดาห์ และถูกคัดออกจากการแข่งขัน แต่ได้รับโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้ง ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกเพิ่มเข้ามา แต่ที่จริงแล้ว เป็นกรรมการที่ปลอมตัวมาเป็นผู้เข้าแข่งขัน",
"เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 4 เป็นฤดูกาลที่ 4 ของ เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ที่ต้องการค้นหาสุดยอดนางแบบ เพื่อทำงานในวงการนางแบบ ในระดับมืออาชีพ โดยสาวๆ ที่เข้าแข่งขัน จะต้องมีเชื้อสายของเอเชียเท่านั้น โดยส่วนมากจะมากจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในฤดูกาลนี้จะถ่ายทำรายการ ใน ประเทศสิงคโปร์ เริ่มออกอากาศวันที่ 9 มีนาคม 2559 เป็นวันแรก โดยในฤดูกาลนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะตัดสินโดยการให้คะแนนจากการแข่งขันประจำสัปดาห์และคะแนนจากคณะกรรมการในห้องตัดสิน",
"หลังจากที่ถ่ายภาพให้กับนิตยสารเซเว่นทีนแล้ว สองสาวต้องเดินโชว์บนรันเวย์ให้กับ แอดดีย์ แวน เดน ครอมเมนแอ็คเกอร์ โดยมี วิทนีย์ ทอมป์สัน ผู้ชนะจากฤดูกาลที่ 10 และ อนันดา มาร์คชิลดอน จาก เนเธอร์แลนด์ เน็กซ์ ท็อปโมเดลฤดูกาลที่ 4 เข้าร่วมด้วย โดยพวกเธอต้องเดินบนรันเวย์ที่ยาวและดูแปลกในคอนเซปต์แฟรี่เทลล์ และในการตัดสินครั้งสุดท้าย ทั้งคู่ต่างสูสีกันอย่างมากอย่างกินกันไม่ลงทั้งการเดินโชว์บนรันเวย์ และภาพถ่ายที่ผ่านมา แม็กคีย์ดูมีความหลากหลายและเป็นแฟชั่นชั้นสูง ส่วนซาแมนธ่าดูเข้าถึงง่ายและเป็นตัวแทนของสาวสุขภาพดี ทำให้กรรมการต้องลำบากใจในการตัดสินครั้งนี้มาก และหลังจากที่พิจารณากันอย่างถี่ถ้วนแล้ว คณะกรรมการก็ตัดสินใจและประกาศว่า ผู้ชนะของฤดูกาลที่ 11 ก็คือ แม็กคีย์ ซูลลิแวน",
"อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 13 (America's Next Top Model, Cycle 13) เป็นฤดูกาลที่ 13 ของอเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ออกอากาศครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา ทางช่อง CW ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552 สำหรับฤดูกาลนี้มีผู้เข้าแข่งขันจำนวนเท่ากับ ฤดูกาลที่ 10 และ 11 โดยมีทั้งสิ้น 14 คน และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สุดยอดนางแบบ หญิงสาวสูง 5 ฟุต 7 นิ้วและเตี้ยกว่านั้น , ความงามอยู่ภายใต้มาตรฐานความสูง เพื่อก้าวสู่ผู้ชนะ 14 สาวต้องพิสูจน์ความงามที่มาในทุกรูปทรง , ขนาดและความสูง สำหรับคำโฆษณาที่ใช้ในฤดูกาลนี้คือ \"'The Lineup Is 5\"7' And Under. Not The Usual Suspects. BOOK 'EM!\" และเพลงที่ใช้สำหรับประกอบตัวอย่างของรายการในฤดูกาลนี้คือเพลง \"Good Girls Go Bad\" ของ Cobra Starship",
"ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก: มิญ ตู้ เหงียน ผู้ที่ตกเป็นสองคนสุดท้าย: เลย์ลา อ๋อง และ โดโรธี เพทโซลด์ ผู้ที่ถูกคัดออก: เลย์ลา อ๋อง ช่างถ่ายภาพ: ยู ไซ แขกรับเชิญพิเศษ: แอนเดรีย ชง, เจสัน ก็อดฟรี, แม็ดดี้ รอสส์",
"ผู้ชนะคนแรกของออสเตรเลียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล คือ เจมมา แซนเดอร์สัน อายุ 22 ปี จากเมือง นิวคาสเซิล",
"เริ่มต้นสัปดาห์นี้ อดัม ได้เข้ามาปลุกสาวๆที่บ้านพักแต่เช้าตรู่ เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกไปทำโจทย์ประจำสัปดาห์ โดยหัวข้อในครั้งนี้คือ การออกกำลังกาย ในระหว่างที่เดินทางออกไปยังค่าย แจนิซ ได้พูดถึง เทีย ในแง่ลบ ซึ่งทำให้มารี และพูจา รู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากสาวๆในบ้านคิดว่า พวกเธอเป็นเพื่อนสนิทกัน ในการแข่งขัน สาวๆจะได้แข่งกันเป็นทีม โดยผู้ที่ได้ภาพที่ดีที่สุดในครั้งก่อน จะได้เป็นหัวหน้าทีม คือ มารี และ โจเซฟิน ซึ่งสุดท้ายแล้ว เทีย เป็นคนเดียวที่ไม่มีใครเลือกเลย เธอจึงต้องเป็นทีมที่มีคนเดียว โดยสาวๆแต่ละทีม จะต้องฝ่าด่านต่างๆของการฝึก ซึ่งทีมที่ทำเวลาได้น้อยที่สุด จะได้เป็นทีมที่ชนะ สุดท้ายแล้ว เทีย ซึ่งมีร่างกายที่แข็งแรง ทำเวลาได้น้อยที่สุด เธอจึงเป็นผู้ชนะการแข่งขันครั้งนี้ รางวัลของเธอคือ จะได้ใช้เวลาในการทำสปาทรีทเม้นท์ โดยเธอได้เลือก แจนิซ ร่วมแบ่งปันรางวัลกับเธอด้วย",
"ผู้ที่ได้คะแนนมากที่สุดในสัปดาห์ ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน ผู้ที่ถูกคัดออกจากการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกคัดออกจากการแข่งขัน แต่ได้รับโอกาสให้แก้ตัวอีกครั้ง ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันที่ถูกเพิ่มเข้ามาภายหลัง แต่ที่จริงแล้ว เป็นกรรมการที่ปลอมตัวมา",
"ผู้ที่ถูกเรียกชื่อคนแรก: ชิคิน โกเมซ ผู้ที่ตกเป็นสามคนสุดท้าย: ซินดี้ เฉิน, โดโรธี เพทโซลด์ และวาเลรี่ คราสนาเดวี ผู้ที่ถูกคัดออก: โดโรธี เพทโซลด์ และ วาเลรี่ คราสนาเดวี ผู้กำกับวิดีโอ: เควิน โอ แขกรับเชิญพิเศษ: คิม โจนส์, เรย์น รีด",
"การตัดสินครั้งที่สองจะเป็น การตัดสินจากการเดินแบบครั้งสุดท้าย และเป็นอีกครั้งที่ ชีน่า ได้รับการยกย่องว่า มีใบหน้าที่เป็นเอเชียแบบทันสมัย ในขณะที่ โจดิลลี่ ก็มีการเดินแบบที่แข็งแกร่ง และยังมีใบหน้าที่เป็นสาวเอเชียแบบคลาสสิค และเมื่อทั้งสองคนถูกเรียกกลับมา ผู้ชนะ ของเอเชีย เน็กซ์ ทอป โมเดล ฤดูกาลที่สอง คือ ชีน่า เลียม",
"เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 2 เป็นฤดูกาลที่ 2 ของ เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ที่ต้องการค้นหาสุดยอดนางแบบ เพื่อทำงานในวงการนางแบบ ในระดับมืออาชีพ โดยสาวๆ ที่เข้าแข่งขัน จะต้องมีเชื้อสายของเอเชียเท่านั้น โดยส่วนมากจะมากจากเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ ซึ่งในฤดูกาลนี้จะถ่ายทำรายการ ใน ประเทศมาเลเซีย และเริ่มออกอากาศวันที่ 8 มกราคม 2557 เป็นวันแรก",
"ต่อมา สาวๆได้เดินทางมาที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการเดินแบบครั้งสุดท้าย พวกเธอจะได้สวมชุดราตรีที่ออกแบบโดย เฟรเดอริก ลี ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก วัฒนธรรมชาวเขาของเอเชีย โดยจะได้สาวๆที่ถูกคัดออกไปแล้ว เฮเลน่า, โซเฟีย, ทรัง, ฟีแลนโทรปี, เคย์ล่า และอาสธา รวมถึง โซฟี่ ซัมเนอร์ ผู้ชนะจาก อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 18 มาร่วมเดินแบบอีกด้วย ซึ่งพวกเธอ ก็สามารถทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ซึ่งหลังจากเดินแบบเสร็จ ไทรา แบงส์ จึงได้เข้ามาพูดคุยกับสาวๆที่หลังเวที",
"ในการแข่งขัน สาวๆต่างเลือกจับคู่กันเอง และถ่ายภาพให้ซึ่งกันและกัน ซึ่งสาวๆแต่ละกลุ่ม ก็ประสบปัญหาที่แตกต่างกันออกไป สุดท้ายแล้ว โดโรธี เป็นผู้ชนะในครั้งนี้ จากภาพถ่ายที่ออกมาดูสร้างสรรค์มากที่สุด เมื่อผลคะแนนการแข่งขันปรากฏออกมา ได้เกิดความตึงเครียดขึ้น เมื่อ วาเลรี่ รู้สึกว่า โดโรธี ไม่ควรชนะการแข่งขันในครั้งนี้ จึงเกิดการโต้แย้งกันระหว่าง นามีธา, วาเลรี่ และเวโรนิก้า",
"เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 5 เป็นฤดูกาลที่ 5 ของ เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ที่ต้องการค้นหาสุดยอดนางแบบ เพื่อทำงานในวงการนางแบบ ในระดับมืออาชีพ โดยสาวๆ ที่เข้าแข่งขัน จะต้องมีเชื้อสายของเอเชียเท่านั้น โดยส่วนมากจะมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในฤดูกาลนี้จะถ่ายทำรายการ ใน ประเทศสิงคโปร์ เริ่มออกอากาศ 5 เมษายน 2560 โดยในฤดูกาลนี้จะยังคงตัดสินโดยการให้คะแนนจากการแข่งขันประจำสัปดาห์และคะแนนจากคณะกรรมการในห้องตัดสินเช่นเดียวกันกับ ฤดูกาลที่ผ่านมา โดยธีมของฤดูกาลนี้ คือ \"คาดหวังในสิ่งที่ไม่คาดคิด\" (Expect The Unexpected)",
"ในฤดูกาลที่ 7 ทางรายการได้เปลี่ยนชื่อรายการจาก \"บริเทนส์เน็กซต์ท็อปโมเดล\" มาเป็น \"บริเทนแอนด์ไอร์แลนส์เน็กซต์ท็อปโมเดล\" เพื่อเปิดกว้างการรับสัมครนางแบบในประเทศไอร์แลนด์ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อกลับเป็นเหมือนเดิม แต่ยังคงรับสมัครนางแบบในไอร์แลนด์\nในปี 2555 ผู้เข้าแข่งจากฤดูกาลที่ 2 - 5 ได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการ อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 18 ในชื่อว่า อเมริกาส์เน็กซต์ท็อปโมเดล:บริทิช อินเวชั่น (America's Next Top Model: British Invasion) โดยทั้งหมดจะต้องไปแข่งขันเป็นทีมกับนางแบบชาวอเมริกัน และ โซฟี่ ซัมเนอร์ จากฤดูกาลที่ 5 ได้คว้าตำแฟน่งผู้ชนะเลิศในฤดูกาลดังกล่าวด้วย",
"เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 3 เป็นฤดูกาลที่ 3 ของ เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ที่ต้องการค้นหาสุดยอดนางแบบ เพื่อทำงานในวงการนางแบบ ในระดับมืออาชีพ โดยผู้ที่เข้าแข่งขัน จะต้องมีเชื้อสายของเอเชียเท่านั้น โดยส่วนมากจะมากจากเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ ซึ่งในฤดูกาลนี้จะถ่ายทำรายการ ใน ประเทศสิงคโปร์ เริ่มออกอากาศวันที่ 25 มีนาคม 2558 เป็นวันแรก",
"เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล () เป็นรายการเรียลลิตีโชว์ที่ทำการคัดเลือกสาวๆจากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ที่ใฝ่ฝันจะเป็นสุดยอดนางแบบในระดับมืออาชีพ โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องขับเคี่ยวและฟ่าฝ่าอุปสรรคต่างๆนานา ในการขึ้นอยู่ไปอยู่ในระดับสุดยอดนางแบบ ทั้งการถ่ายภาพ การถ่ายโฆษณา ซึ่งเริ่มออกอากาศครั้งแรกทางช่อง สตาร์เวิลด์ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2555",
"หมวดหมู่:เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล หมวดหมู่:การแข่งขัน หมวดหมู่:การประกวดนางแบบ หมวดหมู่:เรียลลิตีโชว์",
"ซึ่งผู้ชนะในฤดูกาลนี้ คือ เดนา สโลซาร์ ตัวแทนจาก ประเทศไทย ซึ่งเธอจะได้รับรถยนต์ ซูบารุ เอ็กซ์วี หนึ่งคัน, ถ่ายภาพแฟชั่นเซ็ทและขึ้นหน้าปกให้กับ นิตยสาร ฮาร์เปอร์ บาซาร์ ไทยแลนด์, ได้เป็นตัวละครส่วนหนึ่งของเกมส์ในโทรศัพท์มือถือ อเมริกาส์เน็กซ์ท็อปโมเดล และเซ็นสัญญานางแบบกับเอเจนซี่ สตอร์ม โมเดล แมเนจเมนท์ ที่ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ",
"บริเทนส์เน็กซต์ท็อปโมเดล () เป็นรายการเรียลลิตีโชว์ที่ออกอากาศอยู่ทางช่อง ลิวิง โดยจะทำการคัดเลือกหญิงสาวจากทั่วประเทศที่ใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นนางแบบ ในเงื่อนไขที่ว่า ผู้สมัครเข้าแข่งขันต้องไม่เคยทำงานหรือทำสัญญากับบริษัทโมเดลลิ่งใดๆ มาก่อนเลยในระยะเวลา 5 ปี โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องผ่านบททดสอบมากมาย และผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวจะได้เซ็นสัญญากับเอเจนซี่ และเป็นใบเบิกทางสำหรับอาชีพนางแบบต่อไป",
"เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ฤดูกาลที่ 6 เป็นฤดูกาลที่ 6 ของ เอเชียส์เน็กซต์ท็อปโมเดล ที่ต้องการค้นหาสุดยอดนางแบบ เพื่อทำงานในวงการนางแบบในระดับมืออาชีพ โดยสาวๆ ที่เข้าแข่งขัน จะต้องมีเชื้อสายของเอเชียเท่านั้น โดยส่วนมากจะมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในฤดูกาลนี้จะเป็นฤดูกาลแรกที่จะถ่ายทำรายการ ใน ประเทศไทย เริ่มออกอากาศ 22 สิงหาคม 2561 โดยในฤดูกาลนี้จะยังคงตัดสินโดยการให้คะแนนจากการแข่งขันประจำสัปดาห์และคะแนนจากคณะกรรมการในห้องตัดสินเช่นเดียวกันกับ ฤดูกาลที่ผ่านมา และในฤดูกาลนี้จะมีโมเดลเมนเทอร์คอยดูแลและให้คำแนะนำแก่ผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งมี โมนิกา ซานตา มาเรีย อดีตผู้เข้าแข่งขันจาก ฤดูกาลที่ 3 ชิคิน โกเมซ และ มิญ ตู้ เหงียน อดีตผู้เข้าแข่งขันจาก ฤดูกาลที่ 5 มาทำหน้าที่ในครั้งนี้ โดยธีมของฤดูกาลนี้ คือ \"\"เหนือขีดจำกัด\" (Beyond Limits)\""
] |
เจ.เค. โรว์ลิ่ง มีพี่น้องกี่คน? | [
"โรว์ลิงมีน้องสาวหนึ่งคนชื่อว่าไดแอนน์[9] เกิดให้หลังเธอ 23 เดือน[23] เมื่อโรว์ลิงอายุสี่ขวบ ครอบครัวของเธอย้ายไปอยู่ที่วินเทอร์บอร์น ซึ่งเป็นหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง[31] เธอเข้าเรียนในระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนเซนต์ไมเคิล ที่ก่อตั้งโดยวิลเลียม วิลเบอร์ฟอร์ซ นักการเมืองผู้เรียกร้องให้เกิดการเลิกทาสในอังกฤษและฮันนาห์ มอร์ นักปฏิรูปการศึกษาของอังกฤษ[32][33] อัลเฟรด ดันท์ ครูใหญ่ที่โรงเรียนแห่งนี้ภายหลังได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เธอสร้างตัวละครอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ขึ้น[34]"
] | [
"ในวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2556 วอร์เนอร์บราเธอร์สได้ออกแถลงข่าวว่า หนังสือ \"สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่\" จะได้รับการดัดแปลงสู่รูปแบบภาพยนตร์ในลักษณะเป็นภาพยนตร์ชุด โดยมีวอร์เนอร์บราเธอร์สเป็นผู้ผลิตและออกจำหน่าย อีกทั้งเจ. เค. โรว์ลิ่ง ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จะเป็นคนเขียนบทเองอีกด้วย ซึ่งเหตุผลที่โรว์ลิ่งอนุมัติก็เนื่องจากเธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับวอร์เนอร์บราเธอร์ส และอยากจะเขียนเรื่องราวของ นิวท์ สคามันเดอร์ ตัวละครในหนังสือให้แฟน ๆ ได้รู้จัก โดยเรื่องราวทั้งหมดจะเกิดขึ้นที่นครนิวยอร์ก ช่วงทศวรรษ 1920 ภายหลังมีการยืนยันเพิ่มเติมว่า เดวิด เฮย์แมน ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ทั้ง 8 ภาค จะกลับมาทำหน้าที่เดิมในภาพยนตร์ชุดนี้อีกครั้ง",
"ฟิเลียส ฟลิตวิก (Filius Flitwig) เป็นตัวละครในหนังสือวรรณกรรมเยาวชนชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ในตอนเริ่มเรื่อง ฟลิตวิกเป็นอาจารย์สอนวิชาคาถา และอาจารย์ประจำบ้านเรเวนคลอ ปรากฏตัวในภาคแรกตอนที่แฮร์รี่เข้าเรียนวิชาคาถา เขาได้สอนให้แฮร์รี่และเพื่อนๆ ใช้คาถา\"วิงการ์เดียม เลวิโอซ่า\" และเป็นคนเสกให้กุญแจบินได้เพื่อป้องกันศิลาอาถรรพ์ ในภาคที่สองฟลิตวิกมีอาการวิตกกับการเปิดออกของห้องแห่งความลับถึงขนาดส่งนักเรียนบ้านเรเวนคลอกลับบ้าน ในภาคสามและสี่ฟลิตวิกเป็นวาทยากรวงประสานเสียง ในภาคที่ห้าฟลิตวิกเป็นอาจารย์ที่ต่อต้านอัมบริดจ์แต่ไม่เปิดเผยเพราะกลัวโดนไล่ออกเหมือนทรีลอว์นี่ ในภาคสุดท้ายฟลิตวิกร่วมต่อสู้ในสงครามฮอกวอตส์จนชนะ",
"พรีเควลแฮร์รี่พอตเตอร์ เป็นบทความสั้น ๆ ของนักเขียน เจ. เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งเธอเขียนขึ้นมาหลังจากแฮร์รี่ พอตเตอร์จบลง มีทั้งหมด 800 คำ 2 หน้ากระดาษด้วยกัน โดยเธอกล่าวว่า \"สองสามเดือนก่อน นักเขียนจำนวนหนึ่งได้รับเชิญให้เขียนการ์ดด้วยลายมือสำหรับการประมูล โดย Waterstone's ในวันที่ 10 มิถุนายน รายได้ทั้งหมดจะมอบให้กับ \"English PEN\" ซึ่งเป็นสมาคมของนักเขียน และสมาคม \"Dyslexia Society\"\"",
"ในเทพนิยายของพี่น้องตระกูลกริมม์เรื่องแรก คือ \"Die Wichtelmänner\" ตัวเอกซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่อเรื่องเป็นหุ่นเปลือยสองตัวซึ่งทำงานช่วยช่างทำรองเท้า เมื่อช่างให้รางวัลแก่พวกเขาเป็นเศษผ้าชิ้นเล็กๆ พวกเขาก็ดีใจมาก แล้ววิ่งหนีหายไปไม่มีใครพบอีกเลย \"Wichtelmänner\" เป็นภูตเล็กๆ ชนิดหนึ่งทำนองเดียวกับคนแคระ และ แต่เมื่อบทประพันธ์ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ กลับมีชื่อเรื่องว่า \"เอลฟ์กับช่างทำรองเท้า\" (The Elves and the Shoemaker) แนวคิดนี้ยังได้สะท้อนต่อมาอยู่ในวรรณกรรมของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในลักษณะของ เอลฟ์ประจำบ้าน",
"เอลฟ์ประจำบ้านเป็นสิ่งมีชีวิตในจินตนาการของเจ.เค.โรว์ลิ่ง ปรากฏในนิยายและภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ มีลักษณะเป็นภูตวิเศษขนาดเล็กที่สิงอยู่ในบ้านที่มีขนาดใหญ่ ทำหน้าที่คอยดูแลรับใช้คนในตระกูลเวทมนตร์ ซึ่งจะทำหน้าที่นี้ไปจนกว่ามันจะตาย เอลฟ์ประจำบ้านจะภาคภูมิใจในหน้าที่ของตน และจะไม่ทรยศต่อครอบครัวของตน",
"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม (Harry Potter and the Half-Blood Prince) ภาพยนตร์ภาคที่ 6 โดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส จากวรรณกรรมเยาวชน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม โดยมีเดวิด แบร์รอน กับไมเคิล โกลเดนเบิร์กเป็นผู้อำนวยการสร้าง และสตีฟ โคลฟเขียนบทภาพยนตร์ จากนิยายโดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งตอนแรกมีโปรแกรมให้ผู้กำกับที่ชื่อ กิลเลโม เดล โทโร มาเป็นผู้กำกับ แต่ได้รับการปฏิเสธถึง 2 ครั้ง ทำให้เดวิด เยตส์ผู้กำกับคนก่อนมากำกับในภาคนี้และจะเป็นผู้กำกับในแฮร์รี่ พอตเตอร์ในภาคที่เหลือทั้งหมด ",
"โทมัส แอนดรูว์ \"ทอม\" เฟลตัน () (เกิดเมื่อวันที่ 22 กันยายน 1987) เป็นนักแสดงและนักดนตรีชาวอังกฤษ ทอมเป็นที่รู้จักในบทบาทของ เดรโก มัลฟอย ตัวละครในภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากหนังสือขายดีของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งตัวเขาได้เข้ารับการออดิชั่นเมื่ออายุได้ 12 ปี",
"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ภาค 2 () เป็นภาพยนตร์แฟนตาซี-ผจญภัยภาคต่อในปี พ.ศ. 2554 ที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์ชื่อเดียวกันของเจ. เค. โรว์ลิ่ง อันเป็นตอนสุดท้ายของหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ",
"แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์</b>เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 (วันเดือนเดียวกับผู้แต่ง เจ. เค. โรว์ลิ่ง ได้เขียนให้แฮร์รี่เกิดวันเดียวกันกับเธอแต่คนละปี) เป็นลูกชายคนเดียวของเจมส์ พอตเตอร์และลิลี่ พอตเตอร์ เป็นตัวละครเอกในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์",
"ผู้เขียนที่ใช้นามแฝงว่า \"แรบบิท\" นั้น ได้แรงบันดาลใจมาจาก งานเขียนของเจ. เค. โรว์ลิ่ง นักเขียนเจ้าของผลงานวรรณกรรมก้องโลก แฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ และประสบความสำเร็จในประเทศไทยอย่างมาก รวมไปถึงเรื่อง The Book of Three ของ Lloyd Alexander ซึ่งเป็นเรื่องราวของเจ้าชายกับคนเลี้ยงหมู ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ผู้เขียน",
"ในเล่มสุดท้ายกระทรวงถูกครอบงำโดยเหล่าผู้เสพความตายและได้มีการแต่งตั้งให้เซเวอรัส สเนปเป็นอาจารย์ใหญ่แทนมักกอนนากัลที่เป็นว่าที่อาจารย์ใหญ่ในเวลานั้น และสเนปเข้ายึดครองฮอกวอตส์ ในวันที่แฮร์รี่บุกฮอกวอตส์มักกอนนากัลถูกพี่น้องแคร์โรว์ถ่มน้ำลายใส่แต่แฮร์รี่ก็ออกมาช่วยแก้แค้น ทำให้พี่น้องแคร์โรว์หมดสภาพ มักกอนนากัลยังเปิดศึกการต่อสู้กับสเนปอย่างดุเดือดจนระเบียงพังพินาศ แต่สเนปหนีไปได้ มักกอนนากัลได้ต่อสู้ในสงครามฮอกวอตส์ในการเจอกับโวลเดอมอร์จนเกือบพลาดท่า แต่แฮร์รี่มาช่วยไว้ได้ ภายหลังฮอกวอตส์สงบสุขมักกอนนากัลขึ้นเป็นอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ ภายหลังความดีของสเนปถูกเปิดเผยและสเนปได้รับการยอมรับจากทุกคน และเธอได้พบบันทึกของดัมเบิลดอร์ที่เขียนไว้เกี่ยวกับนิทานของบีเดิลยอดกวี เธอจึงนำบันทึกดังกล่าวตีพิมพ์ให้กับเจ. เค. โรว์ลิ่ง",
"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ คือหนังสือเล่มที่สองของหนังสือชุด\"แฮร์รี่ พอตเตอร์\" ที่แต่งโดย เจ. เค. โรว์ลิ่ง เป็นเรื่องของชีวิตของแฮร์รี่ในการเรียนปีที่สองในโรงเรียนฮอกวอตส์ ปีนี้มีข้อความลึกลับปรากฏขึ้นบนกำแพงทางเดิน เตือนว่า \"ห้องแห่งความลับ\" ถูกเปิดแล้ว และ \"ทายาทของสลิธีริน\" จะออกสังหารเด็กนักเรียนที่ไม่ได้มาจากครอบครัวสายเลือดเวทมนตร์ และมีเหตุประหลาดที่ทำให้คนในโรงเรียนหลายคนกลายเป็นหิน ตลอดปีนี้ทั้งแฮร์รี่ และเพื่อนของเขาได้แก่รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ต้องออกสอบสวนสาเหตุของเหตุร้ายในครั้งนี้",
"เก้าอี้ว่าง () เป็นนวนิยายสะท้อนสังคม เขียนโดยเจ. เค. โรว์ลิ่ง วางจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556 ซึ่งเก้าอี้ว่างถือเป็นนวนิยายผู้ใหญ่เล่มแรกของโรว์ลิ่ง หลังจากเธอใช้เวลาเขียนวรรณกรรมเยาวชนอย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์มาเป็นเวลานานถึง 17 ปี ตัวนิยายมีเนื้อหาสะท้อนสังคม ตีแผ่ด้านมืดในจิตใจมนุษย์ ปัญหาต่างๆในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ปัญหาของวัยรุ่น ยาเสพติด เซ็กซ์",
"อัลบัส เพอร์ซิวาล วูลฟริก ไบรอัน ดัมเบิลดอร์ (Albus Percival Wulfric Brian Dumbledore) เป็นตัวละครในเรื่องแต่งชุด\"แฮร์รี่ พอตเตอร์\" ของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง มีบทบาทเป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ในเนื้อหาเกือบทั้งหมดของเรื่อง ต่อมามีการเปิดเผยในเนื้อเรื่องว่าดัมเบิลดอร์เป็นผู้ก่อตั้งภาคีนกฟีนิกซ์ซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นเพื่อต่อสู้กับตัวร้ายของเรื่องคือลอร์ดโวลเดอมอร์",
"หมวดหมู่:งานเขียนของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ฮ ฮ ฮ ฮ หมวดหมู่:วรรณกรรมที่สร้างเป็นภาพยนตร์ หมวดหมู่:นวนิยายอังกฤษดัดแปลงเป็นภาพยนตร์",
"อะเล็กโต แคร์โรว์ (Alecto Carrow) เป็นตัวละครในหนังสือวรรณกรรมเยาวชนชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง แคร์โรว์ในตอนเริ่มเรื่อง เป็นอาจารย์สอนวิชามักเกิ้ลศึกษา และรองอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ชั่วคราว",
"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี คือหนังสือเล่มที่สี่ในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง และแปลโดยงามพรรณ เวชชาชีวะจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ตีพิมพ์และวางจำหน่ายเป็นฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี พ.ศ. 2543 และเป็นฉบับภาษาไทยในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2544 วรรณกรรมชุดนี้ถือว่ายาวมากอย่างไม่น่าจะมีใครทำมาก่อน โดยในฉบับภาษาไทยมีความยาวทั้งหมดถึง 832 หน้า (ฉบับบลูมส์บูรี่มีความยาวทั้งหมด 636 หน้า) หนังสือเล่มนี้สร้างสถิติโดยเป็นหนังสือเล่มแรกที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากกว่าชิ้นงานวรรณกรรมเยาวชนอื่นๆ มีเพียงหนังสือเล่มต่อๆ มาในชุดเดียวกันนี้เท่านั้นที่สามารถลบสถิตินี้ได้ นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์และแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม โดยเฉพาะจากการที่ เจ. เค. โรว์ลิ่งออกมาเตือนผู้อ่านก่อนหนังสือจะตีพิมพ์ว่าจะมีตัวละครเสียชีวิตในเล่มนี้ ซึ่งสร้างกระแสของการคาดการณ์ว่าตัวละครใดจะเสียชีวิต และสร้างปรากฏการณ์ 'คลั่งแฮร์รี่ พอตเตอร์' ทั่วโลก",
"เดิมที เจ. เค. โรว์ลิ่ง ผู้เขียนได้จัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นด้วยมือเพียง 7 เล่มในโลกเท่านั้น โดยหกเล่มนั้นเธอนำไปบริจาคให้กับ 6 สถานที่ที่ช่วยให้เธอประสบความสำเร็จ และอีกหนึ่งเล่มเธอนำไปประมูลขาย โดยก็มีผู้ร่วมประมูลมากมาย แต่ในที่สุดเว็บไซต์ Amazon ก็ได้ไปในราคาถึง 1.95 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นการประมูลต้นฉบับงานเขียนยุคใหม่ที่ราคาสูงที่สุดในประวัติศาสตร์",
"ล่าสุดนิตยสารฟอร์บส์เปิดเผยข้อมูลว่าโอปราห์คือสตรีผู้ร่ำรวยที่สุดในวงการบันเทิง ด้วยสินทรัพย์ประมาณ 2,500 ล้านดอลลาร์ ทิ้งห่างอันดับ 2 \"เจ. เค. โรว์ลิ่ง\" นักเขียนชาวอังกฤษเจ้าของวรรณกรรมเยาวชนขายดี \"แฮรี่ พอตเตอร์\" ที่มีสินทรัพย์ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ และอันดับ 3 คือ \"มาร์ธา สจ๊วต\" นักธุรกิจหญิงชาวอเมริกัน ซึ่งมีสินทรัพย์ประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ ",
"เฮอร์ไมโอนี่ จีน เกรนเจอร์ (เกิด 19 กันยายน พ.ศ. 2522) เป็นตัวละครในหนังสือวรรณกรรมเยาวชนชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ของเจ. เค. โรว์ลิ่ง",
"ลำดับเวลาในแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นลำดับเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวรรณกรรมเยาวชนชุด \"แฮร์รี่ พอตเตอร์\" โดย เจ. เค. โรว์ลิ่ง โดยลำดับเวลาดังกล่าวจะครอบคลุมถึงเหตุการณ์ที่ปรากฏในงานเขียนด้วย โดยเพิ่มเติมจากที่โรวลิ่งโพสต์ในเว็บไซต์ของเธอ จากการให้สัมภาษณ์หลายครั้งและจากสื่อสิ่งพิมพ์อื่น",
"มิเนอร์ว่า มักกอนนากัล (Minerva McGonagall) เป็นตัวละครในหนังสือวรรณกรรมเยาวชนชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ในตอนเริ่มเรื่อง มักกอนนากัลเป็นอาจารย์สอนวิชาแปลงร่าง อาจารย์ประจำบ้านกริฟฟินดอร์ และรองอาจารย์ใหญ่ในโรงเรียนพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์",
"สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ () เป็นหนังสือชุดพิเศษในชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เขียนโดยเจ. เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งเขียนมอบให้แก่การกุศล โดยสมมติว่าหนังสือเล่มนี้เป็นสมบัติของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในหนังสือเล่มนี้เป็นของโรงเรียนฮอกวอตส์ที่นักเรียนปีหนึ่งทุกคนต้องซื้อ มีชื่อสัตว์เรียงลำดับตัวอักษร A ถึง Z ที่มีชีวิตอยู่ และยังแยกประเภทความดุร้ายไว้ด้วย รวมถึงบอกเล่าความเป็นมาอย่างละเอียดของสัตว์วิเศษหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น บาสิลิสก์ ฮิปโปกริฟฟ์ เซนเทอร์ ยูนิคอร์น กัปปะ พิกซี่ มนุษย์หมาป่า เป็นต้น รายได้ของหนังสือเล่มนี้ได้ถูกมอบให้แก่การกุศล",
"ลอร์ดโวลเดอมอร์ (; ) เป็นตัวละครร้ายในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ ของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ปรากฏตัวครั้งแรกในตอน\"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์\" มีชื่อเดิมว่า ทอม มาร์โวโล่ ริดเดิ้ล และเป็นผู้สืบสกุลของซัลลาซาร์ สลิธีริน คนสุดท้าย โวลเดอมอร์เป็นตัวละครที่ได้รับการโหวตให้เป็นตัวละครร้ายอันดับหนึ่งทั้งในวรรณกรรมและในภาพยนตร์",
"ในงานเปิดตัวของสวนสนุก บอนนี่ ไรท์ (จินนี่ วีสลีย์) ทอม เฟลตัน (เดรโก มัลฟอย) กับฝาแฝดเจมส์และโอลิเวอร์ เฟลส์ป (เฟร็ดกับจอร์จ วีสลีย์) ได้ตอบรับคำเชิญและจะมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย และมีแนวโน้มว่า เจ. เค. โรว์ลิ่ง ก็อาจจะมาด้วยเช่นกัน[1]",
"นิทานของบีเดิลยอดกวี (The Tales of Beedle the Bard) เป็นหนังสือนิทานเด็ก ที่แต่งโดย เจ. เค. โรว์ลิ่ง เพื่อเป็นหนังสือประกอบสำหรับนิยายในชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือสมมติที่ถูกอ้างถึงใน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูต ซึ่งเป็นนิยายเล่มสุดท้ายในชุดอีกด้วย",
"ปฏิญาณไม่คืนคำ (unbreakable vow) เป็นการสัญญาชนิดหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่เขียนโดยเจ. เค. โรว์ลิ่ง คำสัญญานี้เป็นการปฏิญาณชนิดหนึ่งของโลกพ่อมด มันไม่ใช่แค่การปฏิญาณสัญญาธรรมดาแต่ถ้าพ่อมดแม่มดตกลงจะทำปฏิญาณไม่คืนคำแล้วพวกเขาจะไม่สามารถยกเลิกมันได้ การทำปฏิญาณไม่คืนคำนี้จะต้องมีผู้เข้าร่วมสามคนขึ้นไปเพื่อยินยอมการปฏิญาณ หากผู้ที่ยินยอมทำปฏิญาณไม่คืนคำผิดสัญญาไม่ทำตามที่สัญญาไว้คนผู้นั้นจะต้องตาย การปฏิญาณจะเริ่มด้วยการที่พ่อมดแม่มดสองฝ่ายจับมือกัน หลังจากนั้นผู้ที่ต้องการให้อีกฝ่ายปฏิญาณจะบอกสิ่งที่ต้องการและถามเขาว่าจะทำตามหรือไม่ เช่น \"ข้าขอให้ท่านช่วยปกป้องลูกชายของข้า ไม่ว่าเขาจะตกอยู่ในอันตรายแค่ไหนก็ตาม ท่านจะตกลงไหม\"อีกฝ่ายก็จะต้องตอบตกลง เช่น \"ข้าจะทำมัน\" เมื่อปฏิญาณเสร็จ คนที่อยู่ข้างๆก็จะใช้ไม้กายสิทธิ์แตะที่แขนของผู้ปฏิญาณ หลังจากนั้นก็จะเกิดเปลวไฟเป็นวงล้อมรอบแขนของทั้งสองคน เป็นเครื่องหมายของการผูกมิตรและการไม่คืนคำ",
"ความนิยมในวรรณกรรมจินตนิมิตยังคงสืบเนื่องต่อมาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 21 ซึ่งเกิดปรากฏการณ์หนังสือขายดีที่สุด จากเรื่อง \"แฮร์รี่ พ็อตเตอร์\" ผลงานของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากวรรณกรรมจินตนิมิตก็เกิดขึ้นมากและประสบผลสำเร็จหลายเรื่อง เรื่องที่โดดเด่นที่สุดได้แก่ ภาพยนตร์ไตรภาคเดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ ของผู้กำกับภาพยนตร์ ปีเตอร์ แจ็กสัน",
"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ (Harry Potter and the Order of the Phoenix) คือหนังสือเล่มที่ห้าในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง และแปลเป็นภาษาไทยโดยสุมาลี จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ เป็นภาคที่ยาวที่สุด ออกวางจำหน่ายเมื่อ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2003",
"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน () ภาพยนตร์ลำดับที่ 3 โดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส จากวรรณกรรมเยาวชน แฮร์รี่ พอตเตอร์ และ คริส โคลัมบัส ผู้กำกับภาคที่ 1 และ 2 กับเดวิด เฮย์แมนเป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ จากนิยายโดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง นำแสดงโดย แดเนียล แรดคลิฟฟ์, รูเพิร์ท กรินท์, เอ็มม่า วัตสัน,ไมเคิล แกรมบอลล์ ที่มารับตำแหน่งดัมเบิลดอร์แทนคนก่อนเนื่องจาก คนรับตำแหน่งดัมเบิลดอร์คนก่อนเสียชีวิต "
] |
บางรักซอย 9/1 เป็นเรื่องราวความรักความอลวนต่อจาก บางรักซอย 9 ของชัดเจนและแป้งใช่หรือไม่? | [
"บางรักซอย 9/1 เป็นละครโทรทัศน์ประเภทซิตคอม สร้างโดยเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ กำกับการแสดงโดยพงษ์ศักดิ์ ฉิมเจริญ และเสกสรรค์ สิงอุไร นำแสดงโดยศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง, พิยดา จุฑารัตนกุล, ตงตง เดอะสตาร์ 12 และกรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ (อ๊ะอาย เดอะวอยซ์คิดส์ 2) เป็นเรื่องราวความรักความอลวนต่อจาก บางรักซอย 9 ของชัดเจนและแป้ง ที่ส่งต่อถึงรุ่นลูกอย่างชัดแจ้งและแป้งหอม ออกอากาศทางช่องวัน ในช่วง วันขำดี คอเมดี้ที่สองทุ่ม ทุกวันอังคาร เวลา 20.00–20.30 น. ก่อนละครดีดูที่ช่องวันประจำวันอังคาร เริ่มออกอากาศวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559[1][2] เฉพาะวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 – 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เพิ่มเวลาเป็น 19.45–20.30 น. ต่อมาในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ได้ปรับเวลาการออกอากาศให้มาเร็วขึ้นกว่าเดิมและเพิ่มเวลาเป็น 19.15–20.15 น. และล่าสุดตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป พบกับเวลาใหม่เป็น 19.10–19.55 น. ตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เป็นเวลา 19.00–20.00 น. และซิตคอมเรื่องนี้จะออกอากาศเป็นตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่ 1 ในวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561 ฤดูกาลที่ 2 จะกลับมาออกอากาศในวันและเวลาใหม่ ทุกวันอาทิตย์ 17.00–18.00 น."
] | [
"วันหนึ่งหลังจากที่ชัดเจนเห็นปุ้ม หญิงสาวที่ตัวเองหลงรักเดินจับมือกับชายอื่น ชัดเจนจึงได้เขียนจดหมายไปหาปุ้มเพื่อต่อว่าขณะที่ตนเองกำลังเมา แต่กลับกลายเป็นว่าจดหมายส่งไปผิดบ้าน แป้งเป็นผู้ได้รับจดหมายและเขียนตอบกลับมาเพื่อต่อว่าชัดเจน ทั้งคู่เขียนจดหมายตอบโต้กันไปมาโดยใช้ชื่อเรียกแทนตัวเองว่า \"ชายน้อย\" และ \"ปริศนา\" โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้จักชื่อที่แท้จริงของกันและกัน และไม่เคยเห็นหน้าตากันเลย",
"ตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 13 ช่องวันได้ทำสัญญาการออกอากาศร่วมกับไลน์ทีวี ในการนำซิตคอมไปปล่อยให้รับชมย้อนหลัง อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนออกอากาศตอนที่ 13 ทางไลน์ทีวีได้แจ้งว่าเป็นตอนอวสาน จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดในการออกอากาศว่าซิตคอมจะจบในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560 แต่อย่างไรก็ตามในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ มีการออกอากาศละครเรื่องนี้ตามปกติ และในสัปดาห์นั้นเป็นช่วงที่ช่องวันปรับผังออกอากาศมาเริ่มทำ Facebook Live และ YouTube Live เพิ่มเติม จึงระบุสาเหตุได้อย่างชัดเจนว่าทางไลน์ทีวีไม่ต่อสัญญา แต่เลือกทำสัญญากับซิตคอม เสือ ชะนี เก้ง แทน ส่วนซิตคอม บางรักซอย 9/1 ได้เริ่มลงย้อนหลังทางยูทูปตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 โดยลงตั้งแต่ตอนที่ 14 เป็นต้นไป ส่วนตอนที่ 10-13 ได้ทยอยลงในเดือนกุมภาพันธ์ตามสัญญาที่คงเหลือกับไลน์ทีวี ทำให้ในไลน์ทีวีมีซิตคอม บางรักซอย 9/1 ออกอากาศเพียง 13 ตอน จากทั้งหมด 55 ตอน และในฤดูกาลที่ 2 ช่องวันได้นำ บางรักซอย 9/1 กลับไปลงย้อนหลังทาง ไลน์ทีวี อีกครั้ง รวมถึงตอนที่ 14–55 ในฤดูกาลแรกด้วย เฉพาะวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 บางรักซอย 9/1 ตอนที่ 17 มีกำหนดออกอากาศช้ากว่าเวลาปกติคือตั้งเริ่มมาแต่เวลา 21.22 น. จนถึงเวลา 21.59 น. เนื่องมาจากเวลา 20.15–21.20 น. ทางสถานีก็ได้ตัดเข้าสัญญาณการถ่ายทอดสดจากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) เช่นเดียวกันกับสถานีโทรทัศน์ไทย (ฟรีทีวีและดิจิตอลทีวี) ทุกช่องสถานีวิทยุทุกคลื่นสถานี เข้าสู่การถ่ายทอดสด สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในการพิธีธรรมสวดอภิธรรมพระบรมศพ และพิธีประโคมย่ำยาม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 2 ถึง 29 ตุลาคม 2560 หรือตลอดทั้งเดือนตุลาคม ทางสถานีของดการออกอากาศละครโทรทัศน์หรือรายการโทรทัศน์ที่สื่อถึงความบันเทิงรื่นเริงใจเนื่องมาจากงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี) ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 25–27 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ซึ่งได้รับคำสั่งและแนวทางในการออกอากาศรายการโทรทัศน์รวมไปถึงสื่อโฆษณาต่าง ๆ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทุกสถานี จากสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT)",
"จากนั้นแมนกับรวยก็สงสัยในตัวเจนว่าชอบแป้งจนเป็นความจริง พอเจนจะไปสารภาพรัก เต้ยก็ข้ามาในชีวิตแป้ง เจนก็ได้แต่เสียใจกับทำอะไรไม่ได้ พอรู้ว่าแป้งแอบชอบตนแต่สายไปแล้วเพราะแป้งเลือกเต้ย จนแป้งรับหมั้นเต้ยเจนก็เสียใจกลับสุพรรณไป พอเต้ยประสบอุบัติเหตุเจนจึงรีบมาถ่ายเลือดให้เต้ยมีชีวิตอยู่ดูแลแป้ง แต่เต้ยก็เสียชีวิต จนทำให้พลังพิเศษในตัวแป้งลืมตาตื่นขึ้นมาคือพลังดวงกินผัว แต่งหรือหมั้นกับใครคนนั้นต้องตายเพราะอุบัติเหตุเกี่ยวกับรถ",
"ก่อนจะถึง บางรักซอย 9 on stage เล่าถึงเหตุการณ์ก่อนที่ ชัดเจน จะมาเช่าบ้าน แป้ง ด้วยคำโปรยของ ละครเวที ที่ว่า \"หัวใจบางๆตามหาที่พัก แล้วความรักก็เริ่มต้น\" เปิดแสดง 21 รอบ ตั้งแต่ 29 กุมภาพันธ์ ถึง 16 มีนาคม และเพิ่มรอบการแสดงอีก 5 รอบ ระหว่างวันที่ 9-11 พฤษภาคม 2551 รวมทั้งหมด 26 รอบการแสดง ที่",
"ณ ริมคลองแห่งหนึ่ง ชัดเจนยืนเหม่อมองอยู่ที่ราวสะพานและได้พบกับอาตุ๊ขี้เมา ผู้ที่ทำกิจการโรงน้ำแข็งร่วมกับเพื่อนชื่อนพดลแล้วโดนโกงจนล้มละลาย บ้านโดนธนาคารยึดจึงต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านแม่ยายในบางรักซอย 9 อาตุ๊ได้บอกชัดเจนว่าจะแบ่งบ้านให้เช่า ชัดเจนจึงไปตามที่อยู่ที่อาตุ๊ให้ไว้เพื่อที่จะขอเช่าบ้านและได้พบกับแป้ง โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้จักกัน",
"ผ่านไปอีก 9 ปีต่อมา (หรือ 18 ปีนับจากที่ทั้งคู่ได้เจอกันเป็นครั้งแรก) ชัดแจ้ง ตรีทิพย์ศิริ ลูกชายของทั้ง 2 คน ได้พูดถึงเรื่องราวความรักของพ่อแม่ตนเอง รวยกับลำดวนมีลูกชาย 1 คน ชื่อสเตฟาน แมนส่งเสียก๋วยเจ๊งเรียนต่อถึงมหาวิทยาลัย ส่วนน้าเยาว์ที่รออาตุ๊ไม่ไหวก็หน้าด้านตามไปหาผัวอยู่อังกฤษ น้ายีก็ยังอยู่ในประเทศไทย ฉากจบของบางรักซอยเก้าเกิดขึ้นเมื่อแป้งกำลังจะบันทึกไดอารี่ และพบกับข้อความของเจนในท้ายไดอารี่ที่เจนแอบเขียนไว้หลัจากชัดแจ้งเกิดมา ซึ่งไดอารี่นั้นเป็นเรื่องราวที่บันทึกเรื่องราวของชัดเจนไว้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกับเจน จนกระทั่งเมื่อตนเองกำลังจะตั้งท้องลูกคนที่ 2 แป้งได้เข้ามาโอบกอบเจนและชัดแจ้ง ทั้ง 2 ได้ฝ่าฟันเรื่องราวมาตลอด 9 ปี จนกระทั่งได้แต่งงานมีลูกและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป",
"บางรักซอย 9 เนื้อเรื่องภาคแรก ก่อนจะถึง บางรักซอย 9 on stage เนื้อเรื่องการพบกันระหว่างชัดเจนและแป้งครั้งแรก",
"เจนกับแป้งมีลูกชายชื่อ ชัดแจ้ง ลูกสาวชื่อ แป้งหอม",
"บางรักซอย 9/1 เรื่องราวที่ถ่ายทอดถึงชีวิตของ บางรักซอย 9 ระหว่างปี พ.ศ. 2546–2555 ซึ่งภาคแรกคือเรื่องของลูกสาวเจ้าของบ้านเช่า มีความฝันอย่างเปิดร้านเบเกอรีแต่ต้องคอยทำเค้กขายตามบ้านกับเป็นครูสอนพิเศษไปวัน ๆ กับสถาปนิกหนุ่มที่เป็นคนเช่าบ้าน โดยทั้งคู่ต่างชอบกันแต่ไม่กล้าบอก เพราะกลัวเสียหน้า กับมีอุปสรรคต่าง ๆ คือหมียวแฟนเก่าเจนมาก่อกวน ปูนิ่มลูกสาวเจ้านายเจนที่กุมความลับเจน (ความลับไม่มีอะไรเลย) พี่เต้ยรุ่นพี่ของแป้ง แล้วความรักก็จบลงเมื่อแป้งตกลงรับหมั้นเต้ย แต่พลังดวงกินผัวของแป้งลืมตาตื่นทำให้เต้ยถูกรถชน เจนจึงรีบไปถ่ายเลือดช่วย แต่เต้ยก็เสียชีวิต ต่อมาเจนมาปลอบแป้งจนความรักของทั้งคู่ก่อตัวเป็นรูปร่างคือ ลำดวนไปฟังผิดว่าเจนทำเหมียวท้อง กับให้ทำแท้ง พอแป้งไปถามเจน จนเจนบอกว่าไม่ได้ทำ กับเผลอบอกชอบแป้งไป แป้งก็ตีตัวออกห่าง แต่พอรู้ว่าก่อนเต้ยตาย ช่วยกลับมาให้เลือดรักษาคุณเต้ย จนแป้งเริ่มชอบเจน แต่เจนที่ไม่เห็นความหวังคิดกลับสุพรรณ พอแป้งรู้จึงหน้าด้านมาตามง้อ จนทั้งคู่แอบคบกัน แต่คนใกล้ตัวทั้งคู่ก็มาจับได้ทีละคน ชายเหวงที่ป้าจันทร์เรียกมาดูตัวแป้งก็จับได้ใส่ความเจน เจนแฉตัวเองกับน้าเยาว์ ทำคะแนนได้มาก แต่บริษัทเจนก็เจ๊ง เจนแมน รวยจึงรีบลาออกมาเป็นบริษัทที่บ้านเช่าเจนคอยทำงานออกแบบหาเงินจากลูกค้าเก่า ๆ พอเจนเห็นความรักของแมนกับคุณรินที่จบแบบสายเกินไป จึงคิดขอแป้งแต่งงาน ชายเหวงก็ทำตาม จนเรื่องจนวุ่นวายกับน้าเยาว์เข้าโรงพยาบาล พอพ่อเลี้ยงแป้งมาช่วยให้เจนกับแป้งแต่งงานกัน แต่พลังดวงกินผัวของแป้งก็หวังฆ่าเจนกับป๊าอ่ำจนรถชน ทางเจนรอดแต่ความจำเสื่อม พอแป้งถามประโยคประจำตัว เจนกลับมาจำได้ พอเจนหายดี กลับมาแต่งงานกัน แต่ต้องย้ายที่แต่งงานไปแต่งที่สุพรรณ เพราะป๊าอ่ำเอาคืนเรื่องพาเจนกับแป้งย้ายไปสุพรรณไม่ได้ น้าเยาว์จึงต้องยอม",
"บ้านนี้ที่บางรัก ที่นำนักแสดงซิตคอมบางรักซอย 9 และบ้านนี้มีรัก มาแสดงร่วมกัน ก่อนจะถึง บางรักซอย 9 on stage บางรักซอย 9/1",
"ช่วงพักการแสดงละครเวทีในเดือนเมษายน 2551 ก่อนที่ ก่อนจะถึง บางรักซอย 9 on stage จะกลับมาอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม 2551 ละครซิตคอม บางรักซอย 9 ได้เชื่อมโยง 3 ตัวแสดงจากละครเวทีให้มาอยู่ใน บางรักซอย 9 ทางโทรทัศน์ด้วย คือ \"ปุ้ม\" แฟนเก่าของชัดเจนที่เป็นตัวต้นเหตุทำให้ชัดเจนเขียนจดหมายไปหา และจดหมายส่งผิดไปบ้านแป้ง, \"นพดล\" เพื่อนที่อาตุ๊หุ้นทำกิจการโรงน้ำแข็งด้วย และทำให้อาตุ๊ล้มละลาย และ \"บุรุษไปรษณีย์\" ให้ปรากฏตัวทางโทรทัศน์",
"คือคำว่ารักเธอ โดย แจ๊ค สุขารมณ์ เวอร์ชันช้า ถามใจ โดย วิเชียร ตันติพิมลพันธ์ ใช้ในช่วงแรก จนถึงการเสียชีวิตของพี่เต้ย ใจจะขาด โดย อาร์ เดอะสตาร์ 3 (อัลบั้ม R-Positive) ใช้ตั้งแต่การเสียชีวิตของเต้ยจนถึงตอนที่ชัดเจนหลุดปากบอกรักแป้ง โทรมา...ว่ารัก โดย บี้ เดอะสตาร์ 3 (อัลบั้ม นัดพิเศษ) ใช้ตั้งแต่ชัดเจนหลุดปากบอกรักแป้งเป็นต้นมา รักเธอไปทุกวัน โดย วง Potato (อัลบั้ม Refresh) ใช้ตั้งแต่ ละครเวที ก่อนจะถึง บางรักซอย 9 on stage แสดงมาได้ระยะหนึ่ง สละโสด โดย ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง ใช้ตั้งแต่ ชัดเจนและแป้งแต่งงานกัน กันเอง โดย กัน เดอะสตาร์ 6 (อัลบั้ม กันเอง) ใช้ในช่วงโปรเจกต์บ้านนี้ที่บางรัก",
"บ้านนี้ที่บางรัก เป็นซิตคอมโปรเจกต์พิเศษของเอ็กแซ็กท์ ที่นำซิตคอมเรื่อง บางรักซอย 9 และ บ้านนี้มีรัก ของ เอ็กแซ็กท์ และ ซีเนริโอ มาผสมผสานกัน โดยมีตัวละครเหมือนเดิม และมาแสดงร่วมกัน กำกับการแสดงโดย พงษ์ศักดิ์ ฉิมเจริญ และ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล นอกจากนี้ ยังมีแขกรับเชิญพิเศษคือ ปิยธิดา วรมุสิก และตัวละครใหม่ของเรื่องบ้านนี้มีรัก รับบทโดย บุษกร ตันติภนา ออกอากาศทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 18.00 - 19.00 น. ออกอากาศวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553 โดยออกอากาศทั้งหมด 16 ตอนเป็นตอนแรกที่เปิดตัวนักแสดงทั้งหมด และความสัมพันธ์ของแต่ละคน เช่น แป้ง กับ รัก เป็นเพื่อนสนิทกัน น้าเยาว์ กับ คุณน้อย สนิทกัน ปิ๊ก ไม่ถูกกันกับ ลิงก์ เนื่องเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นทั้งคู่ก็ดันมาชอบผู้หญิงคนเดียวกันอีก สกล ก็ไม่ถูกกับ เฮียหมู และ ก๊วยเจ๋ง กับ มิค สนิทกัน แฮงค์ กับ ฮาร์ท เป็นฝาแฝดกัน ในเรื่องนี้ เป็นต้น",
"พอผ่านไป 16 ปี คือในปี พ.ศ. 2571 จากบางรักซอย 9 ถูกทำถนนเพิ่มซอยขึ้นจนกลายเป็นบางรักซอย 9/1 ส่วนคนรู้จักของเจนกับแป้งต่างแยกย้ายกันไปจนหมด ได้แก่ ",
"หมายเหตุ: รวมทั้งสิ้น 50 ตอน บ้านนี้ที่บางรัก ที่ออกอากาศในบางรักซอย 9 รวมทั้งสิ้น 9 ตอน",
"บางรักซอย 9 เป็นละครโทรทัศน์ประเภทซิตคอม (Situation Comedy) สร้างโดยบริษัท เอ็กแซ็กท์ กำกับการแสดงโดย จิรศักดิ์ โย้จิ้ว และ พงษ์ศักดิ์ ฉิมเจริญ นำแสดงโดย ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง และ พิยดา อัครเศรณี เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ชัดเจน สถาปนิกหนุ่มเข้ามาทำงานที่กรุงเทพ ได้เช่าบ้านของแป้งแม่เยาว์และพ่อตุ๊ขี้เมา เป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายในบ้าน ความสัมพันธ์ของชัดเจนกับแป้งที่ก่อตัวขึ้น ออกอากาศครั้งแรกทาง โมเดิร์นไนน์ทีวี ทุกวันเสาร์ เวลา 18.00 น. - 19.00 น. เริ่มออกอากาศวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2546 ถึงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2555 และได้มีการจัดทำเป็นวีซีดี ละครเวทีในปี พ.ศ. 2551 ที่มีชื่อตอนว่า ก่อนจะถึง บางรักซอย 9 on stage",
"อย่างไรก็ตาม บางรักซอย 9 กลับมาอีกครั้งในชื่อ บางรักซอย 9/1 ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 20.00-20.30 น. ทาง ช่องวัน เริ่มวันที่ 4 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป โดยมีการเพิ่มนักแสดงรุ่นใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ได้แก่ กฤษกร กนกธร กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ ชานน สันตินธรกุล และ ธีธัช รัตนศรีทัย",
"ในตอนอวสานของบางรักซอย 9 ที่ชื่อว่า \"นิยามรัก ชัดเจน + แป้ง\" จะต่อเนื่องจากความเดิมตอนที่แล้วที่เจนได้ประสบอุบัติเหตุจากการนั่งรถมอเตอร์ไซค์ตกลงคลอง (เป็นการประสบอุบัติเหตุครั้งที่ 3 ของเจน ต่อจากครั้งที่ถูกรถชนพร้อมกับรัก และถูกรถชนพร้อมกับป๋าอ่ำ โดยทุกทีที่เจนโดนเพราะแป้งควบคุมพลังพิเศษพลังดวงกินผัวของตัวเองไม่ได้ จนเจนบาดเจ็บเกือบตาย) พอเจนฟื้นออกจากโรงพยาบาล เจนความจำเสื่อมหนักกว่าเก่า จนเป็นปัญญาอ่อนไปถึงขนาดจำทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เลย ถึงขั้นไม่พูดกับใคร จนกระทั่งเมื่อรวยเล่นมุขน้ำเน่าใส่ลำดวน รวยพูดประโยคประจำตัวของเจนคือ ถึงน้ำเจะน่าก็ยังเห็นเงาจันทร์ ทำให้เจนจำได้จึงเอ่ยประโยคประจำตัวตนเองมาพร้อมกับความจำทั้งหมด แต่แกล้งจำแป้งไม่ได้สักพัก จนกระทั่งได้บอกว่าจำแป้งได้แล้ว สร้างความประทับใจให้กับทุกๆคนมาก แมนได้บอกว่าจะไปอวยพรโจกับแจ๋วให้มีชีวิดที่ดี ทางปิ๊กก็ตัดสินใจบอกรักน้องพิมออกสื่อ ับแฉว่าตัวเองไม่ได้เป็นเกย์จนโดนเด้งออกจากงานไป แล้วในฉากต่อมาเป็นฉากที่ทุกคนกำลังคิดชื่อของลูกเจนและแป้ง ลำดวนเผลอทำแกงร้อนใส่รวยแล้วเอาผ้ามาเช็ดให้รวยจนเกิดคืนดีกัน แต่ละคนได้คิดชื่อมา เฮียหมูตั้งชื่อให้ว่า \"กระท่อม\" เพราะเป็นสถานที่ที่เจนกับแป้งเคยหลบฝนด้วยกัน รวยได้ตั้งชื่อให้ว่า \"โลเล\" เพราะตรงกับจิตใจของเจนตอนกำลังจะบอกรักแป้ง และลำดวนก็ตั้งชื่อให้ว่า \"ลังเล\" ด้วยเหตุผลเดียวกับรวย ส่วนแมนก็ตั้งชื่อลูกว่า \"บ้านเช่า\" เพราะเหตุผลว่าเป็นสถานที่แรกที่เจนกับแป้งเจอกันครั้งแรกของเรื่องราวความรักของทั้งคู่ โดยชื่อเต็มคือ \"บ้านเช่าหลังละพันห้า จ่ายช้าน้าเยาว์ปรับวันละร้อย งกชิบเป๋ง!\" โดยชื่อที่แมนคิดกระจอกกว่ากระท่อมมาก แล้วกระจอกที่สุด ซึ่งทุกคนได้โต้เถียงกันเรื่องชื่อลูกของเจน ทางเจนและแป้งขอคิดชื่อลูกเอง ตัดมาที่ฉากหลังบ้าน แป้งนั่งคิดกับเจนนั่งพูดถึงเรื่องราวต่างๆ ก่อนที่เจนจะคิดชื่อลูกต่อ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับเจนที่ตอนความจำเสื่อมแป้งได้ตั้งท้อง เจนได้ใช้ประสบการณ์เป็นพ่อคนไประยะหนึ่ง ถาเกิดแป้งท้องตอนเจนไม่ความจำเสื่อมเผลอๆ ดีไม่ดีเจนอาจเครียดกับเป็นบ้าไม่พร้อมที่จะสร้างครอบครัวถึงขั้นฆ่าตัวตายไปแล้ว กับพอเจนความจำกลับมา จึงได้ประสบการณ์กับมีความสุข แล้วพลังพิเศษพลังดวงกินผัวในตัวแป้งที่เป็นต้นเหตุทวีความรุนแรงหมายจะฆ่าเจนเหมือนตอนเต้ยก็หายไป",
"“บางรักซอย 9” เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดถึงชีวิตของคนในวัยทำงาน ที่มีทั้งเรื่องอาชีพ อนาคตและความรักเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อน สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตของคนเมืองในยุคปัจจุบันออกมานำเสนอในรูปแบบตลกและแฝงแง่คิด ความรู้สึก",
"บางรักซอย 9/1 เป็นละครโทรทัศน์ประเภทซิตคอม สร้างโดยเดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ กำกับการแสดงโดยพงษ์ศักดิ์ ฉิมเจริญ และเสกสรรค์ สิงอุไร นำแสดงโดยศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง, พิยดา จุฑารัตนกุล, ตงตง เดอะสตาร์ 12 และกรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ (อ๊ะอาย เดอะวอยซ์คิดส์ 2) เป็นเรื่องราวความรักความอลวนต่อจาก \"บางรักซอย 9\" ของชัดเจนและแป้ง ที่ส่งต่อถึงรุ่นลูกอย่างชัดแจ้งและแป้งหอม ออกอากาศทางช่องวัน ในช่วง วันขำดี คอเมดี้ที่สองทุ่ม ทุกวันอังคาร เวลา 20.00–20.30 น. ก่อนละครดีดูที่ช่องวันประจำวันอังคาร เริ่มออกอากาศวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เฉพาะวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 – 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เพิ่มเวลาเป็น 19.45–20.30 น. ต่อมาในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ได้ปรับเวลาการออกอากาศให้มาเร็วขึ้นกว่าเดิมและเพิ่มเวลาเป็น 19.15–20.15 น. และล่าสุดตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป พบกับเวลาใหม่เป็น 19.10–19.55 น. ตั้งแต่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เป็นเวลา 19.00–20.00 น. และซิตคอมเรื่องนี้จะออกอากาศเป็นตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่ 1 ในวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2561 ฤดูกาลที่ 2 จะกลับมาออกอากาศในวันและเวลาใหม่ ทุกวันอาทิตย์ 17.00–18.00 น.",
"ก่อนจะถึง บางรักซอย 9 on stage คือ ละครเวที ที่อ้างอิงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า (prequel) ละคร ซิตคอม เรื่อง บางรักซอย 9 ทาง ช่อง 9 อสมท. ที่ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 18.00-19.00น. โดยออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2546",
"ก่อนจะถึง บางรักซอย9 on stage คือ เรื่องเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนที่ ชัดเจน จะมาเช่าบ้าน แป้ง ที่อยู่ใน บางรักซอย 9",
"เรื่องราวใน ก่อนจะถึง บางรักซอย 9 on stage คือเรื่องราวในปี พ.ศ. 2544 - พ.ศ. 2545 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ชัดเจนจะมาเช่าบ้านของแป้งอยู่ เขียนบทโดยทีมผู้ผลิตซิตคอมอันโด่งดังจากเรื่อง บางรักซอย 9 เป็นต่อ บ้านนี้มีรัก ผู้กองเจ้าเสน่ห์ กำกับการแสดงโดย จิรศักดิ์ โย้จิ้ว และควบคุมคุณภาพละครเวทีโดย ถกลเกียรติ วีรวรรณ",
"\"บางรักซอย 9/1\" เรื่องราวที่ถ่ายทอดถึงชีวิตของ \"บางรักซอย 9\" ระหว่างปี พ.ศ. 2546–2555 ซึ่งภาคแรกคือเรื่องของลูกสาวเจ้าของบ้านเช่า มีความฝันอย่างเปิดร้านเบเกอรีแต่ต้องคอยทำเค้กขายตามบ้านกับเป็นครูสอนพิเศษไปวัน ๆ กับสถาปนิกหนุ่มที่เป็นคนเช่าบ้าน โดยทั้งคู่ต่างชอบกันแต่ไม่กล้าบอก เพราะกลัวเสียหน้า กับมีอุปสรรคต่าง ๆ คือหมียวแฟนเก่าเจนมาก่อกวน ปูนิ่มลูกสาวเจ้านายเจนที่กุมความลับเจน (ความลับไม่มีอะไรเลย) พี่เต้ยรุ่นพี่ของแป้ง แล้วความรักก็จบลงเมื่อแป้งตกลงรับหมั้นเต้ย แต่พลังดวงกินผัวของแป้งลืมตาตื่นทำให้เต้ยถูกรถชน เจนจึงรีบไปถ่ายเลือดช่วย แต่เต้ยก็เสียชีวิต ต่อมาเจนมาปลอบแป้งจนความรักของทั้งคู่ก่อตัวเป็นรูปร่างคือ ลำดวนไปฟังผิดว่าเจนทำเหมียวท้อง กับให้ทำแท้ง พอแป้งไปถามเจน จนเจนบอกว่าไม่ได้ทำ กับเผลอบอกชอบแป้งไป แป้งก็ตีตัวออกห่าง แต่พอรู้ว่าก่อนเต้ยตาย ช่วยกลับมาให้เลือดรักษาคุณเต้ย จนแป้งเริ่มชอบเจน แต่เจนที่ไม่เห็นความหวังคิดกลับสุพรรณ พอแป้งรู้จึงหน้าด้านมาตามง้อ จนทั้งคู่แอบคบกัน แต่คนใกล้ตัวทั้งคู่ก็มาจับได้ทีละคน ชายเหวงที่ป้าจันทร์เรียกมาดูตัวแป้งก็จับได้ใส่ความเจน เจนแฉตัวเองกับน้าเยาว์ ทำคะแนนได้มาก แต่บริษัทเจนก็เจ๊ง เจนแมน รวยจึงรีบลาออกมาเป็นบริษัทที่บ้านเช่าเจนคอยทำงานออกแบบหาเงินจากลูกค้าเก่า ๆ พอเจนเห็นความรักของแมนกับคุณรินที่จบแบบสายเกินไป จึงคิดขอแป้งแต่งงาน ชายเหวงก็ทำตาม จนเรื่องจนวุ่นวายกับน้าเยาว์เข้าโรงพยาบาล พอพ่อเลี้ยงแป้งมาช่วยให้เจนกับแป้งแต่งงานกัน แต่พลังดวงกินผัวของแป้งก็หวังฆ่าเจนกับป๊าอ่ำจนรถชน ทางเจนรอดแต่ความจำเสื่อม พอแป้งถามประโยคประจำตัว เจนกลับมาจำได้ พอเจนหายดี กลับมาแต่งงานกัน แต่ต้องย้ายที่แต่งงานไปแต่งที่สุพรรณ เพราะป๊าอ่ำเอาคืนเรื่องพาเจนกับแป้งย้ายไปสุพรรณไม่ได้ น้าเยาว์จึงต้องยอม",
"พอผ่านไป 16 ปี คือในปี พ.ศ. 2571 จากบางรักซอย 9 ถูกทำถนนเพิ่มซอยขึ้นจนกลายเป็นบางรักซอย 9/1 ส่วนคนรู้จักของเจนกับแป้งต่างแยกย้ายกันไปจนหมด ได้แก่",
"รักเกิดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2521 เป็นเพื่อนแป้งกับเดือนในเรื่องบางรักซอย 9 จบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยศิลปากรด้วยกัน แต่เรียนคนละคณะ ตอนไปบ้านแป้ง ก่อเรื่องเกือบทำให้เต้ยเลิกกับแป้ง หลอกถามเดือนจนรู้ว่าแป้งเคยชอบเจน เมาเผลอบอกเจน",
"ในเวลาต่อมา แป้งเป็นทั้งเพื่อนพูดคุยและเป็นทั้งผู้ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความรักของชัดเจน โดยที่แป้งเองก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นได้เริ่มชอบชัดเจนตั้งแต่เมื่อไหร่ ในจดหมายฉบับหนึ่งชัดเจนเขียนมาหาแป้งเพื่อขอคำปรึกษาในการจีบน้องแคทหญิงสาวคนใหม่ที่ชัดเจนแอบชอบ ถึงแป้งเองจะเสียใจที่ได้รู้ว่าชัดเจนมีคนที่แอบชอบอยู่แต่แป้งก็ได้ให้คำแนะนำชัดเจนในการจีบน้องแคท แล้วก็ไม่ลืมที่จะบอกให้ชัดเจน \"ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเอง\" ในที่สุดเมื่อชัดเจนรู้หัวใจตัวเองแล้วว่าจริงๆชอบใครระหว่างน้องแคทกับปริศนา ชัดเจนจึงตัดสินใจที่จะบอกให้หญิงคนนั้นรับรู้ และเขียนจดหมายไปขอบคุณปริศนาที่บอกให้ซื่อสัตย์กับหัวใจตัวเองและบอกปริศนาว่าต่อไปนี้จะไม่เขียนจดหมายหาปริศนาอีก ทำให้แป้งผิดหวังเพราะเข้าใจว่าชัดเจนชอบน้องแคทจริงๆ ในวันที่ชัดเจนตั้งใจที่จะไปบอกรักปริศนา ชัดเจนก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อแป้งได้ย้ายออกจากบางรักซอย 19 ไปแล้ว",
"2546 - 2555 - บางรักซอย 9 รับบท แป้ง ออกอากาศทางช่อง 9 แสดงคู่กับ ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง 2553 - บ้านนี้ที่บางรัก รับบท แป้ง ออกอากาศทางช่อง 9 แสดงคู่กับ ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง 2559 - ปัจจุบัน - บางรักซอย 9/1 รับบท แป้ง ออกอากาศทางช่องวัน แสดงคู่กับ ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง",
"ผู้คิดโครงเรื่องละคร คือ ถกลเกียรติ วีรวรรณ, ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง, จิรศักดิ์ โย้จิ้ว, ศุภกร เหรียญสุวรรณ, ดนัย อัมพรดนัย และในวันที่ 28 เมษายน 2555 ละครบางรักซอย 9 จะเป็นการออกอากาศครั้งสุดท้ายโดยให้เหตุผลว่าละคร บางรักซอย 9 มาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ไม่อยากให้คนเมาอีก"
] |
ใครเป็นผู้ก่อตั้ง สโมสรฟุตบอลชลบุรี? | [
"ต่อมาเมื่อทาง สมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน โปรวินเชียลลีก ในปี 2543 จึงได้ออกมาก่อตั้ง ทีมฟุตบอลจังหวัดชลบุรี โดยได้แยก สโมสรฟุตบอลชลบุรี-สันนิบาตฯ สมุทรปราการ ซึ่งในขณะนั้นลงเล่นในดิวิชั่น 1 ออกจากกัน โดยผู้เล่นของทีมส่วนใหญ่ ได้นำผู้เล่นจาก โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ชลบุรี โดยใน ฤดูกาลแรกที่เข้าร่วมแข่งขัน (โปรลีก 2543/44) สโมสรจบอันดับที่ 3 ของตาราง"
] | [
"สโมสรฟุตบอลชลบุรี บี () เป็นสโมสรสำรอง ของสโมสรฟุตบอลชลบุรี ปัจจุบันลงเล่นในไทยลีก 4 ซึ่งปัจจุบันใช้สนามชลบุรีสเตเดียม เป็นสนามเหย้าของสโมสร",
"วิทยา เลาหกุล (1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 — ) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ โค้ชเฮง เป็นอดีตผู้ฝึกสอนสโมสรฟุตบอลชลบุรีและทีมชาติไทย เคยเป็นกัปตันทีมชาติไทย และเป็นนักฟุตบอลคนแรกของไทย ที่เล่นในลีกยุโรป โดยเล่นให้กับแฮร์ธา เบอร์ลิน ในบุนเดสลีกา เคยทำหน้าที่คุมทีมไกนาเร ทตโตริ ในดิวิชัน 3 ของญี่ปุ่น ปัจจุบันกลับมาดำรงตำแหน่งประธานพัฒนาเทคนิคสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี และอุปนายก ฝ่ายเทคนิค สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ",
"ฤดูกาล 2011–12 สโมสรซื้อตัวเจมี วาร์ดี กองหน้าที่กำลังทำผลงานได้อย่างร้อนแรงให้กับสโมสรฮาลิแฟกซ์ ทาวน์ ในคอนเฟอเรนซ์ นอร์ท มาร่วมทีม และวาร์ดี ก็มีส่วนสำคัญในผลงานฤดูกาลนี้เมื่อยิงในคอนเฟอเรนซ์ พรีเมียร์ ไปถึง 31 ประตู คว้ารางวัลผู้ทำประตูสูงสุดประจำคอนเฟอเรนซ์ พรีเมียร์ในฤดูกาลนั้นไปครอง โดยสโมสรไม่แพ้ใครติดต่อกันถึง 29 นัด และสามารถคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ยังไม่จบฤดูกาล ทำให้ได้เลื่อนชั้นสู่ฟุตบอลลีกทูซึ่งนับเป็นการเลื่อนชั้นไปแข่งขันในฟุตบอลลีกของอังกฤษเป็นครั้งแรกนับแต่ก่อตั้งสโมสร โดยหลังจบฤดูกาล เจมี วาร์ดี ได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี ด้วยค่าตัวกว่า 1 ล้านปอนด์ สร้างสถิติค่าตัวสูงที่สุดสำหรับนักฟุตบอลที่ไม่ได้เล่นในระดับลีกอาชีพ",
"สโมสรฟุตบอลบ่อทอง เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยโดยเป็นทีมจากอำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี \nปัจจุบันแข่งขันอยู่ใน ชลบุรีลีกที่อยู่ โรงเรียนอนุบาลบ่อทอง เลขที่ 8 ถนนหนองเสม็ด-บ่อทอง ต.บ่อทอง อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี 20270",
"หมวดหมู่:สโมสรฟุตบอลชลบุรี ช หมวดหมู่:จังหวัดชลบุรี หมวดหมู่:สโมสรกีฬาที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2540",
"ปี 2555 สโมสร ได้มีการเปลี่ยนผู้สนับสนุนอุปกรณ์กีฬาจากเอฟบีที เป็น ไนกี้[8][9] และเริ่มเปิดฤดูกาลด้วยการป้องกันตำแหน่งคว้าตำแหน่งชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก. ไว้ได้อีกสมัย โดยการเอาชนะจุดโทษ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไป 6 ประตูต่อ 5 ภายหลังเสมอในเวลา 90 นาที 2 ประตูต่อ 2 ส่วนในลีกนั้น ชลบุรีทำได้เพียงตำแหน่งรองชนะเลิศ เป็นสมัยที่ 4 ส่วนจเด็จ มีลาภ ย้ายไปเป็นผู้จัดการทีมสงขลา ยูไนเต็ด",
"ดุสิต เฉลิมแสน มีชื่อเล่นว่าโอ่ง เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2513 ที่จังหวัดสกลนคร และเดินทางมาศึกษาต่อที่สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี โดยลงเล่นฟุตบอลระดับนักเรียนให้สถาบัน และเล่นในระดับสโมสรเป็นครั้งแรกกับสโมสรโรงเรียนศาสนวิทยา ที่กำลังก่อตั้งทีมในช่วงแรก ๆ (ปัจจุบันคือสโมสรบีอีซี เทโรศาสน)",
"สโมสรฟุตบอลอินแตร์นาซีโอนาเลพัทยาก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558 โดยนายพรรณธฤต เนื่องจำนงค์ อดีตประธานสโมสรพัทยา ยูไนเต็ด ภายหลังจากที่นพรรณธฤตได้คืนสิทธิ์ในการบริหารทีมพัทยา ยูไนเต็ดให้กับชลบุรี",
"หลังจากการตกชั้นสู่ลีกรอง ถึงสองครั้งซ้อน ในรอบ 3 ปี สโมสรฯ ก็เริ่มเกิดปัญหาทางการเงิน โดยต้องขายตัวหลักในทีมอย่าง สุจริต จันทกล และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ ให้กับ ชลบุรี เอฟซี แต่สโมสรฯก็ได้พยายามทำผลงานให้ดีที่สุด แต่ใน ฤดูกาล 2556 สโมสรจบอันดับที่ 15 รอดตกชั้นแค่คะแนนเดียว (สโมสรฯทำผลงานโดยเก็บได้แค่ 37 คะแนน มีคะแนนเหนือ ระยอง เอฟซี ที่มี 36 คะแนน)\nต่อมา ได้มีการรวมนักฟุตบอล และ เจ้าหน้าที่ของทีม รวมกับ พัทยา ยูไนเต็ด โดยได้มีการเปลื่ยนแปลงยกสโมสร โดยให้ทีมเยาวชนของ ชลบุรี เอฟซี มาเป็นผู้เล่นแกนหลัก โดยกลุ่มบริหารของชลบุรี บริหารเองทั้งหมด โดยมี ธนะศักดิ์ สุระประเสริฐ เป็นประธานสโมสร ให้ วิทยา เลาหกุล เป็นผู้จัดการทีม โดยมี นฤพล แก่นสน เป็นผู้ฝึกสอน โดยผู้เล่นที่รู้จักในทีมชุดนี้ประกอบด้วย วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, สรรเสริญ ลิ้มวัฒนะ, เหมันต์ กิติอำไพพฤกษ์ เป็นต้น แต่ผลงานของทีม กลับแย่จนตกชั้นไปเล่นในระดับ ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ด้วยการจบอันดับที่ 18 มีแค่ 3 คะแนน จากการเสมอ โดยที่ไม่ชนะทีมใดเลย",
"สโมสรฟุตบอลจังหวัดชลบุรี แต่เดิมเป็นทีมฟุตบอลเยาวชนของ โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา โดยมี อรรณพ สิงห์โตทอง, ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ, สนธยา คุณปลื้ม และ วิทยา คุณปลื้ม เป็นผู้ดูแล โดยได้ส่งทีมฟุตบอลของโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งขันในระดับเยาวชน และได้รับรางวัลชนะเลิศในหลายการแข่งขัน อาทิ การแข่งขันฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา เป็นต้น[2] ต่อมาทางทีมฟุตบอลของโรงเรียนจึงสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ในนามของ ทีมฟุตบอลโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา",
"จังหวัดชลบุรี เดินหน้าพัฒนาระบบและบุคลากรสำหรับฟุตบอลอาชีพอย่างเต็มตัว ตามโครงการ วิชั่น เอเชีย และ วิชั่น ไทยแลนด์ ของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ เอเอฟซี ซึ่งโครงการนี้ ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯได้คัดเลือกจังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดแรกที่เข้าร่วมโครงการกับ เอเอฟซี โดยจังหวัดชลบุรี ได้ทำการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลจังหวัดชลบุรีขึ้นมา พร้อมกับการเปิดอบรมผู้ฝึกสอน และผู้ตัดสินตามหลักสูตรของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย",
"ปี 2558 สโมสรฟุตบอลชลบุรี ที่ได้จเด็จ มีลาภ กลับมาคุมทีมอีกครั้ง พาทีมจบฤดูกาลในอันดับที่สี่ แต่ได้สิทธิในการเข้าร่วมรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในรอบเพลย์ออฟ รอบสองแทน สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี ที่ขาดคุณสมบัติเข้าร่วมรายการนี้เนื่องจากติดปัญหาเรื่องคลับไลเซนซิ่ง[14] โดยหลังจบนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ชลบุรีเปิดบ้านพ่ายให้กับ สโมสรฟุตบอลสระบุรี 0-3 จเด็จ มีลาภ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมทันที[15]",
"ต่อมาเมื่อ สมาคมสันนิบาตสงเคราะห์ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศการแข่งขัน ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. ประจำปี 2539 ทางกลุ่มผู้ดูแลทีมฟุตบอลฯ ได้มีการเจรจาขอรวมทีม จึงได้ก่อตั้งเป็น สโมสรฟุตบอลชลบุรี–สันนิบาตฯ สมุทรปราการ และได้เข้าแข่งขันใน ดิวิชัน 1[3]",
"ต่อมาเมื่อทาง สมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน โปรวินเชียลลีก ทางผู้บริหารจึงทำการได้แยกสโมสรฟุตบอลชลบุรี-สันนิบาตฯ สมุทรปราการ ออกจากกัน ซึ่งในขณะนั้นลงเล่นในดิวิชั่น 1 อยู่ โดยชลบุรีนั้นได้นำผู้เล่นจากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ชลบุรี แทน แต่ก็ยังมาดูแลสโมสรอยู่ จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2550 ฉัตรชัย ทิมกระจ่าง นายกเทศมนตรีเมืองศรีราชา (ในขณะนั้น) ได้รับช่วงการบริหารสโมสรชลบุรี-สันนิบาต สมุทรปราการ และทำการเปลื่ยนชื่อเป็น สโมสรฟุตบอลศรีราชา-สันนิบาตฯ เพื่อลงทำการแข่งขัน ดิวิชั่น 1 ฤดูกาล 2550 โดยได้รับเกียรติจาก สนธยา คุณปลื้ม, วิทยา คุณปลื้ม และ ชาญวิทย์ ผลชีวิน รับเป็นที่ปรึกษาของสโมสรฯ และมี ทรงยศ กลิ่นศรีสุข เป็นผู้ฝึกสอน และใช้ สนามกีฬาสิรินธร ภายใน โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา เป็นสนามเหย้าของทีม โดยนักฟุตบอลในทีมส่วนใหญ่มาจาก โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา, โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ชลบุรี และ โรงเรียนกีฬาจังหวัดชลบุรี โดยในปีแรก สโมสรฯ ทำผลงานจบที่อันดับ 6 ",
"เขาเคยทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตูให้แก่ทีมสโมสรฟุตบอลจังหวัดชัยนาท และทีมสโมสรฟุตบอลชลบุรี ก่อนที่จะเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมสโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรีในเวลาต่อมา",
"สโมสรฟุตบอล ปตท. ก่อตั้งขึ้นในปี 2526 โดยเริ่มส่ง การแข่งขันของ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ โดยในปี 2553 สโมสรฯ ได้เปลื่ยนชื่อเป็น สโมสรฟุตบอล ปตท. ระยอง โดยได้ย้ายสนามเหย้าจาก สนามสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี มาเป็น สนามกีฬากลางจังหวัดระยอง และในปี 2554 จึงได้ย้ายสนามเหย้าอีกครั้ง เป็นการถาวรที่ พีทีที สเตเดียม โดยมีจุดประสงค์สำคัญ ในการส่งเสริมกิจกรรมการกีฬา ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการรับผิดชอบของธุรกิจต่อสังคมของกลุ่ม ปตท.",
"สโมสรฟุตบอลพัทยา เอฟซี () สโมสรฟุตบอลอาชีพของไทยที่ตั้งอยู่ที่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2530 ปัจจุบันลงเล่นในศึก ไทยลีก 4 โซนภาคตะวันออก",
"สโมสรฟุตบอลชลบุรี เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย โดยเป็นสโมสรจากจังหวัดชลบุรี ปัจจุบันลงเล่นในไทยลีก เคยได้ตำแหน่งชนะเลิศในฤดูกาล 2550 ซึ่งปัจจุบันใช้สนามชลบุรีสเตเดียม เป็นสนามเหย้าของสโมสร",
"จังหวัดชลบุรีมีทีมฟุตบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงและซึ่งปัจจุบันเล่นอยู่ในไทยลีก 3 ทีม คือ สโมสรฟุตบอลชลบุรี ซึ่งเป็นทีมในอำเภอเมืองชลบุรี มีผลงานได้เป็นแชมป์ประเทศไทยหนึ่งสมัยในปี พ.ศ. 2550 และเป็นตัวแทนไปแข่งในเขตเอเชียในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก และ สโมสรฟุตบอลพัทยายูไนเต็ด ในเมืองพัทยา และสโมสรฟุตบอลราชนาวี ในอำเภอสัตหีบ",
"มิลาน เดวิช (; ) เกิดวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1974 ที่อินดียา เป็นอดีตผู้รักษาประตูฟุตบอลชาวเซอร์เบีย เขาลงเล่นครั้งสุดท้ายในซูเปอร์ลีกาเซอร์เบียให้แก่สโมสรฟุตบอลอินดียา และเคยทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนการรักษาประตูให้แก่สโมสรฟุตบอลเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และมีส่วนช่วยพัฒนาฝีมือผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีมชาติไทยอย่างกวิน ธรรมสัจจานันท์ เป็นอย่างมาก ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ร่วมกับสโมสรฟุตบอลชัยนาทโดยทำการฝึกสอนให้แก่กฤษกร เกิดผล และเฉลิมเกียรติ สมบัติปัน ก่อนจะย้ายมาทำหน้าที่ให้กับสโมสรฟุตบอลชลบุรี ได้ทำงานร่วมงานและมีส่วนช่วยพัฒนาฝีมือผู้รักษาประตู สินทวีชัย หทัยรัตนกุล และทำการปั้นผู้รักษาประตูดาวรุ่งอย่างชาคร พิลาคลัง ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ของชลบุรี เอฟซี ปัจจุบันได้ย้ายมาฝึกสอนผู้รักษาประตูให้กับผู้รักษาประตูของ สโมสรฟุตบอลการท่าเรือ",
"สโมสรฟุตบอลจังหวัดนครปฐมก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2542 โดยเริ่มเล่นในโปรวินเชียลลีก ใน พ.ศ. 2547 สโมสรจบฤดูกาลโดยอยู่กลางตารางของลีก ในปีต่อมา สโมสรจบฤดูกาลในสามอันดับแรก และได้รับสิทธิ์เข้าไปเล่นในไทยพรีเมียร์ลีก ติดต่อกันใน พ.ศ. 2548-49 โดยใน พ.ศ. 2549 สโมสรได้รับสิทธิ์เข้าไปเล่นในลีกสูงสุดของประเทศไทย โดยเป็นทีมสำรองลำดับที่สองของสโมสรฟุตบอลการท่าเรือแห่งประเทศไทย สโมสรนครปฐมไม่ได้นำมาซึ่งเฉพาะความเป็น \"ทีมภูมิภาค\" ในลีกเท่านั้น แต่ยังมีกระแสแฟนบอลที่เดินทางไปเชียร์ทั้งนัดเยือนและนัดเหย้า สโมสรนครปฐมเป็นอีกทีมหนึ่งเช่นเดียวกับสโมสรฟุตบอลจังหวัดชลบุรีและสโมสรฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรีที่แข่งขันในระดับพรีเมียร์ลีก โดยไม่ใช่ทีมจากกรุงเทพมหานคร",
"ชาคร พิลาคลัง เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวไทย จากจังหวัดสมุทรปราการ สังกัดสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี ตำแหน่งผู้รักษาประตู ปัจจุบันสังกัด สโมสรฟุตบอลชลบุรี ได้รับโอกาสลงสนามนัดแรก ในเวทีไทยพรีเมียร์ลีก เกมที่ ชลบุรี เอฟซี ชนะ สโมสรฟุตบอลราชนาวี 2 - 1 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558\nชาคร พิลาคลัง เกิดที่จังหวัดสมุทรปราการ แต่ไปเติบโตที่ จังหวัดร้อยเอ็ด เข้ามาคัดตัวกับอะคาเดมี่ ของชลบุรี ตั้งแต่อายุ 10 ปี ปัจจุบันถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ของชลบุรี เอฟซี ในระดับไทยพรีเมียร์ลีก และลงทำหน้าที่ในลีกสูงสุด ในนัดที่เจอกับสโมสรฟุตบอลราชนาวี ซึ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างประทับใจ ชาคร พิลาคลัง มีชื่อติดทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ชิงแชมป์อาเซียน ที่ สปป.ลาว และ สามารถคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ",
"การแข่งขันของเขาที่ได้รับการกล่าวขานในไทยพรีเมียร์ลีก 2555 อาทิ เป็นผู้ทำประตูนำ 1-0 ให้แก่สโมสรฟุตบอลชลบุรี ก่อนที่ทีมดังกล่าวจะชนะสโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย 4-0 ในวันที่ 17 มีนาคม ค.ศ. 2012 และ วิทยา เลาหกุล ได้มีแผนการณ์ให้ เจฟฟรีย์ ดูม็อง เข้าแข่งขันในฐานะกองหน้า ในรายการเอเอฟซีคัพ 2555 เมื่อครั้งที่พบกับ ซิตี้เซนต์ แอธแลนติก ซึ่งมีขึ้นในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 2012 ที่สนามมงก๊อกสเตเดี้ยม เจฟฟรีย์ ดูม็อง ยังเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทาง วิทยา เลาหกุล ได้คาดหมายให้เป็นนักเตะหลักในการแข่งขันเอเอฟซีคัพ 2555 เมื่อครั้งที่สโมสรฟุตบอลชลบุรี พบกับ ย่างกุ้ง ยูไนเต็ด ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2012 และเขาได้เข้าแข่งขันในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2012 ในฐานะนักเตะคนสำคัญของทีม เมื่อครั้งที่พบกับสโมสรฟุตบอลเจนิฟู้ด สมุทรสงคราม",
"สโมสรฟุตบอลจังหวัดตากเริ่มก่อตั้งอย่างเป็นจริงเป็นจังในรูปแบบสโมสรฟุตบอลอาชีพขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2552 โดยใช้ชื่อว่า “ตาก เอฟซี” ซึ่งแต่เดิมนั้น “ตาก เอฟซี” มีชื่อเดิมว่า “ยอดดอยเก่า” เป็นสโมสรที่โด่งดังเป็นอย่างยิ่งในการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ประจำโซนภาคเหนือ เดิมเป็นสโมสรท้องถิ่นเล็กๆ ในจังหวัดตากที่ตั้งซอย 21 ตำบลระแหง อำเภอเมือง จังหวัดตาก โดยส่งทีมลงเล่นในโซนภาคเหนือหลายจังหวัดแต่ไม่ได้ส่งแข่งถ้วยพระราชทาน นักฟุตบอลส่วนใหญ่ที่มาเล่นก็จะเป็นเด็กในท้องถิ่นจนกระทั่งสามารถสร้างชื่อเติบโตและได้ไปเล่นให้ทีมสโมสรใหญ่ๆ ในอดีต อย่าง การท่าเรือฯ, ธ.กสิกรไทย,ชลบุรี, การไฟฟ้าฯ ไม่ว่าจะเป็น สุชิน พันธ์ประภาส, ไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์ รวมถึง อ่อง ตัน ตัน (ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติพม่า) ฯลฯ โดยส่วนใหญ่แล้วนักเตะภายในทีมจะถูกป้อนเข้าสู่ทีมสโมสรการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในระดับเยาวชนก็จะเล่นให้กับร.ร.อัสสัมชัญศรีราชา จนกระทั่งการกีฬาแห่งประเทศไทยร่วมมือกับสมาคมฟุตบอลฯ จัดการแข่งขันลีกอาชีพโดยเน้นไปที่ท้องถิ่นนิยมขึ้นมามีชื่อว่า “ลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2” ก็ทำให้มีสโมสรฟุตบอลจังหวัดตากเกิดขึ้นจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ปี 2552",
"อัลอะฮ์ลี เป็นหนึ่งในสี่สโมสรผู้ร่วมก่อตั้งซาอุดีโปรลีก และไม่เคยตกชั้นจากลีกสูงสุด รว่มกับ อัลฮิลาล, Al-Ittihad และ Al-Nassr อัลอะฮ์ลีเคยทำสถิติไม่แพ้ใคร 51 นัดติดต่อกัน ตั้งแต่ ค.ศ. 2014-2016",
"สโมสรการบินไทย ส่งทีมฟุตบอลเข้าร่วมการแข่งขันของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ครั้งแรก ในปี 2545 โดย ได้รับตำแหน่งชนะเลิศ ถ้วยพระราชทาน ง ในปี 2546 และเลื่อนชั้นมาแข่งขัน ถ้วยพระราชทาน ค \nต่อมาในปี 2547 ก็ได้เลื่อนชั้นมาทำการแข่งขันใน ถ้วยพระราชทาน ค และเลื่อนชั้นอีกครั้ง ในปี 2548/49 ถ้วยพระราชทาน ข ในการแข่งขันประจำปี 2548/2549 และได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นมาทำการแข่งขันใน ดิวิชั่น 1 2550\nในปี พ.ศ. 2552 ทางสโมสรการบินไทย ได้ร่วมมือกับทาง อำเภอบ้านบึง ในการส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันใน ฤดูกาล 2552 พร้อมกับเปลื่ยนชื่อสโมสรเป็น สโมสรฟุตบอลการบินไทย-บ้านบึง โดยตัวผู้เล่น ได้เสริมจาก ชลบุรี เอฟซี, ศรีราชา เอฟซี และ เยาวชนจาก โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ชลบุรี อีกด้วย และแต่งตั้ง จเด็จ มีลาภ ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนที่พา ชลบุรี เอฟซี คว้าตำแหน่งชนะเลิศ ไทยลีก 2550 รับตำแหน่งผู้ฝึกสอน และ ให้ อรรณพ สิงห์โตทอง เป็นผู้จัดการทีม",
"สโมสรฟุตบอลเมืองชล ยูไนเต็ด เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทย โดยเป็นทีมจากอำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ปัจจุบัน แข่งขันอยู่ใน ชลบุรีลีก",
"สโมสรฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2557 ในนาม สโมสรฟุตบอลอีสาน พัทยา โดยเริ่มต้นเข้าร่วมการแข่งขัน ของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ คือการแข่งขัน ฟุตบอลถ้วย ง ในปี 2557 และทำผลงานได้ดี โดยได้สิทธิ์เลื่อนชั้นทำการแข่งขัน ฟุตบอลถ้วย ค โดยหลังจากจบการแข่งขันฯ ก็ได้แปรสภาพเป็นทีมฟุตบอลเดินสายในแถบ จังหวัดระยอง และ จังหวัดชลบุรี",
"สโมสร ได้มีการปรับเปลื่ยนนโยบายการพัฒนาสโมสร โดยเน้นใช้ผู้เล่นเยาวชนของสโมสรมากขึ้น โดยได้เริ่มต้นตั้งแต่ฤดูกาล 2556 โดยส่ง สโมสรพานทอง เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลในระดับ ดิวิชัน 2 โดยนำนักฟุตบอลเยาวชนเข้าร่วม และพัฒนา ต่อยอดสู่สโมสรในอนาคต ต่อมาใน ฤดูกาล 2559 ได้แต่งตั้ง เทิดศักดิ์ ใจมั่น ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสร[16] และพร้อมกับดันนักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรขึ้นสู่ ทีมชุดใหญ่ โดยผลงานในสองฤดูกาลที่เทิดศักดิ์เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน จบอันดับที่ 5 ในฤดูกาล 2559 และอันดับที่ 7 ในฤดูกาล 2560 ทำให้ เทิดศักดิ์ ใจมั่น ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังสิ้นสุดฤดูกาล[17]"
] |
พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 เสียชีวิตเมื่อไหร่? | [
"จักรพรรดิฟรีดริชที่ 2 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Italian: Federico II del Sacro Romano Impero; German: Friedrich II 26 ธันวาคม พ.ศ. 1737–13 ธันวาคม พ.ศ. 1793) เสด็จพระราชสมภพที่นครเจซี ประเทศอิตาลี เป็นพระราชนัดดาของจักรพรรดิฟรีดิชที่ 1 ขึ้นครองราชย์แทนจักรพรรดิไฮน์ริชที่ 6 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เมื่อ พ.ศ. 1763 และทรงเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของราชวงศ์โฮเฮนสเตาเฟ็น ทรงเป็นกษัตริย์แห่งซิชิลีเมื่อ พ.ศ. 1741 และกษัตริย์แห่งเยอรมนีเมื่อ พ.ศ. 1755"
] | [
"พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 ทรงพระราชสมภพที่กรุงเบอร์ลิน เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 แห่งปรัสเซียและพระนางโซฟี โดโรเทอา ในฐานะที่ทรงเป็น \"กษัตริย์การทหาร\" พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มทรงเสริมสร้างกองกำลังทัพปรัสเซียที่แข็งแกร่ง พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นผู้ที่เข้มงวดและอารมณ์ร้าย กล่าวกันว่าบางครั้งจะทรงใช้ไม้เท้าตีคนหรือทรงเตะสตรีตามถนน แต่พระชายามีพระอัทธยาศัยตรงกันข้าม ทรงมีกิริยาดีและเป็นผู้มีการศึกษาดี พระบิดาของพระนางโซฟี โดโรเทอาคือเจ้าชายเกออร์ก ผู้คัดเลือกแห่งฮันโนเวอร์และเป็นรัชทายาทของสมเด็จพระราชินีนาถแอนน์แห่งบริเตนใหญ่ ต่อมาเมื่อพระราชินีนาถแอนน์สิ้นพระชนม์ เจ้าชายจอร์จก็ทรงขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่เมื่อปี ค.ศ. 1714",
"การเกิดของฟรีดริชเป็นที่ชื่นชมของพระอัยยิกาเพราะพระนัดดาสององค์แรกสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระเจ้าฟรีดริช วิลเลียมมีพระประสงค์ให้พระโอรสและธิดาได้รับการศึกษาอย่างคนสามัญ พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 จึงทรงได้รับการศึกษาจากมาดามมงท์เบลล์สตรีชาวฝรั่งเศสผู้ที่ต่อมาเป็นมาดามเดอโรคูล และฟรีดริชที่ 2 เองก็มีพระประสงค์ให้การศึกษาต่อพระโอรสและธิดาของพระองค์เองในอนาคต มาดามเดอโรคูลเป็นอูเกอโน () หรือชาวฝรั่งเศสผู้ที่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ซึ่งอาจจะทำให้มีอิทธิพลต่อฟรีดริชในการเข้าใจในความแตกต่างของแต่ละบุคคลในการนับถือศาสนาก็ได้ ขณะที่ทรงศึกษาเล่าเรียนทรงเรียนภาษาฝรั่งเศสพร้อมกับภาษาเยอรมัน",
"พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์ม ทรงมีความประสงค์จะให้เจ้าชายฟรีดริชแต่งงานกับแกรนด์ดัชเชสเอลีซาเบ็ท คริสทีเนอแห่งเมคเลินบวร์ค-ชเวรีน พระนัดดาของจักรพรรดินีแอนนาแห่งรัสเซียแต่แผนการถูกคัดค้านโดยเจ้าชายเออแฌนแห่งซาวอย ฟรีดริชทรงเสนอการแต่งงานระหว่างพระองค์เองกับจักรพรรดินีมาเรีย เทเรซาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับการสละการเป็นมงกุฏราชกุมารของปรัสเซีย แต่เจ้าชายยูจีนกลับทรงชักจูงพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มให้เห็นควรว่าการแต่งงานระหว่างฟรีดริชกับเอลีซาเบ็ท คริสทีเนอ แห่งเบราน์ชไวค์-ว็อลเฟินบึทเทิล-เบเวิร์น ผู้เป็นญาติทางราชวงศ์ฮาพส์บวร์คผู้นับถือโปรเตสแตนต์จะเหมาะสมกว่า เมื่อพระเจ้าฟรีดริชทรงทราบถึงข้อเสนอนี้ก็ทรงบรรยายในจดหมายถึงพระขนิษฐาว่า “ความรักและความเป็นมิตรระหว่างเราสองไม่มีทางเป็นไปได้” และทรงคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ก็ทรงเข้าพิธีเสกสมรสเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1733 หลังจากเมื่อทรงขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ. 1740 ฟรีดริชก็ทรงกีดกันมิให้เอลีซาเบ็ท คริสทีเนอเข้าเฝ้าในราชสำนักที่พ็อทซ์ดัม และทรงจัดให้เอลีซาเบ็ท คริสทีเนออยู่ประทับที่วังเชินเฮาเซิน (Schönhausen Palace) ที่เบอร์ลิน และห้องชุดที่วังเบอร์ลิน (Berliner Stadtschloss) และมอบตำแหน่ง “เจ้าชายแห่งปรัสเซีย” ให้แก่พระอนุชาเจ้าชายออกัสตัส วิลเลียม แห่งปรัสเซีย ถึงแม้ว่าฟรีดริชจะทรงปฏิบัติเช่นนี้ต่อเอลีซาเบ็ท คริสทีเนอ เอลีซาเบ็ท คริสทีเนอก็ยังทรงมีความจงรักภักดีต่อพระองค์",
"เมื่อฟรีดริชมีพระชนมายุได้ 18 พรรษาก็ทรงวางแผนหนีไปราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ พร้อมกับฮันส์ เฮอร์มันน์ ฟอน แคท (Hans Hermann von Katte) และนายทหารรุ่นเล็กสองสามคน แต่เมื่อไปกันเกือบถึงมานไฮม์ โรเบิร์ต คีธพี่ชายของปีเตอร์ คีธเกิดความกลัวขึ้นมาอย่างหนักถึงแผนการหนีจึงพยายามขอพระราชทานอภัยโทษจากพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ. 1730 ฟรีดริชและแคทจึงถูกจับขังคุกที่คึสตริน และเพราะทั้งสองคนเป็นนายทหารที่พยายามหนีราชการจากราชอาณาจักรปรัสเซียไปราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มจึงถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นขบถต่อแผ่นดิน และทรงขู่ว่าจะประหารชีวิตฟรีดริช และทรงคิดที่จะบังคับให้ฟรีดริชสละความเป็นมงกุฏราชกุมารให้พระอนุชาเจ้าชายออกัสตัส วิลเลียม แห่งปรัสเซีย แต่การกระทำทั้งสองนี้อย่างเป็นการยากที่จะเสนอและได้รับกการอนุมัติจากสภาไรค์สตากแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มจึงทรงตัดสินประหารชีวิตฮันส์ เฮอร์มันน์ ฟอน แคท โดยบังคับให้ฟรีดริชเฝ้าดูการตัดแบ่งร่างของ แคทเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1730",
"พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม ประสูติในพ็อทซ์ดัม เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งปรัสเซีย กับพระนางฟรีเดริกา ลุยซา แห่งเฮสเซิน-ดาร์มสตัด และพระองค์ยังมีเชื้อสายพระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่ผ่านทางพระอัยกา (ปู่) ในขณะที่พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มทรงพระเยาว์นั้น มีพระนิสัยขี้อายและเก็บตัว และติดบุคลนิสัยนี้เรื่องมา ด้วยบุคลนิสัยไม่ค่อยตรัสแบบนี้จึงเป็นผลดีต่อเหล่านายทหาร",
"พระเจ้าฟรีดริชที่ 1 วิลเฮ็ล์ม คาร์ล (; 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1754 – 30 ตุลาคม ค.ศ. 1816) เป็นกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเวือร์ทเทิมแบร์คแห่งครองราชย์ระหว่าง ค.ศ. 1805 จนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1816 พระเจ้าฟรีดริชเป็นพระราชโอรสของฟรีดริชที่ 2 ยูจีน ดยุกแห่งเวือร์ทเทิมแบร์คและโซเฟีย โดโรเทีย แห่งบรานเดนบวร์ก-ชเวดท์ พระองค์ทรงมีชื่อว่ามีพระวรกายสูงใหญ่ (6 ฟุต 11 นิ้ว หรือ 2.11 เมตร) และทรงมีน้ำหนัก 200 กิโลกรัม",
"จักรพรรดิวิลเฮ็ล์มที่ 1 พระราชสมภพเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 1797 ที่วังมกุฎราชกุมารในกรุงเบอร์ลิน ราชอาณาจักรปรัสเซีย เมื่อแรกประสูติทรงพระนามว่า \"วิลเฮ็ล์ม ฟรีดริช ลุดวิด แห่งปรัสเซีย\" (\"Wilhelm Friedrich Ludwig von Preußen\") เป็นพระราชโอรสองค์ที่สองในมกุฎราชกุมารฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม กับเจ้าหญิงลูอีเซอแห่งมัคเลิคบวร์ค-ชเตรลิทซ์ เมื่อพระอัยกาคือพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 2 เสด็จสวรรคตในค.ศ. 1797 พระราชบิดาของพระองค์ก็ได้ขึ้นครองราชสมบัติต่อเป็นพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 3 ในขณะที่เจ้าชายฟรีดริช วิลเฮ็ล์ม พระเชษฐาของพระองค์ก็ได้ขึ้นเป็นมกุฎราชกุมารต่อ ",
"พระเจ้าฟรีดริชเป็นพระเจ้าแผ่นดินนักปรัชญาเช่นเดียวกับจักรพรรดิมาร์คัส ออเรลิอัสแห่งจักรวรรดิโรมัน ทรงเป็นสมาชิกของสมาคม ในปี ค.ศ. 1738 ซึ่งเป็นเวลาใกล้กับยุคภูมิปัญญา และทรงมีความชื่นชมในตัวนักคิดวอลแตร์ผู้ที่ทรงมีการติดต่อด้วยเกือบตลอดชีวิต",
"พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 2 แห่งปรัสเซีย (; ; 25 กันยายน 1744 – 16 พฤศจิกายน 1797) เป็นพระมหากษัตริย์แห่งปรัสเซียและรัฐผู้คัดเลือกแห่งบรันเดินบวร์ค (ในพระนามฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 3) ผู้ทรงครองราชสมบัติต่อจากพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 ในปี ค.ศ. 1786 และครองราชย์ต่อมาจนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1797 โดยมีพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 3 ทรงเป็นผู้สืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 2 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ. 1744 เป็นพระราชโอรสของออกัสตัส วิลเลียมแห่งปรัสเซีย และ หลุยส์ อามาลี แห่งเบราน์ชไวก์-โวลเฟนบึทเทิล",
"พระเจ้าฟรีดริชทรงมีความสนพระทัยทางศิลปะตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และทรงพยายามหนีจาการควบคุมจากพระบิดาครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 พระราชบิดาทรงเข้มงวดจนได้รับสมญานามว่า \"กษัตริย์การทหาร\" เมื่อยังทรงพระเยาว์ฟรีดริชทรงถูกบังคับให้ดูการประหารชีวิตอย่างทารุณของพระสหายที่ทรงรู้จักกันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ในปีแรกทรงโจมตีจักรวรรดิออสเตรียและยึดครองบริเวณไซลีเซีย ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโปแลนด์ปัจจุบันซึ่งเป็นดินแดนยึดครองที่มีส่วนสำคัญในการวางรากฐานในการขยายดินแดนของปรัสเซียและเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ราชอาณาจักรปรัสเซีย ในบั้นปลายของชีวิตพระเจ้าฟรีดริชทรงรวมอาณาจักรต่าง ๆ ที่เคยเป็นราชรัฐเล็กของปรัสเซียเข้าด้วยกันรวมทั้งดินแดนที่ทรงได้มาจากการแบ่งแยกโปแลนด์ ",
"ผู้ที่ซาบซึ้งในความสำคัญของพระองค์ทางด้านนี้มากที่สุดก็คือจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศสผู้ซึ่งถือว่าพระเจ้าฟรีดริชเป็นผู้มีอัจฉริยะที่สุดในทางการใช้ยุทธวิธีในประวัติศาสตร์ หลังจากที่จักรพรรดินโปเลียนทรงได้รับชัยชนะเมื่อ ค.ศ. 1807 ก็เสด็จไปเยี่ยมอนุสรณ์ของพระเจ้าฟรีดริชที่พ็อทซ์ดัมและทรงกล่าวกับนายทหารของพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลาย, ถ้าผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ข้าพเจ้าก็ไม่มายืนอยู่ที่นี่”",
"พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 () หรือ พระเจ้าฟรีดริชมหาราช () เป็นพระมหากษัตริย์ปรัสเซียจากราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น โดยทรงครองราชย์ระหว่างปีค.ศ. 1740 จนถึง 1786 พระองค์ทรงเป็นลำดับที่สามและ \"กษัตริย์ในปรัสเซีย\" องค์สุดท้าย ก่อนที่จะฉลองพระอิสรยยศขึ้นเป็น ‘กษัตริย์แห่งปรัสเซีย(King of Prussia)’ หลังจากที่ได้รับดินแดนทางประวัติศาสตร์ดั้งเดิมของปรัสเซีย นอกจากนั้นก็ยังทรงดำรงตำแหน่งผู้คัดเลือกแห่งบรันเดินบวร์คในพระนามว่า \"ฟรีดริชที่ 4\" และทรงได้รับสมญานามว่า \"พระเจ้าฟรีดริชมหาราช\" และมีพระนามเล่นว่า \"เจ้าฟริทซ์เฒ่า (der Alte Fritz)\"",
"พระเจ้าฟรีดริชมีพระประสงค์ที่จะให้ฝังร่างของพระองค์ใกล้กับสุนัขเกรย์ฮาวนด์บนเนินไร่องุ่นภายในบริเวณวังซองส์ซูซี แต่พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 2พระนัดดากลับทรงสั่งให้ตั้งไว้ใกล้กับที่เก็บพระศพของพระราชบิดาที่วัดที่พ็อทซ์ดัมแทนที่ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2แท่นที่ฝังพระศพของทั้งพระเจ้าฟรีดริช และพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 ถูกย้ายไปไว้ในหลุมหลบภัยใต้ดิน และต่อมาในเหมืองใต้ดินใกล้เมืองเบิร์นโรดเพื่อป้องกันจากการถูกระเบิด ในปี ค.ศ. 1945 กองทัพสหรัฐย้ายพระศพไปวัดอลิสซาเบ็ธที่มาร์เบิร์ก และต่อมาที่ปราสาทโฮเอินท์ซ็อลเลิร์นใกล้เมืองเฮ็คคิงเง็น หลังจากการรวมตัวระหว่างเยอรมนีตะวันออกและตะวันตก ร่างของพระเจ้าฟรีดริชก็ถูกไปฝังที่มอโซเลียมไคเซอร์ฟรีดริชในเชิร์ชออฟพีสที่วังซองส์ซูซี",
"พระเจ้าฟรีดริชเป็นรัฐบุรุษของเยอรมนีและทางตอนเหนือของยุโรปผู้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อความคิดทางชาตินิยมแบบโรแมนติคเป็นที่นิยมกันในเยอรมนีพระเจ้าฟรีดริชก็เป็นที่ชื่นชมของของนักชาตินิยม ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 พระเจ้าฟรีดริชก็ถูกกล่าวว่าเป็นผู้มาก่อนการสร้างความแข็งแกร่งทางทหารของเยอรมนีและปรัสเซียซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของ ออทโท ฟอน บิสมาร์คในการรวมตัวของจักรวรรดิเยอรมัน และ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ในการขยายอำนาจของเยอรมนีระหว่างก่อนหน้าและสงครามโลกครั้งที่สอง",
"พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 1 แห่งปรัสเซีย (, ) (14 สิงหาคม ค.ศ. 1688 - 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1740) ฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 1 แห่งราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์นเป็นพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรปรัสเซียและอีเล็คเตอร์แห่งบรานเดนบวร์ก (ในพระนามฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 2) ผู้ทรงครองราชสมบัติต่อจากพระเจ้าฟรีดริชที่ 1 ในปี ค.ศ. 1713 และครองราชย์ต่อมาจนเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1740 โดยมีพระเจ้าฟรีดริชที่ 2 ทรงเป็นผู้สืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 1 เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1688 เป็นพระราชโอรสในพระเจ้าฟรีดริชที่ 1 และ โซฟี ชาร์ล็อทเท่แห่งฮันโนเฟอร์ ",
"นอกจากภาษาเยอรมันซึ่งเป็นภาษาแม่แล้วพระเจ้าฟรีดริชยังทรงพูดภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน, โปรตุเกส และ อิตาเลียนได้ด้วย นอกจากนั้นยังทรงเข้าใจภาษาละติน, ภาษากรีกทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่ และภาษาฮิบรู แต่ทางวัฒนธรรมโปรดวัฒนธรรมฝรั่งเศส และไม่โปรดภาษาเยอรมันซึ่งรวมไปทั้งวรรณคดีและวัฒนธรรมของเยอรมันด้วย ทรงอธิบายกับนักเขียนชาวเยอรมันว่าการเขียนภาษาเยอรมันเต็มไปด้วยการใช้ “วงเล็บซ้อนวงเล็บ, และมักจะพบคำกิริยาตอนล่างสุดของหน้าซึ่งทั้งประโยคต้องขึ้นอยู่กับคำนั้น” คำวิจารณ์ของพระองค์ทำให้นักเขียนเยอรมันพยายามสร้างความประทับใจให้พระองค์โดยการเขียนวรรณกรรมในภาษาเยอรมันเพื่อพิสูจน์คุณค่าของภาษา นักรัฐศาสตร์หลายคนรวมทั้งไฮนริช ฟรีดริช คาร์ล ไรคสฟรายแฮร์ ฟอน และ ซุม ชไตน์ (Heinrich Friedrich Karl Reichsfreiherr vom und zum Stein) ได้รับแรงบันดาลใจจากความสามารถในการเป็นรัฐบุรุษของพระเจ้าฟรีดริช โยฮันน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเทเขียนสดุดีพระเจ้าฟรีดริชระหว่างที่ไปเยี่ยมสตราสเบิร์กว่า:",
"พระเจ้าฟรีดริชทรงได้รับพระราชทานพระอภัยโทษและถูกปล่อยเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนและถูกปลดจากตำแหน่งทางทหาร แทนที่จะกลับไปเบอร์ลินฟรีดริชตัดสินใจอยู่ที่คึสตรินต่อ และเริ่มศึกษาทางการปกครองและการบริหารการสงครามอย่างเป็นเรื่องเป็นราวกับกระทรวงการสงครามและอสังหาริมทรัพย์เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ความขัดแย้งระหว่างพระราชบิดาและพระองค์เองค่อยผ่อนคลายลงเมื่อพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มเสด็จมาคึสตรินในปีต่อมา ฟรีดริชได้รับอนุญาตให้กลับไปเบอร์ลินเมื่อพระขนิษฐาเจ้าหญิงวิลเฮ็ลมมินาทรงเสกสมรสกับมาร์กราฟฟรีดริชแห่งบรันเดินบวร์ค-เบย์รึธแห่งนครรัฐเบย์รึธเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1731 หลังจากนั้นก็ทรงได้รับการอนุญาตให้กลับมาอยู่เบอร์ลินเป็นการถาวรเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1732",
"เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1806 นาซอ-อุซิงเก็น และนัสเซา-ไวล์บวร์กก็รวมเป็นส่วนหนึ่งของสมาพันธรัฐแห่งลุ่มแม่น้ำไรน์โดยความกดดันของนโปเลียน อาณาจักรเคานท์ทั้งสองรวมตัวกันเป็นอาณาจักรดยุคแห่งนาซอเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1806 ภายใต้การปกครองของเจ้าชายฟรีดริช ออกุสต์ แห่งนาซอ-อุซิงเก็นและพระญาติฟรีดริช วิลเฮล์ม ดยุคแห่งนาซอ ฟรีดริช ออกุสต์ผู้ไม่มีทายาทตกลงให้ฟรีดริช วิลเฮล์มเป็นประมุขแต่เพียงผู้เดียวหลังจากที่ตนเสียชีวิต แต่ฟรีดริช วิลเฮล์มมาเสียชิวิตเสียก่อนโดยอุบัติเหตตกบันไดในปราสาทไวล์บวร์กเมื่อวันที่ 9 มกราคม ค.ศ. 1816 บุตรชายวิลเลียมจึงได้เป็นดยุคแห่งนาซอ",
"ราชรัฐก่อตั้งขึ้นเมื่อเบอร์กราฟฟรีดริชที่ 5 แห่งเนิร์นแบร์กเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1398 เมื่อดินแดนถูกแบ่งระหว่างลูกชายสองคน ลูกชายคนรองฟรีดริชที่ 6 ได้รับอันส์บัค ลูกชายคนโตจอห์นที่ 3 ได้รับราชรัฐไบรอยท์ หลังจากจอห์นเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1420 ราชรัฐทั้งสองก็กลับมารวมกันภายใต้ฟรีดริชที่ 6 ผู้ได้รับการเลื่อนฐานะขึ้นเป็นพรินซ์อีเล็คเตอร์ฟรีดริชที่ 1 แห่งบรันเดินบวร์ค ในปี ค.ศ. 1415",
"หลังจากกลับมาเบอร์ลินพระเจ้าฟรีดริชก็ได้รับตำแหน่งทางทหารแห่งกองทัพปรัสเซียกลับในฐานะพันเอกของกองโกลซ์ (Regiment von der Goltz) ประจำการอยู่ใกล้ๆ เนาเอินและนอยรุพพินในแคว้นบรันเดินบวร์ค เมื่อปรัสเซียส่งทหารไปช่วยออสเตรียระหว่างสงครามสืบราชบัลลังก์โปแลนด์ (War of the Polish Succession) พระเจ้าฟรีดริชทรงศึกษาการยุทธศาสตร์กับเจ้าชายยูจีนแห่งซาวอยระหว่างการสู้รบกับฝรั่งเศสบนฝั่งแม่น้ำไรน์ ระหว่างสงครามพระเจ้าฟรีดริช วิลเลียมทรงอ่อนแอลงเพราะโรคข้อต่ออักเสบ ทรงยกปราสาทไรน์สเบิร์กเหนือเมืองนอยรุพพินให้ฟรีดริช ไรน์สเบิร์กกลายเป็นที่พบปะของนักดนตรี, นักแสดง, และศิลปิน ฟรีดริชใช้เวลาอ่านหนังสือ ดูละคร เขียนและเล่นดนตรี และมักจะกล่าวถึงระยะเวลานี้ว่าเป็นระยะเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิต ฟรีดริชทรงก่อตั้ง “กลุ่มเบยาร์ด” (Bayard Order) เพื่อถกเถียงเรื่องการยุทธศาสตร์กันกับเพื่อน โดยมักจะมีไฮน์ริค เอากุสต์ เดลา มอท โฟค (Heinrich August de la Motte Fouqué) เป็นประธานในการประชุม",
"หลังจากที่แคทเสียชีวิตพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มก็บังคับให้ฟรีดริชเสกสมรสกับเจ้าหญิงอลิสซาเบ็ธคริสทีนแห่งบรันสวิค-บาเวิร์น เมื่อพระเจ้าฟรีดริช วิลเลียมสิ้นพระชนม์เมื่อปี ค.ศ. 1740 ฟรีดริชก็แยกจากพระชายา แต่ก็มิได้เกลียดผู้หญิงเพราะทรงมีความสัมพันธ์กับสตรีสองคนเมื่อยังทรงอายุได้ไม่มาก และทรงมีความสนิทสนมกับพระขนิษฐา แต่กระนั้นฟรีดริชก็เกือบจะไม่มีอะไรผูกพันกับพระชายาและไม่ทรงพอพระทัยในการแต่งงานทางการเมืองซึ่งทรงถือว่าเป็นการแทรกแซงของออสเตรียซึ่งมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1701 ฟรีดริชและอลิสซาเบ็ธคริสทีนไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน เมื่อพระชนมายุมากขึ้นเสด็จไปเยี่ยมพระชายาอย่างเป็นทางการปีละครั้ง.",
"วังซองส์ซูซิเป็นที่ประทับที่พระเจ้าฟรีดริชทรงใช้รับรองแขกพิเศษส่วนพระองค์โดยเฉพาะวอลแตร์ผู้ที่ทรงขอให้มาอยู่กับพระองค์ในฐานะคนรักเมื่อปี ค.ศ. 1750 พระเจ้าฟรีดริชทรงติดต่อกับวอลแตร์เป็นเวลาถึง 50 ปีด้วยความสัมพันธ์ทั้งทางปัญญาและทางเพศ แต่ความสัมพันธ์เมื่อพบกันมักจะเป็นความสัมพันธ์ที่รุนแรงเต็มไปด้วยการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง วอลแตร์เกลียดความเป็นทหารของพระเจ้าฟรีดริช และพระเจ้าฟรีดริชผู้ที่วอลแตร์บรรยายว่าเป็น “lovable whore” ก็ไม่ชอบวิธีที่วอลแตร์ชอบพูดจาแทะเล็มแล้วถอย การโจมตีของวอลแตร์ต่อพระสหายนักเขียนคนหนึ่งของพระเจ้าฟรีดริชทำให้วอลแตร์ไม่เป็นที่ต้อนรับในปรัสเซีย เมื่อวอลแตร์กลับมาถึงปารีสเมื่อปี ค.ศ. 1753 ก็พิมพ์หนังสือโดยไม่ออกนามชื่อ “ชีวิตส่วนพระองค์ของกษัตริย์ปรัสเซีย” ซึ่งเปิดเผยความเป็นผู้รักร่วมเพศของฟรีดริชและผู้รักร่วมเพศคนอื่นๆ ในราชสำนักปรัสเซีย พระเจ้าฟรีดริชก็ไม่ทรงตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ไม่นานหลังจากนั้นวอลแตร์และพระเจ้าฟรีดริชก็กลับคืนดีกันตามเดิมและเขียนจดหมายติดต่อกันตามที่เคยทำมา แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้พบปะกันอีกหลังจากนั้น",
"เมื่อได้ดินแดนใหม่มาแล้วพระเจ้าฟรีดริชก็ทรงปรับปรุงระบบโครงสร้างต่างๆ ทางการบริหารรัฐบาล ระบบการบริหารและกฎหมายของโปแลนด์ก็ถูกแทนที่โดยระบบของปรัสเซีย การปรับปรุงรวมไปถึงระบบการศึกษาโดยการสร้างโรงเรียน 750 โรงเรียนระหว่างปี ค.ศ. 1772 ถึงปี ค.ศ. 1775 ครูที่สอนก็มีทั้งโปรเตสแตนต์และโรมันคาทอลิก และยังสนับสนุนให้ครูและนักบริหารพูดได้ทั้งภาษาเยอรมันและโปแลนด์ นอกจากนั้นพระเจ้าฟรีดริชก็ยังทรงตั้งนโยบายให้ผู้สืบราชบัลลังก์ปรัสเซียเรียนภาษาโปแลนด์ด้วย นโยบายซึ่งได้ทำต่อกันมาในราชวงศ์โฮเอินท์ซ็อลเลิร์นมาจนถึงรัชสมัยของจักรพรรดิฟรีดริชที่ 3เมื่อทรงตัดสินใจไม่ให้มกุฎราชกุมารวิลเฮล์มเรียน",
"เมื่อฟรีดริชยังทรงพระเยาว์ทรงได้รับการเลี้ยงอย่างทารุณโดยพระราชบิดาที่ทรงทำการลงโทษหรือดูแคลนพระองค์ต่อหน้าธารกำนัล เมื่อพระชนมายุได้ 18 พรรษาก็ไม่อาจจะทรงทนได้ต่อไปจึงได้ทรงวางแผนหนีไปอังกฤษกับแคท พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มทรงมีความสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่แล้วเมื่อทราบแผนการหนีจึงทรงจับทั้งสองคนและสั่งให้ประหารชีวิตแคทนอกหน้าต่างคุกของฟรีดริช ฟรีดริชได้แต่กรรแสงและส่งจูบให้แคทและทรงขอโทษ แต่แคทตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องขอโทษกระหม่อมหรอกพะย่ะค่ะ” และกล่าวว่ายอมถวายชีวิตต่อพระองค์ด้วยความยินดี กล่าวแล้วแคทก็คุกเข่าลงให้ลงโทษ ฟรีดริชทรงสิ้นพระสติและเพ้อไปสองวันหลังจากนั้น.",
"พระเจ้าฟรีดริชทรงเป็นผู้สนับสนุนการปกครองระบบที่มีพื้นฐานมาจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์อันทรงภูมิธรรม ทรงติดต่อสื่อสารกับวอลแตร์ นักปรัชญาเป็นเวลาราวห้าสิบปี และมีความสนิทสนมกันมากแต่ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งโดยตลอด พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ๆ คือการปรับปรุงระบบการบริหารราชการและข้าราชการ และยังทรงสนับสนุนเสรีภาพของการนับถือศาสนา ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปินและนักปรัชญา เมื่อสิ้นพระชนม์ร่างของพระองค์ถูกฝังอยู่ที่พระราชวังที่โปรดปรานที่พระราชวังซ็องซูซีที่เมืองพ็อทซ์ดัม เมื่อสิ้นพระชนม์ บัลลังก์ตกไปเป็นของพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 2 พระราชนัดดาเพราะพระองค์เองไม่มีพระราชโอรส ฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 2 เป็นพระโอรสของเจ้าชายเอากุสท์ วิลเฮล์มแห่งปรัสเซีย พระอนุชาของพระเจ้าฟรีดริชเอง",
"เมื่อพระชนมายุมากขึ้นพระเจ้าฟรีดริชก็ยิ่งทรงกลายเป็นคนสันโดษมากขึ้น หลังจากที่ผู้ที่ใกล้ชิดเสียชีวิตกันไปหมด พระเจ้าฟรีดริชสิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุได้ 74 พรรษาหลังจากที่ประชวรเป็นเวลานาน ในบั้นปลายทรงมีเค้านทชาวอิตาเลียนซึ่งทรงให้รางวัลโดยการแต่งตั้งให้เป็นทูต ",
"ในปี ค.ศ. 1730 พระราชินีโซเฟีย โดโรเธียพยายามจัดงานแต่งงานคู่ระหว่างฟรีดริชกับเจ้าหญิงอมิเลีย โซเฟียแห่งบริเตนใหญ่ และวิลเฮ็ลมมินาแห่งเบย์รึธพระขนิษฐากับเจ้าชายเฟรเดอริก เจ้าชายแห่งเวลส์พระธิดาและโอรสในสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่ แต่นายพลฟรีดริช ไฮน์ริช ฟอน เซ็คเค็นดอร์ฟ (Friedrich Heinrich von Seckendorff) ราชทูตของออสเตรียประจำเบอร์ลินมีความระแวงในการพยายามเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรปรัสเซียและราชอาณาจักรบริเตนใหญ่จึงติดสินบนนายพลฟอนกรุมบเคาว์ (Field Marshal von Grumbkow) มุขมนตรีกระทรวงสงครามของปรัสเซีย และเบ็นจามิน ไรเค็นบาคราชทูตปรัสเซียประจำลอนดอน สองคนนี้จึงสร้างสถานะการณ์ที่ทำให้เกิดความเคลือบแคลงระหว่างสองราชสำนัก ซึ่งทำให้พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 ทรงตั้งข้อเรียกร้องที่ราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ไม่สามารถทำตามได้ เช่นปรัสเซียต้องการผนวกแคว้นจูลิชเหนือเมืองโคโลญในปัจจุบันและแคว้นเบิร์กทางตะวันออกเฉียงเหนือของโคโลญในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลทำให้ข้อเสนอในการแต่งงานระหว่างสองราชวงศ์เป็นอันล้มเหลวลงไป\nพระเจ้าฟรีดริชทรงมีความใกล้ชิดกับเจ้าหญิงวิลเฮ็ลมมินาพระขนิษฐาและทรงให้ความสนิทสนมด้วยจนต่อมาตลอดพระชนมายุ เมื่อพระเจ้าฟรีดริชมีพระชนมายุได้ 16 พรรษาทรงมีความใกล้ชิดกับปีเตอร์ คาร์ล คริสตอล์ฟ คีธ เด็กรับใช้ของพระบิดา อายุราว 13 ปี เจ้าหญิงวิลเฮ็ลมมินาทรงบันทึกไว้ว่าสองคนสนิทสนมกันจนแยกจากกันแทบไม่ได้ และทรงกล่าวว่าคีธเป็นเด็กฉลาดเฉลียวแต่ไร้การศึกษา และรับใช้พระอนุชาด้วยความจงรักภักดีโดยการบอกกล่าวถึงสิ่งต่างๆ ที่พระบิดาทรงทำ",
"พระเจ้าฟรีดริชทรงเห็นว่าการแปรสภาพที่ดินที่เคยเป็นหนองมาก่อนบริเวณโอเดอร์ว่าเป็นดินแดนที่ได้มาอย่างสันติภาพ ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญชาวฝรั่งเศสพระเจ้าฟรีดริชทรงจัดระบบการเก็บ “ภาษีอากรทางอ้อม” (indirect taxes) เพื่อให้รัฐบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นนอกไปจากภาษีทางตรง พระเจ้าฟรีดริชทรงจ้างโยฮันน์ เอิร์นส ก็อทซเคาว์สกีเพื่อส่งเสริมโฆษณาทางการค้าและเพื่อแข่งกับฝรั่งเศสรวมทั้งการเพิ่มลูกจ้างโรงงานทำไหมขึ้นเป็น 1,500 คน นอกจากนั้นยังทรงทำตามคำแนะนำในการเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ และการจำกัดการนำสินค้าเข้า ในปี ค.ศ. 1763 เมื่อก็อทซเคาว์สกีล้มละลายระหว่างสมัยเศรษฐกิจล้มเหลวของยุโรปที่เริ่มที่อัมสเตอร์ดัม พระเจ้าฟรีดริชทรงซื้อโรงงานเครื่องกระเบื้อง KPM ของก็อทซเคาว์สกีแต่ไม่ทรงยอมซึ้อภาพเขียน",
"ในบั้นปลายของชีวิตพระเจ้าฟรีดริชกลายเป็นผู้อยู่อย่างสันโดษมากขึ้น ในแวดวงพระสหายที่ซองซูซีก็เสียชีวิตกันไปแต่ก็มิได้ทรงหาใครแทน และเมื่อมีพระชนมายุมากขึ้นก็ยิ่งทรงมองเห็นข้อเสียของระบบต่างๆ มากขึ้นซึ่งทำให้เสนาบดีและผู้รับใช้มีความอัดอั้นตันใจ ประชาชนชาวเบอร์ลินก็จะพากันมาชื่นชมถวายพระพรเมื่อเสด็จออกไปชนบท แต่พระเจ้าฟรีดริชก็มิได้มีความยินดียินร้ายกับความรู้สึกชื่นชมของประสกนิกรเท่าใดนัก ทรงหันมาให้ความสนใจต่อสุนัขเกรย์ฮาวนด์ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงแทนที่ และทรงเรียกสุนัขของพระองค์เป็นการล้อเลียนว่าเป็น “มาควิสเดอ ปองปาดูร์” ของพระองค์ ซึ่งถอดมาจากมาดาม เดอ ปองปาดูร์ พระเจ้าฟรีดริชสิ้นพระชนม์บนพระเก้าอี้ในห้องทรงพระอักษรที่วังซองส์ซูซีเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1786",
"งานเขียนของนิกโกเลาะ มาเกียเวลลี (Niccolò Machiavelli) เช่นเรื่อง “เจ้าชาย” (The Prince) เป็นงานที่ใช้เป็นแนวทางในการปกครองของพระมหากษัตริย์ในสมัยของฟรีดริช แต่ในปี ค.ศ. 1739 ฟรีดริชเขียน “ปฏิปักษ์ต่อมาเกียเวลลี” (Anti-Machiavel) — ซึ่งเป็นทฤษฏีการปกครองที่ตรงกันข้ามกับการสอนของมาเกียเวลลี หนังสือถูกพิมพ์โดยไม่บอกชื่อผู้ประพันธ์เมื่อปี ค.ศ. 1740 วอลแตร์นำไปเผยแพร่ที่อัมสเตอร์ดัมและได้รับความนิยมเป็นอันมาก ชีวิตของฟรีดริชที่อุทิศให้ศิลปะมาจบลงเมื่อพระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มสิ้นพระชนม์"
] |
สายใยแก้วนำแสงคืออะไร? | [
"ใยแก้วนำแสง หรือ ออปติกไฟเบอร์ หรือ ไฟเบอร์ออปติก เป็นแก้วหรือพลาสติกคุณภาพสูง ที่สามารถยืดหยุ่นโค้งงอได้ โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 8-10 ไมครอน[1] (10 ไมครอน = 10 ในล้านส่วนของเมตร =10x10^-6=0.00001 เมตร = 0.01 มม.) ซึ่งเล็กกว่าเส้นผมที่มีขนาด 40-120 ไมครอน, กระดาษ 100 ไมครอน[2] ใยแก้วนำแสงนั้นทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งแสงจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง เมื่อนำมาใช้ในการสื่อสารโทรคมนาคม ทำให้การส่ง-รับข้อมูลได้เร็วมาก สามารถส่ง-รับข้อมูลในระยะทางได้เกิน 100 กม.ในหนึ่งช่วง และเนื่องจากแสงเป็นตัวนำส่งข้อมูล จึงทำให้สัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าภายนอก ไม่สามารถรบกวนความชัดเจนของข้อมูลได้ ใยแก้วนำแสงจึงถูกนำมาใช้แทนตัวกลางอื่นๆในการส่งข้อมูล อีกทั้งยังเป็นเส้นใยขนาดเล็กที่ทำหน้าที่เป็นตัวนำแสง โครงสร้างของเส้นใยแสงประกอบด้วยส่วนที่แสงเดินทางผ่านเรียกว่า CORE และส่วนที่หุ้มCORE อยู่เรียกว่า CLAD ทั้ง CORE และ CLAD เป็นDIELECTRIC ใส 2 ชนิด (DIELECTRIC หมายถึงสารที่ไม่เป็นตัวนำไฟฟ้า เช่น แก้ว พลาสติก) โดยการทำให้ค่าดัชนีการหักเหของ CLAD มีค่าน้อยกว่าค่าดัชนีการหักเหของCORE เล็กน้อยประมาณ 0.2-3% และอาศัยปรากฏการณ์สะท้อนกลับหมดของแสง สามารถทำให้แสงที่ป้อนเข้าไปใน CORE เดินทางไปได้นอกจากนั้นเนื่องกล่าวกันว่าเส้นใยแสงมีขนาดเล็กมากขนาดเท่าเส้นผมนั้นหมายความว่า ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางด้านนอกของ CLAD ซึ่งมีขนาดประมาณ 0.1 ม.ม. ส่วน CORE ที่แสงเดินทางผ่าน นั้นมีขนาดเล็กลงไปอีกคือประมาณหลาย um ~ หลายสิบ um (1 um=10-3mm) ซึ่งมีค่าหลายเท่าของความยาวคลื่นของแสงที่ใช้งาน ค่าต่างๆ เหล่านี้เป็นค่าที่กำหนดขึ้นจากคุณสมบัติการส่งและคุณสมบัติทางเมคานิกส์ที่ต้องการ เส้นใยแสงนอกจากมีคุณสมบัติการส่งดีเยี่ยมแล้วยังมีลักษณะเด่นอย่างอื่นอีกเช่น ขนาดเล็กน้ำหนักเบาอีกด้วย"
] | [
"พ.ศ. ๒๓๗๐ (จ.ศ. ๑๑๘๙) ทรงอัญเชิญพระแสง พระพุทธรูปสำคัญของนครเวียงจันทน์ไปประดิษฐาน ณ ถ้ำเมืองมหาไชยกองแก้ว ในตำนานว่าพระแสงสร้างพร้อมกันกับพระสุก พระเสริม และพระใส พระแสงสร้างโดยเจ้านางคำแสงพระราชธิดาของสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ต่อมา หลังสงครามเจ้าอนุวงศ์สยามได้สั่งให้เจ้าเมืองนครพนมเชิญขึ้นไปประดิษฐาน ณ กรุงเทพมหานคร แต่พระแสงสำแดงปาฏิหาริย์ไม่ยอมเสด็จจนเกวียนอัญเชิญหัก เจ้าเมืองจึงนำมาประดิษฐานไว้ ณ วัดป่า ต่อมาจึงนำมาประดิษฐาน ณ วัดศรีคุณเมืองกลางเมืองนครพนม ปัจจุบันคือวัดศรีเทพประดิษฐาราม จังหวัดนครพนม นอกจากนี้ ในตำนานเมืองหินบูนหรือเมืองฟองวินห์เก่า ยังกล่าวว่า เมื่อครั้งเสด็จลี้ภัยไปประทับ ณ ถ้ำผาช่างหรือถ้ำผาช้าง เขตเมืองอรันรัตจานาโบราณและเมืองเวียงสุรินทร์โบราณ ปัจจุบันคือส่วนหนึ่งของเมืองหินบูน ประเทศลาว ทรงโปรดให้บูรณะปัดกวาดพระอุโบสถโบราณ (สิมเก่า) ในเมืองนี้มากถึง ๑๒ แห่ง และโปรดให้บูรณะกะตืบ (กุฏิหรืออาคารตึกดิน) ด้วยกันอีก ๑ แห่ง รวมเป็น ๑๓ แห่ง ฝ่ายตำนานเมืองมหาชนไชยก่องแก้วหรือเมืองมหาชัยของลาวนั้นกล่าวว่า เมื่อครั้งเสด็จมาสู้ศึกทหารไทยที่ถ้ำผานางเมืองมหาไชย ทรงตั้งทัพที่วัดแถนอันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปทองแดง และพระพุทธรูปเงิน ทรงโปรดเกล้าให้พระสงฆ์และชาวเมืองนำพระพุทธรูปมีค่าทั้งหลายไปประดิษฐานซุกซ่อนไว้ในถ้ำผานางใกล้น้ำสร้างแก้ว ",
"ใยแก้วนำแสง เป็นแก้วไฟเบอร์ จะใช้พัลส์ของแสงในการส่งข้อมูล ข้อดีบางประการของเส้นใยแสงที่เหนือกว่าสายโลหะก็คือมีการสูญเสียในการส่งน้อยและมีอิสรภาพจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและมีความเร็วในการส่งรวดเร็วมากถึงล้านล้านบิตต่อวินาที เราสามารถใช้ความยาวคลื่นที่แตกต่างของแสงที่จะเพิ่มจำนวนของข้อความที่ถูกส่งผ่านสายเคเบิลใยแก้วนำแสงพร้อมกันในเส้นเดียวกัน",
"หลักการคือในการส่งข้อมูลจากต้นทางไปปลายทางผ่านตัวกลางใยแก้วนำแสง ให้ใช้ความยาวคลื่น 1490 นาโนเมตร แต่รับข้อมูลกลับมาจากปลายทางมายังต้นทางใช้ความยาวคลื่น 1310 นาโนเมตร ทั้งนี้ใช้ ใยแก้วนำแสงเพียง core เดียว แต่ส่งและรับต่างเวลากัน โดยความจริงที่ว่า การส่งจากต้นทางหรือที่เรียกว่า ดาวน์โหลด (download) มีข้อมูลมากกว่า การรับจากปลายทาง หรืออัปโหลด (upload) ดังนั้น การส่งจะจองเวลาในการใช้ตัวกลางมากกว่าการรับ ตัวควบคุม (controller) ในการรับส่งจะกำหนดเวลาให้ปลายทาง โดยให้ส่งกลับมาในช่วงเวลาเดียว คือแบบ burst mode ถ้าปลายทาง มีผู้ใช้เพิ่มขึ้น ก็เพียงติดอุปกรณ์แยกแสง หรือที่เรียกว่า สปริทเทอร์ (splitter) เท่านั้น splitter เป็นอุปกรณ์พาสซีฟ ทำหน้าที่แยกแสงออกเป็น 2, 4, 8, 16, 32, 64 ส่วน เขียนเป็นสัญลักษณ์ว่า 1:2, 1:4, 1:8, 1:16, 1:32. 1:64 เมื่อแสงถูกแบ่งออก ทำให้ค่าลดทอนเป็นดังนี้",
"แสงที่ส่งเข้าไปในใยแก้วนำแสง จะถูกลดทอนด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้",
"เขตน้ำลึก แสงแดดไม่สามารถส่องถึง: สายใยอาหารจะมาจากโซนชายฝั่งทะเลและโซนที่แสงส่องถึง บางคนเรียกพื้นที่นอกชายฝั่งว่า โซนทะเล และเรียกโซนที่แสงส่องไม่ถึงว่า โซน protundral บริเวณชายฝั่งได้รับผลกระทบจากการร่วงหล่นของใบไม้ ผลกระทบจากน้ำท่วม และความเสียหายจากน้ำแข็งในฤดูหนาว ผลผลิตของทะเลสาบมาจากการปลูกพืชในเขตชายฝั่ง และผลผลิตจากการเพิ่มขึ้นของแพลงก์ตอนในเขตน้ำเปิด",
"การสร้างเส้นใยแสงจากแท่งแก้วพรีฟอร์ม มีขั้นตอนในการสร้างเริ่มต้นด้วยการนำสารที่จะใช้ในการสร้างเส้นใยแสงมาผ่านกระบวนการสร้างแท่งแก้วที่มีความโปร่งใสและความบริสุทธิ์สูง (Vapor phase depostion) จากนั้นจึงนำแท่งแก้วที่ได้มาให้ความร้อนเพื่อทำให้บริเวณปลายของแท่งแก้ว เกิดการยุบตัวกลายเป็นแท่งแก้วพรีฟอร์ม และนำแท่งแก้วพรีฟอร์มที่ได้มาทำการดึงเป็นเส้นใยแสงต่อไป โดยแท่แก้วพรีฟอร์มที่สร้างได้นั้นจะมีความยาวประมาณ 60 ถึง 120 เซนติเมตร และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 ถึง 25 มิลลิเมตร",
"โหนดแสงมีตัวรับแสงบรอดแบนด์ซึ่งจะแปลงสัญญาณแสงให้กลับเป็นสัญญาณไฟฟ้าคลื่น RF อย่างเดิม ปัจจุบัน สัญญาณ RF มักจะเริ่มต้นที่ 50 MHz และช่วง 550-1000 MHz ที่ปลายด้านบน. โหนดแสงยังมีเส้นทางส่งสัญญาณย้อนกลับหรือ return path เพื่อส่งสัญญาณการสื่อสารจากบ้านกลับไป headend สัญญาณดังกล่าวจำเป็นสำหรับการสื่อสารข้อมูลกับระบบอินเทอร์เน็ต ส่วนออปติคอลของเครือข่ายที่ออกจาก head end มีความยืดหยุ่นเป็นจำนวนมาก สัญญาณแสงดาวน์สตรีมที่วิ่งในใยแก้วจะใช้ความยาวคลื่นเดียวอาจจะเป็น 1310 นาโนเมตร จะถูกแบ่งออกเป็นหลายเส้นทางด้วยอุปกรณ์แยกแสงที่เรียกว่า splitter เพื่อกระจายสัญญาณที่มีข้อมูเดียวกันบนความยาวคลื่นเดียวกันไปยังบริเวณใกล้เคียง ไปยังโหนดแสง ที่จะแปรงสัญญาณแสงกลับไปเป็นสัญญาณ RF ก่อนจ่ายให้ผู้ใช้ปลายทางต่อไป สำหรับสัญญาณขากลับ สัญญาณจากผู้ใช้แต่ละรายจะต้องไม่เหมือนกันเพื่อจะบ่งชี้อย่างเฉพาะเจาะจงของบัญชีผู้ใช้ที่ต่างกัน ซึ่งต้องใช้ใยแก้วนำแสงจำนวนมากและไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีสายเคเบิลใยแก้วนำแสงจำนวนมากพอไปสำหรับแต่ละผู้ใช้กลับยัง head end ผู้ใช้แต่ละรายจึงถูกกำหนดให้ส่งกลับด้วยความยาวคลื่นที่ต่างกัน และอุปกรณ์ที่เรียกว่า wavelength division multiplex จะถูกนำมาใช้ในการรวมสัญญาณแสงหลายความยาวคลื่นใส่ลงในเส้นใยแก้วเส้น(core)เดียวกัน ตัวกรองแสงจะถูกใช้ในการรวมและแยกความยาวคลื่นแสงดังกล่าว ตัวอย่างเช่นสัญญาณจาก head end อาจเป็นความยาวคลื่น 1310 นาโนเมตรและสัญญาณการกลับมาอาจเป็นความยาวคลื่น 155x นาโนเมตรเป็นต้น",
"ลักษณะการทำงานของระบบเคเบิลใยแก้วสัญญาณไฟฟ้าแบบดิจิตอลจะถูก modulate เข้ากับแหล่งกำเนิดแสงที่นี้อาจเป็นเลเซอร์ไดโอกชนิด ILD(Injection Laser Diode) หรือ LED ( Light Emitting Diode) ก็ได้สัญญาณที่ออกมาจะเป็นสัญญาณแสงซึ่งจะถูกส่งผ่านไปตามเคเบิลใยแก้วระยะหนึ่งจนถึงตัวทวนสัญญาณ สัญญาณก็จะถูกเปลี่ยนกลับเป็นสัญญาณไฟฟ้า (eloctrical signal) โดยใช้โฟโต้ไกโกชนิด PIN หรือ APD (Avalanche photo diode) สัญญาณไฟฟ้านี้ก็จะถูกนำมาขยาย และกำเนิดสัญญาณไฟฟ้าใหม่ (regeneratc) แก้วจะเปลี่ยนเป็นสัญญาณแสง (optical signal) โดยถูก modulate กับแหล่งกำเนิดแสงอีกครั้งหนึ่ง และผ่านเคเบิลใยแก้วจนถึงปลายทาง (dislant terminal) กับปลายทางสัญญาณแสงก็จะถูกเปลี่ยนกลับเป็นสัญญาณไฟฟ้า เพื่อต่อเข้าชุมสายต่อไป ซึ่งลักษณะการทำงานนี้จะเป็นเช่นเดียวกันทั้งด้านรับและส่งสำหรับการจ่ายไฟเลี้ยงให้กับตัวทวนสัญญาณระบบการจ่ายไฟจะป้อนกระแสไฟตรงที่กระแสตรงที่มีค่ากระแสคงที่ผ่านตัวนำโลหะ (ทองแดง) ในสายเคเบิลและครบวงจรด้วยระบบพื้นทะเล (Ocean Ground) ที่ปลายทางทั้ง 2 ด้าน ซึ่งมีลักษณะของระบบจ่ายไฟเลี้ยงเหมือนกับระบบเคเบิลใต้น้ำแกนร่วม",
"ออพติคเคเบิลเป็นสีเหลือง ใยแก้วนำแสงบอกขนาด 9/125 หมายถึง ขนาด core เส้นผ่าศูนย์กลาง 9 ไมครอน ขนาดเปลือกหุ้มเส้นผ่านศูนย์กลาง 125 ไมครอน เมื่อ core มีขนาดเล็กมาก ทำให้แสงเดินทางเป็นระเบียบขึ้น ทำให้เกิดการสูญเสียน้อยลง ความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุดประมาณ 2,500 ล้านบิทต่อวินาทีต่อหนึ่งความยาวคลื่นแสงที่ 1300 นาโนเมตร ด้วยระยะทางไม่เกิน 20 กม. ระยะทางในการใช้งานจริง ได้ถึง 100 กม. แต่ความเร็วจะลดลง แต่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบิทต่อวินาที ข้อดีของ SM อีกอันหนึ่งก็คือ มันทำงานที่ความยาวคลื่นที่ 1300 นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงที่มีการลดทอนแสงน้อยที่สุด ตามรูป",
"Fiber-to-the-home (FTTH) เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว Fiber-to-the-x (FTTx) ได้แก่ Fiber-to-the-building (FTTB), Fiber-to-the-premises (FTTP ), Fiber-to-the-desk (FTTD), Fiber-to-the-curb (FTTC) และ Fiber-to-the-โหนด (FTTN). วิธีการเหล่านี้ทั้งหมดนำข้อมูลมาใกล้ชิดกับผู้ใช้ด้วยใยแก้วนำแสง ความแตกต่างระหว่างแต่ละวิธีการส่วนใหญ่ก็คือวิธีการที่จะทำอย่างไรจะนำใยแก้วนำแสงให้ใกล้ชิดกับผู้ใช้มากที่สุด วิธีการจัดส่งทั้งหมดเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับระบบไฮบริด fiber-coaxial (HFC) ที่ใช้เพื่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยสายเคเบิล",
"ออพติคเคเบิล 1 เส้น ประกอบด้วย ใยแก้วนำแสงตั้งแต่ 2 core ขึ้นไป มี 2 ชนิด คือ แบบ multi-mode (MM) และแบบ single-mode (SM) ความแตกต่างของทั้งสองชนิดนี้ คือขนาดของตัวใยแก้วใจกลางหรือที่เรียกว่า core",
"ระบบเคเบิลใต้น้ำใยแก้ว ที่ใช้งานอยู่หรือกำลังจะใช้งานปีพ.ศ. 2531-2533 ในแถบมหาสมุทรแอตแลนติก ในแถบทะเลเหนือ หรือข่ายเคเบิลใต้น้ำในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก จะใช้เคเบิลใต้น้ำในแถบมหาสมุทรแปซิฟิค จะใช้เคเบิลใยแก้วชนิด single-mode fibre ที่ความยาวคลื่นขนาด 1.3 ไมครอน (1.3 micrometer) ซึ่งเคเบิลใยแก้วนี้ ทำจากใยแก้วซิลิคอนที่บริสุทธิ์มาก (highly-pure sillicone glass fibre) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.1-0.15 มิลลิเมตร ซึ่งใยแก้วนี้จะทำหน้าที่เหมือนกับเป็นท่อนำคลื่น (waveguide) ให้กับคลื่นแสงโดยใช้หลักการสะท้อนแสงในขอบเขตของใยแก้วนั้น",
"ใยแก้วนำแสงสามารถให้อัตราการส่งข้อมูลที่สูงขึ้นมากในระยะทางที่ไกลกว่ามาก อินเทอร์เน็ตที่มีความจุสูงส่วนใหญ่และแบ็คโบนของเคเบิลทีวีจะใช้เทคโนโลยีใยแก้วนำแสง จากนั้นข้อมูลจะถูกเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ (DSL, เคเบิลทีวี, โทรศัพท์บ้าน) สำหรับการส่งมอบสุดท้ายให้กับลูกค้า. ",
"ออพติคเคเบิลมีสีส้ม ใยแก้วนำแสงบอกขนาด 50/125 หมายถึง ขนาด core เส้นผ่าศูนย์กลาง 50 ไมครอน ขนาดเปลือกหุ้มเส้นผ่าศูนย์กลาง 125 ไมครอน เนื่องจากมีขนาด core ใหญ่ ทำให้แสงที่เดินทางกระจัดกระจาย ทำให้แสงเกิดการหักล้างกัน จึงมีการสูญเสียของแสงมาก จึงส่งข้อมูลได้ไม่ไกลเกิน 200 เมตร ความเร็วก็ไม่เกิน 100 ล้านบิทต่อวินาที ที่ความยาวคลื่น 850 นาโนเมตร เหมาะสำหรับใช้ภายในอาคารเท่านั้น แต่มีข้อดีก็คือ ราคาถูก เพราะ core มีขนาดใหญ่ สามารถผลิตได้ง่ายกว่า",
"คำว่า \"aerial\" ก็แปลว่าสายอากาศ แต่ในสาขาการสื่อสาร/ข่ายสายตอนนอก คำนี้หมายถึงสายส่งสัญญาณที่แขวนในอากาศ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งสายทองแดงหรือสายใยแก้วนำแสง",
"การลดทอนอาจมีความจำเป็นในบางกรณี เช่น การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ 2 ชนิดที่วางอยู่ใกล้กัน แม้แต่ละอุปกรณ์จะกำหนดว่าต้องการค่าลดทอนต่ำสุด เช่น บ่งว่าทำงานที่ -2 ถึง -15 dB แต่เพื่อความเสถียรในการทำงาน ค่ากำลังของแสงควรอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งคือ ประมาณ -8 dB ดังนั้น เมื่อใช้ patch cord เชื่อมหากัน ควรติดตั้งตัวลดทอน (attenuator) สัก 8 dB เข้าไป หรือใช้ patch cord แบบ MM แทนที่จะเป็น SM เพื่อให้เกิดการลดทอนเป็นต้น การลดทอนที่หัว connector ตามรูปด้านบน connector มีหลายแบบ แล้วแต่บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ การทำงานก็คือ เมื่อนำมาต่อเข้าด้วยกัน จุดประสงค์ก็เพื่อต่อแสงจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ดังนั้นทุกชนิดมีสิ่งที่เหมือนกันคือ ferrule สีขาวที่ปลาย connector ทำด้วยพลาสติคสีขาวที่แสงผ่านได้ดี ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 mm ยาวประมาณ 10 mm ปลายด้านในของ connector ชนกับ core ของใยแก้วนำแสงพอดี ตามรูป",
"การมัลติเพล็กซ์แบบแบ่งความยาวคลื่น () คือการนำสัญญาณที่มีความยาวคลื่นต่างกันมารวมกัน แล้วทำการส่งเข้าไปในเส้นใยแก้วนำแสง เทคโนโลยี WDM\nเป็นเทคโนโลยีที่ใช้เพิ่มขนาดแบนด์วิท การส่งข้อมูลบนเครือข่ายใยแก้วนำแสง โดยการรวมส่งข้อมูลหลายชุดพร้อมกันโดยใช้วิธีผสมแสงแถบความถี่แคบๆเข้าด้วยกัน เป็นแถบกว้างคล้าย FDM คือ ทำ MUX ข้อมูลโดยใช้สัญญาณพาหะต่างความถี่ต่างกันที่ความถี่นั้นค่าสูงมาก โดยข้อมูลแต่ละชุดใช้แสงที่มีความยาวคลื่นที่แตกต่างกันลงบนสายใยแก้วเส้นเดียว ปัจจุบันเทคโนโลยี WDM ได้เข้ามาเป็นส่วนสำคัญบนอุปกรณ์เครือข่ายใยแก้วนำแสง เพราะด้วยแบนด์วิทที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้สามารถใช้งานแอปพลิเคชันใหม่ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถติดตั้งเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของระบบเดิมที่มีอยู่ก่อนได้ง่าย และด้วยการที่ WDM เป็นเทคโนโลยีในชั้นกายภาพ จึงสามารถใช้เทคโนโลยีนี้กับระบบต่างๆ ได้ เช่นทั้งอุปกรณ์ SONE, ATM switch หรือแม้แต่ IP router",
"หมวดหมู่:ใยแก้วนำแสง หมวดหมู่:อุปกรณ์ทางโทรคมนาคม หมวดหมู่:ทัศนศาสตร์",
"การลดทอนในตัวใยแก้วนำแสงเอง ค่าลดทอนอยู่ที่ประมาณ 0.4 dB/km ผู้ติดตั้งต้องหาระยะทางเพื่อคำนวณค่าลดทอนส่วนนี้ด้วย เพราะถ้าเดินสายบางช่วง ยาวถึง 20 กม ค่าลดทอนเฉพาะของสายใยแก้วนำแสงอย่างเดียวจะสูงถึง 8 dB เลยทีเดียว การตัดต่อ ณ จุดเชื่อมต่อย่อมต้องเกิดการลดทอนเสมอ การวางสายเป็นระยะทางไกลๆ ย่อมต้องมีการต่อสายให้ยาวขึ้นหรือแยกออกซ้าย/ขวา การต่อสายเรียกว่า สไปรซ (splice) มี 2 แบบคือการต่อแบบหลอมละลาย core ทั้งสองปลายเข้าด้วยกัน เรียกว่า ฟิวชั่น (fusion) วิธีนี้เป็นวิธีดีที่สุด เกิดการลดทอนเพียง 0.1 dB แต่เครื่อง fusion มีราคาแพงมาก อีกวธีหนึ่งคือ mechanical splice โดยการนำ core ทั้งสองด้านมาชนกันแล้วล๊อกให้แน่น วิธีนี้เกิดการลดทอนแสงเกือบ 0.5 dB เมื่อวางสายจากต้นทางถึงปลายทางแล้ว ต้องต่อสายใยแก้วนำแสงเข้ากับกล่องกระจายสาย (Distribution box) ทั้งต้นทางและปลายทาง ก็ต้องทำการ splice เข้าหัว connector อีก",
"การลดทอนเนื่องจากใยแก้วนำแสงสกปรก อาจมาจากไขมันที่มือคนทำงานเองดังรูป",
"สำหรับวิธีการดึงแท่งแก้วพรีฟอร์มเพื่อทำให้เป็นเส้นใยแสง โดยปลายด้านที่ยุบตัวของแท่งแก้วพรีฟอร์มจะอยู่ภายในเตาหลอม (Drawing furnace) และถูกดึงเป็นเส้นใยแสง ซึ่งการทำงานต่าง ๆ จะควบคุมอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการดึงหรือขนาดของเส้นใยแสง จากนั้นเส้นใยแสงจะถูกหุ้มด้วยวัสดุที่มีความยืดหยุ่นเพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากฝุ่นและไอน้ำก่อนที่จะทำการม้วนเก็บ สำหรับวิธีการสร้างแท่งแก้วพรีฟอร์มมีอยู่ด้วยกัน 4 วิธี ได้แก่",
"สาขานี้เป็นสาขาที่เกี่ยวพันโดยตรงกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะเกี่ยวข้องกับการส่งข้อมูลในรูปสัญญาณจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งในรูปสัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่ว่าจะส่งผ่านสื่อตัวกลางซึ่งอยู่ในรูป สายตัวนำ หรือ สายใยแก้ว หรือ ผ่านอากาศในรูปคลื่นวิทยุ",
"ในการต่อใยแก้วนำแสงจากกล่องกระจายสายเข้าอุปกรณ์ เราจะใช้สาย patch cord ได้แก่สายใยแก้วนำแสงยาวประมาณ 2-20 เมตร แล้วแต่ระยะห่าง ที่ปลายทั้งสองด้านมีหัว connector ต่ออยู่ สาย patch cord จะใช้โยงจากอุปกรณ์หนึ่งไปอีกอุปกรณ์หนึ่ง ชนิดของหัว connector มีหลายแบบขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ เช่น LC, FC, ST, SC เป็นต้น หัว connector แต่ละตัว เมื่อต่อเข้ากับอุปกรณ์ก็จะมีการลดทอนประมาณ 0.1-0.3 dB ผู้โยง patch cord จะต้องรู้ชนิดของ connector แต่ละด้าน เพราะใช้แทนกันไม่ได้",
"แต่เดิม การรับส่งข้อมูลด้าน access network ทำได้ผ่านสวิทช์ level 3 หรือ ADSL ส่งข้อมูลด้วยตัวกลางใยแก้วนำแสงหรือสายทองแดงไปให้ผู้ใช้ปลายทาง(point to point) สายทองแดงมีข้อจำกัดมากเนื่องจากใช้มานาน ไม่เสถียร ใยแก้วนำแสงต้องใช้ 2 core ต่อ 1 ผู้ใช้ปลายทาง และ สวิทช์ level 3 อีก 1 port ต่อ 1 ผู้ใช้ปลายทาง ถ้ามีผู้ใช้ปลายทางเพิ่มในบริเวณเดียวกัน ก็ต้องใช้สวิทช์เพิ่ม ต้องวางใยแก้วนำแสงเพิ่ม ไม่สามารถจะแบ่งปันทรัพยากรกันได้ วิศวกรจึงออกแบบใหม่เป็นแบบ point to multipoint โดยใช้ประโยชน์ของคลื่นแสงที่มีหลายความยาวคลื่น เช่น ใยแก้วนำแสงแบบมัลติโหมด (MMF) ใช้ความยาวคลื่น 850 นาโนเมตร แบบซิงเกิ้ลโหมด (SMF) ใช้ 1300 นาโนเมตร",
"เทคโนโลยีการสื่อสารแบบนี้จะใช้ใยแก้วนำแสงและสายโคแอคเชียลในระยะหรือช่วงการส่งเนื้อหาบรอดแบนด์ในเครือข่ายที่แตกต่างกัน เนื้อหาบรอดแบนด์ดังกล่าวได้แก่ภาพ, เสียง และข้อมูล วิธีการก็คือ ใยแก้วนำแสงจะถูกติดตั้งในช่วงแรกที่อยู่ในระยะไกลจากต้นทางที่ติดตั้ง 'headend' ไปยังโหนดแสง(หรือบางเครือข่ายเรียกว่า AM node) ที่ใกล้บริเวณที่อยู่อาศัยของผู้ใช้ เอาต์พุตของโหนดแสงจะเป็นสัญญาณ RF จึงใช้สายโคแอคเชียลติดตั้งเข้าในที่อยู่อาศัยของผู้ใช้",
"ค่าลดทอนที่ถูกต้อง เพื่อให้อุปกรณ์สื่อสารทำงานได้ ต้องดูที่ spec ของอุปกรณ์ SFP (Small Form-Factor Pluggable Transceiver) หรือ GBIC (Gigabit Interface Converter) นั้นว่ามีพิกัดในส่วนของระยะทาง, SM หรือ MM หรือ ความยาวคลื่นเท่าไร อุปกรณ์ดังกล่าว ใช้เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสงและเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นไฟฟ้า ซึ่งจะติดไว้ทั้งฝั่งส่งและฝั่งรับ ฝั่งละ 2 ตัว ใช้ใยแก้วนำแสง 2 core, core แรกส่ง ปลายทางรับ core 2 รับ ปลายทางส่ง SFP หรือ GBIC จะมีพิกัดบอกระยะทางและความยาวคลื่น ต้องเลือกใช้ให้ถูก",
"เครือข่ายเชิงแสงแบบพาสซีฟ () เป็นเทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลปลายทาง (Access Network) ความเร็วสูง โดยใช้ใยแก้วนำแสง ซึ่งเป็นอุปกรณ์แบบพาสซีฟเพียง core เดียว เหตุผลสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ก็คือ เพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ให้ได้มากที่สุด และทำให้ค่าบริการถูกลงอีกด้วย ทรัพยากรที่สำคัญในการให้บริการรับส่งข้อมูลที่มีอยู่และมีความสำคัญมากก็คือ ใยแก้วนำแสง แม้ราคาของใยแก้วนำแสงถูกลงมาก แต่การที่จะติดตั้งเพิ่มเติม ทำได้ยาก เพราะท่อร้อยสายและเสาไฟฟ้าที่มีอยู่ ไม่มีที่ว่างให้ทำได้อีกแล้ว ทุกท่อ ทุกเสา เต็มหมด และไม่สามารถสร้างท่อร้อยสาย หรือปักเสาใหม่ได้",
"เครื่องส่งสัญญาณแสงนี้จะส่งสัญญาณแสงไปที่โหนดแสงที่อยู่ไกลออกไปด้วยสายเคเบิลใยแก้วนำแสง การเชื่อมโยงอาจเป็นแบบจุดต่อจุดหรือแบบโทโปโลยีรูปดาว ข้อดีของการใช้ใยแก้วนำแสงก็คือความน่าเชื่อถือของสัญญาณสูงและส่งได้ในระยะทางที่ไกลมากนั่นเอง",
"ซิลิกาใช้เป็นวัสดุเบื้องต้นในการผลิตกระจก, แก้วน้ำและขวดแก้ว สายใยแก้วที่ใช้ในการโทรคมนาคมก็เป็นผลิตผลจากซิลิกาเช่นเดียวกัน และยังใช้เป็นวัสถุดิบแรกเริ่มในผลิตภัณฑ์จำพวกเซรามิกเช่น เครื่องปั้นดินเผา, เครื่องหิน, เครื่องลายคราม และการผลิตพาร์ตแลนด์ซีเมนต์"
] |
จังหวัดมุกดาหารมีกี่อำเภอ? | [
"การปกครองแบ่งออกเป็น 7 อำเภอ 53 ตำบล 526 หมู่บ้าน"
] | [
"หลังจากที่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ได้มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็น \"การเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรกและครั้งเดียวของไทย\" โดยขณะนั้นมุกดาหารยังเป็นเพียงอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครพนม",
"ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอหนองสูง อำเภอนิคมคำสร้อย และอำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอชานุมาน อำเภอเสนางคนิคม อำเภอเมืองอำนาจเจริญ อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ และอำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอศิลาลาด อำเภอราษีไศล และอำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอหนองพอก อำเภอเสลภูมิ และอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด",
"สืบเนื่องจากที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ครั้งที่ 6/2550 วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2550 ได้เห็นชอบโครงการจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติลุ่มน้ำโขงจังหวัดมุกดาหาร โดยมีการเรียนการสอนให้สอดรับความต้องการของพื้นที่จังหวัดมุกดาหารด้านการส่งเสริมธุรกิจระหว่างประเทศ ด้านการท่องเที่ยว ภาษา วัฒนธรรม ทั้งนี้การจัดการเรียนการสอน ณ จังหวัดมุกดาหาร เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษา ให้กับนักศึกษาไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจาก สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อีกทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้จบอาชีวศึกษาได้ต่อในระดับอุดมศึกษา ทั้งนี้จังหวัดมุกดาหารได้มอบอาคารเรียนหลังเก่า ของโรงเรียนมุกดาลัย ชื่อตึกเหลืองมุกดาลัย มอบให้เพื่อใช้ในการเรียนการสอน และเป็นสำนักงาน มหาวิทยาลัยได้นำตึกเหลืองมุกดาลัย มาปรับปรุงใหม่โดยยังคงรูปแบบเดิมของตึกให้มากที่สุด ปรับปรุงซ่อมแซมไปในเดือน เมษายน และเดือนพฤษภาคม 2550 มหาวิทยาลัยอุบลได้ส่ง ดร.กุลภา โภคสวัสดิ์ มาเตรียมงานและดูแลการปรับปรุงสถานที่ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 จากนั้นในวันที่ 1 มิถุนายน 2550 ได้ส่งอาจารย์ ณัฎฐ์นรี สุขจิต มาเป็นอาจารย์ประจำศูนย์ฯ มุกดาหารอีกหนึ่งท่าน และมีอาจารย์ประจำมาเพิ่มอีกคือ อาจารย์ทยากร สุวรรณปักษ์ และอาจารย์ ชุมพร หลินหะตระกูล ตามลำดับ\nต่อมาเมื่อวันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2551 ที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ครั้งที่ 3/2551 มีมติเห็นชอบให้จัดตั้งวิทยาเขตมุกดาหาร และได้ขอความเห็นชอบในการใช้พื้นที่ป่าไม้บริเวณภูผาเจี้ย ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เพื่อจัดตั้งวิทยาเขตมุกดาหาร\nวิทยาเขตมุกดาหาร มีนักศึกษาจำนวนทั้งสิ้น 144 คน (พ.ศ. 2554) มีพื้นที่ดำเนินการ 3 พื้นที่ คือ พื้นที่พืชไร่ตำบลคำอาอวน พื้นที่ทหารตำบลคำอาอวน และพื้นที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลมุกดาหาร (ภูผาเจี้ย) โดยวิทยาเขตมุกดาหาร กำลังมีโครงการจะก่อสร้างอาคารซึ่งเป็นที่ตั้งถาวรของวิทยาเขต นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติสิรินธารา สามารถรองรับกิจกรรมอเนกประสงค์ และรองรับการประชุมได้ 4,000 ที่นั่ง บริเวณพื้นที่ภูผาเจี้ย เนื้อที่ 1,134 ไร่",
"นิคมคำสร้อย เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดมุกดาหาร เดิมเป็นตำบลคำสร้อย ขึ้นกับอำเภอมุกดาหาร ตั้งเป็นกิ่งอำเภอนิคมคำสร้อย เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2518 ยกฐานะเป็นอำเภอนิคมคำสร้อย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2522 แบ่งการปกครองเป็น 7 ตำบล 77 หมู่บ้าน มีประชากร 40,475 คน",
"ทางหลวงเอเชียสาย 121 () คือถนนเครือข่ายทางหลวงสายเอเชียประเภทสายรอง เริ่มต้นจากพรมแดนประเทศลาว ที่สะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ใน อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ลงมาทางทิศใต้ตามเส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (ถนนชยางกูร) เลี้ยวขวาไปตาม ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2116 ผ่านอำเภอเลิงนกทา เลี้ยวซ้ายไปตาม ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2169 ผ่านเข้าอำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร จากนั้นจึงเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 202 เข้าเขต จังหวัดร้อยเอ็ด ผ่าน อำเภอสุวรรณภูมิ อำเภอเกษตรวิสัย เลี้ยวซ้ายไปตาม ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 ใน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย เข้าเขต อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ แล้วใช้เส้นทาง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 218 เข้าเขต อำเภอนางรอง แล้วเลี้ยวขวาใช้ถนน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตาม ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 348 ในเขตเทศบาลเมืองนางรอง ผ่าน อำเภอปะคำ อำเภอโนนดินแดง ลงเขาช่องตะโก เข้าสู่เขตอำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เลี้ยวขวาใช้เส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3486 ที่แยกบ้านใหม่ เลี้ยวขวาใช้เส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3395 ที่แยกโคคลาน แล้วเลี้ยวขวาใช้เส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3462 ที่สี่แยกช่องกุ่ม ตำบลช่องกุ่ม อำเภอวัฒนานคร ไปบรรจบทางหลวงเอเชียสาย 1 (AH 1) หรือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 ที่ตัวเมืองจังหวัดสระแก้ว รวมระยะทาง 458.5 กิโลเมตร",
"ด้านประเทศไทยได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน เลย นครพนม หนองคาย อุดรธานี และอุบลราชธานี ในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2496\nและได้มีการประกาศสถานการณ์ในจังหวัดอุตรดิตถ์ สกลนคร และศรีสะเกษ ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2496\nต่อมารัฐบาลไทยได้สั่งให้ประชาชนอยู่ในเคหะสถานตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนถึงตี5 ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย ตำบลท่าบ่อ อำเภอท่าบ่อ ตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย ตำบลบึงกาฬ อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย กับในเทศบาลเมืองนครพนม ตำบลอุเทน อำเภออุเทน ตำบลบ้านแพง กิ่งอำเภอบ้านแพง ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม ตำบลมุกดาหาร อำเภอมุกดาหาร ตำบลศรีบุญเรือง ตำบลนาแก อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ในวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2497และออกคำสั่งห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ในวันเดียวกัน",
"มุกดาหารอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 642 กิโลเมตร ใช้เส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี-นครราชสีมา-อำเภอบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-อำเภอโพนทอง-อำเภอคำชะอี-มุกดาหาร หรือเส้นทางกรุงเทพฯ-สระบุรี-นครราชสีมา (ทางหลวงหมายเลข 2) เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 207 ที่บ้านวัด-เลี้ยวขวาผ่านอำเภอประทาย-อำเภอพุทไธสง-อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย–อำเภอเกษตรวิสัย-อำเภอสุวรรณภูมิ แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2169 ผ่านอำเภอทรายมูล-อำเภอกุดชุม-อำเภอเลิงนกทา แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 212 ผ่านอำเภอนิคมคำสร้อย สู่จังหวัดมุกดาหาร",
"อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ/มุกดาหาร ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านคอนสาย ตำบลนาสีนวน อำเภอเมืองมุกดาหาร อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านหนองเม็ก ตำบลป่าไร่ อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร(มุกดาหาร,ยโสธร,อำนาจเจริญ) อุทยานแห่งชาติภูผายล/ห้วยหวด ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านห้วยหวด ตำบลจันทร์เพ็ญ อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร(สกลนคร,นครพนม,มุกดาหาร) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯตั้งอยูที่อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร(มุกดาหาร,กาฬสินธุ์) วนอุทยานดงบังอี ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่ตำบลนากอก อำเภอนิคมคำสร้อย เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ ที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯตั้งอยู่ที่ตำบลบึงงาม อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด(ร้อยเอ็ด,กาฬสินธุ์,มุกดาหาร)",
"ในปี พ.ศ. 2450 ได้มีการปรับปรุงการปกครองในมณฑลอุดร เป็นจังหวัด จึงถูกยุบลงเป็น อำเภอมุกดาหาร ขึ้นตรงกับ จังหวัดนครพนม และในปี พ.ศ. 2525 จึงได้มีพระราชบัญญัติ จัดตั้งจังหวัดมุกดาหารขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาการบุกรุก และขยายอิทธิพล ของระบบสังคมนิยม ของค่าสังคมนิยมในลาว ซึ่งได้เปลี่ยนการ ปกครองจาก ระบบประชาธิปไตย เป็นสังคมนิยม ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2518 ทำให้ชุมชนสุขาภิบาลมุกดาหาร ได้รับการยกฐานะ เป็นเทศบาลเมือง ตามการจัดตั้ง จังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2526 (ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 100 หน้า 63 ลงวันที่ 21 เมษายน 2526) นายกเทศมนตรีคนแรก คือ นายนิรันดร์ ยิ่งอรุณธรรม เข้าดำรงตำแหน่ง เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2526",
"โรงเรียนมุกดาหาร ()เป็นโรงเรียนสหศึกษาระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 ตั้งอยู่ที่ 211 ถนนพิทักษ์พนมเขต อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร และเป็นโรงเรียนประเภทโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่พิเศษ ปัจจุบันมีอายุ 70 ปี ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2491",
"วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจรักไทย มุกดาหาร เป็นวิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร จัดการเรียนการสอนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชสชีพชั้นสูง(ปวส.)",
"อำเภอเมืองมุกดาหาร อำเภอนิคมคำสร้อย อำเภอดอนตาล อำเภอดงหลวง อำเภอคำชะอี อำเภอหว้านใหญ่ อำเภอหนองสูง",
"เมืองมุกดาหาร เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดมุกดาหาร",
"ชาวเมืองมุกดาหารและทางราชการได้นำราชทินนาของพระยาศศิวงษ์ประวัติ (เมฆ) มาตั้งเป็นชื่อซอยบริเวณถนนศรีบุญเรืองและถนนสมุทรศักดารักษ์ ตำบลมุกดาหาร อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ชื่อว่า ซอยศศิวงษ์ เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งคุณงามความดีในราชการบ้านเมืองของพระยาศศิวงษ์ประวัติ (เมฆ)",
"ในปี พ.ศ. 2525 รัฐบาลได้ออกพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดมุกดาหาร พ.ศ. 2525 แยกอำเภอ มุกดาหารเป็นจังหวัด ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2525",
"เมื่อเจ้าราชบุตร (เมฆ) ได้ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าเมืองและว่าที่เจ้าเมืองมุกดาหารแล้ว ต่อมาอีก ๓ ปี ใน พ.ศ. ๒๔๓๔ จึงได้เดินทางลงไปรับพระราชทานสัญญาบัตรในตำแหน่งเจ้าเมืองมุกดาหารที่กรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานนามสัญญาบัตรประทับพระราชสัญจกร ตั้งให้ราชบุตร (เมฆ) เป็นที่ พระจันทรเทพสุริยวงษ์ดำรงมหาราชการ ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองมุกดาหารในฐานะพระประเทศราชตามจารีตเดิม ตั้งแต่วันที่ ๔ เดือนตุลาคม ร.ศ. ๑๑๐ ปรากฏความในราชกิจจานุเบกษา ร.ศ. ๑๑๐ การแต่งตั้งเจ้าเมืองครั้งนี้ประกอบด้วยกรมการเมืองชั้นผู้ใหญ่ดำรงตำแหน่งคณะอาญาสี่และผู้ช่วยราชการเมืองอีก ๗ ท่าน คือ ท้าวเสริม ให้ดำรงตำแหน่งอุปฮาตเมืองมุกดาหาร ท้าวแสง ให้ดำรงตำแหน่งราชวงศ์เมืองมุกดาหาร ท้าวแป้น ให้ดำรงตำแหน่งราชบุตรเมืองมุกดาหาร พระวรบุตรภักดี (อ่าง) ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองมุกดาหาร พระศรีวรวงษ์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองมุกดาหาร พระราชกิจภักดี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองมุกดาหาร พระศรีวรราช ให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยราชการเมืองมุกดาหารเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๔ พระยาศศิวงษ์ประวัติ (เมฆ) เมื่อครั้งเป็นที่พระจันทรเทพสุริยวงษ์เจ้าเมืองมุกดาหาร ได้ชักชวนประชาชนชาวเมืองมุกดาหารร่วมแรงร่วมใจกันเสาะหาต้นตะเคียนในเขตเมืองมุกดาหารจนพบต้นตะเคียนที่งดงามและสูงใหญ่ที่สุดของเมือง ณ ดงบักอี่หรือดงบั่งอี บริเวณท้องที่อำเภอดอนตาลต่อเขตแดนอำเภอนิคมคำสร้อย แล้วนำมาขุดถากสำเร็จเป็นเรือเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๓๖ พระยาศศิวงษ์ประวัติ (เมฆ) ได้ตั้งมงคลนามของเรือว่า เรือมณฑล เรือมณฑลเป็นเรือประวัติศาสตร์คู่บ้านคู่เมืองของมุกดาหารมาแต่อดีต มีอายุร้อยกว่าปี ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ ณ วัดศรีสุมังค์ ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร เป็นเรือขุดจากต้นตะเคียนทั้งต้น มีความยาว ๒๐ เมตร กว้าง ๑.๒๐ เมตร บรรจุฝีพายได้ ๔๕ คน ประชาชนเล่าลือกันว่าเป็นเรือที่สวยงามที่สุดและชนะเลิศการแข่งเรือในบุญส่วงเฮือแถบลุ่มแม่น้ำโขงมาโดยตลอด เรือมณฑลเคยเป็นเรือรับเสด็จเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ พระองค์เจ้าชายดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เสด็จมาตรวจราชการภาคอีสานบริเวณมณฑลอุดรและมณฑลร้อยเอ็ด พระองค์ได้ประทับบนเรือมณฑลเพื่อล่องแก่งในลำแม่น้ำโขงจากเมืองธาตุพนมมายังเมืองมุกดาหารเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๙ เรือมณฑลเคยลงน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ หลังจากนั้นได้เก็บรักษาไว้ ณ วัดศรีสุมังค์ นับถือกันว่าเป็นเรือประวัติศาสตร์ของชาติและเป็นโบราณวัตถุหรือสมบัติอันล้ำค่าของชาวเมืองมุกดาหาร ต่อมาชาวเมืองมุกดาหารจึงได้ปรึกษาหารือร่วมกันเพื่ออนุรักษ์เรือไว้ไม่ให้ทรุดโทรมและได้บูรณะซ่อมแซมเรือมณฑลแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๙",
"ภาษาลาวเวียงจันทน์ ใช้ในประเทศลาว ท้องที่นครหลวงเวียงจันทน์ แขวงบอลิคำไซ และในประเทศไทยท้องที่จังหวัดชัยภูมิ หนองบัวลำภู หนองคาย (อำเภอเมืองหนองคาย ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ โพนพิสัย โพธิ์ตาก สังคม(บางหมู่บ้าน) ) ขอนแก่น (อำเภอภูเวียง ชุมแพ สีชมพู ภูผาม่าน หนองนาคำ เวียงเก่า หนองเรือบางหมู่บ้าน) ยโสธร (อำเภอเมืองยโสธร ทรายมูล กุดชุม บางหมู่บ้าน) อุดรธานี (อำเภอบ้านผือ เพ็ญ บางหมู่บ้าน) ศรีสะเกษ (ในบางหมู่บ้านของอำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอขุขันธ์ และอำเภอขุนหาญ) ภาษาลาวเหนือ ใช้ในประเทศลาวท้องที่แขวงหลวงพระบาง ไชยบุรี อุดมไซ ในประเทศไทยท้องที่จังหวัดเลย อุตรดิตถ์ (อำเภอบ้านโคก น้ำปาด ฟากท่า) เพชรบูรณ์ (อำเภอหล่มสัก หล่มเก่า น้ำหนาว) ขอนแก่น (อำเภอภูผาม่าน และบางหมู่บ้านของอำเภอสีชมพู ชุมแพ) ชัยภูมิ (อำเภอคอนสาร) พิษณุโลก (อำเภอชาติตระการและนครไทยบางหมู่บ้าน) หนองคาย (อำเภอสังคม) อุดรธานี (อำเภอน้ำโสม นายูง บางหมู่บ้าน) ภาษาลาวตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้ในประเทศลาวท้องที่แขวงเชียงขวาง หัวพัน ในประเทศไทยท้องที่บ้านเชียง อำเภอหนองหาน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี และบางหมู่บ้านในจังหวัดสกลนคร หนองคาย(บางหมู่บ้านในอำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอโพธิ์ตาก) และยังมีชุมชนลาวพวนในภาคเหนือบางแห่งในจังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ ไม่กี่หมู่บ้านเท่านั้น หนองคาย ภาษาลาวกลาง แยกออกเป็นสำเนียงถิ่น 2 สำเนียงใหญ่ คือ ภาษาลาวกลางถิ่นคำม่วน และถิ่นสุวรรณเขต ถิ่นคำม่วน จังหวัดที่พูดในประเทศไทย เช่น จังหวัดนครพนม สกลนคร บึงกาฬ (อำเภอเซกา บึงโขงหลง บางหมู่บ้าน) ถิ่นสุวรรณเขต จังหวัดที่พูดมีจังหวัดเดียว คือ จังหวัดมุกดาหาร ภาษาลาวใต้ ใช้ในประเทศลาวท้องที่แขวงจำปาศักดิ์ สาละวัน เซกอง อัตตะปือ จังหวัดที่พูดในประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร ภาษาลาวตะวันตก (ภาษาลาวร้อยเอ็ด) ไม่มีใช้ในประเทศลาว เป็นภาษาที่ใช้ในท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ท้องที่ร้อยเอ็ด อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มหาสารคาม หนองคาย(บางหมู่บ้าน) และบริเวณใกล้เคียงมณฑลร้อยเอ็ดของสยาม",
"ระยะทางจากจังหวัดนครพนมไปยังจังหวัดใกล้เคียง โดยประมาณ คือ จังหวัดอุดรธานี 242 กิโลเมตร จังหวัดหนองคาย 303 กิโลเมตร จังหวัดขอนแก่น 298 กิโลเมตร จังหวัดบึงกาฬ 181 กิโลเมตร จังหวัดมุกดาหาร 104 กิโลเมตร จังหวัดสกลนคร 93 กิโลเมตร จังหวัดอุบลราชธานี 271 กิโลเมตร กรุงเทพมหานคร 730 กิโลเมตร ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอใกล้เคียง โดยประมาณ คือ อำเภอท่าอุเทน 26 กิโลเมตร อำเภอโพนสวรรค์ 45 กิโลเมตร อำเภอธาตุพนม 52 กิโลเมตร อำเภอนาแก 78 กิโลเมตร อำเภอนาหว้า 93 กิโลเมตร อำเภอวังยาง 80 กิโลเมตร อำเภอปลาปาก 44 กิโลเมตร อำเภอเรณูนคร 51 กิโลเมตร อำเภอศรีสงคราม 67 กิโลเมตร อำเภอบ้านแพง 93 กิโลเมตร อำเภอนาทม 103 กิโลเมตร",
"อำเภอเมืองมุกดาหาร เทศบาลเมืองมุกดาหาร เทศบาลตำบลดงเย็น เทศบาลตำบลคำอาฮวน เทศบาลตำบลมุก เทศบาลตำบลบางทรายใหญ่ เทศบาลตำบลโพนทราย เทศบาลตำบลผึ่งแดด เทศบาลตำบลคำป่าหลาย เทศบาลตำบลดงมอน เทศบาลตำบลนาโสก เทศบาลตำบลนาสีนวน อำเภอนิคมคำสร้อย เทศบาลตำบลนิคมคำสร้อย เทศบาลตำบลร่มเกล้า อำเภอดอนตาล เทศบาลตำบลดอนตาล เทศบาลตำบลบ้านแก้ง เทศบาลตำบลดอนตาลผาสุก อำเภอดงหลวง เทศบาลตำบลดงหลวง เทศบาลตำบลหนองแคน เทศบาลตำบลกกตูม อำเภอคำชะอี เทศบาลตำบลคำชะอี อำเภอหว้านใหญ่ เทศบาลตำบลหว้านใหญ่ เทศบาลตำบลชะโนด อำเภอหนองสูง เทศบาลตำบลภูวง เทศบาลตำบลบ้านเป้า เทศบาลตำบลหนองสูงเหนือ",
"ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 สายแม่สอด (เขตแดน)–มุกดาหาร เป็นทางหลวงแผ่นดินสายรองประธานที่เป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่เชื่อมระหว่างภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย สายทางเริ่มต้นที่สะพานมิตรภาพไทย-พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก และสิ้นสุดที่อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร มีระยะทางตลอดทั้งสายรวม 793.391 กิโลเมตร อีกทั้งรัฐบาลยังวางแผนให้เป็นหนึ่งในถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ที่เชื่อมระหว่างเมืองเมาะลำเลิง ประเทศพม่า และเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม นอกจากนี้เส้นทางหลวงแผ่นดินสายนี้ยังถือเป็นทางหลวงสายเอเชีย ได้แก่ ทางหลวงเอเชียสาย 1 และทางหลวงเอเชียสาย 16 อีกด้วย",
"พ.ศ. ๒๓๖๙ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ได้ยกทัพลงมาทางอีสาน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) โปรดเกล้าฯ ให้กองทัพไทยไปทำสงครามและจับเจ้าอนุวงศ์ได้ในปี พ.ศ. ๒๓๗๑ กองทัพไทยได้กวาดต้อนชาวภูไทจากหัวเมืองต่าง ๆ เข้ามายังฝั่งขวาของแม่น้ำโขงจำนวนมาก ชาวภูไทเหล่านี้ส่วนใหญ่ตั้งบ้านเมืองกระจายกันไปอยู่ทั่วภาคอีสาน เช่น จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น[3] ในปี พ.ศ. ๒๓๘๗ พระจันทรสุริยวงษ์ (พรหม จันทรสาขา) เจ้าเมืองมุกดาหารหรือเมืองบังมุก ได้นำท้าวสีหนาม (สิงห์) เจ้าเมืองคำอ้อ ท้าวราชอาดกรมการเมืองคำอ้อ เพี้ยเมืองแสน ท้าวสุวรรณโคตร และท้าวอุปคุตกรมการชั้นผู้ใหญ่จากเมืองวังในฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเจ้านายเผ่าภูไททั้งหมด เข้าพบเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) สมุหนายกและแม่ทัพใหญ่ที่ออกมาจัดราชการเมืองเขมรอยู่ที่เมืองพนมเป็ญ ครั้นความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓) เจ้านายภูไทที่ถูกนำตัวมาทั้งหมดได้ประกอบพิธีดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยาเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่ายสยาม หลังจากนั้น พระจันทรสุริยวงษ์ (พรหม จันทรสาขา) เจ้าเมืองมุกดาหาร ได้นำตัวท้าวสีหนาม (สิงห์) เจ้าเมืองคำอ้อ และกรมการเมืองวังเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงเทพมหานคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวสีหนาม (สิงห์) เจ้าเมืองคำอ้อ เป็นที่ พระไกรสรราช ยกบ้านหนองสูงเป็น เมืองหนองสูง ให้พระไกรสรราช (สิงห์) อดีตท้าวสีหนาม เป็นเจ้าเมืองหนองสูง โดยมีสารตราตั้งเจ้าเมืองปรากฏในเอกสาร ร.๓ จ.ศ.๑๒๗๖ เลขที่ ๕๘ หอสมุดแห่งชาติ มาเมื่อวันศุกร์ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะโรง ฉศก จ.ศ. ๑๒๐๖ ตรงกับวันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๓๘๗ ให้เมืองหนองสูงเป็นหัวเมืองชั้นจัตวา[4] ทำราชการสนองพระเดชพระคุณขึ้นต่อเมืองมุกดาหาร และให้เมืองมุกดาหารแบ่งเขตแดนให้เมืองหนองสูง คือ ด้านทิศตะวันออกตั้งแต่ห้วยทราย ด้านทิศเหนือถึงเขานางมอญ ด้านทิศตะวันตกถึงห้วยบังอี่ ด้านทิศใต้จรดห้วยทราย[5] มีอาณาบริเวณครอบคลุมพื้นที่อำเภอหนองสูง อำเภอคำชะอี และอำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม และมีพื้นที่บางส่วนล้ำเข้าไปถึงบ้านขุมขี้ยาง อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ชาวบ้านทั่วไปนิยมออกพระนามของพระไกรสรราชโดยลำลองว่า อาญาโหลง ตามสำเนียงของชาวภูไท ซึ่งตามสำเนียงชาวลาวนั้นออกพระนามลำลองว่า อาญาหลวง ส่วนโฮงที่ประทับของพระองค์ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า คุ้มเหนือ",
"ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ถนนตาก-แม่สอด) หรือ ทางหลวงเอเชียหมายเลข 1 จากชายแดนประเทศพม่า (ด่านพรมแดนแม่สอด สะพานมิตรภาพไทย-พม่า) อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก-อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ถนนช่วงตาก-แม่สอด เดิมคือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 105 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 105 (ถนนแม่สอด-แม่สะเรียง เดิมคือ ถนนแม่สอด-แม่ระมาด) หรือ จากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก-อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1090 (ถนนแม่สอด-อุ้มผาง) ทางเข้าเมืองแม่สอด จากแยกอุ้มผาง-อำเภออุ้มผาง",
" วิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร แรกเริ่มก่อตั้งโดยได้รับอนุญาตจากผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารให้ใช้อาคาร ที่ว่าการอำเภอเมืองมุกดาหารหลังเก่า ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานวิทยาลัยชุมชนมุกดาหาร จึงย้ายสำนักงานจากศูนย์การศึกษา นอกโรงเรียนจังหวัดมุกดาหาร มาที่อาคารที่ว่าการอำเภอเมืองมุกดาหารหลังเก่า ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2547 เป็นต้นมา ขณะเดียวกันสำนักงานบริหารงานวิทยาลัยชุมชน ได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อทำการซ่อมแซมอาคารดังกล่าว จำนวน 1,998,000 บาท และทำการซ่อมแซมแล้วเสร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม 2547 โดยวิทยาลัยฯ ใช้ประโยชน์ จากอาคารดังกล่าวเป็นสำนักงานวิทยาลัย ศูนย์วิทยบริการ ศูนย์ภาษาแบบพึ่งพาตนเอง บริการนักศึกษา และ ห้องเรียน โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ศาสตราจารย์นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี เดินทางมาเป็น ประธานพิธีเปิดอาคารสำนักงานอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2548 ",
"โรงเรียนมุกดาหาร เดิมเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษา ประจำอำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม เปิดทำการสอนเมื่อปี พ.ศ. 2491 เริ่มเปิดทำการสอนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยอาศัยบริเวณโรงเรียนมุกดาลัย (โรงเรียนประถมศึกษาประจำอำเภอ) และในปี พ.ศ. 2525 (จากราชกิจจานุเบกษา พ.ศ. 2525) อำเภอมุกดาหารได้แยกออกจากจังหวัดนครพนม ก่อตั้งเป็นจังหวัดมุกดาหาร จังหวัดที่ 73 ของประเทศ เหตุนี้จึงทำให้โรงเรียนมุกดาหารเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดโดยพฤตินัย ปัจจุบันได้ทำการเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรพิเศษ 3 หลักสูตร คือ หลักสูตร Mini English Program (MEP), หลักสูตร Intensive English Program (IEP), และหลักสูตรส่งเริมคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้โรงเรียนมุกดาหารยังได้เข้าร่วมโครงการสร้างหลักสูตรห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์มาตรฐานสากล ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ตามแนวทางของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอีกด้วย",
"เริ่มในสมัยขอมเรืองอำนาจ เมืองนี้มีชื่อว่า สุวรรณภูมิประเทศ เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ในปี พ.ศ. 2120 ท้าวหลวงและนางสิมได้อพยบผู้คนจากภาคเหนือลงมาตั้งหมู่บ้านชื่อว่าบ้านหลวงโพนสิม ห่างจากตัวเมืองปัจจุบันประมาณ 18 กิโลเมตร เส้นทางเดียวกับไปพระธาตุอิงฮัง ครั้นถึง พ.ศ. 2185 ท้าวสิมพลีบุตรชายได้พาชาวบ้านหลายสิบครอบครัวแยกออกไปตั้งเมืองใหม่เป็นชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขงประวัติการก่อตั้งเมืองสุวรรณเขตยังเกี่ยวพันกับการก่อตั้งจังหวัดมุกดาหารในฝั่งไทย เพราะชาวบ้านที่อพยพมาจากบ้านโพนสิมได้ข้ามไปตั้งบ้านเรือนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงแล้วก่อตั้งเมืองมุกดาหารขึ้นการเดินทางไปเมืองไกสอน พมวิหาน จากประเทศไทย สามารถทำได้โดยผ่านด่านพรมแดนที่สะพานมิตรภาพ 2 ตำบลบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นจุดกึ่งกลางในการเดินทางระหว่างเวียงจันทน์ถึงปากเซ",
"ถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก หรือ EWEC (East-West Economic Corridor) เป็นเส้นทางขนส่งมี ความยาวประมาณ 1,500 กิโลเมตร เป็นทางลัดเชื่อมทะเลจีนใต้กับมหาสมุทรอินเดีย เริ่มจากต้นทางที่ท่าเรือดานัง ในภาคกลางของประเทศเวียดนาม เข้าสู่ประเทศลาว จากนั้นข้ามสะพานมิตรภาพไทย - ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สุวรรณเขต) เข้าสู่ประเทศไทยที่อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร แล้วเข้าสู่ประเทศพม่า ที่สะพานมิตรภาพไทย - พม่า ผ่านด่านแม่สอด-เมียวดี อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ไปออกมหาสมุทรอินเดียที่เมืองท่ามะละแหม่งในอ่าวเมาะตะมะของประเทศพม่า ",
"เส้นทางในประเทศไทยเริ่มที่สะพานมิตรภาพไทย - ลาวแห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สุวรรณเขต) ผ่านเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ช่วงมุกดาหาร - อำเภอสมเด็จ - กาฬสินธุ์ - อำเภอยางตลาด - ขอนแก่น - อำเภอชุมแพ - อำเภอหล่มสัก - พิษณุโลก - สุโขทัย - อำเภอบ้านด่านลานหอย - ตาก - อำเภอแม่สอด และสิ้นสุดที่สะพานมิตรภาพไทย - พม่า อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ",
"ถนนช่วงสมเด็จ–มุกดาหาร เดิมเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2042 หรือ ทางหลวงแผ่นดินสายสี่แยกสมเด็จ–มุกดาหาร เริ่มจากอำเภอสมเด็จ ผ่านอำเภอห้วยผึ้ง อำเภอกุฉินารายณ์ เข้าเขตจังหวัดมุกดาหาร ผ่านอำเภอหนองสูง และไปตัดที่ถนนชยางกูร (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212) ในอำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร จากนั้นไปสิ้นสุดที่เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร รวมระยะทาง 122 กิโลเมตร",
"อำมาตย์เอก พระยาศศิวงษ์ประวัติ (เมฆ จันทรสาขา) อดีตเจ้าเมืองมุกดาหารองค์ที่ ๗ (พ.ศ. ๒๔๓๐-๒๔๔๒) จากราชวงศ์เวียงจันทน์ในฐานะเจ้าเมืองประเทศราช อดีตราชบุตรผู้รักษาราชการเมืองมุกดาหาร อดีตจางวางที่ปรึกษาราชการเมืองมุกดาหาร อดีตกรมการพิเศษจังหวัดนครพนม (พ.ศ. ๒๔๔๒-๒๔๖๐) อดีตจางวางอำเภอมุกดาหาร อำมาตย์เอก พระยาศศิวงษ์ประวัติ (เมฆ จันทรสาขา) เป็นต้นสกุลพระราชทาน จันทรสาขา แห่งจังหวัดมุกดาหารและเป็นต้นสกุลพระราชทาน พิทักษ์พนม แห่งอำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในภาคอีสานของประเทศไทย",
"เทศบาลเมืองมุกดาหาร เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทเทศบาลเมือง ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ได้รับยกฐานะมาจากเทศบาลตำบลมุกดาหาร มีเขตรับผิดชอบ ได้แก่ ตำบลศรีบุญเรืองทั้งตำบล และ บางส่วนของตำบลมุกดาหาร"
] |
ขนมปังขิงมีส่วนผสมของขิงหรือไม่? | [
"นอกจากจะใช้น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานและมีเครื่องเทศจากโลกตะวันออกเป็นส่วนผสมแล้ว (โดยมากคือ อบเชย กานพลู โป๊ยกั๊ก หรือน้อยครั้งที่ใช้กระวาน ผักชี ขิง ลูกจันทน์เทศ) ขนมขิงยังแตกต่างจากขนมปังอื่นๆตรงที่ไม่มียีสต์เป็นส่วนผสมเลย การอบขนมขิงจะใช้เกลือจากเขากวางแดง (Hirschhornsalz) หรือสารโพแทสเซียม (หรืออาจใช้ทั้งสองอย่าง) แทนผงฟู ซึ่งสารเหล่านี้จะทำให้แป้งดิบที่ยังไม่ได้อบนั้นมีรสขมเล็กน้อย บ่อยครั้งที่มีการตกแต่งขนมขิงด้วยอัลมอนด์ ถั่ว ผงเปลือกส้ม ผงเปลือกมะนาว หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือ ช็อกโกแลต แป้งเป็นส่วนผสมหนึ่งที่ไม่ได้ใช้กับขนมขิงทุกประเภทเสมอไป ตัวอย่างเช่น ขนมขิงตำรับเมืองนูเรมเบิร์ก ซึ่งตามเกณฑ์คุณภาพแล้วจะไม่ใช้แป้งเลย หากแต่ใช้น้ำมันเมล็ดพืชแทน"
] | [
"สูตรขนมขิงส่วนใหญ่จะมีปริมาณแป้งน้อยมาก ประมาณร้อยละ 10 ถึง 50 ของส่วนผสมเท่านั้น ตำรับอาหารเยอรมันส่วนมากมักประกอบด้วยแป้งสาลี ในขณะที่ตำรับอาหารฝรั่งเศสและหลายประเทศในยุโรปตะวันออกกลับใช้ข้าวไรย์แทน ในปัจจุบันมีการนำเครื่องเทศหลักที่ใช้ในการอบขนมขิงมาผสมสำเร็จรูปโดยเรียกว่า เครื่องเทศขนมขิง",
"ขนมขิงที่ใช้ทำน้ำซอส ซึ่งในภาษาเยอรมันเรียกว่า โซเซนคูเคน (Soßenkuchen) หรือ โซเซนเลบคูเคน (Soßenlebkuchen) เป็นขนมขิงธรรมดาๆชนิดหนึ่ง มีอยู่ในบางภูมิภาคของเยอรมนี โดยจะมีการผลิตขนมขิงชนิดนี้ในทุกฤดูกาลเพื่อใช้ในการทำน้ำซอส",
"ขนมขิงลายภาพก็คือขนมขิงที่มีการตัดหรือกดทับให้เป็นลาย ขนมขิงรูปแบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 มีทั้งแบบดั้งเดิมที่มีรูปภาพทางศาสนา และหลังจากนั้นก็เริ่มมีแบบที่เป็นรูปภาพทั่วไป ในปัจจุบันขนมขิงลายภาพเหล่านี้เป็นที่แพร่หลายในนานาประเทศ และไม่ได้ผลิตเพียงแค่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสอีกต่อไป ขนมขิงรูปหัวใจที่ตกแต่งด้วยน้ำตาลไอซิ่งนั้นค่อนข้างเป็นที่รู้จักกันดี และซื้อหาได้ทั่วไปในงานรื่นเริง งานประจำปี และแม้กระทั่งบนแผงขายขนมในตลาดคริสต์มาส",
"คำว่า ขนมปังขิง มาจากภาษาอังกฤษว่า \"Gingerbread\" ซึ่งเป็นขนมปังขิงของชาวยุโรป ซึ่งตกแต่งลวดลายสวยงาม มีลักษณะหงิกงอเป็นแง่งคล้ายขิง จึงใช้เป็นคำเรียกลวดลายทางสถาปัตยกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ในสมัยพระนางเจ้าวิกตอเรียที่ 2 แห่งอังกฤษ",
"ในภาษาไทย อาจเรียก ขนมขิง ว่า ขนมปังขิง ตามความคุ้นเคย เนื่องจากแปลตรงตัวมาจากคำภาษาอังกฤษที่ว่า Ginger bread (ginger หมายถึง ขิง และ bread หมายถึง ขนมปัง แปลเป็นภาษาไทยจึงได้คำรวมว่า ขนมปังขิง) แต่ขนมขิงเองมีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างจากขนมปังที่เรารู้จักกันทั่วไป (bread) โดยสิ้นเชิง โดยเป็นขนมอบคนละรูปแบบกับขนมปัง (bread)",
"สำหรับที่พักอาศัย ในการประยุกต์ยุกแรก ๆ เรือนไม้จะนำศิลปะตะวันตกมาประยุกต์ เช่นเรือนปั้นหยา ซึ่งดัดแปลงมาจากเรือนไม้ของยุโรป สร้างขึ้นในพระราชวังก่อนแพร่หลายสู่บ้านเรือนประชาชน หลังคาเรือนปั้นหยาซึ่งมุงด้วยกระเบื้องโดยทุกด้านของหลังคาจะชนกันแบบปิรามิด ไม่มีหน้าจั่วแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม[1] จากนั้นได้วิวัฒนาการเป็นเรือนมะนิลา ในบางส่วนอาจเป็นหลังคาปั้นหยา แต่เปิดบางส่วนให้มีหน้าจั่ว หลังจากนั้นก็มีเรือนขนมปังขิง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากเรือนขนมปังขิงสมัยโบราณของตะวันตก ซึ่งมีการตกแต่งอย่างหรูหรา มีครีบระบายอย่างแพรวพราว โดยทั้งเรือนขนมปังขิงและเรือนมะนิลา เป็นศิลปะฉลุลายที่เฟื่องฟูมากในสมัยรัชกาลที่ 5-6",
"ในภาษาเยอรมัน สิ่งที่เรียกว่า บ้านขนมขิงพริกไทย หรือ เฟฟเฟอร์คูเคนฮอยส์เช็น (Pfefferkuchenhäuschen) ที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่า บ้านขนมปังกรอบ หรือ คนุสเปอร์ฮอยส์เช็น (Knusperhäuschen) ในนิทานเรื่องบ้านขนมปัง (นิทานเรื่องแฮนเซลกับเกรเทล) ก็ทำมาจากขนมขิงเช่นกัน บ้านขนมขิงเหล่านี้นอกจากจะเป็นที่แพร่หลายในประเทศที่ใช้ภาษาเยอรมันแล้ว ยังหาซื้อได้ในแถบยุโรปตะวันออกและประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอีกด้วย",
"คำเรียกขนมขิงในภาษาอังกฤษที่ว่า จินเจอร์เบรด (Gingerbread) นั้นใช้เป็นชื่อเรียกระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รูปแบบหนึ่งของบริษัทกูเกิล ในพิพิธภัณฑ์เครื่องเทศเก่าแก่ที่ใช้ในครัวเรือน (Museum Alte Pfefferküchlerei) ในเมืองไวซ์เซนแบร์ก (Weißenberg) รัฐแซ็กโซนีในเยอรมนี มีการจัดแสดงเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตขนมขิง ในวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ.2003 ที่เมืองเอสลิงเกน (Esslingen) ริมฝั่งแม่น้ำเนคคาร์ (Neckar) ได้มีการอบขนมขิงที่ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้น ขนมขิงนี้เป็นรูปซานตาคลอส มีขนาดความยาว 10 เมตร และความกว้าง 4 เมตร ส่วนผสมที่ใช้คือแป้งขนมปัง 350 ก.ก. น้ำเชื่อม 180 ก.ก. และเครื่องเทศสำหรับทำขนมขิงทั้งหมด 8 ก.ก. และแต่งหน้าด้วยมาร์ซิพาน (อัลมอนด์และน้ำตาลบดรวมกันเป็นของเหลวเหนียวๆ) และน้ำตาลไอซิ่งชนิดหนืดหรือที่เรียกว่า ฟันเดินท์ (Fondant) ซึ่งทำให้ขนมขิงชิ้นนี้มีน้ำหนักรวมถึง 650 ก.ก. เลยทีเดียว",
"ขนมขิงสูตรเฉพาะของเยอรมนีหลายตำรับเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ตัวอย่างเช่น ขนมขิงตำรับเมืองนูเรมเบิร์กและขนมขิงตำรับเมืองอาคเคน สูตรขนมขิงเฉพาะตามภูมิภาคต่างๆยังได้แก่ ขนมขิงตำรับรอสเนอร์ (Rosner Lebkuchen) จากเมืองวาลด์ซาสเซน (Waldsassen) ขนมขิงตำรับเบนท์ไฮม์เมอร์ มอพเพ็น (Bentheimer Moppen) ขนมขิงพริกไทยตำรับเมืองพุลสนิทซ์ หรือ พุลสนิทเซอร์ เฟฟเฟอร์คูเคน (Pulsnitzer Pfefferkuchen) ไนซ์เซอร์ คอนเฟคท์ (Neisser Konfekt) และ ขนมขิงถั่วพริกไทยแห่งรัฐเม็คเลนบูร์ก หรือ เม็คเลนบูร์กเกอร์ เฟฟเฟอร์นึซเซอ (Mecklenburger Pfeffernüsse)",
"ประเทศอื่นๆ ในยุโรปก็มีขนมขิงตำรับเฉพาะที่มีประวัติความเป็นมายาวนานเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ขนมขิงตำรับฝรั่งเศสแห่งเมืองดิโจ (Dijon) ขนมขิงตำรับคริสเตียนส์เฟลด์ (Christiansfeld) ของเดนมาร์ก หรือ ขนมขิงตำรับธอร์นเนอร์ คาทรินเช็น (Thorner Kathrinchen) จากเมืองธอร์นซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองโตรันของโปแลนด์ตั้งแต่ ค.ศ. 1919 ตุ๊กตาขนมขิงและบ้านขนมขิงที่มาจากเมืองพาร์ดูบิซในสาธารณรัฐเช็กนั้นจะแต่งหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่งจำนวนมากเป็นพิเศษ",
"ขนมขิงเองก็เหมือนกับอาหารชนิดอื่นๆ ที่มีชื่อเรียกในภาษาเยอรมันแตกต่างกันออกไปตามแต่ละภูมิภาค ในทางตอนใต้ ตะวันตก และตอนเหนือของเยอรมนีจะใช้คำว่า เลบคูเคน (Lebkuchen) ขณะเดียวกันในภูมิภาคทางใต้และตะวันตกของเยอรมนีก็อาจพบชื่อเรียกขนมขิงที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ ลาเบอคูเคน (Labekuchen) เล็คคูเคน (Leckkuchen) หรือ เลเบนส์คูเคน (Lebenskuchen) ในบางพื้นที่ของรัฐบาวาเรียและรัฐบาเดน-เวิร์ทเทมเบิร์กเรียกขนมขิงว่า มาเก็นโบรท (Magenbrot) แม้ว่าโดยรวมแล้วจะหมายถึงขนมอบรูปแบบที่ต่างออกไปก็ตาม ตรงกันข้ามกับทางตะวันออกของเยอรมนีที่เรียกขนมขิงกันว่า เฟฟเฟอร์คูเคน (Pfefferkuchen) หรือขนมขิงพริกไทย",
"บ้านขนมปังขิง (Ginger Bread Style) หมายถึงบ้านสไตล์หนึ่งที่มีการประดับตกแต่งบ้านด้วยไม้ฉลุลวดลายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ชายคา ช่องลม หรือราวระเบียง ซึ่งต้นแบบนั้นมาจากบ้านสไตล์วิคตอเรียนในประเทศอังกฤษ และได้แพร่หลายเข้ามาในประเทศของเราหลังจากที่ชาวต่างชาติเริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศช่วงราวรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา และได้สร้างบ้านเรือนตามแบบที่ตนคุ้นเคยไว้ในประเทศไทย ชาวไทยเองก็ชื่นชอบความงดงามของลวดลายไม้แกะสลักจนเกิดเป็นกระแสนิยมนำเอาลวดลายขนมปังขิงมาประดับที่บ้านเรือนของเราบ้าง โดยความนิยมนั้นก็เริ่มต้นขึ้นจากพระราชวัง บ้านขุนนาง เศรษฐี คหบดี และตามวัดวาอารามต่างๆ",
"มนุษย์ขนมปังขิง (gingerbread man) คือ ขนมปังขิงทำเป็นรูปเหมือนคน สืบย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วง คริสต์ศตวรรษที่ 19 ในเทพนิยายหลายเรื่องนั้น มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับมนุษย์ขนมปังขิง ที่ถูกคน หรือ สัตว์ ไล่กิน นอกจากรูปร่างในรูปแล้ว ขนมปังขิงทำเป็นรูป ผู้หญิง หรือ สัตว์ ก็เริ่มได้รับความนิยม",
"ในสมัยก่อนขนมขิงซึ่งเรียกว่า เลบคัวเค (Lebkuoche) ในภาษาเยอรมันยุคกลาง จะอบโดยวางบนแป้นพิมพ์ในโรงอบขนมปังของโบสถ์ ซึ่งเป็นสถานที่อบขนมปังกลมที่เรียกว่า แผ่นศีล อยู่แล้ว ในตอนใต้ของเยอรมนีและประเทศออสเตรียจะเรียกขนมปังนี้ว่า เซลเทอ (Zelte) และเรียกคนอบขนมปังว่า เลบเซลเทอร์ (Lebzelter) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคนทำขนมขิง หรือ เลบเซลเทอร์ ก็จัดอยู่ในกลุ่มสายอาชีพเดียวกันนั่นเอง",
"ส่วนเหตุที่เรียกการตกแต่งด้วยไม้แกะสลักเหล่านี้ว่าขนมปังขิงก็เพราะชาวตะวันตกนิยมเอาคุกกี้ขนมปังขิงมาสร้างเป็นบ้านตุ๊กตาเล็กๆประดับตกแต่งด้วยขนมอมยิ้มหลากหลายชนิดในวันคริสต์มาส อีกทั้งลวดลายแกะสลักเหล่านั้นยังมีลักษณะหงิกงอเป็นแง่งๆคล้ายขิงอีกด้วย",
"มนุษย์ขนมปังขิง เรือนขนมปังขิง",
"หนึ่งในขนมขิงลายภาพซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลกก็คือ “เจ้ามนุษย์ขนมขิง หรือ จินเจอร์เบรดแมน (Gingerbread Man) ” จากประเทศแถบที่ใช้ภาษาอังกฤษ ซึ่งมีรูปร่างเป็นคนแบบปั้นง่ายๆ โดยไม่มีรายละเอียดของมือและเท้า เจ้ามนุษย์ขนมขิงมีชื่อเรียกว่า “เพ็พพาร์คาคอร์ (pepparkakor) ” ในภาษาสวีเดน และ “เซแวร์นิเย โคซูลี (северные козули) ” ในภาษารัสเซีย เชื่อกันว่าเจ้ามนุษย์ขนมขิงนี้นำมาซึ่งโชคดีและความร่ำรวย",
"ขิงนำมาทำอาหารได้หลากหลาย ขิงอ่อนใช้เป็นผักจิ้ม ใช้ทำผัดขิง ใสในยำเช่นยำหอยแครง ใส่ในแกงฮังเล น้ำพริก กุ้งจ่อม ซอยใส่ในต้มส้มปลา เมี่ยงคำ ไก่สามอย่าง ใช้ทำขิงดอง ใส่ในบัวลอยไข่หวานเพื่อดับกลิ่นคาวไข่ ทำเป็นอาหารหวาน เช่น น้ำขิง เต้าฮวย ขิงแช่อิ่ม ขนมปังขิง และยังทำเป็นขิงผงสำเร็จรูป สำหรับชงดื่ม\nเมื่อบริโภคขิง 100 กรัม คุณค่าทางโชนาการที่ได้รับคือ พลังงาน 25 กิโลแคลอรี่ โปรตีน 0.4 กรัม คาร์โบไฮเดรท 4.4 กรัม ไขมัน 0.6 กรัม เส้นใยอาหาร 0.8 กรัม\nธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม แคลเซียม 18 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 22 มิลลิกรัม เบต้า-คาโรทีน 10 ไมโครกรัม วิตามินซี 1 มิลลิกรัม ไธอะมีน 0.02 มิลลิกรัม \nไนอะซีน 1 มิลลิกรัม ไลโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม",
"ขนมขิง หรือที่เรียกว่า ขนมขิงพริกไทย ขนมขิงเครื่องเทศ หรือ<b data-parsoid='{\"dsr\":[1192,1211,3,3]}'>ขนมขิงน้ำผึ้ง เป็นขนมอบที่มีรูปแบบหลากหลาย และมักอบรับประทานกันโดยเฉพาะในช่วงหนึ่งเดือนก่อนเทศกาลคริสต์มาสและในเทศกาลคริสต์มาส",
"การคิดค้นผงฟูในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีบทบาทต่อวิวัฒนาการของขนมขิง ผงฟูทำให้ส่วนฐานที่เป็นแป้งนั้นพองฟูขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดขนมอบขึ้นหลายชนิดที่มีรสชาติและความเหนียวทั้งเหมือนและไม่เหมือนกับขนมขิงต้นแบบ ตัวอย่างเช่น ขนมขิงน้ำผึ้งและขนมขิงเครื่องเทศในรูปแบบต่างๆหลายชนิด",
"ในสวิตเซอร์แลนด์ ขนมขิงรูปซานตาคลอสเป็นที่นิยมแพร่หลาย บนชิ้นขนมขิงจะมีกระดาษรูปซานตาคลอสแปะอยู่โดยใช้น้ำยางกัมอารบิกซึ่งเป็นยางไม้ธรรมชาติเป็นกาวติด ประเพณีนี้มีมาตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่19 ขนมขิงตำรับสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคือ ขนมขิงตำรับบาสเลอร์ เล็คเคอลี (Basler Leckerli) จากเมืองบาเซล และขนมขิงตำรับบิเบอร์ลี (Biberli) จากเทือกเขาแอพเพ็นเซล ขนมขิงที่มีความหลากหลายคล้ายๆ กันนี้ก็เป็นที่แพร่หลายไปทั่วในออสเตรียเช่นเดียวกับในเยอรมนี",
"ในเยอรมนีมีข้อกำหนดขั้นต่ำทางกฎหมายเกี่ยวกับคุณภาพและคุณลักษณะของขนมขิง โดยมีการกำหนดสูตรต้นตำรับเฉพาะต่างๆ เช่น ขนมขิงตำรับเอลิเซ (Elisenlebkuchen) ตามที่กฎหมายอาหาร สินค้าโภคภัณฑ์ และอาหารสัตว์ของเยอรมนีกำหนด ขนมขิงที่จะใช้ชื่อตำรับนี้ได้จะต้องมีอัลมอนด์ และ/หรือถั่วชนิดอื่นๆรวมกันอย่างน้อยร้อยละ 25 ของส่วนผสมทั้งหมด มวลรวมของส่วนผสมจะต้องประกอบด้วยผลิตภัณฑ์จากธัญพืชไม่เกินร้อยละ 10 หรือมีความเข้มข้นของธัญพืชเพียงแค่ร้อยละ 7.5 เท่านั้น ด้วยรายละเอียดอันพิถีพิถันทำให้ขนมขิงตำรับเอลิเซเป็นขนมอบชั้นเลิศตามมาตรฐานของกฎหมายอาหาร สินค้าโภคภัณฑ์ และอาหารสัตว์ของเยอรมนี และอนุญาตให้ใช้เพียงช็อกโกแลตที่มีคุณภาพสูงในการผลิต ห้ามใช้เนยโกโก้เทียมคุณภาพต่ำโดยเด็ดขาด",
"โดยใช้ส่วนผสมทั้งหมดดังนี้",
"ชื่อเรียก เฟฟเฟอร์คูเคน (Pfefferkuchen) หรือขนมขิงพริกไทย มีที่มาจากยุคกลาง ในยุคที่เรียกเครื่องเทศจากต่างประเทศซึ่งใช้เป็นส่วนผสมในการอบขนมรวมกันว่า พริกไทย คำเรียกขนมขิงในภาษาอังกฤษที่ว่า จินเจอร์เบรด (gingerbread) หรือในภาษาฝรั่งเศสที่ว่า แปง เด ปีส (pain d’épices) รวมถึงคำว่า อิงแกวร์โบรท (Ingwerbrot: ขนมปังขิง) หรือ เกเวิร์ซโบรท (Gewürzbrot: ขนมปังเครื่องเทศ) ในภาษาเยอรมัน ล้วนสื่อความหมายที่บ่งถึงเครื่องเทศแห่งโลกตะวันออกได้อย่างชัดเจน ส่วนคำว่า โฮนิกโบรท (Honigbrot: ขนมปังน้ำผึ้ง) ในภาษาเยอรมัน นั้นก็สื่อถึงส่วนผสมหลักอย่างต่อไปของขนมขิงซึ่งก็คือ น้ำผึ้ง นั่นเอง",
"ในเมืองไทย มีบ้านโบราณหลายแห่งที่ตกแต่งด้วยลายขนมปังขิง โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ซึ่งเคยเป็นแหล่งสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย ก็มีบ้านขนมปังขิง ใกล้กับเสาชิงช้า เยื้องๆ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร มีบ้านหลังหนึ่ง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบดังกล่าว และเขียนชื่อเอาไว้ว่า บ้านขนมปังขิง ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานเอาไว้",
"เรือนขนมปังขิง เป็นชื่อเรียกอาคารประเภทหนึ่ง ซึ่งได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ซึ่งแพร่เข้ามาในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการประดับตกแต่ลวดลายฉลุที่วิจิตรพิสดาร หรูหรา สวยงามเหมือนขนมปังขิง",
"ที่เมืองตูลาได้พบว่ามีการนำขนมขิงปริยานิกีมาทำเป็นรูปร่างต่างๆ และเติมรสชาติที่แตกต่างกันออกไปมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นอย่างช้า ในปัจจุบันมีพิพิธภัณฑ์ขนมขิงตั้งอยู่ที่เมืองนี้ด้วย ผู้เข้าชมจะมีโอกาสได้ลิ้มรสขนมขิงปริยานิกีที่อบมาสดๆ ใหม่ๆ",
"เนื่องจากการอบขนมขิงจำเป็นต้องใช้เครื่องเทศหายากจากแดนไกล เมืองต่างๆที่เป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญจึงมีประเพณีการทำขนมขิงที่มีประวัติอันยาวนาน นอกจากเมืองนูเรมเบิร์กและพุลสนิทซ์แล้ว ยังรวมไปถึงเมืองเอาก์สบูร์ก โคโลญจน์ และบาเซลด้วย ที่เมืองมิวนิคมีรายชื่ออาชีพ “เลบเซลเทอร์ (Lebzelter) ” ในทะเบียนภาษีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1370 ซึ่งก็คือ คนทำขนมขิงนั่นเอง ที่เมืองนี้จะมีการทำขนมขิงให้เป็นรูปร่างต่างๆกัน และแต่งหน้าด้วยน้ำตาลหลากสี ในขณะที่ขนมขิงตำรับเมืองนูเรมเบิร์กจะตกแต่งด้วยอัลมอนด์และผงเปลือกมะนาว",
"ขนมปังขิง อาจหมายถึง"
] |
องค์การยูเนสโก ตั้งอยู่ที่ไหน ? | [
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (English: United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) หรือ ยูเนสโก (UNESCO) เป็นทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ ก่อตั้งโดยได้มีการลงนามในธรรมนูญขององค์การ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2488 และต่อมาเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศสมาชิกก่อตั้ง 20 ประเทศ ได้ร่วมมือกันให้สัตยาบันธรรมนูญองค์การ ซึ่งเริ่มด้วยข้อความที่ว่า นอกจากนี้ ธรรมนูญยูเนสโกยังบ่งชี้ไว้ด้วยว่า สันติภาพที่เกิดจากการตกลงทางการเมือง ทางเศรษฐกิจระหว่างรัฐบาลเพียงอย่างเดียว ย่อมไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่แท้จริงและยืนนาน จากประเทศชาติต่าง ๆ ในโลก สันติภาพจะต้องวางรากฐานอยู่บนความร่วมมือทางภูมิปัญญา และจิตสำนึกของมนุษยชาติ. ดังนั้นองค์การยูเนสโกจึงมุ่งเน้นการส่งเสริมสันติภาพ ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือของนานาชาติ ด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม เพื่อให้ทั่วโลกเคารพในความยุติธรรม กฎหมาย สิทธิ และเสรีภาพ ที่มนุษย์พึงมี โดยไม่ถือเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา ตามกฎบัตรสหประชาชาติ. ยูเนสโกมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส"
] | [
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศไมโครนีเซียทั้งสิ้น 1 แหล่ง ",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศเนปาลทั้งสิ้น 4 แหล่ง ",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศเซนต์ลูเซียทั้งสิ้น 1 แหล่ง",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น 23 แหล่ง",
"เขตสงวนชีวมณฑล () ตามความหมายขององค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) คือ พื้นที่ระบบนิเวศบนบก และ/หรือชายฝั่งทะเล ที่ได้รับการยอมรับจากโครงการมนุษย์และชีวมณฑลขององค์การยูเนสโก (Man and the Biosphere - MAB) ประกอบไปด้วยพื้นที่แกนกลาง พื้นที่กันชน และพื้นที่รอบนอก",
"ต่อมาในปี พ.ศ. 2525 ได้มีการจัดตั้ง สำนักงานคณะผู้แทนถาวรไทย ประจำ ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส โดยมีเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส เป็นผู้แทนถาวรไทยประจำยูเนสโก ส่วนกระทรวงศึกษาธิการได้จัดส่งนักวิชาการศึกษามาประจำที่สำนักงาน เพื่อทำหน้าที่รองผู้แทนถาวรไทยประจำยูเนสโก แต่ในปี พ.ศ. 2540 ประเทศไทยได้ประสบภาวะเศรษฐกิจ กระทรวงศึกษาธิการจึงได้เสนอปิดสำนักงานเป็นการชั่วคราว และรองผู้แทนถาวรไทยประจำยูเนสโก ได้เดินทางกลับมาปฏิบัติหน้าที่ที่กรุงเทพฯ โดยมีสำนักงานชั่วคราวที่กองการสัมพันธ์ต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ได้มอบหมายให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลงานของยูเนสโกแทน",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศลัตเวียทั้งสิ้น 2 แหล่ง ",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศบาห์เรนทั้งสิ้น 2 แหล่ง ",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศซีเรียทั้งสิ้น 6 แหล่ง ",
"เขตตัวเมืองแซ็งเตมีลียงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ในปีค.ศ. 1999",
"ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การยูเนสโกเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2492 นับเป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ 49 และคณะรัฐมนตรีได้มีมติแต่งตั้ง คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (National Commission for UNESCO) เพื่อให้เป็นไปตามกฎบัตรของยูเนสโก โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธาน, ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นรองประธาน, และ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ฝ่ายการต่างประเทศ) เป็นเลขาธิการ",
"แมซง ดูว์ รัว นั้นได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของกร็องปลัสแห่งบรัสเซลส์ ในปีค.ศ. 1998",
"พ.ศ. 2508 หนังสือแก่นพุทธศาสน์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ หนังสือดีประจำปี พ.ศ. 2508 จากองค์การยูเนสโก พ.ศ. 2527 ได้รับคัดเลือกเป็นบุคคลทำประโยชน์ฝ่ายบรรพชิตเนื่องในโอกาสสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ได้รับรางวัลเป็นสัญลักษณ์เสาอโศก และเงินสดจำนวน 10,000 บาท พ.ศ. 2537 คุรุสภาประกาศยกย่องเชิดชูว่าเป็นผู้ทำคุณประโยชน์อย่างสูงยิ่งต่อการศึกษาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี กระทรวงศึกษาธิการ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2548 องค์การยูเนสโก ประกาศยกย่องให้ท่านพุทธทาสภิกขุเป็นบุคคลสำคัญของโลก ด้านส่งเสริมขันติธรรม สันติธรรม วัฒนธรรม ความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดีของมวลมนุษย์ พ.ศ. 2549 รัฐบาลไทย รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ได้พร้อมใจกันจัดกิจกรรมทางธรรมะเนื่องในโอกาสรำลึกครบรอบ 100 ปี ชาตกาล ท่านพุทธทาสภิกขุ",
"ในปัจจุบัน จัตุรัสแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก ",
"ในฐานะประเทศสมาชิก ประเทศไทยได้ชำระเงินอุดหนุนองค์การเป็นประจำ โดยมีสัดส่วน ร้อยละ 0.335 โดยการตั้งงบประมาณไว้ที่กระทรวงศึกษาธิการ ในปีงบประมาณปี พ.ศ. 2545 ประเทศไทยได้ชำระค่าสมาชิกให้กับยูเนสโก เป็นจำนวน 35.18 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินอุดหนุนสำนักงานส่วนภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ที่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ เงินอุดหนุนศูนย์ ICCROM ที่ประเทศอิตาลี และเงินอุดหนุนกองทุนมรดกโลก อีก 905,000 บาท",
"เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เมืองเชียงใหม่ได้รับประกาศเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ขององค์การยูเนสโก สาขาหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน",
"เมืองหลวงทางวัฒนธรรมอาหรับ อยู่ภายใต้การจัดการขององค์การยูเนสโก ในโครงการเมืองหลวงทางวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมอาหรับและสร้างความร่วมมือในภูมิภาคอาหรับ",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศฟีจีทั้งสิ้น 1 แหล่ง ",
"ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 กานาลดูว์มีดีได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก ",
"เบกีนาฌซึ่งพบได้ในเขตฟลามส์ (ฟลานเดอส์) ทั้ง 13 แห่งในประเทศเบลเยียมได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 1998",
"ชันตรมันตระ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก ในปีค.ศ. 2010",
"บุคคลสำคัญของประเทศไทยที่องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ยกย่อง",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศเปรูทั้งสิ้น 12 แหล่ง",
"ในปีค.ศ.1979 ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรม โดยองค์การยูเนสโก",
"ต่อมาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ได้มีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อประสานงานกับยูเนสโก คือ สำนักเลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ตั้งอยู่ที่ สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยมีหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานในระดับชาติของกิจกรรมที่อยู่ในขอบข่ายงานของยูเนสโก มี 6 ด้านได้แก่ การศึกษา วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ วัฒนธรรม การสื่อสารและสารสนเทศ ส่วนด้านสุดท้ายเป็นหัวข้อพิเศษ ซึ่งในทางปฏิบัติจะได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติงานเฉพาะด้าน ตามภารกิจและความชำนาญ",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศแอลจีเรียทั้งสิ้น 7 แหล่ง",
"และด้วยเหตุนี้ องค์การยูเนสโกจึงได้เริ่มการระดมทุนเพื่อช่วยกอบกู้สิ่งก่อสร้างทั้งหลายนี้ขึ้น ผลตามมาก็คือ ได้มีประเทศต่างๆกว่า 60 ประเทศได้บริจาคทั้งเงินและความช่วยเหลือ อนุรักษ์และศึกษา ซึ่งต่อมาทั่วโลกได้ตระหนักว่าควรจะมีองค์กรพิเศษเพื่อรักษาและอนุรักษ์สถานที่ ทั้งสิ่งก่อสร้างและธรรมชาติขึ้น จนเมื่อถึงวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) ในการประชุมใหญ่องค์การยูเนสโกครั้งที่ 17 ณ สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จึงได้มีการลงนามสนธิสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ซึ่งในอีก 3 ปีต่อมาประเทศกว่า 20 ประเทศได้ลงปฏิญาณร่วมกัน",
"เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เว็บไซต์สำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ Thai National Commission for UNESCO",
"องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกของประเทศอาร์มีเนียทั้งสิ้น 3 แหล่ง "
] |
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี มีพี่น้องกี่คน ? | [
"พระองค์มีพระขนิษฐาที่ประสูติร่วมพระมารดาอีก 2 พระองค์ ซึ่งมีพระนามที่คล้องจองกัน ได้แก่ ศรีวิไลยลักษณ์ สุวพักตร์วิไลยพรรณ และบัณฑรวรรณวโรภาส"
] | [
"การที่พระองค์ได้รับการสถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายในที่ \"กรมขุน\" นั้นเป็นการทรงกรมเท่ากับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ชั้นเจ้าฟ้า ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ได้รับพระราชทานจากพระบรมราชชนกเป็นพิเศษอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากตามธรรมเนียมการทรงกรมของพระเจ้าลูกเธอ ชั้นพระองค์เจ้านั้น จะเริ่มทรงกรมที่ \"กรมหมื่น\" และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ชั้นเจ้าฟ้าจะเริ่มทรงกรมที่ \"กรมขุน\"[6] นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นพระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 พระองค์แรกและเป็นพระเจ้าลูกเธอ ชั้นพระองค์เจ้าในรัชกาลที่ 5 พระองค์เดียวที่ได้รับการสถาปนาให้เป็นเจ้าต่างกรม",
"ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินไปในงานบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพของกรมขุนสุพรรณภาควดี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร กรมขุนพิจิตรเจษฎ์จันทร์ ก็ประชวรและสิ้นพระชนม์ ด้วยพระอาการไข้พิษ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2448[13][14] ซึ่งในสี่แผ่นดินกล่าวว่า \"ต้องเชิญพระศพพระเจ้าลูกเธอองค์หนึ่งลงมา แล้วเชิญพระศพของอีกพระองค์ขึ้นไป\"[15]",
"พระองค์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนี้[20]",
"เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายใน ชั้นปฐมจุลจอมเกล้า",
"เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.)",
"หลังจากพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดีสิ้นพระชนม์ ณ ตำหนักภายในพระบรมมหาราชวังเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชทานน้ำสรงพระศพ และพระบรมวงศานุวงศ์สรงน้ำพระศพ แล้วจึงโปรดให้เจ้าพนักงานทรงเครื่องพระศพและเชิญลงพระลองในประกอบพระโกศกุดั่นใหญ่ แล้วจึงเชิญพระศพขึ้นประดิษฐานแว่นฟ้า 3 ชั้น ณ พระที่นั่งสุทไธสวรรย์",
"สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี สมเด็จพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมพระยาสุดารัตนราชประยูร พระนางเธอ พระองค์เจ้าสุขุมาลมารศรี พระนางเธอ พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแม้นเขียน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเสงี่ยม พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์ พระเจ้าพี่นางเธอ พระองค์เจ้าโสมาวดี พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์",
"เนื่องจากพระองค์เป็นที่เคารพรักแก่พระเจ้าน้อง ดังนั้น เมื่อพระองค์ทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายในนั้น พระเจ้าน้องนางเธอทั้งหลายต่างพากันยินดีและได้ทรงเข้าเงินกันทำสร้อยพระกรประดับเพชรถวายพระองค์ด้วย และในงานฉลองการทรงกรมในครั้งนั้น เป็นที่กล่าวขานถึงความสนุกสนานและยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการการจัดงานนิทรรศการและการประกวดตลับงาซึ่งมีผู้ส่งตลับงาเข้าร่วมงานครั้งนี้หลายร้อยใบ[10]",
"พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ กรมขุนสุพรรณภาควดี เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติก่อนที่พระองค์จะเสด็จฯ ขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระราชธิดาคู่ทุกข์คู่ยากของรัชกาลที่ 5 หลังจากการทรงกรมเป็น \"กรมขุนสุพรรณภาควดี \"[9] ได้เพียง 1 ปี ก็สิ้นพระชนม์[10] รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานบำเพ็ญพระราชกุศล ณ พระราชวังบางปะอิน โดยใช้พระที่นั่งไอสวรรย์ทิพยอาสน์เป็นที่ประดิษฐานพระศพ และโปรดให้จัดงานพระราชทานเพลิงพระศพ ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ[11] ซึ่งถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก จนเป็นที่กล่าวขานในหมู่ชาววังว่า ใครไม่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ถือเป็นคนนอกสังคมชาววัง[2]",
"ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2448 เจ้าพนักงานได้เชิญพระศพพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดีออกจากพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ออกไปทางประตูศักดิไชยสิทธิ์ขึ้นประดิษฐานบนรถพระศพ แล้วประกอบพระลองในด้วยพระโกศทองเล็กห้อยเฟื่อง แล้วจึงเชิญพระศพไปยังสถานีรถไฟเพื่อเชิญพระศพไปยังพระราชวังบางปะอินต่อไป",
"พระองค์ได้รับพระกรุณายกย่องพระเกียรติยศไว้ยิ่งกว่าพระเจ้าลูกเธอพระองค์อื่นหลายประการ เช่น ทรงมีสร้อยพระนาม คือ \"สุนทรศักดิกัลยาวดี\" ซึ่งตามปกติแล้วสร้อยพระนามมักจะมีแต่ในพระนามของเจ้าฟ้าที่ประสูติแต่พระภรรยาเจ้า[6] และในพิธีโสกันต์ยังโปรดให้ทำพิธีเขาไกรลาสใหญ่เช่นเดียวกับเขาไกรลาสของเจ้าฟ้า เป็นต้น",
"เจดีย์ซุ้มเรือนแก้ว วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ซุ้มเรือนแก้วขึ้นภายในวัดนิเวศธรรมประวัติเพื่อใช้บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี ถนนสุพรรณ (ชื่อเดิม ถนนส้มมือหนู) ตั้งตามชื่อเครื่องลายครามที่มีภาพส้มมือผลไม้ของจีนซึ่งถือว่าเป็นโอสถรับประทานแล้วอายุยืน ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อ ถนนส้มมือหนู เป็น ถนนสุพรรณ ตรงกับพระนามพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี [22] บ้านสวนสุพรรณ ตั้งอยู่ที่อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร เป็นที่พำนักของเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ ตั้งตามพระนามพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี [23][24]",
"สิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการไข้พิษ ณ วรนาฎเกษมสานต์ พระราชวังบางปะอิน เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2448 ระหว่างการเสด็จพระราชดำเนินไปในงานบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ กรมขุนสุพรรณภาควดี หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามตามว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร วโรฬารลักษณสมบัติ รัตนกุมารี กรมขุนพิจิตรเจษฎ์จันทร์",
"พระองค์เป็นพระเจ้าลูกเธอ ชั้นพระองค์เจ้าในรัชกาลที่ 5 พระองค์เดียวที่ได้รับการสถาปนาให้เป็นเจ้าต่างกรมที่ \"กรมขุนสุพรรณภาควดี\" ซึ่งภายหลังจากการทรงกรมเพียง 1 ปี พระองค์ก็สิ้นพระชนม์ลง โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริให้จัดการพระราชทานเพลิงพระศพที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร โดยให้ตั้งพระศพทรงบำเพ็ญพระราชกุศลที่พระราชวังบางปะอิน",
"สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทราสรัทวาร วโรฬารลักษณสมบัติ รัตนกุมารี กรมขุนพิจิตรเจษฎ์จันทร์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมล สรรพสกนธ์กัลยาณี กรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิลัยลักษณ์ สุนทรศักดิกัลยาวดี กรมขุนสุพรรณภาควดี พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยา พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เกสร ในรัชกาลที่ 5",
"\"...กรมพระราชวังบวรฯ (กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ) มิสเตอร์น๊อกซ์ (โทมัส ยอร์ช น็อกซ์) กงสุลอังกฤษ คิดจะเอาพระโอรสองค์ใหญ่มีพระนามว่า พระองค์เจ้าวิลัย (พระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิลัยวรวิลาศ) ส่งไปประเทศอังกฤษ เพื่อมิสเตอร์น๊อกซ์จะเปิดเผยที่เมืองอังกฤษว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มีพระบรมราชโอรสมีแต่พระราชธิดาพระองค์ใหญ่คือ กรมขุนสุพรรณฯ ส่วนกรมพระราชวังบวรฯ มีพระโอรส พระโอรสนี้จะเป็นรัชทายาทต่อไป เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบดังนี้แล้ว จึงทรงพระวิตก คิดจะให้สมเด็จวังบูรพากำชับให้กรมขุนสุพรรณฯ ออกไปเรียนวิชา ณ ประเทศอังกฤษ ความที่ทรงหวังในเวลานั้นจะโปรดเกล้าให้กรมขุนสุพรรณฯ เป็นควีนวิคตอเรีย สมเด็จวังบูรพาเป็น ปรินซ์อารเบิด (เจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามี) เวลานั้นได้จัดผู้ที่จะตามเสด็จไปประเทศยุโรปไว้พร้อมถึงกับได้กำหนดวันที่จะเสด็จออกจากกรุงเทพฯ เวลานี้ข้าราชการทั่วไปพากันตื่นเต้นเข้าไปเฝ้าอยู่ทั่วทุกชั้น เวลานั้นจะมีอุปสรรคอันใดเกิดขึ้นจึงได้ระงับเหตุดังกล่าวนี้ในเวลาไม่กี่เดือนก็รับทราบว่า สมเด็จพระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า (สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า) ทรงพระครรภ์ในไม่ช้าก็ประสูติ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ พระราชดำริดังกล่าวนี้จึงเป็นอันระงับไป\"",
"ต่อมา วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2448 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานเชิญพระศพออกจากพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์นำไปประดิษฐานบนเรือพระที่นั่งศรีประภัศรไชยเพื่อเชิญไปพระราชทานเพลิงพระศพ ณ วัดนิเวศธรรมประวัติ เมื่อถึงวัดนิเวศธรรมประวัติ เจ้าพนักงานเชิญพระศพขึ้นประดิษฐานเหนือพระจิตกาธารยอดพระเกี้ยว ประกอบพระโกศจันทน์ หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงจุดเพลิงพระราชทานพระศพพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี วันรุ่งขึ้นพระองค์เสด็จพระราชดำเนินเก็บพระอัฐิบรรจุลงพระโกศทองคำ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพนักงานเชิญพระอัฐิลงประดิษฐานเหนือบุษบกเรือพระที่นั่งชลวิมานไชย แล้วจึงเชิญขึ้นประดิษฐานในบุษบกทองคำ ณ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เพื่อบำเพ็ญพระกุศลพระอัฐิ หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ซุ้มเรือนแก้วขึ้นภายในวัดนิเวศธรรมประวัติเพื่อใช้บรรจุพระอัฐิของพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี",
"หมวดหมู่:พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น 5 หมวดหมู่:พระองค์เจ้า หมวดหมู่:กรมขุน หมวดหมู่:พระราชธิดาในรัชกาลที่ 5 หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.จ.ก. (ฝ่ายใน) หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายใน) หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญจักรพรรดิมาลา หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ จ.ป.ร.2",
"ระหว่างทรงพระเยาว์ มีเหตุการณ์ผันผวนทางการเมืองหลายครั้ง เช่น การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 และกบฏบวรเดช ทำให้ต้องทรงย้ายที่ประทับอยู่ตลอดเวลา เช่น ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี ในพระบรมมหาราชวัง, พระตำหนักสวนหงส์ พระราชวังดุสิต, ตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา, พระตำหนักสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ในสวนสุนันทา และพระตำหนักเขียว วังสระปทุม",
"นอกจากนี้ พระองค์ยังได้รับตำแหน่งให้เป็นอุปนายิกาสภาอุณาโลมแดง (สภากาชาดไทยในปัจจุบัน) ร่วมกับเจ้านายฝ่ายในอีกหลายพระองค์[19]",
"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระราชวังบางปะอินก่อนล่วงหน้า 1 วัน เมื่อพระศพพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดีมาถึงสถานีรถไฟบางปะอินในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ รอรับพระศพ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญพระศพประดิษฐานเหนือชั้นแว่นฟ้าในเรือพระที่นั่งศรีประภัศรไชยเพื่อเชิญพระศพไปยังพระราชวังบางปะอิน การจัดขบวนเรือครั้งนี้ โปรดฯ ให้จัดขบวนเรือยาวอย่างขบวนเรือถวายผ้าพระกฐิน หลังจากขบวนเรือถึงพระราชวังบางปะอินแล้ว เจ้าหน้าที่เชิญพระศพขึ้นประดิษฐาน ณ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เหนือแว่นฟ้าทองคำ 1 ชั้น มีฐานเขียวรอง มีบัวกลุ่มรองพระโกศ ห้อยฉัตรตาดทอง 5 ชั้น แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการบำเพ็ญพระราชกุศลพระศพพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก จนเป็นที่กล่าวขานในหมู่ชาววังว่า ใครไม่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ถือเป็นคนนอกสังคมชาววัง[16]",
"พงศาวลีของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี 16. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก8. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย17. สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี4. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว18. เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน9. สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี19. สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์2. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว20. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว10. สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์21. เจ้าจอมมารดาทรัพย์5. สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี22. บุศย์11. หม่อมน้อย ศิริวงศ์ ณ อยุธยา23. แจ่ม1. Main Page24. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค)12. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)25. ท่านผู้หญิงจันทร์ บุนนาค6. เจ้าพระยาสุรวงษ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค)26. หลวงแก้วอายัติ (จาต บุนนาค)13. ท่านผู้หญิงกลิ่น บุนนาค27. ลิ้ม บุนนาค3. เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ (เจ้าคุณจอมมารดาแพ ในรัชกาลที่ 5)7. ท่านผู้หญิงอิ่ม สุรวงศ์ไวยวัฒน์",
"พระองค์เป็นพระเจ้าลูกเธอที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในคราวที่พระองค์ทรงประสบปัญหาต่าง ๆ เมื่อเสด็จขึ้นครองราชสมบัติในระยะแรก ซึ่งสมเด็จพระบรมชนกนาถมีรับสั่งว่าพระองค์ทรงเป็น \"ลูกคู่ทุกข์คู่ยาก\"[4][5]",
"นอกจากนี้ พระองค์ยังได้รับพระราชทานเหรียญราชอิสริยาภรณ์จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัวเมื่อครั้งได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศขึ้นเป็น \"กรมขุนสุพรรณภาควดี\" ได้แก่ เหรียญจักรพรรดิมาลาและเหรียญรัตนาภรณ์[21]",
"ส่วนการพระราชทานเพลิงพระศพพระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดีนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยุ่หัวมีพระราชดำริว่า ต้นศรีมหาโพธิ์ซึ่งพระองค์ทรงได้พืชพันธุ์มาจากพุทธคยา แล้วทรงเพาะและปลูกไว้ที่วัดนิเวศธรรมประวัติเป็นวันเดียวกับวันประสูติของพระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิกัลยาวดี กรมขุนสุพรรณภาควดี ดังนั้น พระองค์จึงมีพระราชดำริให้จัดการพระราชทานเพลิงพระศพที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ วัดนิเวศธรรมประวัติ โดยให้ตั้งพระศพทรงบำเพ็ญพระราชกุศลที่พระราชวังบางปะอิน",
"ในการพระราชพิธีทวีธาภิเษกสมโภชสิริราชสมบัติในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงพระราชดำริว่า \"ในการพระราชพิธีทวิธาภิเศกสมโภชศิริราชสมบัติครั้งนี้ การทั้งปวงได้จัดเป็นคู่ ๆ กันมา ได้พระราชทานพระเกียรติยศพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์หนึ่งแล้ว ควรจะพระราชทานพระเกียรติยศแก่พระเจ้าลูกเธอพระองค์หนึ่งให้เป็นคู่กัน ตามราชประเพณีแต่ก่อนก็เคยมีตัวอย่าง\" ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิกัลยาวดี เป็นพระองค์เจ้าต่างกรมฝ่ายในเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2446 มีพระนามว่า \"พระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี\"[9]",
"พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเจริญกมลสุขสวัสดิ์สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ 5 เมื่อวันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2417 พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุผ้าขาว วัดสระเกศ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2419 ในงานงานพระเมรุของพระองค์นั้นพระบรมวงศานุวงศ์ล้วนฉลองพระองค์ดำทั้งหมด ยกเว้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิกัลยาวดี กรมขุนสุพรรณภาควดีที่ทรงฉลองพระองค์ขาว เพราะแม้กรมขุนสุพรรณภาควดีจะทรงมีพระชนมายุเดือนมากกว่าแต่พระองค์เจ้าเจริญกมลสุขสวัสดิ์ทรงอยู่ในฐานะเป็นพระขนิษฐาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องนี้ปรากฏในหนังสือ \"ธรรมเนียมพระบรมศพและพระศพเจ้านาย\" ว่า",
"มัณฑนา โมรากุล เกิดที่วังสวนสุพรรณที่พำนักของเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร (เป็นที่ประทับตามพระนามพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ กรมขุนสุพรรณภาควดี) เป็นบุตรีคนที่ 4 ในจำนวน 6 คนของหลวงสิริราชทรัพย์ (ชัย โมรากุล) (2439-2504) ข้าราชการกรมบัญชีกลางเชื้อสายจีน กับนางผัน โมรากุล (สกุลเดิม เครือสุวรรณ) ซึ่งเป็นครูละครในวังสวนสุพรรณ ",
"หม่อมเจ้าหญิงศรีวิไลยลักษณ์ (2411) พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าศรีวิไลยลักษณ์ สุนทรศักดิ์กัลยาวดี (2411-2446) พระเจ้าลูกเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี (2446-2453) พระเจ้าพี่นางเธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี (2453-2477) พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี (2477-ปัจจุบัน)",
"พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี (24 กรกฎาคม พ.ศ. 2411 — 26 ตุลาคม พ.ศ. 2447) พระนามเดิม<i data-parsoid='{\"dsr\":[632,659,2,2]}'>หม่อมเจ้าศรีวิไลยลักษณ์ เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าคุณพระประยูรวงศ์ (เจ้าคุณจอมมารดาแพ) เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงได้รับพระกรุณายกย่องพระเกียรติยศไว้ยิ่งกว่าพระเจ้าลูกเธอพระองค์อื่นหลายประการและสมเด็จพระบรมชนกนาถถึงกับรับสั่งว่าพระองค์เป็น \"ลูกคู่ทุกข์คู่ยาก\""
] |
คลองดำเนินสะดวกสร้างครั้งแรกเมื่อใด ? | [
"คลองดำเนินสะดวก เป็นนามพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 เป็นคลองที่ขุดด้วยแรงงานคนซึ่งขุดได้ตรงและยาวที่สุดในประเทศ จากพระราชดำริของรัชกาลที่ 4 ที่ทรงพระประสงค์ให้ขุดคลองเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีน เพื่อประโยชน์ในการคมนาคมและการค้าขาย คลองดำเนินสะดวก ใช้เวลาในการขุด 2ปีเศษ จากปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 4 แล้วเสร็จต้นรัชกาลที่ 5 มีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรมีซอยน้อยแยกออกไปอีกประมาณ 200 คลอง ตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าตลาดน้ำคลองต้นเข็ม สักประมาณ 30 ปีที่แล้ว ตลาดน้ำดำเนินสะดวกอยู่ที่คลองลัดพลี หนาแน่นช่วงปากคลองต่อกับคลองดำเนินสะดวก ซึ่งอยู่ตรงข้ามตลาดน้ำปัจจุบัน(ฝั่งตรงตลาดน้ำดำเนินสะดวก) มีเรือพายแท้ ๆ จากชาวสวนแน่นขนด สามารถเดินข้ามคลองได้โดยเหยียบไปบนเรือเหล่านั้น ปี 2514-2516 ตลาดน้ำคลองลัดพลีเป็นช่วงที่มีความเจริญมาก มีการค้าขายกับอย่างสนุกสนาน โดยมีนักท่องเที่ยวแต่ชาวต่างชาติ จนมีนายทุนได้ทำการขุดคลองเทียมขึ้นมา ระหว่างคลองลัดพลี และคลองดำเนินสะดวก หวังที่จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่ลาดน้ำที่แท้จริงหายไป (20กว่าปีมาแล้ว) ซึ่งตลาดน้ำในปัจจุบันนี้ เป็นเพียงการสตาฟตลาดน้ำในอดีตให้คงอยู่เท่านั้น อย่างไรก็ตามตลาดน้ำดำเนินที่เก่าแก่กว่าร้อยปี ยังคงมีมนต์ขลังเป็นตลาดน้ำที่ยังคงเป็นของจริง ยังมีจากแม่ค้าที่นำผลไม้จากสวนมาขาย หรือบางครั้งอาจรับผลไม้มาจากรถบรรทุกที่อื่นขาย เป็นอะไรสุดท้ายที่ควรไปชม"
] | [
"หลังจากนั้นมา ตลิ่งก็ถูกน้ำกัดเซาะ ซึ่งเป็นผลจากคลื่นเรือประเภทต่างๆ ทำให้คลองขยายกว้างเป็น 10 วาถึง 20 วา ด้วยขนาดและความยาวของคลอง ประกอบกับเป็นคลองตัดตรงไปยังหลายพื้นที่ ทำให้มีเจ้านายผู้ใหญ่และชาวบ้านมากมายมาจับจองที่ดินซึ่งรกร้าง พร้อมขุดคลองซอยแยกเข้าสู่พื้นที่ของตน พื้นที่รกร้างเหล่านั้นจึงกลายเป็นเรือกสวนไร่นาในเวลาต่อมา",
"วัดหลักห้า หรือวัดปราสาทสิทธิ์ มีองค์หลวงพ่อไตรรัตน์โรจน์ฤทธิ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่บนวิหารริมคลองดำเนินสะดวก เป็นที่เคารพบูชาเป็นอย่างมากของประชาชนทั่วไป มีการจัดงานประจำปี โดยมีพิธีแห่พระทางน้ำ ซึ่งเป็นประเพณีของชุมชนชาวหลักห้า จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีพิธีการแห่องค์หลวงพ่อไตรรัตน์โรจน์ฤทธิ์ตามคลองดำเนินสะดวก ตั้งแต่หลักหนึ่งจนถึงหลักแปด เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ทำมาค้าขายดี และมีชีวิตที่ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไป",
"งบประมาณในการขุดคลองดำเนินสะดวก ใช้งบประมาณ 1,400 ชั่ง เป็นเงิน 112,000 บาท โดยเป็นทรัพย์สินของ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จำนวน 400 ชั่ง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ จำนวน 1,000 ชั่ง และเนื่องจากสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ รัชกาลที่ 4 จึงทรงอนุญาตให้ท่านและคนในสายสกุลบุนนาคเข้าจับจองที่ดิน 2 ฝั่งคลอง สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ยังได้สร้างวัดขึ้นแห่งหนึ่งเป็นอนุสรณ์ชื่อว่า วัดปราสาทสิทธิ์ธิดาราม หรือวัดปราสาทสิทธิ์ กับปราสาทหลังเล็กๆริมคลอง วัดนี้ถือเป็นวัดแรกริมฝั่งคลองดำเนินสะดวก ปัจจุบันตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางความยาวของคลอง ในเขตตำบลปราสาทสิทธิ์ อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี",
"นับแต่นั้นมาคลองดำเนินสะดวกเป็นเส้นทางหลักที่สำคัญที่สุดของชาวบ้าน มีคลองซอย มากกว่า 200 สาย ลำคลองต่างๆแทบจะไม่เคยว่างเว้นจากเรือที่สัญจรไปมาอย่างไม่ขาดสาย\nกระทั่งระยะหลังมีการตัดถนนใหม่ๆ มากมาย ย่นระยะทางให้สั้นลงและเข้าถึงทุกที่ ชาวบ้านจึงหันมาใช้ถนนแทน",
"ชาวบ้านจึงมักเรียกว่าวัดดอนไผ่หรือวัดหลักห้ามีพื้นที่ 12ไร่เศษวัดเดิมตั้งอยู่ห่างจากริมคลองดำเนินสะดวกประมาณ 500 เมตร ซึ่งปัจจุบันคือที่ตั้งพระอุโบสถ สร้างโดยสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยสร้างขึ้นในปีฉลู พ.ศ. 2369\nจะแก้ปัญหาอย่างไรเจ้าพระยาคลัง (ดิศ บุนนาค)จึงกราบบังคมทูลว่าควรขุดคลองแยกจากคลองสุนัขหอนผ่านทุ่งริมหมู่บ้านโพหักพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว \nจึงรับสั่งให้ขุดคลองดังกล่าว โดยชาวจีนเป็นผู้รับจ้าง ซึ่งชาวจีนเหล่านี้อาศัยอยู่ที่โคกสูงในเขตตำบลดอนไผ่ หรือปัจจุบันคือที่ตั้งพระอุโบสถของวัดปราสาทสิทธิ์ \nเมื่อขุดคลองดังกล่าวเสร็จ เจ้าพระยาคลังได้มาตรวจดูความเรียบร้อย โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ติดตามมาพร้อมกับบิดาด้วยพระยาคลังได้ปรารภว่า โคกนี้สูงใหญ่และกว้าง วางเหมาะที่จะสร้างวัด แต่แล้วก็ยังมิได้สร้างวัดเมื่อสร้างวัดแล้วเสร็จเดิมให้นามวัดตามนามฉายาของสมเด็จเจ้าพระยามหาประยูรวงศ์ว่า วัดสมเด็จพระปราสาทสิทธิดาราม ตั้งอยู่ห่างจากริมคลองดำเนินสะดวก ประมาณ 500 เมตร ต่อมาภายหลังได้ย้ายวัดมาอยู่ติดริมคลองดำเนินสะดวก ที่ตั้งวัดเดิมก็เหลือไว้แต่เพียงพระอุโบสถ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จมาตรวจทรงรับสั่งว่า วัดควรจะมีชื่อตามตำบลที่ตั้งอยู่ คือ ควรเรียกว่า วัดดอนไผ่ และให้ใช้ชื่อเป็นทางการว่า วัดปราสาทสิทธิ์",
"“วันเสาร์ ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 2 ปีมะเมีย จัตวาศก จุลศักราช 1244 เวลาย่ำรุ่ง ท้าวราชกิจวรภัตร เข้ามากราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สมเด็จเจ้าพระยาเมื่อป่วยหนักออกไปอยู่ที่ราชบุรีแล้ว ครั้งเมื่อจะไปฉลองศาลาที่ท่านสร้างไว้ที่มะขามเตี้ยไปถึงกลอนโต ขึ้นไปเก็บมะขามป้อมบนบก หามไปกลางแดดเวลาเที่ยง ไม่ให้ไปก็ไม่ฟัง ครั้งไปถึงต้นมะขามป้อมก็ไปนอนหลับตาซึมอยู่ กลับมาถึงเรือตัวร้อนอาการมาก จึงปรึกษาพร้อมกัน เอากลับมาเรือนราชบุรี มานอนท่าพระแท่นดงรังครึ่งคืน แล้วล่องลงมาถึงเมืองราชบุรี เวลาบ่ายโมงเศษหามขึ้นบก พอถึงต้นมะขามหน้าบ้านก็เป็นลมคอพับ จึงหามเข้าไปแก้ไขกันอยู่ในเรือน เวลานั้นลมก็จัดเอาลับแลเข้าบังไว้ ครั้งเจ้าพระยาสุรวงศ์และญาติ ซึ่งตามมาภายหลังมาถึง จึงพร้อมกันพาท่านลงเรือมาเวลาบ่าย 5 โมงเศษวานนี้ เรือไฟจูงมาพ้นคลองดำเนินสะดวกมาแล้ว จะเข้าคลองภาษีเจริญติดน้ำ ๆ แห้ง จึงไปรอน้ำอยู่ปากคลองกระทุ่มแบน ถึงปากคลองเวลา 5 ทุ่มเศษ ชักเยื้องไหล่หน่อยหนึ่ง ก็ถึงแก่พิราลัยที่ปากคลองกระทุ่นแบนนั้น ครั้งน้ำขึ้นจึงรีบเอาศพเข้ามาถึงจวนเวลากรู่ ๆ\"",
"หลังจากที่เอาชนะกบฏโดยชาวฟิลิปปินส์ผู้รักชาติ, สหรัฐมีส่วนร่วมในโปรแกรมขนาดใหญ่ที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจของฟิลิปปินส์และอัพเกรดสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสาธารณสุขอย่างรวดเร็ว. ในปี 1908, อย่างไรก็ตาม, ชาวอเมริกันหมดความสนใจในอาณาจักรและหันความสนใจด้านต่างประเทศของพวกเขาไปยังแคริบเบียน, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างคลองปานามา. ในปีค.ศ. 1912 เมื่อรัฐแอริโซนากลายเป็นรัฐในแผ่นดินใหญ่รัฐสุดท้าย, ชายแดนอเมริกันมาถึงจุดสิ้นสุด. คลองเปิดในปี ค.ศ. 1914 และเพิ่มการค้ากับประเทศญี่ปุ่นและส่วนที่เหลือของตะวันออกไกล. นวัตกรรมที่สำคัญคือ นโยบายเปิดประตู () ในที่ซึ่ง อำนาจของจักรพรรดิได้รับการเข้าถึงที่เท่าเทียมกันกับธุรกิจของจีน, ที่ไม่มีคนหนึ่งคนใดของพวกเขาได้รับอนุญาตให้ควบคุมจีน.",
"ตลาดน้ำ หรือ ตลาดเรือ เกิดขึ้นตามลำคลองที่เป็นแหล่งชุมนุมใหญ่ๆของคนไทย นอกจากชาวบ้านในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์จะค้าขายกันในเรือแล้ว มีการสร้างเรือนแพรับฝากขายสินค้านานาชนิดอีกด้วย เช่น ย่านคลองบางปะกอก ย่านท่าเตียน ย่านคลองมหานาค ย่านวัดไทร ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตลาดน้ำดอนหวาย ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำ4ภาค ตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ตลาดน้ำวัดลำพญา เป็นต้น เมื่อการค้าขายคับคั่งจอแจมากขึ้นในทางน้ำ ก็เริ่มขยับขยายมาขายบนบก ซึ่งเราเรียกกันว่า \"ตลาดบก\"",
"วัดราชคาม นับว่าเป็นวัดเก่าแก่ วัดหนึ่งของจังหวัดราชบุรี ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ ๒๘ หมู่ ๔ ตำบลคุ้งน้ำวน อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๙ ตามข้อมูลอ้างอิง ได้กล่าวว่าพื้นที่ตั้งวัดราชคามในปัจจุบันนั้น เดิมเป็นจวนที่อยู่และที่ว่าความของพระยาราชเดชะ ในปี พ.ศ. ๒๔๐๙ (ตรงกับปีขาล อัฐศก จ.ศ. ๑๒๒๘ ร.ศ. ๘๕) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ที่พระสมุหกลาโหม เป็นผู้อำนวยการขุดคลองดำเนินสะดวก และได้มีบัญชาให้พระยาราชเดชะ ไปช่วยทำการขุดคลองดำเนินสะดวก จึงได้มอบจวนเก่า (ทั้งบ้านและที่ดิน) ถวายให้เป็นที่สร้างวัด ในขั้นแรกใช้ชื่อเดิมว่า \"วัดราชประดิษฐ์\" ทั้งนี้ เมื่อ รศ. ๑๒๘ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เสด็จตรวจการคณะสงฆ์ ทรงพบและทรงตัดพ้อว่าชื่อพ้องกับวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ในเมืองหลวง ทรงทราบว่าเดิมเป็นบ้านของพระยาราชเดชะ จึงประทานเปลี่ยนให้ว่า \"วัดราชคาม\" (ราชคาม - บ้านของพระยาราช) ซึ่งได้ปรากฏมาถึงทุกวันนี้",
"ทางหลวงสายนี้มีจุดเริ่มต้นที่สี่แยกบางแพ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ผ่านสี่แยกหัวโพ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3236 และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3237) เข้าเขตอำเภอดำเนินสะดวก ผ่านสี่แยกดอนคลัง (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3336) ผ่านทางแยกตลาดน้ำคลองลัดพลี คลองดำเนินสะดวก ผ่านทางแยกตลาดน้ำดำเนินสะดวก ต่อด้วยทางเข้าอำเภออัมพวา สิ้นสุดเส้นทางที่ทางแยกสมุทรสงคราม บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3092 (ถนนเอกชัย) ระยะทาง 42.406 กิโลเมตร ต่อมาเมื่อถนนพระรามที่ 2 ก่อสร้างแล้วเสร็จ ได้มีการก่อสร้างถนนทางเข้าเมืองสมุทรสงคราม ระยะทางประมาณ 1.347 กิโลเมตร ปัจจุบันได้มีการพัฒนาทางหลวงสายนี้เป็น 4-6 ช่องจราจรตลอดสาย อยู่ในความควบคุมของแขวงทางหลวงสมุทรสงคราม สำนักงานทางหลวงที่ 15 (ประจวบคีรีขันธ์) และถนนทางเข้าเมืองสมุทรสงครามบางช่วงได้แบ่งให้เทศบาลเมืองสมุทรสงครามเป็นผู้บำรุงรักษาทางด้วย",
"วัดเนกขัมมาราม เลขที่ 82 หมู่ 4 ตำบลแพงพวย อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 70 ไร่เศษ ถนนลาดยางสายโคกวัดและตลาดเสรีผ่านหน้าวัด คลองขุดลัดราชบุรีผ่านหลังวัด ประมาณปี พ.ศ. 2486 พระเดชพระคุณ พระธรรมวิรัตน์สุนทร (หลวงพ่อเชย) เจ้าอาวาสวัดโชติทายการาม ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าคณะอำเภอดำเนินสะดวก ท่านดำริที่จะจัดตั้งวัดขึ้น เพื่อความสะดวกของประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร จะได้ทำบุญสร้างกุศลตามสภาพท้องถิ่นที่ห่างไกลความเจริญ ณ บ้านหมู่ 4 ตำบลแพงพวยนี้ โดยมีคุณแม่อุบาสิกาทองดี แซ่กัว จัดซื้อที่ดิน จำนวน 11 ไร่เศษ นำไปถวายหลวงพ่อเชย จึงจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ขึ้นก่อน เรียกว่า สำนักสงฆ์เนกขัมมาราม ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2492 จึงได้ประกาศตั้งเป็นวัดชื่อ วัดเนกขัมมาราม มีคำสั่งแต่งตั้ง พระภิกษุถนอม อตฺตนาโถ ซึ่งจำพรรษาอยู่ ณ วัดปรกเจริญ ตำบลขุนพิทักษ์ อำเภอดำเนินสะดวก มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส นับเป็นรูปแรกของวัดเนกขัมมารามนี้",
"ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 325 สายบางแพ - สมุทรสงคราม เป็นทางหลวงแผ่นดินเชื่อมต่อระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 กับจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อรองรับการคมนาคมทางบก หลังจากที่ในสมัยก่อนมีการสัญจรคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก โดยเฉพาะแม่น้ำแม่กลองและคลองดำเนินสะดวก ไม่ปรากฏแน่ชัดถึงการก่อสร้างว่าเกิดขึ้นในสมัยใด แต่เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการตั้งชื่อทางหลวงแผ่นดินสายบางแพ-ดำเนินสะดวก-สมุทรสงคราม ให้ขนานนามว่า ถนนชูศักดิ์ เพื่อเป็นเกียรติแก่ นายชูศักดิ์ คชเสนี แต่ประชาชนที่สัญจรไปมากลับเรียกว่า \"ถนนสายสมุทรสงคราม-บางแพ\" จนถึงปัจจุบัน",
"แต่เดิมในบริเวณนี้มีคลองบางยางเป็นคลองธรรมชาติแยกจากแม่น้ำท่าจีน มีความยาว 3.8 กิโลเมตร เมื่อเริ่มขุดคลองดำเนินสะดวกจึงขุดต่อจากต้นคลองบางยางไปออกแม่น้ำแม่กลอง มีประตูน้ำกั้นคลองบางยางกับคลองขุดใหม่ ถ้านับตามนี้จะมีความยาว 840 เส้น (32กิโลเมตร) แต่ถ้าหากเริ่มนับตั้งแต่แม่น้ำท่าจีนจะมีความยาว 895 เส้น (35.8 กิโลเมตร)",
"คลองดำเนินสะดวก เป็นคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลองเข้าด้วยกัน โดยในสมัยโบราณการคมนาคมขนส่งทั่วไป จะใช้ทางบก ใช้สัตว์หรือเกวียน ท้องที่อำเภอดำเนินสะดวกในสมัยก่อนเป็นที่ไร่ เรียกกันว่าโคกไผ่ (ตำบลดอนไผ่ในปัจจุบัน) ไม่มีคลองมากมายเหมือนเช่นในปัจจุบัน\nจุดเริ่มต้นของคลองดำเนินสะดวกเริ่มขึ้นเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระราชดำริ เห็นว่าการคมนาคมที่ไปมาระหว่างพระนครกับสมุทรสาครมีคลองภาษีเจริญที่ทำการสัญจรไปมาได้สะดวก แต่ถ้ามีคลองระหว่างกรุงเทพฯ สมุทรสงคราม และราชบุรีก็จะสะดวกขึ้นอีกเป็นอันมาก โดยอาศัยแม่น้ำแม่กลองและแม่น้ำท่าจีนเป็นสื่อกลางในการขุดคลองเชื่อม",
"ทรัพยากรป่าไม้ มีพื้นที่ป่าเหลืออยู่ประมาณ 1,239,236 ไร่ หรือ 38.16% ของพื้นที่จังหวัด ป่าไม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่เขาและเทือกเขาตะนาวศรี แหล่งน้ำ</b>แหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ ได้แก่แม่น้ำแม่กลองไหลผ่านจังหวัดราชบุรี มีความยาว ในเขตจังหวัดราชบุรี 67 กิโลเมตร และแม่น้ำสาขา ได้แก่แม่น้ำภาชีต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาตะนาวศรีในเขตอำเภอบ้านคา ไหลผ่านอำเภอสวนผึ้ง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรียังมีคลองสำคัญได้แก่ คลองดำเนินสะดวกที่ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อเชื่อม แม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำแม่กลอง โดยเริ่มจากตำบลบางยาง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ผ่านอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี บรรจบกับแม่น้ำแม่กลอง ที่ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม มีความยาวตลอดลำคลอง 35 กิโลเมตร และลำคลองสาขาอีกกว่า 200 คลอง และมีอ่างเก็บน้ำดังต่อไปนี้ 1.อ่างเก็บน้ำโป่งกระทิง หมู่บ้านโป่งกระทิง ต.บ้านบึง 2.อ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย หมู่บ้านบ้านบึง ต.บ้านบึง 3.อ่างเก็บน้ำห้วยมะหาด หมู่บ้านซ้ายแดง ต.หนองพันจันทร์ 4.อ่างเก็บน้ำชัฎป่าหวาย หมู่บ้านท่าเคย ต.ท่าเคย 5.อ่างเก็บน้ำห้วยสำนักไม้เต็ง หมู่บ้านน้ำพุ ต.น้ำพุ เป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดราชบุรี เป็นอ่างขนาดใหญ่ด้วย",
"หลังจากที่เปิดใช้คลองดำเนินสะดวกแล้ว คลองก็เต็มไปด้วยเรือนานาชนิดที่สัญจรไปมาไม่เว้นแม้แต่เวลากลางคืน\nปี พ.ศ. 2472 กรมชลประทานได้ก่อสร้างประตูน้ำบางยาง ในอ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร และประตูน้ำบางนกแขวก ในอ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม\nจนถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2กองทัพญี่ปุ่นใช้คลองดำเนินสะดวกลำเลียงขนส่งอาหารและอาวุธต่างๆไปยังจังหวัดกาญจนบุรี\nส่งผลให้ฝ่ายพันธมิตรทิ้งระเบิดทำลายประตูน้ำทั้งสอง เพื่อตัดเส้นทางของญี่ปุ่นลง\nหลังสงครามสิ้นสุด กรมชลประทานได้ซ่อมแซมประตูน้ำทั้งสองขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2489 และได้พบลูกระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จมอยู่บริเวณก้นคลอง จำนวน 3 ลูก และขณะนำดินระเบิดออกจากลูกระเบิดได้เกิดระเบิดขึ้น 1 ลูก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน\nประตูน้ำ ทั้ง 2 แห่งกว้าง 6 เมตร สูง 5 เมตร สร้างขึ้นเป็นทางปล่อยเรือเข้าออกคลองซึ่งมีมากมายในสมัยก่อน และยังสามารถกั้นน้ำเค็มที่จะทำลายผลผลิตของชาวบ้านได้อีกด้วย",
"สถานีตำรวจนครบาลหนองแขมเดิมตั้งอยู่ริมคลองภาษีเจริญฝั่งใต้ เป็นอาคารชั้นเดียว จะสร้างเมื่อใดนั้นไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน เพียงแต่ทราบว่ามีหัวหน้าสถานีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2448 การคมนาคมสมัยก่อนจะใช้คลองเป็นหลัก ต่อมาเมื่อมีการก่อสร้างถนนมากขึ้น ประชาชนก็เปลี่ยนไปอยู่ตามหมู่บ้านจัดสรรและตามริมถนนต่าง ๆ สถานีตำรวจซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำเริ่มให้บริการประชาชนไม่สะดวก สถานที่ราชการก็คับแคบ ต้องต่อเติมอาคารด้านข้างสถานีเก่าเป็นห้องปฏิบัติการเพิ่มเติม และทางด้านหลังสถานี สร้างเป็นห้องแถวสำหรับเป็นที่พักอาศัยของข้าราชการตำรวจ ต่อมา ปี พ.ศ. 2520 กรมตำรวจได้จัดซื้อที่ดินริมถนนหนองแขม-บางบอน จำนวน 3 ไร่ จากนายชววุฒิสุข เจ้าของที่ดิน และในเวลาเดียวกัน เจ้าของที่ดินรายนี้ได้บริจาคเพิ่มเติมให้อีก 1 ไร่ โดยไม่คิดมูลค่า รวมที่ดิน 4 ไร่ เพื่อสร้างอาคารที่ทำการหลังใหม่",
"ในสมัยโบราณตลาดน้ำจะมีเพียงไม่กี่ครั้งใน 1 เดือน ตามระดับน้ำที่ขึ้นลงตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีตลาดน้ำมากมายหลายแห่งในละแวกเดียวกัน โดยมากจะมีติดๆ กัน เรียกว่า นัด ดังนั้นคลองดำเนินสะดวกจึงเป็นที่ตั้งของตลาดน้ำหลายแห่ง ตลาดน้ำที่เกิดขึ้นเป็นแห่งแรกคือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ปากคลองลัดพลี เป็นคลองที่ลัดเข้าตัวจังหวัดราชบุรีได้โดยไม่ต้องผ่านประตูน้ำ แต่เดิมมีชื่อเรียกว่า นัดศาลาห้าห้อง นัดศาลาแดง หรือนัดหลักแปด เพราะเดิมสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ให้ปลูกศาลาเป็นไม้มี 5 ห้อง หลังคามุงกระเบื้องสีแดงเป็นที่พักคนงาน ต่อมากลายเป็นตลาดสำคัญคู่กับนัดปากคลองฝั่งแม่น้ำแม่กลอง (นัดปากคลองมีวัน 1 6 และ 11 ค่ำ นัดดำเนินสะดวกมีวัน 2 7 และ 12 ค่ำ) นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ยังได้เสด็จประพาสต้นตลาดน้ำแห่งนี้อีกด้วย ในช่วงปี พ.ศ. 2500 ตลาดน้ำขยายพื้นที่กินบริเวณตั้งแต่ปากคลองลัดพลี ไปตามคลองดำเนินสะดวกยาวหลายกิโลเมตร ในสมัยนั้นตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีอยู่ 3 จุด คือ ที่ปากคลองลัดพลี ปากคลองโพธิ์หัก หรือคลองบัวงาม และที่ปากคลองศรีสุราษฎร์ และยังทำให้เกิดตลาดน้ำใหม่สร้างเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างคลองต้นเข็ม หลังจากนั้นมาตลาดน้ำที่มีมาแต่เดิมก็ถูกลดความสำคัญลงไป เหลือเพียงตลาดน้ำเพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น ตลาดน้ำคลองลัดพลีในปัจจุบันได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ อยู่ตรงข้ามกับตลาดน้ำคลองต้นเข็ม ซึ่งเป็นที่รู้จักโด่งดังไปทั่วโลก\nตลาดน้ำที่สำคัญในคลองดำเนินสะดวกได้แก่",
"คลองสุนัขหอน เป็นคลองเชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีนกับแม่น้ำแม่กลอง ไหลผ่านเริ่มจากอำเภอเมืองสมุทรสาคร ออกสู่แม่น้ำแม่กลองที่จังหวัดสมุทรสงคราม คลองดำเนินสะดวก ไหลผ่านอำเภอบ้านแพ้ว ผ่านอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และผ่านอำเภอบางคนฑี จังหวัดสมุทรสงคราม",
"พระราชทานชื่อว่า \"คลองเปรมประชากร\" ต่อเนื่องจากคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งขุดขึ้นในรัชกาลที่ 4 แล้วนั้น และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้คลองนี้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมขุดคลองและภาษีคลองใด ๆ ทั้งสิ้น ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะขุดคลองนี้เพื่อให้เป็นการเฉลิมพระเกียรติและพระราชกุศลให้ราษฎรได้รับความสะดวกสบายโดยทั่วกัน",
"ตลาดน้ำดำเนินสะดวก: อยู่ติดกับถนนสุขาภิบาล 1 มีอาณาบริเวณตลอดคลองต้นเข็ม ปากคลองด้านที่บรรจบกับคลองเฮียกุ่ยจะมีร้านขายของที่ระลึกตั้งอยู่เป็นจำนวนมากตลาดน้ำเป็นวัฒนธรรม ของชาวบ้านที่ค้าขายกันทางน้ำ โดยใช้เรือพายเล็กๆเป็นพาหนะติดต่อแลกเปลี่ยนสินค้าตั้งแต่เช้ามืดจนใกล้เที่ยงวัน ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเก่า หรือ ตลาดน้ำคลองลัดพลี: อยู่ในเขตตำบลดำเนินสะดวก หน้าวัดราษฎร์เจริญธรรม บริเวณนี้เคยเป็นตลาดน้ำดั้งเดิมซึ่งได้สูญหายไปเมื่อหลายปีก่อน กระทั่งทางจังหวัดราชบุรีได้ร่วมมือร่วมใจกับประชาชน รื้อฟื้นคืนชีวิตให้กับตลาดน้ำแห่งนี้อีกครั้ง วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม: อยู่ในเขตอำเภอดำเนินสะดวก เป็นสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย ที่สำคัญ",
"คลองเจดีย์บูชา\nเป็นคลองที่ถูกขุดขึ้นตั้งแต่ สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เมื่อครั้งโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) เป็นแม่กองปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์ ได้โปรดฯให้ขุดคลองจากแม่น้ำเมืองนครชัยศรี เข้าไปจนถึงบริเวณพระปฐมเจดีย์เพื่อความสะดวกในการคมนาคมและการไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ โดยเริ่มขุด ในปี พ.ศ.2401 ปากคลองอยู่ท้ายบ้านท่านา ปลายคลองจดพระปฐมเจดีย์นั้น พระราชทานนามว่า คลองเจดีย์บูชา เมื่อวันศุกร์ เดือน 5 ขึ้น 12 ค่ำ ปีมะเมีย นพศก ตรงกับพ.ศ.2401เหตุที่พระราชทานชื่อนี้ เพราะได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ 600 ชั่ง จ้างชาวจีนให้ขุดชคลองขึ้น\nต่อมาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ถึงแก่พิราลัย ขณะที่การยังค้างอยู่ จึงโปรดให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) ดำเนินการต่อจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2405\nลำคลองเจดีย์บูชา กว้างราวๆ 15-20 เมตร ยาว 12 กิโลเมตร ปลายคลองด้านตะวันตกไหลจากตัวเมืองไปออกคลองวังตะกู และคลองทัพหลวง ซึ่งใช้เป็นเส้นทางต่อไปยังแม่น้ำแม่กลองที่จังหวัดราชบุรี และกาญจนบุรีได้\nคลองเจดีย์บูชาได้ถูกใช้เป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญมากตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ถึงกับให้สร้างพระราชวังปฐมนครขึ้นเพื่อประทับแรม นอกจากนี้ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ได้เสด็จประพาสพระปฐมเจดีย์ผ่านทางคลองนี้อีกด้วย ในปัจจุบันคลองเจดีย์บูชาไม่ได้ถูกใช้งานเป็นเส้นทางสัญจรแล้ว",
"ตลอดความยาวของคลองจะมีเสาหินสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ 10 x 10 นิ้ว ปักไว้ที่พื้นดิน ทุก ๆ 100 เส้น ปักไว้ 1 ต้น ทางฝั่งใต้ของคลอง เริ่มจากตำบลสวนส้ม เป็นหลักที่ 0 ถึงหลักที่ 8 ที่แม่น้ำแม่กลอง แต่ละหลัก จะเขียนเลขไทย โรมัน จีน เป็นสีแดงบอกเลขไว้ทุกหลัก อยู่ในเขตอำเภอบ้านแพ้ว 5 หลัก หลักที่ 5 ถึงหลักที่ 7 อยู่ในเขตอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และหลักสุดท้าย หลักที่ 8 อยู่ในเขตอำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม หลักคลองมีไว้เพื่อบอกที่อยู่ที่แน่ชัดของผู้คนริมคลอง คลองดำเนินสะดวกมีทั้งหมด 9 หลัก ยังคงปรากฏให้เห็นครบทั้งหมดถึงปัจจุบัน ดังนี้\nจากเสาหินหมายเลข 8 มีระยะทางของคลองดำเนินสะดวกอีกประมาณ 40 เส้น จึงจะถึงประตูน้ำบางนกแขวก ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ชาวบ้านมักเรียกว่าคลองบางนกแขวก ",
"ชุมชนชาวหลักห้า เป็นชื่อเรียกของชุมชน ที่อาศัยอยู่ในบริเวณหลักเขตที่ 5 ริมฝั่งคลองดำเนินสะดวก ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร บางส่วนและติดกับเขตตำบลประสาทสิทธิ์ อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตนี้มักเรียกชื่อ วัด หรือโรงเรียน ตามชื่อเสาหลักเขตที่ปักอยู่ริมคลองดำเนินสะดวก เช่น เรียกวัดปราสาทสิทธิ์ ว่าวัดหลักห้า เป็นต้น แต่เดิมตำบลประสาทสิทธิ์ รวมอยู่กับตำบลดอนไผ่ บางครั้งชาวบ้านอาจเรียกวัดประสาทสิทธิ์ว่าวัดดอนไผ่ \nชุมชนชาวหลักห้าส่วนใหญ่มีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อาชีพหลักได้แก่เกษตรกรรม เช่น\nการทำสวนองุ่น สวนส้ม แก้วมังกร มะม่วง มะพร้าวน้ำหอม ชมพู่ทับทิมจันทร์ และสวนผักต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในเมืองไทย ในสมัยอดีต หน้าวัดปราสาทสิทธิ์ จะมีพ่อค้าแม่ขายน้ำพืชผลเกษตรกรรม มาจำหน่าย หรือแลกเปลี่ยนกัน จนกลายเป็นตลาดนัดทางน้ำ บางก็เรียกว่าตลาดน้ำหลักห้า หรือตลาดน้ำปากคลองบัวงาม แต่ปัจจุบันเมื่อมีถนนตัดผ่าน การเดินทางสัญจรทางรถยนต์มีมากขึ้น การเดินทางไปค้าขายทางรถมีความสะดวกเป็นอย่างมาก ตลาดน้ำหลักห้าจึงได้ซบเซาลงไปตามลำดับ กระทั่งปัจจุบัน จะมีพ่อค้าแม่ขายที่พายเรือจำหน่ายสินค้าจำนวนน้อยมาก",
"การขุดคลองดำเนินสะดวก เป็นการขุดคลองที่ใช้แรงงานคนเพียงอย่างเดียว มิได้อาศัยเครื่องจักรกลใด ๆ ทั้งสิ้น ใช้เวลาขุดคลอง 2 ปีเศษจึงแล้วเสร็จ คลองดำเนินสะดวกเป็นคลองที่ยาวมาก อาศัยภูมิปัญญาชาวบ้านในการขุดคลอง คือมีการขุดคลองเป็นช่วง ๆ สลับกับพื้นที่บางช่วงไม่ได้ขุด เมื่อฤดูฝนมาถึงน้ำหรากมาก็จะเซาะดินที่ไม่ได้ขุดให้พังทลายไปชนกับช่วงที่ขุดไว้แล้ว เป็นการทุนแรงงานนั้นเอง\nคลองดำเนินสะดวกเป็นคลองที่มีความตรง ไม่คดเคี้ยว และมีการแบ่งระยะโดยการปักหลักเขต คลองดำเนินสะดวกมี 8 หลักเขต โดยใช้เสาหินสี่เหลี่ยมขนาด 8x8 นิ้ว ปักไว้บนพื้นดินริมคลองสลักเลขกำกับไว้ แต่ละหลักมีระยะห่างกันประมาณ 4 กิโลเมตร หลักที่ 1 อยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และหลักสุดท้ายคือหลักที่ 8 อยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี และนิยมเรียกชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ตามชื่อหลักเขตดังกล่าว เช่น ชุมชนชาวหลักสาม ชาวหลักสี่ หรือชาวหลักห้า เป็นต้น นอกจากนั้นโรงเรียนหรือวัดก็นิยมเรียกชื่อตามหลักเขตดังกล่าว เช่น โรงเรียนวัดหลักห้า โดยมีชื่อทางราชการ คือ โรงเรียนชุมชนวัดประสาทสิทธิ์ และโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ หรือ วัดหลักห้า ซึ่งเรียกชื่อทางราชการว่า วัดปราสาทสิทธิ์ เป็นต้น",
"ในปีขาล อัฐศก จ.ศ.1228 ร.ศ.85 ตรงกับปี พ.ศ. 2409 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ที่พระสมุหกลาโหม เป็นผู้อำนวยการขุดคลอง ที่เชื่อมจากแม่น้ำท่าจีนเริ่มจากปากคลองบางยาง ตำบลบางยาง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร กับแม่น้ำแม่กลอง ตำบลบางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เป็นผู้ควบคุมดูแล และใช้กำลังของทหาร ข้าราชการ ชาวบ้าน และชาวจีนร่วมกันขุด โดยใช้กำลังของคนล้วนๆ ใช้วิธีขุดระยะหนึ่งแล้วเว้นไว้ระยะหนึ่ง ให้น้ำเซาะดินที่ไม่ได้ขุดพังไปเอง\nเมื่อขุดคลองสำเร็จแล้ว จึงนำแผนขึ้นทูลเกล้า ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งทรงเห็นว่าเป็นคลองที่มีเส้นตรง ได้รับความสะดวกในการสัญจร จึงพระราชทานนามคลองที่ขุดใหม่นี้ว่า “ คลองดำเนินสะดวก ” และได้ทำพิธีเปิดใช้คลองนี้เมื่อวันจันทร์ เดือน 7 ขึ้น 4 ค่ำ จ.ศ.1230 ร.ศ.87 ตรงกับวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2411 ",
"ภายหลังมีการถมทะเลบริเวณสะพานหินเพิ่มพื้นที่สาธารณประโยชน์ โดยใช้วัสดุส่วนหนึ่งเป็นดินโคลนที่ลอกจากคลองก่อจ๊าน ซึ่งเป็นคลองที่ขุดลอกเพื่อใช้ประโยชน์เป็นที่จอดเรือประมงขนาดเล็ก ดำเนินการขุดโดยกัปตันเอ็ดเวิร์ด โธมัส ไมลส์ วัสดุอีกส่วนเป็นขยะและซากจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พื้นที่ส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รับการปรับปรุงใช้เป็นสนามกีฬากลางและศูนย์อำนวยความสะดวกต่างๆ ของเทศบาลนครภูเก็ตส่วนหนึ่ง ใช้เป็นสวนสาธารณะสำหรับประชาชนใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจอีกส่วนหนึ่ง ",
"เอนก นาวิกมูล ค้นหลักฐานจากวรรณกรรมแล้ว ก็ออกค้นหาหลักริมคลองเปรมประชากร ยังไม่พบหลักฐานว่าหลักนั้นทำด้วยหินหรืออะไร แต่เข้าใจเอาว่าคงจะทำด้วยศิลาเหมือนหลักริมคลองดำเนินสะดวก ",
"พ.ศ. 2404 มีเหตุการณ์สำคัญดังนี้ โปรดเกล้าฯ ให้ส่งทูตไปเจริญทางพระราชไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส แรกมีตำรวจพระนครบาล โปรดเกล้าฯ ให้ตัดถนนและขุดคลองให้เป็นทางสัญจรอย่างใหม่ สำหรับชาวไทยและชาวต่างประเทศเหมือนกับประเทศที่เจริญแล้วทางยุโรป เช่น การสร้างถนนเจริญกรุงเป็นสายแรก ถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร และ ถนนสีลม ส่วนคลองได้แก่ คลองผดุงกรุงเกษม คลองภาษีเจริญ คลองหัวลำโพง คลองมหาสวัสดิ์ และคลองดำเนินสะดวก เป็นต้น"
] |
อาณาจักรอาหม ก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่? | [
"อาณาจักรอาหม (Assamese: আহোম ৰাজ্য; อาโหมะ ราชยะ; English: Ahom Kingdom) บ้างเรียก อาณาจักรอัสสัม (Kingdom of Assam)[1] มีชื่อในภาษาอาหมว่า เมืองถ้วนสวนคำ[2] หรือ เมืองนุนสุนคำ (Mioung Dun Sun Kham)[3] ไทใหญ่เรียกว่า เวสาลีโหลง[2] เป็นรัฐรุ่นเดียวกับอาณาจักรสุโขทัย เริ่มต้นเมื่อ พ.ศ. 1771 นำโดยเจ้าหลวงเสือก่าฟ้า ปฐมกษัตริย์ หลังจากที่ต้องอพยพเดินทางทั้งยังทำการต่อสู้และย้ายถิ่นตลอด 38 ปี จึงได้วางรากฐานอาณาจักรอาหม โดยตั้งราชธานีที่เจ้รายดอย (หรือ จรวยเทพ)[4] ในช่วงแรกที่ได้ตั้งอาณาจักรอาหมขึ้นมีการต่อสู้กับชนชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นชนพื้นเมือง"
] | [
"เจ้าฟ้าเสือห่มเมือง ผู้เป็นโอรสของสุพิมฟ้าขึ้นครองชากุยะสืบต่อมา ทรงเป็นประมุขที่กล้าหาญและขยันขันแข็ง อาณาจักรอาหมได้แผ่อาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวาง มีอาณานิคมอยู่ทุกทิศทาง พวกชุติยะยอมอยู่ใต้อำนาจและอยู่ใต้การควบคุมดูแลของขุนนางอาหมที่สทิยะและทิหิง ครอบครัวอาหมหลายครัวเรือนก็ได้ไปตั้งหลักแหล่งอยู่โดยรอบ การโจมตีของชาวนาคะก็ถูกปราบลงด้วยกำลังทหารที่แข็งแกร่ง อำนาจของชนชาวกะฉารีถูกลิดรอน และราชธานีทิมาปุระก็ตกเป็นของอาหมถึงสองครั้ง ขุนนางผู้หนึ่งชื่อ มารังกี โควา โกฮาอิน ได้รับแต่งตั้งให้ดูแลดินแดนตอนล่างของลุ่มน้ำทันสิริ และดินแดนส่วนใหญ่ของเนากองก็ตกเป็นของอาหม การรุกรานถึงสามครั้งของพวกโมฮัมหมัดก็ถูกปราบลงได้ สภาพสังคมของพลเมืองอาหมได้รับความดูแลเอาใจใส่ ได้แบ่งออกเป็นหมู่เป็นเหล่า ช่างก่อสร้างถูกส่งตัวมากจากชุติยะและที่อื่นๆ การใช้อาวุธปืนได้มีขึ้นเป็นครั้งแรก ศักราช \"สัก\" ตามแบบของฮินดูถูกนำมาใช้แทนศักราชเก่าซึ่งคำนวณวันเดือนปีตามแบบโจเวียน และในรัชกาลนี้ ความสำคัญทางศาสนาก็มีมิใช่น้อย นอกจากอิทธิพลของพราหมณ์แล้ว ยังมีการปฏิรูปแบบเวชนาวาซึ่งสังคเทพเป็นผู้นำออกเผยแพร่",
"ราว พ.ศ. 1763 ใกล้เคียงกับสมัยที่ตั้งอาณาจักรสุโขทัย ชาวไทพวกหนึ่ง ชื่อว่า \"อาหม\" ได้อพยพเข้ามาในดินแดนนี้ โดยข้ามภูเขาปาดไก่ทางเหนือของพม่า ไทพวกนี้มาจากอาณาจักรไทโบราณอาณาจักรหนึ่ง เรียกว่า \"ปง\" คือโมกอง (เมืองกอง) ในพม่าทางเหนือ และเริ่มประวัติศาสตร์อาหมเมื่อ พ.ศ. 1796 เมื่อเสือก่าฟ้า ปฐมบรมราชวงศ์อาหมได้วางรากฐานในอาณาจักรของพระองค์ ช่วงแรกของชาวอาหมนั้นอพยพมาตามตำนานกล่าวไว้ว่ามีกษัตริย์ 1 พระองค์ ขุนนาง 8 คน ช้าง 2 เชือก และม้าอีก 300 ตัว ประชากร 9,000 คน รวมทั้งสตรี และเด็ก ",
"ชาวอาหมได้พัฒนาอาณาจักรของตนเองในช่วง พ.ศ. 1771-2386 ภาษาอาหมเป็นภาษาทางการของอาณาจักรตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18-21 จนกระทั่งถูกแทนที่ด้วยภาษาอัสสัมที่เป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยัน ซึ่งเป็นผลมาจากการรับวัฒนธรรมฮินดู",
"ในที่สุด อาณาจักรชุติยะได้ถูกรวมเข้ากับอาณาจักรอาหม นายทหารผู้ใหญ่ผู้หนึ่งชื่อ สทิยะ โควา โกฮาอิน ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จราชการ และเพื่อให้ฐานะของตนมั่นคง เขาจึงได้เกณฑ์เอาชาวอาหมแห่งกาปาลิยะ 300 คน พร้อมด้วยครอบครัวและหัวหน้า 12 คน มาอยู่ในสทิยะ และยังมีบางพวกตั้งบ้านเรือนอยู่บนฝั่งแม่น้ำทิหิง เจ้านายในราชตระกูลชุติยะและขุนนางผู้ใหญ่ถูกเนรเทศไปยังพาการิกุรี ส่วนพวกพราหมณ์ ช่างเหล็ก และช่างก่อสร้าง ถูกต้อนจากสทิยะ มาอยู่ในเมืองหลวงของอาหม เมื่อทรงจัดการกับภาระต่างๆเสร็จสิ้นแล้ว สุหังก็เสด็จกลับมายังชะรายเทโว เพื่อประกอบพิธีสมโภชเรียกขวัญ",
"อาณาจักรอาหมดำรงอยู่ได้มากว่า 260 ปี ซึ่งในช่วงเวลาระหว่างนี้มีประชากรเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากที่เป็นชาวป่าชาวเขาในท้องถิ่นเดิม และทั้งที่อพยพมาอีก นับได้ว่า อาณาจักรอาหมมีความมั่นคง แต่ประมาณปี พ.ศ. 2070 อาณาจักรอาหมได้พบกับศัตรูร้ายกาจ นั่นคือ ราชวงศ์โมกุล ในเบื้องต้น เมื่ออาหมทำการต่อสู้ต้านทาน การรุกรานไม่รุนแรงนัก และได้เงียบหายไปเป็นครั้งคราว เมื่อ พ.ศ. 2150 การรุกรานเริ่มหนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้น และกลายเป็นสงครามที่ต่อเนื่องและยาวนานถึง 175 ปี ประวัติศาสตร์อาหมในตอนนี้ถือเป็นยุคของ สงครามโมกุล ในที่สุด สงครามได้ สิ้นสุด ในปี พ.ศ. 2225 โดยที่ พวกโมกุลไม่สามารถเอาชนะอาหมได้ จึงต้องมีการทำการตกลงปักปันดินแดนเป็นการแน่นอนแล้วเลิกรบกันไป",
"ในราวพุทธศตวรรษที่ 18 ไทอาหมซึ่งเป็นชาวไทใหญ่เผ่าหนึ่ง ได้เข้ามารุกรานอัสสัมใน พ.ศ. 1771 สามารถรบชนะชาวเขาในบริเวณนี้ และกลุ่มชนที่นับถือศาสนาฮินดูและตั้งอาณาจักรอาหม คำว่าอาหมนี้เป็นที่มาของคำว่าอัสสัม ในพุทธศตวรรษที่ 21-22 ชาวไทอาหมต้องต่อสู้กับราชวงศ์โมกุลที่ขยายอำนาจมาจากแคว้นเบงกอล ไทอาหมเอาชนะโมกุลได้เด็ดขาดใน พ.ศ. 2225 สามารถรวมบริเวณลุ่มแม่น้ำพรหมบุตรให้เป็นปึกแผ่น อาณาจักรอาหมเจริญสูงสุดในสมัยของพระเจ้ารุทระ สิงห์ ที่เริ่มให้บันทึกอาหมบุราณจี เริ่มติดต่อค้าขายกับทิเบต",
"นับแต่นั้นมาก็ไม่มีชาวกะฉารีผู้ใดลุกขึ้นต่อต้านชาวอาหมซึ่งตั้งตนเป็นผู้ปกครองกะฉารีอีก อาณาจักรอาหมไม่เพียงแต่จะครอบคลุมไปทั่วลุ่มน้ำธันสิริเท่านั้น ยังมีอาณาเขตไปถึงดินแดนตอนเหนือของแม่น้ำกัลลังในเนากองอีกด้วย กษัตริย์อาหมเสด็จกลับราชธานี ทรงประกอบพิธีสังเวยผู้ล่วงลับและทำการบูชายัญถวายพระผู้เป็นเจ้าตามประเพณีที่เคยปฏิบัติมาในเมื่อได้ชัยชนะจากสงคราม(ในสงครามครั้งนี้ พงศาวดารได้บันทึกไว้ว่า ทหารกะฉารีได้ใช้ปืนใหญ่เช่นเดียวกับทหารอาหม",
"ราชธานีไทมุง เป็นราชธานี อาณาจักรอาหม (ไทมุง แปลว่า เมืองไท เพราะ มุง คือคำว่า เมือง) โดยราชธานีไทมุงเป็นราชธานีแห่งที่สอง ของอาณาจักรอาหม (รังปุระ เป็นเมืองหลวงหลัก) ในช่วงสั้นๆ แค่ในสมัยรัชกาลสุรามฟ้า (พ.ศ. 2184-2187) เท่านั้น",
"ต่อมาเมื่อพม่ารบแพ้อังกฤษในปี พ.ศ.๒๓๖๙ มีการลงนามในสนธิสัญญายันดะโบ ว่าพม่าจะยอมสละสิทธิในแคว้นอัสสัม กจร และเชนเตีย อังกฤษจึงมาปกครองอาณาจักรอาหมแทน โดยปล่อยให้อาณาจักรอาหมว่างกษัตริย์ เป็นเวลา ๗ ปี ",
"อาหมเป็นชาวไทที่ไม่ได้รับศาสนาพุทธ เมื่อเสือก่าฟ้านำชาวไทจากเมืองเมาหลวงในรัฐฉานจำนวน 90,000 คน ข้ามช่องเขาปาดไก่มาตั้งอาณาจักรในลุ่มแม่น้ำพรหมบุตรในปี ค.ศ. 1228 และตลอดเวลากว่า 600 ปีที่เป็นเอกราช สังคมอาหมเองก็ไม่ได้รับความเชื่อจากศาสนาพุทธเลย",
"เมื่ออาหมอยู่ภายใต้การปกครองอาณัติแห่งพม่า สหราชอาณาจักรจึงต้องเข้าช่วยอาหมให้พ้นจากการปกครองของพม่า วิธีเดียวที่จะช่วยอาหมได้คือต้องให้อาหมเป็นอยู่ภายใต้การอารักขาของสหราชอาณาจักรโดยตรงตั้งแต่ พ.ศ. 2385 เมื่ออินเดียเป็นเอกราชหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อาหมก็ถูกรวมอยู่กับอินเดีย",
"ในขณะนั้น อาณาเขตใกล้เคียงอยู่ในการปกครองของกษัตริย์โมรานพระนามว่า บาดันชา และกษัตริย์โบราฮีพระนามว่า ตาคุมตา ซึ่งทั้งสองอาณาจักรได้ยอมสวามิภักดิ์ต่อเสือก่าฟ้า ในภายใต้การปกครองของอาหม ชาวโมรานไม่ต้องเสียภาษี แต่ต้องส่งส่วยเป็นสินค้าป่า เช่น ช้าง สีย้อมผ้า น้ำผึ้ง และเสื่อ เป็นต้น ชาวโมรานจำนวนมากได้ยอมรับวัฒนธรรมอาหมมาใช้ แต่ยังคงใช้ภาษาโบโดพูดกันเช่นเดิม",
"สุกาฟ้ากษัตริย์อาหมก่อตั้งอาณาจักรอาหม โดยมีราชธานีที่ชารายเทโว",
"ชาวไทอาหมเป็นพวกที่รู้หนังสือ จึงมีตำนานพงศาวดารเป็นของตนเอง ตำนานเล่มนี้เรียกว่าบุราณจี (Ahom Buranji อ่านว่า อาหม บุราณจี ) เป็นเอกสารที่ช่วยให้ศึกษาประวัติศาสตร์ของไทอาหมได้ดี และส่วนใหญ่บุราณจีนั้นจะเขียนด้วยภาษา และอักษรอาหม ซึ่งคาดว่าชาวอาหมอ่านไม่ออกตั้งแต่ 200-400 ปีที่แล้ว ในพงศาวดารนี้ก็จะมีเรื่องเกี่ยวกับนิยายการสร้างโลก ประวัติต้นตระกูลกษัตริย์อาหม ประเพณี และวัฒนธรรม รวมไปถึงพระราชประวัติของกษัตริย์อาหมในแต่ละพระองค์",
"สามเจ้าผู้พรอง (\"พรอง\" แปลว่า \"ปกครอง\") เป็นตำแหน่งขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของอาณาจักรอาหม มีทั้งหมดสามตำแหน่งจึงเรียกกันว่า \"สามเจ้าผู้พรอง\" เรียงตามลำดับดังนี้สามเจ้าผู้พรองจะผูกขาดอยู่แต่ในบุคคลตระกูลเดียวกันตามปกติตำแหน่งนี้สืบจากบิดาจนถึงบุตร แต่กษัตริย์ก็ทรงมีสิทธิที่จะเลือกสมาชิกคนหนึ่งคนใดในตระกูลนั้นแทนก็ได้หรืออาจจะปลดขุนนางออกก็ทรงทำได้ แต่เดิมเมื่อก่อตั้งอาณาจักรอาหมเจ้าหลวงเสือก่าฟ้าทรงสถาปนาตำแหน่งนายทหารชั้นผู้ใหญ่สองตำแหน่ง คือ \"เถ้าเมืองหลวง\" และ\"เจ้าพรองเมือง\" แต่ในรัชสมัยของเจ้าฟ้าเสือห่มเมือง ได้แต่งตั้งตำแหน่ง \"เจ้าสึงหลวง\" ขึ้นอีกหนึ่งตำแหน่ง ซึ่งผู้ที่ได้รับตำแหน่งคนแรกก็คืออนุชาต่างชนนีของพระองค์เอง แต่ภายหลังตำแหน่งดังกล่าวตกไปอยู่กับบุคคลที่มิใช่ชาวอาหม",
"ราชวงศ์อาหม (ค.ศ. 1228-1826) ปกครองอาณาจักรอาหม ซึ่งปัจจุบันอยู่ในอัสลัมมาเป็นเวลาเกือบ 600 ปี ราชวงศ์อาหมก่อตั้งขึ้นโดยเจ้าหลวงเสือก่าฟ้า โดยทรงอพยพออกจากเมืองมาวหลวง จนกระทั่งสิ้นสุดลงหลังจากการรุกรานอัสลัมของพม่าและการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอังกฤษโดยบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ หลังจากสนธิสัญญายันดาโบ ในปี ค.ศ. 1826",
"ภายหลังการต่อต้านการรุกรานของพวกโมฮัมหมัด อย่างทรหด ก็ได้เกิดการขัดแย้งภายในเอง ข้างต้นเริ่มยุ่งยากกับหมู่ชนต่างๆ และการแตกสามัคคีกันภายใน จนต้องขออาศัยการช่วยเหลือจากสหราชอาณาจักรที่มาปกครองอินเดีย สหราชอาณาจักรไม่อยากเกี่ยวข้องกับอาณาจักรอาหม พยายามให้อาหมแก้ปัญหาด้วยตนเองโดยสหราชอาณาจักรไม่ต้องไปเกี่ยวข้อง แต่อาหมก็ขอร้องให้สหราชอาณาจักรมาแทรกแซงอยู่เรื่อยมา",
"นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งสมาคมวรรณกรรมไทตะวันออก (Eastern Tai Literary Association) ที่เมืองกูวาฮาติ โดยสมคมมุ่งมั่นปฏิบัติให้พัฒนาการเรียน เขียนอ่านภาษาอาหม พร้อมกันนี้ให้สนับสนุนให้ค้นคว้าศึกษาเอกสารโบราณของชาวอาหมอย่างจริงจัง การฟื้นฟูภาษาอาหมนั้นอาศัยสัทวิทยาของภาษาพี่น้อง เช่น ภาษาอ่ายตน และภาษาพ่าเก โดยภาษาดังกล่าวจะถูกเรียกว่า ภาษาไทในอัสสัม เนื่องจากประกอบไปด้วยคำไททุกกลุ่มในรัฐอัสสัม หากการฟื้นฟูดังกล่าวได้ผลภาษาเขียนในรัฐอัสสัมจะใช้อักษรอาหมเป็นหลักแทนอักษรไทอื่นๆ ในรัฐอัสสัม โดยอาศัยพื้นฐานภาษาอ่ายตนในรัฐอัสสัม เนื่องจากใกล้เคียงกับภาษาอาหมมากที่สุด ชาวอาหมอาจอาศัยชาวอ่ายตนในการรื้อฟื้นภาษา",
"เจ้หุง เริ่มต้นเป็นราชธานีของอาณาจักรอาหม ในรัชสมัยของเจ้าเสือกลืนเมืองฟ้า",
"ฉัตรทิพย์ นาถสุภา และเรณู วิชาศิลป์. การศึกษาประวัติศาสตร์ไทอาหม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ:สร้างสรรค์, 2552 ISBN 978-974-9936-15-3",
"เจ้าหลวงเสือก่าฟ้า ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรอาหม สันนิษฐานกันว่า พระองค์เป็นเจ้าองค์หนึ่งในเมืองมาวหลวง ซึ่งก่อตั้งโดยกษัตริย์พระนามว่า ขุนลุง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพระองค์ เสือก่าฟ้าได้เกิดความขัดแย้งกับญาติพี่น้อง และในที่สุดจึงได้นำสมบัติประจำราชวงศ์ซึ่งเป็นเทวรูปนาม สมเทวะ อพยพออกมาจากมาวหลวง",
"อาหมเป็นไทพวกเดียวกับไทใหญ่ เมื่อแรกเข้าไป ได้ตั้งภูมิลำเนาลงที่ นามรูป และได้พบชนเจ้าของถิ่นสองข้างข้างหนึ่งคือ ชุติยะซึ่งครองทางตะวันออกของแม่น้ำสุพรรณสิริ อีกข้างหนึ่งมาจากโมราน ยึดครองพื้นที่แม่น้ำทิขุ และแม่น้ำทิหิง พวกอาหมต้องพิพาทกับพวกโมราน และราว พ.ศ. 1779 อาหมจึงตั้งเมืองหลวงที่อภัยปุระ ต่อมาอีก 20 ปีก็ขยายตัวออกไปตั้งเมืองใหม่ชื่อ เมืองเจ้รายดอย เป็นเมืองหลวงแรกแห่งอาณาจักรอาหม เมื่อย้ายเมืองหลวงไปที่อื่น ก็ยังให้ความสำคัญแก่เมืองเจ้รายดอย พระศพของกษัตริย์จะถูกฝังที่เมืองนี้ เวลาอาหมรบชนะ ก็จะตัดหัวของข้าศึกมาฝังที่เจ้รายดอย",
"จากข้อเขียนของฟาติยะ อิบริยา ซึ่งติดตามไปกับกองทัพอิสลามเขียนบรรยายราชธานีครหคาออน ไว้ดังนี้",
"ปุรันทาร สิงห์ (Purandar Singha) เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของอาณาจักรอาหม ครองราชย์ครั้งแรก พ.ศ. 2361 - 2362 ครองราชย์ครั้งที่สองภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2377 - 2382 ภายหลังพระองค์ได้ถูกถอดออกจากตำแหน่งโดยมีผู้แทนจากเจ้าอาณานิคมขึ้นมาปกครองแทน",
"อรุณาจัลประเทศมีความหมายว่า ดินแดนอาทิตย์อุทัย เนื่องจากตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของประเทศอินเดีย ประชากรส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าที่พูดตระกูลภาษาย่อยทิเบต-พม่า เป็นเชื้อสายชาวทิเบต ชาวไท และชาวพม่า โดยมีประชากรร้อยละ 16 เป็นผู้อพยพ เป็นรัฐที่มีชื่อเสียงทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพ มีงานศิลปหัตถกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ \nแต่เดิมอรุณาจัลประเทศเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนอัสสัม เมื่อชาวไทใหญ่จากรัฐฉานเข้ามารุกรานดินแดนลุ่มแม่น้ำพรหมบุตรจากทางเหนือ ดินแดนเดิมในบริเวณนี้จากตะวันออกไปตะวันตกได้แก่ อาณาจักรจุติยะ เป็นของชาวเขาผสมไทใหญ่ อาณาจักรกจารี อาณาจักรภุยยา และอาณาจักรกามรูปซึ่งเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ มีอาณาเขตไปถึงเบงกอลตะวันออก ชาวไทอาหมซึ่งเป็นชาวไทใหญ่กลุ่มหนึ่งสามารถเอาชนะอาณาจักรเหล่านี้ได้ และสร้างงอาณาจักรอัสสัมขึ้น",
"Coordinates: หมวดหมู่:ไทอาหม หมวดหมู่:อาณาจักรอาหม หมวดหมู่:อาณาจักรโบราณ หมวดหมู่:รัฐสิ้นสภาพในทวีปเอเชีย หมวดหมู่:รัฐอัสสัม",
"มีการฟื้นฟูภาษาอาหมโดยขบวนการฟื้นฟูภาษาวัฒนธรรมอาหม โดยมีการตั้งโรงเรียนภาษาไทขึ้นที่หมู่บ้านปัตซากุ เมืองศิวสาคร เมื่อ ดร. บรรจบ พันธุเมธา นักนิรุกติศาสตร์ชาวไทย ได้เดินทางไปยังหมู่บ้านดังกล่าวในปี ค.ศ. 1955 โรงเรียนดังกล่าวก็ได้ล้มเลิกการสอนไปแล้ว เนื่องจากขาดผู้สอน ในช่วงที่ผ่านมาชนชั้นพระโดยเฉพาะท่านทัมพารุธาร เทวไธ ผู้การ (Dambarudhar Deodhai Phukan, 1912-1993) หมออาวุโสแห่งหมู่บ้านปัตซากุได้เสนอให้ชาวอาหมก่อตั้งสมาคมฟื้นฟูวัฒนธรรมไทขึ้นมา ชื่อ วันออกพับลิกเมืองไท (Ban Ok Pop Lik Mioung Tai) ที่เมืองเธมชี (Dhemaji) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1981 โดยสมาคมได้รื้อฟื้นโรงเรียนภาษาไทที่บ้านปัตซากุ และอีก 350 หมู่บ้านทั่วรัฐอัสสัม มีการผลักดันให้รัฐอัสสัมเริ่มให้การศึกษาภาษาไทระดับประถมศึกษา โดยมีการจ้างครูผู้สอนภาษาไทจำนวน 200 คน เริ่มในปี ค.ศ. 1993 ที่เมืองเธมชี โดยมีปัญญาชนอาหมคนหนึ่งชื่อ เสือดอยฟ้า เถ้าเมือง (Nagen Bargohain) ได้รวบรวมทำตำราภาษาอาหมเล่มหนึ่งเพื่อใช้เป็นบทเรียน โดยสมาคมดังกล่าวได้ออกสิ่งพิมพ์และหนังสือทางวัฒนธรรมวิชาการอย่างสม่ำเสมอ แต่จุดหมายระยะยาวขององค์กรคือการจัดตั้งรัฐอาหม หรือเมืองนุนสุนคำขึ้นใหม่โดยยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย รวมทั้งมีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย, รัฐฉานในพม่า และเขตปกครองตนเองเต๋อหงของจีน",
"อาณาจักรอาหมที่ตั้งขึ้นครั้งแรก เป็นอาณาจักรเล็ก เพราะเป็นเรื่องที่อพยพกันไป ซึ่งเวลาอพยพนั้น ตำนานให้ตัวเลขเพียง 9,000 คน รวมผู้หญิงและเด็ก ซึ่งคาดได้ว่าอีก 38 ปีภายหลัง จำนวนประชากรทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นจากผู้อพยพเดิม ก็ยังคงไม่ถึง 20,000 คน",
"เจ้รายดอย () เป็นราชธานีแห่งแรกของอาณาจักรอาหม แต่เดิมราชธานีเจ้รายดอยมีชื่อเดิมว่า \"อภัยปุระ\" ส่วนชื่อ \"เจ้รายดอย\" ซึ่งนามของเมืองมีความหมายตามภาษาอาหม มีความหมายว่า \"เมืองที่เรียงรายอยู่บนเขา\" และภายหลังได้ออกเสียงเพี้ยนเรียกชื่อเมืองดังกล่าวว่า \"จรวยเทพ\" (Charaideo)"
] |
ประธานาธิบดีของประเทศสหรัฐอเมริกาคนแรกชื่ออะไร ? | [
"จอมพล จอร์จ วอชิงตัน (English: George Washington, 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1732 [วันที่แบบเก่า: 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1731][1][2][3] – 14 ธันวาคม ค.ศ. 1799) เป็นผู้นำทางทหารและการเมืองที่โดดเด่นของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่งก่อตั้งขึ้น ระหว่าง ค.ศ. 1775 ถึง 1799 เขานำสหรัฐจนได้รับชัยชนะเหนือบริเตนใหญ่ในสงครามปฏิวัติอเมริกัน ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพภาคพื้นทวีปใน ค.ศ.1775-1783 และรับผิดชอบการร่างรัฐธรรมนูญใน ค.ศ. 1787 เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกา ดำรงตำแหน่ง ค.ศ. 1789-1797[4][5][6] วอชิงตันเป็นผู้นำการสร้างรัฐบาลแห่งชาติที่เข้มแข็งและมีการคลังที่ดี ซึ่งวางตนเป็นกลางในสงครามที่ปะทุขึ้นในยุโรป ปราบปรามกบฏและได้รับการยอมรับจากชนอเมริกันทุกประเภท รูปแบบความเป็นผู้นำของเขาได้กลายมาเป็นระเบียบพิธีของรัฐบาลซึ่งปฏิบัติสืบต่อกันมานับแต่นั้น อาทิ การใช้ระบบคณะรัฐมนตรีและการปราศรัยในโอกาสเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ วอชิงตันได้รับการยกย่องทั่วไปว่าเป็น \"บิดาแห่งประเทศของเขา\" ด้วย[7][8]"
] | [
"การทำสำมะโนของสหรัฐอเมริกาจะนับผู้อยู่อาศัยส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้แก่พลเมือง ผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรที่ไม่ใช่พลเมือง และผู้มาเยือนระยะยาวที่ไม่ใช่พลเมือง พลเรือนและเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในต่างประเทศ รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชา จะถูกนับในรัฐที่เป็นภูมิลำเนา\nจำนวนผู้แทนในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาทั้งหมด 435 คนจะถูกจัดสรรสัดส่วนให้แต่ละรัฐโดยอิงตามข้อมูลจากการทำสำมะโนในระยะเวลาสิบปี กระนั้นแต่ละรัฐก็ถูกกำหนดให้ต้องมีผู้แทนอย่างน้อยหนึ่งคนไม่ว่าจะมีจำนวนประชาการเท่าใดก็ตาม การกำหนดจำนวนผู้แทนเช่นนี้อิงตามสัดส่วนของประชากรในแต่ละรัฐต่อจำนวนประชากรรวมในห้าสิบรัฐ (ไม่นับจำนวนประชากรในเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย เครือรัฐเปอร์โตริโก หรือเขตสังกัดอื่นๆ ของสหรัฐอเมริกา) ทุกสี่ปีคณะผู้เลือกตั้งจะเลือกประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ผู้แทนในคณะผู้เลือกตั้งจากแต่ละรัฐจะมีจำนวนเท่ากับจำนวนสมาชิกจากรัฐนั้นๆ ในสภาทั้งสองของรัฐสภา การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ยี่สิบสามได้กำหนดให้เขตปกครองพิเศษโคลัมเบียซึ่งแยกต่างหากจากรัฐใดๆ มีสิทธิลงคะแนนเสียงได้สามเสียง หรือกล่าวได้ว่า มีสิทธิออกเสียงในคณะผู้เลือกตั้งมากเท่ากับรัฐหนึ่ง แต่จะมีไม่เกินคะแนนเสียงของรัฐที่มีสิทธิออกเสียงน้อยที่สุด ซึ่งปัจจุบันคือสามเสียง (เช่น ไวโอมิง) ในคณะจะมีสมาชิกทั้งหมด 538 คน (เท่ากับสมาชิกวุฒิสภา 100 คน รวมกับผู้แทนราษฎร 435 คน และอีกสามคนจากเขตปกครองพิเศษโคลัมเบีย) รัฐที่มีประชากรมากที่สุด 11 อันดับแรกมีประชากรรวมกันเป็นร้อยละ 56 ของประชากรทั้งประเทศ จึงมีคะแนนเสียงข้างมากในคณะผู้เลือกตั้งและสามารถเลือกประธานาธิบดีได้",
"ในเนื้อเรื่องได้กล่าวถึงการเมืองในประเทศต่างๆ ทั้งในแง่ที่มีวิกฤตศรัทธาของประชาชนต่อการเมืองแบบเก่าๆ ประชาชนขาดความสนใจและการมีส่วนร่วมกับภาคการเมือง และกล่าวถึงการที่คนหน้าใหม่เข้ามาสู่วงการทางการเมืองและลงชิงชัยในตำแหน่งสำคัญๆ อาทิเช่น บารัก โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 2008 ซึ่งเปิดตัวด้วยสโลแกน \"Change\" เช่นเดียวกับชื่อเรื่อง ซึ่งมีภาพลักษณ์ในลักษณะเดียวกับตัวละครเอกในเรื่อง คือเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ และต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น",
"การเลือกเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2016 และพาราลิมปิก 2016 จัดขึ้นที่กรุงโคเปนเฮเกนประเทศเดนมาร์ก ในการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) สมัยที่ 121 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552 โดยในการประกาศเมืองเจ้าภาพในครั้งนี้มีประมุข ผู้นำประเทศ และบุคคลสำคัญจากประเทศที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพเข้าร่วมด้วย ได้แก่ สมเด็จพระราชาธิบดีควน การ์โลสที่ 1 และสมเด็จพระราชินีโซเฟีย องค์พระประมุขแห่งสเปน นายยุกิโอะ ฮะโตะยะมะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประธานาธิบดีบารัก โอบามาแห่งสหรัฐอเมริกา พร้อมนางมิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา และ นายลูอิซ อีนาซีโอ ลูลา ดา ซิลวา ประธานาธิบดีบราซิล นอกจากนี้ยังมีโอปราห์ วินฟรีย์พิธีกรชื่อดังของสหรัฐอเมริกา และเปเล่นักฟุตบอลชาวบราซิล การประกาศผลมีขึ้นในเวลาประมาณ 18.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 23.30 น. ตามเวลาประเทศไทย",
"เจอรัลด์ รูดอล์ฟ ฟอร์ด จูเนียร์ (ภาษาอังกฤษ: Gerald Rudolph Ford, Jr.) (14 กรกฎาคม ค.ศ. 1913 – 26 ธันวาคม ค.ศ. 2006) เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 38 ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1974 จนถึงวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 1977 และเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 40 ดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1973 จนถึงวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1974 เป็นรองประธานาธิบดีคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้ง ในช่วงที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาครั้งที่ 25 และขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ที่ลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1974 เจอรัลด์ ฟอร์ดเป็นประธานาธิบดีคนเดียวที่มาจากการแต่งตั้ง โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดี ฟอร์ดเป็นประธานาธิบดีที่มีอายุยืนที่สุดถึง 93 ปี",
"การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2551 (United States presidential election, 2008) มีกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 โดยจะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 56 ซึ่งเลือกตั้งทุก 4 ปี ในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังจะเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา จำนวน 435 คน และสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา อีก 34 คน (คิดเป็น 1 ใน 3 ของทั้งหมด) ไปพร้อม ๆ กัน",
"เจ้าชายมกุฎราชกุมารและเจ้าหญิงมกุฎราชกุมารีประทับอยู่ที่พระตำหนักในเขตพระราชฐานเมืองสเคากุม ที่เป็นของขวัญวันอภิเษกสมรสจากฟริตซ์ เวเดล ยาร์ลส์แบร์ก เมื่ออาคารใหญ่ของพระราชวังสเคากุมถูกไฟเผาทำลายในปี พ.ศ. 2473 เจ้าหญิงมาร์ธาทรงมีส่วนร่วมอย่างมากในการวางแผนสร้างอาคารหลังใหม่ ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสและธิดารวม 3 พระองค์คือเมื่อกองทัพเยอรมันบุกประเทศนอร์เวย์ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2483 พระราชวงศ์ รัฐบาลและสมาชิกส่วนมากของรัฐสภานอร์เวย์เตรียมการที่จะหลบหนีก่อนพวกทหารเยอรมันจะถึงกรุงออสโล เจ้าหญิงมาร์ธาและพระโอรสธิดาทั้งสามพระองค์ทรงข้ามชายแดนไปยังประเทศสวีเดนในคืนนั้น แต่กลับไม่เป็นที่ยอมรับของชาวสวีเดน บางคนเห็นว่าจะเป็นอันตรายต่อความเป็นกลางของประเทศ ในวันที่ 12 สิงหาคม ทุกพระองค์ได้เสด็จยังประเทศสหรัฐอเมริกาตามคำทูลเชิญของประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี รูสเวลท์ โดยในระยะแรกทรงประทับที่ทำเนียบขาว อันเป็นที่พำนักของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2479 ก่อนการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในทวีปยุโรป เจ้าหญิงได้เสด็จพร้อมกับเจ้าชายโอลาฟไปในภาคกลางตะวันตกตอนบนของประเทศสหรัฐอเมริกา และระหว่างการเสด็จเยือนทั้งสองพระองค์ทรงได้เจริญสัมพันธไมตรีของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาและภริยาคือ นางเอเลียนอร์ รูสเวลท์",
"ไอเซนฮาวร์ได้เพิ่มในส่วนของเครื่องยนต์ใบพัด 4 เครื่องให้เครื่องบินรุ่น และเปลี่ยนชื่อเครื่องบินใหม่เป็น Columbine II และ Columbine III โดยภริยาของไอเซนฮาวร์ ชื่อ ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ได้เพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ ลงในเครื่องบิน เช่น โทรศัพท์ เพื่อใช้ติดต่อกันระหว่างเครื่องบินและภาคพื้น, เครื่องรับส่งโทรเลข เป็นต้น และก่อนที่ไอเซนฮาวร์จะหมดวาระลงในปี 1958 เขายังได้นำเครื่องบิน โบอิง 707 เครื่องยนต์เจ็ตเข้าประจำการเป็น แอร์ฟอร์ซ ด้วยกันถึง 3 ลำ โดยใช้รุ่น วีซี-138เอส และได้รับการแต่งตั้งชื่อเป็น แซม970, แซม971 และแซม 972 (VC-137s designated SAM 970, 971, and 972) ไอเซนฮาวร์ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง และเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกที่ได้ใช้เครื่อง วีซี-137 (VC-137) โดยเที่ยวบิน Flight to Peace ใช้เวลาในการเดินทางนานถึง 19 วัน ในระหว่างวันที่ 3 ธันวาคม ถึง 22 ธันวาคม 1959 และได้ไปเยี่ยมประเทศในภูมิภาคเอเชียนถึง 11 ประเทศ ใช้ระยะทาง 22,000 ไมล์ หรือ 35,000 กิโลเมตร",
"แมเดลิน ยานา คอร์เบล อาลไบรต์ () หรือชื่อเกิดคือ มารี ยานา กอร์เบ-ลอวา () เป็นนักการเมืองและนักการทูตชาวอเมริกัน เป็นสตรีคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เธอถูกเสนอชื่อโดยประธานาธิบดี บิล คลินตัน ในวันที่ 5 ธันวาคม 1996 และได้รับการรับรองจากวุฒิสภาด้วยมติเอกฉันท์ 99–0 ต่อมาในปี 2012 เธอยังได้รับมอบเหรียญอิสรภาพประธานาธิบดีจากบารัก โอบามา และดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เธอยังสามารถพูดภาษาอังกฤษ, ฝรั่งเศส, รัสเซีย และ เช็ก ได้อย่างคล่องแคล่ว",
"ชื่อเครื่องบินที่ตั้งขึ้นเพื่อตำแหน่งของประธานาธิบดีชื่อแรกคือ ซี-87เอ วีไอพี ทรานสปอร์ต แอร์คราฟ ( VIP transport aircraft) โดยมีเลขทะเบียนเครื่อง คือ 41-24159 และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ในปี ค.ศ.1943 เพื่อใช้กัตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ชื่อ วีไอพี ทรานสปอร์ต (VIP Transport) และชื่อ เกรสส์ แวร์ ทู (Guess Where II) ได้จัดเตรียมไว้สำหรับ ประธานาธิบดีแฟรงกลิน เดลาโน โรสเวลต์ ในการเดินทางออกนอกประเทศ อย่างไรก็ตามหลังจากตรวจสอบเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ของเครื่องบิน ซี-87 หน่วยงาน หรือ () ได้ลงความเห็นว่า เครื่องบินรุ่นดังกล่าวไม่มีความปลอดภัยในการรับส่งประธานาธิบดีอีกต่อไป",
"เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ชื่อ นายกลิน ที. เดวีส์ ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยโดยประธานาธิบดีโอบามาเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2558 ได้รับการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม และเข้าสาบานตนเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2558 ต่อจาก นางคริสตี้ เคนเนย์ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยในปี พ.ศ. 2553-2558 ",
"เมืองก่อตั้งในปี ค.ศ. 1822 ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เจมส์ มอนโร ผู้สนับสนุนคนสำคัญในการก่อตั้งของไลบีเรีย นอกเหนือจากวอชิงตันดีซีแล้ว เมืองนี้ก็ถือเป็นเมืองหลวงเมืองเดียวที่ตั้งชื่อตามประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เมืองมอนโรเวียก่อตั้งหลังเมือง ฟรีทาวน์ ประเทศเซียร์ราลีโอน 30 ปี เป็นรกรากแห่งแรกของชาวแอฟริกันอเมริกัน ในแอฟริกา ท่าเรือของมอนโรเวียขยับขยายอย่างมากโดยกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง สินค้าส่งออกหลักคือ น้ำยางและแร่เหล็ก ยังมีผลผลิตที่ผลิตในสถานที่ อย่างเช่น ปูนซีเมนต์ การกลั่นปิโตรเลียม ผลิตอาหาร อิฐและกระเบื้อง เฟอร์นิเจอร์และเคมีภัณฑ์",
"ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง อเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน, หนึ่งในคณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนแรกของประเทศสหรัฐอเมริกา ธีโอดอร์ รูสเวลต์, ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและผู้ได้รับรางวัลโนเบล, ปริญญาโทสาขานิติศาสตร์ แฟรงกลิน รูสเวลต์, ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา, ปริญญาโทสาขานิติศาสตร์ รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก, ตุลาการสมทบในศาลสูงสุดแห่งสหรัฐอเมริกา, ผู้พิพากษาหญิงคนที่สองในสหรัฐ, ปริญญาโทสาขานิติศาสตร์ วอร์เรน บัฟเฟตต์, ซีอีโอของ Berkshire Hathaway และหนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกจากนิตยสารฟอบส์, ปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ บารัก โอบามา, ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและผู้ได้รับรางวัลโนเบล, ปริญญาตรีมหาวิทยาลัยโคลัมเบียปี 1983 เอกวิชาความสัมพันธ์ระหว่าประเทศ",
"ลงสนามการเมืองได้เป็นวุฒิสมาชิกรัฐบ้านเกิด จากนั้นเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ค.ศ. 1960 สหรัฐอเมริกาได้ประธานาธิบดีที่หนุ่มที่สุดเพียง 43 ปี และเป็นคริสต์คนแรกที่ดำรงตำแหน่งยิ่งใหญ่นี้ เจเอฟเคบริหารประเทศด้วยพลังหนุ่ม (เป็นคำหนึ่งที่เขาชอบมาก) และมองโลกในแง่ดี เคเนดี้เป็นผู้จัดตั้ง องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา หรือยูเสด เพื่อให้การสนับสนุนประเทศประชาธิปไตยในการป้องกันลัทธิคอมมิวนิสต์",
"อับราฮัม เจ. ซิมป์สัน () หรือแกรมปา ซิมป์สัน (Grampa Simpson) มีชื่อเล่นว่า Abe (เอ๊บ) เป็นตัวการ์ตูนในการ์ตูนชุด ทางโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาเรื่อง เดอะซิมป์สันส์ โดยอับราฮัมเป็นพ่อของโฮเมอร์ ซิมป์สัน บุคลิคของอับราฮัมคือเป็นตาแก่ขี้ลืม ชอบประชดลูกที่บ่นตัวเอง และชอบงีบหลับ ขณะนี้พักอาศัยอยู่ที่บ้านพักคนชราสปริงฟิลด์ (Springfield Retirement Castle) โดยมาเยี่ยมที่บ้านซิมป์สันส์บ่อยๆ\nอับราฮัม ซิมป์สัน เป็นตัวละครที่ใช้ชื่อมาจาก อับราฮัม ลิงคอล์น ซึ่งบ้านเกิดอยู่ในเมืองสปริงฟิลด์ในรัฐอิลลินอยส์ และเป็นประธานาธิบดีคนสำคัญคนหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา",
"ในปีค.ศ. 1890 การเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญได้มีการเรียกและจัดขึ้น แต่คำสั่งของรัฐบาลเฉพาะกาลที่กำหนดให้สภาคองเกรสต้องใช้รัฐธรรมนูญที่สอดคล้องกับระบบสาธารณรัฐของรัฐบาลที่ประกาศล่าสุด และจัดให้มีการประกาศโดยเร็วไวโดยสหพันธรัฐ ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1891 รัฐธรรมนูญบราซิลฉบับใหม่ร่างเสร็จ โดยอาศัยพื้นฐานจากสหรัฐอเมริกา เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐแห่งสหพันธรัฐบราซิล \nตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจะได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนลงคะแนนเสียง แต่สำหรับประธานาธิบดีคนแรกในสมัยแรก ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีจะได้รับการคัดเลือกจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ; สภาร่างรัฐธรรมนูญได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนแรกและรองประธานาธิบดีทันทีหลังจากที่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ",
"ช่วงที่นิกสันเป็นรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
เขาได้เดินทางไปสหภาพโซเวียตเพื่อเข้าพบนิกิตา ครุสชอฟผู้นำของโซเวียต โดยทั้งสองประเทศพยายามลดความตึงเครียดและความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ปีค.ศ. 1960 เขาได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคริพับลิกันเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่ 35 หากทว่าต้องพ่ายแพ้ให้กับจอห์น เอฟ. เคนเนดี ตัวแทนจากพรรคพรรคเดโมแครต (สหรัฐอเมริกา) นิกสันทำอาชีพทนายความอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปีค.ศ. 1968 และครั้งนี้เขาได้ก็ได้รับชัยชนะเป็นประธานาธิบดีคนที่ 37 ของสหรัฐอเมริกา",
"วิลเลียม เฮนรี แฮร์ริสัน () (9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1773 - 4 เมษายน ค.ศ. 1841) เป็นทหารอเมริกัน นักการเมือง และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 9 และเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่ถึงแก่อสัญกรรมในขณะที่ยังคงอยู่ในตำแหน่ง เป็นประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดที่ได้รับเลือกตั้ง จนกระทั่งมาถึงประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน เมื่อ ค.ศ. 1980 และเป็นประธานาธิบดีคนสุดท้ายที่เกิดก่อนสงครามประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา แฮริสันถึงแก่อสัญกรรมในหลังจากที่เป็นประธานาธิบดีเพียง 32 วัน และเป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่งระยะเวลาสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมอย่างกะทันหัน",
"จอห์น ฟอบส์ เคร์รี () เป็นนักการเมืองชาวอเมริกันผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาคนที่ 66, อดีตสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาจากรัฐแมสซาชูเซตส์ โดยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของวุฒิสภา นอกจากนี้ เขายังเคยเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 43 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2547 อีกด้วย ซึ่งเขาก็พ่ายแพ้แก่ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช",
"หลังจากหมดวาระของนายเอดูอาร์โด้อีกหนึ่งสมัย ประเทศชิลีได้มีการจัดการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่งในปี 1970 โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 ผู้สมัครคนสำคัญคือนายอเลสซานดิ ผู้ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและนายอัลเยนเด้ ในการเลือกตั้งครั้งนี้สหรัฐอเมริกาไม่ได้ทุ่มเทงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้สมัครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ทุ่มเทงบประมาณเพื่อโจมตีนายอัลเยนเด้ อย่างไรก็ตามในครั้งนี้การกระทำของ CIA และสหรัฐอเมริกาไม่เป็นผลสำเร็จ นายซัลวาดอร์ อัลเยนเด้ชนะการเลือกตั้งขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีฝ่ายซ้ายคนแรกของลาตินอเมริกาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แม้ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นที่ประจักษ์แล้ว แต่ทางสหรัฐอเมริกามีท่าทีไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งโดยใช้บทความต่างๆเพื่อโจมตีนายซัลวาดอร์ อัลเยนเด้ เมื่อสหรัฐอเมริการู้ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่สำเร็จแล้วจึงส่งคนไปลักพาตัวผู้บัญชาการทหารสูงสุดของชิลีคือนายพลชไนเดอร์ เพื่อเจรจาให้นายพลชไนเดอร์ร่วมมือกับรัฐประหาร อย่างไรก็ตามนายพลชไนเดอร์ ผู้ซึ่งปฏิญาณตนปกป้องรัฐธรรมนูญ ได้ยิงต่อสู้กับกลุ่มคนที่จะทำการลักพาตัว ท้ายที่สุดในพลชไนเดอร์เสียชีวิต การเสียชีวิตของนายพลชไนเดอร์ในครั้งนี้ส่งผลให้กองทัพและประชาชนสนับสนุนเขามากขึ้น และอัลเยนเด้ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีของชิลี",
"อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ () เป็นประติมากรรมแกะสลักบนหน้าผาของภูเขาหินแกรนิต ชื่อเขารัชมอร์ (ชื่อในภาษาลาโกต้า ซู แปลว่า : ปู่หกคน ) ใกล้เมื่องคีย์สโตน, รัฐเซาท์ดาโกต้า, ประเทศสหรัฐอเมริกา แกะสลักโดยชาวเดนมาร์ก-อเมริกันชื่อ Gutzon Borglum และลูกชายของเขาชื่อ ลินคอล์น Borglum ประติมากรรมเป็นใบหน้าของอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาสูง 60 ฟุต (18 เมตร) 4 ท่าน ได้แก่ จอร์จ วอชิงตัน (1732-1799), โทมัส เจฟเฟอร์สัน (1743-1826) ทีโอดอร์ รูสเวล (1858-1919) และ อับราฮัม ลินคอล์น (1809-1865) . อนุสรณ์สถาน ทั้งหมดครอบคลุมพื้นที่ 1,278.45 เอเคอร์ (5.17 ตารางกิโลเมตร) และอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 5,725 ฟุต (1,745 เมตร)",
"จอห์น แอดัมส์ () เป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นบิดาของประธานาธิบดีคนที่ 6 ของสหรัฐอเมริกา จอห์น ควินซี แอดัมส์ จอห์นเกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1735 [วันที่แบบเก่า: 19 ตุลาคม ค.ศ. 1735] เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1797 ลงจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1801 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1826 เขาถือว่าเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในกลุ่มบิดาผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ",
"บุชได้รับเลือกตังให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 41 เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2532 เขาดำรงตำแหน่งต่อจากโรนัลด์ เรแกน เขาก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีในขณะที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลง เช่น การทำลายของกำแพงเบอร์ลิน การล่มสลายของสหภาพโซเวียต เขาได้สั่งให้ทหารเริ่มเคลื่อนไหวในประเทศปานามาและอ่าวเปอร์เซีย และเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง ก็ทำให้เศรษฐกิจในประเทศย่ำแย่ลง และทำให้ต้องยกเลิกคำพูดที่ให้ไว้ว่าจะไม่มีภาษีใหม่ และก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2535",
"ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ประธานาธิบดีคนที่ 34 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง แฟรงกลิน รูสเวลต์ ประธานาธิบดีคนที่ 32 ของสหรัฐอเมริกา และเป็นประธานาธิบดีอสหรัฐเมริกาที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด(4สมัย) แนวคิดของเขายังก่อให้เกิดองค์กรระหว่างประเทศ คือ สหประชาชาติ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ประธานาธิบดีคนที่ 26 ของสหรัฐอเมริกา และได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ บารัก โอบามา ประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกา วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักธุรกิจและซีอีโอ เป็นบุคคลที่รวยที่สุดเป็นอันดับสามในปี 2554 และบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ซามูเอล ร็อบสัน วอลตัน ทายาทผู้ก่อตั้งห้าง Walmart เจมส์ กอร์แมน CEO ของบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ที่ให้บริการทางการเงินระดับโลก บิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีของนครนิวยอร์กสมัยปัจจุบัน อีริค การ์เซ็ตติ นายกเทศมนตรีของนครลอสแอนเจลิสสมัยปัจจุบัน เจมส์ แฟรนโก นักแสดงชาวอเมริกัน ผู้กำกับ นักเขียนบทภาพยนตร์ ผู้สร้างภาพยนตร์ และศิลปิน โจเซฟ กอร์ดอน-เลวิตต์ นักแสดงชาวอเมริกัน ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และนักเขียน แมกกี จิลเลนฮอล นักแสดงชาวอเมริกัน เจค จิลเลินฮาล นักแสดงชาวอเมริกัน จูเลีย สไตลส์ นักแสดงชาวอเมริกัน",
"เจมส์ แมดิสัน () เป็นประธานาธิบดีคนที่ 4 แห่งสหรัฐอเมริกา เกิดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1751 และเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1809 โดยเข้ารับตำแหน่งต่อจากโธมัส เจฟเฟอร์สัน ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ค.ศ. 1817 ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1836 และยังเป็นหนึ่งในคณะผู้ก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกา",
"ฮิลลารี ไดแอน ร็อดแดม คลินตัน () เกิดวันที่ 26 ตุลาคม ค.ศ. 1947 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา คนที่ 67 ในรัฐบาลประธานาธิบดีบารัก โอบามา อดีตสมาชิกวุฒิสภาจากรัฐนิวยอร์กในระหว่างปี ค.ศ. 2001 - 2009 และ อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 ฮิลลารีเป็นภริยาบิล คลินตัน ประธานาธิบดีคนที่ 42 แห่งสหรัฐอเมริกา เธอจึงเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ระหว่างปี ค.ศ. 1993 - 2001 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2008 เธอเคยลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย แต่พ่ายแพ้ให้บารัก โอบามา ในครั้งนั้น ต่อมาในปี ค.ศ. 2016 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2016 เธอได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต และช่วงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับดอนัลด์ ทรัมป์ นักธุรกิจจากรัฐนิวยอร์ก นับเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้เป็นตัวแทนพรรคการเมืองหลักในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา",
"มาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2437 แซนฟอร์ด บี. โดล เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐ นอกจากนี้เขายังเป็นประธานาธิบดีเพียงคนเดียวของประเทศก่อนที่จะถูกผนวกเข้าเป็นดินแดนของสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2443 และโดลกลายเป็นผู้ว่าการคนแรก",
"ในอดีต บทบาททางการเมืองของสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) มักจะถูกครอบงำโดยพรรคก๊กมินตั๋ง เนื่องจากพรรคก๊กมินตั๋งมีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการศึกษาในเกาะไต้หวัน ทำให้ชนะการเลือกตั้งแทบทุกครั้ง พรรคฝ่ายค้านในไต้หวันแทบไม่มีบทบาทใดๆ จนถึงการเลือกตั้งในปี 2529 ประเด็นในเรื่องของอัตลักษณ์ไต้หวันและทวงความเป็นธรรมในเหตุการณ์ 228 ทำให้พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ที่มีนโยบายเสรีนิยมชูการแยกตัวเป็นอิสระได้มีการสนับสนุนอย่างเป็นวงกว้าง กลายเป็นฝ่ายค้านที่มีบทบาททางการเมืองสามารถแย่งชิงอำนาจกับพรรคก๊กมินตั๋งได้ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวันในปี 2000 ผู้สมัครของพรรคเฉิน ฉุ่ยเปี่ยนได้คะแนนเสียงข้างมากเอาชนะพรรคก๊กมินตั๋งกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่มาจากฝ่ายค้าน ในยุคของประธานาธิบดีเฉิน ไต้หวันดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกาและดำเนินการจัดซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา และดำเนินนโยบายที่สนับสนุนเอกราชของไต้หวัน เช่น สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหประชาชาติโดยใช้ชื่อ \"ประเทศไต้หวัน\" หลีกเลี่ยงใช้คำว่า \"สาธารณรัฐจีน\"ตามแบบพรรคก๊กมินตั๋ง",
"แนนซี เดวิส เรแกน (ชื่อเดิม แอนน์ ฟรานเชส รอบบินส์; 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 – 6 มีนาคม พ.ศ. 2559) เป็นภริยาของประธานาธิบดีคนที่ 40 แห่งสหรัฐอเมริกา คือ ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน และเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว",
"ด้วยผลตามมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา ที่มาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 12 ผู้ที่ชนะคะแนนเสียงข้างมากของอิเล็กทอรัลโหวตในการเลือกตั้งประธานาธิบดี จะขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐอเมริกา แต่ต้องมีคะแนนเสียงขั้นไม่ต่ำกว่า 270 เสียงอิเล็กทอรัลโหวตจึงจะถือว่าเป็นเสียงข้างมาก ถ้าไม่มีผู้สมัครคนไหนได้เสียงข้างมาก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเป็นผู้โหวตเลือกประธานาธิบดี โดยแต่ละรัฐจะมีคะแนนเสียง 1 คะแนน เช่นเดียวกัน ผู้ที่ชนะคะแนนเสียงข้างมากของอิเล็คทอรัลโหวตในการเลือกตั้งรองประธานาธิบดี จะขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ถ้าไม่มีผู้สมัครคนไหนได้เสียงข้างมาก สมาชิกวุฒิสภาจะเป็นผู้โหวตเลือกรองประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกามีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นเพียง 2 ครั้งเท่านั้น คือในปี พ.ศ. 2368 และ พ.ศ. 2380",
"สุภาพสตรีหมายเลขสอง 14 คน ได้ดำรงตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งพร้อมกับสามีที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี คนแรกคือ แอบิเกล แอดัมส์ ซึ่งสมรสกับ จอห์น แอดัมส์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกในปี 1789 ถึง 1797 และ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 2 ในปี 1797 ถึง 1801 ส่วนคนล่าสุดคือ บาร์บารา บุช ผู้ซึ่งสมรสกับ จอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 43 ในปี 1981-1989 และ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 41 ในปี 1989 ถึง 1993"
] |
วิจารณญาณ หมายถึงอะไร ? | [
"วิจารณญาณ (อ่านว่า วิจาระนะยาน) หมายถึงปัญญาที่สามารถรู้หรือให้เหตุผลที่ถูกต้อง ปัญญาสามารถในการพิจารณาจัดแจง วางแผน สืบสวน แสวงหา ไตร่ตรองเหตุผล เรียกว่า วิจารณปัญญา ก็มี"
] | [
"การที่จะมีฟาวล์หรือไม่อยู่วิจารณญาณของกรรมการผู้ตัดสิน ว่าผู้เล่นเกิดการได้เปรียบในการเล่นอย่างขาวสะอาดหรือไม่ ทำให้บางครั้งมีความเห็นขัดแย้งกับการเรียกฟาวล์ของกรรมการ การกระทบกระทั่งในกีฬาบาสเกตบอลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และการเรียกฟาวล์อาจแตกต่างกันในแต่ละเกม ลีก หรือแม้กระทั่งกรรมการตัดสินแต่ละคน",
"การมีความเปิดระดับสูงเป็นลักษณะของความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบจิตเภท (คือความคิดที่แปลกและไม่สมบูรณ์) แบบหลงตัวเอง (คือ การประเมินตัวเองมากเกินไป) และแบบระแวง (คือไวต่อความเป็นปฏิปักษ์ของบุคคลอื่น) ส่วนการขาดวิจารณญาณ (ซึ่งแสดงความเปิดรับประสบการณ์ในระดับต่ำ) เป็นลักษณะของความผิดปกติทางบุคลิกภาพทั้งหมด ซึ่งก็จะสามารถอธิบายความคงทนของรูปแบบพฤติกรรมที่ปรับตัวได้ไม่ดีของคนผิดปกติ[81]",
"กระแสตอบรับรายการคนอวดผีได้รับคำชื่นชมเป็นอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็ถูกวิจารณ์จากบริการเครือข่ายสังคม เช่น เฟซบุ๊ก เพราะเรื่องราวของความเชื่อย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วยและเห็นต่าง ทางรายการก็ได้พยายามนำเสนอให้เป็นกลาง และเปิดโอกาสให้คุณผู้ชมใช้วิจารณญาณในการรับชมรูปแบบรายการจะแบ่งออกเป็น 5 ช่วง ซึ่งแต่ละช่วงก็จะมีความน่ากลัวที่แตกต่างกัน ดังนี้",
"นอกจากนี้ในแต่ละปีจะมีบุคลากรภายนอกสถานศึกษามาศึกษาดูงานในกิจกรรมวันดอกเอื้องบาน เช่น ผู้ปกครอง คณะครู-นักเรียนจากโรงเรียนประถมศึกษาหรือมัธยมศึกษาในเขตพื้นที่เดียวกัน เป็นการฝึกให้นักเรียนมีทักษะความกล้าแสดงออก มีวิจารณญาณสุขุมรอบคอบ และฝึกมารยาทที่ดี",
"พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548",
"วิจารณญาณสำคัญอย่างที่สอง คือ อนุกรมสลับ 1 − 2 + 3 − 4 + · · · เป็นการกระจายอนุกรมกำลังรูปนัยของฟังก์ชัน 1/(1 + \"x\") โดย 1 เข้าแทนที่ \"x\" ดังนั้น รามานุจันเขียนว่า \nหารด้วย −3 ทั้งสองข้าง จะได้ว่า \"c\" = −1/12",
"การทดลองเป็นวิธีดำเนินการอย่างมีระเบียบเพื่อพิสูจน์ยืนยัน หักล้างหรือสร้างความสมเหตุสมผลของสมมุติฐาน การทดลองที่มีการควบคุมทำให้ได้วิจารณญาณในเหตุภาพโดยการแสดงว่าผลลัพธ์ใดจะเกิดขึ้นหากเปลี่ยนแปลงปัจจัยหนึ่ง ๆ การทดลองที่มีการควบคุมแปรผันอย่างมากตามเป้าหมายและขนาด แต่ล้วนอาศัยวิธีดำเนินการที่ทำซ้ำได้และการวิเคราะห์ผลลัพธ์เชิงตรรกะเสมอ",
"มีนักวิชาการให้ความหมายของคำว่า Knowledge Workers ว่ากลุ่มคนซึ่งเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร โดยแปลงและประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็นข้อมูลข่าวสารใหม่ ซึ่งจะนำไปใช้ในการค้นหาและแก้ปัญหาขององค์กร เพิ่มผลประโยชน์ให้กับองค์กร พวกเขาสร้างความร่วมมือและทำงานร่วมกับคนอื่น เรียนรู้จากผู้อื่น พร้อมที่จะเสี่ยงและเรียนรู้จากความผิดพลาด ไม่ใช่แค่เพียงแต่จ้องจะวิพากษ์วิจารณ์จับผิดผู้อื่น กล่าวโดยสรุป Knowledge Workers ก็คือคนที่แก้ปัญหา ใช้สติปัญญาไม่ใช่งานแรงงานหรือธุรการงานประจำ พวกเขาต้องการความอิสระในการปฏิบัติงานสูง ใส่ใจต่อคุณภาพของการตัดสินใจและการใช้วิจารณญาณ มีความรู้พื้นฐานที่คนอื่นเลียนแบบได้ยาก สามารถในการแยกแยะ สร้าง ใช้ และพัฒนาข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนองค์ความรู้ให้มีความลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิม เพื่อผลประโยชน์คือความสำเร็จขององค์กร",
"สังคมอุดมปัญญา” ในที่นี้หมายถึงสังคมที่มีการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างชาญฉลาด โดยใช้แนวปฏิบัติของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ประชาชนทุกระดับมีความเฉลียวฉลาด (Smart) และรอบรู้สารสนเทศ (Information literacy) สามารถเข้าถึง และใช้สารสนเทศอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม มีวิจารณญาณและรู้เท่าทัน ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนและสังคม มีการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีธรรมาภิบาล (Smart Governance) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาสู่เศรษฐกิจและสังคมฐานความรู้และนวัตกรรมอย่างยั่งยืนและมั่นคง",
"ธรรมยุติกนิกาย หรือ คณะธรรมยุต เป็นคณะสงฆ์ที่พระวชิรญาณเถระทรงตั้งขึ้นเพื่อฟื้นฟูศาสนาพุทธในสยาม และแก้ไขวัตรปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผนวชอยู่นั้น ได้ทรงศึกษาพระไตรปิฎกอย่างแตกฉานทำให้มีพระวิจารณญาณเกี่ยวกับความเป็นมาของพระพุทธศาสนา และความประพฤติปฏิบัติของพระภิกษุสามเณรได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน เป็นเหตุให้มีพระราชดำริในอันที่จะฟื้นฟูการสั่งสอนพระพุทธศาสนา และการประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยตามที่ได้ทรงศึกษา และทรงพิจารณาสอบสวนจนเป็นที่แน่แก่พระราชหฤทัยว่าถูกต้องเป็นจริงอย่างไร แล้วพระองค์ได้ทรงนำประพฤติปฏิบัติขึ้นก่อน หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทรงเริ่มแก้ไขที่พระองค์เองเป็นอันดับแรก ต่อมาเมื่อมีบุคคลอื่นเห็นชอบและนิยมตาม จึงได้มีผู้ประพฤติปฏิบัติตามอย่างพระองค์ขึ้น และมีจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ จนเกิดเป็นพระสงฆ์หมู่หนึ่ง หรือนิกายหนึ่ง ที่ได้ชื่อในภายหลังว่า ธรรมยุติกนิกาย หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “ธรรมยุต” อันมีความหมายว่า ผู้ประกอบด้วยธรรม หรือชอบด้วยธรรม หรือยุติตามธรรม ทั้งนี้ก็เพราะว่าพระสงฆ์นี้เกิดขึ้นด้วยมุ่งแสวงหาว่า ข้อใดเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นสัตถุศาสน์ (คือคำสั่งสอนของพระศาสดา) แล้วปฏิบัติข้อนั้น เว้นข้อที่ไม่เป็นธรรม ไม่เป็นวินัย ไม่เป็นสัตถุศาสน์ แม้จะเป็นอาจินปฏิบัติ (ข้อปฏิบัติตามกันมาแต่ผิดพระธรรมวินัย) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการ ให้ประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ขึ้น เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พระราชบัญญัติฉบับนี้มีชื่อว่า พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ร.ศ. 121 มีสาระสำคัญคือได้ยกสถานะคณะธรรมยุติ ให้เป็นนิกายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย",
"วิจารณญาณ เป็นเครื่องมือในการสังเกตคิดค้น และตัดสินวินิจฉัยในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เป็นเครื่องมือของโยนิโสมนสิการ มีลักษณะเฟ้นหาไตร่ตรองข้อเท็จจริงด้วยเหตุผลรอบคอบและรอบด้าน ทำให้ฉุกคิดไม่ตัดสินใจโดยรีบด่วนจนเกิดความผิดพลาด เป็นให้การสรุปผลหรือตัดสินเรื่องนั้นๆ ถูกต้องถ่องแท้ หรือผิดพลาดน้อยที่สุด",
"ในเรื่องลักษณะบุคลิกภาพคือความเปิดรับประสบการณ์ (Openness to experience) มีประเด็น 3 อย่างเกี่ยวกับลักษณะที่เข้าประเด็นกับ PD คือ ความบิดเบือนทางประชาน (cognitive distortions) ความปราศจากวิจารณญาณ (insight) และความหุนหันพลันแล่น (impulsivity) การมีความเปิดในระดับสูงสามารถสร้างปัญหาการดำเนินชีวิตทางสังคมหรือทางอาชีพ โดยเพ้อฝันมากเกินไป คิดแปลก ๆ มีเอกลักษณ์ที่พล่านไปทั่ว (diffuse identity) มีเป้าหมายที่ไม่เสถียร และการไม่ทำตามสิ่งที่สังคมคาดหวัง[80]",
"วิจารณญาณสำคัญอย่างแรก คือ อนุกรมจำนวนบวก 1 + 2 + 3 + 4 + · · · คล้ายกับอนุกรมสลับ 1 − 2 + 3 − 4 + · · · ซึ่งอนุกรมที่สองนี้ก็เป็นอนุกรมลู่ออกเช่นกัน แต่สามารถเปลี่ยนรูปได้ง่ายกว่า มีวิธีคลาสสิกหลายวิธีที่กำหนดค่าให้กับอนุกรมนี้ ซึ่งได้มีการสำรวจตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 ",
"โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์) ใช้สีเทา มาจากสีเครื่องแบบนักเรียน หมายถึง มันสมอง คือ ความฉลาดทั้งทางด้านวิชาการ อารมณ์ และสังคม อีกทั้งยังเป็นเป็นการรวมกันของสีต่างๆที่มีในโลกอย่างลงตัว หมายถึง การคิด การรวบรวมข้อมูลรอบด้านอย่างมีวิจารณญาณ การเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาสมรรถนะในการปรับตัวของบุคคลตามบริบทเท่าทันการเปลี่ยนแปลงของของโลกอย่างมีคุณภาพ",
"สีชมพู หมายถึง ความรับผิดชอบและวิจารณญาณอันเกิดจากสภาพสมองจิตใจแจ่มใสพร้อมทั้งร่างกายที่แข็งแรง สีเขียว หมายถึง ความเจริญก้าวหน้าและความสามารถในการทำงานทุกชนิด อันเกิดจากความอดทน ความชำนาญ สมรรถภาพและความ พยายามในการทำงานสูง",
"การเลือกตั้งทางอ้อม (indirect election) หมายถึง การเลือกตั้งในสองระดับ กล่าวคือ ประชาชนผู้มีสิทธิการเลือกตั้งเลือกตัวแทนหรือคณะบุคคล จากนั้นตัวแทนหรือคณะบุคคลที่ได้รับการเลือกตั้งจะไปดำเนินการเลือกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นๆ ต่อไป ลักษณะเช่นนี้จึงกล่าวได้ว่าการเลือกตั้งทางอ้อมเป็นรูปแบบที่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้นได้โดยตรง แต่เป็นการมอบหมายสิทธิในการตัดสินใจให้กับตัวแทนหรือคณะบุคคลให้ทำหน้าที่แทน วัตถุประสงค์สำคัญของการเลือกตั้งทางอ้อม คือ การให้บุคคลหรือคณะบุคคลที่มีความเหมาะสมในการใช้วิจารณญาณ ทำการตัดสินใจแทนผู้ออกเสียงลงคะแนนในการเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการทำหน้าที่ตามตำแหน่งทางการเมืองนั้น ๆ",
"ภาพข่าวเป็นภาพที่รายงานเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยการถ่ายภาพเสนอต่อ ประชาชนผู้รับสาร ภาพข่าวมักถ่ายโดยไม่มีการตระเตรียมการไว้ล่วงหน้า หรือเตรียมการได้ยาก เป็นภาพที่ถ่ายขณะที่เกิดข่าว โดยอาศัยความสามารถในการถ่ายภาพ การตัดสินใจที่รวดเร็ว และวิจารณญาณด้านวารสารศาสตร์ ประกอบด้วย",
"ภายในสองสามปีวลีที่เดิมไม่ไคร่เป็นที่รู้จักกันเท่าใดนักก็เริ่มนำมาใช้กันอย่างสม่ำเสมอในความหมายในการท้าทายความอนุรักษนิยมทางการเมืองและสังคมในการต่อต้านการขยายตัวของวิธีการสอนแบบก้าวหน้า (progressive teaching method) ในโรงเรียนมัธยมในสหรัฐอเมริกา และมหาวิทยาลัย ในปี ค.ศ. 1991 ประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุชกล่าวปาฐกถาต่อนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนต่อต้าน “ . . . ขบวนการ[ที่จะ]ประกาศว่าหัวเรื่องบางเรื่องเป็นหัวเรื่องที่อยู่ ‘นอกข่าย’ (off-limits), หรือคำพูดบางคำว่าอยู่ ‘นอกข่าย’, หรือแม้แต่ท่าทางบางอย่างว่าเป็นสิ่ง ‘นอกข่าย’” ที่เป็นนัยยะถึงผู้ปฏิบัติตามความถูกต้องทางการเมืองผู้เป็นเสรีนิยม การใช้วลีที่ทำกันเสมอที่สุดคือการใช้ในเชิงเหยียดว่าเป็นการพยายามหลีกเลี่ยงความกระทบกระเทือนต่อผู้หนึ่งผู้ใดหรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดกันอย่างพร่ำเพรื่อ เหนือวิจารณญาณอื่นใด",
"หมวดหมู่:การศึกษา หมวดหมู่:ศาสนาพุทธ หมวดหมู่:อภิธานศัพท์ศาสนาพุทธ",
"การคิดวิเคราะห์[1][2], การคิดเชิงวิพากษ์[3] หรือ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ[4][5] (English: critical thinking) เป็นกระบวนการทางจิตสำนึกเพื่อวิเคราะห์ หรือ ประเมินข้อมูล ในคำแถลง หรือ ข้อเสนอที่มีผู้แถลงหรืออ้างว่าเป็นความจริง การคิดวิเคราะห์เป็นรูปแบบของกระบวนการที่สะท้อนให้เห็นความหมายของคำแถลง (statement) และการตรวจสอบหลักฐานที่ได้รับการไต่ตรองด้วยเหตุและผล แล้วจึงทำการตัดสินคำแถลงหรือข้อเสนอที่ถูกอ้างว่าเป็นความจริงนั้น",
"จัดการศึกษาแบบบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยีโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญเพื่อให้ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศึกยภาพเป็นรายบุคคลเน้นทักษะความคิดระดับสูง ด้านกระบวนการแก้ปัญหา การคิดอย่างมีวิจารณญาณและความคิดสร้างสรรค์ โดยให้มีความสามารถในการสืบเสาะหาความรู้ได้ด้วยตนเองอย่างเป็นระบบ และมีคุณธรรมจริยธรรม",
"การศึกษาสมัยใหม่ในประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศได้นำกระบวนการคิดในลักษณะนี้มารวมไว้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน เรียกว่า \"การคิดเชิงวิจารณ์\"",
"ในบาสเกตบอล แอสซิสต์ () เป็นสถิติที่นับให้กับผู้เล่นที่ส่งลูกให้เพื่อนร่วมทีมทำคะแนนได้สำเร็จ โดยที่การส่งนี้มีส่วนสำคัญมากในการทำคะแนนครั้งนั้น อาจจะส่งลูกไปให้ผู้เล่นอื่นที่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบอยู่แล้ว หรือช่วยให้ผู้เล่นคนนั้นได้เปรียบในการทำแต้ม ดังนั้นการนับแอสซิสต์อยู่ที่วิจารณญาณของกรรมการให้คะแนนด้วย",
"ฮิกมะหฺ (อาหรับ) วิจารณญาณในการทำสิ่งที่เหมาะสมกับกาลเทศะ",
"ตัวอย่างที่มีน้อยอย่างหนึ่งในการแพทย์ ซึ่งมีเหตุจากการไม่รู้อะไรง่าย ๆ ไม่กี่อย่าง โดยไม่เกี่ยวกับวิจารณญาณ\nคือ แพทย์พยาบาลได้มองข้ามรายละเอียดความรู้สึก เมื่อตรวจสอบว่าคนไข้กำหนดตำแหน่งความรู้สึกได้หรือไม่\nคือไม่ได้ถามโดยตรงว่า ความรู้สึกอะไรที่ไหนย้ายที่\nซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้เมื่อคนไข้มีอาการ allochiria แต่ไม่มีปัญหารับรู้ความรู้สึกหรือกำหนดตำแหน่งที่รู้สึก\nและเมื่อแม้คนไข้กล่าวถึงซีกร่างกายที่ผิดพลาด ก็คิดว่าคนไข้พูดพลาดและไม่ตรวจสอบให้ยิ่ง ๆ ขึ้น",
"แต่กระนั้น ต้องเป็นวิจารณญาณของบุคคลในการเชื่อ",
"วันที่ 14 พฤศจิกายน 2553 สวนดุสิตโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกี่ยวกับกรณีสิ่งบันทึกวีดิทัศน์ โดยผู้ตอบร้อยละ 36.28 เห็นว่า เนื้อหาในสิ่งบันทึกวีดิทัศน์ผิดกฎหมายและจริยธรรม, ร้อยละ 25.53 เห็นว่า เป็นการแข่งขันทางการเมือง และมีการเตรียมการล่วงหน้า เพื่อลดความน่าเชื่อถือของคู่แข่ง, ร้อยละ 14.60 เห็นว่า เป็นการนำเสนอความจริงที่ผู้เกี่ยวข้องปฏิเสธไม่ได้, ร้อยละ 12.93 เห็นว่า เนื้อหาของสิ่งบันทึกวีดิทัศน์นั้น มีทั้งจริงและไม่จริง ต้องใช้วิจารณญาณ ส่วนร้อยละ 10.66 เห็นว่า ผู้เกี่ยวข้องควรรีบชี้แจงต่อสังคม[20]",
"2) ความหมายตามหลักวิชาการ ดิรอยะฮฺ คือ การใช้วิจารณญาณในการพิจารณาและการคิดต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างรอบคอบ",
"วิจารณญาณ เป็นเรื่องของปัญญา เหตุผลและข้อเท็จจริง มิใช่เป็นเรื่องของทัศนะและการคาดเดา"
] |
มุศเฏาะฟา ฮัจญี เกิดเมื่อไหร่? | [
"มุศเฏาะฟา ฮัจญี (Arabic: مصطفى حجي; English: Mustapha Hadji; เกิด 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1971 ที่โมร็อกโก) เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติโมร็อกโก ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติโมร็อกโก มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อครั้งเล่นให้กับสโมสรคอเวนทรีซิตี และแอสตันวิลลาในพรีเมียร์ลีก โดยฮัจญีเคยเล่นในฟุตบอลโลก 1994 และ ฟุตบอลโลก 1998 รวมทั้งได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกา 1 สมัย เมื่อครั้งเล่นให้สโมสรเดปอร์ตีโบเดลาโกรูญาในลาลีกาของสเปน และเป็นอดีตกัปตันทีมของสโมสรคอเวนทรีซิตี"
] | [
"ปรีไมรา ลีกา 1996-1997: รองแชมป์ (สปอร์ติงลิสบอน) นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกา: 1998 ยูเออี ฟุตบอลลีก 2004-2005: รองแชมป์ (อัลอัยน์)",
"ต่อมาเขาได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติโมร็อกโกในฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส แม้ฮัจญีจะทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและยิงประตูในฟุตบอลโลกได้ แต่ในลาลีกา ฤดูกาล 1998-1999 เขากลับไม่อาจเรียกฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมดังกล่าวมาสู่การเล่นในสโมสรได้ โดยเขาต้องตกเป็นตัวสำรองในยุคของฆาบิเอร์ อิรูเรตา กุนซือคนใหม่ของสโมสร และผลงานของเขายังไม่เข้าตานัก",
"ที่สโมสรแห่งนี้ เขาลงเล่นภายใต้การคุมทีมของกอร์ดอน สตราคัน อดีตกองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ผู้ซึ่งทำให้เขาเรียกฟอร์มการเล่นอันสุดยอดกลับคืนมาได้ และนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาเล่นได้ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้ง โดยเขาลงเล่นให้กับสโมสรนัดแรกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1999 ในนัดที่เปิดสนามไฮฟีลด์โรด พบกับสโมสรเซาท์แฮมป์ตัน (แพ้ 0-1) และยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกได้ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 1999 ค.ศ. โดยเป็นการยิงประตูชัยให้สโมสรเปิดบ้านเฉือนชนะเวสต์แฮมยูไนเต็ด 1-0[3] โดยเขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรกของเขาได้ รวม 6 ประตู",
"ต่อมาเขาทำประตูได้ในการแข่งขันยูฟ่าคัพรอบแรก นัดที่เอาชนะสโมสรเอ็นเค วาร์เทคส์ จากโครเอเชีย ไปได้ 1-0 แต่กลับต้องตกรอบแรกด้วยกฏการยิงประตูทีมเยือน และมาทำประตูได้อีกครั้งจากลูกโหม่งในพรีเมียร์ลีกนัดที่แพ้เอฟเวอร์ตัน 3-2 ที่กูดิสันพาร์ก[5]",
"โดยในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1997-1998 รอบแบ่งกลุ่มฮัจญี ยิงได้ 2 ประตู ในนัดที่เปิดบ้านถล่มอาแอ็ส มอนาโก จากลีกเอิงฝรั่งเศส ไป 3-0 และนัดที่ออกไปแพ้ไบเออร์เลเวอร์คูเซิน 4-1 อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถช่วยให้สโมสรผ่านเข้ารอบต่อไปได้ แต่จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังเขาตกเป็นที่สนใจจากทีมต่าง ๆ ในยุโรปทั้งจากลาลีกาและพรีเมียร์ลีก ประกอบกับที่ตัวเขามีปัญหาในการใช้ชีวิตที่ประเทศโปรตุเกส จึงตัดสินใจย้ายทีมในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1997",
"อิบน์ ค็อลดูน เป็นที่รู้จักมากที่สุดจากผลงานที่มีชื่อว่า \"อัลมุก็อดดิมะฮ์\" ซึ่งได้รับการค้นพบ ประเมินค่า และตระหนักถึงคุณค่าเป็นครั้งแรกในวงวิชาการของยุโรปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่ผลงานชิ้นดังกล่าวก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อนักประวัติศาสตร์ชาวออตโตมันในคริสต์ศตวรรษที่ 17 อย่างฮัจญี เคาะลีฟะฮ์ และมุศเฏาะฟา นะอีมา ซึ่งอาศัยทฤษฎีของเขาในการวิเคราะห์ความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมถอยของจักรวรรดิออตโตมันเช่นกัน ภายหลังในคริสต์ศตวรรษที่ 19 นักวิชาการตะวันตกจึงยอมรับว่าอิบน์ ค็อลดูน เป็นหนึ่งในบรรดานักปรัชญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากโลกมุสลิม",
"ขณะที่ฮัจญี กำลังเป็นผู้เล่นตัวหลักของแอสตัน วิลลา เขากลับได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหัวเข่าระหว่างการแข่งขันลีกคัพรอบ 16 ทีมสุดท้าย กับสโมสรเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2001 จนต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บนานกว่า 6 สัปดาห์[6] ในช่วงที่เขาพักรักษาตัวจอห์น เกร็กกอรี กุนซือผู้ที่นำตัวเขามาร่วมทีม ได้แยกทางกับสโมสรไปในเดือนมกราคม ปี 2002 โดย<i data-parsoid='{\"dsr\":[10356,10371,2,2]}'>สจ๊วต เกรย์ และ<i data-parsoid='{\"dsr\":[10375,10390,2,2]}'>จอห์น ดีแฮน ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว[7]",
"หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นที่สเปน ฮัจญีย้ายทีมอีกครั้ง โดยย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษกับสโมสรคอเวนทรีซิตี พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมชาติโมร็อกโกอย่างยูซุฟ ชิปโป",
"ฤดูกาล 1996-1997 มุศเฏาะฟา ฮัจญี ย้ายมาเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรสปอร์ติงลิสบอน ทีมดังระดับปรีไมราลีกาของโปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของออกตาวีอู มาชาดู และได้เล่นในรายการระดับทวีปอย่างยูฟ่าคัพ โดยในการแข่งขันยูฟ่าคัพ 1996 รอบแรก ฮัจญียิงได้ 1 ประตู ในนัดที่บุกไปเสมอกับสโมสรฟุตบอลมงเปอลีเยจากฝรั่งเศส 1-1 โดยนับเป็นประตูแรกที่เขายิงได้ในการแข่งขันระดับทวีป โดยฤดูกาลนี้เขาช่วยให้สโมสรได้ตำแหน่งรองแชมป์ปรีไมรา และได้ไปแข่งยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก",
"ฮัจญีกลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของสโมสร ด้วยทักษะอันยอดเยี่ยมรวมถึงการประสานงานระหว่างเขาและเพื่อนร่วมชาติอย่างยูซุฟ ชิปโป สามารถสร้างสรรค์โอกาสยิงประตูให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างมากมาย โดยสโมสรมีฟอร์มการเล่นในบ้านที่แข็งแกร่งอย่างมากเมื่อชนะถึง 12 นัด จากการเล่นในบ้าน 19 นัดในลีก ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอล โดยแฟนบอลของสโมสรจำนวนมากได้แสดงความนิยมในตัวเขาด้วยการสวมหมวกฏ็อรบูช ([طربوش, ṭarbūsh]error: {{lang}}: text has italic markup (help)) ซึ่งเป็นหมวกแบบอาหรับทรงสูง ลักษณะคล้ายหมวกกะปิเยาะ เข้ามาเชียร์ในสนาม",
"นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ มีชื่อทางศาสนาว่า \"อะหมัด มะมูด ซัรกอรี\" เกิดเมื่อ 27 มกราคม พ.ศ. 2459 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นบุตรของฮัจญีมะมูด และนางเราะมาห์ สุมาลยศักดิ์ เมื่อเรียนจบสายสามัญได้เรียนต่อทางด้านศาสนากับอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านรวมทั้งอาจารย์ต่วน สุวรรณศาสน์และอาจารย์มุสตาฟา พรหมยงค์ รวมทั้งได้ไปเรียนศาสนาที่เมืองมักกะหฺ ประเทศซาอุดิอาระเบียด้วย",
"ดร. มุฮัมมัด มุศเฏาะฟา อัลบะรอดะอี (; เกิด 17 มิถุนายน พ.ศ. 2485, ชาวอียิปต์) เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือไอเออีเอ องค์การอิสระและอยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของสหประชาชาติ เขาและไอเออีเอได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี พ.ศ. 2548",
"เดือนธันวาคม ค.ศ. 1997 ฮัจญีบรรลุข้อตกลงในการย้ายทีม โดยเขาย้ายมาเล่นในลาลีกากับสโมสรเดปอร์ตีโบเดลาโกรูญา ที่มีโฆเซ มานูเอล กอร์รัล เป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้น และมีเพื่อนร่วมทีมชาติในทีมอย่างนูรุดดีน เนย์เบ็ต แต่เขายังไม่สามารถลงสนามได้ โดยเขาต้องรอการอนุญาตจากฟีฟ่าในการย้ายทีมครั้งนี้นานถึงกว่า 2 เดือน และได้ลงสนามนัดแรกในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1998 ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะสโมสรเรอัลโอเบียโด 2-1 โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนฟลาวีอู ดา กงเซย์เซา[2] และเป็นผู้เล่นคนสำคัญตลอดช่วงที่เหลือของฤดูกาล",
"หลังจากสโมสรของเขามีอันต้องตกชั้น ทำให้มีกระแสข่าวการย้ายทีมของเขาเกิดขึ้น ฮัจญีกลายเป็นเป้าสนใจจากทีมอื่น ๆ ทั้งในพรีเมียร์ลีกและบุนเดสลีกา โดยเป็นสโมสรแอสตันวิลลาภายใต้การคุมทีมของจอห์น เกร็กกอรี อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ ที่สามารถคว้าตัวเขามาร่วมทีมได้ด้วยข้อเสนอมูลค่า 2 ล้านปอนด์ บวกกับการแถม จูเลียน โจอาคิม กองกลางของทีมไปให้กับคอเวนทรีซิตีด้วย",
"มุศเฏาะฟา ฮัจญี เกิดที่ประเทศโมร็อกโก เมื่อเขาอายุได้ 10 ปี ครอบครัวได้พาตัวเขาและพี่น้อง (ยูซุฟ, อิบรอฮีม และฟะรีด) ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ตัวเขาและพี่น้องได้เริ่มเล่นฟุตบอลที่เมืองน็องซี ก่อนจะได้เข้ามาสู่สโมสรอาแอ็ส น็องซี ในฐานะนักฟุตบอลระดับเยาวชน และได้สัญชาติฝรั่งเศสเป็นสัญชาติที่สอง",
"ฤดูกาล 2005-2006 ฮัจญีย้ายมาเล่นฟุตบอลที่ประเทศเยอรมัน ในระดับซไวเทอบุนเดสลีกา (ลีกา 2) กับสโมสรซาร์บรึคเคิน ที่มีรูดี บอมเมอร์ เป็นโค้ช โดยลงสนามในลีกเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปี 2005 ในนัดที่เปิดสนามลุดวิกสปาร์ก แพ้ต่อสโมสรเฟาเอฟแอล โบคุ่ม 0-4 และมายิงประตูแรกของตัวเองได้ในนัดที่เสมอกับสโมสรบวร์กเฮาเซน 1-1 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2005",
"ฮัจญี ลงสนามให้สโมสรใหม่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2001 ในนัดเปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2001-2002 โดยสโมสรเปิดสนามวิลลาพาร์กพบกับสโมสรทอตนัม ฮอตสเปอร์ ซึ่งจอห์น เกร็กกอรี ผู้จัดการทีมได้ส่งเขาลงเล่นเป็นกองหน้าแทน ดาริอุส วาสเซลล์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษในช่วงครึ่งเวลาหลัง และเสมอกันไป 0-0[4]",
"หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2514 หมวดหมู่:บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ หมวดหมู่:นักฟุตบอลชาวโมร็อกโก หมวดหมู่:ชาวโมร็อกโก หมวดหมู่:นักฟุตบอลทีมชาติโมร็อกโก หมวดหมู่:ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 1994 หมวดหมู่:ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 1998 หมวดหมู่:ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา หมวดหมู่:ผู้เล่นในลีกเอิง หมวดหมู่:ผู้เล่นในปรีไมราลีกา หมวดหมู่:ผู้เล่นในลาลีกา หมวดหมู่:ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก",
"หลังจากที่ได้เล่นในทีมชุดเยาวชน ต่อมาเขาได้รับสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในปี ค.ศ. 1991 และเล่นให้กับทีมชุดสำรอง ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของน็องซี ในฤดูกาล 1992-1993 ในยุคที่มี ออลีวีเย รูเย อดีตกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสเป็นผู้จัดการทีม โดยในฤดูกาลแรกของเขาในทีมชุดใหญ่เขายิงประตูในลีกเดอไปถึง 6 ประตู จากตำแหน่งกองกลาง และก้าวขึ้นมาเป็นกองกลางคนสำคัญของสโมสรด้วยทักษะการเลี้ยงบอลที่โดดเด่น และสามารถยิงประตูในจังหวะสำคัญ ๆ ได้ โดยฟอร์มการเล่นที่สโมสรแห่งนี้ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในทีมชาติโมร็อกโก ที่ได้เล่นในฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา โดยตลอดช่วงเวลา 4 ฤดูกาลที่เขาลงเล่นในลีกเดอ เขายิงประตูในลีกได้รวม 31 ประตู แต่ไม่อาจช่วยให้สโมสรเลื่อนชั้นขึ้นไปสู่ลีกเอิงซึ่งเป็นลีกสูงสุดได้",
"เมื่อฮัจญี หายจากอาการบาดเจ็บ กลับมาลงสนามให้วิลลาได้อีกครั้ง เขายังคงเป็นผู้เล่นตัวจริงในยุคของสจ๊วต เกรย์และจอห์น ดีแฮน 2 ผู้จัดการทีมชั่วคราว จนกระทั่งสโมสรได้แต่งตั้งให้เกรแฮม เทย์เลอร์ กุนซือชาวอังกฤษ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสรในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้เขาไม่ได้รับการการันตีตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงในทีมอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงถูกส่งลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นคนแรกไปจนจบฤดูกาล 2001-2002 โดยวิลลา ได้อันดับที่ 8 และฮัจญี ลงสนามในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไป 23 นัด ยิงได้ 2 ประตู",
"ฮัจญีได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งใน 50 นักฟุตบอลแอฟริกายอดเยี่ยมตลอดกาลโดยเอ็ด ดัฟ คอลัมนิสต์ผู้สันทัดกรณีและนักวิจารณ์ฟุตบอลในทวีปแอฟริกาชื่อดัง[1] โดยมีน้องชายคือยูซุฟ ฮัจญี เป็นอดีตกองกลางทีมชาติโมร็อกโกเช่นกันและปัจจุบันยังเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรน็องซีในระดับลีกเดอ ฝรั่งเศส",
"ฤดูกาล 2003-2004 สโมสรได้แต่งตั้งให้เดวิด โอเลียรี เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทนเกรแฮม เทย์เลอร์ และฮัจญี ยังคงเป็นผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมอีกเช่นเคย ปลายปี 2003 เขาปฏิเสธข้อเสนอของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด[9] และตัดสินใจย้ายไปเล่นในลาลีกาสเปนอีกครั้งกับสโมสรอัสปัญญอล[10]",
"ฤดูกาล 2004-2005 ฮัจญี ย้ายมาเล่นฟุตบอลในลีกสูงสุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับสโมสรอัลอัยน์ สโมสรดังแห่งรัฐอาบูดาบี โดยได้เล่นในรายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก และจบฤดูกาลด้วยการคว้ารองแชมป์ ยูเออี ฟุตบอลลีก",
"ฤดูกาล 2000-2001 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีม แต่ถึงแม้ว่าฮัจญีซึ่งเป็นผู้เล่นคนสำคัญของสโมสรยังรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองไว้ได้ แต่ผลงานโดยรวมของสโมสรกลับไม่ดีนัก ในฤดูกาลนี้เขายิงในพรีเมียร์ลีกได้ 6 ประตูเท่ากับฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการบุกไปยิงคนเดียว 2 ประตู ใส่สโมสรแอสตันวิลลาถึงสนามวิลลาพาร์ก แต่สโมสรกลับแพ้ออกไป 3-2 และพบกับความพ่ายแพ้ในลีกถึง 20 นัด ตลอดทั้งฤดูกาล จนต้องตกชั้นในที่สุด",
"ต่อมาเขายิงประตูแรกในเสื้อของวิลลาได้ ในวันที่ 24 กันยายน ในพรีเมียร์ลีกนัดที่บุกไปชนะสโมสรเซาท์แฮมป์ตัน ถึงสนามเซนต์แมรีส์สเตเดียม 3-1 โดยการแข่งขันนัดดังกล่าวเป็นนัดแรกที่เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ก่อนจะได้เป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง",
"ฤดูกาล 2002-2003 ฮัจญี กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเกรแฮม เทย์เลอร์ และต้องหลุดออกจากทีมชุดแรก นอกจากนี้เขายังมีปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นร้อยหวาย [8]โดยเขาได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เพียง 11 นัดตลอดทั้งฤดูกาล",
"ปลายเดือนมกราคม ค.ศ.2004 มุศเฏาะฟา ฮัจญี ย้ายมาร่วมทีมอัสปัญญอล ในระดับลาลีกาสเปน ภายใต้การคุมทีมของลูอิส แฟร์กน็องเดซ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส ที่สโมสรแห่งนี้ฮัจญีถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญ โดยเขายิงประตูให้สโมสรได้ ในลาลีกานัดที่บุกไปเอาชนะสโมสรเซลต้า บีโก้ 5-1 ที่สนามบาไลดอส ซึ่งการแข่งขันนัดดังกล่าวเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 สโมสรที่อยู่โซนหนีตกชั้น ทำให้สโมสรคว้า 3 แต้มสำคัญได้ และรอดพ้นจากการตกชั้นเมื่อจบฤดูกาล",
"วันที่ 4 ธันวาคม 2005 มุศเฏาะฟา ฮัจญี ยิงคนเดียว 2 ประตู ในนัดที่บุกไปชนะสโมสรคิกเกอร์ส ออฟเฟนบัค 3-2 แม้เขาจะเล่นได้ดี แต่ผลงานโดยรวมของสโมสรกลับย่ำแย่ และตกชั้นเมื่อจบฤดูกาล โดยฮัจญียิงประตูจากตำแหน่งกองกลางในฤดูกาลนี้ได้ 4 ประตู",
"อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่น่าจดจำของเขากับสโมสรแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1998 โดยเขาถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่เปิดบ้านพบกับสโมสรบาร์เซโลนา และเป็นผู้ยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่จะชนะไป 2-1 ซึ่งประตูดังกล่าวถือเป็นประตูแรกของเขาในลาลีกา รวมถึงการถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองและยิงประตูชัยพาทีมชนะเรอัลซาราโกซาที่สนามเรียซอร์ 2-1"
] |
กรุงเยรูซาเลมสำคัญกับศาสนาอิสลามอย่างไร ? | [
"เยรูซาเลม (English: Jerusalem), เยรูชาลายิม (Hebrew: יְרוּשָׁלַיִם) หรือ อัลกุดส์ (Arabic: القُدس) เป็นเมืองในตะวันออกกลาง ตั้งอยู่บนที่ราบของภูเขายูดาห์ ระหว่างทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลเดดซี เยรูซาเลมเป็นเมืองที่พระยาห์เวห์ทรงเลือกสรรไว้ให้เป็นป้อมแห่งความเชื่อถึงพระเป็นเจ้าแต่เพียงองค์เดียว ประเทศอิสราเอลและรัฐปาเลสไตน์ต่างอ้างสิทธิเหนือเยรูซาเลมว่าเป็นเมืองหลวงของตน อย่างไรก็ตาม การกล่าวอ้างของทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ"
] | [
"ในเดือนตุลาคม 2555 กลุ่มศาสนาอิรักหลายกลุ่มเข้าร่วมความขัดแย้งในซีเรียทั้งสองฝ่าย ซุนนีหัวรุนแรงจากประเทศอิรักเดินทางไปประเทศซีเรียเพื่อต่อสู้กับประธานาธิบดีบัชชาร อัลอะซัดและรัฐบาลซีเรีย นอกจากนี้ ชีอะฮ์จากประเทศอิรัก ในจังหวัดบาบิลและดิยาลา เดินทางไปกรุงดามัสกัสจากกรุงเตหะราน หรือจากนะญัฟ ประเทศอิรัก นครศักดิ์สิทธิ์ของอิสลามชีอะฮ์ เพื่อพิทักษ์ซัยยิดะห์ซัยนับ (Sayyida Zeinab) มัสยิดสำคัญและแท่นบูชาของนิกายชีอะฮ์ในกรุงดามัสกัส",
"ประชากรในจังหวัดนนทบุรีประกอบด้วยหลายเชื้อชาติทั้งไทย (มีจำนวนมากที่สุด มีอยู่ทั่วไปในจังหวัด) จีน มอญ (อพยพมาในสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัชกาลที่ 2) และมลายู (อพยพมาจากเมืองปัตตานีและไทรบุรี) โดยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา รองลงไปเป็นศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม และศาสนาอื่น ๆ",
"พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเมตตา ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาอย่างประเสริฐจะเป็นไปได้อย่างไร ที่พระองค์จะปล่อยให้มนุษย์ดำเนินชีวิตอยู่ไปตามลำพัง โดยไม่ทรงเหลียวแล หรือปล่อยให้สังคมมนุษย์ และสิ่งมีชีวิต กำเนิดขึ้น แล้วดำเนินไปตามยถากรรมของตัวเอง สภาวะแวดล้อมที่สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่จึงเป็นความพอดีอย่างทีสุดที่ผู้ใช้ปัญญา ไม่สามารถอธิบายได้ด้วย\"ความบังเอิญ\" สอดคล้องตามทฤษฎีความน่าจะเป็นทางคณิตศาสตร์",
"ซิบฆัตตุลลอฮ์ โมญัดเดดี (; ; เกิดประมาณ ค.ศ. 1926) เป็นนักการเมืองชาวอัฟกานิสถาน เป็นประธานาธิบดีอัฟกานิสถานระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1992 และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติอัฟกานิสถาน (Afghan National Liberation Front) เกิดประมาณ ค.ศ. 1925–1929 ในครอบครัวนักวิชาการศาสนาที่มีชื่อในกรุงคาบูลl ตระกูลของเขาสืบทอดมาจากอะหมัด ซีร์ฮินดี (Ahmad Sirhindi) นักวิชาการศาสนาอิสลามลัทธิศูฟีสมัยศตวรรษที่ 16 โมญัดเดดีเรียนวิชากฎหมายอิสลามและนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยอัลอะซาร์ (Al-Azhar University) ที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ก่อนจะกลับมาอัฟกานิสถานในปี ค.ศ. 1952 เพื่อสอนหนังสือที่โรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยคาบูล แต่ในปี ค.ศ. 1959 โมญัดเดดีถูกจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิดวางแผนต่อต้านนิกิตา ครุสชอฟ ประธานสภารัฐมนตรีแห่งสหภาพโซเวียตในขณะนั้น เขาถูกคุมขังจนถึงปี ค.ศ. 1964",
"\"อุลกุรอานเลือด\" เป็นสำเนาของคัมภีร์อัลกุรอานของศาสนาอิสลาม เขียนขึ้นจากเลือดของอดีตประธานาธิบดีอิรัก ซัดดัม ฮุสเซน ตลอดเวลามากกว่าสองปีในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 ซัดดัมมอบหมายให้เริ่มดำเนินงานใน พ.ศ. 2540 ตรงกับวันคล้ายวันเกิดปีที่ 60 ของเขา ซึ่งตามรายงานระบุว่าเขาต้องการขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงช่วยเหลือเขาหลายครั้งตลอด \"การสมรู้ร่วมคิดและภยันตราย\" เขาอธิบายเหตุผลของเขาที่มอบหมายให้สร้างคัมภีร์ดังกล่าวในจดหมายซึ่งได้รับการตีพิมพ์โดยสื่อของรัฐอิรักในเดือนกันยายน พ.ศ. 2543: \"\"ชีวิตของข้าพเจ้าเต็มไปด้วยภยันตรายซึ่งข้าพเจ้าควรจะเสียเลือดเป็นจำนวนมาก ... แต่เนื่องจากเลือดของข้าพเจ้าหลั่งออกมาเพียงเล็กน้อย ข้าพเจ้าจึงร้องขอให้มีผู้เขียนพระวาทะของพระผู้เป็นเจ้าด้วยเลือดของข้าพเจ้าด้วยความรู้สึกขอบคุณ\"\" หลังจากซัดดัมสิ้นอำนาจใน พ.ศ. 2546 อัลกุรอานเลือดถูกนำออกจากการแสดงต่อสาธารณะ ปัจจุบัน ผลงานดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการถกเถียงว่าควรจะดำเนินการอย่างไรกับมันดี เนื่องจากกระบวนการสร้างสรรค์ถือว่าดูหมิ่นศาสนา แต่การทำลายผลงานดังกล่าวก็อาจถือได้ว่าดูหมิ่นศาสนาได้เช่นเดียวกัน",
"สงครามครูเสดเป็นสงครามศาสนาระหว่างผู้นับถือคริสต์ศาสนาจากยุโรป และ ผู้นับถือศาสนาอิสลามในตะวันออกกลาง เนื่องจากผู้นับถือคริสต์ศาสนาต้องการยึดครองกรุงเยรูซาเลมซึ่งถือว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคริสต์ศาสนา สงครามครูเสดทำให้คริสต์ศาสนิกชนเพิ่มความตื่นตัวทางด้านศาสนากันมากขึ้น โดยมีการก่อสร้างคริสต์ศาสนสถานเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ เจ้านายจากยุโรปที่กลับมาจากสงครามโดยปลอดภัยก็อาจจะสร้างวัดฉลองหรือขยายวัดเดิม หรือถ้าไม่กลับมาคนที่อยู่ข้างหลังก็อาจจะสร้างวัดให้เป็นอนุสรณ์",
"3) ทัศนะที่สองอย่างน้อยก็ตั้งสมมติฐานไว้ว่าแก่นแท้อันเดียวที่ถูกยอมรับ ณ พระเจ้า คือ อิสลาม ที่เป็นศาสนาสัจธรรม แต่เราไม่อาจเข้าถึงได้ ดังนั้นแต่ละคนจะเข้าใจอย่างไรทั้งหมดก็คือสัจธรรมทั้งสิ้น แต่ทัศนะที่สามนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง กล่าวคือ สัจธรรมและแก่นแท้ก็มีหลากหลายเช่นกัน ซึ่งทำให้ไม่ประสบปัญหาความขัดแย้งระหว่างกัน ไม่อาจพูดได้ว่า อันนั้นมี อันนี้ไม่มี ถูกหรือผิด ทั้งสองคือความจริงและสัจธรรมด้วยกันทั้งสิ้น",
"กลุ่มชาติพันธุ์ที่คนไทยเรียกกันว่า \"แขก\" คาดว่าหมายถึงชาวมุสลิมโดยรวม ทั้งนี้พ่อค้าชาวมุสลิมในคาบสมุทรเปอร์เซียที่เข้ามาค้าขายในแหลมมลายู (อินโดนีเซียและมาเลเซีย) ได้นำศาสนาอิสลามเข้ามาด้วย ภายหลังคนพื้นเมืองจึงได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม ส่วนในประเทศไทยนี้พบหลักฐานว่าคนไทยได้ติดต่อสัมผัสกับชาวมุสลิมตั้งแต่ยุคสมัยสุโขทัย และช่วงกรุงศรีอยุธยาเรื่อยมา โดยชาวมุสลิมบางคนนั้น เป็นถึงขุนนางในราชสำนัก ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์มีชาวมุสลิมอพยพมาจากมลายูและเปลี่ยนสัญชาติเป็นไทย นอกจากนี้ยังมีชาวมุสลิมอินเดียที่เข้ามาตั้งรกราก รวมถึงชาวมุสลิมยูนนานที่หนีภัยการเบียดเบียนศาสนาหลังการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ในประเทศจีน",
"ดังนั้น ความขัดแย้ง แบ่งกลุ่มแบ่งคณะ และการตามแบบไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงใดๆ อ้างว่าท่านร่อซูลทำแค่นี้ ไม่เคยถามว่าเดือนคว่ำหรือหงาย เห็นที่ไหน และอ้างว่าเป็นความเห็นของนักวิชาการส่วนมาก ซึ่งจริงแล้วประเทศมุสลิมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้หลักการตามโดยไม่คำนึงถึงอะไรเลย(ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว) หรือบางครั้งเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าประเทศมุสลิมส่วนใหญ่ใช้หลักการตามหรือปฏิบัติอย่างไร ก็จะอ้างว่าศาสนาไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเห็นของคนส่วนมาก แล้วอะไรคือจุดยืนที่แน่นอน … ถึงตอนนี้น่าจะยอมรับความจริง หันหน้ามาพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องนี้กัน เพื่อสังคมจะได้ไม่แตกแยก ร่วมกันทำงานเพื่ออิสลามอย่างบริสุทธิ์ใจ ความไม่ตรงกันที่มีอยู่ในประเทศไทยต่างหาก ที่ทำให้เราเข้าใจไปว่า ที่ไหนๆ ก็ไม่ตรงกัน",
"หลังจากการนำทัพบุกแบกแดดนำโดยกองทัพสหรัฐในเดือนเมษายน พ.ศ. 2546 ผู้รับผิดชอบดูแลสุเหร่าได้นำอัลกุรอานเลือดไปเก็บไว้เพื่อความปลอดภัย การเสียชีวิตของซัดดัมได้ทำให้องค์การศาสนาและฝ่ายฆราวาสอิรักอยู่ในสภาวะลำบากอย่างรุนแรง ในแง่หนึ่ง ศาสนาอิสลามถือว่าเป็นฮะรอม (ข้อห้าม) ที่จะเขียนอัลกรุอานด้วยเลือด พฤติการณ์ของซัดดัมได้รับการประณามใน พ.ศ. 2543 โดยองค์การศาสนาในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดิอาระเบีย ศาสตราจารย์อับดุล กอฮ์ฮะร์ อัล-อะนี ศาสตราจารย์ด้านความคิดอิสลามจากมหาวิทยาลัยแบกแดด ได้ให้เหตุผลว่า \"ซัดดัมไม่ใช่บุคคลศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเลือดของเขาจึงสกปรก\" อะลี อัลวะอะฮ์ นักบวชนิกายชีอะฮฺผู้ซึ่งถูกจองจำในสมัยซัดดัม อธิบายว่าอัลกุรอานเลือดเป็น \"เวทมนตร์ดำของซัดดัม อัลกุรอานเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับทองคำและเงิน ไม่ใช่สิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ดังเช่นเลือด [อัลกุรอานเลือด] สามารถถูกเผาทิ้งหรือสามารถโยนลงแม่น้ำได้ ผมจะโยนมันลงในแม่น้ำ\" ในอีกแง่หนึ่ง เป็นข้อห้ามมิให้ทำให้อัลกุรอ่านแปดเปื้อนหรือเสียหาย โดยที่ชาวอิรักคนหนึ่งได้สรุปถึงปัญหาดังกล่าวว่า \"มันเป็นข้อห้ามที่จะเขียนอัลกุรอานด้วยเลือด แต่เราจะทำลายคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์จากพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร\"",
"ตั้งแต่พระวิหารที่สองถูกทำลายไปการสวดมนต์สำหรับการก่อสร้างพระวิหารที่สามก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสวนมนตร์ประจำวันสามครั้งของชาวยิว แต่คำถามที่ว่าเมื่อใดที่จะเหมาะสมในการสร้างพระวิหารที่สามก็ยังเป็นที่ไม่ตกลงกันในบรรดาชาวยิว บางกลุ่มก็เห็นด้วยกับการสร้างแต่บางกลุ่มก็ไม่เห็นด้วย ขณะที่การขยายตัวของศาสนาอับราฮัมตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 1 เป็นต้นมาเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกันในความเป็นเจ้าของกรุงเยรูซาเลมซึ่งเป็นเมืองสำคัญของทั้งสามศาสนา--ศาสนายูดาห์, ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม นอกจากนั้นที่ตั้งของกรุงเยรูซาเลมในปัจจุบันก็เป็นการยากที่จะก่อสร้างพระวิหารใหม่บนบริเวณที่ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของมัสยิดอัลอักศอ และโดมแห่งศิลาซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลาม",
"ขตบางคอแหลมแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 3 แขวง (khwaeng) ได้แก่\nประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ นิกายเถรวาท แต่ก็มีศาสนาอิสลามอยู่มากตามแนวถนนเจริญกรุง",
"แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ (; ; ; ; ภาษาอารามิคโบราณ: ארעא קדישא \" Ar'a Qaddisha\") หมายถึงดินแดนที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในบริเวณประเทศอิสราเอลซึ่งมีความสำคัญต่อศาสนาสำคัญศาสนาอับราฮัมสามศาสนา ได้แก่ ศาสนายูดาห์ ศาสนาคริสต์ และศาสนาอิสลาม สาเหตุของความศักดิ์สิทธิ์เนื่องจากความสำคัญของกรุงเยรูซาเลมทางศาสนาและความสำคัญของการเป็นดินแดนแห่งอิสราเอล",
"ดังนั้น ความขัดแย้ง แบ่งกลุ่มแบ่งคณะ และการตามแบบไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงใด ๆ อ้างว่าท่านร่อซูลทำแค่นี้ ไม่เคยถามว่าเดือนคว่ำหรือหงาย เห็นที่ไหน และอ้างว่าเป็นความเห็นของนักวิชาการส่วนมาก ซึ่งจริงแล้วประเทศมุสลิมส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้หลักการตามโดยไม่คำนึงถึงอะไรเลย(ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว) หรือบางครั้งเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าประเทศมุสลิมส่วนใหญ่ใช้หลักการตามหรือปฏิบัติอย่างไร ก็จะอ้างว่าศาสนาไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเห็นของคนส่วนมาก แล้วอะไรคือจุดยืนที่แน่นอน … ถึงตอนนี้น่าจะยอมรับความจริง หันหน้ามาพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องนี้กัน เพื่อสังคมจะได้ไม่แตกแยก ร่วมกันทำงานเพื่ออิสลามอย่างบริสุทธิ์ใจ ความไม่ตรงกันที่มีอยู่ในประเทศไทยต่างหาก ที่ทำให้เราเข้าใจไปว่า ที่ไหน ๆ ก็ไม่ตรงกัน",
"อาลียา อีเซ็ตเบโกวิช เกิดวันที่8 สิงหาคม ปี1925 ที่บอสสานสกา ซามัช ในครอบครัวที่เคร่งศาสนาอิสลาม แนวคิดอุดมการณ์ ชาตินิยมอิสลามบอสเนียได้เข้าสู่ตัวอาลียา ช่วงกลางศตวรรษที่19 อาลียาออกต้องจากกรุงเบลเกรด เพราะกฎหมายที่ประกาศห้ามเข้า มุสลิมบอสเนีย อาศัยในเมืองดังกล่าว เขาเข้ามาอยู่ในกรุงซาราเยโว และศึกษาเรื่อง รัฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การปกครอง ในมหาวิทยาลัยซาราเยโว ช่วงสงครามโลกครั้งที่2 เยอรมันบุกยึดกรุงซาราเยโว ฟาสซิสต์เยอรมันได้ก่อตั้งขบสนการต่อต้านยิว เซิร์บและเชิดชูมุสลิมนามว่า ยุวชนมุสลิมบอสเนีย อาลียา อีเซ็ตเบโกวิชได้เข้าร่วมองค์กร และดำเนินการต่อต้านเซิร์บ แต่ในปี1943 เซิร์บก็ยึดซาราเยโวและสังหารหมู่ชาวมุสลิมบอสเนีย ยุวชนมุสลิมบอสเนียได้เข้าต่อต้านแต่แพ้ราบคาบ กระนั้นบอสเนียในอำนาจเยอรมันของฮิตเลอร์จึงจบลง ยุวชนมุสลิมบอสเนีย ก็หายไป บอสเนียกลายเป็นส่วนหนึงของยูโกสลาเวียใหม่ ",
"ประวัติศาสตร์อัฟกานิสถานก่อนศาสนาอิสลามเริ่มด้วยการเข้ามาของชาวอารยันเมื่อ 1,457 ปีก่อนพุทธศักราช ตามมาด้วยชาวเปอร์เซีย ชาวเมเดีย ชาวกรีก ชาวเมารยะและชาวแบกเทรีย ราชวงศ์เมารยะในอินเดียแผ่อำนาจเข้าควบคุมอัฟกานิสถานตอนใต้รวมทั้งกรุงคาบูลและกันดะฮาร์ ราชวงศ์นี้ปกครองอยู่ได้ 100 – 120 ปี มีการเผยแพร่ศาสนาพุทธเข้ามาในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช",
"ต่อมาเมื่ออาลี ซัสโตรอามิโจโยล้มเหลวในการบริหารประเทศ ทำให้ซูการ์โนหันมาประกาศใช้ประชาธิปไตยแบบชี้นำมาใช้ใน พ.ศ. 2500 แต่พรรคมัสยูมีไม่เห็นด้วย พรรคมัสยูมีได้จัดประชุมบัณพิตทางศาสนาอิสลาม และประกาศว่าลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับศาสนาอิสลาม ทำให้สมาชิกพรรคมัสยูมีถูกกลุ่มเยาวชนคอมมิวนิสต์ข่มขู่จนต้องออกจากกรุงจาการ์ตา ในที่สุดพรรคมัสยูมีและพรรคสังคมนิยมอินโดนีเซียได้ก่อกบฏและจัดตั้งรัฐบาปฏิวัติที่เกาะสุมาตราเรียกว่ารัฐบาลปฏิวัติแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย บูร์ฮันอุดดินได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ด้วย",
"เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 มีชาวมุสลิมหัวรุนแรงบุกเข้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติในกรุงมาเลเพื่อทำลายงานประติมากรรมยุคก่อนอิสลาม ส่งผลให้โบราณวัตถุทางพุทธศาสนาช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 6 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 12 จำนวนสามสิบชิ้นเสียหายหรือถูกทำลายลง เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ระบุว่าประติมากรรมเกือบทั้งหมดทำจากปะการังหรือหินปูน ส่วนใหญ่เปราะบางแตกง่ายยากแก่การซ่อมแซม มีเพียงสองถึงสามชิ้นเท่านั้นที่สามารถซ่อมแซมได้",
"ผู้ปกครองของอัลอันดะลุสมีตำแหน่งอยู่ระดับเอมีร์ โดยขึ้นกับกาหลิบอัลวะลีดที่ 1 แห่งราชวงศ์อุไมยัดที่กรุงดามัสกัส พระองค์ทรงให้ความสนใจกับการขยายกำลังทางทหารอย่างมาก ทรงสร้างกองทัพเรือที่แข็งแกร่งที่สุดในสมัยของราชวงศ์นี้ ซึ่งเป็นกลวิธีที่สนับสนุนการขยายอิทธิพลในฮิสปาเนียนั่นเอง ขุนนางท้องถิ่นได้รับอนุญาตให้ครอบครองทรัพย์สินและสถานะทางสังคมของตนไว้ตราบเท่าที่ยังยอมรับศาสนาอิสลาม และการเปลี่ยนผู้ปกครองไม่ได้รบกวนกิจประจำวันของพวกเขามากนัก เขตการปกครองย่อยตามพื้นที่ต่าง ๆ ยังเป็นเช่นเดิม แต่ตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นจะตกเป็นของชาวมุสลิมอาหรับ ผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิมถูกบังคับให้ยอมรับกฎหมายไม่เป็นธรรมซึ่งส่งเสริมสถานะของศาสนาอิสลามให้อยู่เหนือศาสนาคริสต์และศาสนายิวในสังคม จึงมีชาวคริสต์จำนวนหนึ่งในอัลอันดะลุสเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามโดยหวังจะได้รับสิทธิในสังคมเท่าเทียมกับชาวมุสลิม เช่น จ่ายภาษีน้อยลง หรือไม่ต้องเป็นทาสหรือข้าติดที่ดินอีกต่อไป ซึ่งเรียกพวกนี้ว่า \"มูลาดีเอส\"",
"เรื่อง เศรษฐศาสตร์ เป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดของมนุษยชาติ และอิสลามก็มีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ โดยทั่วไปแล้วคำว่า \"เศรษฐศาสตร์อิสลาม\" จะถูกใช้ประโยชน์ไปในกรณีต่างๆที่หลากหลายออกไป เช่น \"วิชาเศรษฐศาสตร์อิสลาม\" \"สำนักคิดเศรษฐศาสตร์อิสลาม\" \"ระบบเศรษฐศาสตร์อิสลาม\" เกี่ยวกับ \"วิชาเศรษฐศาสตร์อิสลาม\" นั้นมีประเด็นละเอียดอ่อนที่ต้องระมัดระวัง หากไม่คำนึงถึงบทเบื้องต้นและประเด็นต่างๆนั้นแล้ว ก็ไม่สามารถนำเสนอเป้าหมายที่น่าเชื่อถือของคำนี้ได้ เมื่อพูดถึงคำว่า \"ศาสตร์\" โดยทั่วไปอันเป็นที่รู้กันก็จะอธิบายว่าหมายถึง วิชา หรือ วิทยาศาสตร์ นั่นเอง ซึ่งก็หมายถึงประมวลความรู้ที่ได้รับการยืนยันด้วยวิธีการทดลองที่เกิดขึ้นในยุคเรืองปัญญาในตะวันตก แล้วก็ค่อยๆพัฒนาขึ้นเรื่อยมา วิชาเศรษฐศาสตร์ا หรือ เศรษฐศาสตร์การเมือง ก็ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับกฎข้อนี้เช่นกัน ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐศาสตร์อิสลามหรือทุกแนวคิดทางศาสนากับศาสตร์ด้านการทดลองเป็นไปในเชิงการเปรียบเทียบ เพราะเศรษฐศาสตร์ต้องให้คำตอบแก่คำถามที่ว่า ในวิชานี้พูดถึงเรื่องด้านต่างๆที่เกี่ยวกับคุณค่า ด้านจริยธรรมหรือเรื่องที่เกี่ยวกับความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร? หากนักค้นคว้าด้านเศรษฐศาสตร์หรือนักปรัชญาด้านเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า สามารถพบเรื่องต่างๆนี้ได้ในประมวลของเศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐศาสตร์การเมือง โดยตรรกะแล้วเขาสามารถเชื่อในการมีอยู่ของเศรษฐศาสตร์อิสลาม อีกด้านหนึ่งหากบุคคลหนึ่งเชื่อว่าไม่มีเรื่องเกี่ยวกับคุณค่าทางจริธรรมอยู่เลยในเศรษฐศาสตร์หรือเศรษฐศาสตร์การเมือง ดังนั้น \"เศรษฐศาสตร์อิสลาม\"ถือว่าไม่มีความหมายในทัศนะของเขา บนพื้นฐานของการจำแนกดังกล่าวนี้ ชี้ให้เห็นว่ามีทัศนะต่างๆมากมายเกี่ยวกับ วิชาเศรษฐศาสตร์อิสลาม บ้างก็เชื่อว่าระหว่าง \"สำนักคิดเศรษฐศาสตร์อิสลาม\"กับ\"ระบบเศรษฐศาสตร์อิสลาม\"นั้นแยกออกจากกัน ในทัศนะของพวกเขา ระบบเศรษฐศาสตร์อิสลาม คือการนำเอาหลักการและกฎเกณฑ์ต่างๆมาใช้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสำนักเศรษฐศาสตร์อิสลามก็ให้ความความสนใจเช่นกัน สามารถให้คำนิยามแก่ระบบเศรษฐศาสตร์อิสลามตามบันทัดฐานของการให้คำนิยามได้ว่า หมายถึง ศาสตร์ที่ประมวลหลักการและกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยรวมของ อิสลาม เอาไว้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวิธีการจัดระบบฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความยุติธรรมแก่สังคม ทั้งนี้มนุษย์จะได้พบกับความผาสุกและไปถึงยังสังคมในอุดมคติที่บรรดาศาสดาและบรรดาอิมามแห่งพระผู้เป็นเจ้าเพียรพยายามให้บรรลุถึงเป้าหมายนั้น",
"นมาซวันศุกร์ในกรุงเตหะราน เมืองเตหะราน เมืองกุม และเมืองมัชฮัด เป็นเมืองที่มีความพิเศษอันโดดเด่น และเมืองใหญ่ๆที่เป็นศูนย์กลาง ก็จะมีการทำนมาซวันศุกร์กัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมาทำกันที่ มัสญิดกลาง (มัสญิดญาเมี้ยะอ์)\nในรอบหนึ่งสัปดาห์มวลมุสลิมจะมารวมตัวกันเพื่อทำนมาซนี้ ซึ่งเป็นนมาซที่สำคัญในประวัติศาสตร์อิสลามแห่งอิหร่าน เป็นสถานที่ปราศรัยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ เพื่อกล่าวนโยบายทางด้านการเมืองและการบริหารประเทศของรัฐบาล มุฮัมหมัดคอรัซชาฮ์ กล่าวบรรยายธรรมในนมาซวันศูกร์เมื่อวันที่ 24 เดือน เมษายน ค.ศ. 1220 ว่า มองโกลคือบททดสอบหนึ่งแห่งฟากฟ้าล แต่ละคนต้องไปหรือจำนน นับตั้งแต่ยุคกษัตริย์ อิสมาอีล ที่หนึ่งแห่งราชวงศ์ซอฟะวีย์ การนมาซวันศุกร์ค่อยๆกลายเป็นที่ปราศัยอย่างเป็นทางการในสังคมชีอะฮ์แห่งอิหร่าน บรรดานักการศาสนาโดยเฉพาะ ท่านมุฮักกิก กะระกี ท่านคือบุคคลแรกที่ทำนมาซวันศุกร์ขึ้นอย่างเป็นทางการในมัสญิดกลางอะตีกแห่งเมืองอิสฟาฮาน ซึ่งเป็นที่ยอมรับของบรรดาฟะกีฮ์ส่วนใหญ่ หลังจากการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านเมื่อ 1357 การนมาซวันศุกร์ก็เบ่งบานมากขึ้น มีการจัดตั้งหน่วยงานและองค์กรเพื่อทำหน้าที่ดูแลด้านนี้โดยเฉพาะ ท่านผู้นำสูงสุดแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้บรรยายถึงความสำคัญของการนมาซวันศุกร์เอาไว้ ถือกันว่าวันที่ 5 เดือนโมรดอด ปี 1358 ตรงกับวันที่ 27กรกฎาคม 1979 หลังการก่อตั้งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน เป็นวันแรกที่มีการนมาซวันศุกร์ขึ้นอย่างเป็นทางการในกรุงเตหะราน ซึ่งนำนมาซโดย มะห์มูด ฏอลิกอนี ที่มหาวิทยาลัยเตหะราน ",
"การละทิ้งศาสนาอิสลาม หรือ การสิ้นสภาพจากการเป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม ( ', \"ริดดะฮ์\" หรือ ') หมายถึงการที่ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามได้ละทิ้งศาสนาอิสลามไปยึดมั่นในการปฏิเสธด้วยความเต็มใจ โดยสามารถเป็นการปฏิเสธทางกาย ทางจิตใจ หรือทางวาจา กรณีนี้รวมถึงผู้ที่ละทิ้งศาสนาอิสลาม อาจละทิ้งไปเปลี่ยนเข้ารับศาสนาอื่น โดยผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามโดยกำเนิด หรือผู้ที่เคยเปลี่ยนเข้ารับศาสนาอิสลามมาก่อน",
"ต่วน สุวรรณศาสน์ มีชื่อทางศาสนาว่าฮัจญีอิสมาแอล ยะห์ยาวี เกิดที่กรุงเทพฯ ได้ไปศึกษาวิชาการทางศาสนาอิสลามจากกรุงมักกะหฺ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นอาจารย์สอนศาสนาอิสลามที่มีชื่อเสียงและมีลูกศิษย์มาก ",
"ชาวอินโดนีเซียที่นับถือพุทธศาสนานิกายมหายานอยู่นั้นจะมีอยู่บนเกาะชวาได้แก่ ชาวชวา (นับถือพุทธศาสนาร้อยละ 1) และชาวซุนดา และจะมีชาวบาหลีบนเกาะบาหลี ซึ่งบางคนก็นับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดูแบบพื้นเมืองควบคู่กันไป และมีชาวซาซะก์บางคนที่นับถือศาสนาพุทธ และลัทธิวตูตลู ซึ่งเป็นศาสนาอิสลาม ที่รวมกับความเชื่อแบบฮินดู-พุทธ อยู่บ้างบนเกาะลอมบอก รวมไปถึงชาวจีนโพ้นทะเลที่อาศัยบนเกาะชวา ทุกๆปี ศาสนิกชนเหล่านี้จะมาประกอบพิธีในวันวิสาขบูชาที่บุโรพุทโธ ที่เมืองมุนตีลาน ที่อินโดนีเซียนี้ได้จัดตั้งสมาคมเพื่อสอนพระพุทธศาสนาแก่เยาวชน มีการบรรยายธรรม ปฏิบัติสมาธิ ออกวารสาร เช่น วารสารวิปัสสนา และวารสารธรรมจารณี ซึ่งการปกครองดูแลศาสนิกชนในอินโดนีเซียจะขึ้นกับพุทธสมาคมในอินโดนีเซีย มีสำนักงานใหญ่ในกรุงจาการ์ตา มีสาขาย่อย 6 แห่ง",
"ได้มีพ่อค้าชาวโปรตุเกสมาเฝ้าทูลอองพระบาท จึงมีพระกระแสสอบถามถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลก รวมถึงจำนวนพระมเหสีที่กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในแต่ในดินแดนทรงมี กัปตันทูลตอบว่ากษัตริย์ตะวันตกมีได้พระองค์เดียวเพราะศาสนากำหนดไว้ เว้นแต่สุลต่านแห่งรัฐอิสลามที่มีมเหสีได้สี่องค์ ส่วนเรื่องดินแดนต่างๆ นั้นกัปตันทูลเกี่ยวกับการยึดครองดินแดนที่ค้นพบใหม่ทางตะวันตก (ทวีปอเมริกา) พระเจ้าจักราทรงสนพระทัยและตรัสถามต่อไปว่าดินแดนเหล่านี้ย่อมมีผู้ปกครองเป็นเจ้าของอยู่แล้ว ไปยึดแย่งเขามาได้อย่างไร กัปตันตอบว่าเพื่อนำพวกชนพื้นเมืองสู่อารยธรรมและเผยแผ่คริสต์ศาสนา และด้วยเหตุนี้เองทำให้ประชาชน (ของโปรตุเกสและชาติมหาอำนาจตะวันตก) ต้องทำสงครามกับอาหรับและทำสงครามอื่นๆ นับครั้งไม่ถ้วน",
"ชาวจามในอดีตนับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดูและพุทธมหายานได้ปรากฏในโบราณสถานต่างๆของชาวจาม แต่ต่อมาชาวมลายูได้มาเผยแพร่ศาสนาอิสลามแก่ชาวจาม โดยชาวจามที่แบ่งตามศาสนาสามารถแยกออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่แขกจามในไทยสะสมมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ชาวจามเหล่านี้น่าจะถูกกวาดต้อนมาจากดินแดนของตัวเอง(เวียดนามปัจจุบัน)ตั้งแต่สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แล้วตั้งถิ่นฐานอยู่ในปริมณฑลของนครธม จนเมื่อถูกเจ้าสามพระยาโจมตีจึงเริ่มถูกกวาดต้อนมาอยู่อยุธยา ในช่วงสงครามคราวเสียกรุงครั้งที่สอง ชุมชนชาวจามนี้ก็เป็นกำลังส่วนหนึ่งในการสู้รบกับการรุกรานของพม่าด้วย แต่ภายหลังการหลังเสียกรุง ชาวจามที่เหลือรอดได้เข้าสวามิภักดิ์กับพระเจ้ากรุงธนบุรี และได้ตั้งถิ่นฐานที่บ้านครัว ในรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรี มีการรุกรานเขมรและกวาดต้อนครัวจามมาเพิ่มเติมที่บ้านครัวเพิ่มอีก",
"เยรูซาเลมตะวันออก (, ) เป็นส่วนหนึ่งของกรุงเยรูซาเลมที่มิได้เป็นส่วนหนึ่งของเยรูซาเลมตะวันตก โดยครอบคลุมเขตเมืองเก่าและสถานที่ศักดิสิทธิ์ที่สำคัญต่อศาสนาคริสต์ ศาสนายูดาห์ และศาสนาอิสลาม ได้แก่ เนินพระวิหาร, กำแพงโอดครวญ, โบสถ์พระคูหาศักดิ์สิทธิ์ มัสยิดอัลอักศอ และโดมแห่งศิลา ปัจจุบันเมืองนี้เป็นเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของรัฐปาเลสไตน์แม้ว่าที่ทำการรัฐบาลจะอยู่ที่รอมัลลอฮ์",
"พระเป็นเจ้ามีหลายพระนามแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรมที่นับถือว่าจะมองพระองค์เป็นใครและมีแง่มุมต่าง ๆ อย่างไร เช่น คัมภีร์ฮีบรูและคัมภีร์ไบเบิลภาคพันธสัญญาเดิมระบุว่าพระเป็นเจ้ามีพระนามว่า \"พระยาห์เวห์\" หรือ \"เราเป็น\" แต่ในศาสนายูดาห์มักหลีกเลี่ยงการออกพระนามศักดิ์สิทธิ์นี้ แล้วออกพระนามว่า \"เอโลฮิม\" หรือ \"อะโดนาย\" ซึ่งแปลเป็นภาษาไทยว่า \"องค์พระผู้เป็นเจ้า\" แทน ในศาสนาอิสลามมีพระนามพระเป็นเจ้าถึง 99 พระนาม พระนามที่ใช้มากที่สุดคือ \"อัลลอฮ์\" ",
"อย่างไรก็ตามไม่ว่าศาสนาอิสลามจะแตกออกเป็นหลายกลุ่ม แต่ศาสนาอิสลามที่ถูกต้องมีเพียงกลุ่มเดียวส่วนกลุ่มอื่นๆที่แตกแนวนั้นถือเป็นกลุ่มนอกศาสนา เพราะที่อยู่ของเขาเหล่านั้นคือไฟนรก ดังนั้นเราอาจจะสรุปได้ว่า ศาสนาอิสลาม มีนิกายเดียว (เพราะนิกายอื่นๆนั้นไม่ใช่อิสลาม ณ.ที่ อัลลอฮฺ)\nรายชื่อนิกายในศาสนาอิสลามจากตำราต่างๆ มานำเสนอรวมทั้งได้ผนวกกลุ่มต่างๆเท่าที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบันเข้าไปด้วย ซึ่งการนำเสนอนี้อาจแตกต่างไปจากตำราทั้งหลาย แต่ก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะแม้แต่ตำราเกี่ยวกับนิกายต่างๆในอิสลาม แต่ละเล่มต่างได้กล่าวไว้ ไม่เท่ากันและแตกต่างกันไป\nข้อสำคัญที่สุดที่ทุกท่านไม่ควรมองข้ามก็คือ แต่ละกลุ่มย่อมมีหลักความเชื่อ(อะกีดะฮ์หรืออุซูลุดดีน)และหลักปฏิบัติ(อัลฟิกฮ์หรืออะห์กาม)ที่เหมือนกันและแตกต่างกัน \nเพราะฉะนั้นทางเราใคร่ขอความร่วมมือจากทุกท่าน กรุณาส่งข้อมูลที่แท้จริงจากมัซฮับ(แนวทาง)ของท่านมายังเรา เพื่อเป็นข้อมูลแก่ผู้ใฝ่ศึกษาศาสนาอิสลามจะได้รับประโยชน์จากท่าน \nเช่นเดียวกันทางเราจะพยายามนำเสนอข้อมูลนิกายต่างๆแก่ท่านด้วย อินชาอัลลอฮ์",
"นายแช่ม พรหมยงค์ มีชื่อและนามสกุลเดิมว่า ซำซุดดิน มุสตาฟา เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444 ที่ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ บิดาชื่อ นายจำปา หรือ มุสตาฟา เป็นโต๊ะอิหม่าม แห่งมัสยิดพระประแดงและเป็นอาจารย์สอนศาสนาอิสลาม นายแช่มเองนั้นจบการศึกษาด้านศาสนาอิสลามจากมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ "
] |
อวัยวะภายในใดของมนุษยใดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุด? | [
"อวัยวะของสัตว์ทั่วๆ ไป รวมทั้งมนุษย์ ได้แก่ หัวใจ (heart), ปอด (lung), สมอง (brain), ตา (eye), คอ (neck), กระเพาะอาหาร (stomach), ม้าม (spleen), กระดูก (bones), ตับอ่อน (pancreas), ไต (kidney), ตับ (liver), ลำไส้ (intestine), ผิวหนัง (skin) (ซึ่งเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในมนุษย์), มดลูก (uterus), และกระเพาะปัสสาวะ (urinary bladder) อวัยวะของสัตว์ที่อยู่ภายในร่างกายเรียกว่า อวัยวะภายใน (internal organ หรือ viscera)"
] | [
"อวัยวะสืบพันธุ์สตรีหย่อน () หรือ ช่องคลอดหย่อน () หรือ อุ้งเชิงกรานหย่อน () เป็นภาวะที่ทำให้มีส่วนของช่องคลอด (vagina) ยื่นออกมาจากปากช่องคลอด (vulva) ส่วนใหญ่เกิดเมื่ออุ้งเชิงกรานหย่อน จากการคลอด หรือการยกของหนักจนเนื้อเยื่ออ่อนเสื่อมลงหรือฉีกขาด อาจทำให้เกิดมีท่อปัสสาวะโป่ง กระเพาะปัสสาวะหย่อน ลำไส้ตรงหย่อน อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างพร้อมๆ กันได้",
"การสลายตัวเอง () เป็นการเกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีที่มีน้ำย่อยเซลล์ออกมาจากตัวเอง ทำให้เนื่อเยื่อเกิดการสลายตัว และเนื่องจากการสลายตัวของเซลล์เองเป็นปฏิกิริยาทางเคมี จึงขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและสภาพของสิ่งแวดล้อมประกอบด้วย ถ้าอุณหภูมิสูงจะเกิดปฏิกิริยาการเน่าสลายตัวอย่างรวดเร็วเช่น ศพในบริเวณทะเลทราย ความร้อนระอุของทรายจะเป็นตัวช่วยเร่งให้ศพเกิดการเน่าสลายตัวเร็วยิ่งขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าอุณหภูมิต่ำจะเกิดปฏิกิริยาการเน่าสลายตัวอย่างช้าเช่น ศพในบริเวณขั้วโลกเหนือ ความเย็นของหิมะ ธารน้ำแข็งจะเป็นตัวช่วยรักษาสภาพของศพให้เกิดการเน่าสลายตัวอย่างช้า ๆ อวัยวะภายในร่างกายส่วนใดที่มีน้ำย่อยเซลล์จำนวนมาก อวัยวะในส่วนนั้นจะเกิดการเน่าสลายตัวอย่างรวดเร็ว เช่นเมื่อตายร่างกายจะเกิดการย่อยสลายที่บริเวณตับอ่อน ซึ่งจะเกิดการเน่าสลายตัวก่อนหัวใจเป็นต้น",
"อวัยวะของคอร์ติจะเกิดหลังการเกิดและพัฒนาการของท่อคอเคลีย (cochlear duct) ซึ่งอยู่ระหว่างท่อ scala tympani และ scala media\nแล้วเซลล์ขนด้านใน (IHC) และเซลล์ขนด้านนอก (OHC) ก็จะแยกพัฒนาการไปอยู่ในตำแหน่งที่สมควร และตามด้วยการจัดระเบียบของเซลล์ค้ำจุนต่าง ๆ\nการจัดระเบียบและรูปร่าง (topology) ของเซลล์ค้ำจุนจะกำหนดคุณสมบัติเชิงกลของเยื่อ ที่จำเป็นเพื่อไหวตามเสียงที่เฉพาะเจาะจงอย่างยิ่งภายในอวัยวะ\nพัฒนาการและการเติบโตของอวัยวะขึ้นอยู่กับยีนโดยเฉพาะ ๆ ซึ่งหลายอย่างได้กำหนดแล้วในงานศึกษาต่าง ๆ รวมทั้ง SOX2, GATA3, EYA1, FOXG1, BMP4, RAC1 เป็นต้น\nเพื่อให้เกิดพัฒนาการโดยเฉพาะ ๆ เช่นนี้ได้\nซึ่งโดยย่อก็คือ พัฒนาการของท่อคอเคลียและการเกิดเซลล์ขนในอวัยวะ\nการกลายพันธุ์ของยีนที่แสดงออกที่หรือใกล้อวัยวะของคอร์ติก่อนเกิดเซลล์ขน จะขัดขวางพัฒนาการของอวัยวะ ซึ่งอาจทำให้พิการ",
"ความเจ็บปวดจากโนซิเซ็ปชันอาจแบ่งเป็นที่มาจากอวัยวะภายใน (visceral) จากร่างกายส่วนลึก (deep somatic) และจากร่างกายส่วนตื้น (superficial somatic)\nอวัยวะภายในต่าง ๆ ไวมากต่อแรงยืด การขาดเลือดเฉพาะที่ และการอักเสบ แต่ไม่ค่อยไวต่อสิ่งเร้าอื่น ๆ ที่อาจทำให้อวัยวะอื่น ๆ เจ็บ เช่น ความร้อนไหม้ หรือการบาด\nความเจ็บปวดเพราะอวัยวะภายในจะเป็นแบบกระจาย ยากจะกำหนดตำแหน่งโดยเฉพาะ และบ่อยครั้งเกิดต่างที่ในอวัยวะอื่นที่ผิว ๆ ไกล ๆ \nบางครั้งอาจมีร่วมกับความคลื่นไส้และการอาเจียน โดยคนไข้อาจบอกว่าทำให้วิงเวียน อยู่ลึก ๆ เหมือนถูกบีบ หรือเจ็บแบบทื่อ ๆ (ไม่ใช่เจ็บจี๊ด) ",
"ไฮยีน่าลายจุดมีลักษณะไฮยีน่าคล้ายกับทั่วไป แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีน้ำหนักตัวได้มากถึง 60-70 กิโลกรัม เกือบเท่าสิงโตตัวเมีย มีขาคู่หน้ายาวกว่าขาคู่หลัง ดังนั้นเมื่อเวลาวิ่งจะวิ่งแบบหย่ง ๆ แต่ก็วิ่งได้เร็วถึง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้และเป็นผู้ปกครองฝูง มิเช่นนั้นตัวผู้จะเป็นฝ่ายกินลูกอ่อนจนหมดสิ้น อีกทั้งอวัยวะสืบพันธุ์ของตัวเมียนั้นยังมีลักษณะคล้ายกับองคชาตของตัวผู้ สามารถที่จะแข็งตัวได้ รวมทั้งเป็นที่ใช้ปัสสาวะด้วย โดยที่ช่องคลอดจะถูกเก็บไว้ในอวัยวะส่วนนี้ ซึ่งปัจจุบันยังไม่อาจหาคำอธิบายใด ๆ ในทางวิทยาศาสตร์ได้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่การที่ไฮยีน่าลายจุดมีอวัยวะสืบพันธุ์เช่นนี้ ทำให้การให้กำเนิดลูกไฮยีนาทำได้ยากด้วยเช่นกัน เพราะสายรกนั้นสั้นเกินกว่าที่จะลอดช่องคลอดออกมาได้ และสร้างความเจ็บปวดให้แก่แม่ไฮยีน่า",
"ข้อมูลเกี่ยวกับอุณหภูมิของสัตว์ไม่เป็นที่ทราบจนกระทั่งเทอร์มอมิเตอร์ได้รับการประดิษฐ์ขึ้น และทำให้พบว่าส่วนต่างๆ ของร่างกายสร้างและสูญเสียความร้อนต่างกันไปเป็นอันมาก แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วระบบการหมุนเวียนของกระแสโลหิตจะช่วยรักษาอุณภูมิเฉลี่ยภายในร่างกายอยู่บ้าง ฉะนั้นการระบุว่าส่วนใดของร่างกายที่สะท้อนอุณภูมิของอวัยวะภายในได้อย่างใกล้เคียงที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว ทวารหนักถือกันว่าเป็นตำแหน่งที่สะท้อนอุณภูมิของอวัยวะภายในได้อย่างใกล้เคียงที่สุด หรือในบางกรณีของเพศหรือสปีชีส์ก็อาจจะเป็นภายในช่องคลอด, มดลูก หรือ กระเพาะปัสสาวะ",
"ท้อง () เป็นอวัยวะที่อยู่ระหว่างส่วนอกและอวัยวะสืบพันธุ์ ภายในท้อง เรียกว่า ช่องท้อง มีอวัยวะภายในที่สำคัญหลายอย่าง เช่น กระเพาะอาหาร ไต ตับ ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่",
"อวัยวะเพศอื่นที่ซ่อนอยู่ถูกเรียกว่า \"อวัยวะเพศทุติยภูมิ\" หรือ \"อวัยวะสืบพันธุ์ภายใน\" อวัยวะที่สำคัญที่สุดได้แก่ต่อมบ่งเพศ โดยเฉพาะอัณฑะในเพศชายและรังไข่ในเพศหญิง ต่อมบ่งบอกเพศเป็นอวัยวะเพศที่แท้จริงซึ่งผลิตเซลล์สืบพันธุ์บรรจุดีเอ็นเอที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม อวัยวะเหลานี้ยังผลิตฮอร์โมนหลักส่วนใหญ่ที่ส่งผลต่อการพัฒนาทางเพศ และควบคุมอวัยวะเพศและพฤติกรรมทางเพศอื่น",
"ไฮยีนามักจะรวมตัวกันออกหาเหยื่อโดยมีตัวเมียเป็นจ่าฝูง ไฮยีนาตัวเมียนั้นจะมีอวัยวะเพศที่ขยายใหญ่ได้จนมีขนาดเท่ากับอวัยวะเพศของตัวผู้ ตัวใดที่มีลักษณะอวัยวะเพศคล้ายเพศผู้ จะสามารถเข้ากลุ่มตัวเมียได้ดี ไฮยีนาตัวเมียที่ไม่มีอวัยวะเพศผู้จะถูกขับออกจากกลุ่มตัวเมีย และไม่สามารถใช้ประโยชน์จากการมีกลุ่มได้ ไฮยีนาสามารถวิ่งได้เร็วถึง 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นิสัยค่อนข้างดุ ไฮยีนาตัวเมียจะมีรูปร่างที่ใหญ่กว่าตัวผู้ เนื่องจากจะเป็นฝ่ายดูแลลูก เพราะตัวผู้จะทำอันตรายและกินลูกไฮยีนาที่เกิดใหม่เป็นอาหารได้",
"ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงประกอบด้วยอวัยวะซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายในร่างกายและรอบๆ บริเวณเชิงกรานซึ่งทำหน้าที่ในกระบวนการสืบพันธุ์ ระบบสืบพันธุ์เพศหญิงประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ช่องคลอดทำหน้าที่รองรับอสุจิจากเพศชาย, มดลูกซึ่งช่วยรองรับทารกในครรภ์ และรังไข่ทำหน้าที่ผลิตไข่ เต้านมก็เป็นอวัยวะสืบพันธุ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในระยะการดูแลทารก",
"ดูความผิดปกติทั่ว ๆ ไป เช่น นิ่วในไต, นิ่วในถุงน้ำดี,ก้อนเนื้อในตับ เป็นต้น เพื่อยืนยันกับการตรวจอื่น ๆ ว่าพบก้อนเนื้อ ก้อนเนื้อที่พบเป็นก้อนเนื้อประเภทใด เป็นส่วนของอวัยวะใด หรือติดต่อกับอวัยวะใดบ้าง ติดตามดูความเปลี่ยนแลงของรอยโรค เพื่อช่วยในการเจาะอวัยวะที่สงสัย เพื่อการวินิจฉัยและการรักษา เพื่อดูเพศ, ความผิดปกติ, ขนาดของทารกในครรภ์ ดูความผิดปกติของเส้นเลือดดำ, เส้นเลือดแดง ว่ามีการอุดตัน, โป่ง หรือขอด เป็นต้น ดูจังหวะการเต้น การบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ ความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ และเส้นเลือดแดงส่วนต้น (ตรวจโดยผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจโดยเฉพาะ) ดูกล้ามเนื้อ ดูเอ็น ดูสมองเด็กแรกเกิดถึง 1 ขวบ",
"ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ () เนื่องจาก ปัญหาการแข็งตัวขององคชาต () เป็นอาการที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวได้แต่ไม่เพียงพอที่จะร่วมกิจกรรมทางเพศกับคู่สัมพันธ์ได้อย่างพึงพอใจ การแข็งตัวขององคชาตเป็นผลมาจากการสูบฉีดของเลือดเข้าไปเก็บไว้ในเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำภายในอวัยวะเพศ กระบวนการนี้ส่วนใหญ่มักจะถูกกระตุ้นที่เป็นผลมาจากการเร้าอารมณ์ทางเพศเมื่อสัญญาณถูกส่งจากสมองไปยังเส้นประสาทในอวัยวะเพศชาย สาเหตุความผิดปรกติทางอินทรีย์ที่สำคัญที่สุดคือโรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคเบาหวาน อีกทั้งปัญหาทางระบบประสาท (เช่นการบาดเจ็บจากการผ่าตัดต่อมลูกหมาก) การขาดฮอร์โมน (hypogonadism) และผลข้างเคียงของยา",
"อวัยวะที่สำคัญหลายชิ้นอยู่ภายในลำตัว ในช่องอกจะมีหัวใจและปอดซึ่งมีกระดูกซี่โครงคอยปกป้องอยู่ และส่วนช่องท้องจะมีอวัยวะที่สำคัญต่อการย่อยอาหาร เช่น ตับทำหน้าที่ผลิตน้ำดีซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยย่อยอาหาร ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหาร ทวารหนักซึ่งทำหน้าที่ขับถ่ายอุจจาระ ไส้ตรง (rectum) ทำหน้าที่กักอุจจาระก่อนขับถ่าย ถุงน้ำดีซึ่งเก็บน้ำดีและช่วยให้น้ำดีเข้มข้นขึ้น ท่อไต (ureter) เป็นทางผ่านของปัสสาวะไปยังกระเพาะปัสสาวะที่ทำหน้าที่เก็บปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ (urethra) ซึ่งเป็นทางผ่านของปัสสาวะและน้ำอสุจิผ่านถุงน้ำอสุจิ (seminal vesicle) และเชิงกรานซึ่งเป็นที่อยู่ของอวัยวะเพศชายและหญิง",
"จากการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์อวัยวะทั้งหมดภายในบ้าน พบว่าจำนวนศพที่อยู่ในบ้านมีทั้งหมดถึง 50 ศพด้วยกัน และเป็นชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ไม่เข้ากับร่างใดอีกมากมาย",
"เมดิแอสตินัม () หรือ ประจันอก หรือ อวัยวะคั่นระหว่างปอด เป็นกลุ่มของอวัยวะและโครงสร้างต่างๆ ภายในทรวงอกล้อมรอบด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันร่างแห เมดิแอสตินัมอยู่ตรงกลางของช่องอกประกอบด้วยหัวใจ หลอดเลือดใหญ่ของหัวใจ หลอดอาหาร ท่อลม เส้นประสาทกะบังลม (phrenic nerve) ท่อน้ำเหลืองอก (thoracic duct) ต่อมไทมัส และต่อมน้ำเหลืองในทรวงอก",
"อวัยวะเพศ () หรือ อวัยวะสืบพันธุ์ () เป็นโครงสร้างทางกายภาพที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อน และเป็นส่วนหนึ่งของระบบสืบพันธุ์ อวัยวะที่เห็นได้จากด้านนอกในเพศหญิงและชายเรียกว่าเป็น \"อวัยวะเพศปฐมภูมิ\" หรือ อวัยวะสืบพันธุ์ (genitals, genitalia) ส่วนอวัยวะภายในเรียกว่าเป็น \"อวัยวะเพศทุติยภูมิ\" หรือ \"อวัยวะสืบพันธุ์ภายใน\" ลักษณะที่เริ่มเกิดขึ้นในวัยเริ่มเจริญพันธุ์ เช่น ขนหัวหน่าวในผู้หญิงและผู้ชาย และหนวดในผู้ชาย เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงลักษณะทางเพศทุติยภูมิ (secondary sex characteristics)",
"ส่วนก้อนอวัยวะ เป็นส่วนที่รวมอวัยวะไว้เป็นก้อน ขดเป็นเกลียวตามรูปของเปลือก อวัยวะภายในประกอบไปด้วยต่อมน้ำลาย หัวใจ เหงือก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้ เป็นต้น",
"ในบางครั้งเนื้อเยื่อชั้นแอดเวนทิเชียก็มีหน้าที่เหมือนกับชั้นเยื่อเลื่อม (serosa) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่คลุมรอบอวัยวะเช่นกัน ในช่องท้อง อวัยวะใดจะคลุมด้วยชั้นแอดเวนทิเชียหรือชั้นเยื่อเลื่อมก็ขึ้นกับว่าเป็นอวัยวะในเยื่อบุช่องท้องหรืออวัยวะหลังเยื่อบุช่องท้อง",
"วิทยาเซลล์เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถช่วยให้สัตวแพทย์แยกเนื้องอกจากรอยโรค เทคนิคการตัดเนื้อออกตรวจที่นำมาใช้ส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอกและตำแหน่ง โดยก้อนขนาดเล็กมักได้รับการตัดออกอย่างสมบูรณ์ และส่งต่อไปยังแผนกพยาธิวิทยาเพื่อยืนยันสุขภาพเนื้อเยื่อโดยรอบว่าเนื้องอกที่ตัดออกมาไม่ได้มีเซลล์มะเร็งใด ๆ แต่ถ้าเนื้องอกมีขนาดใหญ่กว่า จะมีการนำกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็กออกมาสำหรับการวิเคราะห์ และการรักษาที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับผลลัพธ์ที่ตรวจพบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเนื้องอกและระดับของความรุนแรง การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมจะรวมถึงการตรวจเลือดเพื่อประเมินสุขภาพโดยรวมของสัตว์เลี้ยง, เอ็กซ์เรย์หน้าอกเพื่อตรวจสอบการแพร่กระจายในช่องปอด และการตรวจอัลตราซาวนด์ช่องท้องสำหรับการตรวจสอบการแพร่กระจายไปยังอวัยวะภายในอื่น ๆ",
"เหยื่อเกือบทั้งหมดเป็นโสเภณี ฆาตกรรมส่วนใหญ่เกิดในที่สาธารณะหรือกึ่งสาธารณะ เหยื่อทุกรายถูกเชือดคอ หลังจากนั้นซากศพจะถูกหั่นตรงช่วงท้องและบางครั้งที่อวัยวะเพศ คาดกันว่าเหยื่อจะถูกรัดคอให้เงียบเสียก่อนลงมือฆ่า มีหลายกรณีที่มีการตัดอวัยวะภายในออก จึงมีผู้อนุมานว่าฆาตกรอาจเป็นศัลยแพทย์หรือไม่ก็คนขายเนื้อ ซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้",
"แอกโซลอเติลเป็นซาลาแมนเดอร์ขนาดเล็ก ที่มีถิ่นที่อยู่ค่อนข้างจำกัด โดยจะพบได้เฉพาะทะเลสาบหรือพื้นที่ชุ่มน้ำใกล้กับกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโกเท่านั้น จุดเด่นของแอกโซลอเติลก็คือ มีพู่เหงือกสีแดงสดซึ่งเป็นอวัยวะช่วยในการหายใจซึ่งติดตัวมาตั้งแต่ฟักออกจากไข่ โดยที่ไม่หายไปเหมือนกับสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจำพวกอื่น เช่น กบหรือซาลาแมนเดอร์ชนิดอื่น ซึ่งที่ถือได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกประการหนึ่งของแอกโซลอเติล คือ เมื่ออวัยวะไม่ว่าส่วนใดของร่างกายขาดหายไปจะสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ไม่ว่าจะเป็นอวัยวะภายนอกหรืออวัยวะสำคัญภายในร่างกาย เช่น หัวใจ ปอด ",
"การที่อวัยวะเพศจะแข็งตัว สมองจะต้องส่งสัญญาณที่จะควบคุมระดับฮอร์โมนของเพศชาย เพื่อให้การไหลเวียนของเลือดไปสู่อวัยวะเพศ รวมทั้งกล้ามเนื้อภายใน แกนอวัยวะเพศชายซึ่งมี 2 แกน ลักษณะคล้ายฟองน้ำ เมื่อมีเลือดแดงวิ่งเข้าไปเต็มที่ เลือดดำถูกปิดกั้นอยู่ระยะหนึ่ง จึงทำให้อวัยวะเพศแข็งตึงขึ้น",
"ต่อมาการพัฒนาอวัยวะสืบพันธุ์ภายในและภายนอกกำหนดโดยฮอร์โมนสร้างจากต่อมบ่งเพศของทารกในครรภ์ (รังไข่หรืออัณฑะ) ส่งผลให้เซลล์ตอบสนองตาม อวัยวะเพศของทารกในครรภ์ตอนแรกมีลักษณะเหมือนอวัยวะเพศหญิง โดยมี \"รอยพับอวัยวะเพศและทางเดินปัสสาวะ (urogenital fold)\" คู่หนึ่งและท่อปัสสาวะอยู่ด้านหลังส่วนที่ยื่นออกมาตรงกลาง หากทารกมีอัณฑะ และหากอัณฑะสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และหากเซลล์ของอวัยวะเพศตอบรับต่อเทสโทสเตอโรน รอยพับจะขยายตัวและเชื่อมต่อกันในเส้นผ่ากลางกลายเป็นถุงอัณฑะ ส่วนที่ยื่นออกมาขยายใหญ่ข้นและตั้งตรงกลายเป็นองคชาต ส่วนขยายอวัยวะเพศและทางเดินปัสสาวะด้านในโตขึ้นห่อรอบองคชาต และเชื่อมต่อกันตรงเส้นกลางเป็นท่อปัสสาวะ",
"ผลจากแนวคิดเรื่องความสมดุลนี้ เปรียบมนุษย์ได้กับจักรวาลเล็ก ๆ ในจักรวาลใหญ่ ๆ ด้วยความรู้ภูมิปัญญาในสมัยนั้น ที่รู้จักดาวเคราะห์ 7 ดวง โลหะบนโลก 7 ชนิด และอวัยวะภายใน 7 อย่าง ด้วยความที่ 7 เป็นเลขพิเศษจึงแทนดาวเคราะห์ โลหะ และอวัยวะต่าง ๆ ตามตารางดังนี้",
"ปลาการ์ตูนออกลูกเป็นไข่และสามารถเปลี่ยนเพศได้ ปลาการ์ตูนจะเปลี่ยนเพศเมื่อสิ่งแวดล้อมกำหนดบทบาทให้ โดยในระยะแรกเริ่มหลังจากที่ฟักออกจากไข่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าเป็นเพศใด จนกว่าจะเป็นตัวเต็มวัยจึงจะปรากฏเป็นปลาเพศผู้ และในปลารุ่นเดียวกันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดจะต้องเปลี่ยนแปลงเป็นปลาเพศเมีย โดยในสังคมของปลาการ์ตูนกลุ่มหนึ่ง ๆ จะมีปลาเพศเมียเพียงตัวเดียวเท่านั้น ตัวใหญ่ที่สุดในฝูง สีสันไม่สดใสมากนัก พฤติกรรมก้าวร้าว ส่วนปลาเพศผู้มีขนาดเล็กกว่า สีสันสวยงามกว่า จากปลาเพศผู้ เมื่อมีสิ่งเร้าจากภายนอกและภายในเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ เทเลนฟาลอน (Telenephalon) จะส่งสัญญาณมาที่ทาลามัส (Thalamus) และไฮโปธาลามัส (Hypothalamus) ส่งคำสั่งไปยังต่อมใต้สมองให้หลั่งฮอร์โมนเฉพาะของเพศผู้ อวัยวะเป้าหมายส่วนที่ จะพัฒนาจนสามารถทำงานได้คืออัณฑะผลิตสเปิร์ม ส่วนตัวที่ใหญ่ ที่สุดจะมีพัฒนาการตรงกันข้าม ไฮโปธาลามัสจะส่งคำสั่งไปยังต่อมใต้สมองให้หลั่งฮอร์โมนเฉพาะของเพศเมีย อวัยวะเป้าหมายคือรังไข่ ผลิตไข่ และถ้าเพศเมียตายไป ปลาการ์ตูนเพศผู้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แข็งแกร่งที่สุด จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพศทดแทนด้วยกลไกแบบหลังภายใน 4 สัปดาห์ โดยจะเพิ่มขนาดอย่างรวดเร็ว พร้อมสีสันสวยน้อยลง ",
"ลำตัวแยกเป็นห้าแฉก ซึ่งเรียกว่าแขน ส่วนกลางมีลักษณะเป็นจานกลม ด้านหลังมีตุ่มหินปูนสีแดงขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วไป ตุ่มเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างเป็นหินปูนที่มีรูพรุนทั้งตัว มีรูก้นขนาดเล็กหนึ่งช่องอยู่ใกล้กึ่งกลางลำตัว ปากอยู่ด้านล่าง บริเวณจุดกึ่งกลางของลำตัว ใต้แขนแต่ละข้างมีหนวดสั้น ๆ เรียงตามส่วนยาวของแขนเป็นคู่ ๆ มีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อที่เหนียวและแข็งแรง ทำหน้าที่เสมือนเท้า นอกจากจะใช้ในการเคลื่อนที่แล้วยังใช้จับอาหารอีกด้วย ลำตัวและแขนทั้งห้าภายในมีลักษณะเป็นช่องติดต่อกัน ช่องของแต่ละแขนบรรจุอวัยวะสืบพันธุ์ และอวัยวะย่อยอาหารบางส่วน เมื่อแขนข้างหนึ่งข้างใดขาดหายไป จะมีแขนใหม่งอกขึ้นมาแทนที่ มีขนาดโตเต็มที่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 นิ้ว",
"หอยทะเลมีเนื้อนุ่ม ลำตัวไม่แบ่งเป็นปล้อง ประกอบด้วยหัว ตีน แผ่นเนื้อแมนเทิล และอวัยวะภายใน หอยทะเลส่วนมากที่หัวมีหนวดและตา (ยกเว้นหอยแปดเกล็ดและหอยกาบคู่) ที่ใช้เป็นอวัยวะรับสัมผัส หอยกาบเดี่ยวอาจมีจะงอยปากหรืองวงสำหรับช่วยในการกินอาหาร ตีนเป็นกล้ามเนื้อแข็งแรง ใช้ในการคืบคลานหรือขุดพื้นเพื่อฝังตัว พวกที่เคลื่อนที่ได้จึงมีตีนขนาดใหญ่และแข็งแรง เช่น หอยแปดเกล็ด หอยงาช้าง หอยกาบเดี่ยว หอยกาบคู่ที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้น ส่วนพวกที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ตีน เนื่องจากอยู่ติดกับที่ ตีนจะมีขนาดเล็กหรือไม่มีเลย เช่น หอยแมลงภู่ หอยนางรม สำหรับหอยงวงช้างกระดาษและหอยงวงช้างมุก ตีนเปลี่ยนรูป และอยู่รอบปาก มีลักษณะคล้ายหนวด ทำหน้าที่จับอาหารและช่วยในการพยุงตัว หอยมีแผ่นเนื้อแมนเทิลที่ห่อหุ้มอวัยวะภายในไว้ และขอบของแผ่นเนื้อนี้ทำหน้าที่สร้างเปลือก ระหว่างแผ่นเนื้อกับตีนเป็นช่องที่น้ำและอากาศผ่านเข้าออกได้เรียกว่า ช่องแมนเทิล ซึ่งมีเหงือกอยู่ภายใน",
"ความเจ็บปวดและความรู้สึกอื่น ๆ ในอวัยวะที่ไม่มี เกิดจากความเปลี่ยนแปลงในระบบประสาทกลางที่เกิดขึ้นเนื่องจากการตัดประสาท (denervation) จากอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง \nแต่ว่า ความเจ็บปวดในตาที่ไม่มีเกิดขึ้นน้อยกว่าการเจ็บปวดในอวัยวะอื่นเช่นแขนขาเป็นต้นที่ไม่มี\nความเจ็บปวดในแขนขาที่ตัดออกมีอัตราความชุกประมาณ 50% ถึง 78% เปรียบเทียบกับความเจ็บปวดในลูกตาที่เอาออกประมาณ 30%",
"มหกายวิภาคศาสตร์มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาโครงสร้างและการจัดเรียงตัวของอวัยวะและระบบอวัยวะในระดับมหภาค หรือระดับที่สายตาเปล่ามองเห็นได้ การศึกษาวิชานี้โดยทั่วไปคือการชำแหละ (dissection) ร่างกายของสัตว์หรือผู้บริจาคร่างกายเพื่อการศึกษา โดยการผ่าตัดเปิด (surgically open) เพื่อศึกษาอวัยวะต่างๆ นอกจากนั้นยังอาจใช้การส่องกล้อง (endoscopy) โดยอุปกรณ์ที่มีกล้องถ่ายวิดีโอติดตั้งอยู่ สอดเข้าไปผ่านทางช่องเปิดขนาดเล็กเพื่อศึกษาอวัยวะภายในและโครงสร้างอื่นๆ ในสัตว์ที่มีชีวิตอยู่"
] |
ผู้นำสูงสุดของกองทัพบกไทย เรียกว่าอะไร? | [
"สำหรับในประเทศไทยมีตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ จอมทัพ ซึ่งเรียกว่า จอมทัพไทย[1] โดยจอมทัพไทยไม่ใช่ยศทหาร ผู้ที่ดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย คือ พระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งเป็นทั้งประมุขและผู้นำทหารทั้งประเทศ ทรงดำรงพระยศ จอมพล จอมพลเรือ และ จอมพลอากาศ[2][3]"
] | [
"\"กรมแพทย์ทหารบก\" เป็นหนึ่งใน 3 กรมแพทย์ของกองทัพไทย และ เป็นหนึ่งใน 9 กรมฝ่ายยุทธบริการ ของกองทัพบกไทย กรมแพทย์ทหารบกมีหน้าที่วางแผนอำนวยการประสานงาน แนะนำกำกับการดำเนินการวิจัย และ พัฒนาเกี่ยวกับการผลิต, จัดหา, ส่งกำลัง, ซ่อมบำรุง, บริการ, พยาธิวิทยา, เวชกรรมป้องกัน, ทันตกรรมและการรักษาพยาบาล กำหนดหลักนิยม และ ทำตำรา ตลอดทั้งการฝึกศึกษา ทั้งนี้เกี่ยวกับกิจการ และ สิ่งอุปกรณ์ของเหล่าทหารแพทย์",
"การทดสอบยิงปืนทางยุทธวิธีกองทัพบก กลุ่มประเทศอาเซียน () เป็นกิจกรรมทางทหารของประเทศสมาชิกอาเซียน ริเริ่มจากผู้บัญชาการทหารบกของประเทศมาเลเซีย ที่ได้หารือกับเหล่าผู้บัญชาการทหารบกของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้มีกิจกรรมทางการทหารที่ปฏิบัติร่วมกัน เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีและความคุ้นเคยในระดับผู้นำเหล่าทัพ",
"แรมง ปวงกาเร – ประธานาธิบดีฝรั่งเศส René Viviani – นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส (13 มิถุนายน 1914 - 29 ตุลาคม 1915) Aristide Briand – นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส (29 ตุลาคม 1915 - 20 มีนาคม 1917) Alexandre Ribot – นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส (20 มีนาคม 1917 - 12 กันยายน 1917) Paul Painlevé – นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส (12 กันยายน 1917 - 16 พฤศจิกายน 1917) Georges Clemenceau – นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส (ตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน 1917) Joseph Joffre – หัวหน้าผู้บัญชาการทหารของกองทัพบกฝรั่งเศส (จนกระทั่ง 13 ธันวาคม 1916) Robert Nivelle – หัวหน้าผู้บัญชาการทหารของกองทัพบกฝรั่งเศส (จนกระทั่ง เมษายน 1917) ฟีลิป เปแต็ง – หัวหน้าผู้บัญชาการทหารของกองทัพบกฝรั่งเศส (ตั้งแต่ เมษายน 1917)",
"หมวดหมู่:นักการเมืองไทย หมวดหมู่:นายกรัฐมนตรีไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีไทยที่ไม่ได้ประจำกระทรวง หมวดหมู่:นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หมวดหมู่:อธิบดีกรมตำรวจและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หมวดหมู่:ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไทย หมวดหมู่:ผู้บัญชาการทหารบกของกองทัพไทย หมวดหมู่:ทหารบกชาวไทย หมวดหมู่:จอมพล หมวดหมู่:บุคคลจากกรุงเทพมหานคร หมวดหมู่:ชาวไทยเชื้อสายลาว หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ น.ร. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายหน้า) หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส.ร. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม. หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญจักรมาลา หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ อ.ป.ร.2 หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.1 หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หมวดหมู่:พรรคชาติสังคม หมวดหมู่:เสียชีวิตจากภาวะไตล้มเหลว หมวดหมู่:ผู้นำที่ขึ้นสู่ตำแหน่งจากรัฐประหาร หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย",
"พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2503 มาตรา 14 กำหนดอำนาจและหน้าที่กระทรวงกลาโหมและหน้าที่ของกองทัพบกไว้ว่า \"กองทัพบกมีหน้าที่เตรียมกำลังทางบก และป้องกันราชอาณาจักร มีผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ\"",
"กองทัพประชาชนเกาหลี (เกาหลี: 조선인민군 , ฮันจา: 朝鮮人民軍) เป็นกำลังทหารของประเทศเกาหลีเหนือ คิม จ็อง-อึนเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพประชาชนเกาหลีและประธานคณะกรรมาธิการป้องกันประเทศ กองทัพประชาชนเกาหลีประกอบด้วยห้าเหล่าทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กำลังจรวดยุทธศาสตร์และกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ นอกจากนี้ กองกำลังแดงพิทักษ์กรรมกร-ชาวนาก็อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกองทัพบก",
"เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 คิม อิล-ซ็อง มอบหมายให้ ชเว ยง-ก็อน () ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกองทัพประชาชนเกาหลี นำกองทัพประชาชนเกาหลีเข้ารุกรานเกาหลีใต้ข้ามเส้นขนานที่ 38 และเข้าบุกยึดนครโซลได้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประณามการกระทำของฝ่ายเกาหลีเหนือและลงมติให้ประเทศสมาชิกส่งกองกำลังรวมในนามของสหประชาชาติเข้าต้านทานการรุกรานของเกาหลีเหนือ ฝ่ายสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน ตัดสินใจนำส่งทัพเข้าช่วยเหลือฝ่ายเกาหลีใต้ ทัพอเมริกาเอาชนะทัพเกาหลีเหนือได้ในยุทธการวงรอบปูซาน และทัพผสมนานาชาติในนามของสหประชาชาติยกพลขึ้นบกที่เมืองอินชอน ในเดือนกันยายนทัพฝ่ายเกาหลีใต้สามารถยึดนครโซลคืนไปได้ ทัพเกาหลีเหนือจึงล่าถอยกลับไปเหนือเส้นขนานที่ 38",
"จอมพล เป็นยศทหารชั้นสูงสุดของกองทัพไทย โดยมียศที่เทียบเท่ากันของทั้งสามเหล่าทัพ ได้แก่ จอมพล (ทหารบก) จอมพลเรือ (ทหารเรือ) และจอมพลอากาศ (ทหารอากาศ) (ตามพระราชบัญญัติยศทหาร พ.ศ. ๒๔๗๙) โดยเป็นยศสูงกว่าพลเอก และเป็นรองแต่เพียงจอมทัพไทยเท่านั้น(จอมทัพเป็นตำแหน่งมิใช่ยศทางการทหาร จอมทัพไทยหรือพระมหากษัตริย์ทรงดำรงยศ จอมพล จอมพลเรือ และ จอมพลอากาศ)",
"ในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1940 ฝ่ายเยอรมันได้เริ่มการสู้รบที่ฝรั่งเศส.ฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก (ส่วนใหญ่ของกองทัพบกของฝรั่งเศส,เบลเยียมและอังกฤษ) ต้องพบกับความปราชัยภายใต้การรุกโจมตีของกลยุทธ์เชิงยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า บลิทซ์ครีก (Blitzkrieg-การโจมตีสายฟ้าแลบ) กองทัพส่วนใหญ่ของอังกฤษและบางส่วนของกองทัพฝรั่งเศสได้ทำการอพยพที่ดันเคิร์กไปยังแผ่นดินอังกฤษ.เมื่อการสู้รบได้ยุติลง.ทางฝ่ายเยอรมันได้เริ่มทำการพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับวิธีจัดการกับอังกฤษ หากอังกฤษปฏิเสธที่จะยอมเจราจาต่อในการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพ,อีกทางเลือกหนึ่งคือการรุกราน. อย่างไรก็ตาม,ครีกซมารีเนอได้รับความเสียหายอย่างหนักในนอร์เวย์และเพื่อที่จะออกคำสั่งในการพิจารณาที่จะทำการยกพลขึ้นบก,กองทัพอากาศแห่งเยอรมนี (ลุฟท์วัฟเฟอ) จะต้องมีอำนาจเหนือทางอากาศเป็นครั้งแรกหรืออำนาจสูงสุดทางอากาศ.",
"หมวดหมู่:บุคคลจากจังหวัดนนทบุรี หมวดหมู่:ชาวไทยเชื้อสายลาว หมวดหมู่:นักการเมืองไทย หมวดหมู่:นายกรัฐมนตรีไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไทย หมวดหมู่:สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนนทบุรี หมวดหมู่:สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครพนม หมวดหมู่:สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแบบบัญชีรายชื่อ หมวดหมู่:สมาชิกวุฒิสภาไทยแบบแต่งตั้ง หมวดหมู่:ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไทย หมวดหมู่:พรรคความหวังใหม่ หมวดหมู่:พรรคไทยรักไทย หมวดหมู่:พรรคเพื่อไทย หมวดหมู่:ทหารบกชาวไทย หมวดหมู่:ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไทย หมวดหมู่:ผู้บัญชาการทหารบกของกองทัพไทย หมวดหมู่:ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยนครพนม หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ภ. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.จ.ว. (ฝ่ายหน้า) หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ร. หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญจักรมาลา หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.4 หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง",
"เหตุการณ์ชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โดยแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) 15 คน และกลุ่มผู้ชุมนุม จำนวน 20,000 คน เคลื่อนขบวนจากท้องสนามหลวง ไปปิดล้อมบริเวณหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ บ้านพักรับรองสำหรับผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพบกไทย ซึ่ง พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ใช้พักอาศัยในกรุงเทพมหานคร เพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งประธานองคมนตรี เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมเชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549",
"หมวดหมู่:นักการเมืองไทย หมวดหมู่:นายกรัฐมนตรีไทย หมวดหมู่:รองนายกรัฐมนตรีไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย หมวดหมู่:บุคคลจากจังหวัดตาก หมวดหมู่:ทหารบกชาวไทย หมวดหมู่:ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไทย หมวดหมู่:ผู้บัญชาการทหารบกของกองทัพไทย หมวดหมู่:จอมพล หมวดหมู่:นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หมวดหมู่:อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หมวดหมู่:บุคคลจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายหน้า) หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ส.ร. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม. หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญจักรมาลา หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ อ.ป.ร.3 หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.1 หมวดหมู่:บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 14 ตุลา หมวดหมู่:บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 6 ตุลา หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หมวดหมู่:ผู้นำในสงครามเย็น หมวดหมู่:พรรคสหประชาไทย หมวดหมู่:พรรคชาติสังคม หมวดหมู่:เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมอง หมวดหมู่:ผู้นำที่ขึ้นสู่ตำแหน่งจากรัฐประหาร หมวดหมู่:สกุลกิตติขจร หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย",
"จอมพลเรือ เป็นยศทหารชั้นสูงสุดของกองทัพเรือไทย โดยมียศที่เทียบเท่ากันของทั้งสามเหล่าทัพ ได้แก่ จอมพล (ทหารบก) และจอมพลอากาศ (ทหารอากาศ) โดยเป็นยศสูงกว่าพลเรือเอก และเป็นรองแต่เพียงจอมทัพไทยเท่านั้น (จอมทัพเป็นตำแหน่งมิใช่ยศทางการทหาร จอมทัพไทยหรือพระมหากษัตริย์ทรงดำรงยศจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ) ตำแหน่งนี้ได้รับการก่อตั้งขึ้นในพ.ศ. 2431 ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว",
"คอนเสิร์ตชีวิตสัมพันธ์ สายธารสู่อิสานเขียว หรือที่นิยมเรียกกันว่าคอนเสิร์ต เวลคัม ทู อิสานเขียว เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ของวงคาราบาว จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ณ สนามกีฬากองทัพบก ซึ่งคอนเสิร์ตนี้มีผู้ชมมากกว่า 100,000 คน และได้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 อีกด้วย โดยรายได้จะนำไปมอบให้โครงการอิสานเขียวของกองทัพบก เพื่อแก้ปัญหาความแห้งแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในภายหลังได้มีการทำเทปออกมาวางจำหน่ายโดย อามีโก้ ด้วย ในปี พ.ศ. 2531\nแต๋ว แว่วหวาน , ต้อย , วิชาญ อามีโก้ , ทบ.",
"จอมพลอากาศ เป็นยศทหารชั้นสูงสุดของกองทัพอากาศไทย โดยมียศที่เทียบเท่ากันของทั้งสามเหล่าทัพ ได้แก่ จอมพล (ทหารบก) และจอมพลเรือ (ทหารเรือ) โดยเป็นยศสูงกว่าพลอากาศเอก และเป็นรองแต่เพียงจอมทัพไทยเท่านั้น(จอมทัพเป็นตำแหน่งมิใช่ยศทางการทหาร จอมทัพไทยหรือพระมหากษัตริย์ทรงดำรงยศจอมพล จอมพลเรือ และ จอมพลอากาศ)ตำแหน่งนี้ถูกก่อตั้งขึ้นในพ.ศ. 2480 ยศนี้ท่าเทียบกับยศกองทัพสหราชอาณาจักรจะได้ยศเป็นจอมพล",
"หมวดหมู่:อาชญากรสงครามชาวไทย หมวดหมู่:บุคคลจากจังหวัดนนทบุรี หมวดหมู่:นักการเมืองไทย หมวดหมู่:นายกรัฐมนตรีไทย หมวดหมู่:สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร หมวดหมู่:ผู้นำที่พ้นตำแหน่งจากรัฐประหาร หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทย หมวดหมู่:รัฐมนตรีไทยที่ไม่ได้ประจำกระทรวง หมวดหมู่:ทหารบกชาวไทย หมวดหมู่:จอมพล หมวดหมู่:ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไทย หมวดหมู่:ผู้บัญชาการทหารบกของกองทัพไทย พิบูลสงคราม หมวดหมู่:สมาชิกคณะราษฎร หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ น.ร. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ร.ว. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.จ. (ฝ่ายหน้า) หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม. หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญ ร.ด.ม.(ผ) หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญ ร.ด.ม.(ศ) หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญจักรมาลา หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ อ.ป.ร.1 หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญรัตนาภรณ์ ภ.ป.ร.1 หมวดหมู่:ชาวไทยเชื้อสายกวางตุ้ง หมวดหมู่:ชาวไทยเชื้อสายมอญ หมวดหมู่:อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หมวดหมู่:อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หมวดหมู่:บุคคลในสงครามโลกครั้งที่สอง หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หมวดหมู่:ชาวไทยที่เสียชีวิตในประเทศญี่ปุ่น หมวดหมู่:ผู้นำในสงครามเย็น หมวดหมู่:ผู้นำที่ขึ้นสู่ตำแหน่งจากรัฐประหาร หมวดหมู่:ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หมวดหมู่:ผู้รอดชีวิตจากการลอบสังหาร หมวดหมู่:สกุลพิบูลสงคราม หมวดหมู่:ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน หมวดหมู่:สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแบบแต่งตั้ง หมวดหมู่:ศาสตราจารย์พิเศษ",
"ต่อมาสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ขอใช้ที่ดินบริเวณส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยฯ เดิม เพื่อขยายสถานที่ทำงานของทำเนียบรัฐบาล ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ลงมติเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2530 อนุมัติหลักการให้สำนักนายกรัฐมนตรีใช้ที่ดินและอาคารสถานที่บริเวณส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยฯ เดิม และอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณให้กองทัพบกในการก่อสร้างอาคาร \"กองบัญชาการกองทัพบก\" แห่งใหม่ บริเวณส่วนบัญชาการโรงเรียนนายร้อยฯ เดิม คณะกรรมการโครงการก่อสร้างกองบัญชาการกองทัพบก จึงได้พิจารณาออกแบบอาคารขนาดใหญ่ที่ทันสมัย เพื่อเป็นศูนย์รวมในการปฏิบัติงานของผู้บังคับบัญชาชั้นสูง และฝ่ายเสนาธิการต่างๆ ของกองทัพบก ให้สามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พิธีวางศิลาฤกษ์กองบัญชาการกองทัพบกแห่งใหม่นี้ได้กำหนดขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2531 ระหว่างเวลา 08.49 - 09.29 นาฬิกา โดยมี พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ ผู้บัญชาการทหารบก รักษาราชการผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธี",
"หมวดหมู่:บุคคลจากจังหวัดนครราชสีมา หมวดหมู่:พุทธศาสนิกชนชาวไทย หมวดหมู่:ผู้นำ หมวดหมู่:นายกรัฐมนตรีไทย หมวดหมู่:นักการเมืองไทย หมวดหมู่:ทหารบกชาวไทย หมวดหมู่:ผู้บัญชาการทหารบกของกองทัพไทย หมวดหมู่:สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม. หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญราชอิสริยาภรณ์ ร.ม.ก. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ต.จ.ว. หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญจักรมาลา หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนพิบูลวิทยาลัย หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หมวดหมู่:บุคคลจากวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร หมวดหมู่:แม่ทัพภาคที่ 1 หมวดหมู่:ผู้นำที่ขึ้นสู่ตำแหน่งจากรัฐประหาร หมวดหมู่:คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หมวดหมู่:สโมสรฟุตบอลอาร์มี่ ยูไนเต็ด",
"กองทัพเรือไทย หรือ ราชนาวีไทย (คำย่อ: ทร., English: Royal Thai Navy) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อการปฏิบัติการทางทหารในทะเล ลำน้ำ และพื้นที่บริเวณชายฝั่งของประเทศไทย กองทัพเรือมีจำนวนกำลังพลประจำการเป็นลำดับ 2 (รองจากกองทัพบก) ซึ่งมีเรือปฏิบัติการด้วยเรือรบกว่า 74 ลำ อากาศยานกว่า 90 เครื่อง และกำลังรบทางบกอีก 2 กองพล นับเป็นกองทัพเรือที่มีความสำคัญในลำดับต้นของภูมิภาคเอเชีย กองทัพเรือมีผู้บัญชาการทหารเรือเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด โดยเป็นหน่วยงานในสังกัดของกองบัญชาการกองทัพไทย ที่มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บังคับบัญชา และอยู่ในสังกัดของกระทรวงกลาโหม",
"พระองค์ทรงจ้าง ร้อยเอก อิมเปย์ และ ร้อยเอก โทมัส ยอร์ช น็อกซ์ เป็นนายทหารนอกราชการของกองทัพอังกฤษประจำอินเดีย เดินทางเข้ามาในไทยเมื่อปี พ.ศ. 2394 ให้มาเป็นครูฝึกหัดทหารบก ฝึกทหารในกรมทหารอาสาลาวและเขมร ที่เข้ามาเป็นทหารเกณฑ์หัดแบบตะวันตกในวังหน้า และวังหลวง คนทั่วไปเรียกทหารหน่วยนี้ว่า ทหารอย่างยุโรป หรือ ทหารเกณฑ์หัดอย่างฝรั่ง หน่วยดังกล่าวนี้มีการจัดเป็น กองร้อย หมวด และหมู่ มีนายร้อย นายสิบ ควบคุมตามแบบฝรั่ง ดังนั้นใน พ.ศ. 2395 กองทหารที่ได้รับการฝึกและจัดแบบตะวันตก มีดังนี้กองทหารหน้าเป็นหน่วยที่ได้รับการฝึกแบบใหม่ มีอาวุธใหม่ และมีทหารประจำการมากกว่าทหารหน่วยอื่นๆ ทั้งยังมีความชำนาญในการรบมาพอสมควร เนื่องจากได้เข้าสมทบในกองทัพหลวงไปทำศึกที่เมืองเชียงตุง เมื่อปี พ.ศ. 2395 และ พ.ศ. 2396 การศึกทั้ง 2 ครั้งนี้ กองทหารหน้าได้สำแดงเกียรติภูมิในหน้าที่ของตนไว้อย่างน่าชมเชย จึงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยเป็นอย่างมาก ยามปกติกองทหารหน้ามีหน้าที่เข้าขบวนแห่นำตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกคราว นอกจากนั้นยังมีหน้าที่ปราบปรามโจรผู้ร้ายตามหัวเมืองต่างๆ เช่น ปราบปรามพวกอั้งยี่ที่มณฑลปราจีน และเมืองชลบุรีอีกด้วย จึงนับได้ว่า \"กองทหารหน้า\" นี้เองเป็นรากเหง้าของกองทัพบกในปัจจุบันนี้",
"หลังสงคราม เกรชโคได้เป็นผู้บัญชาการกองทัพในเคียฟจนถึงปี พ.ศ. 2496 ระหว่าง พ.ศ. 2496 และ พ.ศ. 2500 เกรชโค เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองกำลังโซเวียตใน เยอรมนีตะวันออก ในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2498 เกรชโค พร้อมกับเพื่อนร่วมงานระดับสูงอีกห้าทุกคนได้ถูกรับเลือกในความสามารถในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในรับการเลื่อนยศจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต ในช่วงปี พ.ศ. 2500-2503, เกรชโค ได้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพบกและ พ.ศ. 2503-2510 เขาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองกำลัง สนธิสัญญาวอร์ซอ ",
"12. พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พุทธศักราช 2551 เปลี่ยนชื่อกองบัญชาการทหารสูงสุด เป็น กองทัพไทย และเพิ่มกองบัญชาการกองทัพไทย ในส่วนราชการของกองทัพไทยระดับเดียวกับกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ",
"พระมหากษัตริย์ดำรงตำแหน่งจอมทัพไทยโดยนิตินัย ในทางปฏิบัติ กองทัพอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกระทรวงกลาโหม มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้สั่งการ และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของกองบัญชาการกองทัพไทย โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้บัญชาการ กองทัพไทยแบ่งออกเป็น 3 เหล่าทัพ ได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ทุกวันนี้กองทัพไทยมีกำลังทหารทั้งสิ้น 1,025,640 นาย และมีกำลังหนุนกว่า 200,000 นาย และมีกำลังกึ่งทหารประจำการกว่า 113,700 นาย[57] ในปี 2558 เครดิตสวิสจัดอันดับว่าประเทศไทยมีดัชนีกำลังทางทหารสูงเป็นอันดับที่ 16 ของโลก[58] งบประมาณกลาโหมเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจาก 78,100 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 207,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2559 คิดเป็นประมาณร้อยละ 1.5 ของจีดีพี[59][60]",
"เวลคัม ทู อิสานเขียว หรือที่นิยมเรียกกันว่าคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตสายธารสู่อิสานเขียว เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ของวงคาราบาว จัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ณ สนามกีฬากองทัพบก ซึ่งคอนเสิร์ตนี้มีผู้ชมมากกว่า 100,000 คน และมีการบันทึกเทปแสดงสดทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 อีกด้วย โดยรายได้จะนำไปมอบให้โครงการอิสานเขียว ของกองทัพบก เพื่อแก้ปัญหาความแห้งแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในภายหลังได้มีการทำเทปออกมาวางจำหน่ายโดย อามีโก้ ในปี พ.ศ. 2531 ด้วย\nแต๋ว แว่วหวาน , ต้อย , วิชาญ อามีโก้ , ทบ.",
"สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (English: Royal Thai Army Radio and Television; ชื่อย่อ: ททบ.) เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestrial Television) ของกองทัพบกไทย และเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งที่สองของประเทศไทย เริ่มแพร่ภาพเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2501 ในระบบวีเอชเอฟ เดิมออกอากาศเป็นภาพขาวดำ ทางช่องสัญญาณที่ 7 จึงเรียกว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 (ททบ.7) หรือ ช่อง 7 (ขาว-ดำ) ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 จึงย้ายมาออกอากาศด้วยภาพสี ทางช่องสัญญาณที่ 5 จึงเรียกว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) จนถึงปัจจุบัน มี พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานกรรมการบริหารกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์กองทัพบก และ พลเอก กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่",
"เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 พื้นที่บางส่วนของพระราชวังดุสิตตกไปอยู่ภายใต้ความดูแลของกองทัพบก รวมทั้ง พระตำหนักสวนหงส์ด้วย จนกระทั่ง พ.ศ. 2532 พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ได้ทำหนังสือกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายคืนพื้นที่ภายใต้ความดูแลของกองทัพบกให้แก่สำนักพระราชวัง พระตำหนักสวนหงส์จึงได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้มีความสมบูรณ์อีกครั้ง",
"ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นชื่อตำแหน่งของผู้บังคับบัญชาระดับบนสุดของกองทัพไทยและกองบัญชาการกองทัพไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2551 เป็นต้นมา (ก่อนหน้านั้น กองบัญชาการกองทัพไทย มีชื่อเรียกว่า กองบัญชาการทหารสูงสุด)",
"กองทัพบกเยอรมัน หรือเรียกว่า แฮร์ (, ) เป็นกองทัพบกเยอรมันในส่วนหนึ่งของกองทัพเวร์มัคท์,กองทัพประจำของเยอรมันในปี 1935 จนกระทั่งถูกปลดและสลายตัวในเดือนสิงหาคม ปี 1946.กองทัพเวร์มัคฺได้รวมถึงครีคส์มารีเนอ (กองทัพเรือ),และลุฟท์วัฟเฟอ (กองทัพอากศ).ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง,จำนวนทหารทั้งหมด 13 ล้านนายรับใช้ในกองทัพเยอรมัน.บุคลากรของกองทัพส่วนใหญ่มาจากการเกณฑ์.",
"จากการรายงานในการบุกอิรักเมื่อปีพ.ศ. 2546 ไทป์ 69-คิวเอ็มถูกใช้โดยกองทัพบกอิรักเพื่อป้องกันเมื่อนาซิรายาห์ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2546 พวกมันส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นรังปืนใหญ่ พวกมันยังเป็นกุญแจสำคัญในการโจมตีซึ่งสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับกองร้อยซ่อมบำรุงที่ 507 ของกองทัพบกและกองร้อยชาร์ลีของนาวิกโยธินสหรัฐ ก่อนที่เอเอช-1 คอบราจะเข้ามาทำลายพวกมัน ไทป์ 69 สองคันได้ทำลายพาหนะของกองร้อยที่ 507 ไปอย่างน้อยสี่คัน นอกจากนนี้ยังมีไทป์ 69 ประมาณสี่คันที่ซ่อนอยู่ในตกและกระหน่ำยิงเข้าใส่เอเอวีหลายคันของกองร้อยชาร์ลีอีกด้วย\nไทป์ 59 และ 69 บางคันที่ไม่สามารถทำงานได้ถูกนำมาใช้เป็นเป้าล่อหรือเครื่องกัดขวาง\nในรุ่นนี้ได้รับการส่งออกอย่างกว้างขวางและผลิตโดยบริษัทของปากีสถานภายใต้ใบอนุญาต ไทป์ 69-II ถูกเรียกว่าไทป์ 30 ในกองทัพบกไทย\nไทป์ 69 และ 79 ของพลเรือนถูกใช้เพื่อพัฒนารถถังดับเพลิงของจีน ปัจจุบันมีเพียง 3 คันเท่านั้นในจีน",
"โรงเรียนเสนาธิการทหารเรือ ชื่อย่อ รร.สธ.ทร. เดิมชื่อ โรงเรียนนายทหารเรือ เป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูงของกองทัพเรือ ขึ้นอยู่กับสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง และอยู่ในระดับเดียวกับ สถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง ของกองทัพบก และ สถาบันวิชาการทหารอากาศชั้นสูง ของกองทัพอากาศ"
] |
สงครามโลกครั้งที่2 ยุติเมื่อไหร่? | [
"สงครามโลกครั้งที่สอง (English: World War II หรือ Second World War[note 1]; มักย่อเป็น WWII หรือ WW2) เป็นสงครามทั่วโลกกินเวลาตั้งแต่ปี 1939 ถึง 1945 ประเทศส่วนใหญ่ในโลกมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐมหาอำนาจทั้งหมด แบ่งเป็นพันธมิตรทางทหารคู่สงครามสองฝ่าย คือ ฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ เป็นสงครามที่กว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์ มีทหารกว่า 100 ล้านนายจากกว่า 30 ประเทศเข้าร่วมโดยตรง สงครามนี้มีลักษณะเป็น \"สงครามเบ็ดเสร็จ\" คือ ประเทศผู้ร่วมสงครามหลักทุ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ทั้งหมดเพื่อความพยายามของสงคราม โดยลบเส้นแบ่งระหว่างทรัพยากรของพลเรือนและทหาร ประเมินกันว่าสงครามมีมูลค่าราว 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ[3] ประเมินกันว่ามีผู้เสียชีวิตระหว่าง 50 ถึง 85 ล้านคน ด้วยประการทั้งปวง สงครามโลกครั้งที่สองจึงนับว่าเป็นสงครามขนาดใหญ่ที่สุด ใช้เงินทุนมากที่สุด[4] และมีผู้เสียชีวิตสูงสุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ[5]"
] | [
"การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป มกราคม พ.ศ. 2489 นับเป็น การเลือกตั้งในประเทศไทยเป็นครั้งที่ 4 การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นครั้งหนึ่งที่สำคัญ เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกหลังสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง",
"สงครามในยุโรปยุติลงหลังกองทัพแดงยึดกรุงเบอร์ลินได้ และการยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขของเยอรมนีเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1945 แม้จะถูกโดดเดี่ยวและตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบอย่างยิ่ง ญี่ปุ่นยังปฏิเสธที่จะยอมจำนน กระทั่งมีการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์สองลูกถล่มญี่ปุ่น และการบุกครองแมนจูเรีย จึงได้นำไปสู่การยอมจำนนอย่างเป็นทางการของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 1945",
"ภายหลังสงครามนโปเลียนยุติลง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างปี พ.ศ. 2457 – 2461 เดนมาร์กได้ดำเนินนโยบายเป็นกลาง และเมื่อปี พ.ศ. 2482 ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 เดนมาร์ก ได้ประกาศความเป็นกลาง อย่างไรก็ดี เดนมาร์กถูกกองทัพเยอรมัน เข้ายึดครอง เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2483 ซี่งนำไปสู่การรวมตัว ของขบวนการต่อต้าน ของประชาชนชาวเดนมาร์ก โดยตลอดช่วงสงคราม ฝ่ายเยอรมันได้ตอบโต้ ด้วยการเข้าปกครองเดนมาร์กโดยตรง จนกระทั่งวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 เดนมาร์ก ถูกปลดปล่อย โดยกองกำลังพันธมิตร และภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เดนมาร์กได้รับรอง ความเป็นเอกราชของไอซ์แลนด์ ซึ่งได้ประกาศตัวเป็นเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2487",
"พ.ศ. 2490 ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงได้ 2 ปี การฝึก \"ยุวชนทหาร\" ได้ถูกยกเลิกตามพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติยุวชนแห่งชาติ พุทธศักราช 2490 อย่างไรก็ตาม ความจำเป็นในด้านการเตรียมกำลังสำรองสำหรับประเทศยังคงมีอยู่ จึงได้มีการจัดตั้งกรมการรักษาดินแดนในปี พ.ศ. 2491 ขึ้นเพื่อทำการฝึกนักศึกษาวิชาทหารเป็นกำลังสำรองทดแทนยุวชนทหารสืบต่อมา",
"อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตและรัฐบริวารนั้น คำว่า \"จักรวรรดินิยม\" เกือบทั้งหมดจะถูกปรับระดับนำเอาไปใช้กับประเทศมหาอำนาจที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของโลก คือประเทศสหรัฐอเมริกา",
"รถถังขนาดกลางมาทิลดา เอ็มเค II คันนี้ได้ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี 1936 ถึง 1938 และมียอดการผลิตทั้งหมด 2987 คันเมื่อการผลิตยุติการผลิตลงในเดือนสิงหาคม 1943 รถถังรุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวที่เข้าประจำการตลอดการรบในสงครามโลกครั้งที่ 2",
"สำหรับปฏิบัติการทางทหารของประเทศตองงาเกิดขึ้นครั้งแรกในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพนิวซีแลนด์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการก่อตั้งกองกำลังป้องกันตองงาขึ้น จนกระทั่งสงครามยุติจึงประกาศยกเลิกหน่วยงานนี้ อย่างไรก็ตามกองกำลังป้องกันตองงาได้เริ่มดำเนินการอีกครั้งในปี ค.ศ. 1946 นับแต่นั้น กองกำลังป้องกันตองงามีโอกาสทำหน้าที่รักษาสันติภาพในหลายดินแดน ที่สำคัญคือการรักษาสันติภาพในบูเกนวิลล์ ประเทศปาปัวนิวกินี การรักษาสันติภาพในหมู่เกาะโซโลมอน การเข้าร่วมกองกำลังผสมนานาชาติเพื่อรักษาสันติภาพในอิรัก รวมไปถึงการร่วมรบในอัฟกานิสถาน ซึ่งตองงาส่งกองกำลังครึ่งหนึ่งของทั้งกองทัพเข้าร่วมรบในครั้งนี้",
"หลังการทิ้งระเบิดลูกที่สองเป็นเวลา 6 วัน ญี่ปุ่นประกาศตกลงยอมแพ้สงครามต่อฝ่ายพันธมิตรเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 และลงนามในตราสารประกาศยอมแพ้สงครามมหาสมุทรแปซิฟิกที่นับเป็นการยุติสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 (นาซีเยอรมนีลงนามตราสารประกาศยอมแพ้และยุติสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรปอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2488) การทิ้งระเบิดทั้งสองลูกดังกล่าวมีส่วนทำให้ประเทศญี่ปุ่นต้องยอมรับหลักการ 3 ข้อว่าด้วยการห้ามมีอาวุธนิวเคลียร์",
"เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 2486 - 2488 เขาได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยและมาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการสร้างระเบิดปรมาณูเพื่อยุติสงครามในโครงการแมนฮัตตันที่บริเวณลอสอาลาโมส รัฐนิวเม็กซิโก[2]",
"ช่วงหลังปี 2490 ถือเป็นช่วงยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ไทย สตูดิโอถ่ายทำและภาพยนตร์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อประเทศไทยเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ภาพยนตร์ไทยก็ซบเซาลง กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ กิจการภาพยนตร์ในประเทศไทยค่อย ๆ ฟื้นตัว ได้เปลี่ยนไปสร้างเป็นภาพยนตร์ขนาด 16 มิลลิเมตรแทน และเมื่อบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะคับขัน ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องได้แสดงบทบาทของตนในฐานะกระจกสะท้อนปัญหาการเมืองและสังคมระหว่าง พ.ศ. 2516–2529 ต่อมาภาพยนตร์ไทยในช่วงปี 2530–2539 โดยในตอนต้นทศวรรษวัยรุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ นอกจากภาพยนตร์ประเภทวัยรุ่นแล้ว หนังผี และหนังบู๊ รวมทั้งหนังโป๊ และหนังเกรดบี ก็มีการผลิตมามากขึ้น",
"โซคา กักไก ก่อตั้งโดย อาจารย์จึเนะซาบุโร มาคิงุจิ ซึ่งเป็นนักวิชาการการศึกษา ซึ่งอาจารย์จึเนะซาบุโร มาคิงุจิ ได้ก่อตั้ง \"สมาคมการศึกษาสร้างคุณค่า\" ขึ้นมาเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1930 ท่านเป็นผู้เขียน \"ทฤษฎีการสร้างคุณค่า\" และได้ทุ่มเทให้กับการแผยแผ่ธรรมจนถูกรัฐบาลทหารในสมัยนั้นกลั่นแกล้งจับกุม เนื่องจากไม่ยอมให้สมาคมฯขึ้นตรงอยู่ภายใต้นิกายชินโตซึ่งถูกครอบงำทางการทหาร(กองทัพญี่ปุ่นเริ่มบุกจีน ค.ศ.1937 สงครามโลกยุติ ค.ศ.1945) อ.มาคิงุจิถูกคุมขังในคุกเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1943 และถึงแก่มรณกรรมในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1944 ในเรือนจำ ส่วนอ.โทดะประธานสมาคมคนที่ 2 ซึ่งถูกจับกุมเข้าคุกก่อนหน้า 3 วันได้รับอิสรภาพภายหลังสงครามยุติ",
"แต่ภายหลังที่ได้แชมป์โลกแล้ว เขาค้อไม่สามารถที่จะป้องกันตำแหน่งไว้ได้เลยแม้สักครั้งเดียว โดยป้องกันตำแหน่งครั้งแรกก็แพ้แตก \"ไอ้ผมม้า\" มูน ซัง กิล นักมวยเกาหลีใต้ ถึงโซล ประเทศของผู้ท้าชิง และเมื่อได้โอกาสแก้มือ แม้สามารถเอาชนะไปได้ ได้แชมป์โลกกลับคืน เมื่อต้องป้องกันตำแหน่งครั้งแรก ในสมัยที่ 2 แพ้ทีเคโอ หลุยส์ ซีโต้ เอสปิโนซา นักมวยชาวฟิลิปปินส์ ไปในยกแรก แบบไม่น่าเชื่อ เพราะการชกยังไม่ทันได้เริ่มขึ้นเท่าไหร่ เขาค้อ จู่ ๆ ก็ล้มลงบนเวทีเสียเฉย ๆ โดยไม่ได้ถูกหมัดของคู่ชก และกรรมการก็ได้โบกมือยุติการชกทันที ด้วยเวลาเพียง 2.13 นาทีของยกแรกเท่านั้น",
"โรงพยาบาลอุตรดิตถ์ เป็นโรงพยาบาลศูนย์ สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2483 ช่วงก่อนยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยคุณพระสมัครสโมสร ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ในขณะนั้น ได้ประชุมคณะกรรมการ จังหวัดอุตรดิตถ์ อนุมัติเงินบำรุงท้องที่จัดซื้อที่ดิน เนื้อที่ 28 ไร่ 50 ตารางวา ",
"วันที่ 28 สิงหาคม การยึดครองญี่ปุ่นโดยผู้บัญชาการสูงสุดแทนฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มขึ้น พิธียอมจำนนจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน บนเรือรบยูเอสเอส มิสซูรี (BB-63) ของกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งข้าราชการจากรัฐบาลญี่ปุ่นลงนามตราสารยอมจำนนของญี่ปุ่น และยุติความเป็นศัตรูกันในสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งพลเรือนและทหารฝ่ายสัมพันธมิตรล้วนเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะเหนือญี่ปุ่น อย่างไรก็ดี ทหารและกำลังพลบางส่วนที่ถูกโดดเดี่ยวของจักรวรรดิญี่ปุ่นทั้งในทวีปเอเชียและหมู่เกาะแปซิฟิกปฏิเสธที่จะยอมจำนนเป็นเวลาหลายเดือนและหลายปีหลังจากนั้น บางคนปฏิเสธกระทั่งคริสต์ทศวรรษ 1970 บทบาทของการทิ้งระเบิดปรมาณูในการยอมจำนนของญี่ปุ่น และจริยธรรมของการโจมตีทั้งสองยังเป็นที่ถกเถียง สถานะสงครามระหว่างญี่ปุ่นและฝ่ายสัมพันธมิตรยุติลงอย่างเป็นทางการเมื่อสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1952 และอีกสี่ปีให้หลัง ก่อนที่ญี่ปุ่นและสหภาพโซเวียตจะลงนามแถลงการณ์ร่วมโซเวียต–ญี่ปุ่น ค.ศ. 1956 ซึ่งยุติสถานะสงครามระหว่างสองประเทศอย่างเป็นทางการ",
"วันชัยเหนือญี่ปุ่น () หรือวันชัยในแปซิฟิก () เป็นวันที่ประเทศญี่ปุ่นยอมจำนนในสงครามโลกครั้งที่สอง ส่งผลให้ยุติสงคราม คำนี้ใช้กับวันที่มีการประกาศการยอมจำนนของญี่ปุ่นในขั้นต้น คือ บ่ายวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ในประเทศญี่ปุ่น และด้วยข้อแตกต่างของเขตเวลา จึงหมายถึงวันที่ 14 สิงหาคม ค.ศ. 1945 (เมื่อมีการประกาศในสหรัฐอเมริกาและทวีปอเมริกาและหมู่เกาะแปซิฟิกตะวันออกที่เหลือ) เช่นเดียวกับวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 ซึ่งมีการลงนามตราสารยอมจำนนอันยุติสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ",
"คาบสมุทรเกาหลีถูกจักรวรรดิเกาหลีปกครองเรื่อยมากระทั่งถูกผนวกเข้ากับญี่ปุ่นหลังสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น พ.ศ. 2448 และถูกแบ่งเป็นเขตยึดครองโซเวียตและอเมริกาใน พ.ศ. 2488 หลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติ เกาหลีเหนือปฏิเสธจะเข้าร่วมการเลือกตั้งที่สหประชาชาติอำนวยการ ซึ่งจัดที่กรุงโซลใน พ.ศ. 2491 และนำไปสู่การสถาปนารัฐบาลเกาหลีแยกในเขตยึดครองทั้งสอง ทั้งเกาหลีเหนือและใต้ต่างอ้างอธิปไตยเหนือคาบสมุทรเกาหลีทั้งหมด และนำไปสู่สงครามเกาหลีใน พ.ศ. 2493 ความตกลงสงบศึกชั่วคราว พ.ศ. 2496 ยุติการสู้รบ อย่างไรก็ดี ทั้งสองยังถือว่าอยู่ในภาวะสงครามต่อกันและกันอย่างเป็นทางการ เนื่องจากยังไม่มีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพแต่อย่างใด[1] ทั้งสองรัฐได้รับการยอมรับเข้าสู่สหประชาชาติใน พ.ศ. 2534[2]",
"นอกจากนี้เพื่อให้สามารถผ่านสถานการณ์รบที่ชะงักงันนี้และรุกคืบต่อไปได้ แนวรบด้านตะวันตกจึงปรากฏเทคโนโลยีทางการทหารรูปแบบใหม่หลายประการ เช่น ก๊าสพิษ อากาศยาน และรถถัง แต่ก็ไม่ได้มีผลมากสักเท่าไหร่ มีเพียงยุทธวิธีและชั้นเชิงการรบที่พัฒนาขึ้นใหม่เท่านั้นที่ช่วยให้สามารถรุกคืบไปได้บางส่วน ต่อมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 1918 ผลของสนธิสัญญาเบรสท์-ลีตอฟสก์ที่ยุติการสู้รบในแนวรบด้านตะวันออกบวกกับยุทธวิธีแทรกซึมทางการทหาร ได้ช่วยให้กองทัพเยอรมันสามารถรุกคืบไปทางทิศตะวันตกเป็นระยะทางเกือบ ซึ่งนับเป็นการรุกคืบที่มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นสงครามในปี ค.ศ. 1914 และเกือบช่วยให้ฝ่ายเยอรมันสามารถบุกทะลวงแนวตั้งรับของศัตรูไปได้",
"นับแต่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เกาหลีเหนือ-ใต้ โดยมีการประชุมสุดยอดผู้นำ 3 ครั้ง , ครั้งที่ 1 ; 13 – 15 มิถุนายน 2543 ในรัฐบาล คิม แด-จุง กับ คิม จ็อง-อิล จัดขึ้นที่ กรุงเปียงยาง , เกาหลีเหนือ โดยมีข้อตกลงเพื่อลดความตึงเครียดจากสมัยสงครามเย็นและเพิ่มความพยายามในการรวมชาติ เจรจาเปิดนิคมอุตสาหกรรมในเมืองแกซอง , ครั้งที่ 2 2 – 4 ตุลาคม 2550 ในรัฐบาล โน มู-ฮย็อน กับ คิม จ็อง-อิล จัดขึ้นที่ กรุงเปียงยาง , เกาหลีเหนือ โดยมีข้อตกลงให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดอาวุธนิวเคลียร์ และทำข้อตกลงสันติภาพถาวรระหว่างกัน \nและครั้งที่สาม 27 เมษายน 2561 จัดขึ้นที่ หมู่บ้านปันมุนจอม เกาหลีใต้ ในรัฐบาล มุน แจ-อิน กับ คิม จ็อง-อึน โดยจุดมุ่งหมายของการประชุมครั้งนี้ เพื่อแถลงการณ์และร่วมกันหาทางออกยุติบทบาทของสงครามดังกล่าว ในการเจรจาครั้งนี้เกาหลีใต้อาจจะเสนอการยุตินิวเคลียร์เป็นสิ่งสำคัญ และ และมีข้อเสนอเล็กน้อยถึงเกาหลีเหนือในการยุติโครงการอาวุธ",
"ยุคเมจิหลังปี 2411 เป็นจุดเริ่มปรับประเทศญี่ปุ่นให้ทันสมัย\nโดยมีการปฏิรูปทางประชาธิปไตยอย่างจำกัดด้วย\nต่อมาในยุคไทโช (2455-2469) จึงมีการปฏิรูปเพิ่มขึ้น\nแต่ยุคโชวะก่อนสงคราม (2469-2488) ที่ตามมาก็พลิกกลับจนกระทั่งยุติสงครามโลกครั้งที่ 2",
"แม้สเปนจะวางตัวเป็นกลางทั้งในสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ต้องเผชิญกับสงครามกลางเมือง (ค.ศ. 1936-1939) ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักให้กับประเทศดังกล่าวไปแล้ว หลังจากประกาศยุติการสู้รบอย่างเป็นทางการ นายพลฟรันซิสโก ฟรังโกได้ประกาศเปลี่ยนชื่อสาธารณรัฐสเปนเป็น \"รัฐสเปน\" (Spanish State; \"Estado Español\") ซึ่งเป็นความต้องการที่จะแยกความแตกต่างของระบอบการปกครองใหม่ออกจากทั้งระบอบราชาธิปไตยและระบอบสาธารณรัฐที่มีมาแต่เดิม",
"สงครามโลกครั้งที่สองไม่สามารถกำหนดจุดเริ่มต้นอย่างชี้ชัดแน่นอนได้ เพราะเป็นการไม่ยุติธรรมต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง นักประวัติศาสตร์จึงเลือกหลายช่วงเวลาว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งนี้แตกต่างกันไปตามแนวคิดของตน ซึ่งได้แก่ เหตุการณ์ญี่ปุ่นบุกครองแมนจูเรีย ในปี ค.ศ. 1931[44][45] อิตาลีบุกครองเอธิโอเปีย ในปี ค.ศ. 1935[46][47][48] ซึ่งนำไปสู่การล่มสลายของสันนิบาติชาติ[49] สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1937[50][51] เยอรมนีบุกครองโปแลนด์ ในปี ค.ศ. 1939 ซึ่งนักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสงคราม[52][53][54] ญี่ปุ่นโจมตีที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ ในปี ค.ศ. 1941 และเยอรมนีบุกครองสหภาพโซเวียต ในปี ค.ศ. 1941[54] และยังมีนักเขียนบางคนให้ความเห็นว่า สงครามโลกครั้งที่สองเป็นสงครามครั้งเดียวกันกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่งด้วยซ้ำไป[55] (ใช้คำว่า \"สงครามกลางเมืองยุโรป\" หรือ \"สงครามสามสิบปีครั้งที่สอง\"[56][57]) อย่างไรก็ตาม ในตำราส่วนใหญ่มักถือว่าสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1939 และยุติเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945",
"นอกจากนี้ ยังได้ทรงริเริ่มให้มีการออกหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน ชื่อ \"สตรีพจน์\" ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2456 เพื่อให้นักเรียนหญิง มีความชำนาญในการเขียน ทั้งร้อยแก้วร้อยกรอง และฝึกฝนให้รักการอ่าน ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า \"ราชินีบำรุง\" หนังสือพิมพ์นี้ได้ทรงประทานบทความลงแทบจะทุกฉบับ โดยมีพระนามแฝงว่า \" พ.จ.\" และ \" คนครึ \" และคงออกเรื่อยมาจนสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงยุติการพิมพ์ เพราะไม่สามารถหากระดาษได้",
"ในช่วงหลัง พ.ศ. 2490 ถือเป็นช่วงยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ไทย สตูดิโอถ่ายทำและภาพยนตร์มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น หลังจากนั้นประเทศไทยเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นช่วงซบเซาของภาพยนตร์ไทย เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง กิจการภาพยนตร์ในประเทศไทยค่อย ๆ ฟื้นคืนกลับมา ได้เปลี่ยนไปสร้างเป็นภาพยนตร์ขนาด 16 มิลลิเมตรแทน และเมื่อบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะคับขัน ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องได้แสดงบทบาทของตนในฐานะกระจกสะท้อนปัญหาการเมือง และสังคม ในช่วงเวลาระหว่างปี พ.ศ. 2516-2529 ต่อมาภาพยนตร์ไทยในช่วงปี พ.ศ. 2530-2539 โดยในตอนต้นทศวรรษวัยรุ่นเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่ นอกจากภาพยนตร์ประเภทวัยรุ่นแล้ว หนังผี และหนังบู๊ รวมทั้งหนังโป๊ และหนังเกรดบี ก็มีการผลิตมามากขึ้น",
"แต่ชีวิตการศึกษาในมหาวิทยาลัยของคฤหัสถ์วีระ ต้องยุติลงภายหลังจากขึ้นปีการศึกษาที่ 2 เมื่อประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศสงครามกับประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 อันเป็นการเริ่มสงครามโลกครั้งที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียบูรพา",
"ทั้งการปฏิรูปและการปฏิวัติช่วยเปลี่ยนประเทศยุโรปโดยมากให้เป็นประชาธิปไตยเสรีนิยม\nแล้วคติเสรีนิยมก็ยุติเป็นความเห็นสุดโต่งแล้วกลายเป็นเรื่องกระแสหลักทางการเมือง\nในขณะเดียวกัน คติแบบไม่เสรีนิยมจำนวนหนึ่งก็ได้พัฒนาขึ้น โดยรับเอาแนวคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยเสรีนิยมให้เป็นส่วนของคติ\nอันชี้ว่า พิสัยความคิดทางการเมืองได้เปลี่ยนไปแล้ว\nคือ ราชาธิปไตยธรรมดากลายเป็นมุมมองสุดโต่ง ในขณะที่ประชาธิปไตยเสรีนิยมกลายเป็นเรื่องธรรมดา\nโดยที่สุดของศตวรรษที่ 19 ประชาธิปไตยเสรีนิยมก็ไม่ใช่แนวคิด \"เสรีนิยม\" อีกต่อไป แต่เป็นเรื่องที่สนับสนุนโดยคตินิยมต่าง ๆ มากมาย\nหลังจาก สงครามโลกครั้งที่ 1 และโดยเฉพาะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประชาธิปไตยเสรีนิยมก็กลายเป็นเรื่องเด่นในบรรดาทฤษฏีการปกครองทั้งหลาย โดยบัดนี้ก็มีมุมมองทางการเมืองมากมายที่สนับสนุนแนวคิดเช่นนี้",
"ตำบลดู่ใต้ กำเนิดมาจาก บ้านดู่ อยู่ทางตอนใต้ของอำเภอเมืองน่าน เริ่มจัดตั้งเป็นตำบลครั้งแรกในปลายรัชกาลที่ 5 โดยมีกำนันคนแรก คือ นายแสนขันฤทธิ์ ดู่จันทร์ศักดิ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 ได้เปลี่ยนชื่อบ้านดู่ เป็น บ้านดู่ใต้ และในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ราวปี พ.ศ. 2486 ได้ถูกยุบเข้ากับตำบลกองควายเพื่อความสะดวกในการปกครอง ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ตำบลดู่ใต้แยกออกจากตำบลกองควายอีกครั้ง ",
"ประวัติศาสตร์กัมพูชา เริ่มตั้งแต่ยุคของอาณาจักรฟูนัน อาณาจักรเจนละ พัฒนามาสู่ยุคเมืองพระนคร ซึ่งมีความยิ่งใหญ่จนสามารถสร้างนครวัด นครธม เป็นศูนย์กลางของอาณาจักร จนกระทั่งพ่ายแพ้แก่อยุธยากลายเป็นรัฐบรรณาการของอยุธยา จนเมื่อฝรั่งเศสเข้ามามีอำนาจในอินโดจีน กัมพูชากลายเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส และเป็นรัฐในอารักขาของญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลก กัมพูชาได้เป็นประเทศเอกราช แต่เกิดความสับสนวุ่นวายภายในประเทศเนื่องจากความขัดแย้งภายใน ประเทศตกอยู่ภายใต้การปกครองของเขมรแดงอยู่ระยะหนึ่ง จนกองกำลังของเฮงสัมรินที่มีเวียดนามหนุนหลังเข้ามาขับไล่เขมรแดงออกไป และการเข้ามาไกล่เกลี่ยของสหประชาชาติ เพื่อยุติสงครามกลางเมือง",
"ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ราวปี พ.ศ. 2486 ได้ถูกยุบเข้ากับตำบลดู่ใต้เพื่อความสะดวกในการปกครอง ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ตำบลกองควายจึงแยกออกจากตำบลดู่ใต้อีกครั้ง ",
"เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (English: J. Robert Oppenheimer, 22 เมษายน ค.ศ. 1904 – 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1967) นักฟิสิกส์ชาวสหรัฐอเมริกาผู้เป็นบิดาของระเบิดปรมาณู โดยเขาเป็นผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการสร้างระเบิดปรมาณูเพื่อยุติสงครามในโครงการแมนฮัตตันสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2[2]",
"ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง รถดีเซลรางรุ่นใหม่ ๆ ได้รับการพัฒนาให้มีสมรรถนะสูง มีความคล่องตัวในการใช้งาน และสามารถพ่วงต่อกันคราวละหลายชุดได้ โดยแต่ละชุดเครื่องยนต์ทำงานพร้อมกับคันที่มีคนควบคุมที่ต้นขบวน"
] |
พ.ศ. 2470 ประเทศไทยมีนายกหรือยัง ? | [
"ร่างรัฐธรรมนูญของเรย์มอนด์ บี. สตีเวนส์และพระยาศรีวิสารวาจา พ.ศ. 2474 ที่เรียก An outline of changes in the form of government มีใจความว่า ให้พระมหากษัตริย์ยังคงเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารและรัฏฐาธิปัตย์ นายกรัฐมนตรีมาจากการแต่งตั้งของและต้องรับผิดชอบต่อพระมหากษัตริย์ มีสภานิติบัญญัติซึ่งสมาชิกมาจากการแต่งตั้งของพระมหากษัตริย์และการเลือกตั้งอย่างละเท่า ๆ กัน กรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างสภากับนายกรัฐมนตรีให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ตัดสิน พระมหากษัตริย์มีอำนาจยับยั้ง และสามารถออกกฎหมายฉุกเฉินได้โดยไม่ต้องผ่านสภา[21]"
] | [
"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 — 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559) เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จสู่พระราชสมบัติตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงครองราชสมบัติยาวนานที่สุดในประเทศไทย",
"นายวิรัช ชาญพานิชย์ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ บิ๊กก๊อง หรือ บิ๊กกร๊อง (เกิด 2 มกราคม พ.ศ. 2493) อดีตประธานฝ่ายเทคนิค อดีตผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย อดีตอุปนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เคยประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย แข่งกับนายวรวีร์ มะกูดี ในปี พ.ศ. 2553 และ พ.ศ. 2556",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายอนุสรณ์ นาคาศัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หมดวาระลงเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 6 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร เพียงคนเดียว คือผลการเลือกตั้ง ปรากฏดังนี้",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายc นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 สมัย หมดวาระลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14-18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 4 คน ดังนี้",
"อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนธงชาติสยามจากธงช้างมาสู่ธงไตรรงค์นั้นมีผู้ที่เสียดายธงช้างเดิมอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเป็นธงชาติสยามที่นานาประเทศรู้จักกันทั่วไปมาเป็นเวลานานแล้ว และธงไตรรงค์นั้นก็มีลักษณะที่พ้องกับธงชาติของประเทศอื่นบางประเทศ อาจก่อให้เกิดความสับสนแก่ผู้พบเห็นได้ ในปี พ.ศ. 2470 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่า ธงชาติไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายครั้งแล้ว ควรหาข้อกำหนดเรื่องธงชาติให้เป็นการถาวร จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชบรรทึก พระราชทานไปยังองคมนตรี เพื่อให้เสนอความเห็นของคนหมู่มากว่า จะคงใช้ธงไตรรงค์ดังที่ใช้อยู่เป็นธงชาติต่อไป หรือจะกลับไปใช้ธงช้างแทน หรือจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงลักษณะธงชาติ กับวิธีใช้ธงไตรรงค์อย่างไร[8] นอกจากนี้ยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมราชเลขาธิการตัดข่าวจากหนังสือพิมพ์เพื่อรวบรวมความเห็นต่างๆ ของสาธารณชนเกี่ยวกับธงชาติเพื่อประกอบพระบรมราชวินิจฉัยด้วย ผลปรากฏว่าความเห็นขององคมนตรีแตกต่างกระจายกันมาก จึงมิได้กราบบังคมทูลข้อชี้ขาด ดังนั้นจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระบรมราชวินิจฉัยลงวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2470 ให้คงใช้ธงไตรรงค์เป็นธงชาติต่อไป[9]",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายสำเริง แหยงกระโทก นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 สมัย หมดวาระลงเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 13 - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 3 คน ดังนี้เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายสมชอบ นิติพจน์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 สมัย หมดวาระลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ระหว่างวันที่ 23 - 27 เมษายน พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 2 คน ดังนี้ เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หมดวาระลงเมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร 23 - 27 เมษายน พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 2 คน ดังนี้ผลการเลือกตั้ง ปรากฏดังนี้",
"ในที่สุดวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 1927 (พ.ศ. 2470) คณะมิชชันนารีซาเลเซียนชุดแรกประกอบด้วยบาทหลวงยอห์น กาเสตตา และเซมานาเรียนยอร์ช ไปนอตตี ก็เดินทางจากมาเก๊า ประเทศจีนมาถึงประเทศไทย และได้พำนักที่โบสถ์บางนกแขวก จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเตรียมการต้อนรับคณะธรรมทูตที่จะเดินทางมาอย่างเป็นทางการ วันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1927 ธรรมทูตซาเลเซียนกลุ่มใหญ่จำนวน 18 ท่าน ก็ได้เดินทางทางเรือมาถึงบางนกแขวก ภายใต้การนำของบาทหลวงกาเอตัน ปาซอตตี (ต่อมาท่านได้รับการอภิเษกเป็นมุขนายกมิสซังราชบุรี) และที่บางนกแขวกนี้ก็นับว่าเป็นบ้านแรกของคณะซาเลเซียนในเมืองไทย จากนั้น ก็มีธรรมทูตอีกหลายชุดเดินทางเข้ามาเพื่อเสริมกำลังจนเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ใหญ่ของคณะซาเลเซียนให้ความสนใจกับเมืองไทยเป็นพิเศษ เพราะในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ก็ได้มีการส่งธรรมทูตมาเมืองไทยเป็นจำนวนมาก",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 สมัย หมดวาระลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 24-28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 4 คน ดังนี้",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นางสุนี สมมี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 2 สมัย หมดวาระลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนลำปาง ระหว่างวันที่ 5-9 มิถุนายน พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 3 คน ดังนี้ ",
"พ.ศ. 2505: นายกสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทยฯ (พ.ศ. 2505-2508) พ.ศ. 2512: นายกสมาคมสตรีนานาชาติแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2518: ประธานกลุ่มส่งเสริมสถานภาพสตรี (พ.ศ. 2518-2525) พ.ศ. 2521: ประธานกรรมการฝ่ายสตรีและแรงงาน สภาสตรีแห่งชาติ (พ.ศ. 2521-2523) พ.ศ. 2523: เลขาธิการมูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พ.ศ. 2523-2537) ประธานโครงการช่วยเหลือหญิงและเด็กผู้มีความเดือดร้อนเฉพาะหน้า (พ.ศ. 2523-2541) พ.ศ. 2525: นำกลุ่มส่งเสริมสถานภาพสตรี จดทะเบียนเป็นสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรี นายกสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ (พ.ศ. 2525-2541) พ.ศ. 2531: ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาและฝึกอาชีพฯ (พ.ศ. 2531-2541) พ.ศ. 2533: ร่วมกับ คุณหญิงกนก สามเสน วิล และ ดร.สุธีรา วิจิตรานนท์ ก่อตั้ง สถาบันวิจัยบทบาทหญิงชายและการพัฒนา พ.ศ. 2537: เสนอรัฐบาลขอให้พิจารณาออกกฎหมายรับรองสถานภาพของแม่ชี พ.ศ. 2538: เสนอโครงการจัดตั้งวิทยาลัยแม่ชี พ.ศ. 2539: เป็นประธานโครงการจัดตั้งวิทยาลัยแม่ชี พ.ศ. 2541 เสนอร่างพระราชบัญญัติคณะแม่ชี ต่อที่ประชุมใหญ่สถาบันแม่ชีไทย เสนอโครงการจัดตั้งวิทยาลัยแม่ชี โดยขอเข้าอยู่ในสังกัด มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ประธานศูนย์เยาวชนดอนเมืองร่วมพัฒนาสังคมไทย กรรมการที่ปรึกษาสมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ อุปนายกสมาคมเพื่อการพัฒนาสังคมไทย พ.ศ. 2542 ได้รับอนุมัติให้เปิดโครงการนำร่อง มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย ณ สมาคมฯ ประธานโครงการนำร่อง-มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย ในพระสังฆราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2543: เสนอให้มหาปชาบดีเถรีวิทยาลัย เข้าอยู่ในพระสังฆราชูปถัมภ์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ รับเข้าอยู่ในพระสังฆราชูปถัมภ์ และทรงอนุมัติเงินจากมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ให้สร้างอาคารปฏิบัติธรรมฯ",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายเผด็จ นุ้ยปรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หมดวาระลงเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัครเพียงคนเดียว คือปรากฏผลการเลือกตั้งดังนี้",
"เมื่อนายกรสำเร็จการศึกษา กลับมาเมืองไทย ได้เข้าเริ่มงานแห่งแรกที่ สถานทูตแคนาดา ในตำแหน่ง \"ผู้ช่วยทูตการค้า\" รับผิดชอบด้าน วิวัฒนาการ และพัฒนาเศรษฐกิจ ทางด้านอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ หลังจากทำงานที่สถานทูตแคนาดาได้ 6 ปี จึงเริ่มเข้าสู่วงการเมืองโดยรับหน้าที่เป็น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้กับ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ผู้เป็นน้าชาย และขณะนั้นกำลังเริ่มก่อตั้ง พรรคชาติไทย ทำให้นายกรได้มีส่วนร่วม ในการจัดตั้งพรรคชาติไทยมาตั้งแต่ต้น และได้ทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่องนับแต่นั้นมานายกร ทัพพะรังสี ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาในปี พ.ศ. 2541 หลังจากถึงแก่อสัญกรรมของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ หลังการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2548แล้ว ซึ่งพรรคไทยรักไทยได้เสียงข้างมาก นายกรได้ลาออกจากพรรคชาติพัฒนาและเข้าสังกัดกับทางพรรคไทยรักไทย",
"เครื่องราชอิสริยาภรณ์พระราชอาณาจักรกัมพูชา ชั้นมหาเสรีวัฒน์ ประเทศกัมพูชา – พ.ศ. 2448 เครื่องราชอิสริยาภรณ์มังกรแห่งอันนัม ชั้นมหากางเขน – พ.ศ. 2448 เครื่องราชอิสริยาภรณ์ฆ้องทองคำ ชั้นที่ 1 แห่งอันนัม เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ ชั้นมหากางเขน – พ.ศ. 2470 (ชั้นนายกอง – พ.ศ. 2448) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาราดำ ชั้นนายทัพ ประเทศเบนิน – พ.ศ. 2478 เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎ ชั้นนายทัพ ประเทศเบลเยียม – พ.ศ. 2478 เครื่องอิสริยาภรณ์ศิลปศาสตร์และอักษรศาสตร์ (Ordre des Arts et des Lettres) ชั้นนายกอง ประเทศฝรั่งเศส – พ.ศ. 2492 เหรียญครัวซ์เดอแกร์ (Croix de guerre) ประดับช่อใบปาล์ม ประเทศฝรั่งเศส – พ.ศ. 2492 เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประเทศไทย – พ.ศ. 2498 เครื่องอิสริยาภรณ์แห่งชาติเวียดนาม (Bảo quốc Huân chương) ประเทศเวียดนามใต้ – พ.ศ. 2498",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายนรินทร์ เหล่าอารยะ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 3 สมัย หมดวาระลงเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 2 คน ดังนี้ผลการเลือกตั้ง ปรากฏดังนี้",
"เมื่อพระสันตะปาปาประกาศตั้งมิสซังสยามในปี พ.ศ. 2212 แล้ว ก็ได้ส่งมุขนายกเกียรตินามซึ่งล้วนแต่เป็นมิชชันนารีชาวฝรั่งเศสมาเป็นประมุขศาสนจักรโรมันคาทอลิกในประเทศไทย จนกระทั่ง วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 จึงประกาศแต่งตั้งมุขนายกเกียรตินามคนไทย คือ มุขนายกยาโกเบ แจง เกิดสว่าง ประมุขมิสซังจันทบุรี เป็นมุขนายกเกียรตินามแห่ง Barcusus นับเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งมุขนายก",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายทรงชัย วงศ์สวัสดิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 สมัย หมดวาระลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนลำพูน ระหว่างวันที่ 10-14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 3 คน ดังนี้ ",
"หลังจากนั้น สยามได้มีการเจรจาขอแก้ไขสนธิสัญญากับประเทศอื่นตามลำดับ ได้แก่ ญี่ปุ่น (พ.ศ. 2466) ฝรั่งเศส (พ.ศ. 2467) และอังกฤษ (พ.ศ. 2468) ตลอดจนอีก 7 ประเทศทวีปยุโรปภายใน พ.ศ. 2470",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นางบังอร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมัยที่แล้ว หมดวาระลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนปราจีนบุรี ระหว่างวันที่ 11-15 มิถุนายน พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 2 คน ดังนี้",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายยุทธนา ศรีตะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 4 สมัย หมดวาระลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนหนองคาย ระหว่างวันที่ 20-24 มิถุนายน พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 3 คน ดังนี้ ",
"อาร์เทอร์ ฮอลลี คอมป์ตัน (Arthur Holly Compton) (10 กันยายน พ.ศ. 2435 – 15 มีนาคม พ.ศ. 2505) เป็นนักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ พ.ศ. 2470 ในฐานะที่เขาค้นพบการกระเจิงของโฟตอนจากอิเล็กตรอน อันเป็นการพิสูจน์สมบัติความเป็นอนุภาคของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อาร์เทอร์ คอมป์ตัน รู้จักกันดีในฐานะหัวหน้าห้องปฏิบัติการโลหวิทยาของโครงการแมนฮัตตัน และนายกสภามหาวิทยาลัยวอชิงตันเซนต์หลุยส์ระหว่าง พ.ศ. 2488 - 2496",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นางชะม้อย วรามิตร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หมดวาระลงเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555 คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ ระหว่างวันที่ 23 - 27 มกราคม พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 2 คน ดังนี้ผลการเลือกตั้ง ปรากฏดังนี้",
"วีรพงษ์ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมไทย-ลาว เพื่อ มิตรภาพ ตั้งปี พ.ศ. 2547[12] เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย อุปนายกสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย กรรมการสมาคมไทย-อเมริกาศึกษา กรรมการสมาคมรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการบริหารสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ กรรมการนักวิจัยมหาวิทยาลัยไทย เป็นต้น",
"เมื่อถึงคราววิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2550 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ยุบสภาลงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 แล้ว นายกรก็ได้ลาออกจากพรรคไทยรักไทยและทุกตำแหน่งทันทีในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ คือวันรุ่งขึ้นเลย และยุติบทบาททางการเมืองไปชั่วระยะหนึ่ง จนกระทั่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาราช ซึ่งนายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประกาศจะสนับสนุนนายกรให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 นายกรได้ลาออกจากพรรคประชาราช กลับไปเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยอีกครั้ง\nนายกร เติบโตที่บ้านเทเวศร์ซึ่งเป็นบ้านของ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงเขยทางฝ่ายมารดา และเป็นที่ทราบกันว่า \" นายกรเป็นหลานน้าชาติ \" เนื่องจากมารดาของนายกร เป็นพี่สาวแท้ๆ ของ พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี ญาติอีกคนที่สนิทสนมและเป็นผู้ตั้งชื่อให้กับนายกร คือ พล.ต.อ.ประมาณ อดิเรกสาร ผู้มีศักดิ์เป็นน้าเขย",
"สมเด็จพระอริยวงษญาณ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) พ.ศ. ๒๓๑๒ - ๒๓๓๗ พระพนรัตน (นาค) พ.ศ. ๒๓๓๗ - ……… พระพุฒาจารย์ (อยู่) พ.ศ. ………. - ……… สมเด็จพระพนรัตน (ทองดี) พ.ศ. ………. - ……… สมเด็จพระพนรัตน (ฤกษ์) พ.ศ. ………. - ……… สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) พ.ศ. ๒๓๙๕ - ๒๔๑๕ หม่อมเจ้าพระสมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด เสนีวงศ์) พ.ศ. ๒๔๑๕ - ๒๔๓๗ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (หม่อมราชวงศ์เจริญ ญาณฉนฺโท) พ.ศ. ๒๔๓๗ - ๒๔๗๐ พระเทพสิทธินายก (นาค โสภโณ) พ.ศ. ๒๔๗๐ - ๒๕๑๔ พระเทพญาณเวที (ละมูล สุตาคโม) พ.ศ. ๒๕๑๕ - ๒๕๓๐ พระเทพประสิทธิคุณ (ผัน ติสฺสโร) พ.ศ. ๒๕๓๒ - พระธรรมธีรราชมหามุนี (เที่ยง อคฺคธมฺโม) ๒๐ สค. พ.ศ. ๒๕๕๐ - ปัจจุบัน",
"เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 เป็นผู้มีบทบาทสำคัญผู้หนึ่งในการพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศไทย บิดา คือ พระยาอิศรพงษ์พิพัฒน์ (หม่อมหลวงศิริ อิศรเสนา) มารดาคือ ม.ล.สำลี อิศรเสนา (นามสกุลเดิม กุญชร) และเป็นหลานปู่ เจ้าพระยาวรพงศ์พิพัฒน์(หม่อมราชวงศ์เย็น อิศรเสนา) อดีตเสนาบดีกระทรวงวัง การศึกษาเมื่อปีพ.ศ. 2479 เข้ารับการศึกษาชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ เลขประจำตัวนักเรียน ท.ศ.5270 ป.และสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่วชิราวุธวิทยาลัย เข้ารับการศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปีพ.ศ. 2493 ได้รับวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (ไฟฟ้า) (เกียรตินิยม)จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและในปีถัดมาในปีพ.ศ. 2494ได้รับวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (เครื่องกล) คณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกหนึ่งสาขา และได้เดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา และในปีพ.ศ. 2497ได้รับวิทยาศาสตรมหาบัณฑิตในสาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์MIT สหรัฐอเมริกา และในปีพ.ศ. 2529ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เสนอให้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาบริหารธุรกิจ จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและในปีพ.ศ. 2535 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้เสนอให้ได้รับปริญญาวิทยาศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมทั้งในปีพ.ศ. 2542 ได้รับเกียรติจากทางวิทยาลัยโยนกเสนอให้ได้รับปริญญาบริหารธุรกิจดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการจัดการ วิทยาลัยโยนกนับว่าได้รับเกียรติให้เป็นด๊อกเตอร์กิตติมศักดิ์จาก3แห่ง\nในหน้าที่การทำงาน ได้เข้าเริ่มทำงาน อยู่ที่บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทยนานถึง 12 ปี และได้เข้าร่วมงานกับทางกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย ดำรงตำแหน่งจากผู้บริหารระดับกลาง จนสามารถก้าวขึ้นเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์กรแห่งนี้ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG) เน้นในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ทำให้กลุ่มธุรกิจนี้มีความพร้อมสามารถแข่งขันและดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงต่อมา และจากความรู้ความสามารถได้รับการยอมรับให้เป็นนายกสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยชินวัตร รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานกรรมการ มูลนิธิเพื่อสถาบันการศึกษาวิชาการจัดการแห่งประเทศไทย ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรรมการอำนวยการสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย รองประธานกรรมการ มูลนิธิไทยคม ที่ปรึกษา คณะกรรมการปฏิรูปการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การเพิ่มผลผลิตของประเทศ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ปรึกษา คณะอนุกรรมการดำเนินการปฏิรูปการส่งเสริมการศึกษาตลอดชีวิตและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และไม่นานมานี้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2551 เป็นประธานคณะกรรมการที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และเป็นหนึ่งในร้อยท่านที่ได้รับรางวัลนักทรัพยากรมนุษย์ดีเด่นประจำปี 2550 และท่านได้เป็นผู้บุกเบิกและริเริ่มโรงเรียนดรุณสิกขาลัยซึ่งเป็นโรงเรียนในแนว Contructionism ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆคิดได้ตัวตนเอง ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเนื่องจากดำรงตำแหน่งประธานกรรมการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เขาดำรงตำแหน่งอยู่เพียง 2 เดือนก่อนที่จะพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว",
"นายร้อยเอก มหาอำมาตย์ตรี นายกองตรีเสือป่า พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชา (25 กันยายน พ.ศ. 2414 - 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2470) เป็นพระราชโอรสในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญกับจอมมารดาเลี่ยมใหญ่",
"การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในประเทศไทย พ.ศ. 2555",
"รายชื่อภาพยนตร์ไทย ที่ออกฉายครั้งแรกใน พ.ศ. 2470",
"เนื่องจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายอำนวย บัวเขียว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมัยที่แล้ว หมดวาระลง คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดรับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนชุมพร ระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม-1 มิถุนายน พ.ศ. 2555 และกำหนดให้เลือกตั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 โดยมีผู้สมัคร 3 คน ดังนี้",
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2470 ในประเทศไทยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปรับปรุงสภาป้องกันพระราชอาณาจักร สภาดังกล่าวประกอบด้วยฝ่ายทหารและกระทรวงทบวงการเมืองฝ่ายพลเรือน มีหน้าที่ร่วมกันพิจารณาและวางนโยบายในการป้องกันพระราชอาณาจักร กับพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่จะต้องขอให้ทรงพระราชทานคำปรึกษา\nภาพยนตร์ที่คนไทยสร้างขึ้นเรื่องแรก เรื่อง โชคสองชั้น เริ่มฉายวันนี้"
] |
ใครคือผู้ก่อตั้ง แอนเธมเรสต์ลิงเอ็กซ์ไฮบิชั่น? | [
"แอนเธมเรสต์ลิงเอ็กซ์ไฮบิชั่น (d.b.a. อิมแพ็ค เรสต์ลิง (Impact Wrestling)) มีชื่อเดิมว่า โกเบิล ฟอร์ซ เรสต์ลิง (Global Force Wrestling หรือ GFW) และ โทเทิลนอนสต็อปแอคเชินเรสต์ลิง หรือ ทีเอ็นเอ (Total Nonstop Action Wrestling or TNA) เป็นสมาคมมวยปล้ำอาชีพของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งโดยเจฟ จาร์เรตและเจร์รี จาร์เรตเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 2002 ในปัจจุบันบริษัท ในเครือขององค์กรสื่อแบบบูรณาการในนิวยอร์กและโตรอนโต Anthem Sports & Entertainment เป็นผู้ถือหุ้นหลัก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่แนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี และสำนักงานที่ออร์แลนโด รัฐฟลอริดา ต่อมาได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่ Toronto, Canada ในปี ค.ศ. 2017"
] | [
"แอนตัน ซานดอร์ ลาวี (, 11 เมษายน ค.ศ. 1930 - 29 ตุลาคม ค.ศ. 1997) นักเขียนชาวอเมริกา ผู้ศึกษารหัสยศาสตร์ และนักดนตรี เขาเป็นผู้ก่อตั้งโบสถ์ของซาตาน ผู้เขียนไบเบิลซาตาน และเป็นผู้ก่อตั้งลัทธิซาตานลาวี (LaVeyan Satanism) ซึ่งเป็นระบบที่สร้างขึ้นเพื่ออธิบายเกี่ยวกับความเข้าใจของเขาทางด้านธรรมชาติของมนุษย์และความเข้าใจของนักปรัชญาที่สนับสนุนแนวคิดวัตถุนิยมและปัจเจกชนนิยม",
"หกเดือนต่อมา แอนนามาที่บ้านของวิลเลียมอย่างเงียบ ๆ และระบายความรู้สึกหลังจากภาพฉาวในอดีตของเธอหลุดออกมา และขอค้างบ้านวิลเลียม โดยในคืนนั้นวิลเลียมนอนโซฟาชั้นล่างแทน แอนนาเดินไปชั้นล่างในกลางดึกลงไปหาวิลเลียม และทั้งสองก็มีความสัมพันธ์กันในคืนนั้น ในตอนเช้าพวกเขาตะลึงเมื่อเห็นฝูงชนของผู้สื่อข่าวที่หน้าประตู แอนนาโกรธวิลเลียมและสไปค์มากเพราะคิดว่าเขาและสไปค์ทรยศที่ไปบอกใครต่อใคร หลังจากนั้นวิลเลียมจึงถามสไปค์ ก็เลยรู้ว่าสไปค์ดันไปหลุดปากบอกคนในผับออกมาว่าแอนนานั้นอยู่ที่นี่",
"มีหลายความเห็นที่แตกต่างกันว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งทฤษฎีทางนิเวศที่ทันสมัย บางคนทำเครื่องหมายว่านิยามของ Haeckel เป็นจุดเริ่มต้น คนอื่นๆบอกว่า Eugenius Warming เป็นผู้เริ่มด้วยงานเขียนของ Oecology of Plants เรื่อง ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการศึกษาของสังคมพืช (1895) หรือหลักการแบบ Carl Linnaeus เกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ของธรรมชาติที่โตเต็มที่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 Linnaeus ได้ก่อตั้งสาขาแรกของนิเวศวิทยาที่เขาเรียกว่าเศรษฐศาสตร์ของธรรมชาติ หลายผลงานของเขาได้มีอิทธิพลต่อ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ผู้ที่ได้พัฒนาวลีของ Linnaeus ว่า \"เศรษฐศาสตร์หรือการเมืองของธรรมชาติ\" ในหนังสือ \"ต้นกำเนิดของสายพันธุ์\" () Linnaeus เป็นคนแรกที่ได้วางกรอบของ'ความสมดุลของธรรมชาติ' ว่าเป็นสมมติฐานที่ทดสอบได้อย่างหนึ่ง Haeckel ได้ชื่นชมงานของดาร์วิน และได้นิยามนิเวศวิทยาในการอ้างอิงถึงเศรษฐศาสตร์ของธรรมชาติซึ่งได้นำให้บางคนตั้งคำถามที่ว่านิเวศวิทยาและเศรษฐศาสตร์ของธรรมชาติมีความหมายเหมือนกันหรือไม่",
"วันหนึ่ง แอนดีได้วางแผนร่วมกับแฮงก์ว่าจะหาเงินโดยการไปปล้นร้านขายเครื่องประดับของบิดาและมารดาของเขา โดยจะให้แฮงก์เป็นผู้เข้าไปปล้น ในตอนแรกแฮงก์ไม่ยอมรับแผนการนี้ แต่หลังจากที่แอนดีรับรองว่าการปล้นจะไม่สร้างอันตรายกับใคร ปืนที่จะให้ใช้ในการปล้นก็ขอให้เป็นปืนของเล่น ภายในร้านก็มีแต่ดอริสพนักงานขายหญิงมีอายุที่ช่วยร้านอยู่เท่านั้น และของที่ปล้นมาทั้งหมดทางประกันก็จะชดใช้ให้บิดามารดาของพวกเขาเอง แฮงก์ก็ตกลงรับหน้าที่ในการปล้นครั้งนี้อย่างไม่เต็มใจนัก",
"“เมื่อเดินตามนายช่างหินเพื่อตรวจดูว่าภาพใดควรทิ้งเอาไว้ภาพใดควรลบออก นักบวชมองไปเห็นภาพนักบุญแอนโทนีแล้วกล่าวว่า “เก็บอันนี้ไว้” แล้วก็เดินต่อไปจนพบภาพนักบุญซาโนนักบวชก็กล่าวว่า “ลบอันนี้ออก ไม่เห็นใครมาจุดเทียนให้ตั้งนานแล้ว และไม่เห็นมีประโยชน์อะไรกับใคร นายช่างกำจัดเสียเถอะ”",
"เวริลี () ชื่อเดิม กูเกิลไลฟ์ไซแอนส์ (Google Life Sciences) เป็นส่วนวิจัยด้านชีววิทยาศาสตร์ของบริษัทแอลฟาเบต เดิมเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิล เอ็กซ์ แต่ต่อมาในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2015 เซอร์เกย์ บริน หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกูเกิลประกาศว่ากูเกิลไลฟ์ไซแอนส์จะย้ายมาเป็นบริษัทในเครือแอลฟาเบต ในเดือนธันวาคม ปีเดียวกัน กูเกิลไลฟ์ไซแอนส์เปลี่ยนชื่อเป็นเวริลี",
"บริษัทแอนดรอยด์ ก่อตั้งขึ้นที่พาโลอัลโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2546 โดยแอนดี รูบิน (ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทแดนเจอร์), ริช ไมเนอร์ (ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไวลด์ไฟร์คอมมูนิเคชัน), นิก เซียส์ (ซึ่งเคยเป็นรองผู้จัดการที่ทีโมบายล์) และ คริส ไวท์ (หัวหน้าฝ่ายออกแบบและการพัฒนาอินเตอร์เฟซ ที่เว็บทีวี) สำหรับการพัฒนานั้น จากคำพูดของรูบิน \"โทรศัพท์มือถือที่มีความฉลาดขึ้นและตระหนักถึงสถานที่ของเจ้าของมากขึ้น\" จุดประสงค์แรกของบริษัทคือการพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับกล้องดิจิทัล แต่เมื่อถูกตระหนักว่าไม่ใช่ตลาดที่กว้างพอ และต่อมาได้เบี่ยงเบนความพยายามเพื่อที่จะทำระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ตโฟน เพื่อแข่งกับซิมเบียน และ วินโดวส์โมบาย (ในขณะนั้น ไอโฟน ยังไม่ได้วางขาย) แม้จะมีประวัติความสำเร็จของผู้ก่อตั้งและพนักงานของบริษัทในช่วงแรก บริษัทแอนดรอยด์ ได้ดำเนินการอย่างเงียบๆ ให้เห็นเพียงว่าเป็นบริษัทที่ผลิตระบบปฏิบัติการสำหรับโทรศัพท์มือถือ ในปีเดียวกัน รูบิน ไม่มีเงินเหลือแล้ว สตีฟ เพอร์ลแมน เพื่อนสนิทของรูบิน ได้ให้ยืมเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยส่งเงินใส่ในซองมาให้ และ ปฏิเสธที่จะถือหุ้นในบริษัท",
"บ็อกซ์ออฟฟิศโมโจ () เป็นเว็บไซต์ที่บอกรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศในระบบอัลกอริทึม ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 ในปี 2008 บ็อกซ์ออฟฟิศโมโจถูกซื้อต่อโดยอินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส มีเจ้าของคือแอมะซอน.คอม บ็อกซ์ออฟฟิศโมโจเป็นเว็บไซต์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ จากข้อมูลปี 2002–11 มีเว็บบอร์ดที่เป็นที่นิยมจากแฟนๆ ภาพยนตร์ วันที่ 10 ตุลาคม 2014 ยูอาร์แอลของเว็บไซต์ถูกเปลี่ยนทางไปยังเว็บไซต์ของแอมะซอน.คอม และ อินเทอร์เน็ตมูวีเดตาเบส 1 วัน แต่เว็บไซต์กลับมาในวันรุ่งขี้นโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ",
"เขาร่วมก่อตั้งแอปเปิลคอมพิวเตอร์กับสตีฟ วอซเนียก ใน ค.ศ. 1976 เป็นผู้มีส่วนช่วยทำให้แนวความคิดเรื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเป็นที่นิยมขึ้นมา ด้วยเครื่อง Apple II ต่อมา เขาเป็นผู้แรกที่มองเห็นศักยภาพทางการค้าของส่วนประสานงานผู้ใช้แบบกราฟิกส์และเม้าส์ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในศูนย์วิจัยซีร็อกซ์พาร์ค ของบริษัทซีร็อกซ์ และได้มีการผนวกเทคโนโลยีเหล่านี้เข้าไว้ในเครื่องแมคอินทอช[4][5] หลังพ่ายแพ้ในการแย่งชิงอำนาจกับคณะกรรมการบริหารใน ค.ศ. 1984 [6] จอบส์ลาออกจากแอปเปิลและก่อตั้งเน็กซ์ บริษัทพัฒนาแพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะในการศึกษาขั้นอุดมศึกษาและตลาดธุรกิจ การซื้อกิจการเน็กซ์ของแอปเปิลใน ค.ศ. 1996 ทำให้จอบส์กลับเข้าทำงานในบริษัทแอปเปิลที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นนั้น และเขารับหน้าที่ CEO ตั้งแต่ ค.ศ. 1997 ถึง 2011 จอบส์ยังเป็นประธานบริหาร และผู้บริหารระดับสูงของพิกซาร์แอนิเมชันสตูดิโอส์ ผู้นำด้านการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ ทั้งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่ 50.1% กระทั่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ซื้อกิจการไปใน ค.ศ. 2006[7] จอบส์เป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดของดิสนีย์ที่ 7% และเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของดิสนีย์[8][9][10]",
"ตั้งแต่ช่วงกลางทศวรรษที่ 60 เป็นต้นมาแอนดีมุ่งทำภาพยนตร์ออกมาอย่างมากมายซึ่งนั้นรวมไปถึงภาพยนตร์ออกอากาศทางทีวีด้วย ผู้ที่มีบทบาทในภาพยนตร์ของแอนดีอย่างมากก็คือ เจอราร์ด มาลังกา ผู้ช่วยในการกำกับภาพยนตร์ของเขา และตากล้องคู่ใจอย่าง บิลลี่ เนม (Billy Name) แต่ในปี 1970 นั้นเขาก็ขอถอนตัวออกจากกลุ่มไปอีกคนเนื่องจากไม่พอใจการทำงานกับทีมงานบางคน ต่อจากนั้นมา เจอราร์ด มาลังกา ก็เดินหลีกหนีจากแอนดีไปอีกคน ด้วยความที่แอนดีมีเพื่อนและลูกน้องมากมายรายล้อมอยู่เสมอ ซึ่งในบางครั้งก็สับสนว่าใครเป็นใคร การคอยเอาใจทุกคนรอบข้างให้พอใจได้ตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ ซึ่งบางคนเมื่อถอนตัวก็มักจะไปให้สัมภาษณ์ถึงความกระอักกระอ่วนใจในการทำงานกับเขา ทำให้แอนดีลำบากใจและเคยคิดที่จะเลิกทำ เดอะ แฟคตอรี่ ไปเลยด้วยซ้ำ แต่ความเป็นแอนดีมีคนรู้จักอย่างกว้างขวางทำให้เขาทำเช่นนั้นไม่ได้ และคนส่วนใหญ่ก็ชอบที่จะมาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่บ่อยๆจนบางครั้งทำให้เขาแทบจะหัวเสียกับการคอยตามรังควานของบรรดาวงวารของเขา",
"สโมสรฟุตบอลดาเกแนม แอนด์ เรดบริดจ์ เริ่มก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1992 จากการควบรวม \"สโมสรฟุตบอลเรดบริดจ์ ฟอเรสต์\" ในระดับฟุตบอลคอนเฟเรนซ์ และ \"สโมสรฟุตบอลดาเกแนม\" ในระดับอิสธเมียน พรีเมียร์ลีก โดยทั้ง 2 สโมสรกำลังประสบปัญหาเรื่องผู้ชมในสนามที่ลดน้อยลง หลังจากมีการควบรวมกิจการสโมสร และก่อตั้งขึ้นใหม่ในชื่อ ดาเกแนม แอนด์ เรดบริดจ์ สโมสรได้เข้าร่วมแข่งขันในฟุตบอลคอนเฟเรนซ์ แทนที่สโมสรเรดบริดจ์ ฟอเรสต์ ที่ถูกยุบไป",
"พรรคสมัชชาแห่งชาติแอฟริกา หรือ พรรคเอเอ็นซี (; ANC) เป็นพรรครัฐบาลของประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งได้รับการสนับสนุนแบบไตรพันธมิตร คือ สมัชชาสมาพันธ์การค้าแห่งแอฟริกาใต้ (Congress of South African Trade Unions; COSATU) และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งแอฟริกาใต้ (South African Communist Party; SACP) นับแต่ครั้งเริ่มการเลือกตั้งแบบไม่แบ่งแยกผิวครั้งแรกของประเทศในเดือนเมษายน ค.ศ. 1994 ในตอนเริ่มแรกก่อตั้ง พรรคนี้มีชื่อว่า สมัชชาชนชาติพื้นเมืองแอฟริกาใต้ (South African Native National Congress; SANNC) ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1912 ที่เมืองบลูมฟอนเทน เพื่อพยายามยกระดับสิทธิของประชาชนชาวแอฟริกาใต้ที่เป็นคนผิวดำ ประธานพรรคคนแรกคือ John Dube นอกจากนี้มี Sol Plaatje ผู้เป็นกวีและนักเขียน ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคด้วย องค์กรได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ANC ในปี ค.ศ. 1923 และเริ่มมีการจัดตั้งปีกติดอาวุธ ชื่อ \"อัมกันโต เว ซิซเว\" (หอกแห่งชาติ) ในปี ค.ศ. 1961",
"ที่มาของแอปพลิเคชัน Whoscall นั้น มาจากการรวมตัวทางความคิดระหว่างสามผู้ก่อตั้ง จึงเกิดเป็น Gogolook ที่ในขณะนั้นทั้งสามได้ปลีกตัวจากงานประจำของพวกเขาเพื่อตรวจสอบและรวบรวมความคิดที่หลากหลาย จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากมีสายเรียกเข้าแปลก ๆ โทรเข้ามาขณะประชุมกันอยู่ ทั้งสามจึงพยายามเซิร์ชหาว่าเป็นใครบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำให้พวกเขาทั้งหมดเกิดข้อสงสัยว่า ถ้าเป็นแอปพลิเคชันเพื่อตรวจสอบแบบนี้ จะเป็นไปได้หรือไม่\nWhoscall รุ่นแรกถูกปล่อยในเดือนสิงหาคม ปี 2010 และไม่นานก็ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น หลังจาก นายเอริก ชมิดต์ ประธานบริหารของบริษัท Google ได้กล่าวถึง Whoscall ว่า \"แอปพลิเคชันที่ชื่อว่า Whoscall บอกคุณได้ว่าใครโทรมา ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมาจากประเทศไต้หวันด้วย\"\nในตอนนั้นเองที่ทั้งสามผู้ก่อตั้งได้ตัดสินใจออกจากงานประจำของพวกเขา เพื่อทุ่มเทกับการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างจริงจัง และได้เกิดเป็น บริษัท Gogolook จำกัด ในปี 2012 \nบริษัทได้รับการสนันสนุนอย่างต่อเนื่องจาก Trinity Investment Corp. และนักลงทุนมากมาย ",
"The Eyes มองตาก็รู้ใคร เป็นรายการโทรทัศน์ประเภทเกมโชว์ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (โทรทัศน์ระบบดิจิตอลหมายเลข 33) ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 17:30 - 18:00 น. โดยมี จอนนี่ แอนโฟเน่ ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ เริ่มออกอากาศครั้งแรกวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2561",
"อีกหกเดือนต่อมาแอนนากลับไปยังกรุงลอนดอนอีกครั้ง เพื่อจะถ่ายภาพยนตร์ของเฮนรี เจมส์ เมื่อวิลเลียมรู้ว่าจะยกกองมาถ่ายทำกันที่ลอนดอน เขาจึงตามมาเมื่อเขาจะเข้าไปหาแอนนาแต่ถูกผู้ดูแลห้ามไว้ เมื่อแอนนาเห็นวิลเลียมจึงเข้าไปคุยด้วย เมื่อแอนนาต้องไปเตรียมตัว หนึ่งในทีมงานผู้หญิงเห็นจึงชวนวิลเลียมไปดูการถ่ายทำ วิศวกรเสียงก็ให้หูฟังแก่วิลเลียม ทำให้สามารถได้ยินการสนทนาของแอนนาได้ เมื่อเพื่อนนักแสดงถามว่าผู้ชายขี้อายคนนั้นที่มาหาคือใคร แอนนาก็บอกไปส่ง ๆ ว่า \"เขาเป็นแค่เพื่อน ไม่ได้มีความหมายอะไร ฉันไม่รู้ว่าเขามาทำไมเหมือนกัน\" วิลเลียมได้ยินก็เสียความรู้สึก จึงกลับออกไปทันที วันต่อมาแอนนามาที่ร้านหนังสือของวิลเลียม และถามว่าทำไมวิลเลียมถึงกลับไปก่อน วิลเลียมก็บอกว่าเขาได้ยินที่แอนนาพูดเมื่อวาน แอนนาก็บอกวิลเลียมว่า \"จะให้บอกผู้ชายที่ปากโป้งที่สุดในอังกฤษคนนั้นน่ะหรอ\" เขาจึงอธิบายว่า \"ผมอยู่แค่น็อตติ้ง ฮิลล์ ส่วนคุณอยู่เบเวอร์ลี่ ฮิลล์ คนทั้งโลกรู้จักคุณ ส่วนผมแม้แต่แม่ยังจำชื่อไม่ได้เลย\" แอนนาจึงบอกกับวิลเลียมว่า ",
"ซึ่งตนรอคอยตลอด 400 ปี เห็นสงครามมามาก กับเผลอทำหนังสือ E.N.D หายไปด้วย จนเข้าใจ จึงคิดที่จะไม่ยุ่งเกี่ยว หรือไม่เป็นกับศัตรูใครโดยเด็ดขาด เหมือนกับการหลับไหลที่ปิดผนึกตัวเอง กับไปทวีปอาราซิตาเซียที่อยู่ทางตะวันตก ก่อตั้งอาณาจักรอัลวาเรซ เพื่อสร้างกองทัพเพื่อต่อกรกับแอคโนโลเกีย กับออกเดินทางไปทั่วโลก เหล่าจอมเวทต่างก็ต้องการตัว เพราะเชื่อว่าใครที่ครอบครองตน จะสร้างโลกเวทมนตร์ของเซเรฟได้ จนเกิดสาวกมากมาย",
"วันหนึ่ง แอนเดรียก็ได้รับแจ้งเรียกตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์จากสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ \"อีเลียส คลาร์กส\" ซึ่งเป็นเจ้าของนิตยสารและวารสารขายดีหลายฉบับ แอนเดรียตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเธอไปถึง ก็ได้พบว่างานที่ถูกเรียกมาสัมภาษณ์นั้น เป็นตำแหน่งงานผู้ช่วยของ\"มิแรนด้า พรีสท์ลี่\" บรรณาธิการบริหารของนิตยสารแฟชั่นอันดับ 1 อย่างรันเวย์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นตำแหน่งที่หญิงสาวนับล้านคนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา แอนเดรียซึ่งไม่เคยสนใจในเรื่องแฟชั่นมาก่อน ถึงกับหมดหวังที่จะผ่านการสอบสัมภาษณ์ แต่ทว่าความแตกต่าง ไม่เหมือนใครของเธอ กลับทำให้มิแรนด้าสนใจ และตกลงรับเธอเข้าทำงาน",
"ชัค เบอร์รี ถือเป็นบุคคลแถวหน้าของวงการดนตรีร็อกแอนด์โรล จากเว็บไซต์ร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม พูดถึงเขาว่า \"ถ้าไม่มีใครที่สามารถพูดว่าเป็นคนคิดค้นร็อกแอนด์โรลได้ ชัค เบอร์รี ดูจะเป็นคนที่ใกล้เคียงที่สุดกว่าใครที่เป็นคนนำหลาย ๆ สิ่งรวมเข้าด้วยกัน\" จอห์น เลนนอน พูดว่า \"ถ้าคุณพยายามตั้งชื่อร็อกแอนด์โรลอีกชื่อหนึ่ง คุณอาจจะเรียกมันว่า ชัค เบอร์รี\"",
"ถึงตอนนี้ดอนนาเชื่อแล้วว่า สิ่งที่อยู่ในตุ๊กตาแอนนาเบลล์ไม่น่าจะใช่แค่วิญญาณเด็กผู้หญิง เธอจึงติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังบาทหลวงเฮแกน ซึ่งบาทหลวงเฮแกนก็ได้ติดต่อต่อไปยังบาทหลวงคุก ซึ่งมีอำนาจเหนือกว่า บาทหลวงคุกได้ติดต่อไปยังเอ็ด และลอร์เรน วอร์เรน คู่สามีภรรยาซึ่งเป็นนักปิศาจวิทยาและนักสืบสวนสอบสวนเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติที่มีชื่อเสียง ทั้งคู่เมื่อได้เดินทางมายังหอพักและสัมภาษณ์พูดคุยกับบุคคลทั้ง 3 จึงมั่นใจว่าสิ่งที่อยู่ในแอนนาเบลล์ไม่ใช่แค่วิญญาณเด็กผู้หญิง หากแต่เป็นปิศาจร้ายในระดับเดียวกับซาตาน ซึ่งมันได้หลอกร่างทรงว่าเป็นเพียงวิญญาณเด็กผู้หญิงที่น่าสงสาร เพื่อที่จะมาอาศัยอยู่ในหอพักต่อได้ และพร้อมจะทำเรื่องร้ายแรงต่อไปถึงขนาดฆ่ามนุษย์ได้ โดยการครอบงำทางจิตใจเหยื่อผู้ที่มีสภาพจิตใจอ่อนแอกว่า โดยน่าจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้หากมันไม่ได้ทำร้ายหรือฆ่าใครคนใดคนหนึ่งหรือฆ่าทั้งหมดเสียก่อน ที่สุดแล้วคู่สามีภรรยาวอร์เรนได้นำเอาแอนนาเบลล์กลับไป ลอร์เรนเล่าว่าขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินทางกลับ โดยเอ็ดเป็นผู้ขับรถยนต์ยังไม่ทันจะถึงบ้าน รถก็อยู่ในสภาพที่เริ่มควบคุมไม่ได้ เอ็ดต้องจอดรถและพรมน้ำมนต์ใส่แอนนาเบลล์ที่วางไว้ที่เบาะหลัง พร้อมทั้งทำสัญลักษณ์รูปกางเขนเพื่อทำการสะกด ",
"ไทร่า ได้สร้างความตกตะลึงให้สาวๆ โดยได้บอกว่า การเรียกชื่อในสัปดาห์นี้ จะให้ ลา โทย่า เป็นผู้เลือกว่า ใครจะถูกเรียกคนที่เท่าไหร่ โดย ลอร่า ได้ถูกเรียกชื่อเป็นคนแรก เนื่องจากถ่ายภาพออกมาได้ดีที่สุด ตรงกันข้าม แองเจลีและลิซ่า ต้องกลายเป็น สองคนสุดท้ายอีกครั้ง ไทร่า จึงให้ ลา โทย่า ประกาศว่า ใครจะเป็นที่ถูกคัดออก ลา โทย่า กล่าวว่า พี่ชายของเธอ เป็นผู้ให้ความรัก และมักชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ โดยทั้งสองสาว จะได้รับโอกาสอีกครั้ง และจะไม่มีใครถูกคัดออกในสัปดาห์นี้สาวๆถูกพาไปยังชายหาด เพื่อทำการแข่งขันประจำสัปดาห์ ซึ่งเป็นการแข่งขัน เพื่อการกุศล โดย สาวๆถูกแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 9 คนเพื่อแข่งขัน ฟุตบอลชายหาด และเพื่อเพิ่ม จำนวนผู้เล่น สาวๆที่ถูกคัดออดไปแล้วทั้ง บริททานี่ ชีน่า ไอซิส และ คามิลล์ ก็ได้ถูกเพิ่มเข้ามาในการแข่งขันด้วย สาวๆทั้งสองทีมได้ผู้เล่นจากทีม The NFL มาร่วมเล่นด้วย ทีมละ 2 คน ซึ่งทีมที่ชนะ จะได้เงิน 5000 ดอลลาร์ เพื่อบริจาคให้แก่ผู้เล่น ระหว่างการแข่งขัน ไนเจลได้เรียกให้สาวๆทุกคนทำการแข่งขันถ่ายภาพ ระหว่างแข่งฟุตบอล เพื่อชิงรางวัลของพวกเธอเอง ท้ายที่สุดแล้ว ทีมสีน้ำเงิน ซึ่งประกอบด้วย แอลลิสัน,แองเจลี,บีอังก้า,บรี และ ลอร่า เป็นผ่ายชนะ แต่การแข่งขันถ่ายภาพนั้น เคย์ล่า กลับเป็นผู้ชนะ และรางวัลที่เธอได้รับ คือ การถ่ายภาพ ขึ้นในเว็บไซต์ ของ ไทร่า โดยมี อังเดร ลีออน ทอลลีย์ เป็นผู้เลือกชุด และกำกับการถ่ายภาพ",
"กระทั่งในวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1968 แอนดีก็ถกยิงเข้าจนได้ โดยหนึ่งในดาราสาวในสังกัดของเขา “วาเลอรี โซลานาส (Valerie Solanas)” เธอเป็นดารานำในเรื่อง “ไอ, อะ แมน (I, a man)” ภายหลังจากฟื้นตัวแอนดีก็ได้ให้การว่า วาเลอรีเข้ามาทวงเงินค่าแสดงภาพยนตร์ แต่แอนดีบอกให้เธอถ่ายฉากอื่นๆให้เสร็จก่อนจึงจะให้ ทำให้เกิดปากเสียงกันและนำไปสู่เหตุการณ์ดังกล่าว แม้จะไม่มีใครทราบถึงสาเหตุที่แท้จริงที่วาเลอรียิงแอนดี แต่ก็มีผู้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์นี้ในหลายทฤษฎี แม้กระทั่งนำไปผูกโยงเกี่ยวกับคดีก่อการร้าย การเมือง และการลอบสังหาร แต่ถึงอย่างไรก็ตามทฤษฎีเหล่านี้ก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน ทำให้เหตุการณ์นี้ยังคงเป็นความลับต่อไป ส่วนทางวาเลอรีนั้นติดคุกอยู่ 3 เธอก็พ้นข้อหาออกมาเนื่องจากแอนดีไม่เอาความต่อเพราะเขาก็ไม่ตาย ในที่สุดเรื่องราวก็เงียบหายเอง แต่จากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้มีกระสุนนัดหนึ่งยังฝังอยู่ในสีข้างของแอนดีอยู่ไปตลอดจนกระทั่งเสียชีวิตนั่นเอง",
"มีมูลนิธิมากมายเกิดขึ้นหลังการเสียชีวิตของไวต์ อย่างเช่นงาน \"แด๊นส์มาราธอน\" ของมหาวิทยาลัยอินดีแอนา เริ่มต้นในปี 1991 เพื่อหาเงินเข้าโรงพยาบาลไรลีย์สำหรับเด็ก และในระหว่างปี 1991 ถึง 2008 งานนี้ช่วยหาเงินได้มากกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ไรลีย์ได้ เงินที่หามาได้ยังช่วยในการก่อตั้งคลินิกผู้ติดเชื้อไรอันไวต์ ที่โรงพยาบาลเพื่อดูแลเด็กที่ป่วยมาก แพทย์ส่วนตัวของไวต์ที่เป็นเพื่อนสนิทกับ ดร. มาร์ติน ไคลแมน ได้เป็นศาสตราจารย์ทางด้านเอดส์ที่มหาวิทยาลัยอินดีแอนา ในอินดีแอนาโพลิส ในปี 1993 แลร์รี เครเมอร์ นักเคลื่อนไหวเรื่องสิทธิของเกย์และโรคเอดส์ พูดว่า \"ผมคิดว่า ไรอัน ไวต์ ได้ทำเพื่อเปลี่ยนแปลงความเจ็บป่วยนี้ และทำให้คนเคลื่อนไหวได้มากกว่าใคร และยังดำเนินการต่อผ่านทางแม่ของเขา ญอง ไวต์ เธอเป็นแรงบันดาลใจที่เหลือเชื่อ เมื่อเธอพูดออกมาให้โลกรับรู้\" ",
"ในภายหลังนั้นญาติของแอนดีได้พยายามที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากโรงพยาบาลเนื่องจากความบกพร่องของคณะแพทย์ทำให้คนไข้เสียชีวิต เนื่องจากแอนดีไม่มีทายาทใดๆ พี่ชายและน้องชายของเขาจึงเป็นผู้รับมรดกซึ่งภายหลังมีการเปิดเผยทรัพย์สินที่แอนดีทิ้งไว้นั้นมีเงินจำนวนมากว่า 500 ล้านดอลลาร์ในธนาคาร ที่ดินอีกมากมาย อาคาร และอพาร์ตเมนต์ต่างๆอีกหลายแห่งในที่ต่างๆรวมทั้งงานศิลปะอีกมากมายที่เขาเก็บสะสมเอาไว้กับผลงานของเขา ซึ่งในเวลาต่อมาทั้งพี่ชายและน้องชายของเขาก็ร่วมกันในชื่อของครอบครัวช่วยกันกับเพื่อนๆของแอนดี ก่อตั้งมูลนิธิแอนดี วอร์ฮอ ล ขึ้น และเปิดพิพิธภัณฑ์ แอนดี วอร์ฮอล ที่ในบ้านเกิดของเขาในพิตส์เบิร์ก ส่วนร่างของเขานั้นได้ถูกนำไปฝังที่สุสานไบแซนไทน์ เซนต์ จอห์น เดอะ แบ็บติส (St. John the Baptist Byzentine Cemetery) ในพิตส์เบิร์ก ร่วมกับพ่อและแม่ของเขา",
"เอทีแอนด์ทีโมบิลิตี () เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา มีผู้ใช้บริการประมาณ 59 ล้านราย (ณ ปี 2549) สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย บริษัทก่อตั้งในปีพ.ศ. 2544 โดยการรวมตัวกันของเอสบีซี(ซึ่งต่อมากลายเป็นเอทีแอนด์ที) และเบลล์เซาท์(ซึ่งต่อมาบริษัทกลายเป็นส่วนหนึ่งของเอทีแอนด์ทีเช่นกัน) ",
"แองเจิลแฮก () เป็นองค์กรแฮกกาธอนระดับโลก ที่ได้รับการก่อตั้งโดยเกร็ก กอพแมน และซาบีน อาลี ในปี ค.ศ. 2011 แองเจิลแฮกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแฮกกาธอนประจำปีทั่วโลกที่ผู้เข้าแข่งขันจะสร้าง, ทดสอบ และเปิดตัวซอฟแวร์ใหม่ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์",
"เอิร์ธ, วินด์แอนด์ไฟร์ () เป็นวงอาร์แอนด์บีอเมริกัน ก่อตั้งวงในชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ในปี ค.ศ. 1970 นำโดยผู้ก่อตั้งวงเมอริซ ไวต์ เป็นวงที่ได้รับ 10 รางวัลแกรมมี่และ 4 รางวัลอเมริกันมิวสิกอวอร์ดส พวกเขายังมีชื่ออยู่ทั้งในร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟมและโวคอลกรุปฮอลออฟเฟม มียอดขายอัลบั้มมากกว่า 90 ล้านชุดทั่วโลก และยังติดอันดับศิลปินดนตรีที่มียอดขายมากที่สุด อันดับ 17 ของรายชื่อวงอเมริกาที่มียอดขายดีที่สุดตลอดกาล ในปี ค.ศ. 1998 วีเอชวันให้พวกเขาติดอันดับ 60 ในหัวข้อ 100 ศิลปินที่ยอดเยี่ยมที่สุดในร็อกแอนด์โรล",
"คริส เอสปิโนซา: \"แผนการมโหฬารที่จะให้แมคอินทอชเป็นอย่างไรในอนาคตนั้น ช่างห่างไกลจากความจริงที่สินค้าชิ้นนี้เป็นอยู่ และความจริงที่สินค้านี้เป็นอยู่ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ยังสามารถกู้สถานการณ์ได้ แต่ช่องว่างระหว่างสิ่งทั้งสองนั้นมีมากเหลือเกิน จนต้องมีใครสักคนหนึ่งทำอะไรกับมัน และใครคนนั้นในตอนนั้นก็คือจอห์น สกัลลีย์\" จอห์น สกัลลีย์: \"คณะกรรมการจะต้องตัดสินใจเลือก และผมพูดว่า เอาละ มันเป็นบริษัทของสตีฟ ผมมาที่นี่เพื่อช่วย ถ้าคุณต้องการให้เขาบริหารงาน ผมก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่อย่างน้อยที่สุดเราต้องตัดสินใจว่าเราจะทำอะไร และทุกคนต้องหนุนหลังมันอยู่ ... และในที่สุดแล้วเมื่อคณะกรรมการได้พูดกับสตีฟ และกับผม เราตัดสินใจที่จะเดินหน้าแผนการของผมต่อไป และสตีฟก็จากไป\" สตีฟ จอบส์: \"ผมจะพูดอะไรได้? ผมจ้างคนผิด เขาทำลายทุกสิ่งที่ผมสร้างไว้ด้วยการทำงานยาวนานถึง 10 ปี ทุกอย่างเริ่มที่ตัวผมเอง แต่นั่นไม่ใช่ส่วนที่น่าเศร้าที่สุด ผมคงจะยินดีออกจากแอปเปิลหากว่าแอปเปิลยอมทำอย่างที่ผมต้องการ\" แลรี เทสเลอร์: \"คนในบริษัทรู้สึกกันไปต่าง ๆ นานากับเรื่องนี้ ทุกคนต่างเคยถูกสตีฟ จอบส์เล่นงานมาไม่ว่าช่วงใดช่วงหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาก็โล่งใจที่ผู้ก่อการร้ายจะไปเสียที แต่อีกแง่มุมหนึ่ง ผมคิดว่าคนเดียวกันมีความเคารพในตัวจอบส์อย่างมาก และเราทุกคนต่างเป็นกังวลอย่างมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทนี้ต่อไปเมื่อปราศจากวิสัยทัศน์ ปราศจากผู้ก่อตั้ง ปราศจากผู้มีบุคลิกโดดเด่น\" แอนดี เฮิร์ทซเฟลด์: \"เขาถือว่ามันเป็นการจู่โจมส่วนบุคคล โดยเริ่มจากการโจมตีสกัลลีย์ ซึ่งมันทำให้เขาจนมุม เพราะเขาแน่ใจว่าคณะกรรมการจะสนับสนุนเขา ไม่ใช่สกัลลีย์...แอปเปิลไม่เคยฟื้นตัวจากการสูญเสียสตีฟ สตีฟเป็นหัวใจ จิตวิญญาณ และแรงขับเคลื่อน ที่นั่นคงเป็นที่ ๆ ต่าง ๆ ไปจากนั้นในเวลานี้ พวกเขาได้สูญเสียจิตวิญญาณของพวกเขาไป\"",
"เรื่องราวของแอนนาเบล์เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1970 เมื่อผู้หญิงรายหนึ่งซื้อมาจากร้านขายของเก่าเพื่อเป็นของขวัญวันครบรอบวันเกิดปีที่ 28 ให้แก่ลูกสาวตัวเองชื่อ ดอนนา ซึ่งเป็นนักศึกษาพยาบาล ดอนนาพักอยู่ในหอพักกับเพื่อนร่วมห้องชื่อ แองจี้ หลังจากนั้นไม่นาน ดอนนาสังเกตเห็นความผิดปกติของแอนนาเบลล์ว่าเมื่อเธอกลับมาที่ห้อง บ่อยครั้งที่พบว่าแขนขาของแอนนาเบลล์ขยับเองได้ หรือเปลี่ยนลักษณะท่าทาง หรือแม้แต่เปลี่ยนที่ตั้งเองโดยไม่มีใครไปจับหรือขยับตัว ต่อมาทั้งดอนนาและเรกจีก็พบเศษกระดาษที่เขียนข้อความแปลก ๆ ด้วยดินสอเป็นลายมือที่คล้ายกับลายมือเด็ก ตกอยู่ที่พื้นห้อง โดยมีข้อความว่า \"\"ช่วยเราด้วย\"\" กับ \"\"ช่วยลูด้วย\"\" จนกระทั่งวันหนึ่ง ดอนนากลับมาและได้พบว่าแอนนาเบลล์อยู่บนเตียงนอนของเธอ เธอจึงสำรวจตัวของแอนนาเบลล์แล้วพบรอยคล้ายกับรอยเลือดติดที่มือและหน้าอก เธอจึงติดต่อร่างทรงให้ช่วยเหลือ ร่างทรงเมื่อได้ทำพิธีแล้วบอกว่า แอนนาเบลล์เป็นตุ๊กตาที่มีวิญญาณของเด็กผู้หญิงวัย 7 ขวบ ที่ชื่อ แอนนาเบลล์ ฮิกกินส์ สิงสถิตอยู่ โดยเธอเสียชีวิตในสวนซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหอพักของทั้งคู่ และแอนนาเบลล์ชื่นชอบทั้งดอนนาและเรกจี จึงอยากจะขอมาอยู่ด้วย สิ่งที่ได้ฟังจากร่างทรงทำให้ดอนนาและเรกจีรู้สึกสงสาร จึงให้แอนนาเบลล์มาอยู่ด้วยด้วยความเต็มใจ แต่สำหรับลู ซึ่งเป็นเพื่อนชายของทั้งคู่ซึ่งพักอยู่ในหอเดียวกันแต่คนละห้องกลับไม่เชื่อเช่นนั้น ซึ่งลูเคยบอกกับดอนนาก่อนหน้านี้แล้วถึงความผิดปกติของแอนนาเบลล์ และบอกให้เธอทิ้งมันไปเสีย แต่ดอนนาไม่เชื่อ คืนหนึ่งขณะที่นอนหลับ ลูฝันไปว่าเห็นแอนนาเบลล์ปีนขึ้นมาบนตัวเขาและใช้มือบีบคอเขา ลูสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาเชื่อว่านี่ไม่ใช่เป็นเพียงความฝันแน่ ๆ จึงตั้งใจจะไม่เอายุ่งเกี่ยวใด ๆ กับเรื่องนี้อีก ต่อมาขณะที่ทั้งลูและแองจี้กำลังวางแผนจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ ในห้องของดอนนาและแองจี้ ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องนอนของดอนนา ทั้งที่ไม่มีใครหรืออะไรอยู่ในขณะนั้น ลูได้เดินเข้าไปดูและเห็นแอนนาเบลล์ตกอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ทันใดนั้นลูก็รู้สึกว่ามีใครบางคนจ้องมองเขาอยู่จากด้านหลัง เมื่อลูหันกลับไปก็ไม่เห็นอะไร แต่แล้วจู่ ๆ ตัวเขาเองถูกอะไรบางอย่างทำร้าย เขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้น ยกมือจับหน้าอกตัวเองแน่น พบว่าเสื้อตัวเองเป็นรอยฉีกเล็ก ๆ 7 รอย เป็นรอยทางขวาง 4 รอย และรอยตามยาวอีก 3 รอย ทุกรอยมีลักษณะเหมือนกับโดนเล็บเล็ก ๆ ข่วน มีเลือดไหลออกมาซิบ ๆ แต่อย่างไรก็ดีบาดแผลนี้ค่อย ๆ จางและหายไปหมดภายในเวลา 2 วัน ",
"วันที่ 20 เมษายนกลายเป็นวันหยุดวัฒนธรรมต่อต้านสากล ที่ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองและเสพกัญชา การร่วมตัวกันเหล่านี้หลายที่มีสภาพการเมือง เช่น การสนับสนุนการเปิดเสรีและการทำให้กัญชาถูกกฎหมาย วิเวียน แมคพีค ผู้ก่อตั้งเฮมป์เฟส (Hempfest) ในซีแอตเทิ้ลกล่าวว่า 4/20 นั้นเป็นการเฉลิมฉลองครึ่งเป็นการเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครึ่ง พอลล์ เบิร์ชกล่าวว่า วันที่ 20 เมษายนนั้นเป็นขบวนการทั่วโลกและไม่มีใครหยุดได้"
] |
ช่อง 7 เอชดี เป็นสถานีโทรทัศน์แห่งที่เท่าไหร่ของประเทศไทย? | [
"ช่อง 7 เอชดี (Channel 7 HD) (ชื่อเดิม: สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 English: Bangkok Broadcasting Television Channel 7) เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินซึ่งออกอากาศด้วยระบบภาพสีแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งที่ 3 ของประเทศไทย ดำเนินกิจการภายใต้สัญญาสัมปทานกับกองทัพบก เริ่มแพร่ภาพเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2510 ในระบบวีเอชเอฟ เดิมออกอากาศเป็นภาพขาวดำ ทางช่องสัญญาณที่ 9[1] ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นระบบภาพสี และย้ายการออกอากาศ ไปทางช่องสัญญาณที่ 7 จนถึงปัจจุบัน มีกฤตย์ รัตนรักษ์ เป็นประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด และสมเกียรติ เจริญภิญโญยิ่ง เป็นกรรมการผู้จัดการ"
] | [
"รายชื่อละครโทรทัศน์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ส่วนภูมิภาค กรมประชาสัมพันธ์ เอ็นบีทีเวิลด์ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เอ็มคอตเอชดี สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส",
"สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (ชื่อสากล: HS-TV 3[4]) เป็นสถานีโทรทัศน์เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่ออกอากาศโดยใช้ช่องความถี่ต่ำ ในระบบวีเอชเอฟ คือช่อง 2 ถึงช่อง 4 โดยในระยะเริ่มแรก ใช้เครื่องส่งโทรทัศน์สีขนาด 25 กิโลวัตต์ จำนวนสองเครื่องขนานกัน รวมกำลังส่งเป็น 50 กิโลวัตต์ อัตราการขยายสายอากาศ 13 เท่า กำลังออกอากาศที่ปลายเสาอยู่ที่ 650 กิโลวัตต์ เสาอากาศเครื่องส่งมีความสูง 250 เมตร ความถี่คลื่นอยู่ระหว่าง 54-61 เมกะเฮิร์ตซ์ ใช้ระบบ ซีซีไออาร์ พาล (CCIR PAL) 625 เส้น เป็นแห่งแรกของไทย โดยส่งออกอากาศทางช่องสัญญาณที่ 3 ซึ่งสามารถให้บริการในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งหมด 18 จังหวัดเท่านั้น คิดเป็นร้อยละ 20.64 ของพื้นที่ประเทศไทย[2][3] นับเป็นสถานีโทรทัศน์สีแห่งที่สองของไทย ต่อจากสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7",
"สถานีโทรทัศน์เอ็มคอตเอชดี (English: MCOT HD; ชื่อเดิม: สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม, สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 บางลำพู, สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท., สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี) หรือ ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี (English: 9 MCOT HD) เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestrial Television) แห่งแรกของประเทศไทย ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เริ่มแพร่ภาพเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ในระบบวีเอชเอฟ เดิมออกอากาศเป็นภาพขาวดำ ทางช่องสัญญาณที่ 4 ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 จึงย้ายมาออกอากาศด้วยภาพสี ทางช่องสัญญาณที่ 9 จนถึงปัจจุบัน สังกัด สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแล มีพลเอก ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เป็นประธานกรรมการบริษัท และนายเขมทัตต์ พลเดชเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่",
"นอกจากนี้ ยังผลิตรายการโทรทัศน์ เกี่ยวกับกีฬาและบันเทิง เพื่อนำเสนอและออกอากาศ ทางช่องโทรทัศน์ภาคพื้นดินในประเทศไทย คือสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5, สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี, ช่องเนชั่น เป็นต้น ตลอดจนผลิตเนื้อหาโทรทัศน์ เกี่ยวกับกีฬาและบันเทิง เพื่อเผยแพร่ในโอกาสพิเศษต่างๆ",
"รายชื่อละครโทรทัศน์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 บีอีซี เวิลด์ มิสไทยแลนด์เวิลด์ บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ครอบครัวข่าว 3 เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ ครอบครัวข่าวเช้า เรื่องเด่นเย็นนี้ ข่าววันใหม่ ช่อง 3 แฟมิลี ช่อง 3 เอสดี วิทยุครอบครัวข่าว สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เอ็มคอตเอชดี สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส",
"การจัดระดับความเหมาะสมของรายการโทรทัศน์ไทย เป็นความร่วมมือกันระหว่างสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ได้แก่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก, สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เอชดี, สถานีโทรทัศน์เอ็มคอตเอชดี, สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ และ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (ชื่อเดิมคือสถานีโทรทัศน์ไอทีวีและสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี) เพื่อจัดระดับความเหมาะสมของรายการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ชมสามารถเลือกดูได้ว่ารายการใดที่มีความเหมาะสมต่อตัวเองและคนรอบข้าง อาทิเช่น รายการใดที่เด็กควรดู รายการที่ผู้ใหญ่ควรให้ความแนะนำ หรือรายการที่ไม่เหมาะสมต่อเด็กและเยาวชน",
"รายชื่อละครโทรทัศน์ทางสถานีโทรทัศน์เอ็มคอตเอชดี บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) สถานีวิทยุ อสมท สำนักข่าวไทย เครือข่ายโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มคอท เอ็มคอตแฟมิลี สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส",
"ช่อง 7 เอชดี (ชื่อเดิม:สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7) เป็นช่องโทรทัศน์ที่มีรายการต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงละครที่มีมากมายหลายเรื่องและหลายช่วงเวลา เมื่อมีละครเรื่องหนึ่งจบหรืออวสานไปก็จะมีละครเรื่องใหม่มาออกอากาศแทน โดยละครแต่ละเรื่องจะมีนักแสดงนำและบทละครที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ ละครทางช่อง 7 สีที่อวสานไปเมื่อประมาณ 1 ปีครึ่ง ถึง 3 ปีที่แล้ว จะถูกนำมาออกอากาศอีกครั้งในช่วงเวลาตอนบ่ายในวันจันทร์ถึงศุกร์ด้วย",
"เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย ผลิตรายการต่างๆ ทั้งเกมโชว์ ควิซโชว์ เกมโชว์สำหรับเด็ก ทอล์คโชว์ วาไรตี้โชว์ วาไรตี้คอเมดี้โชว์ เรียลลิตี้โชว์ การประกวด ละครเวที สารคดี และรายการวันหยุดนักขัตฤกษ์ เป็นจำนวนกว่า 100 รายการ เพื่อนำเสนอออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก, สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี, สถานีโทรทัศน์ไอทีวี, สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส, สถานีโทรทัศน์ช่องวัน, สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์, สถานีโทรทัศน์นาว 26, สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ,สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี และ สถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี ปัจจุบัน เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย มีรายการโทรทัศน์ที่กำลังออกอากาศอยู่เป็นจำนวน 10 รายการ เป็นรายการประเภททอล์คโชว์ วาไรตี้โชว์ วาไรตี้เกมโชว์ สารคดี เรียลลิตี้โชว์ และรายการวันหยุดนักขัตฤกษ์ ออกอากาศทางช่อง 5 HD ช่อง 7 HD ช่อง 9 MCOT HD และช่องไทยพีบีเอส HD (รายการที่กำลังออกอากาศอยู่ เน้น ตัวหนา รายการที่ขายลิขสิทธิ์และออกอากาศในแอปพลิเคชัน LINE TV และ AIS PLAY เน้น \"ตัวเอน\")",
"รายนามผู้ประกาศข่าวและผู้รายงานข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เอชดี เรียงชื่อตามลำดับอักษร",
"นอกจากนี้ ททบ.5 ยังเปิดให้บริการเว็บไซต์ของสถานีฯ เป็นแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2538 โดยใช้โดเมนเนม พร้อมทั้งจัดทำระบบโทรทัศน์ทางอินเทอร์เน็ต เป็นแห่งแรกในทวีปเอเชีย ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2539 ททบ.เป็นผู้ริเริ่มใช้เฮลิคอปเตอร์ที่ติดตั้งกล้องวิดีโอ และรถถ่ายทอดเคลื่อนที่ผ่านระบบดาวเทียม (Digital Satellite News Gathering ชื่อย่อ: D-SNG) มาใช้กับการถ่ายทอดสดและรายงานข่าว เป็นแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเป็นสถานีแรกของประเทศไทย ที่ดำเนินการผลิตและควบคุมการออกอากาศ ด้วยระบบดิจิตอล ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 และยังเริ่มต้นออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมงเป็นสถานีแรกของไทย ต่อมา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2541 ททบ.5 ดำเนินการออกอากาศโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ในระบบดิจิตอลไปยังทุกภูมิภาคทั่วโลก ตามโครงการ โดยปัจจุบันสามารถรับชมในกว่า 170 ประเทศ และในวาระครบรอบ 40 ปี ททบ. ปีเดียวกันนั้นเอง การก่อสร้างอาคารที่ทำการ และอาคารหลักของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งรวมส่วนบริหาร ส่วนปฏิบัติการ และส่วนสนับสนุนไว้ในอาคารเดียวกัน รวมทั้งมีห้องส่งโทรทัศน์อันทันสมัย จำนวน 4 ห้อง ก็แล้วเสร็จสมบูรณ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ททบ.เริ่มดำเนินงานก่อสร้าง อาคารสำนักงานเพิ่มเติม และอาคารจอดรถ กำหนดแล้วเสร็จในวาระครบรอบ 50 ปีของ ททบ.5 คือ พ.ศ. 2551 โดยในปีดังกล่าว ททบ.จัดซื้อระบบออกอากาศภายในห้องส่งใหม่ ประกอบด้วยโรงถ่ายเสมือนจริง (Virtual Studio) และกำแพงวิดีทัศน์ (Video Wall) พร้อมทั้งใช้สีแดง ประกอบการนำเสนอข่าวของสถานีฯ ในปีต่อมา (พ.ศ. 2552) ททบ.5 เปลี่ยนไปใช้สีเขียว เป็นหลักในการนำเสนอข่าว โดยให้มีนัยสื่อถึงกองทัพบก ล่าสุด ททบ.ดำเนินงานก่อสร้าง อาคารชุดอเนกประสงค์แห่งใหม่ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 โดยมีกำหนดแล้วเสร็จวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ อนุญาตให้กรมประชาสัมพันธ์, บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)และองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ร่วมกันทดลองออกอากาศโทรทัศน์ระบบดิจิทัล โดยมอบหมายให้ ททบ.5 เป็นผู้ดำเนินการ ตั้งแต่เวลา 13:00 น. ของวันศุกร์ที่ 25 มกราคม จนถึงเวลา 12:59 น. ของวันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ในย่านความถี่ยูเอชเอฟ ช่องสัญญาณที่ 36 ซึ่งแบ่งออกเป็น 8 ช่องรายการคือ 6 ช่องทวนสัญญาณจากช่องโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestrial) ด้วยความละเอียดมาตรฐานตามปกติ ซึ่งประกอบด้วย สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5, สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 , สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์, สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำหรับอีก 2 ช่องรายการ จะทดลองออกอากาศโทรทัศน์ความละเอียดสูง กล่าวคือ ช่องหนึ่งจะกระจายเสียงและแพร่ภาพ รายการโทรทัศน์ความละเอียดสูงซึ่งผลิตโดย ททบ. ส่วนอีกช่องหนึ่งจะทวนสัญญาณ จากช่องรายการของไทยพีบีเอส ซึ่งออกอากาศในระบบความละเอียดสูงผ่านดาวเทียมอยู่แต่เดิม โดยมีรัศมีรอบเสาส่งสัญญาณบนยอดอาคารใบหยก 2 เป็นระยะทาง 80 กิโลเมตร ครอบคลุมเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล[1] ต่อมา กสทช.อนุมัติใบอนุญาตประกอบกิจการ โทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล ประเภทบริการสาธารณะเพื่อความมั่นคงแก่ ททบ.5 โดยเริ่มนำสัญญาณภาพและเสียง ออกอากาศคู่ขนานไปจาก โทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบแอนะล็อกทางช่อง 5 เดิม พร้อมกับผู้ประกอบการส่วนมาก ในประเภทบริการทางธุรกิจ เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557 ต่อมา ททบ.5 ตั้งชื่อช่องรายการที่ออกอากาศในระบบดิจิทัลว่า ทีวี 5 เอชดี1 (TV5 HD1) (วิธีอ่าน อ่านว่า ทีวีไฟว์ เอชดีวัน) พร้อมกับการปรับเปลี่ยนการปรากฏตราสัญลักษณ์ของสถานีแต่เพียงเล็กน้อย ด้วยการเพิ่มตัวอักษรคำว่า HD1 สีเทาเงิน ประดับติดกับสัญลักษณ์ไว้ทางด้านขวาตรงกลาง โดยเพื่อใช้สำหรับการปรากฏตราสถานีฯไว้อยู่ที่มุมขวาของหน้าจอโทรทัศน์ เมื่อขณะที่กำลังออกอากาศรายการต่างๆอยู่ ทั้งระบบแอนะล็อกและดิจิทัล ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 ซึ่งใช้มาจนกระทั่งพฤษภาคม พ.ศ. 2561 จึงได้ปรับอัตลักษณ์บนหน้าจอใหม่ให้ใหญ่และโดดเด่นขึ้น",
"รายชื่อละครโทรทัศน์ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก กองทัพบกไทย ไทยทีวีโกลบอลเน็ตเวิร์ก สถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพบก โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เอ็มคอตเอชดี สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส",
"สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 บริหารงานโดยกลุ่มบริษัท บีอีซีเวิลด์ ภายใต้สัมปทานของ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก บริหารงานโดยกองทัพบก สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 บริหารงานโดยบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ภายใต้สัมปทานของ กองทัพบก ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี บริหารงานโดยบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย บริหารงานโดย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส บริหารงานโดย องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย",
"25 พฤษภาคม เป็นต้นไป วางข้างล่างช่อง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และ นิวทีวี วันที่ 26 พฤษภาคม เมื่อเวลา 18:21 น. สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 3 เอชดี ช่อง 3 เอสดี ช่อง 3 แฟมิลี่ เอ็มคอตแฟมิลี่ วอยซ์ทีวี เนชั่นทีวี พีพีทีวี และ สถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา เมื่อเวลา 20:13 น. เวิร์คพอยท์ทีวี เมื่อเวลา 12:01 น. นาว 26 เมื่อเวลา 13:40 น. ทีเอ็นเอ็น 24 เมื่อเวลา 14:39 น.ไบรต์ทีวี เมื่อเวลา 16:04 น. อมรินทร์ทีวี เมื่อเวลา 18:01 น. สปริงนิวส์ เมื่อเวลา 21:01 น. ไทยรัฐทีวี หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รายการ คืนความสุขให้คนในชาติ เมื่อเวลา 21:16 น. ทรูโฟร์ยู เมื่อเวลา 12:01 น. ช่อง 8 เมื่อเวลา 00:01 น. โมโน 29 เมื่อเวลา 20:39 น. ช่องวัน เมื่อเวลา 05:01 น. จีเอ็มเอ็ม 25 โฆษณาเกินเวลา หมายตราสัญลักษณ์ หรือวางช่องข้างบน เผยตราสัญลักษณ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฉลองสิริราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙\nหรือวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นการเปลี่ยนตราสัญลักษณ์เป็นพื้นหลังดำ เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยต่อการสวรรคต และ วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๐ ตราสัญลักษณ์เป็นพื้นหลังแบบสีปกติเหมือนเดิม แต่ทว่า ก็ยังให้ตราสัญลักษณ์อยู่ข้างล่างมุมขวาของจอโทรทัศน์เหมือนเดิม",
"ฝ่ายข่าว ช่อง 7 เอชดี ()เป็นหน่วยงานย่อยของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือ ช่อง 7 เอชดี ทำหน้าที่ผลิตข้อมูลข่าวสารทุกประเภท ในรูปของเนื้อหาข่าวสำหรับโทรทัศน์ และภาพวิดีโอข่าวสำหรับโทรทัศน์ หรือภาพนิ่งในบางกรณี เพื่อสนับสนุนกับรายการโทรทัศน์ ประเภทข่าวและเหตุการณ์ปัจจุบัน ที่สถานีฯ ผลิตขึ้นเอง รวมถึงสื่อประเภทอื่นของช่อง 7 เอชดี เช่น เว็บไซต์ หรือ สื่อสังคมออนไลน์ของสถานีฯ ก่อตั้งขึ้นในช่วงระยะแรกของการก่อตั้งสถานีฯ",
"ราวปี พ.ศ. 2495 กระทรวงกลาโหมออกข้อบังคับ ว่าด้วยการมอบหมายงานแก่เจ้าหน้าที่กองทัพบก โดยกำหนดให้กรมการทหารสื่อสาร (สส.) จัดตั้งแผนกกิจการวิทยุโทรทัศน์ ขึ้นตรงต่อกองการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 มีการกำหนดอัตรากำลังพลประจำแผนกโทรทัศน์ ในอัตราเฉพาะกิจ สังกัดกรมการทหารสื่อสาร จำนวน 52 นาย เพื่อปฏิบัติงาน ออกอากาศโทรทัศน์ภาคพื้นดิน ผลิตและถ่ายทอดรายการโทรทัศน์ จากนั้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2500 จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการดำเนินการวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ประกอบด้วย พลเอกไสว ไสวแสนยากร เป็นประธานกรรมการ และพันเอก (พิเศษ) การุณ เก่งระดมยิง เป็นเลขานุการ มีหน้าที่จัดทำ<i data-parsoid='{\"dsr\":[3870,3914,2,2]}'>โครงการจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พร้อมทั้งวางแผนการอำนวยการ และควบคุมการดำเนินกิจการวิทยุโทรทัศน์ รวมถึงมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อปฏิบัติงานให้ได้ผลตามที่ราชการทหารมุ่งหมาย ต่อมาในวันที่ 24 มิถุนายน ปีเดียวกัน มีพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารที่ทำการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ในบริเวณกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร โดยทำสัญญายืมเงินกับกองทัพบก เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้าง และจัดหาอุปกรณ์ จำนวน 10,101,212 บาท สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 (ชื่อสากล: ATV รหัส: HSATV ชื่อย่อ: ททบ.7) เริ่มต้นออกอากาศเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2501 จากอาคารสวนอัมพร เป็นภาพขาวดำ ใช้ระบบเอฟซีซี (Federal Communication Committee) 525 เส้น ทางช่องสัญญาณที่ 7 ด้วยเครื่องส่งออกอากาศ กำลังส่ง 5 กิโลวัตต์ และทวีกำลังเพิ่มขึ้นอีก 12 เท่า บนสายอากาศสูง 300 ฟุต รวมกำลังส่งออกอากาศทั้งสิ้น 60 กิโลวัตต์ จึงเป็นสถานีโทรทัศน์ไทยแห่งที่สอง ต่อจากสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 ของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด (สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน) ต่อมา เมื่อก่อสร้างของอาคารสถานีเสร็จสมบูรณ์ จึงเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการในทุกวันพุธ แล้วจึงเพิ่มวันจันทร์และวันศุกร์ในระยะถัดมา โดยรายการส่วนมากเป็นสารคดีและภาพยนตร์ต่างประเทศ จากนั้นในปี พ.ศ. 2506 ททบ.ตั้งสถานีทวนสัญญาณเป็นแห่งแรก บนยอดเขาวงพระจันทร์ อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี โดยใช้เครื่องทรานสเลเตอร์ถ่ายทอดสัญญาณ เริ่มจากถ่ายทอดการฝึกทหารในยามปกติ ซึ่งมีชื่อรายการว่า การฝึกธนะรัชต์ ทั้งนี้ เริ่มจัดรายการภาคกลางวัน ในปีเดียวกันนี้ด้วย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทอดพระเนตรกิจการ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2508 นอกจากนี้ ททบ.5 ยังเริ่มจัดตั้ง สถานีวิทยุกระจายเสียงระบบเอฟเอ็ม ความถี่ 94.0 เมกะเฮิร์ตซ์ ในปีเดียวกันนี้ โดยในระยะแรกเป็นการถ่ายทอดเสียงภาษาอังกฤษ จากฟิล์มภาพยนตร์ที่ออกอากาศทาง ททบ. และเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2511 ททบ.ร่วมกับสถานีโทรทัศน์อีก 3 แห่งในขณะนั้น ก่อตั้ง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ชื่อย่อ: ทรท., ทีวีพูล) เพื่ออำนวยการปฏิบัติงาน ระหว่างสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 ททบ.ตั้งสถานีทวนสัญญาณเพิ่มเติม ที่จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดนครราชสีมา โดยเปลี่ยนมาใช้ระบบไมโครเวฟแทน จากนั้น ททบ.5 ปรับปรุงระบบเครื่องส่งโทรทัศน์ จากเดิมที่ใช้ระบบ 525 เส้น ภาพขาวดำ ช่องสัญญาณที่ 7 เป็นระบบ 625 เส้น ในย่านความถี่วีเอชเอฟ ทางช่องสัญญาณที่ 5 ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2517 พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ททบ.เริ่มออกอากาศด้วยภาพสีในระบบพาล (Phase Alternation Line - PAL) เป็นครั้งแรกด้วยการถ่ายทอดสด พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ณ ลานพระราชวังดุสิต และต่อมา ททบ.5 จึงเปลี่ยนแปลงตราสัญลักษณ์ของสถานีฯ เพื่อให้สอดคล้องกับการบริหารงานของสถานี และยังมีการเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งด้วย เมื่อปี พ.ศ. 2521 ททบ.ร่วมกับสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เช่าสัญญาณดาวเทียมปาลาปาของอินโดนีเซีย พร้อมตั้งสถานีถ่ายทอดสัญญาณผ่านดาวเทียมเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ และเริ่มจัดทำห้องส่งส่วนภูมิภาค ในภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่, ภาคใต้ที่จังหวัดสงขลา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดอุบลราชธานี อนึ่ง ในช่วงทศวรรษนี้ ททบ.ดำเนินการขยายสถานีเครือข่ายในจังหวัดต่างๆ เพิ่มเติมดังต่อไปนี้",
"27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 - 19 สิงหาคม พ.ศ. 2529 ภาพอวกาศ ถ่ายเข้ามาที่โลก และเป็นภาพเป็นกลุ่มเมฆ และภาพมหาสมุทร จากการ์ตูนของญิ่ปุ่นเรื่องหนึ่ง และแสดงสัญลักษณ์ช่องสถานี - เสียงยานอวกาศ (หน้าจออวกาศ) เสียงกลอง (หน้าจอกลุ่มเมฆ) เสียง sound effect Ta-Da (หน้าจอมหาสมุทร) และเพลงประจำสถานี ฉากรอง พื้นหลังเป็นอาคารสถานี และแสดงตราสัญลักษณ์กองทัพบก - เพลงประกอบใช้เพลงมาร์ชกองทัพบก 20 สิงหาคม พ.ศ. 2529 - 31 มีนาคม พ.ศ. 2543 ฉากแรกจะเป็นรูปท้องฟ้ามีกลุ่มเมฆลอยอยู่กลางอากาศ (เปรียบเสมือนเข้าสู่เช้าวันใหม่) และแสดงสัญลักษณ์ของสถานี และข้อความภาษาไทยแบบโค้งเขียนว่า \"สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7\" วางไว้ใต้ตราสัญล้กษณ์ - เพลงประกอบใช้เพลง Mechanised Infantry March ฉากรอง พื้นหลังเป็นสีฟ้า แสดงตราส้ญลักษณ์กองทัพบกแบบโครงเส้นสีขาว และขึ้นข้อความภาษาไทยแบบโค้งเขียนว่า \"สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7\" วางไว้ใต้ตราสัญล้กษณ์ - เพลงประกอบใช้เพลงมาร์ชกองทัพบก 1 เมษายน พ.ศ. 2543 - 24 เมษายน พ.ศ. 2557 ภาพพื้นหลังจะเป็นน้ำเงินไล่สีมีดาวเปล่งประกายเรียงต่อกันหลายๆดวง แสดงสัญล้กษณ์ของสถานี และตราสัญลักษณ์กองทัพบกแบบสีทอง และขึ้นข้อความภาษาไทยแบบโค้งล่างที่มีคำว่า\"สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7\" วางไว้ใต้ตราสัญล้กษณ์ - เพลงประกอบใช้เพลง Mechanised Infantry March ต่อด้วย เพลงมาร์ชกองทัพบก 25 เมษายน พ.ศ. 2557 - 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 กราฟิกมึสองแบบ โดยสลับใช้วันต่อวัน แบบที่ 1 ใช้กาฟิกพื้นหลังสีเขียว และแบบที่ 2 ใช้กราฟิกพื้นหลังแบบแสงแฟลช ทั้งสองแบบแสดงสัญล้กษณ์ของสถานี และ ตราสัญลักษณ์กองทัพบก มีข้อความภาษาไทยเขียนว่า \"สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7\" วางไว้ใต้ตราสัญล้กษณ์ - เพลงประกอบใช้เพลง Mechanised Infantry March ต่อด้วย เพลงมาร์ชกองทัพบก 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 - 16 มิถุนายน พ.ศ. 2561 ใช้ภาพพื้นหลังสีขาว แสดงสัญลักษณ์ของสถานี เพิ่มข้อความสัญลักษณ์ HD (เอชดี) ข้างขวาของโลโก้ และ ตราสัญลักษณ์กองทัพบกแบบ 3 มิติ และขึ้นข้อความภาษาไทยใต้ตราสัญล้กษณ์ว่า \"สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7\" - เพลงประกอบใช้เพลงเดิมที่ใช้ในรูปแบบก่อนหน้านั้น 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 - ปัจจุบัน ใช้ภาพลักษณะเดียวกัน แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นแบบ Bumper คือแสดงสัญลักษณ์ของสถานี เพียงอย่างเดียว เป็นเวลา 5 วินาที",
"นอกจากนี้ ยังทยอยปรับปรุงระบบสายอากาศ ภายในสถานีเครือข่ายโทรทัศน์ทั่วประเทศ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 สำหรับในส่วนของสถานีเครือข่าย จังหวัดขอนแก่น (ช่อง 7), จังหวัดอุบลราชธานี (ช่อง 6), จังหวัดสุรินทร์ (ช่อง 7), จังหวัดแพร่ (ช่อง 6) และจังหวัดเพชรบูรณ์ (ช่อง 11) ดำเนินการเมื่อปี พ.ศ. 2553 สำหรับส่วนกลางที่กรุงเทพมหานคร มีการจัดตั้งสถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ ระบบยูเอชเอฟหน่วยย่อยเพิ่มเติม โดยแพร่ภาพทางช่อง 60 เพื่อขจัดปัญหาในการรับสัญญาณ จำนวน 3 แห่งคือ บนอาคารจิวเวอรีเทรดเซ็นเตอร์ ถนนสีลม เขตบางรัก, บนอาคารแฟมิลีคอมเพล็กซ์ สี่แยกสุทธิสาร เขตพญาไท และบนอาคารเอ็มโพเรียม ถนนสุขุมวิท เขตคลองเตย และกำลังดำเนินการจัดตั้ง สถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟสำรอง บนดาดฟ้าชั้น 36 ของอาคารมาลีนนท์ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ภายในเดือนเมษายน พ.ศ. 2556",
"รายชื่อละครโทรทัศน์ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รายนามผู้ประกาศข่าวและผู้รายงานข่าว สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุไทยพีบีเอสออนไลน์ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เอ็มคอตเอชดี สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย",
"วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 อ.ส.ม.ท. ร่วมลงนามในสัญญากับสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และ<b data-parsoid='{\"dsr\":[13432,13475,3,3]}'>สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท. เพื่อขยายเครือข่ายกิจการโทรทัศน์ ไปสู่ส่วนภูมิภาค และหน่วยงานภาครัฐ จัดสรรคลื่นความถี่ส่ง ด้วยระบบวีเอชเอฟ พร้อมอุปกรณ์การออกอากาศ เพื่อจัดตั้งสถานีเครื่องส่งโทรทัศน์ในการกำกับของ อ.ส.ม.ท. แต่ละแห่ง (ระยะหลังจึงขยายไปสู่ระบบยูเอชเอฟ) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2531-กรกฎาคม พ.ศ. 2534 เป็นระยะเวลา 3 ปี จึงทำให้ สถานีโทรทัศน์ในการกำกับของ อ.ส.ม.ท. ทั้งสองแห่ง สามารถออกอากาศไปได้ทั่วประเทศ",
"ทั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี ส่วนภูมิภาค เป็นหนึ่งในกลุ่มสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดินในเครือข่ายท้องถื่นแห่งเดียวของประเทศไทย เริ่มดำเนินการจัดสถานีถ่ายทอดสัญญาณแอนะล็อกและดิจิทัลทั่วประเทศ (รวมไปถึงศูนย์ข่าวจากสำนักข่าวไทย) โดยมีการแพร่ภาพระหว่างออกอากาศในต่างจังหวัดเพิ่มเติมละ 36 สถานี ได้แก่",
"ส่วนการออกอากาศในประเทศไทย เริ่มออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกเป็นสถานีแรก เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2542 หลังจากนั้นได้ถูกนำมาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2545 - 2548 หลังจากนั้นก็ได้นำมาออกอากาศทางช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี ในช่วงปี พ.ศ. 2557 - 2558 และล่าสุดได้นำมาออกอากาศทางช่อง 3 แฟมิลี่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 - ปัจจุบัน แล้วกลับมาอีกครั้ง ออกอากาศ ตั้งแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2015 - ปัจจุบัน",
"รายชื่อละครโทรทัศน์ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 เอชดี ข่าวช่อง 7 เอชดี 7 สีคอนเสิร์ต บิ๊กซินีม่า มวยไทย 7 สี มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ไทยซุปเปอร์โมเดลคอนเทสต์ มิสทีนไทยแลนด์ แชมป์กีฬา 7 สี สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เอ็มคอตเอชดี สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส",
"บริษัทเริ่มทำการผลิตรายการโทรทัศน์ประเภทเกมโชว์ นั่นคือรายการ \"\"ศึกน้ำผึ้งพระจันทร์\"\" ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นรายการแรกภายในปี พ.ศ. 2553 ต่อมาได้ขยายรูปแบบการผลิตรายการโทรทัศน์ และละครโทรทัศน์ประเภทต่าง ๆ ในหลากหลายรูปแบบและหลากหลายสถานี เพื่อนำเสนอออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5, สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี, สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, ช่องไทยรัฐทีวี, ช่องทรูโฟร์ยู, ช่องวัน และช่องพีพีทีวี มาโดยตลอดเป็นระยะเวลากว่า 9 ปี โดยมีเนื้อหาและรูปแบบรายการที่หลากหลาย เช่น เกมโชว์, ควิซโชว์, เรียลลิตี้โชว์, เกมโชว์สำหรับเด็กและเยาวชน, ทอล์คโชว์, วาไรตี้โชว์, ละครโทรทัศน์ และละครซิทคอม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ชมทุกเพศทุกวัย และยังได้รับรางวัลในหลากหลายสาขาในประเทศ รวมทั้งเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลและได้รับรางวัลต่าง ๆ จากสถาบันต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ เช่น รางวัลเมขลา, รางวัลโทรทัศน์ทองคำ และรางวัลโทรทัศน์แห่งเอเชีย (เอเชียนเทเลวิชั่นอวอร์ดส์) อีกด้วย",
"กันตนา ได้ผลิตรายการโทรทัศน์หลายประเภทเช่น เกมโชว์ ควิซโชว์ ทอล์คโชว์ วาไรตี้โชว์ เรียลลิตี้โชว์ สารคดี วาไรตี้คอเมดี้โชว์ รายการเพลง รายการเด็ก และละคร เป็นจำนวนกว่า 200 รายการ เพื่อนำเสนอออกอากาศผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5, สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7, สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3, สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี, สถานีโทรทัศน์ไอทีวี(ภายหลังใช้ชื่อว่า สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี และปัจจุบันคือสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) และสถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี ปัจจุบันกันตนา กรุ๊ปมีรายการโทรทัศน์และละครที่กำลังออกอากาศอยู่เป็นจำนวน 14 รายการ ออกอากาศทางช่อง 5 HD ช่อง 7 HD ช่อง 3 HD ช่อง 9 MCOT HD ช่อง 3 SD และช่องไทยรัฐทีวี HD (รายการที่กำลังออกอากาศอยู่ เน้น ตัวหนา รายการที่ออกอากาศหรือขายลิขสิทธิ์ในแอปพลิเคชัน LINE TV หรือ iflix เน้น \"ตัวเอียง\")",
"เมื่อปี พ.ศ. 2511 ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ในขณะนั้น ได้แก่ไทยทีวีช่อง 4 ของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด (ช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี ของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน) และ ททบ.7 (ปัจจุบันคือ ททบ.5) กับช่อง 7 สี ของกองทัพบก ได้ประชุมร่วมกันและมีมติว่า แต่ละสถานีฯ ควรจะได้รวมตัวกันขึ้น เพื่อปรึกษาหารือ และดำเนินการจัดการในเรื่องต่าง ๆ อันจะเกิดประโยชน์ร่วมกันกับทุกสถานีฯ จึงก่อตั้งองค์กรชื่อว่า \"โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย\" เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปีดังกล่าว โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการขึ้นชุดหนึ่ง ประกอบด้วยผู้อำนวยการของช่องโทรทัศน์ทั้ง 4 เป็นกรรมการ และมอบให้ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาแต่ก่อตั้ง ซึ่งต่อมาสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เข้าร่วมเป็นสมาชิกถาวร นับแต่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2513 ต่อมามีช่องโทรทัศน์ เข้าเป็นสมาชิกสมทบคือ สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และไทยพีบีเอส (เดิมคือสถานีโทรทัศน์ไอทีวี และสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี)",
"โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ชื่อย่อ: ทรท., ทีวีพูล; ) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2511 โดยสถานีโทรทัศน์ในประเทศไทย 4 ช่องคือ ททบ.5 ช่อง 7 เอชดี ไทยทีวีสีช่อง 3 และช่อง 9 เอ็มคอตเอชดี",
"สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (English: Royal Thai Army Radio and Television; ชื่อย่อ: ททบ.) เป็นสถานีโทรทัศน์ภาคพื้นดิน (Terrestrial Television) ของกองทัพบกไทย และเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งที่สองของประเทศไทย เริ่มแพร่ภาพเป็นปฐมฤกษ์ เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2501 ในระบบวีเอชเอฟ เดิมออกอากาศเป็นภาพขาวดำ ทางช่องสัญญาณที่ 7 จึงเรียกว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 (ททบ.7) หรือ ช่อง 7 (ขาว-ดำ) ต่อมาในปี พ.ศ. 2517 จึงย้ายมาออกอากาศด้วยภาพสี ทางช่องสัญญาณที่ 5 จึงเรียกว่า สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) จนถึงปัจจุบัน มี พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานกรรมการบริหารกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์กองทัพบก และ พลเอก กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ เป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่",
"การส่งกระจายเสียงวิทยุในระบบเอฟเอ็มครั้งแรก ดำเนินการโดยสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยสังกัดกรมประชาสัมพันธ์เมื่อปี พ.ศ. 2494 ส่วนการแพร่ภาพวิทยุโทรทัศน์ในระบบวีเอชเอฟครั้งแรก ดำเนินการโดย\"สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4\" ของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2498 โดยออกอากาศทางช่อง 4 ระบบขาวดำ และการแพร่ภาพวิทยุโทรทัศน์สี ในระบบวีเอชเอฟครั้งแรก ดำเนินการโดย\"สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7\" ซึ่งบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ได้รับสัมปทานจากกองทัพบกไทย เมื่อปี พ.ศ. 2510 โดยออกอากาศทางช่อง 7 ในย่านความถี่ที่ 3"
] |
รัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทยเกิดขึ้นเมื่อไหร่? | [
"พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช ๒๔๗๕ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ซึ่งถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกแห่งราชอาณาจักรสยาม ประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยเป็นผลพวงหลังการปฏิวัติเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยคณะราษฎร ซึ่งได้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ) ซึ่งในขณะที่เกิดการปฏิวัตินั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประทับ ณ พระตำหนักวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์"
] | [
"รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 เป็นผลพวงมาจากวิกฤตการณ์ทางการเมือง เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 อันนำไปสู่กระแสเรียกร้องต้องการให้มีการปฏิรูปทางการเมืองอย่างจริงจัง จนในที่สุดมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2539 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2539 เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งมาตรา 211 ด้วยการเพิ่มหมวด 12 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ บัญญัติให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเป็นสำคัญ และให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา 240 วัน นับแต่วันที่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญครบตามจำนวน (99 คน)",
"วันรัฐธรรมนูญในประเทศไทย หรือ วันพระราชทานรัฐธรรมนูญ เป็นวันที่ระลึกถึงโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 เป็นรัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรกของประเทศไทย โดยผลของการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยคณะราษฎรจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ปีเดียวกัน",
"สำหรับประเทศไทยนั้นเริ่มกล่าวถึงเสรีภาพต่าง ๆ ไว้ในรัฐธรรมนูญไทยฉบับแรกเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ได้บัญญัติเกี่ยวกับการรับรองเสรีภาพในการนับถือศาสนาไว้ในมาตรา 13 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 หมวด 2 ว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของ ชนชาวสยามความว่า \n“บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในการ ถือศาสนาหรือลัทธิใด ๆ และย่อมมีเสรีภาพ ในการปฏิบัติพิธีกรรมตามความนับถือของตน เมื่อไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมของประชาชน” แนวความคิดการให้ความคุ้มครองเสรีภาพในการ นับถือศาสนานี้เกิดจากคณะผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ เห็นว่าการให้เสรีภาพในประเทศไทยไม่มีความชัดเจนแน่นอน ซึ่งไม่อาจเป็นการให้หลักประกันของประชาชนได้ จึงจำเป็นต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศเพื่อเป็นหลักประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนว่าผู้ปกครองจะละเมิดมิได้ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รัฐธรรมนูญไทยฉบับ หลัง ๆ ทุกฉบับก็ได้วางหลักประกันสิทธิเสรีภาพ ในศาสนาตลอดมา ",
"รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540 นี้ถือเป็นรัฐธรรมนูญที่ริเริ่มขึ้นโดยพรรคชาติไทย นายบรรหาร ศิลปอาชานายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปการเมืองเข้ามาดำเนินการและได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา และมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 99 คน โดย 76 คนเป็นตัวแทนของแต่ละจังหวัด และอีก 23 คนมาจากผู้เชี่ยวชาญหรือผู้มีประสบการณ์ ซึ่งถือว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งฉบับเดียวของประเทศไทย โดยก่อนหน้านี้ 15 ฉบับมาจากคณะรัฐมนตรีที่มาจากการแต่งตั้งหรือรัฐบาลทหาร รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวถูกเรียกว่าเป็น \"รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน\" เนื่องจากการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่าง",
"รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวบางฉบับใช้บังคับเป็นเวลานาน เช่น ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 ซึ่งเกิดขึ้นจากรัฐประหารจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ใช้บังคับเป็นเวลา 9 ปีเศษ แต่รัฐธรรมนูญฉบับถาวรหลายฉบับใช้บังคับในระยะเวลาสั้น ๆ เพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่มีหลักการสอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่สอดคล้องกับโครงสร้างอำนาจทางการเมืองซึ่งไม่ได้อยู่ในมือของประชาชนอย่างแท้จริง ทว่าตกอยู่ในมือของกลุ่มข้าราชการประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทหารระดับสูง ด้วยเหตุนี้รัฐธรรมนูญที่มุ่งจะใช้บังคับเป็นการถาวรจึงมักถูกยกเลิกโดยรัฐประหาร โดยคณะผู้นำทางทหาร เมื่อคณะรัฐประหาร ซึ่งมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น คณะปฏิวัติ คณะปฏิรูป หรือคณะรักษาความสงบเรียบร้อย ยึดอำนาจได้สำเร็จก็จะประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแล้วจึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร และเมื่อประกาศใช้รัฐธรรมนูญที่มุ่งใช้บังคับถาวรแล้วก็จะมีการเลือกตั้ง และตามด้วยการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญฉบับถาวร แต่เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศไปได้ระยะหนึ่งก็จะถูกรัฐประหาร และประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับถาวร แล้วก็ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พร้อมทั้งจัดให้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรใหม่อีก หมุนเวียนเป็นวงจรการเมืองของรัฐไทยมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานนับหลายสิบปี นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา",
"สืบเนื่องจากรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 และการยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับที่ผ่านมา ทำให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญชุดแรก จำนวน 36 คน ซึ่งสมาชิกมาจากการแต่งตั้งทั้งหมด มีบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน[1] แต่ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2558 สภาปฏิรูปแห่งชาติ มีมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการฯ[2] ทำให้มีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ จำนวน 21 คน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558 และมีมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน[3] โดยนับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 ที่ผ่านการออกเสียงประชามติ ต่อจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 โดยได้รับเสียงเห็นชอบท่วมท้นถึง 16.8 ล้านเสียง ต่อเสียงคัดค้าน 10.5 ล้านเสียง[4]",
"แม้จะเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนร่วมเรียกร้องรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังจากจอมพล ถนอม กิตติขจรรัฐประหารให้แก่ตนเอง เพราะขณะรัฐประหารนั้น จอมพลถนอมดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2511 และเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พร้อมเตรียมร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรตามวงจรการเมืองของไทยที่เคยเป็นมา ก็เกิดกระบวนการเรียกร้องรัฐธรรมนูญจนนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือด จนทำให้จอมพล ถนอม กิตติขจรต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเดินทางออกนอกประเทศ และแม้ต่อมาจะมีการร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2517 ที่เป็นรัฐธรรมนูญซึ่งมีหลักการที่เป็นประชาธิปไตยมากฉบับหนึ่ง แต่ในที่สุดก็มีรัฐประหารอีก แล้วก็เกิดเหตุการณ์นองเลือดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ทำให้วงจรการเมืองไทยหมุนกลับไปสู่วงจรเดิม คือ รัฐประหาร ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร จัดให้มีการเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญฉบับถาวร และรัฐประหารยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ซ้ำซากไม่จบสิ้น เฉลี่ยแล้ว รัฐธรรมนูญไทยเปลี่ยนแปลงทุก 4 ปี ต่างจากกรณีสหรัฐอเมริกาที่มีรัฐธรรมนูญเพียงฉบับเดียว ซึ่งนับตั้งแต่ประกาศใช้ 7 มาตรา 55 อนุมาตรา ใน พ.ศ. 2332 ก็มีแต่การแก้ไขให้ทันสมัยเท่านั้น",
"รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ 18 ซึ่งจัดร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ในระหว่าง พ.ศ. 2549–2550 ภายหลังการรัฐประหารในประเทศโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อคณะเป็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปีเดียวกัน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงลงพระปรมาภิไธยเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2550 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน กรุงเทพมหานคร มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม 124 ตอนที่ 47 ก หน้า 1 ในวันเดียวกันนั้น และมีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายทันที แทนที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549",
"ปลายปี 2556 เกิดวิกฤตการณ์การเมืองรอบใหม่ มีสาเหตุหลักจากสภาผู้แทนราษฎรผลักดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ[35] เกิดการชุมนุมประท้วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แต่ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนการเลือกตั้ง วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 กองทัพยึดอำนาจการปกครองประเทศ ต่อมาในปี 2560 ระบอบทหารออกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับล่าสุดหลังการลงประชามติเมื่อปีก่อน",
"จัดการป้องกันรักษารัฐธรรมนูญนี้ถูกยกเลิกไปในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติจัดการป้องกันรักษารัฐธรรมนูญ เมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2481 จากนั้นต่อมาอีก 9 ปีจึงเกิดเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2490 โดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งยกเลิกรัฐธรรมนูญในขณะนั้นและนำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 หรือที่เรียกว่ารัฐธรรมนูญ \"ฉบับใต้ตุ่ม\" หรือ \"ฉบับตุ่มแดง\" มาใช้แทน",
"ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุด พ.ศ. 2549 ได้สิ้นสภาพไปพร้อมกับศาลรัฐธรรมนูญ ภายหลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 3 ลงวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 และได้บัญญัติขึ้นตามมาตรา 35 ของ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2549 ให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญปฏิบัติหน้าที่แทน",
"หลายประเทศมีการออกเสียงประชามติเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ประเทศไทยเคยมีการนำเอาการออกเสียงประชามติมาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับ พ.ศ. 2492 ฉบับ พ.ศ. 2511 ฉบับ พ.ศ. 2517 ฉบับ พ.ศ. 2540 และฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2549 โดยสามฉบับแรกกำหนดให้ประชาชนมีสิทธิออกเสียงประชามติในกรณีที่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเท่านั้น ส่วนฉบับ พ.ศ. 2540 กำหนดให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีสามารถขอให้ประชาชนออกเสียงประชามติในเรื่องที่อาจกระทบถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือประชาชนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยไม่เคยมีการดำเนินการออกเสียงประชามติตามที่รัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้จนกระทั่ง พ.ศ. 2550 ที่มีการออกเสียงให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550",
"รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย ที่ร่างโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490",
"ประเทศไทยนั้นกล่าวถึงสิทธิพลเมืองขึ้นครั้งแรกภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ที่ได้เปลี่ยนสถานภาพคนไทยจาก “ไพร่” มาเป็น “พลเมือง” ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้อำนาจนั้น “เป็นของราษฎรทั้งหลาย” (พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2475) เพราะภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ฐานที่มาของความชอบธรรมในการใช้อำนาจรัฐได้เปลี่ยนแปลงจากเบื้องบน คือจากตัวพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นจากเบื้องล่าง คือจากประชาชนชาวไทยทุกๆ คน ผ่านระบบตัวแทนจากการเลือกตั้งที่เสรี และเป็นธรรม (free and fair elections) โดยมีการกำหนดบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิของประชาชนชาวไทยไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจนตั้งแต่ไทยมีรัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรก (คือรัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475) ดังจะเห็นจากมาตรา 12 ของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ว่า",
"ก่อนหน้าการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ประเทศไทยยังไม่มีรัฐธรรมนูญใช้ในการปกครองประเทศ พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์รัฏฐาธิปัตย์และประมุขฝ่ายบริหาร ในปี พ.ศ. 2475 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับลายลักษณ์อักษร โดยคาดว่าจะเป็นแนวปฏิบัติที่สำคัญที่สุดในการปกครองประเทศ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นระหว่างกลุ่มมีอิทธิพล จึงได้เกิดรัฐประหารขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2477 รัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการฉบับแรกของประเทศถูกยกเลิก และได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่",
"ในปี 2560 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ นับเป็นประเทศที่มีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในทวีปเอเชีย ประเทศไทยขาดเสถียรภาพทางการเมืองสูงและมีรัฐประหารหลายครั้ง หลังเปลี่ยนรัฐบาลสำเร็จ รัฐบาลทหารมักยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับเก่าและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยมีการเปลี่ยนสมดุลอำนาจฝ่ายการปกครองเรื่อยมา ประเทศไทยมีรัฐประหารมากที่สุดในโลกในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย[48] ในปี 2559 \"ประเทศไทยมีทหารหรืออดีตทหารเป็นนายกรัฐมนตรีในประเทศไทยเป็นเวลา 57 จาก 85 ปีนับแต่ล้มสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี 2475\"[49]",
"รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย</b>เป็นกฎหมายลำดับศักดิ์สูงสุดแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมายอื่นใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายว่าด้วยการจัดระเบียบการปกครองของประเทศ ซึ่งตั้งแต่ พ.ศ. 2475 ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแล้วทั้งสิ้น 20 ฉบับ รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560",
"รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 เป็นกฎหมายสูงสุดว่าด้วยการจัดระเบียบการปกครองประเทศไทยที่เป็นลายลักษณ์อักษร ฉบับที่ 16 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงลงพระปรมาภิไธย เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2540 ปัจจุบันรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ด้วยการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ออกประกาศ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2549 ทั้งนี้คณะปฏิรูปฯได้ออกประกาศคงบทบัญญัติบางหมวดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2549 ไว้ภายหลัง",
"รัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดทางให้สถาปนาสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อใช้อำนาจนิติบัญญัติ คณะรัฐมนตรีชั่วคราวเพื่อรับผิดชอบการบริหารราชการแผ่นดิน สภาปฏิรูปแห่งชาติ (และต่อมาสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างกว้างขวางและอนุมัติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุกรอบเวลาที่แน่นอนสำหรับงานเหล่านี้\nปัจจุบันรัฐธรรมนูญฉบับนี้สิ้นสุดลงแล้วเมื่อมีการประกาศใข้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560",
"ก่อน “ดร. นุ” ผันตัวเองมาทำงานภาคเอกชนและแวดวงการเงินการธนาคารทั้งในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 25 ปี เคยทำงานสื่อมวลชนช่วงจบการศึกษาใหม่ๆ และ ทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางสังคม เป็นอดีตผู้นำนักศึกษา นายกสโมสรนิสิตจุฬาฯปี 31 และกรรมการ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย และผู้ประสานงานสหพันธ์นักศึกษาไทยในสหรัฐฯ ปี 34-36 มีบทบาทในการผลักดันให้นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง การถ่ายทอดการประชุมรัฐสภาฯ การเปิดเผยทรัพย์สินของนักการเมือง กฎหมายประกันสังคม และการเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนผู้ด้อยโอกาส และร่วมพลักดัน [[รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย_พุทธศักราช_2540|รัฐธรรมนูญปี ๔๐]] (ฉบับประชาชน) เป็นต้น ช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจปี 40 “อนุสรณ์ ธรรมใจ” ได้ร่วมกับ [[นิคม_จันทรวิทุร|ศ. นิคม จันทรวิทุร]] นักวิชาการด้านแรงงานท่านอื่นๆ และผู้นำแรงงาน ผลักดันให้มีการใช้ระบบประกันการว่างงานให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ในปี [[พ.ศ. 2547]] เขาได้แสดงปาฐกถาปรีดี พนมยงค์และได้นำเสนอแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองในหลายเรื่องด้วยกัน ในปี [[พ.ศ. 2551]] ได้ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร ทั้งที่รู้ว่าโอกาสในการชนะเลือกตั้งไม่มาก เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ปี 50 ให้มีสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพฯ ได้เพียงท่านเดียว (รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ให้มีสมาชิกวุฒิสภาได้ถึง 18 ท่าน) เพื่อประกาศจุดยืนประชาธิปไตย เรียกร้องให้ สมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกตั้ง และต้องการไปผลักดันให้เกิดขบวนการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่ และนำเสนอตัวเองในฐานะที่เป็นกลางทางการเมืองแต่ไม่สามารถฝ่ากระแสความขัดแย้งทางการเมืองแบบสุดขั้วได้ และขณะนั้นกระแสและอิทธิพลของคณะรัฐประหาร คมช ยังคงอยู่ เขาจึงไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ก็ได้คะแนนเสียงจากประชาชนไม่น้อย มากกว่าสองแสนคะแนน จุดยืนทางการเมืองของเขาจึงยึดหลักการ[[ประชาธิปไตย]]อย่างเข้มแข็งและต้องการให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาจากการเลือกตั้ง ต้องการให้มีระบบเศรษฐกิจแบบเสรีที่มีความเป็นธรรม โดยบทบาทและแนวคิดจึงมีความชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางอนุรักษนิยมและเผด็จการ จึงจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลที่มีแนวคิดแบบเสรีนิยมที่ยอมรับข้อดีระบบสังคมนิยมด้วย เขายังเลื่อมใสในแนวทางรัฐสวัสดิการที่มีลักษณะเป็น Productive Welfare System อีกด้วย",
"สภาร่างรัฐธรรมนูญ คือ คณะบุคคลที่ทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ มักเกิดขึ้นเมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวและต้องการให้มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร หรือเป็นกรณีที่ต้องการประสานประโยชน์ ตรงตามความประสงค์ของบุคคลทุกฝ่ายมากที่สุด ",
"ดังนั้นโดยสภาพแล้วรัฐธรรมนูญไทยหลายฉบับที่มีกรอบความคิดแบบตะวันตก ควรเกิดผลตามครรลองประชาธิปไตยตะวันตกเหมือนอย่างประเทศตะวันตก แต่สิ่งที่เกิดในระบบการเมืองไทยดูเหมือนสวนทางระบบการเมืองตะวันตก ซึ่งต้องยอมรับว่า รัฐธรรมนูญเป็นเพียงกฎหมายลายลักษณ์อักษรสูงสุดของรัฐ ประเทศไทยมีการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญบ่อยครั้ง ซึ่งขัดกับแนวคิดทางนิติศาสตร์ที่ว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐ ซึ่งควรมีความศักดิ์สิทธิ์และคงทนถาวร",
"ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปณิธานอยู่แต่เดิมที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญให้แก่ประชาชนชาวไทยในวันที่ 6 เมษายน 2475 แต่เมื่อถึงเวลาก็มิได้พระราชทานเนื่องจากอภิรัฐมนตรีสภากราบบังคมทูลทัดทานไว้ว่ายังไม่ถึงเวลาอันสมควร เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎรจึงได้ทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย และได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2475 ถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศไทย ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2475 ซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวรฉบับแรกของประเทศไทย",
"รัฐธรรมนูญนิยม มีหลายความหมาย โดยส่วนใหญ่แล้วมักหมายถึงกลุ่มของแนวความคิด ทัศนคติ และรูปแบบพฤติกรรมที่สาธยายเกี่ยวกับหลักการที่การใช้อำนาจของรัฐมาจากกฎหมายสูงสุดและถูกจำกัดอำนาจด้วยกฎหมายสูงสุด \nรัฐธรรมนูญนิยม นิยาม รัฐธรรมนูญนิยม หรือ ระบอบรัฐธรรมนูญ (Constitutionalism) หมายถึง ความเชื่อทางปรัชญาความคิดที่นิยมหลักการปกครองรัฐด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ เป็นแนวความคิดที่มุ่งหมายจะใช้รัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษร (written constitution) เป็นหลักในการกำหนดรูปแบบ กลไก และสถาบันทางการเมืองการปกครองต่างๆ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานของการบริหารงานภาครัฐในฐานะที่เป็นกฎหมายสูงสุด (อมร จันทรสมบูรณ์, 2537: 9; Alexander, 1999: 16; Bellamy, 2007: 4-5; Sartori, 1962: 3) ที่มา แนวคิดนี้เริ่มก่อตัวขึ้นครั้งแรกในประเทศตะวันตก ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อต่อต้าน คัดค้านรูปแบบการเมืองการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (absolutism) ของประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปขณะนั้น จนมาปรากฏชัดเจนขึ้นหลังจากการประชุมเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1787 (McIlwain, 1977: 17) ซึ่งทำให้แนวคิดเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นปรากฏชัดเจนขึ้นเป็นครั้งแรก ดังนั้น แนวคิดเรื่องลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมนี้เมื่อเกิดขึ้นในขั้นต้น จึงไม่ได้มีความหมายกลางๆ แต่อย่างใด หากแต่มีความหมายที่โน้มเอียงไปในด้านการจำกัดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในขณะนั้น และเน้นหนักในการพยายามสร้างสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของพลเมืองภายในรัฐ โดยเรียกร้องให้มีการนำสิ่งที่เรียกว่า “รัฐธรรมนูญ” มาใช้เป็นหลักในการวางกรอบของประเด็นดังกล่าว จากลักษณะข้างต้นจึงทำให้ลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมในประเทศตะวันตกนั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตยไปในที่สุด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สำหรับประเทศตะวันตกแล้ว หากจะมีรัฐธรรมนูญก็ควรจะต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยนั่นเอง (Bellamy, 2007: 93) ท่ามกลางกระแสเสรีประชาธิปไตยซึ่งยังคงเป็นกระแสหลักของประเทศส่วนใหญ่ในตะวันตก จึงได้ทำให้คำว่าลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมในปัจจุบันกลับกลายเป็นสิ่งที่มีความหมายกลางๆ ที่มองรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือทางกฎหมายอย่างหนึ่ง ที่จะนำมาใช้วางโครงสร้างสถาบันทางการเมืองการปกครอง กำหนดแหล่งที่มาของอำนาจ การเข้าสู่อำนาจ และการใช้อำนาจของผู้ปกครองในทุกๆ ระบอบการปกครอง (McIlwain, 1977) โดยมิได้จำกัดอยู่แต่เพียงระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป ดังจะเห็นได้จากในปัจจุบันนี้รัฐสมัยใหม่ “ทุกรัฐ” ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตยหรือไม่ ต่างก็ล้วนแล้วแต่ยึดรูปแบบการปกครองของระบอบรัฐธรรมนูญนิยม (constitutionalism) ทั้งสิ้น กล่าวคือ ทุกๆ รัฐต่างก็มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการจัดวางอำนาจและโครงสร้างทางการเมืองของประเทศนั้นๆ (เสน่ห์, 2540: 17) โดยปัจจุบัน (พ.ศ. 2556) ประเทศที่สหประชาชาติให้การรับรองนั้นมีทั้งสิ้น 196 ประเทศ (แต่เป็นสมาชิกสหประชาชาติเพียง 193 ประเทศ) ในขณะที่รัฐธรรมนูญที่เป็นทางการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในโลกนี้มีทั้งสิ้นกว่า 203 ฉบับ ทั้งนี้เพราะในรัฐโพ้นทะเลบางแห่งอย่างเช่น หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน (British Virgin Islands or BVI) ของอังกฤษ หรือ เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์กนั้นต่างก็เป็นรัฐที่มีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเองในฐานะเป็นดินแดนที่มีการปกครองตนเอง แม้ว่าอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (absolute territorial sovereignty) นั้นจะเป็นของประเทศเจ้าเอกราชก็ตาม ตัวอย่างการนำไปใช้ในประเทศไทย ประเทศไทยเองก็รับเอาลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมนี้เข้ามาใช้อย่างเป็นทางการภายหลังจากการเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับแรกของคณะราษฎร แม้ว่าขบวนการในการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นจะสามารถสร้างระบอบรัฐธรรมนูญขึ้นในประเทศไทยได้ แต่ผลจากการที่การเปลี่ยนแปลงการปกครองเกิดจากการต่อสู้กันเฉพาะภายในกลุ่มชนชั้นนำบางส่วนของไทย ประกอบกับประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ถึงขนาดที่มีคนเข้าใจว่า “รัฐธรรมนูญ” เป็นชื่อของลูกชายนายทหารผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (ปรีดี, 2543) ทั้งนี้ก็เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือต่อสู้บนพื้นฐานของความเข้าใจในสิทธิเสรีภาพและการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญ อันจะเป็นเครื่องมือในการสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมและเป็นตัวแทนอำนาจอธิปไตยของปวงชน ดังเช่นที่ประชาชนชาติตะวันตกได้ต่อสู้ด้วยความยากลำเค็ญเพื่อก่อร่างสร้างระบอบรัฐธรรมนูญในประเทศของพวกเขา ดังนั้น ระบอบรัฐธรรมนูญของไทยที่เกิดขึ้นภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 จึงสามารถก่อรูปได้ก็แต่เพียงหลักการในการจำกัดอำนาจผู้ปกครอง คือ พระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และทำให้แหล่งที่มาของอำนาจต้องอ้างอิงกับประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้ตามหลักการทุกประการ แต่จากการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้มากนักจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถเชื่อมโยงจิตสำนึกให้เข้ากับรัฐธรรมนูญได้ แม้จะมีบทบัญญัติถึงหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไว้ในรัฐธรรมนูญก็ตาม จุดนี้เองที่ทำให้ประชาชนไม่ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ และทำให้รัฐธรรมนูญขาดความศักดิ์สิทธิ์ กฎหมายรัฐธรรมนูญไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 จึงกลายเป็นผลลัพธ์และการรอมชอมจากการต่อสู้ของกลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองกลุ่มต่างๆ ของไทย ซึ่งสามารถถูกฉีกทิ้งและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาแทนในภายหลังได้อย่างง่ายดาย (เสน่ห์, 2540: 31-35) อย่างไรก็ดี หลังจากเหตุการณ์การเรียกร้องให้มีการใช้รัฐธรรมนูญในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2516 ของขบวนการนิสิตนักศึกษาไทย ได้แสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเฉพาะในแง่ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนว่า คนส่วนหนึ่งของสังคมได้เริ่มตระหนักรู้และเข้าใจความสำคัญของรัฐธรรมนูญในฐานะที่เป็นตัวแทนอำนาจอธิปไตยสูงสุดของปวงชน และเป็นเครื่องมือที่จะนำไปใช้จำกัดอำนาจของผู้ปกครองจากการใช้อำนาจอันมิชอบ (abuse of power) ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถมีเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียมที่ถูกรับรองไว้ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญได้อย่างถ้วนหน้า ซึ่งเป็นแก่นของระบอบรัฐธรรมนูญนั่นเอง (เสน่ห์, 2540: 316) จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมเริ่มเข้ามามีบทบาทในการเมืองไทย ในฐานะที่เป็นแนวคิดที่จะสร้างกลไกทางกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีลักษณะเป็นประชาธิปไตย คือ จำกัดอำนาจผู้ปกครอง และสร้างเสรีภาพให้แก่พลเมืองให้มากที่สุด จึงทำให้แนวคิดนี้เติบโตออกไปจากเดิมมาก แม้ช่วงเวลาหลังจากการเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับยุคที่รัฐธรรมนูญมีลักษณะที่เป็นประชาธิปไตยเพียงครึ่งใบก็ตาม และด้วยกระแสลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมที่เติบโตขึ้นจึงทำให้ท้ายที่สุดในปี พ.ศ. 2540 ประเทศไทยก็สามารถประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่ได้ชื่อว่าประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยกร่าง และจัดทำรัฐธรรมนูญมากที่สุดฉบับหนึ่ง ซึ่งถึงแม้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจะสามารถนำมาบังคับใช้ได้แค่เพียง 9 ปีก่อนจะเกิดการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 แต่จะเห็นได้ว่าการฉีกรัฐธรรมนูญของคณะทหารในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะครั้งนี้ได้เกิดกระแสต่อต้านคณะรัฐประหารที่ทำลายรัฐธรรมนูญเป็นอย่างมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีของประเทศไทยที่ประชาชนเริ่มผูกโยงความสำคัญของตัวรัฐธรรมนูญเข้ากับการมีอยู่ของสิทธิและเสรีภาพของตนที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าเพียงแค่ตัวอักษรที่จารึกไว้ในกระดาษ หากแต่เป็นเจตนารมณ์ของตัวรัฐธรรมนูญที่คอยปกป้องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอันเป็นปัจจัยพื้นฐานของรัฐธรรมนูญทุกรัฐธรรมนูญในระบอบรัฐธรรมนูญ (every constitutionalism’s constitution) นั้นพึงมี\nความหมายของรัฐธรรมนูญที่ได้รับการยอมรับของโลก เป็นความหมายที่ เดวิด เฟลล์แมน เมธีด้านรัฐศาสตร์และรัฐธรรมนูญแห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน ได้อธิบายไว้ว่า",
"ภายหลังความขัดแย้งทางการเมืองช่วงปี 2556-2557 เกิดรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 พร้อมกับการยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ภายใต้การควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐประหารประกาศกฎอัยการศึกและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ปัจจุบัน ประเทศไทยใช้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งผ่านการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2559 และแก้ไขตามข้อสังเกตพระราชทานจำนวน 3 มาตราโดยพระราชประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร",
"ตั้งแต่โบราณกาล ราชอาณาจักรไทยอยู่ภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อย่างไรก็ตาม หลังจากการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 ประเทศไทยจึงอยู่ภายใต้การปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ(ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมห่กษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข) รัฐธรรมนูญเขียนฉบับแรกถูกร่างขึ้น อย่างไรก็ตาม การเมืองไทยยังมีการต่อสู้ระหว่างกลุ่มการเมืองระหว่างอภิชนหัวสมัยเก่าและหัวสมัยใหม่ ข้าราชการ และนายพล ประเทศไทยเกิดรัฐประหารหลายครั้ง ซึ่งมักเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้อำนาจของคณะรัฐประหารชุดแล้วชุดเล่า จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญและกฎบัตรรวมแล้ว 20 ฉบับ (นับรวมฉบับปัจจุบัน) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไร้เสถียรภาพทางการเมืองอย่างสูง หลังรัฐประหารแต่ละครั้ง รัฐบาลทหารมักยกเลิกรัฐธรรมนูญที่มีอยู่เดิมและประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว",
"รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 หรือ รัฐธรรมนูญใต้ตุ่ม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ 4 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2490 หรือหนึ่งวันหลังการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน มีจอมพล ป.พิบูลสงคราม ผู้บัญชาการทหารแห่งประเทศไทย หรือ ผู้บัญชาการทหารบก ในปัจจุบันเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ",
"การร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ประสบอุปสรรคมีการเคลื่อนไหว เพื่อคว่ำรัฐธรรมนูญทั้งภายในและภายนอกสภา โดยการเคลื่อนไหวภายนอกสภานั้น กลุ่มที่ออกมาคัดค้าน เช่น กลุ่มกำนันผู้ใหญ่บ้าน และได้มีองค์กรการเมืองภาคประชาชนออกมาสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เช่น คณะกรรมการรณรงค์ประชาธิปไตย (ครป.) เครือข่ายผู้หญิงกับรัฐธรรมนูญ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ฯลฯ พรรคการเมืองซึ่งเป็นรัฐบาลในขณะนั้น ได้แก่ พรรคความหวังใหม่ แสดงท่าทีไม่สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ รวมทั้งได้นำมวลชนจัดตั้งเข้ามาคัดค้าน ทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายสนับสนุน ที่ใช้ \"สีเขียว\" เป็นสัญลักษณ์ กับฝ่ายต่อต้าน ที่ใช้ \"สีเหลือง\" เป็นสัญลักษณ์",
"สภาที่มาจากการเลือกตั้ง: สภานิติบัญญัติในกลุ่มนี้จะมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 (ซึ่งสภาผู้แทนมีการเลือกตั้งโดยตรง ส่วนสภาสูงซึ่งเรียกว่าพฤฒสภามาจากการเลือกตั้งโดยอ้อม) และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 (ที่ทั้งสองสภามาจากการเลือกตั้งโดยตรง) สภาที่มาจากการสรรหา: สภานิติบัญญัติที่เกิดมาจากการสรรหาทั้งหมดหรือบางส่วน โดยที่สมาชิกผู้มาจากการสรรหานั้นมีอำนาจมากพอในการจำกัดอำนาจสมาชิกที่มีมาจาการเลือกตั้งได้ ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สภาที่มาจากการแต่งตั้ง: ฝ่ายบริหารมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือเกือบจะเป็นเช่นนั้น ได้แก่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม, ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502, ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519, ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534, รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557",
"สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในประเทศไทย หมายถึง สภาที่ทำหน้าที่ออกกฎหมายแทนสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เกิดขึ้นหลังจากคณะรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพลเรือนและประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองหรือรัฐธรรมนูญชั่วคราวแทนรัฐธรรมนูญถาวร สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีลักษณะเป็นสภาเดี่ยวซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐประหาร ซึ่งรัฐธรรมนูญบางฉบับอาจกำหนดให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญอีกหน้าที่หนึ่ง"
] |
ใครเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนกฎหมายแห่งแรกของประเทศไทย? | [
"โรงเรียนกฎหมาย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2440 โดยพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม (ฐานันดรศักดิ์และตำแหน่งขณะนั้น) เพื่อให้การศึกษาอบรมด้านนิติศาสตร์โดยเฉพาะ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน อย่างไรก็ดี โดยเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ทรงให้การศึกษาด้วยพระองค์เอง เมื่อทรงเสร็จสิ้นการเสวยพระกระยาหารกลางวันแล้ว ครั้นมีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ จึงย้ายไปทำการเรียนการสอน ยังตึกสัสดีหลังกลาง กระทรวงยุติธรรม"
] | [
"มิสเจนีวีฟ คอล์ฟิลด์ สตรีตาบอดชาวอเมริกัน ได้ริเริ่มก่อตั้งโรงเรียน เมื่อวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2482 โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนสอนคนตาบอด โดยใช้บ้านหลังเล็กๆ ที่ ถนนคอชเช่ ศาลาแดง นับว่าเป็น โรงเรียนสอนเด็กพิการแห่งแรกในประเทศไทย นักเรียนคนแรก คือ หม่อมเจ้าพวงมาศผกา ดิศกุล ได้มีผู้มีจิตกุศล ช่วยเหลือ และสนับสนุน โดยตั้งเป็น มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2482 นับเป็น มูลนิธิสงเคราะห์คนพิการ แห่งแรกในประเทศไทย ต่อมา ได้ย้าย โรงเรียนสอนคนตาบอด ไปอยู่ตามที่ต่างๆ เนื่องจากมีนักเรียนเพิ่มมากขึ้น และเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2",
"ในปี พ.ศ. ๒๔๙๘ อาจารย์สงกรานต์ ได้รับเชิญไปสอนให้นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้การอบรมพนักงานอัยการ และผู้ช่วยผู้พิพากษา พ.ศ. ๒๔๙๙ สอนให้แก่นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๐๐ สอนนักศึกษา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักศึกษาปริญญาโทคณะสาธารณสุขศาสตร์ และต่อๆ มา ก็มีสถาบันต่างๆ เชิญอาจารย์สงกรานต์ไปให้การสอนและอบรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตลอดมา แม้จนวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของอาจารย์ อาจารย์ก็ยังได้รับเชิญไปให้การอบรมและสอนแก่นักศึกษา หรือผู้ประกอบวิชาชีพของสถาบันต่างๆ ดังกล่าวมาแล้วหลายแห่ง และเนื่องจากงานสอนทางนิติเวชศาสตร์เพิ่มมากขึ้น อาจารย์สงกรานต์ได้เลิกสอนปาราสิตวิทยาในปี พ.ศ. ๒๔๙๔\nในด้านการปฏิบัติงาน ซึ่งจำเป็นต้องมีควบคู่ไปกับการสอน เพื่อจะได้มีวัตถุดิบ มาประกอบการเรียนการสอน และมีการฝึกฝนหาความชำนาญ ตลอดจน ทำการค้นคว้าวิจัยควบคุมไปด้วยนั้น อาจารย์สงกรานต์ ได้เป็นผู้ริเริ่มในเรื่องนี้ โดยได้ทำบันทึกลงวันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ถึงหัวหน้าแผนกพยาธิวิทยา เสนอให้โรงพยาบาลศิริราชรับศพที่มีคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งมา โดยที่ขณะนั้น โรงพยาบาลศิริราชไม่รับผู้ป่วยที่มีคดีไว้รักษาพยาบาล นอกจากรับเพียงบางราย เป็นครั้งคราว ฉะนั้น ผู้ป่วยที่ตายในโรงพยาบาลศิริราช ส่วนใหญ่จึงมิใช่ศพคดี ที่ต้องมีการชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย (โรงพยาบาลที่รับผู้ป่วยคดีและศพเป็นประจำ ได้แก่ โรงพยาบาลกลาง) คณะกรรมการคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้อนุมัติในหลักการดังกล่าว นายแพทย์ชัชวาลย์ โอสถานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราชในขณะนั้น จึงทำหนังสือลงวันที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๕ ถึงอธิบดีกรมตำรวจแจ้งว่า ทางโรงพยาบาลศิริราชยินดีจะช่วยเหลือ กิจการด้านชันสูตรพลิกศพ ฯลฯ เกี่ยวกับคดีต่างๆ ของทางการ และทางกรมตำรวจ จึงได้ออกแจ้งความไปยังพนักงานสอบสวนให้ทราบทั่วกัน แจ้งความดังกล่าวลงวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ พล.ต.ต. โชติ โชติชนาภิบาล รองอธิบดีเป็นผู้ลงนามแทนอธิบดี ในระยะแรกที่มีแจ้งความของกรมตำรวจออกไปแล้ว พนักงานสอบสวนยังส่งศพไปตรวจพิสูจน์ ที่โรงพยาบาลศิริราชเพียงเล็กน้อย อาจารย์สงกรานต์ จึงได้ทำบันทึกถึง ผู้บังคับการโรงเรียนสืบสวนสอบสวนกรมตำรวจ ในฐานะอาจารย์ที่สอนในโรงเรียนสืบสวนสอบสวนด้วย โดยขอให้ทางโรงเรียนหาวิธีการ ที่ให้มีการส่งศพไปตรวจ ที่โรงพยาบาลศิริราชมากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการศึกษาภาคปฏิบัติ ทั้งนักเรียนนายร้อยตำรวจ และนักเรียนสืบสวนด้วย บันทึกฉบับนี้ของอาจารย์ คงจะมีผลให้ทางโรงเรียนสืบสวนสอบสวนขอความร่วมมือ หรือบังคับกลายๆ ให้นักเรียนสืบสวน ซึ่งมาจากพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ได้ให้ความร่วมมือในการส่งศพไปตรวจที่โรงพยาบาลศิริราช และตั้งแต่นั้นมา โรงพยาบาลก็ได้รับศพจากพนักงานสอบสวนส่งมาตรวจเป็นจำนวนมากและเพิ่มขึ้นทุกปี ส่วนทางโรงพยาบาลศิริราชเอง ก็คงจะเห็นความจำเป็น ที่ไม่อาจปฏิเสธที่จะรับผู้ป่วย ที่มีคดี ไว้รักษาพยาบาลในโรงพยาบาลอีกต่อไปได้ จึงได้มีระเบียบการรับชันสูตรผู้ป่วยมีคดีออกใช้ ในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๔๙๖ จึงนับว่า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้บริการทางด้านนิติเวชศาสตร์โดยสมบูรณ์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา และในต้นปี พ.ศ. ๒๔๙๖ นี้เอง แผนกวิชาพยาธิวิทยาก็ได้รับแพทย์ประจำบ้านทางสาขานิติเวชวิทยาไว้ ๑ คน นับว่า งานนิติเวชศาสตร์ในขณะนั้น ได้ถือกำเนิดเป็นสาขาหนึ่ง ในแผนกวิชาพยาธิวิทยาโดยสมบูรณ์ เช่นเดียวกัน \nนายแพทย์ชัชวาลย์ โอสถานนท์\nเนื่องจากอาจารย์สงกรานต์ เห็นว่า งานนิติเวชศาสตร์นั้นเกี่ยวข้องอยู่กับกฎหมาย จึงได้ไปสมัครเรียนกฎหมาย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ด้วย จนสำเร็จได้ปริญญาธรรมศาสตร์บัณฑิต ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ และในปีเดียวกันนี้ ทางกรมตำรวจได้มีการก่อตั้งโรงพยาบาลตำรวจขึ้น อาจารย์สงกรานต์ได้รับแต่งตั้งจากกรมตำรวจ ให้เป็นที่ปรึกษา และผู้เชี่ยวชาญทางนิติเวชวิทยา และในปี พ.ศ. ๒๔๙๖ ทางกรมตำรวจได้รับโอนนายแพทย์ถวัลย์ อาศนะเสน ซึ่งขณะนั้น รับราชการเป็นอาจารย์โท แผนกกายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ไปอยู่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อทำหน้าที่ทางนิติเวชศาสตร์ โดยได้รับพระราชทานยศเป็นนายร้อยตำรวจเอก และนายแพทย์ ร.ต.อ. ถวัลย์ ได้ไปวางโครงการจัดตั้งแผนกนิติเวชวิทยาขึ้น ในโรงพยาบาลตำรวจ",
"โรงเรียนฤทัยทิพย์ (อักษรย่อ: ฤ.ท. , RT) เป็นโรงเรียนเอกชน เมื่อแรกก่อตั้งเป็นโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ และเป็นคริสตจักรเพื่อนมัสการพระเจ้า โดยปัจจุบันเป็นโรงเรียนสหศึกษา จึงเป็นที่รู้จักของชาวเพชรบูรณ์และถูกเรียกอย่างแพร่หลายว่าเป็น \"โรงเรียนกระโปรงแดง\" และเป็นโรงเรียนเอกชนของจังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อตั้งในปี พ.ศ. - ปัจจุบันมีอายุ - ปี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่7 หมู่ที่18 ตำบลบ้านกลาง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ 67110 ประเทศไทย รหัสสถานศึกษา 116700018โรงเรียนฤทัยทิพย์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ในอดีตเป็นคริสตจักรร่วมนิมิตบ้านกลาง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. - โดยศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน ประธานองค์กรคริสตจักรร่วมนิมิต ที่บริเวณทุ่งนา ริมถนนบ้านกลาง-ช้างตะลูด ตำบลบ้านกลาง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งกระทรวงธรรมการ(กระทรวงศึกษาธิการในปัจจุบัน) ได้แต่งตั้งให้นาง เฉลียง รักซ้อน มาดำรงตำแหน่งครูใหญ่คนแรก ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. - ในระยะแรกเปิดสอนในระดับประถมศึกษา ต่อมาได้เริ่มเปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในปี พ.ศ. - และมัธยมศึกษาตอนปลายในปี พ.ศ. - ในปี พ.ศ. - ต่อมาได้แต่งตั้งนาง สิรินทรา ศรีป้อ เป็นผู้อำนวยการคนแรก ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. –2558 ปัจจุบัน นางอัญธิญา ดำรงแดน เป็นผู้อำนวยการคนปัจจุบันชุมนุมและกิจกรรมของ โรงเรียนฤทัยทิพย์ ได้มีประวัติมายาวนาน โดยประกอบด้วย ชุมนุมมากมายที่เกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มของเด็กนักเรียน ด้วยความสมัครใจของตัวนักเรียนเอง และเป็นต้นแบบ ของกิจกรรม ให้กับโรงเรียนอื่นๆ อีกมากมาย",
"โรงเรียนได้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2481 ผู้ก่อตั้งคือ ภราดาโรเกชั่น (Bro. Rogation)ชื่อของท่านเป็นภาษาฝรั่งเศส อ่านว่า โรกาเซียง\nเนื่องจากขณะนั้น ท่านสอนหนังสือ อยู่ที่โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก ท่านมีความคิดที่จะฝึกเด็ก ให้มีความรู้ทางด้านวิชา พิมพ์ดีดและวิชาชวเลข เพื่อว่าเมื่อจบการศึกษาแล้ว เด็กนักเรียนซึ่งไม่ประสงค์จะศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย จะสามารถเข้าทำงานในบริษัทของชาวยุโรปได้ ดังนั้นท่านจึงจัดทำหลักสูตรสำหรับโรงเรียนพาณิชย์ขึ้น และขอเปิดโรงเรียนต่อกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำการสอนเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ทำให้โรงเรียนอัสสัมชัญพาณิชยการ เป็นโรงเรียนพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทย ที่เปิดทำการสอนโดยใช้สื่อการสอนเป็น ภาษาอังกฤษ ภายใต้ชื่อ “อัสสัมชัญพาณิชยการ\"",
"จากนั้นเมื่อปี พ.ศ. 2476 รัฐบาลจัดตั้งคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ขึ้น ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้วให้โอนโรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม ไปสมทบกับคณะดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 เมษายน ปีนั้นเอง[1] ครั้งนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดให้การเรียนการสอน ของโรงเรียนกฎหมาย เป็นแผนกวิชาหนึ่งของคณะนี้ อนึ่ง การเรียนการสอนยังคงจัดอยู่ที่อาคาร เชิงสะพานผ่านพิภพลีลาเช่นเดิม[2] ซึ่งคำสั่งให้โอนโรงเรียนกฎหมาย ไปสังกัดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนี้ สร้างความไม่พอใจแก่นักเรียนของโรงเรียนกฎหมาย ที่ต้องการให้ยกสถานะโรงเรียนของตนเป็นมหาวิทยาลัย แต่รัฐบาลกลับทำให้เสมือนยุบหายไป กลุ่มนักเรียนกฎหมายดังกล่าว จึงเคลื่อนไหวหนุนให้มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยขึ้น[3] ทั้งนี้ เมื่อมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองจัดตั้งขึ้น ตามพระราชบัญญัติฯ ให้โอนทรัพย์สิน ตลอดจนคณาจารย์ ของโรงเรียนกฎหมายเดิม เข้าสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งใหม่นี้ด้วย[4]",
"วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (สยามเทค) (English: Siam Technological College (Siamtech))[1] เป็นสถานศึกษาเอกชนที่เปิดสอนด้านช่างอุตสาหกรรมแห่งแรกของประเทศไทย[2] เป็นสถาบันในเครือเดียวกันกับวิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม(อุดมศึกษา)และมหาวิทยาลัยสยาม โดยอาจารย์ ดร.ณรงค์ มงคลวานิช เป็นผู้ริเริ่มและก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2508 โดยใช้ชื่อโรงเรียนเมื่อแรกเริ่มในการจัดตั้งว่า “โรงเรียนช่างกลสยาม” เปิดสอนประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม ระดับ ปวช. 3 สาขาวิชาคือ สาขาวิชาช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า และช่างวิทยุ-โทรคมนาคม นับว่าเป็นโรงเรียนอาชีวศึกษาเอกชนแห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดทำการสอนทางด้านอาชีวศึกษา ประเภทวิชาช่างอุตสาหกรรม และทางโรงเรียนได้ทำพิธีเปิดโรงเรียน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2508 โดยหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิด",
"พ.ศ. 2499 ศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล ได้ก่อตั้งการสอนประวัติศาสตร์ศิลปะ และโบราณคดี เป็นครั้งแรกในโรงเรียนศิลปศึกษาของกรมศิลปากร ทรงวางหลักสูตรการเรียนวิชานี้เช่นเดียวกับโรงเรียนลูฟร์ นักศึกษาต้องเรียนประวัติศาสตร์ทั่วไปของประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง เช่น อินเดีย ศรีลังกา อินโดนีเซีย กัมพูชา จีน และญี่ปุ่น ในการนี้ต้องทรงจัดทำตำราเรียนให้ด้วย เพราะยังไม่มีตำราภาษาไทยด้านนี้โดยตรง ทรงอุตสาหะแปลตำราจากภาษาต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาษาฝรั่งเศส ทั้งยังทรงรับเป็นผู้สอนนักศึกษาด้วย",
"ในปี พ.ศ. 2440 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ได้ทรงก่อตั้ง \"โรงเรียนกฎหมาย\" ขึ้นในกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเปิดการเรียนการสอนโดยคณาจารย์ส่วนใหญ่เป็นตุลาการ ต่อมาได้มีการยุบโรงเรียนกฎหมายไปจัดตั้งเป็น \"คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์\" ขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2476 หลังจากนั้นเพียง 8 เดือน นักเรียนโรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรมเดิม ไม่พอใจที่โรงเรียนข้าราชการพลเรือน (ปัจจุบันคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ได้ยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัย แต่โรงเรียนกฎหมายไม่ได้ยกฐานะ ดร.ปรีดี พนมยงค์ จึงรับปากว่าจะช่วย",
"หลังจากลาออกจากราชการแล้ว ได้มาประกอบอาชีพส่วนตัว โดยเริ่มด้วยการตั้งสำนักงานทนายความ แล้วต่อมาจึงทำการค้าและอุตสาหกรรม เช่น ตั้งโรงงานกลั่นแอลกอฮอล์ โรงงานสุรา โรงงานผลิตแชลแลค ก่อตั้งธนาคาร และบริษัทประกันภัย ตั้งบริษัทส่งยางไปต่างประเทศ และทำการจัดสรรที่ดิน งานชิ้นสุดท้าย คือ ซื้อวังบูรพาภิรมย์และสร้างเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกในกรุงเทพฯ หลังจากนั้นจึงเลิกกิจการค้าไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ เพื่อศึกษาวิชากฎหมาย ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อจบกลับมาแล้วเข้าเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชากฎหมาย ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน และโรงเรียนสืบสวนของกรมตำรวจ",
"ประเทศสยามจึงเริ่มรับหลักกฎหมายในระบบคอมมอนลอว์ของประเทศอังกฤษเข้ามาใช้ในการวินิจฉัยชี้ขาดอรรถคดีในกรณีที่กฎหมายตราสามดวงไม่ครอบคลุมหรือไม่เหมาะสม กับทั้งมีการจัดตั้งโรงเรียนกฎหมายที่สอนกฎหมายระบบคอมมอนลอว์ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งวิวัฒนามาเป็นคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปัจจุบัน อย่างไรก็ดี ครั้งนั้นกฎหมายตรามสามดวงก็ยังคงเป็นระบิลเมืองอยู่[5]",
"ใน พ.ศ. 2474 ปรีดีเป็นคนแรกที่เริ่มสอนวิชากฎหมายปกครอง (Droit Administratif) กล่าวกันว่าวิชากฎหมายปกครองนี้ เป็นวิชาที่สร้างชื่อเสียงแก่ปรีดีเป็นอย่างมาก เพราะสาระของวิชานี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชากฎหมายมหาชน ซึ่งอธิบายถึงหลักการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยอันเป็นหัวใจของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่ประเทศไทยยังคงปกครองอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในขณะเดียวกัน ก็ได้อาศัยการสอนที่โรงเรียนดังกล่าว ปลุกจิตสำนึกนักศึกษาให้สนใจเป็นขั้น ๆ ถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนระบบการปกครองจากระบบเดิมให้เป็นระบบราชาธิปไตยภายใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังได้เปิดอบรมทบทวนวิชากฎหมายที่บ้านถนนสีลมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์กับนักศึกษาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงมีลูกศิษย์ลูกหาเข้าร่วมเป็นสมาชิกและผู้สนับสนุนคณะราษฎรในเวลาต่อมาหลายคน",
"ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ผู้ที่บุกเบิกการต่อตั้งโรงเรียนราษฎร์ไม่ใช่คนไทย แต่เป็นมิชชั่นนารีซึ่งเดินทางเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในประเทศไทย โรงเรียนราษฎร์ซึ่งได้รับการจัดตั้งและสนับสนุนโดยมิชชั่นนารี ได้แก่ โรงเรียนของนามัททูน (Mrs. Mattoon) มิชชั่นนารีชาวอเมริกัน จึงเปิดสอนในปี พ.ศ. 2395 ซึ่งถือเป็นโรงเรียนราษฎร์แห่งแรกในสมัยนั้น โรงเรียนคริสเตียนไฮสกูล (The Christian High School) ปัจจุบันคือ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2431 เปิดสอนเฉพาะเด็กผู้ชาย สำหรับโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง (Kunsatree Wang Lang School) ปัจจุบันคือ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย เปิดสอนเฉพาะเด็กผู้หญิง ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2417 และโรงเรียนไทย – ฝรั่ง (Thai Farang School) ปัจจุบันคือ โรงเรียนอัสสัมชัญ (Assumption College) ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2420",
"อายุรเวทวิทยาลัย เป็นชื่อโรงเรียนซึ่งเปิดสอนในหลักสูตรแพทย์แผนไทยประยุกต์แห่งแรกของประเทศไทย มีชื่อเต็มๆ ว่า \"อายุรเวทวิทยาลัย (ชีวกโกมารภัทจจ์) ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ\" ได้รับการก่อตั้งโดยศาสตราจารย์นายแพทย์อวย เกตุสิงห์ อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราช ทั้งนี้ ศ.นพ.อวย เล็งเห็นว่าแพทย์แผนไทยมีข้อดีมากมายโดยเฉพาะวิธีการรักษา แต่ยังบกพร่องตรงการวินิจฉัยโรคซึ่งยังไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ทำให้บางครั้งมีการวินิจฉัยผิดพลาดส่งผลถึงการรักษาและไม่ได้รับความเชื่อถือจากคนไข้ จึงได้ก่อตั้งมูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์ไทยเดิม ขึ้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2523 และได้ก่อตั้งอายุรเวทวิทยาลัย (ชีวกโกมารภัจจ์) ขึ้นที่หน้าวัดบวรนิเวศ ในปี พ.ศ. 2525 เปิดสอนหลักสูตรแพทย์แผนไทยประยุกต์ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) 3 ปี รับนักเรียนทั้งที่จบม.6 และผู้ที่จบปริญญาตรีมาแล้วเข้ารับการศึกษาในวิชาหลักทางด้านการแพทย์แผนโบราณของไทย ทั้งทางเวชกรรม เภสัชกรรม และผดุงครรภ์ ผสมผสานกับพื้นฐานการแพทย์แผนปัจจุบัน ได้แก่ กายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา พยาธิวิทยา จุลชีววิทยา ปรสิตวิทยา ชีวเคมี ฯลฯ ต่อมา วัดบวรฯ ขอพื้นที่ตั้งโรงเรียนคืน มูลนิธิฟื้นฟูส่งเสริมการแพทย์ไทยเดิมจึงมีมติให้ย้ายโรงเรียนไปยังสถานที่ตั้งใหม่ ณ โรงเรียนสวนบัว ซ.ราชครู เนื่องจากโรงเรียนอายุรเวทฯ มีการบริหารงานในรูปมูลนิธิเอกชนไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ",
"ปัจจุบันโรงเรียนอนุสรณ์ศุภมาศเปิดทำการเรียนการสอนนักเรียนตั้งแต่อายุ 2ปีครึ่ง ถึง 15 ปี โดยมีนายศุภชัย วัจนะรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนอนุสรณ์ศุภมาศและผู้ก่อตั้งค่ายลูกเสืออนุสรณ์ศุภมาศ ราชบุรี นายพีรพงษ์ วัจนะรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการ นางสาววรัทยา มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งผู้อำนวการ นายนพดล บุญนันท์ดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการ มีนักเรียนทั้งหมดจำนวน 1,166 คน (ยอด 10 มิถุนายน 2560) ครูชาวไทย 49 คน ครูชาวต่างประเทศ 3 คน สอนด้วยระบบ 3 ภาษา ( ไทย อังกฤษ จีน)ภายในปี พ.ศ. 2562 โรงเรียนอนุสรณ์ศุภมาศ นักเรียนอ่านออกเขียนได้ สื่อภาษาถูกต้อง มีทักษะด้านกีฬา ศิลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ อนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมที่ดี และมีทักษะการใช้เทคโนโลยี\nกลยุทธ์ที่ 1 ปลูกฝังให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน",
"โดยดำรงตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ อาทิ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ และปลัดกระทรวงเศรษฐการ นอกจากนี้ยังเป็นคณบดีคนแรกผู้ก่อตั้งคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมาชิกวุฒิสภา และนายกราชบัณฑิตยสถาน รวมทั้งมีผลงาน หนังสือ ตำรา และบทความทางวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ กฎหมายปกครองและด้านเศรษฐศาสตร์ เช่น คำบรรยายวิชาเศรษฐศาสตร์ โรงเรียนข้าราชการ ฝ่ายปกครอง หนังสือประวัติศาสตร์การปกครองของประเทศไทย และพจนานุกรม ศัพท์กฎหมายไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน",
"โรงเรียนภูเก็ตไทยหัว ก่อตั้งโดย นายตันแค้กิ๋ว นายตันจิ้นหงวน นายตันตั๋วโถ่ นายตันเองกี้ และ นายหงอฮั่นก๋วน สถาปนาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2444-2456\nเพื่อให้ลูกของชาวจีนโพ้นทะเลในภูเก็ตได้ศึกษาภาษาจีน เนื่องจากในอดีตชาวจีนภูเก็ตมักนิยมส่งบุตรหลานไปเรียน ณ ปีนัง และ ประเทศจีน ซึ่งเป็นที่ห่างไกล จึงทำให้ชาวจีนโพ้นทะเลร่วมตัวกันจัดตั้งโรงเรียนจีนขึ้นนามว่า ภูเก็ตฮั่วบุ๋น\nเดิมจังหวัดภูเก็ตมีโรงเรียนจีนอยู่หลายแห่ง แต่ถูกสั้งปิดเนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ผู้นำคลั่งในการเป็นชาตินิยม และ กลัวลัทธิคอมมิวนิส ทำให้โรงเรียนจีนถูกสั้งปิดไปจำนวนมาก จึงเหลือเพียงแห่งเดี่ยวในภูเก็ต \nในอดีตการสอนจะแน่ให้เด็กจงรักภักดีต่อมาตุภูมิแผ่นดินจีน ทำให้ทางรัฐบาลแกร่งว่าหายปล่อยไปชาวจีนพวกนี่จะไม่แกร่งกลัวต่อกฎหมายไทย จึงทำให้มีการประกาศ พระราชบัญัติโรงเรียนราษฯ\nชาวจีนฮกเกี้ยนภูเก็ตมีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองโดยมีการผสมทางวัฒนธรรม ไทย กับ จีน โดยไม่แบ่งแยกได้ชัด ในวันตรุษจีนเราก็ไหว้บรรพบุรุษ และในเทศกาลเดือน10 เราก็ไปวัดทำบุญ เราตักบาตรระหว่างเรากินเจอยู่ ภูเก็ตมีวัฒนธรรมการกิน การอยู่ เป็นของตัวเอง ทำให้วัฒนธรรมจีนฮกเกี้ยนของภูเก็ตผสมสานกลับวัฒนธรรมไทยแบบลงตัว คือมีความเป็นจีนมากและลงตัวกับความเป็นไทยโดยไม่แย้งต่อกัน",
"มีการฟื้นฟูภาษาอาหมโดยขบวนการฟื้นฟูภาษาวัฒนธรรมอาหม โดยมีการตั้งโรงเรียนภาษาไทขึ้นที่หมู่บ้านปัตซากุ เมืองศิวสาคร เมื่อ ดร. บรรจบ พันธุเมธา นักนิรุกติศาสตร์ชาวไทย ได้เดินทางไปยังหมู่บ้านดังกล่าวในปี ค.ศ. 1955 โรงเรียนดังกล่าวก็ได้ล้มเลิกการสอนไปแล้ว เนื่องจากขาดผู้สอน ในช่วงที่ผ่านมาชนชั้นพระโดยเฉพาะท่านทัมพารุธาร เทวไธ ผู้การ (Dambarudhar Deodhai Phukan, 1912-1993) หมออาวุโสแห่งหมู่บ้านปัตซากุได้เสนอให้ชาวอาหมก่อตั้งสมาคมฟื้นฟูวัฒนธรรมไทขึ้นมา ชื่อ วันออกพับลิกเมืองไท (Ban Ok Pop Lik Mioung Tai) ที่เมืองเธมชี (Dhemaji) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1981 โดยสมาคมได้รื้อฟื้นโรงเรียนภาษาไทที่บ้านปัตซากุ และอีก 350 หมู่บ้านทั่วรัฐอัสสัม มีการผลักดันให้รัฐอัสสัมเริ่มให้การศึกษาภาษาไทระดับประถมศึกษา โดยมีการจ้างครูผู้สอนภาษาไทจำนวน 200 คน เริ่มในปี ค.ศ. 1993 ที่เมืองเธมชี โดยมีปัญญาชนอาหมคนหนึ่งชื่อ เสือดอยฟ้า เถ้าเมือง (Nagen Bargohain) ได้รวบรวมทำตำราภาษาอาหมเล่มหนึ่งเพื่อใช้เป็นบทเรียน โดยสมาคมดังกล่าวได้ออกสิ่งพิมพ์และหนังสือทางวัฒนธรรมวิชาการอย่างสม่ำเสมอ แต่จุดหมายระยะยาวขององค์กรคือการจัดตั้งรัฐอาหม หรือเมืองนุนสุนคำขึ้นใหม่โดยยังเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอินเดีย รวมทั้งมีความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย, รัฐฉานในพม่า และเขตปกครองตนเองเต๋อหงของจีน",
"โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย (English: Trimitwitthayalai School,Chinese:岱密中学)เป็นโรงเรียนชายล้วน ที่เปิดสอนเฉพาะนักเรียนชายในระดับมัธยมศึกษา ในย่านเยาวราชที่มีประวัติความเป็นมายาวนานแห่งหนึ่งในประเทศไทย เดิมชื่อโรงเรียนมัธยมวัดสามจีนใต้ เป็นโรงเรียนรัฐบาลสังกัดกองการมัธยมศึกษา กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 661 ถนนเจริญกรุง เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2439 ปัจจุบันโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัยมีอายุ 122 ปี เป็นโรงเรียนผู้นำด้านภาษาจีนแห่งแรกของประเทศไทย โดยในปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนนานาชาติ",
"โรงเรียนสารสาสน์วิเทศล้านนา เป็นโรงเรียนลำดับที่ 26 ของกลุ่มโรงเรียนในเครือสารสาสน์ที่เปิดทำการเรียนการสอนด้วยหลักสูตรสองภาษาและหลักสูตรสามัญ ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2553 (ค.ศ.2010) ก่อตั้งโดยอาจารย์พิบูลย์และอาจารย์เพ็ญศรี ยงค์กมล กลุ่มโรงเรียนในเครือสารสาสน์จัดหลักสูตรการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน ( Bilingual Program ) หลักสูตรนี้ได้เน้นให้มีบรรยากาศการเรียนการสอนที่มุ่งให้เด็กเป็นสำคัญ ให้นักเรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงด้วยตนเองและสนุกกับการเรียน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ตลอดทั้งยังปลูกฝังผู้เรียนเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารควบคู่กับการมีความรู้ ความสามารถในการใช้ภาษาไทยเป็นอย่างดี อันจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจและประเทศชาติต่อไปในอนาคต โรงเรียนสารสาสน์วิเทศล้านนา ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 30 ไร่ เปิดทำการเรียนการสอนในปี 2553 แผนกสองภาษา( Bilingual Program )เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้น KG.1 - G.9 สำหรับแผนกสามัญ( Bilingual Program )เปิดสอนระดับชั้นอนุบาล 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 และโครงการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร มีอาคารเรียนทั้งหมด 3 หลังคือ อาคาร1 มี 4 ชั้น เป็นอาคารเรียนสำหรับแผนกสมัญ( Mini Bilingual Program ) ประกอบไปด้วยห้องธุรการ ห้องเรียน เตรียมอนุบาล - ม.3 ห้องดนตรี ห้องวิทยาศาสตร์ ห้องพยาบาล ห้องพักครู ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องนอนอนุบาล ห้องสมุด ห้องนุ่มนิ่ม อาคาร2 มี 5 ชั้น สำหรับแผนกสองภาษา( Bilingual Program ) ประกอบด้วยห้องเรียน KG.1 - G.9 อีกทั้งยังมีสระว่ายน้ำ สนามกีฬาและลานกิจกรรมต่างๆ หลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนพัฒนาตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถ คุณธรรมและทักษะการวิเคราะห์ของนักเรียน วิชาพื้นฐาน 8 วิชา ทำการสอนเป็นภาษาไทยโดยครูไทยซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโท อีกทั้งวิชาหลัก 4 วิชา รวมทั้งศิลปะ พลศึกษา และสุขศึกษา ทำการเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษโดยครูต่างชาติจากเจ้าของภาษา เพื่อเสริมสร้างความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษของนักเรียน วัตถุประสงค์เฉพาะของสถานศึกษา 1. มุ่งจัดการศึกษาตามหลักสูตรของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศล้านนา ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ 2546 และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ให้สอดคล้องกับการศึกษาของชาติ เพื่อพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีขีดความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเพิ่มศักยภาพของผู้เรียนให้สูงขึ้น สามารถดำรงชีวิตอย่างมีความสุขได้บนพื้นฐานของความเป็นไทยและความเป็นสากล 2. เพื่อปลูกฝังนักเรียนให้เป็นผู้มีความรู้ ความสามารถและเกิดทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือสื่อสาร ได้เป็นอย่างดีควบคู่กับการเรียนรู้ ความสามารถในการใช้ภาษาไทย 3. เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนสามารถคิดเป็น และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ และเป็นผู้มีสุขภาพลานามัยดี 4. เพื่อสนองความต้องการของชุมชน และผู้ปกครองให้มีความต้องการให้บุตรเป็นผู้ที่มีความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ โดยไม่ต้องไปเรียนต่างประเทศ 5. เพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรแต่ละช่วงชั้นในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเป็นภาษาอังกฤษ ได้เรียนต่อในระดับสูงขึ้น ณ สถานศึกษาที่มีคุณภาพและส่งเสริมนักเรียนที่อยู่ในชุมชนที่ใกล้โรงเรียนได้มีโอกาสเรียนรู้ทางการศึกษา",
"บิดาของจิตติเสียชีวิตไปตั้งแต่จิตติอายุได้เพียง 4 ขวบ มารดาได้เริ่มสอนหนังสือให้ตั้งแต่ก่อนเข้าโรงเรียน จากนั้น ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนครูเชย สมรสกับ คุณหญิงตลับ (โล่ห์สุวรรณ) ติงศภัทิย์ เภสัชศาสตร์บัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บุตรีนายร้อยเอกหลวงมลายบรจักร (บุญมี โล่ห์สุวรรณ) และนางจรูญ มลายบรจักร (จรูญ โล่ห์สุวรรณ) เมื่อ\nวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2489 มีบุตร-ธิดา เป็น ชาย 1 หญิง 5 คือรับราชการเป็นพนักงานอัยการในกรมอัยการ กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2471 และได้โอนย้ายมารับราชการเป็นข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ต่อมาใน พ.ศ. 2512 จึงลาออกจากราชการเพราะรับราชการนาน ในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย (ปัจจุบันคือฝ่ายกฎหมาย) ธนาคารแห่งประเทศไทย จนเกษียณอายุราชการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย หลังจากนั้นได้ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ ดังนี้\nนอกจากนี้ ท่านยังได้รับการประกาศให้เป็น “นักกฎหมายดีเด่น” โดยสมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 2526 และนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2533 กลุ่มสาขานิติศาสตร์ตำรากฎหมายดังกล่าวของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ยังคงใช้เป็นตำรามาตรฐานทางด้านกฎหมาย และได้รับการอ้างอิงเรื่อยมาในปัจจุบัน โดยเฉพาะตำรากฎหมายแพ่งและพาณิชย์และคำอธิบายประมวลกฎหมายอาญา ทั้งสามภาค",
"หม่อมหลวงมานิจ ชุมสาย เป็นบุตรของ พันเอก หลวงเอนกนัยวาที (หม่อมราชวงศ์นารถ ชุมสาย) มีน้องสาวคือ หม่อมหลวงอนงค์ นิลอุบล เกิดที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จบชั้นมัธยม 8 จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวง ไปศึกษาอักษรศาสตร์จาก ทรินิตี้คอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สำเร็จการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2476 กลับมารับราชการกระทรวงศึกษาธิการ และเป็นอาจารย์สอนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงเรียนหอวัง โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล และแต่งตำรา พร้อมกับร่างหลักสูตรการเรียนการสอน ก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ และก่อตั้งโรงเรียนฝึกหัดครู และแผนกฝึกหัดครูมัธยม หลายแห่ง เช่นที่ วังจันทรเกษม บ้านสมเด็จเจ้าพระยา โรงเรียนสตรีเพชรบุรี สวนสุนันทา โรงเรียนฝึกหัดครูประสานมิตร \nในปี พ.ศ. 2493 หม่อมหลวงมานิจ ชุมสาย รับหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญขององค์การยูเนสโก ประจำอยู่ที่กรุงปารีส ทำหน้าที่วางโครงการช่วยเหลือด้านการศึกษาในประเทศด้อยพัฒนา โดยเฉพาะในประเทศไทย และภูมิภาคใกล้เคียง และย้ายมาประจำที่กรุงเทพในตำแหน่งรองผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย เป็นผู้จัดทำโครงการในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งภูมิภาคภาคอีสานขึ้น คือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ",
"ดำรงราษฏร์สงเคราะห์ (อักษย พระยาราชเดชดำรง” (ผล ศรุตานนท์) เมื่อ พ.ศ. 247เชียงราย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมัธยมศึกษาปีที่ 3 ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ ประเภทสหศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน\nตั้งอยู่ที่ 554 หมู่ 2 ถนเนินการให้แยกมาตั้ง ณ ที่ตั้งในปัจจุบัน ซึ่งเป็นคุ้มเจ้าหลวงเชียงราย พรรสมเด็จพระดับที่ 2 ของจังรีย6 ตะถมศึกษา ถึง ชั้นว ปัจรงราษฎร์อุตรกิจ ตำบลเวียง อำเภอเมือาเภทสถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และเป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดเชียงราย[1] [2] มีสถานะเป็นนิงเรียนดำรงษฎร์สงเคราะห์ก่อตั้งขึ้นโดระยาราชเดชดำรง” (ผล ศรุตานนท์) ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายคนที่ 11 (พ.ศ. 2460 - 2479) และราษฎรได้ดำงกับปีที่แปดในรัชกาลพระบาติบุคคลมหาชนปกเกล้าเจ้าอยู่หั กระทรวงศึกษาธิการโรสงเคราหวัดเชียงราย เป็นหน่วยงานราชการส่วนภูมิภาคของประเทศไทยณาเขต (เ ประรนทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มีอายุแปดทศวรรษใน พ.ศ. 2556 ปัจจุบันมีอายุครบ 85 ปี โรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ จัดกษามัธยมศึกษา เขต 36 สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนดำาษฎร์สงเคราะห์ แต่เดิมเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดหญิงมีชื่อว่า “บำรุงกุมารี” โดยเปิดสอนในสถานที่เดียวกับโรงเงเชียงราย จังหวัดเชียงราย\nโรงเรียนดำรงราษฎร์สงเคราะห์ก่อตั้งขึ้นโดย“พระยาราชเดชดำรง” (ผล ศรุตานนท์) ารศึกษาระดับมัธยมศึกษา รูปแบบสหศึกษา โดยเป็นสถานศึกษาของรัฐที่ตั้งขึ้นเป็นอันดับที่ 27 ของประเทศไทย อันดับที่ 10 ของภาคเหนือ และอันตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ[3] สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกเมื่อ พ.ศ. 2476 ตรงกับปีที่แปดในรัชกาลพระบาทม พ.ศ. 2476 “พรย่อ: ด.ส., D.S.) เป็นโรจุบันมีอายุ 85 ปีรัตนาจ้าหลวงน้อยเมืองไชย) ที่ถนนอุตรกิจ เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดเชียงราย “ดำรงราษฎร์สงเคราะห์”\nโรงเรียนดำรงรรียนสามัคคีวิทยาคม ในชั้นเตรียมประยาโรงเ",
"โรงเรียนอุดมศึกษา Udomsuksa School เป็นโรงเรียนสหศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย เปิดสอนหลักสูตร ภาษาไทย และ English Program ตั้งอยู่ ณ 329 ซอยลาดพร้าว 94 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ก่อตั้งในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 เดิมมีชื่อว่า โรงเรียนอุดมศึกษา ลาดพร้าว ผู้ก่อตั้งคือ ผศ.เกษมศรี วัชรสกุณี ผู้อำนวยการปัจจุบันคือ ดร.กมลวรรณ ชัยวานิศิริ",
"โรงเรียนสารสาสน์พิทยา () เป็นโรงเรียนแห่งที่แรก ของกลุ่มโรงเรียนในเครือสารสาสน์ที่เปิด ทำการเรียนการสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการโดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการสอน (Bilingual Program โรงเรียนสองภาษา) ก่อตั้งขึ้นโดยท่านอาจารย์พิบูลย์ ยงค์กมล และท่านอาจารย์ เพ็ญศรี ยงค์กมล เมื่อปี พ.ศ. 2507 และเป็นโรงเรียนแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้ทำการทดลองสอนหลักสูตรสองภาษา (Bilingual Programme) โดยในภายหลังหลักสูตรนี้ได้ถูกนำไปเริ่มใช้อย่างเป็นทางการครั้งแรกที่ โรงเรียนสารสาสน์เอกตรา ",
"วรศักดิ์ นิมานันท์ เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนคนตาบอดจังหวัดเชียงใหม่ ในนามมูลนิธิช่วยและให้การศึกษาคนตาบอดภาคเหนือแห่งประเทศไทย เปิดทำการเรียนการสอนเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2503",
"ในช่วงเวลา 2 ปีแรก (พ.ศ. 2477–2479) การเรียนการสอนของ ม.ธ.ก. ยังคงดำเนินอยู่ที่ตึกโรงเรียนกฎหมายเดิม ที่เชิงสะพานผ่านฟ้าภิภพลีลา[1] ต่อมาเมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2478 ม.ธ.ก.ขอซื้อที่ดินบริเวณท่าพระจันทร์ ซึ่งเดิมเป็นที่ของทหาร และปรับปรุงอาคารเดิม พร้อมทั้งสร้างตึกโดม โดยทุนซึ่งใช้จัดซื้อที่ดิน รวมทั้งการก่อสร้าง ได้มาจากเงินที่ ม.ธ.ก.เก็บจากค่าสมัครและค่าเล่าเรียน นอกจากนี้ ม.ธ.ก.ยังจัดตั้งสถาบันการเงินขึ้น สำหรับให้นักศึกษาวิชาการบัญชี ใช้เป็นสถานที่ฝึกงานคือ ธนาคารแห่งเอเชียเพื่ออุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคารเอเชีย และปัจจุบันคือธนาคารยูโอบี) และเมื่อ พ.ศ. 2481 ม.ธ.ก. ก่อตั้งโรงเรียนเตรียมปริญญา มีหลักสูตร 2 ปี เพื่อรับผู้ประสงค์จะเข้าเรียนต่อที่ ม.ธ.ก.โดยตรง โรงเรียนเตรียมปริญญา มีหลักสูตรการสอน หนักไปทางภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และวิชาทางสังคม เช่น ปรัชญา วิชาเทคโนโลยี ดนตรี พิมพ์ดีด และชวเลข เป็นต้น แต่ยกเลิกไปใน พ.ศ. 2490",
"เทียนวรรณ ได้ออกหนังสือพิมพ์รายปักษ์ ชื่อ \"ตุลวิภาคพจนกิจ\" ระหว่าง พ.ศ. 2442 ถึง พ.ศ. 2449 และ \"ศิริพจนภาค\" เมื่อ พ.ศ. 2451 โดยวิจารณ์สังคมไทยในยุคนั้น เช่นเรื่องการมีภรรยาหลายคน การเล่นการพนัน การรับสินบน และยังเสนอแนะให้รัฐบาลปรับปรุงพัฒนาประเทศ ตั้งโรงเรียนสอนวิชาแพทย์ วิชาช่าง ตั้งศาลยุติธรรม ตัดถนนและทางรถไฟ ก่อตั้งกิจการไปรษณีย์ โทรเลข และธนาคารพาณิชย์ เสนอกฎหมายห้ามสูบฝิ่น เลิกทาส ห้ามเล่นการพนัน ห้ามชายไทยมีภรรยาหลายคน",
"อักษเบรลล์เริ่มมีการนำเข้ามาในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2482 โดยอาจารย์เจเนวีฟ คอลฟีลด์ (Genevieve Caulfield) ก่อตั้งโรงเรียนสอนคนตาบอดขึ้นในประเทศไทย 12 มกราคม พ.ศ. 2482 ใช้ชื่อว่า โรงเรียนสอนคนตาบอด นับว่าเป็นโรงเรียนสำหรับคนพิการแห่งแรกในประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนจาก นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว ร่วมกำหนดรหัสโค้ดอักษรเบรลล์ไทยขึ้น ประกอบด้วย พยัญชนะต้น สระ วรรณยุกต์ และตัวสะกด มีนักเรียนคนแรก คือ หม่อมเจ้าพวงมาศผกา ดิศกุล และได้ทำการเผยแพร่ในระบบการศึกษาและการประกอบอาชีพยาวนานกว่า 70ปี ",
"คุณหญิงชิ้น ศิลปบรรเลง รับราชการโดยสอบได้วุฒิครู พ.ม. ใน พ.ศ. 2483 ได้ยึดอาชีพเป็นครูมาตลอดจนเกษียณอายุ โดยเริ่มรับราชการเป็นครูที่โรงเรียนเบญจมาราชาลัย ตั้งแต่ พ.ศ. 2476 ถึง พ.ศ. 2477 ได้ย้ายไปสอนที่โรงเรียนนาฎดุริยางค์ กรมศิลปากร ในฐานะผู้เริ่มก่อตั้งโรงเรียนร่วมกับหลวงวิจิตรวาทการ ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกนาฎดุริยางค์เป็นเวลา 20 ปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 จึงย้ายมาประจำอยู่ที่โรงเรียนฝึกหัดครูพระนคร สังกัดกรมการฝึกหัดครู พ.ศ. 2504 ได้รับทุนไปดูงานด้านโทรทัศน์เพื่อการศึกษา ณ ประเทศอิตาลี ประเทศอังกฤษ และประเทศอเมริกา กลับมาแล้วย้ายไปประจำอยู่โรงเรียนฝึกหัดครูธนบุรี แล้วย้ายไปประจำที่วิทยาลัยวิชาการศึกษาประสานมิตร จนเกษียณอายุเมื่อ พ.ศ. 2509 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2525 ดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิหลวงประดิษฐ์ไพเราะ คุณหญิงชิ้น เรียนดนตรีจากบิดาโดยตรงชำนาญทั้งการบรรเลง ขับร้อง ประพันธ์บทเพลง จนแม้แต่การบันทึกบทเพลงลงเป็นโน้ตแบบต่าง ๆ เป็นผู้รวบรวมผลงานจากบิดาไว้มากที่สุดแล้วถ่ายทอดให้แก่ศิษย์อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย มีความอุตสาหะ อดทนเป็นยอดเยี่ยมและเป็นครูที่ประเสริฐที่สุดคนหนึ่ง ทำหน้าที่ครูอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการตั้งใจสอนและเสียสละเพื่อศิษย์เป็นอันมาก เป็นผู้ร่วมงานก่อตั้งวงดนตรีของคุรุสภา เป็นกรรมการจัดบทวิทยุโรงเรียน ก่อตั้งโรงเรียนนาฎศิลป์และดนตรีผกาวลี และร่วมงานบันทึกเพลงกับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยแห่งมลรัฐคาลิฟอร์เนีย (ยูซีเอสเอ) รวมทั้งเป็นกำลังสำคัญในการก่อตั้งวงดนตรีโรงเรียนวัดบวรนิเวศ ซึ่งศิษย์จากวงนี้ได้รับการยกย่องว่า เป็นดนตรีไทยระดับมัธยมศึกษาที่มีฝีมือดี ได้รับรางวัลในการบรรเลงดนตรีไทยอยู่เป็นประจำในด้านชีวิตครอบครัว ท่านสมรสกับนายประสงค์ ไชยพรรค เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ มีบุตรี ๑ คน ชื่อ มธุรส วิสุทธกุล เป็นอาจารย์สอนอยู่ภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหงในด้านชีวิตครอบครัว ท่านสมรสกับนายประสงค์ ไชยพรรค เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔ มีบุตรี ๑ คน ชื่อ มธุรส วิสุทธกุล เป็นอาจารย์สอนอยู่ภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง",
"\"โรงเรียนป้วยเอง\" (สำเนียงแต้จิ๋วของชื่อเผยอิง) ก่อตั้งขึ้นโดย พระอนุวัฒน์ราชนิยม (แต้ตี้ย้ง) นายบ่อนหวย กข อย่างถูกต้องตามกฎหมาย บริจาคทุนร่วมกับบรรดาพ่อค้าชาวจีนหลายคน เปิดโรงเรียนสอนภาษาจีนสำเนียงแต้จิ๋ว เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 มีที่ตั้งอยู่ในซอยอิสรานุภาพ ติดกับศาลเจ้าเล่าปูนเถ้ากง หรือศาลเจ้าเก่า โดยที่ส่วนหน้าโรงเรียน หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา มีเนื้อที่ทั้งหมด 2 ไร่ 14 ตารางวา และนายลีเต็กออ เป็นผู้จัดการโรงเรียนคนแรก แต่เนื่องจากภาษาจีนกลางได้รับความนิยมมากกว่า โรงเรียนฯ จึงเริ่มจ้างนายก๊วยบุ้นปิงมาเป็นผู้สอน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2464 และด้วยความก้าวหน้าของการสอนภาษาจีนในประเทศไทยขณะนั้น โรงเรียนจึงเปิดสอนถึงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นทีเดียว"
] |
ประเทศลาวนับถือศาสนาใดเป็นหลัก ? | [
"ศาสนาในประเทศลาว</b>ที่สำคัญคือศาสนาพุทธ ชาวลาวส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ส่วนชนเผ่าต่างๆนับถือศาสนาผี พบในกลุ่มผู้ที่พูดภาษาตระกูลจีน-ทิเบต และไท-กะได เช่น ชาวไทดำ ไทแดง เช่นเดียวกับกลุ่มที่พูดภาษากลุ่มเกาหลี-ญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีคริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์"
] | [
"74.1% ของจำนวนประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก 4.6% ของจำนวนประชากรนับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์, ประชากรจำนวนประมาณ 180,000 คน นับถือนิกายคริสต์นิกายออโธด็อกส์, ประชากรจำนวนประมาณ 8,140 คนนับถือนิกายยิว, ประชากรจำนวนระหว่าง 15,000-338,998 คนนับถือศาสนาอิสลาม (ประเทศเริ่มมีศาสนาอิสลามมาตั้งแต่ปีคริสต์ศักราช 1912), ประชากรจำนวนมากกว่า 10,000 คนนับถือศาสนาพุทธ และประชากรจำนวน 20,000 คนเลือกที่จะไม่นับถือศาสนาใด ยึดหลักความเป็นกลาง (จากผลสำรวจในปีพุทธศักราช 2544 หรือปีคริสต์ศักราช 2001)",
"ประเทศลาวมีวัฒนธรรมลาวที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทที่ได้รับอิทธิพลจากอินเดีย และได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีนด้วย สามารถเห็นได้จากภาษา ศิลปะ วรรณคดี วิถีชีวิตของชาวลาวได้รับอิทธิพลจากศาสนาพุทธมากทำให้ชาวลาวเป็นผู้มีความอดทนและยอมรับการเปลี่ยนแปลงได้ดี\nเทศกาลที่สำคัญในลาวคือบุญผะเหวดซึ่งจัดขึ้นปีละครั้ง ใช้เวลา 2 วัน ส่วนใหญ่ตรงกับช่วงมกราคม – กุมภาพันธ์ โดยจะขึ้นกับปฏิทินทางจันทรคติ พระภิกษุจะเทศนาเรื่องมหาเวสสันดรชาดก หรือที่เรียกว่ามหาชาติ",
"คำว่า พนม มาจากภาษาเขมร แปลว่า ภูเขา แต่ในอุรังคธาตุหลายฉบับเขียนว่า พระนม ซึ่งมาจากภาษาเขมร (พระ) และภาษาลาว (นม) หมายถึงหน้าอกของพระพุทธเจ้า จารึกบางแห่งเขียนเป็น พฺระนม (พระนม) ชาวลาวออกสำเนียงว่า ปะนม หรือ ประนม คนท้องถิ่นจึงนิยมเรียกนามเมืองว่า เมืองปะนม คู่กับ เมืองละคร (เมืองนครพนม) และเรียกชาวธาตุพนมว่า ไทพนม หรือ ไทปะนม ในสมัยโบราณเรียกบริเวณที่ตั้งศูนย์กลางเมืองแห่งนี้ว่า กปณคีรี (ภูเพียงกำพร้าเข็ญใจ) คนทั่วไปออกนามว่า ภูกำพร้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระมหาธาตุโบราณอันเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ชื่อว่า พระมหาธาตุเจ้าพระนมบุรมมะเตชะเจดีย์ หลักฐานในอุรังคธาตุหลายแห่งเรียกว่า พระมหาธาตุเจ้าพระนมบุรมมสถาน หรือ พระมหาธาตุเจ้าพระนมบุรมมหัวอกพระพุทธเจ้า บางแห่งเรียกว่าธาตุภูกำพร้าหรืออูบมุงภูกำพร้า คนทั่วไปออกนามว่า ธาตุปะนม ปัจจุบันคือ พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ซึ่งแต่เดิมเรียกว่า วัดพนม วัดธาตุ หรือวัดพระธาตุ นับถือกันมาแต่โบราณว่าพระมหาธาตุแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระอุรังคธาตุ (อรกธาตุหรือธาตุหัวอกของพระพุทธเจ้า) และชาวลาวทั้งสองฝั่งโขงนับถือว่าเป็นพระปฐมเจดีย์แห่งแรกของลาว ในเอกสารพื้นเวียงจันทน์ยกย่องว่าธาตุพนมคือหลักโลกของชาวลาว ส่วนตำนานบ้านชะโนดนั้นยกย่องว่าธาตุพนมคือเสใหญ่ (หลักเมือง) ของลาว ตำนานโบราณของพระพุทธศาสนาในล้านช้างก่อนการเข้ามาของพระพุทธศาสนาธรรมยุติกนิกายจากสยามมีความเชื่อว่า ธาตุพนมคือสถานที่ประสูติและบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นพระยานกคุ่มไฟ ทำให้ธาตุพนมมีอีกนามหนึ่งว่า ธาตุนกคุ่ม (พระวฏฺฏกธาตุนกคุ่ม) ในพื้นตำนานขุนบุรมราชาธิราชของลาวกล่าวว่าเมืองพนมเป็นเมืองสำคัญ ๑ ใน ๗ หัวเมืองทางศาสนาของสุวรรณภูมิประเทศ ที่ได้รับการประดิษฐานพระบรมธาตุก่อนหัวเมืองทั้งหลาย ",
"ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในตอนแรกเริ่มเรียกตัวเองว่า ”พราหมณ์” ต่อมาศาสนาได้เสื่อมความนิยมลงระยะหนึ่งเนื่องจากอิทธิพลของศาสนาพุทธ จนมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 ศังกราจารย์ได้ปฏิรูปศาสนาโดยแต่งคัมภีร์ปุราณะลดความสำคัญของศาสนาพุทธ และนำหลักปฏิบัติรวมทั้งหลักธรรมของศาสนาพุทธมหายานบางส่วนมาใช้และฟื้นฟูปรับปรุงศาสนาพราหมณ์เป็นให้เป็นศาสนาฮินดูเนื่องจากหลักธรรมส่วนใหญ่ของศาสนาพุทธได้ประยุกต์มาจากศาสนาฮินดูเมื่อครั้งยังเป็นศาสนาพราหมณ์โดยเริ่มจากนิกายเถรวาทเมื่อครั้งพุทธกาล -จนถึงนิกายมหายาน - วัชรญาณ เมื่อ โดยคำว่า “ฮินดู” เป็นคำที่ใช้เรียกชาวอารยันที่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในลุ่มแม่น้ำสินธุ และเป็นคำที่ใช้เรียกลูกผสมของชาวอารยันกับชาวพื้นเมืองในชมพูทวีป และชนพื้นเมืองนี้ได้พัฒนาศาสนาพราหมณ์โดยการเพิ่มเติมเทพเจ้าท้องถิ่นดั้งเดิมลงไป เนื่องจากเวลานั้นสังคมอินเดีย แตกแยกอย่างมากเนื่องจากอิทธิพลของพุทธศาสนาในประเทศอินเดียที่มีลักษณะเป็นกึ่งพหุเทวนิยม คือนิยมนับถือเทวดา ทำให้ทางตอนเหนือนับถือพระศิวะซึ่งเป็นเทพแห่งภูเขาหิมาลัย ทางตอนใต้ชาวประมงนับถือวิษณุซึ่งเป็นเทพที่ให้ฝนและพายุ ชาวป่านับถือพระนิรุทธ และตอนกลางนับถือพระพิฆเนตร คนอินเดียเวลานั้นเริ่มไม่นับถือศาสนาพราหมณ์เป็นจำนวนมากขึ้น เมื่อต้องการรวมชาติ เมื่อครั้งขับไล่ราชวงศ์โมกุลของอิสลามที่เข้ามายึดครองและสั่งเข่นฆ่าพระสงฆ์คัมภีร์และวัดในพระพุทธศาสนาจนแทบสูญสิ้นไปจากอินเดีย จึงรวมเทพเจ้าแต่ละท้องถิ่นต่างๆมารวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับศาสนาพราหมณ์ แลัวเรียกศาสนาของใหม่นี้ว่า “ศาสนาฮินดู” เพราะฉะนั้นศาสนาพราหมณ์จึงมีอีก ชื่อในศาสนาใหม่ว่า “ฮินดู” จนถึงปัจจุบันนี้",
"คริสตชนนิกายโรมันคาทอลิกมีประมาณ 45,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวญวน อยู่ในเขตเมืองหลักและบริเวณรอบ ๆ แม่น้ำโขง ทางภาคกลางและภาคใต้ ส่วนในภาคเหนือมีผู้นับถือศาสนาคริสต์จำนวนน้อย คริสตชนนิกายโปรเตสแตนต์มีน้อยแต่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้น คาดว่ามีประมาณ 100,000 คน คริสตจักรเพรสไบทีเรียน มักเป็นชนเผ่าที่พูดภาษาในกลุ่มมอญ-เขมร โดยเฉพาะชาวขมุทางภาคเหนือและชาวบรูทางภาคกลาง และกำลังเพิ่มจำนวนในหมู่ชาวม้งและชาวเย้า ผู้นับถือนิกายโปรเตสแตนต์พบในเวียงจันทน์ ไชยบุรี หลวงพระบาง เชียงขวาง บอลิคำไซ สุวรรณเขต จำปาศักดิ์ และอัตตะปือ",
"ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยจำนวนประมาณที่มากถึง 240 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 40% ของประชากรทั้งหมด โดยส่วนมากจะอยู่ที่บรูไน, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีความหลากหลายทางศาสนา โดยศาสนาพุทธมีผู้นับถือเป็นจำนวนมากในไทย, กัมพูชา, ลาว, พม่า, เวียดนาม และสิงคโปร์ ลัทธิบูชาบรรพบุรุษและลัทธิขงจื๊อก็มีผู้นับถือมากในเวียดนามและสิงคโปร์ ส่วนศาสนาคริสต์ก็เป็นที่นิยมในฟิลิปปินส์, ภาคตะวันออกของอินโดนีเซีย, มาเลเซียตะวันออก และติมอร์-เลสเต โดยฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีผู้นับถือนิกายโรมันคาทอลิกมากที่สุดในเอเชีย ส่วนติมอร์-เลสเตก็นับถือนิกายโรมันคาทอลิกเช่นกัน เนื่องจากเคยตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสมาก่อน",
"ประเทศโรมาเนียไม่มีศาสนาประจำชาติ ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ โดย 81.0% ของผู้ที่ตอบสำมะโนประชากรของประเทศในปี ค.ศ. 2011 ถือนิกายออร์ทอดอกซ์ ซึ่งจัดอยู่ในคริสตจักรออร์ทอดอกซ์แห่งโรมาเนีย อีก 6.2% เป็นโปรเตสแตนต์ 4.3% เป็นโรมันคาทอลิก และ 0.8% เป็นออร์ทอดอกซ์แบบกรีก จากประชากรที่เหลือ 195,569 คน นับถือศาสนาคริสต์นิกายอื่น หรือนับถือศาสนาอื่น โดย 64,337 คนนับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งโดยมากเป็นชาวโรมาเซียเชื้อสายเติร์กและตาร์ตาร์ ส่วนอีก 3,519 คนเป็นชาวยิว นอกจากนี้ ประชากรจำนวน 39,660 คน ไม่นับถือศาสนาใดเลย หรือถืออเทวนิยม ในขณะที่ที่เหลือไม่มีข้อมูลว่านับถืออะไร[1]",
"ศาสนาหลักของลาวเป็นศาสนาพุทธนิกายเถรวาท การนับถือธรรมชาติเป็นศาสนาของชนเผ่าต่างๆ มีผู้นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามจำนวนหนึ่ง ภาษาราชการและภาษาหลักของประเทศคือภาษาลาว ชาวลาวเทิงและลาวสูงจะใช้ภาษาของเผ่าตนเอง ภาษาฝรั่งเศสเคยใช้มากในสมัยที่เป็นอาณานิคม ตแต่ปัจจุบันกำลังลดลง และใช้ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้น ",
"ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในลาว มีวัดทั่วประเทศลาว 5,000 วัด ชายลาวที่นับถือศาสนาพุทธจะบวชเป็นพระภิกษุในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต มีพระภิกษุในประเทศราว 22,000 รูป และเป็นพระภิกษุชั้นผู้ใหญ่ราว ๆ 9,000 รูป มีสตรีที่บวชเป็นแม่ชี พระภิกษุส่วนใหญ่ในลาวเป็นมหานิกายหลัง พ.ศ. 2518 แต่ก็ยังมีที่เป็นธรรมยุติกนิกายอยู่บ้างเป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่จะอยู่ในเวียงจันทน์",
"นิกายเถรวาทเป็นนิกายหลักที่ได้รับการนับถือในประเทศศรีลังกา (ประมาณ 70% ของประชากรทั้งหมด[1]) และประเทศในแผ่นดินเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว และพม่า และเป็นส่วนน้อยในประเทศจีนและเวียดนาม โดยเฉพาะในมณฑลยูนนาน เนปาล บังกลาเทศที่เขตจิตตะกอง เวียดนามทางตอนใต้ใกล้ชายแดนกัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซียมีนับถือทางตอนเหนือของประเทศ มีศาสนิกส่วนใหญ่เป็นชาวไทยและชาวสิงหล ตัวเลขผู้นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านคน",
"เสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนาหรือ ความเชื่อ ในที่นี้นั้นหมายรวมถึงเสรีภาพในการยึดมั่นศรัทธาหรือมีความเชื่อที่แตกต่างจากบุคคลอื่น ในหลักการทางศาสนาหรือความเชื่อใด ๆ หรือเสรีภาพที่จะไม่นับถือศาสนาใด ๆ เสรีภาพในการ นับถือศาสนาจำเป็นต้องมีเสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนา สิทธิที่จะคงไว้ในความเชื่อถือศรัทธา จึงไม่มีบุคคลใดที่จะถูกบังคับให้เป็นที่เสื่อมเสียแก่เสรีภาพในการเลือกถือศาสนาด้วยมาตรการใด ๆ หรือให้นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม",
"ความขัดแย้งครั้งนี้เป็นบททดสอบของหลักเขตสงวนศาสนา (ละติน: reservatum ecclesiasticum) ที่มีอยู่ในข้อตกลงสันติภาพเอาก์สบูร์กแห่งปี 1555 ที่ยกเว้นหรือ \"สงวน\" อาณาจักรในอาณัติของจักรวรรดิ์โรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้ปกครองเป็นพระราชาคณะมิให้ยึดตามหลัก \"\"เจ้านับถือศาสนาใด ประเทศนับถือศาสนานั้น\"\" (cuius regio, eius religio) อันเป็นหลักทั่วไปที่ใช้ในการกำหนดศาสนาของประเทศต่างๆ แต่ระบุไว้ว่าในกรณีที่อัครมุขนายกเปลี่ยนไปนับถือนิกายโปรแตสแตนต์ ให้อัครมุขนายกพระองค์นั้นสละราชสมบัติแทนการบังคับพสกนิกรให้เปลี่ยนศาสนาตาม",
"ประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบันเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ประชาชนดำเนินชีวิตด้วยความเร่งรีบเพราะมีการแข่งขันกันมาก ทำให้มีความเครียดและมีปัญหาด้านสุขภาพจิต เป็นโรคประสาท โรคจิต และสถิติการฆ่าตัวตายสูงมาก สิ่งที่จะช่วยบรรเทาความเครียดได้ ก็คือการปฏิบัติตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เนื่องจากญี่ปุ่นชอบความเร็วให้ได้ผลทันใจ พระพุทธศาสนานิกายเซนจึงเป็นที่นิยม และมีการสร้างนิกายใหม่ ๆ หรือลัทธิใหม่ ๆ ที่ปฏิบัติได้ผลรวดเร็วอีกมาก คนญี่ปุ่นส่วนหนึ่งไม่นับถือศาสนาใดเลย แต่ยึดถือลัทธิการเมืองตามความชอบใจของตน",
"ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ในตอนแรกเริ่มเรียกตัวเองว่า \"พราหมณ์\" ต่อมาศาสนาได้เสื่อมความนิยมลงระยะหนึ่งเนื่องจากอิทธิพลของศาสนาพุทธ จนมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 13 ศังกราจารย์ได้ปฏิรูปศาสนาโดยแต่งคัมภีร์ปุราณะลดความสำคัญของศาสนาพุทธ และนำหลักปฏิบัติรวมทั้งหลักธรรมของศาสนาพุทธมหายานบางส่วนมาใช้และฟื้นฟูปรับปรุงศาสนาพราหมณ์เป็นให้เป็นศาสนาฮินดูเนื่องจากหลักธรรมส่วนใหญ่ของศาสนาพุทธได้ประยุกต์มาจากศาสนาฮินดูเมื่อครั้งยังเป็นศาสนาพราหมณ์โดยเริ่มจากนิกายเถรวาทเมื่อครั้งพุทธกาล -จนถึงนิกายมหายาน - วัชรญาณ เมื่อ โดยคำว่า “ฮินดู” เป็นคำที่ใช้เรียกชาวอารยันที่อพยพเข้าไปตั้งถิ่นฐานในลุ่มแม่น้ำสินธุ และเป็นคำที่ใช้เรียกลูกผสมของชาวอารยันกับชาวพื้นเมืองในชมพูทวีป และชนพื้นเมืองนี้ได้พัฒนาศาสนาพราหมณ์โดยการเพิ่มเติมเทพเจ้าท้องถิ่นดั้งเดิมลงไป เนื่องจากเวลานั้นสังคมอินเดีย แตกแยกอย่างมากเนื่องจากอิทธิพลของพุทธศาสนาในประเทศอินเดียที่มีลักษณะเป็นกึ่งพหุเทวนิยม คือนิยมนับถือเทวดา ทำให้ทางตอนเหนือนับถือพระศิวะซึ่งเป็นเทพแห่งภูเขาหิมาลัย ทางตอนใต้ชาวประมงนับถือวิษณุซึ่งเป็นเทพที่ให้ฝนและพายุ ชาวป่านับถือพระนิรุทธ และตอนกลางนับถือพระพิฆเนตร คนอินเดียเวลานั้นเริ่มไม่นับถือศาสนาพราหมณ์เป็นจำนวนมากขึ้น เมื่อต้องการรวมชาติ เมื่อครั้งขับไล่ราชวงศ์โมกุลของอิสลามที่เข้ามายึดครองและสั่งเข่นฆ่าพระสงฆ์คัมภีร์และวัดในพระพุทธศาสนาจนแทบสูญสิ้นไปจากอินเดีย จึงรวมเทพเจ้าแต่ละท้องถิ่นต่างๆมารวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับศาสนาพราหมณ์ แล้วเรียกศาสนาของใหม่นี้ว่า “ศาสนาฮินดู” เพราะฉะนั้นศาสนาพราหมณ์จึงมีอีก ชื่อในศาสนาใหม่ว่า “ฮินดู” จนถึงปัจจุบันนี้",
"ศาสนาบาไฮเริ่มเข้าสู่ลาวเมื่อ พ.ศ. 2498[5] มีกลุ่มชนที่นับถือศาสนานี้ราว 8000 คน ในเวียงจันทน์ เมืองไกสอนพมวิหาร และปากเซ",
"รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยไม่ระบุศาสนาใดเป็นศาสนาประจำชาติ รัฐธรรมนูญรับรองเสรีภาพในการนับถือศาสนาของพลเมืองไทยทุกคน แต่กำหนดให้พระมหากษัตริย์ต้องนับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท กฎหมายห้ามกล่าวหมิ่นประมาทศาสนาพุทธรวมถึงพระสงฆ์ และคุ้มครองศาสนสถานและศาสนพิธีของศาสนาอื่น[149] ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 บัญญัติว่า \"รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท [...] และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด\" ในช่วงปีหลังมีการเรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย",
"พุทธศาสนานิกายเถรวาทจากลังกาแพร่หลายเข้าสู่ประเทศไทยที่นครศรีธรรมราชและสุโขทัยเมื่อราว พ.ศ. 1800[27] และยังคงนับถือสืบเนื่องมาจนปัจจุบัน พุทธศาสนานิกายเถรวาทได้แพร่หลายจากไทยไปยังลาวและกัมพูชา ที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของไทยมาก่อน ส่วนดินแดนในเขตหมู่เกาะของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เคยนับถือนิกายมหายานเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามเกือบทั้งหมด",
"ฮ่อ เป็นคำที่คนไทยใช้เรียกชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยผ่านทางประเทศพม่าและประเทศลาว ชาวจีนฮ่อส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ทางภาคเหนือทั้งในเมืองและบนดอย หนึ่งในกลุ่มชนที่สำคัญคือชาวจีนหุย (回族 ; ภาษาจีนกลาง: Huízú) ซึ่งเป็นชาวจีนที่มีลักษณะเหมือนชาวจีนฮั่นทุกอย่างเพียงแต่นับถือศาสนาอิสลาม ชาวฮ่อในประเทศไทย 1 ใน 3 นับถือศาสนาอิสลาม นอกนั้นนับถือบรรพบุรุษ",
"วันพระในปัจจุบัน คงเหลือธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แต่เฉพาะประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาเถรวาท เช่น ศรีลังกา, พม่า, ไทย, ลาว และเขมร (ในอดีตประเทศเหล่านี้ถือวันพระเป็นวันหยุดราชการ) โดยพุทธศาสนิกชนเถรวาทนับถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่จะถือโอกาสไปวัดเพื่อทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์และฟังพระธรรมเทศนา สำหรับผู้ที่เคร่งครัดในพระพุทธศาสนาอาจถือศีลแปดหรือศีลอุโบสถในวันพระด้วย นอกจากนี้ชาวพุทธยังถือว่าวันพระไม่ควรทำบาปใด ๆ โดยเชื่อกันว่าการทำบาปหรือไม่ถือศีลห้าในวันพระถือว่าเป็นบาปมากกว่าในวันอื่น",
"เถรวาท หรือ หีนยาน (แปลว่า ยานเล็ก) หมายถึง คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งคำสั่งสอนและหลักปฏิบัติจะเป็นไปตามพระไตรปิฎก นับถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ในประเทศไทย, ศรีลังกา, พม่า, ลาว และกัมพูชา ส่วนที่นับถือเป็นส่วนน้อยพบทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม (โดยเฉพาะกลุ่มเชื้อสายเขมร), บังกลาเทศ (ในกลุ่มชนเผ่าจักมา และคนในสกุลพารัว) และทางตอนบนของมาเลเซีย (ในหมู่ผู้มีเชื้อสายไทย) มหายาน (แปลว่า ยานใหญ่) หรือ อาจาริยวาท แพร่หลายในสาธารณรัฐประชาชนจีน, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, เกาหลีเหนือ, เกาหลีใต้, เวียดนามและสิงคโปร์ พบเป็นประชาชนส่วนน้อยในประเทศเนปาล (ซึ่งอาจพบว่านับถือร่วมกับศาสนาอื่นด้วย)[24][25] ทั้งยังพบในประเทศอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, บรูไน และฟิลิปปินส์ ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีน วัชรยาน หรือ มหายานพิเศษ พบมากในเขตปกครองตนเองทิเบตของจีน, ประเทศภูฏาน, มองโกเลีย และดินแดนในการปกครองรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐตูวา[26][27] และคัลมืยคียา[28][29] นอกจากนี้เป็นประชากรส่วนน้อยในดินแดนลาดัก รัฐชัมมูและกัษมีร์ ประเทศอินเดีย[30], เนปาล, ปากีสถาน (ในเขตบัลติสถาน)[31]",
"ศาสนาในประเทศญี่ปุ่น ถูกครอบงำโดยลัทธิชินโตเป็นหลักซึ่งเป็นลัทธิเก่าแก่ของชนชาติญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าศาสนาพุทธจะเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากที่สุดในญี่ปุ่นแต่พุทธสถานเกือบทั้งหมดในญี่ปุ่นก็ได้รับอิทธิพลจากลัทธิชินโตอยู่ไม่น้อย จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2549 และ 2551 พบว่า ชาวญี่ปุ่นน้อยกว่าร้อยละ 40 ระบุว่าตนเองนับถือศาสนา โดยนับถือศาสนาพุทธ 34%, นับถือสำนักลัทธิชินโตราว 3.0-3.9% และราว 1.0-2.9% นับถือศาสนาคริสต์ ",
"ฮ่อ หรือภาษาถิ่นพายัพว่า ห้อ () บ้างเรียกว่า จีนยูนนาน เป็นการเรียกกลุ่มชนเชื้อสายจีนที่อพยพลงมาจากมณฑลยูนนานโดยไม่จำแนกว่านับถือศาสนาใด เข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาว มีทั้งอาศัยอยู่บนเทือกเขาและในเมือง ในประเทศไทยชาวจีนฮ่อมักอาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และพะเยา",
"ในส่วนของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันก็ได้บัญญัติรับรองเสรีภาพในการ ถือศาสนาไว้เช่นเดียวกัน แต่มีบางกรณีที่เกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง คือ กรณีที่ผู้นับถือศาสนาอิสลามที่ศึกษาอยู่ในสถาบันการศึกษาของรัฐที่ต้องแต่งกายโดยหญิงมุสลิมต้องคลุมหน้า (หิญาบ) ตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม แต่ไม่อาจกระทำได้เนื่องจากผู้บริหารการศึกษาอ้างว่าไม่ได้บัญญัติรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญไทย ทำให้เป็นปัญหาแก่ผู้นับถือศาสนาในการปฏิบัติตน จะเห็นได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้บัญญัติขยายความหมายเสรีภาพในศาสนาในรัฐธรรมนูญ ให้มีรายละเอียดชัดเจนขึ้น ส่งผลให้รัฐต้องอำนวยประโยชน์ให้บุคคลได้รับประโยชน์สมดังสิทธิที่ได้ รับรองไว้ และหลักการอีกประการหนึ่งคือ การใช้เสรีภาพจะต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่ของพลเมือง และไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนด้วย หากมีการใช้เสรีภาพที่ไม่ชอบย่อมจะไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังได้วางหลักไว้ว่าบุคคลจะไม่นับถือศาสนาใด ๆ เลยก็ได้ รัฐจะบังคับให้ราษฎรนับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งก็ไม่ได้ และยังได้วางหลักประกันความเป็นธรรมต่อบุคคลที่จะไม่ถูกเลือกปฏิบัติอย่างได้เปรียบหรือเสียเปรียบอันเนื่องมาจากความเชื่อทางศาสนาของตน ที่วางหลักไว้เช่นนี้เป็นการนำกรณีที่เคยมีปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อบุคคล มาบัญญัติให้ชัดแจ้งว่าจะเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมเพราะเหตุความเชื่อทางศาสนาไม่ได้ ",
"ศาสนาผีมีอิทธิพลต่อชาวลาวทุกกลุ่ม แม้แต่ชาวลาวลุ่มที่นับถือพุทธศาสนา แต่ก็นับถือผีควบคู่ไปด้วย เช่น ความเชื่อเรื่องขวัญ มนุษย์จะมีขวัญประจำตัว เมื่อขวัญออกจากร่างกายจะต้องทำพิธิสู่ขวัญ ศาสนาของชาวลาวเทิงและชาวลาวสูงหลายเผ่าเป็นการนับถือผี ทั้งในธรรมชาติและผีบรรพบุรุษ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยจะเกี่ยวข้องกับการกระทำของผี",
"ส่วนในประเทศที่มีประชากรนับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นศาสนาหลักอื่น ๆ เช่น ศรีลังกา พม่า ลาว กัมพูชา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันอาสาฬหบูชาในฐานะวันสำคัญของรัฐหรือวันหยุดราชการของประเทศ[61][62][62][63] และไม่นิยมปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาในวันนี้โดยให้ความสำคัญเทียบเท่ากับวันวิสาขบูชาเลย แต่พุทธศาสนิกชนในประเทศเหล่านั้นก็ได้ถือวันนี้เป็นวันทางพระพุทธศาสนาตามปกติอยู่แล้ว เนื่องจากวันอาสาฬหบูชาเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 อันเป็นวันอุโบสถ หรือวันพระใหญ่ตามปกติของนิกายเถรวาท และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายก่อนวันเริ่มต้นเทศกาลเข้าพรรษาตามปฏิทินจันทรคติของพระสงฆ์เถรวาท พิธีปฏิบัติของพุทธศาสนิกชนเถรวาทในประเทศเหล่านั้นจึงให้ความสำคัญในวันนี้ไปกับการเตรียมตัวเข้าจำพรรษาของพระสงฆ์ เช่น ในประเทศลาว วันนี้จะเป็นวันสำคัญที่พุทธศาสนิกชนจะไปทำบุญตักบาตรและมีการถวายเทียนพรรษาผ้าอาบน้ำฝนเป็นพิเศษ ซึ่งต่างจากประเทศไทยที่พุทธศาสนิกชนจะจัดงานถวายเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝนแก่พระสงฆ์ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 หรือวันเข้าพรรษาโดยตรง",
"พุทธศาสนา () เป็นศาสนาที่ชาวลาวนิยมมากที่สุดและศาสนาประจำชาติในประเทศลาว คิดเป็น 67% ของประเทศและเกือบทั้งหมดของกลุ่มชาติพันธุ์ลาว ซึ่งตัวเลขจริงอย่างจะสูงกว่านี้เล็กน้อย ในขณะที่พุทธศาสนายังมีอิทธิพลต่อกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ อีกหลายกลุ่มซึ่งโดยทั่วไปนับถือศาสนาผีหรือศาสนาพื้นบ้าน นอกจากนี้ยังเป็นศาสนาที่เด่นชัดของประเทศอีสานและประเทศอื่น ๆ ที่อยู่นอกพรมแดนของประเทศลาว ซึ่งผู้คนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นเป็นนิกายเถรวาท () ส่วนศาสนานิกายๆอื่น ได้แก่ อิทธิพลทางประวัติศาสตร์ของพุทธศาสนามหายาน ซึ่งยังคงเป็นนิกายหลักของชนกลุ่มน้อยชาวเวียดนามและชาวจีนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในหมู่ชาวลาว ",
"แหล่งข้อมูลต่าง ๆ ของรัฐบาลเบลารุส กล่าวว่า ในประเทศมีประชากร 58.9% ที่นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง (ตรวจสอบเมื่อเดือน พฤศจิกายน ปีค.ศ. 2011) ภายใน 58.9% นั้น โดยมากนับถือศาสนาคริสต์นิกายต่าง ๆ ซึ่งในทั่วทั้งประเทศ มีประชากร 82% ที่นับถือ คริสต์ศาสนาคริสตจักรออร์ทอดอกซ์[1]ส่วนผู้ที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิก โดยมากอาศัยอยู่ในบริเวณทิศตะวันออกของประเทศ บางเขตแดนมีผู้คนนับถือคริสต์ศาสนาคริสตจักรโปรเตสแตนท์ (ซึ่งเป็นคริสตจักรที่กำเนิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเวลาที่เขตแดนเบลารุสได้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสวีเดน) [2] ในประเทศ มีชนกลุ่มน้อยนับถือศาสนาต่าง ๆ อีกด้วย ได้แก่ คริสต์ศาสนาคริสตจักรกรีกคาทอลิก ศาสนายูดาห์ อิสลาม และ ลัทธินอกศาสนาใหม่ (Neopaganism) มีประชากรจำนวนมากที่ได้เปลี่ยนแปลงศาสนาของตนในช่วงเวลาที่ประเทศเบลารุสได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซีย โดยประชากรโดยมากได้เปลี่ยนจากศาสนาคริสต์แบบกรีกคาทอลิกเป็นคาทอลิกแบบรัสเซีย",
"จากการสำรวจในปี พ.ศ. 2553[13] ประเทศลาวมีผู้นับถือศาสนา 7.2 ล้านคน โดยแบ่งได้ดังนี้ ศาสนาพุทธ 66% ศาสนาผี 30.7% ศาสนาคริสต์ 1.5% และศาสนาอื่น ๆ 1.8%",
"ศาสนาผี () เป็นศัพท์จำแนกใช้กับศาสนาชาติพันธุ์ที่ประชากรลาว 30.7% นับถือ มีประเพณีเดียวกับที่คนอีสานและคนไทยในประเทศไทยปฏิบัติ ศาสนาเหล่านี้เป็นสรรพเทวนิยม และแบบลักษณ์พหุเทวนิยม-วิญญาณนิยม ซึ่งรวมบทบาทเชมัน หมวดหมู่นี้รวมประเพณีพื้นบ้านลาวและไท-กะไดอื่น ขมุและมอญ-เขมรอื่น ตลอดจนศาสนาม้ง-เมี่ยน ทิเบต-พม่า และกลุ่มชาติพันธุ์อื่นของลาว"
] |
กัมพูชามีเมืองหลวงชื่อว่า ? | [
"พนมเปญ หรือ ภนุมปึญ (Khmer: ភ្នំពេញ ภฺนุํเพญ ออกเสียง: [pʰnum pɨɲ]; English: Phnom Penh) อีกชื่อหนึ่งคือ ราชธานีพนมเปญ เป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา และยังเป็นเมืองหลวงของนครหลวงพนมเปญด้วย ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่า ไข่มุกแห่งเอเชีย (เมื่อคริสต์ทศวรรษ 1920 พร้อมกับเมืองเสียมราฐ) นับเป็นเมืองที่เป็นเป้าการท่องเที่ยวทั้งจากผู้คนในประเทศและจากต่างประเทศ พนมเปญยังมีชื่อเสียงในฐานะที่มีสถาปัตยกรรมแบบเขมรดั้งเดิมและแบบได้รับอิทธิพลฝรั่งเศส",
"ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95% ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[11] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา"
] | [
"กัมพูชาประชาธิปไตย (ฝรั่งเศส: Kampuchea démocratique, เขมร: កម្ពុជាប្រជាធិបតេយ្យ ก็อมปูเจียประเจียทิปะเต็ย ) คือชื่อของประเทศกัมพูชาระหว่างปี พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2522 ซึ่งเกิดจากการโค่นล้มรัฐบาลสาธารณรัฐเขมรของนายพลลอลนอล และได้จัดปกครองในรูปแบบรัฐคอมมิวนิสต์โดยพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาหรือเขมรแดง ในสมัยนี้องค์กรของรัฐบาลจะถูกอ้างถึงในชื่อ \"อังการ์เลอ\" (องฺคการเลี - องค์การบน หรือ หน่วยเหนือ)[1] ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชานั้น แกนนำของพรรคให้เรียกชื่อว่า \"อังการ์ปะเดะวัด\" (องฺคการปฏิวัตฺติ - องค์การปฏิวัติ)[2] โดยผู้นำสูงสุดของประเทศที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดคือนายพล พต ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของเขมรแดงด้วย",
"ธงชาติกัมพูชาในระยะต่อมาเปลี่ยนแปลงลักษณะไปตามความผันผวนทางการเมืองภายในประเทศหลายครั้ง จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2536 องค์การสหประชาชาติซึ่งเข้ามาควบคุมการเปลี่ยนผ่านอำนาจในกัมพูชา ได้จัดให้มีการเลือกตั้งเพื่อลงประชามติกำหนดทิศทางของประเทศ ผลปรากฏว่า พรรคฟุนซินเปคซึ่งเป็นพรรคการเมืองแนวนิยมเจ้าชนะการเลือกตั้ง ประเทศกัมพูชาจึงกลับมาใช้ชื่อว่าราชอาณาจักรกัมพูชาอีกครั้ง และได้กำหนดให้ใช้ธงชาติช่วง พ.ศ. 2491 - 2512 เป็นธงชาติของกัมพูชาอีกครั้ง ตราบจนทุกวันนี้",
"ชอมสกีและเพื่อนร่วมงานต่อมาเขียนหนังสือเกี่ยวกับกัมพูชาชื่อว่า \"หลังหายนะ (After the Cataclysm)\" (2522) ซึ่งพิมพ์หลังจากที่เขมรแดงหมดอำนาจแล้ว\nนักวิชาการกัมพูชาชาวอเมริกัน-กัมพูชาที่เป็นผู้ลี้ภัยด้วยกล่าวว่า \"เป็นหนังสือที่สนับสนุนการปฏิวัติของเขมรมากที่สุดเล่มหนึ่ง\" ที่ผู้เขียนสองท่าน \"ประพฤติเท่ากับป้องกันเขมรแดงโดยซ่อนอยู่ภายใต้การโจมตีสื่อ\"\nในหนังสือของชอมสกี พวกเขายอมรับว่า \"บันทึกความโหดร้ายในกัมพูชามีแก่นสารและบ่อยครั้งน่าสยดสยอง\" แต่ตั้งข้อสงสัยในจำนวน ซึ่งเชื่อว่า อาจขยาย \"เป็น 100 เท่า\"\nเพราะนโยบายการเกษตรของเขมรแดงได้มีรายงานว่าได้ผลที่ \"น่าตื่นตา\"",
"หมวดหมู่:เมืองหลวงในทวีปเอเชีย หมวดหมู่:ประเทศกัมพูชา หมวดหมู่:เมืองในประเทศกัมพูชา",
"พระมหากษัตริย์ กัมพูชา พระองค์ต่อไป ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระองค์ก่อน และไทยก็ใช้นามเดิมเรียกว่า พระยาละแวก เคยส่งพระอนุชามาช่วยการศึกกับพม่า แต่มีเรื่องบางอย่าง ขัดพระทัยกันในภายหลัง ทำให้กัมพูชามีการปล้นเมืองชายแดน กวาดต้อนหัวเมืองสยามอีก และเมื่อพระนเรศวรขึ้นครองราชย์ ทรงตั้งพระทัยว่าจะจัดทัพ ไปตีเมืองละแวก แต่ติดศึกด้านอื่น หลังสงครามยุทธหัตถึ เสร็จศึกกับหงศาวดี และยึดได้ตะนาวศรี ทวาย มะริด พระนเรศวรมหาราช ได้จัดทัพสี่ทัพ เข้าตีกัมพูชา ทั้งทางบกและทางทะเล จนเข้าถึงเมืองละแวก เมืองหลวงขณะนั้น ในพงศาวดารบางแห่งบอกว่ามีการพิธีประถมกรรม แต่ในหลายแห่งข้อมูลสมัยใหม่ มีการวิจัยไม่ตรงกัน และมีข้อมูลว่าพระยาละแวกหนีไปทางลาว อย่างไรก็ตาม ทัพไทยได้กวาดต้อน ชาวเมือง และชาวพระราชวัง ทั้งขุนนาง และฝ่ายใน จำนวนมาก มาชุบเลี้ยงตั้งบ้านเรือนในสยาม",
"กัมพูชาประชาธิปไตย ( \"กมฺพุชาบฺรชาธิบเตยฺย\"; ) คือ ชื่อของประเทศกัมพูชาระหว่างปี พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2522 ซึ่งเกิดจากการโค่นล้มรัฐบาลสาธารณรัฐเขมรของนายพลลอลนอล และได้จัดปกครองในรูปแบบรัฐคอมมิวนิสต์โดยพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาหรือเขมรแดง ในสมัยนี้องค์กรของรัฐบาลมักเรียก \"องค์การเหนือ\" ( \"องฺคการเลี\") ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชานั้น แกนนำของพรรคให้เรียกชื่อว่า \"องค์การปฏิวัติ\" (; \"องฺคการบฎิวตฺต\") โดยผู้นำสูงสุดของประเทศที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดคือนายพล พต ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของเขมรแดงด้วย",
"วิทยาสถานปัจเจกวิทยากัมพูชา ( \"วิทฺยาสฺถานบจฺเจกวิทฺยากมฺพุชา\", , ; ITC) เป็นสถาบันอุดมศึกษาทางด้านเทคโนโลยีซึ่งตั้งในปี ค.ศ. 1964 ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือกันระหว่างกัมพูชาและสหภาพโซเวียต ขณะนั้น ใช้ชื่อว่า วิทยาสถานปัจเจกเทศชั้นสูงมิตรภาพเขมรโซเวียต (; , ) จนถึงปัจจุบันผลิตบุคคลากรไปแล้วกว่าหนึ่งหมื่นคนแล้ว ซึ่งโดยมากมักจะทำงานทางด้านเศรษฐกิจ และ โครงสร้างพื้นฐานทางสังคม ",
"ยุคมืดของกัมพูชา เริ่มตั้งแต่อาณาจักรอยุธยาได้โจมตีอาณาจักรเขมร และ ได้เผา พระนคร เมืองหลวงของอาณาจักรเขมร ราบเป็นหน้ากลอง ทำให้อาณาจักรเขมรเป็นส่วนหนึ่งของสยามประเทศตั้งแต่บัดนั้นมา เขมรเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาในฐานะดินแดนประเทศราช อาณาจักรอยุธยาปกครองเขมรเป็นเวลาเกือบ 400 ปี ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์เขมรตกอยู่ภายใต้การควบคุมของจักรวรรดิสยามอย่างเข้มงวด ในสมัยรัชกาลที่3 ได้เกิด สงครามอานามสยามยุทธทำให้กัมพูชาเป็นรัฐอารักขาระหว่างสยามกับญวณ ก่อนที่จะตกเป็นของฝรั่งเศสในเวลาต่อมา",
"ในช่วงนี้ ฝรั่งเศสพยายามจะลิดรอนอำนาจของกษัตริย์กัมพูชาและเพิ่มอำนาจให้ผู้ว่าการสูงสุดของฝรั่งเศส แต่พระองค์ไม่ยินยอม พระโอรสของพระองค์คือพระยุคนธรได้เดินทางไปยังฝรั่งเศสเพื่อคัดค้านนโยบายนี้จนถูกถอดจากบรรดาศักดิ์และต้องลี้ภัยไปสยาม ฝ่ายฝรั่งเศสก็ได้ทำการย้ายเมืองหลวงจากกรุงอุดงไปที่พนมเปญซึ่งพระองค์ทรงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งแต่ทางการฝรั่งเศสก็ได้ทำใบแจ้งเรื่องย้ายเมืองหลวงและบังคับให้พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยจนสำเร็จ พระองค์จึงสละราชบัลลังก์เป็นการคัดค้านการกระทำของฝรั่งเศสและเสด็จไปพำนักที่สยาม ทางการฝรั่งเศสก็ไม่ให้การสนใจต่อการเคลื่อนไหวของพระนโรดมอีกเลยและได้ให้พระสีสุวัตถิ์พระอนุชาของพระองค์ที่นิยมฝรั่งเศสขึ้นสืบสมบัติต่อ ส่วนพระนโรดมได้เสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2447 ที่กรุงเทพมหานคร ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทางราชสำนักสยามได้อัญเชิญพระบรมศพกลับสู่กัมพูชา พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพมีขึ้นที่กรุงพนมเปญ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2449 ปัจจุบันมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้าของพระองค์อยู่ในวัดอุดง",
"ต้น พ.ศ. 2518 กองกำลังคอมมิวนิสต์ได้วางระเบิดตัดเส้นทางชายฝั่งแม่น้ำที่ใช้ลำเลียงอาหารและอาวุธเข้าสู่กรุงพนมเปญ[36] และนำกำลังปิดล้อมเมืองหลวงเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อเตรียมการบุกยึด ในที่สุด หลังจากการหลบหนีออกจากกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีลอน นอล ในเดือนมีนาคมของปีเดียวกัน และความพยายามของสหรัฐอเมริกา ที่จะนำฝ่ายคอมมิวนิสต์มาเจรจากับฝ่ายรัฐบาล ไม่เป็นผล กองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ที่นำโดยกลุ่มเขมรแดงของซาลอธ ซาร์ ก็เข้าบุกยึดกรุงพนมเปญ ในเช้าตรู่วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2518 ซึ่งตรงกับวันปีใหม่ของชาวกัมพูชา (เหตุที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์เลือกวันนี้เป็นวันบุกยึด เพราะต้องการให้ปีใหม่ปีนั้นเป็นปีเริ่มต้นประวัติศาสตร์ของกัมพูชาใหม่ทั้งหมด) [37]",
"กัมพูชาประชาธิปไตย (English: Democratic Kampuchea; French: Kampuchea démocratique; Khmer: កម្ពុជាប្រជាធិបតេយ្យ อ่านว่า ก็อมปูเจียประเจียทิปะเต็ย) คือชื่อของประเทศกัมพูชาระหว่างปี พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2522 ซึ่งเกิดจากการโค่นล้มรัฐบาลสาธารณรัฐเขมรของนายพลลอลนอล และได้จัดปกครองในรูปแบบรัฐคอมมิวนิสต์โดยพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชาหรือเขมรแดง ในสมัยนี้องค์กรของรัฐบาลจะถูกอ้างถึงในชื่อ \"อังการ์เลอ\" (Khmer: អង្គការលើ; องฺคการเลี - องค์การบน หรือ หน่วยเหนือ) ส่วนพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชานั้น แกนนำของพรรคให้เรียกชื่อว่า \"อังการ์ปะเดะวัด\" (Khmer: អង្គការបដិវត្ត; องฺคการปฏิวัตฺติ - องค์การปฏิวัติ) โดยผู้นำสูงสุดของประเทศที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดคือนายพล พต ซึ่งเป็นผู้นำสูงสุดของเขมรแดงด้วย",
"เมืองหลวง (ราชธานี) และจังหวัด (เขต) เป็นเขตการปกครองระดับแรกสุดของประเทศกัมพูชา แบ่งเป็น 25 จังหวัด (รวมเมืองหลวง) แต่ละจังหวัดจะแบ่งเป็นเทศบาลและอำเภอ ซึ่งเป็นเขตการปกครองระดับที่สอง มีทั้งหมด 159 อำเภอ และ 26 เทศบาล แต่ละอำเภอและเทศบาลแบ่งเป็นตำบล และแต่ละตำบลแบ่งเป็นหมู่บ้าน",
"นอกจากการสนับสนุนการรุกรานและการควบคุมของเวียดนามแล้ว รวมทั้งการสูญเสียเอกราชในระหว่างนี้[13] ระบอบใหม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนที่หวาดกลัวเขมรแดง[14] แต่เมืองหลวงคือพนมเปญก็ต้องตกอยู่ในความว่างเปล่า เพราะทหารเวียดนามขนส่งสินค้ากลับไปเวียดนาม ภาพพจน์ด้านนี้ถูกนำไปเผยแพร่โดยฝ่ายต่อต้านสาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา[15] อย่างไรก็ตาม การคงอยู่ของกองทัพเวียดนามก็มีประโยชน์ในการบูรณะเมืองใหม่หลังจากถูกเขมรแดงทำลายไปโดยสิ้นเชิง[16]",
"ในขณะที่นักองค์เองลี้ภัยอยู่ที่กรุงเทพฯ เวียดนามเข้าไปมีอำนาจในกัมพูชา จัดให้ขุนนางเวียดนามมาปกครอง รัชกาลที่ 1 จึงโปรดให้เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองเขมร เป็นเวลาถึง 12 ปี จนกระทั่งรบกับเวียดนามจนได้รับชัยชนะ ตั้งเมืองหลวงที่เมืองอุดงค์มีชัยหรือเมืองบันทายเพชรได้ใน พ.ศ. 2333 สถานการณ์เหตุการณ์วุ่นวายสงบลง จึงโปรดขอพระราชทานให้นักองค์เองออกไปครองกรุงกัมพูชา เมื่อทรงอภิเษกนักองค์เองกลับไปครองกรุงกัมพูชานั้น รัชกาลที่ 1 ทรงขอหัวเมืองเขมร คือ พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ให้เจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ (แบน อภัยวงศ์) ปกครองโดยสิทธิ์ขาดถึงเก็บภาษีได้เอง ขึ้นการปกครองตรงต่อกรุงเทพฯ นักองค์เองทรงยินยอมดินแดนเขมรส่วนนี้จึงตกเป็นของไทยมาแต่บัดนั้น ส่วนเขมรตอนนอกนั้นนักองค์เองคงปกครองอย่างประเทศราชของกรุงสยามต่อมา",
"พุทธศตวรรษที่ 24 ฝรั่งเศสเริ่มเข้ามามีบทบาทในอินโดจีน และใน พ.ศ. 2410 กัมพูชาก็ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส จนถึงปี พ.ศ. 2497 จึงได้อิสรภาพคืนมา และเรียกชื่อประเทศว่า พระราชอาณาจักรกัมพูชา มีเมืองหลวงชื่อ พนมเปญ มีกษัตริย์ครองราชย์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2483 พระนามว่า พระเจ้านโรดมสีหนุ พระเจ้านโรดมสีหนุสละราชสมบัติให้พระเจ้านโรดมสุรามฤตพระบิดาขึ้นครองราชแทน พระองค์มาตั้งพรรคการเมืองชื่อ สังคมราษฎร์นิยม และได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อมาเมื่อพระบิดาสวรรคต จึงทรงเป็นประมุขรัฐโดยไม่ได้ครองราชย์ พระเจ้านโรดมสีหนุ ทรงคิดตั้งทฤษฎี พุทธสังคมนิยม โดยการปกครองที่ยึดหลักพุทธธรรมเป็นหลักในการบริหารประเทศ ในช่วงนี้ประเทศแถบเอเซียอาคเนย์กำลังอยู่ในภาวะการต่อสู้ ระหว่างลัทธิคอมมิวนิสต์ กับลัทธิประชาธิปไตย ",
"เมา อายุทธ นักเขียนรางวัลซีไรต์คนที่สามของกัมพูชา เกิดเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 ที่จังหวัดกำปงจาม เริ่มสนใจงานเขียนตั้งแต่เรียนวิทยาลัยสีสุวัตถิ์ และหันมาศึกษาการเขียนบทภาพยนตร์ในช่วง พ.ศ. 2506 – 2508 หลังจากนั้น เขาเข้าร่วมงานกับ TVRK และได้เป็นผู้กำกับ หลังจากพนมเปญแตกใน พ.ศ. 2518 เขาถูกกวาดต้อนไปอยู่นอกเมืองหลวง และกลับสู่พนมเปญหลังจากระบอบเขมรแดงล่มสลายใน พ.ศ. 2522 และเข้าทำงานในด้านภาพยนตร์ ได้เป็นผู้อำนวยการสร้างโทรทัศน์แห่งชาติของกัมพูชาใน พ.ศ. 2537\nนอกจากงานด้านภาพยนตร์ อายุทธยังเขียนนวนิยายเกี่ยวกับสังคมละวิถีชีวิต ได้รับรางวัลวรรณกรรมซีไรต์ของประเทศกัมพูชาเมื่อ พ.ศ. 2544",
"ยุคมืดของกัมพูชา เริ่มตั้งแต่อาณาจักรอยุธยาได้โจมตีอาณาจักรเขมร และ ได้เผา พระนคร เมืองหลวงของอาณาจักรเขมร ราบเป็นหน้ากลอง ทำให้อาณาจักรเขมรเป็นส่วนหนึ่งของสยามประเทศตั้งแต่บัดนั้นมา เขมรเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาในฐานะดินแดนประเทศราช อาณาจักรอยุธยาปกครองเขมรเป็นเวลาเกือบ 400 ปี ต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์เขมรตกอยู่ภายใต้การควบคุมของจักรวรรดิสยามอย่างเข้มงวด ในสมัยรัชกาลที่3 ได้เกิด สงครามอานามสยามยุทธทำให้กัมพูชาเป็นรัฐอารักขาระหว่างสยามกับญวณ ก่อนที่จะตกเป็นของฝรั่งเศสในเวลาต่อมา",
"สายการบินแคมโบเดียอังกอร์แอร์ () เป็นสายการบินประจำชาติ ของประเทศกัมพูชา มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่พนมเปญซึ่งเป็นเมืองหลวง เริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์วันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 มีรัฐบาลกัมพูชาเป็นเจ้าของ (51%) ร่วมกับสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ (49%) ซึ่งใช้ข้อตกลงการบินโดยใช้รหัสเที่ยวบินร่วมกัน เครื่องบินส่วนใหญ่เช่ามาจากเวียดนามแอร์ไลน์",
"หลังเยอรมนียอมจำนนแล้ว ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้แบ่งกรุงเบอร์ลินและประเทศเยอรมนีออกเป็น 4 เขตในยึดครองทางทหาร เขตฝั่งตะวันตกซึ่งควบคุมโดยฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ได้รวมกันและจัดตั้งขึ้นเป็นประเทศที่ชื่อว่า \"สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี\" เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1949 ส่วนเขตทางตะวันออกซึ่งอยู่ในควบคุมของสหภาพโซเวียตได้จัดตั้งขึ้นเป็นประเทศที่ชื่อว่า \"สาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมนี\" เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1949 ทั้งสองประเทศนี้ถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า \"ประเทศเยอรมนีตะวันตก\" มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงบ็อน และ \"ประเทศเยอรมนีตะวันออก\" มีเมืองหลวงอยู่ที่กรุงเบอร์ลินตะวันออก",
"น้ำ ข้าว และปลาน้ำจืดเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลมากต่ออาหารกัมพูชา แม่น้ำโขงไหลผ่านใจกลางประเทศกัมพูชา เมืองหลวงของประเทศคือพนมเปญตั้งอยู่ระหว่างจุดตัดของแม่น้ำโขงกับแม่น้ำโตนเลสาบและแม่น้ำบาสัก ทำให้กัมพูชามีปลาน้ำจืดอุดมสมบูรณ์ และเหมาะสมต่อการปลูกข้าว ในปัจจุบันอาหารกัมพูชามีความใกล้เคียงกับอาหารของประเทศเพื่อนบ้านคืออาหารไทยในด้านการใช้พริก น้ำตาลหรือกะทิ และอาหารเวียดนามในด้านที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารฝรั่งเศสเช่นกัน และยังได้รับอิทธิพลจากอาหารจีนอีกด้วย โดยเฉพาะอาหารจำพวกที่ใช้เส้นก๋วยเตี๋ยว อาหารจำพวกแกงที่ในภาษาเขมรเรียกว่า \"การี\" (ការី) แสดงถึงอิทธิพลของอาหารอินเดีย และยังมีอิทธิพลบางส่วนจากอาหารโปรตุเกสและอาหารสเปน ซึ่งเป็นผลจากการติดต่อค้าขาย อย่างไรก็ตามอาหารกัมพูชาไม่ได้มีรสจัดเท่าอาหารไทย อาหารลาว และอาหารมาเลเซีย",
"รัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อสหภาพแห่งชาติและการปลดปล่อยแห่งชาติกัมพูชา (Provisional Government of National Union and National Salvation of Cambodia: PGNUNSC) เป็นรัฐบาลเฉพาะกาลที่ตั้งขึ้นโดยเขมรแดงเมื่อ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2537 ซึ่งไม่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เพื่อต่อต้านการจัดตั้งราชอาณาจักรกัมพูชา นายกรัฐมนตรีคือ เขียว สัมพัน ซึ่งเป็นหัวหน้ากองทัพด้วย ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศคือซอน เซน ทีมงานเป็นสมาชิกพรรคสามัคคีแห่งชาติกัมพูชา บริเวณที่ควบคุมได้คือจังหวัดไพลิน (เมืองหลวงของรัฐบาลเฉพาะกาล)และจังหวัดพระวิหาร (ที่ตั้งของกองทัพ) สถานีวิทยุของเขมรแดงเป็นที่รู้จักว่าเป็นวิทยุของรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อสหภาพแห่งชาติและการปลดปล่อยแห่งชาติกัมพูชา รัฐมนตรีอื่นๆได้แก่ จัน ยัวราน มัก เบน อิน โซเพียบ กอร์บุนเฮง พิช เชียง และเชา เชือน.",
"หลังกรุงแตก นักองค์โนนร่วมกับก๊กของพระยาตาก จนสามารถสถาปนากรุงธนบุรีเป็นเมืองหลวงได้สำเร็จ หลังจากนั้น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพยายามที่จะช่วยสถาปนานักองค์โนนให้เป็นกษัตริย์กัมพูชา โดยยกทัพไปตีเมืองบันทายเพชรถึงสองครั้ง ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2312 แต่ไม่ทันสำเร็จ มีข่าวว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จสวรรคต จึงเลิกทัพกลับมาก่อน อีกครั้งหนึ่งใน พ.ศ. 2314 ซึ่งหลักฐานทางฝ่ายไทยกล่าวว่าตีได้เมืองบันทายเพชร นักองค์ตนหนีไปเวียดนาม จึงอภิเษกให้นักองค์โนนขึ้นเป็นกษัตริย์กัมพูชา แต่หลักฐานทางกัมพูชากล่าวว่า สยามตีเมืองบันทายเพชรไม่สำเร็จ จึงให้นักองค์โนนประทับอยู่ที่เมืองกำปอต จน พ.ศ. 2318 เวียดนามที่สนับสนุนนักองค์ตนอ่อนแอลง นักองค์ตนจึงถวายราชสมบัติแก่นักองค์โนน",
"พรรคนโรดม รณฤทธิ์ (Norodom Ranariddh Party; NRP) เป็นพรรคการเมืองที่จัดตั้งในกัมพูชาโดยพระนโรดม รณฤทธิ์ หลังจากที่พระองค์แยกตัวออกมาจากพรรคฟุนซินเปกที่พระองค์เคยเป็นผู้นำอยู่ เดิมพรรคนี้ชื่อพรรคแห่งชาติเขมร และเปลี่ยนมาใช้ชื่อพรรคนโรดม รณฤทธิ์เมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 และให้พระนโรดม รณฤทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค ในช่วง พ.ศ. 2551 – 2553 พรรคนี้ใช้ชื่อว่าพรรคชาตินิยม\nพรรคนี้มีแนวคิดทางการเมืองหลายอย่างอยู่ด้วยกัน อย่างแรกคือแนวคิดฝ่ายขวาสนับสนุนการอนุรักษ์เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกัมพูชา ปรับปรุงเมืองหลวงคือพนมเปญให้มีความทันสมัย คงไว้ซึ่งเชื้อชาติ ภาษาและวัฒนธรรมเขมร ลดการขึ้นราคาสินค้าและการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ในทำนองเดียวกัน มีนโยบายฝ่ายซ้ายด้วย เช่น ส่งเสริมสิทธิของผู้ใช้แรงงาน รวมทั้งแนวคิดเสรีนิยม ในการสนับสนุนเสรีภาพ ประชาธิปไตยและการใช้กฎหมาย\nพรรคนี้ได้จัดตั้งกลุ่มพันธมิตรกับพรรคสมรังสี พรรคฟุนซินเปกและพรรคสิทธิมนุษยชน เพื่อต่อสู้กับพรรคประชาชนกัมพูชาแต่ก็เป็นฝ่ายแพ้การเลือกตั้งใน พ.ศ. 2551 ซึ่งพรรคเหล่านี้กล่าวหาว่าพรรคประชาชนกัมพูชาทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม ",
"นกกระจิบกัมพูชา () เป็นชนิดของนกซึ่งถูกค้นพบในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ในปี 2552 ระหว่างการสืบสวนไข้หวัดนก ในปี 2556 มีการกำหนดให้เป็นชนิดใหม่และมีการอธิบายอย่างเป็นทางการ นกกระจิบกัมพูชาเป็นนกเล็ก มีปอยสีส้มแดงบนหัว นกกระจิบกัมพูชาเป็นสัตว์ประจำถิ่นของประเทศกัมพูชา ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะจำกัดอยู่เฉพาะถิ่นที่อยู่ไม้พุ่มดกในที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงของแม่น้ำโขง",
"เพลงสิบเจ็ดเมษามหาโชคชัย ( \"ฎบ่บฺรำพีรเมสามหาโชคชัย\") เป็นเพลงชาติของประเทศกัมพูชา ในสมัยที่ใช้ชื่อว่า \"กัมพูชาประชาธิปไตย\" แต่งขึ้นเพื่อระลึกถึงความสำเร็จในการโค่นล้มรัฐบาลสาธารณรัฐเขมร และการสถาปนารัฐกัมพูชาใหม่ในนาม \"กัมพูชาประชาธิปไตย\" เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2518 เนื้อหากล่าวถึงการเสียสละของเหล่านักรบทั้งชายและหญิงในการก่อตั้งรัฐกัมพูชาและสังคมใหม่ และประกาศปณิธานว่าจะทำให้กัมพูชามีความรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่กว่าสมัยพระนคร ",
"อำเภอพนัสนิคมแบ่งออกเป็น 20 ตำบล แต่ละตำบลแบ่งย่อยออกเป็นหมู่บ้านรวม 185 หมู่บ้าน\nท้องที่อำเภอพนัสนิคมประกอบด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น 20 แห่ง ได้แก่นิทานเรื่องพระรถ-เมรี แพร่หลายในหมู่ชาวสองฝั่งโขง ยังบอกเล่าเรื่องพระรถ-มรี กับสถานที่ต่างๆที่นั่นด้วยจนทุกวันนี้ \nเรื่องพระรถ-เมรีนี้จัดเป็นชาดกนอกนิบาต ซึ่งหมายถึงชาดกที่แต่งขึ้นโดยอาศัยเค้าโครงจากนิทานพื้นบ้าน และไม่พบต้นฉบับในพระไตรปิฎก เรื่องพระรถกับนางเมรีนี้คงเป็นของผู้คนแถบสองฝั่งโขงมาแต่ดึกดำบรรพ์ จึงได้ถูกบันทึกไว้ในรูปของชาดกเรื่องหนึ่ง โดยพระสงฆ์ชาวเชียงใหม่ ราว พ.ศ. 2000 ถึง 2200 และจดไว้ในใบลานจำนวน 50 ผูก รู้จักกันในชื่อว่า “ปัญญาสชาดก”\nในคำอธิบายต้นเล่ม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงบันทึกไว้ว่าคัมภีร์ปัญญาสชาดก เรื่องรถเสนฃาดก “เดี๋ยวนี้เห็นจะมีอยู่แต่ในประเทศสยาม กับที่เมืองหลวงพระบางแลที่กรุงกัมพูชา” ซึ่งก็หมายความว่านิทานเหล่านี้น่าจะจัดเป็นเรื่องเล่าเก่าแก่ของดินแดนสุวรรณภูมินั่นเองในปัญญาสชาดก เรื่องรถเสนชาดก เรียกนางเมรีว่า นางกังรี แล้วยังมีฉบับอื่นๆ อีกมากมายที่เรียกชื่อตัวละครเพี้ยนกันไปต่างๆ เช่นในพงศาวดารล้านช้างเรียกนางเมรีว่า นางกางรี ",
"เพลงชาติสาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา เป็นเพลงชาติของประเทศกัมพูชา ในสมัยที่ใช้ชื่อว่า \"สาธารณรัฐประชามานิตกัมพูชา\". เรียบเรียงทำนองโดย Sok Udom Deth. ภายหลังการโค่นล้มรัฐบาลเขมรแดง โดยกองทัพประชาชนเวียดนาม; ข้อมูลบางแหล่งจากซีกโลกตะวันตกได้กล่าวถึง เพลงสิบเจ็ดเมษามหาโชคชัย ใช้เป็นเพลงชาติของแนวร่วมเขมรสามฝ่ายจนถึง พ.ศ. 2536",
"ประเทศกัมพูชาได้มีธงประจำพระองค์พระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ธงนี้เรียกชื่อว่า \"ธงมหาราช\" เช่นเดียวกับในภาษาไทย ในสมัยราชอาณาจักรกัมพูชายุค พ.ศ. 2491 -2512 ธงนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยม พื้นนอกสีแดง พื้นในสีน้ำเงิน กลางเป็นรูปตราแผ่นดินของกัมพูชาอย่างย่อ ในแบบลายเส้นสีทอง ต่อมาเมื่อมีการฟื้นฟูราชอาณาจักรอีกครั้งใน พ.ศ. 2536 จึงได้เปลี่ยนธงใหม่เป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นสีน้ำเงิน กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน กลางเป็นรูปตราแผ่นดินของกัมพูชา ซึ่งใช้สืบมาจนถึงทุกวันนี้"
] |
เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เสียชีวิตด้วยสาเหตุใด? | [
"เมื่อ วันพุธที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ได้เสด็จประทับรักษาพระอาการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาพระอาการอย่างใกล้ชิดจนสุดความสามารถ จนกระทั่งเมื่อวันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 พระอาการประชวรได้ทรุดลงตามลำดับ และสิ้นพระชนม์เมื่อเวลา 16.37 นาฬิกา รวมพระชันษา 85 ปี[1][21]"
] | [
"ดูบทความหลักที่ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นพระราชพิธีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รัฐบาลไทยขึ้นจัดเพื่อแสดงความจงรักภักดีและความอาลัยแด่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โดยกำหนดวันพระราชพิธีระหว่างวันที่ 8-12 เมษายน พ.ศ. 2555 โดยกำหนดการพระราชพิธีสำคัญ ได้แก่ การบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ในวันที่ 8 เมษายน พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพในวันที่ 9 เมษายน พระราชพิธีเก็บพระอัฐิ ในวันที่ 10 เมษายน การบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระอัฐิ ในวันที่ 11 เมษายน การเชิญพระอัฐิขึ้นประดิษฐานที่พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท และการเชิญพระผอบพระสรีรางคารไปบรรจุยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในวันที่ 12 เมษายน",
"สำนักพระราชวัง มีประกาศเรื่อง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ความว่า",
"สำนักราชเลขาธิการ พระบรมมหาราชวัง เปิดเผยหนังสือลงวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554 เรื่องการก่อสร้างพระเมรุและกำหนดวันพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ความว่า",
"ขบวนเชิญพระโกศพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ไปประดิษฐาน ณ พระวิมานวังรื่นฤดี ประกอบด้วย รถจักรยานยนต์นำขบวน จากกองสันดิบาล ตำรวจนครบาล รถยนต์พระที่นั่งเชิญพระโกศพระอัฐิ เป็นรถยนต์คาร์ดิลแลคสีขาว ซึ่งเป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ขององค์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ปักธงราชวงศ์ใหญ่ฝ่ายใน และรถยนต์ข้าราชบริพารจากกองราชพาหนะ สำนักพระราชวัง ขบวนเคลื่นออกจากท้องสนามหลวงไปตามถนนราชดำเนินเลี้ยวเข้าสู่ถนนนครสวรรค์ขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร ไปลงถนนสุขุมวิท เลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิท 38 ถึงยังวังรื่นฤดี มีข้าหลวงฝ่ายในของวังรื่นฤดีเฝ้ารับพระอัฐิ จากนั้นนางสุรัสวดี กุวานนท์ แม็คซี่ เชิญพระโกศพระอัฐิไปยังท้องพระโรงวังรื่นฤดี เชิญขึ้นบนพระตำหนัก เข้าสู่ห้องนมัสการประดิษฐานบนพระวิมาน นางสุรัสวดี กุวานนท์ แม็คซี่ จุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูป และจุดธูปเทียนบูชาพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระอัฐิพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นอันเสร็จพิธี",
"สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชูปโภคสำหรับสมเด็จเจ้าฟ้า ซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีรายการดังต่อไปนี้[53]",
"เป็นหนังสือเฉลิมพระเกียรติพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีและสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีเรียบเรียงโดยคุณหญิงวนิตา ดิถียนต์ และ ดร.ชัชพล ไชยพร สำนักนายกรัฐมนตรีให้จัดพิมพ์เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา จำนวน 711 หน้า โดยผู้เรียบเรียงได้มอบลิขสิทธิ์ให้แก่มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา",
"สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชดำริให้ไปจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นการถาวรขึ้นที่พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม แทนการจัดนิทรรศการชั่วคราวที่พระเมรุอย่างในอดีต ซึ่งจำเป็นต้องรื้อถอนไป ถ้านำงบประมาณส่วนนี้ไปจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติเป็นการถาวรภายในพระราชวังสนามจันทร์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีกับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีทรงร่วมกันบูรณะก็จะเป็นประโยชน์ยั่งยืนกว่า ทั้งนี้จะได้เป็นการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทั้งสามพระองค์ด้วย โดยจัดแสดงภายในพระที่นั่งพิมานปฐม พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี และพระที่นั่งวัชรีรมยา โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน กล่าวคือ",
"อักษร พ. และ ร. ลงยาสีชมพู หมายถึงวันอังคารอันเป็นวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และเป็นพระกุลทายาทแห่งจุฬาลงกรณราชสันตติวงศ์ เป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้เสด็จพระราชสมภพในวันอังคารดุจเดียวกัน",
"กรมศิลปากรจัดทำ 3 บทเพลงถวายอาลัยสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นเพลงชุด “เพชรรัตนาลัย” โดยนำคำประพันธ์มาบรรจุลงในทำนองเพลงไทยเดิม ประกอบด้วย เพลงเพชร-ใบไม้ร่วง-พสุธากันแสง บันทึกลงแผ่นซีดีวันที่ 29 มีนาคม มีการแถลงข่าวภาพรวมภารกิจงานของกรมศิลปากร ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ อย่างเป็นทางการ และจะมีการมอบซีดีให้สื่อมวลชนและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อทำหน้าที่เผยแพร่สู่สาธารณชนทางสื่อต่างๆ คือ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เสียงตามสายในแหล่งชุมชน ตลอดจนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โครงการฯ และเนื้อเพลงฯ ทางสื่อสิ่งพิมพ์ ก่อนช่วงพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพฯ ขณะเดียวกันทางกระทรวงวัฒนธรรมได้นำบทเพลง ลงเว็บไซต์ของกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้ประชาชนสามารถดาวน์โหลดได้ เนื่องจากซีดีที่จัดทำไว้มีจำนวนจำกัด ทั้งนี้ เพื่อเป็นสื่อกลางให้พสกนิกรชาวไทย ได้ร่วมกับรัฐบาล ในการถวายพระเกียรติ และสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ตลอดจนถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี",
"เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ฉลองพระชนมายุ 80 พรรษา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 มีลักษณะดังนี้[70] ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระรูปสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงฉลองพระองค์ชุดไทย ทรงสายสะพายและสายสร้อยเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1, เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1, และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า \"สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี\" ด้านหลัง กลางเหรียญมีอักษรพระนามย่อ \"พ.ร.\" ภายใต้มงกุฎขัตติยราชนารี และมีพระวชิระ ดอกบัว และดารารัศมีประดับอยู่โดยรอบ ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า \"พระชนมายุ ๘๐ พรรษา ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๘\" เบื้องล่างมีข้อความบอกราคาและ \"ประเทศไทย\" ตามลำดับ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ฉลองพระชนมายุ 84 พรรษา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีลักษณะดังนี้[71] ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระรูปสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงฉลองพระองค์ชุดไทย ทรงสายสะพายและสายสร้อยเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1, เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1, และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า \"สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี\" ด้านหลัง กลางเหรียญมีอักษรพระนามย่อ \"พ.ร.\" ภายใต้มงกุฎขัตติยราชนารี ล้อมด้วยลายไทยประดิษฐ์ ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า \"พระชนมายุ ๘๔ พรรษา ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒\" เบื้องล่างมีข้อความว่า \"ประเทศไทย\" โดยมีจุดกลมคั่นระหว่างข้อความเบื้องบนกับเบื้องล่าง เหรียญที่ระลึกพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เมื่อวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555 มีลักษณะดังนี้ ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระรูปสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงฉลองพระองค์ชุดไทย ทรงสายสะพายและสายสร้อยเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1, เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1, และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 ภายในวงขอบเหรียญเบื้องล่างมีข้อความว่า \"สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี\" ด้านหลัง กลางเหรียญเป็นรูปพระเมรุมาจัดวาง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติยศของพระองค์ หลังรูปพระเมรุมีรูปแสงพระอาทิตย์แผ่รัศมีผ่าน ปุยเมฆ สื่อความหมายว่าแสงสุดท้ายและเป็นการน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย",
"พระนามของสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 นั้นได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2468[9] และมีคำนำพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ (ภาติกา หมายถึง หลานสาวที่เป็นลูกสาวของพี่ชาย) โดยก่อนหน้านี้มีการสมโภชได้มีการคิดพระนามไว้ 3 พระนาม ได้แก่ 1. สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชอรสา สิริโสภาพัณณวดี 2. สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนจุฬิน สิริโสภิณพัณณวดี 3. สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี[10] ท้ายที่สุด พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงเลือกพระนามสุดท้ายพระราชทาน[8] โดยพระนาม แปลว่า เจ้าฟ้าพระราชธิดาผู้มีพระชาติกำเนิดเป็นศรีดั่งดวงแก้ว เป็นพัชรแห่งมหาวชิราวุธ มีพระฉวีพรรณสิริโฉมงามพร้อม[11]",
"บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดออกตราไปรษณียากรที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ดังต่อไปนี้",
"อาริยา สินธุ, สกุลไทย ชัชพล ไชยพร, พระผู้ทรงเป็น “เพชรรัตน” แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระราชสุดาได้ จากฟ้ามาแทน โดย ชัชพล ไชยพร พระประวัติ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ข่าวการสิ้นพระชนม์, INN News.",
"ในการประโคมงานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมศิลปากรได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมในการประโคมย่ำยามด้วย ดังนั้น จึงมี 2 หน่วยงานเข้าร่วมประโคม คือ",
"ทุนจุฬาเพชรรัตน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทุนเพชรรัตน มหาวิทยาลัยศิลปากร ทุนเพชรรัตน สำนักงานบรรเทาทุกข์ สภากาชาดไทย ทุนเพชรรัตนการุญ ศิริราชมูลนิธิ ทุนเพชรรัตนการุณ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 15 ทุนเพชรรัตนอุปถัมภ์ โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ทุนสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทุนสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย ทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ นิธิวัดราชบพิธ ทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ กองทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม ทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โรงเรียนราชินี ทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โสสะมูลนิธิแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์",
"กรมธนารักษ์ออกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ดังต่อไปนี้",
"หมายกำหนดการ พระราชพิธีพระราชทานเพลงิ พระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พุทธศักราช ๒๕๕๕",
"ทั้งนี้คณะกรรมการอำนวยการจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ปฏิบัติงานไปพลางก่อน เนื่องจากจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่",
"สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16.37 นาฬิกา ณ ตึก 84 ปี โรงพยาบาลศิริราช สิริพระชนมายุ 85 พรรษา 8 เดือน 3 วัน[1][2]",
"สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี (30 ธันวาคม พ.ศ. 2468 - 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478) สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 - 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)",
"หมวดหมู่:สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี หมวดหมู่:การสิ้นพระชนม์ในพระบรมวงศานุวงศ์ไทย",
"ต่อมาเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มีผลให้คำสั้งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 130/2554 เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 สิ้นสุดลง เพื่อให้การดำเนินการจัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีเป็นไปโดยเรียบร้อยสมพระเกียรติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11(6) แห่งพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2539 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ประกอบด้วย พระบรมวงศานุวงศ์(หม่อมเจ้ามงคลเฉลิม ยุคล) ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานวุฒิสภา และองคมนตรี(นายพลากร สุวรรณรัฐ) เป็นคณะที่ปรึกษา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นกรรมการและเลขานุการ มีหัวหน้าหน่วยงานและผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ",
"สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำเข็มที่ระลึก สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เนื่องในโอกาสพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เพื่อให้ประชาชนร่วมกับรัฐบาลน้อมเกล้าฯ แสดงความจงรักภักดี และนำรายได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมทบมูลนิธิเพชรรัตน - สุวัทนา ซึ่งมี อักษรพระนาม พ.ร. ภายใต้พระชฎามหากฐินรัชกาลที่ 6 และอุณาโลมเลียนลักษณะเลข 6 ทำด้วยโลหะชุบทอง หมายถึง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระอิสริยยศสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชธิดาในรัชกาลที่ 6 มีพระขัตติยชาติอันประเสริฐดั่งทองนพคุณ",
"วันที่ 4 เมษายน 2555 มีการพระราชทานเพลิงพระบุพโพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งเป็นพระราชพิธีโบราณที่จัดขึ้นสืบต่อกันมาในการพระราชทานเพลิงพระศพเจ้านาย ในช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเรือเอกหม่อมเจ้าปุสาน สวัสดิวัตน์ เสด็จแทนพระองค์ ไปในการพระราชทานเพลิงพระบุพโพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส",
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระราชทานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ดังนี้",
"จัดงานพระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 285 รูป ถวายเป็นพระกุศล โดยในกรุงเทพมหานครจัด ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร สำหรับจังหวัดอื่นๆ นั้น ขอเชิญชวนประชาชนร่วมทำบุญตักบาตรตามความเหมาะสมต่อไป กิจกรรมการบริจาคโลหิตถวายเป็นพระกุศล จัดทำสารคดีพระประวัติ พระกรณียกิจ และพระเกียรติคุณ เผยแพร่ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย จัดทำหนังสือเรื่อง \"ดวงแก้วแห่งพระมงกุฎเกล้า\" ฉบับพ็อคเก็ตบุ๊ค จัดทำหนังสือจดหมายเหตุการจัดงานฉลองพระชนมายุ 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้า ภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี กรมธนารักษ์จัดทำเหรียญที่ระลึก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด จัดทำดวงตราไปรษณียากรที่ระลึก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ออกแบบภาพวัว เพื่อจัดทำเสื้อจำหน่ายให้แก่มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ จัดทำนาฬิกาที่ระลึกจำหน่าย",
"ท่านผู้หญิงศรีนาถ สุริยะ เป็นทั้งคุณข้าหลวงในพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และพระอาจารย์ในพระองค์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งทรงไว้วางพระทัยมาก ท่านผู้หญิงเคยตามเสด็จ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ประพาสสหรัฐอเมริกา",
"สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปทรงบรรจุพระสรีรางคาร สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ เสาวภาประดิษฐาน สุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม",
"โดยใช้ชื่อการจัดงานเป็นภาษาไทยว่า \"งานฉลองพระชนมายุ 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี\" สำหรับชื่องานภาษาอังกฤษ คือ \"The Celebrations of the 84th Birthday Anniversary of Her Royal Highness Princess Bejaratana\" นอกจากนี้ยังมีการจัดพระราชพิธี รัฐพิธี และกิจกรรม ดังนี้",
"สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเรียงลำดับตามปีที่ได้รับพระราชทาน ดังนี้"
] |
นาซีเยอรมนี หมายถึงอะไร? | [
"นาซีเยอรมนี (English: Nazi Germany) หรือ ไรช์ที่สาม (German: Drittes Reich) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ไรช์เยอรมัน (German: Deutsches Reich) เป็นชื่อเรียกยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์เยอรมนีระหว่างปี 1933 ถึง 1945 เมื่อประเทศเยอรมนีอยู่ภายใต้การควบคุมระบอบเผด็จการของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์และพรรคนาซี ในการปกครองของฮิตเลอร์ ประเทศเยอรมนีกลายเป็นรัฐฟาสซิสต์ซึ่งควบคุมแทบทุกแง่มุมของชีวิต นาซีเยอรมนีล่มสลายหลังฝ่ายสัมพันธมิตรพิชิตเยอรมนีในเดือนพฤษภาคม 1945 ซึ่งยุติสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป"
] | [
"เพื่อให้การควบคุมเยอรมนีของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นไปโดยรัดกุมยิ่งขึ้น ในปี 1935 ระบอบนาซีแทนที่การปกครองลันเดอร์ (German: länder) ด้วย \"เกา\" (German: gau) ซึ่งนำโดยผู้ว่าการที่ตอบสนองต่อรัฐบาลกลางในกรุงเบอร์ลิน การจัดระเบียบใหม่นี้ทำให้ปรัสเซียอ่อนแอลงในทางการเมือง ซึ่งในอดีตปรัสเซียเคยครอบงำการเมืองเยอรมนี เริ่มแรกนั้น เยอรมนีแบ่งออกเป็น 32 เกา และระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง นาซีเยอรมนีสามารถยึดครองดินแดนอื่นได้[96] จึงได้จัดระเบียบการปกครองขึ้นใหม่ เรียกว่า \"ไรซ์เกา\" (German: reichsgau) กระทั่งปี 1945 นาซีเยอรมนีมีเขตการปกครองรวมทั้งสิ้น 42 เกา[97]",
"หมวดหมู่:สาธารณสุข หมวดหมู่:นาซีเยอรมนี",
"โฆษณาชวนเชื่อในนาซีเยอรมนีหมายถึงสื่อที่ถูกควบคุมโดยรัฐในสมัยการปกครองของพรรคนาซี ภายหลังพรรคนาซีได้รุ่งเรืองอำนาจในปี ค.ศ. 1933 บรรดาหนังสือพิมพ์ทั้งหมดในประเทศเยอรมนีอยู่ภายใต้การควบคุมบทบรรณาธิการของนาซีอย่างสมบูรณ์ซึ่งผ่านนโยบายไกลช์ชัลทุง เป็นผลทำให้สำนักงานหนังสือพิมพ์ต่างๆไม่มีความเป็นอิสระเลยในช่วงระบอบนาซี โฆษณาชวนเชื่อที่ถูกใช้โดยพรรคนาซีเยอรมันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาซึ่งนำไปสู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำเยอรมนี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (ค.ศ. 1933-1945) เป็นเครื่องมือที่สำคัญมากในการแสวงหาและรักษาอำนาจ และดำเนินการตามนโบบายของนาซี การใช้แพร่หลายของโฆษณาชวนเชื่อโดยนาซีเป็นผู้รับผิดชอบส่วนใหญ่สำหรับคำว่า \"โฆษณาชวนเชื่อ\" ของตัวเองที่ได้ให้ความหมายเชิงลบในช่วงปัจจุบัน",
"คำว่า \"แนวร่วมแดง\" () ในที่นี้อ้างอิงถึงหน่วยร็อตฟรอนท์คัมป์แฟร์บุนด์ () หรือ \"สันนิบาตนักรบแนวร่วมแดง\" ซึ่งเป็นกำลังกึ่งทหารของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเยอรมนี (KPD) เป็นเรื่องปกติที่หน่วยชตูร์มับไทลุง หรือเอ็สอา ของพรรคนาซีกับสันนิบาตนักรบแนวร่วมแดงจะเผชิญหน้าและสู้รบกันตามท้องถนนในเยอรมนีเวลานั้น ก่อนที่จะขยายวงกว้างเป็นการรบเต็มรูปแบบภายหลังปี ค.ศ. 1930 ส่วนคำว่า \"พวกปฏิกิริยา\" () หมายถึงพรรคการเมืองแนวอนุรักษนิยมและรัฐบาลเยอรมันแนวเสรีนิยมประชาธิไตยในยุคสาธารณรัฐไวมาร์ ซึ่งได้พยายามกดดันหน่วยเอ็สอาหลายครั้งแต่ล้มเหลว คำว่า \"Die Knechtschaft\" ซึ่งในที่นี้แปลว่า \"ความเป็นทาส\" หมายถึงภาระผูกพันของเยอรมนีตามสนธิสัญญาแวร์ซาย ค.ศ. 1919 ซึ่งพรรคนาซีมองว่าทำให้เยอรมนีอยู่ในภาวะ \"ความเป็นทาส\"",
"การยึดครองยุโรปของเยอรมนี หมายถึง ดินแดนส่วนที่อยู่ภายใต้การยึดครองโดยกำลังทหารของนาซีเยอรมนี ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง (ค.ศ. 1939-1945)",
"การปกครองของพรรคคอมมิวสต์ เป็นที่รู้จักกันคือ พรรคเอกภาพสังคมนิยมเยอรมนี (SED) ถูกก่อตั้งในเดือนเมษายน ค.ศ. 1946 จากการรวมตัวกันระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมนี (KPD) และพรรคประชาธิปไตยสังคมแห่งเยอรมนี (SPD) โดยอาณัติของโจเซฟ สตาลิน อดีตทั้งสองฝ่ายเป็นคู่แข่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อพวกเขาได้เคลื่อนไหวก่อนที่นาซีได้รวมรวมอำนาจไว้ทั้งหมดและได้ถูกประกาศว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายได้สร้างความวุ่นวายต่อพวกเขา การรวมตัวกันของทั้งสองฝ่ายกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ใหม่ของนักสังคมนิยมเยอรมันในการเอาชนะศัตรูทั่วไปของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็ได้ถือเสียงส่วนใหญ่ที่มีอำนาจควบคุมนโยบายทั้งหมด SED เป็นพรรคที่ปกครองจากตลอดระยะเวลาของรัฐเยอรมนีตะวันออก มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสหภาพโซเวียต ซึ่งกองกำลังทหารยังคงรักษาการณ์ในเยอรมนีตะวันออกจนกระทั่งได้ถูกยุบลงในปี ค.ศ. 1991 (สหพันธรัฐรัสเซียยังคงให้กองกำลังทหารยังคงรักษาการณ์ในสิ่งที่เคยเป็นเยอรมนีตะวันออกจนถึง ค.ศ. 1994) ด้วยวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ว่าเพื่อตอบโต้ฐานที่มั่นของนาโต้ในเยอรมนีตะวันตก นักประวัติศาสตร์ได้ถกเถียงกันว่า การตัดสินใจในการจัดตั้งประเทศที่แยกจากกันได้ถูกริเริ่มโดยสหภาพโซเวียตหรือ SED ",
"ฮอโลคอสต์ในรัสเซีย หมายถึงอาชญากรรมของนาซีในช่วงการยึดครองดินแดนรัสเซีย(สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย)โดยนาซีเยอรมนี",
"หลังจากการล่มสลายของนาซีเยอรมนีในตอนปลายของสงครามโลกครั้งที่สอง บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ชาวอเมริกันได้รีบเข้าแย่งชิงตลาดเยอรมนีทันที การลอบนำเข้าบุหรี่อย่างผิดกฎหมายกลายเป็นเรื่องปกติ[50] และการรณรงค์งดสูบบุหรี่ของผู้นำนาซีในอดีตก็ถูกลืมเลือน[7] ในปี ค.ศ. 1949 บุหรี่ปริมาณกว่า 400 ล้านมวนที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่เยอรมนีอย่างผิดกฎหมายทุกเดือน ในปี ค.ศ. 1954 บุหรี่เกือบสองล้านมวนที่ผลิตในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ได้ทะลักเข้าสู่ตลาดเยอรมนีและอิตาลี ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนมาร์แชลล์ สหรัฐอเมริกาจึงส่งมอบบุหรี่ฟรีให้แก่เยอรมนี บุหรี่ที่ส่งไปเยอรมนีในปี 1948 มีปริมาณ 24,000 ตัน และเพิ่มเป็น 69,000 ตันในปี 1949 รัฐบาลกลางแห่งสหรัฐอเมริกาได้ออกค่าใช้จ่ายกว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในแผนการดังกล่าว ทำให้บริษัทผู้ผลิตบุหรี่ในสหรัฐอเมริกาได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล[50] ปริมาณการบริโภคบุหรี่ต่อหัวต่อปีในเยอรมนีได้เพิ่มขึ้นจาก 460 มวนในปี 1950 เป็น 1,950 มวนในปี 1963 ในตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 การรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ในเยอรมนีก็ไม่สามารถบรรลุถึงการรณรงค์อย่างจริงจังในยุคนาซีในปี 1939-1941 และการวิจัยเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ในเยอรมนี ซึ่งบรรยายโดย โรเบิร์ต เอ็น. พรอกเตอร์ว่า \"กลายเป็นใบ้\"[12]",
"ลักษณะรวบอำนาจเบ็ดเสร็จของพรรคนาซีเป็นหนึ่งในหลักสำคัญของพรรค นาซียืนยันว่าทุกความสำเร็จลุล่วงอันยิ่งใหญ่ในอดีตของชาติและประชาชนชาวเยอรมันล้วนเกี่ยวข้องกับอุดมคติชาติสังคมนิยม ก่อนที่อุดมการณ์นั้นจะมีขึ้นจริง ๆ เสียอีก การโฆษณาชวนเชื่อถือว่าการรวบรวมอุดมคตินาซีและความสำเร็จของระบอบเป็นของฟือเรอร์ของระบอบ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้ถูกพรรณาว่าเป็นอัจฉริยะเบื้องหลังความสำเร็จของพรรคนาซีและผู้ช่วยให้รอดของเยอรมนี",
"นาซีสนับสนุนมโนทัศน์กรอสส์ดอยท์ชลันด์ หรือมหาเยอรมนี และเชื่อว่าการรวมชาวเยอรมันอยู่ในชาติเดียวเป็นก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จแห่งชาติของตน การสนับสนุนมโนทัศน์มหาเยอรมนีอย่างหลงใหลของนาซีนี้เองที่นำไปสู่การขยายอาณาเขตของเยอรมนี ที่ให้ความชอบธรรมและการสนับสนุนที่จำเป็นแก่ไรช์ที่สามในการเดินหน้าพิชิตดินแดนที่ประชากรมิใช่ชาวเยอรมันเป็นส่วนใหญ่ที่เสียไปนานมาแล้ว เช่น อดีตดินแดนที่ปรัสเซียเคยได้ในโปแลนด์และเสียให้แก่รัสเซียในคริสต์ศตวรรษที่ 19 หรือเพื่อเข้ายึดดินแดนที่มีประชากรชาวเยอรมันเช่นออสเตรียบางส่วน มโนทัศน์เลเบนสเราม์ หรือที่เจาะจงกว่านั้น ความจำเป็นในการขยายประชากรชาวเยอรมัน ก็ถูกระบอบนาซีอ้างเป็นเหตุในการขยายอาณาเขตดินแดน",
"การบุกครองโปแลนด์ของสหภาพโซเวียต เป็นปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งเริ่มขึ้นโดยปราศจากการประกาศสงคราม เมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 1939 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง สิบหกวันหลังจากการเริ่มต้นบุกครองโปแลนด์โดยนาซีเยอรมนี การบุกครองดังกล่าวจบลงด้วยชัยชนะอย่างเด็ดขาดของกองทัพแดง\nเมื่อต้นปี ค.ศ. 1939 สหภาพโซเวียตพยายามที่จะสร้างพันธมิตรต่อต้านนาซีเยอรมนี โดยเชื่อมสัมพันธไมตรีกับสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส โปแลนด์ และโรมาเนีย แต่ประสบกับอุปสรรคหลายประการ รวมถึงการปฏิเสธที่จะยอมให้มีการเคลื่อนกำลังกองทัพโซเวียตผ่านดินแดนของประเทศเหล่านั้น อันเป็นส่วนหนึ่งของความมั่นคงร่วมกัน เมื่อการเจรจากับประเทศเหล่านี้ประสบความล้มเหลว สหภาพโซเวียตจึงเปลี่ยนสถานะต่อต้านเยอรมนีของตน และเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 1939 ได้มีการร่วมลงนามในสนธิสัญญาโมโลตอฟ-ริบเบนทรอพกับนาซีเยอรมนี ซึ่งนำไปสู่การบุกครองโปแลนด์ ทั้งโดยนาซีเยอรมนีและโดยสหภาพโซเวียต รัฐบาลโซเวียตประกาศว่า การกระทำของตนเป็นการปกป้องชาวยูเครนและชาวเบลารุส ซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันออกของโปแลนด์ เนื่องจากรัฐโปแลนด์ได้ล่มสลายลงในการเผชิญหน้ากับการโจมตีจากเยอรมนี และไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้กับพลเมืองของตนได้",
"นาซียังดำเนินโครงการที่พุ่งเป้าไม่ยังผู้ที่ \"อ่อนแอ\" หรือ \"ไม่มีสมรรถภาพ\" เช่น โครงการการุณยฆาตเท4 ซึ่งคร่าชีวิตผู้พิการและชางเยอรมันที่ป่วยหลายหมื่นคน ในความพยายามที่จะ \"ธำรงความบริสุทธิ์ของเชื้อชาติปกครองอารยัน\" (German: Herrenvolk) ดังที่นักโฆษณาของนาซีอธิบาย เทคนิคการสังหารจำนวนมากที่พัฒนาในความพยายามเหล่านี้ภายหลังถูกใช้ในฮอโลคอสต์ ภายใต้กฎหมายที่ผ่านในปี 1933 ระบอบนาซีดำเนินการบังคับทำหมันปัจเจกบุคคล 400,00 คน ที่ถูกหมายว่ามีความบกพร่องทางพันธุกรรม ซึ่งมีตั้งแต่การป่วยทางจิตไปจนถึงติดแอลกอฮอล์",
"ช่วงปีหลังนาซีเถลิงอำนาจ ยิวหลายคนถูกกระตุ้นให้เดินทางออกนอกประเทศและทำเช่นนั้น ในปี 1935 มีการตรากฎหมายเนือร์นแบร์กขึ้น มีใจความเพิกถอนสัญชาติเยอรมันของยิว และปฏิเสธการจ้างงานภาครัฐ ขณะนี้ชาวยิวส่วนมากที่ชาวเยอรมันว่าจ้างเสียตำแหน่งงาน ซึ่งถูกแทนที่โดยชาวเยอรมันที่ว่างงาน นอกจากนี้ การสมรสระหว่างยิวกับอารยันถูกห้าม ยิวสูญเสียสิทธิเพิ่มขึ้นในช่วงอีกไม่กี่ปีถัดมา ยิวถูกแยกออกไปจากหลายวิชาชีพ และมิให้จับจ่ายซื้อของในร้านค้าจำนวนมาก หลายเมืองติดป้ายห้ามมิให้ยิวเข้า ที่โดดเด่น คือ ความพยายามของรัฐบาลในการส่งชาวยิวเยอรมันที่มีเชื้อสายโปแลนด์ 17,000 คนกลับประเทศโปแลนด์ จนทำให้ในเดือนพฤศจิกายน 1938 แฮร์เชล กรึนซพัน ชายหนุ่มชาวยิวในกรุงปารีส ลอบสังหารแอร์นสท์ ฟอม รัท เอกอัครราชทูตเยอรมัน เพื่อเป็นการประท้วงการปฏิบัติต่อครอบครัวของเขาในเยอรมนี พรรคนาซีใช้ความพยายามดังกล่าวปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังชุมชนยิวในเยอรมนี เป็นบริบทของโพกรมเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 1938 ซึ่งเจาะจงธุรกิจยิวเป็นพิเศษ เอสเอได้รับมอบหมายให้โจมตีสุเหร่ายิวและทรัพย์สินของยิวทั่วประเทศเยอรมนี ระหว่างคริสทัลล์นัคท์ (\"คืนกระจกแตก\" หรือความหมายตามตัวอักษรว่า คืนคริสตัล) เหตุที่ใช้การเกลื่อนคำดังกล่าวเพราะหน้าต่างที่แตกจำนวนมากทำให้ถนนมองดูเหมือนปกคลุมด้วยคริสตัล เหตุการณ์นี้ทำให้มีชาวยิวเยอรมันเสียชีวิตอย่างน้อย 91 คน และทรัพย์สินยิวถูกทำลายถ้วนหน้า การกีดกันระยะนี้ทำให้เป็นที่ชัดเจนมากว่ายิวในเยอรมนีจะเป็นเป้าหมายในอนาคต เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ชุมชนยิวถูกปรับหนึ่งล้านมาร์คและได้รับการบอกกล่าวว่า พวกเขาจะไม่ได้รับเงินตอบแทนจากความสูญเสีย จนถึงเดือนกันยายน 1939 ยิวกว่า 200,000 คนเดินทางออกนอกประเทศเยอรมนี โดยรัฐบาลยึดทรัพย์สินใด ๆ ที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลัง",
"เมื่อพรรคนาซีเข้าบริหารประเทศ ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1933 ธงชาติสีดำ-แดง-ทองถูกประกาศเลิกใช้เป็นธงชาติของนาซีเยอรมนี ต่อมา คำสั่งในวันที่ 12 มีนาคม รัฐบาลได้ประกาศใช้ธงสามสี คือ ดำ-ขาว-แดง ซึ่งเป็นธงชาติที่ใช้มาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิเยอรมัน และ ธงสวัสดิกะของพรรคนาซีให้เป็นธงชาติของรัฐอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งสองแบบ ในปี 1935 หลังจากประธานาธิบดี เพาล์ ฟอน ฮินเดนบูร์ก ถึงแก่อสัญกรรม ฮิตเลอร์ได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นฟือเรอร์ การใช้ธงชาติประจำรัฐสองผืนถูกยกเลิก และ ประกาศใช้ธงสวัสดิกะเป็นธงชาตินาซีเยอรมนี ขณะที่ธงสีดำ-ขาว-แดงแบบเก่าถูกห้ามใช้ด้วยเหตุผลที่ว่า \"ถอยหลังลงคลอง\"\nการออกแบบธงประจำพรรคนาซีเริ่มขึ้นในฤดูร้อนปี 1920 โดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ โดยใช้ธงที่มีพื้นหลังสีแดง วงกลมสีขาว และสัญลักษณ์สวัสดิกะสีดำตรงกลาง โดยที่สีบนพื้นธงได้แสดงความเชื่อมโยงถึงจักรวรรดิเยอรมัน เนื่องจากเลือกใช้สีบนธงตรงกับสีธงชาติจักรวรรดิเยอรมัน นอกจากนี้ ธงประจำพรรคนาซียังมีความหมายมากกว่านั้น ตามที่ฮิตเลอร์ได้เขียนเอาไว้ในไมน์คัมพฟ์ สีขาว หมายถึง ชาตินิยม สีแดง หมายถึง สังคมนิยม และเครื่องหมายสวัสดิกะ ซึ่งใช้เป็นเครื่องหมายของ เชื้อชาติอารยัน ",
"ต่อมาในภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นาซีเยอรมนีพ่ายแพ้สงครามและล่มสลาย พรรคนาซีกลายเป็นพรรคผิดกฎหมายในประเทศเยอรมนี โดยอ้างอิงถึงรัฐธรรมนูญของเยอรมันตะวันออก และ เยอรมันตะวันตก",
"ฮิตเลอร์และพรรคนาซีพยายามทาบทามมุสโสลีนีให้สนับสนุนการดำเนินงานของพวกเขาต่อไป และไม่นานหลังจากนั้นมุสโสลีนีก็ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่พรรคนาซี และอนุญาตพรรคนซีฝึกหัดกองกำลังติดอาวุธของตนเองได้ เพราะเขาเชื่อว่าถึงแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ระบอบฟาสซิสต์แบบเยอรมนี (หมายถึงพรรคนาซี) ก็น่าจะเป็นประโยชน์แก่อิตาลีอยู่บ้าง[112] ความคลางแคลงใจในพรรคนาซีได้เพิ่มสูงขึ้นหลังปี ค.ศ. 1933 ทำให้มุสโสลีนีต้องหาทางรับประกันว่านาซีเยอรมนีจะไม่กลายเป็นรัฐฟาสซิสต์ที่โดดเด่นกว่าใครในทวีปยุโรป เพื่อการนี้ มุสโสลีนีจึงได้แสดงท่าทีคัดค้านความพยายามของเยอรมนีในการผนวกดินแดนออสเตรียหลังจากที่ประธานาธิบดีออสเตรีย เอนเกลแบรต์ ดอลล์ฟุส (Engelbert Dollfuss) ซึ่งเป็นผู้นิยมลัทธิฟาสซิสต์ ถูกลอบสังหารในปี ค.ศ. 1934 และให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนกองทัพออสเตรียหากเยอรมนีเข้ามาก้าวก่ายกิจการภายในของออสเตรีย คำมั่นสัญญาดังกล่าวได้ช่วยให้ออสเตรียรอดพ้นจากการถูกผนวกดินแดนในปี ค.ศ. 1934 ได้",
"ออสเตรีย (ประเทศเพื่อนบ้านของเยอรมนี) ถูกเยอรมันเข้าบุกครองเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1938 มีแรงกดดันหลายปีจากผู้สนับสนุนทั้งในออสเตรียและเยอรมนี (ทั้งนาซีและมิใช่นาซี) สำหรับขบวนการ \"ไฮม์อินส์ไรช์\" ก่อนหน้านี้ นาซีเยอรมนีให้การสนับสนุนพรรคสังคมนิยมแห่งชาติออสเตรีย (พรรคนาซีออสเตรีย) ในความพยายามยึดอำนาจจากรัฐบาลแนวร่วมปิตุภูมิของออสเตรีย",
"พรรคนาซีดำเนินนโยบายเชื้อชาติและสังคมผ่านการเบียดเบียนและการสังหารผู้ที่ถูกมองว่าเป็นผู้ที่สังคมไม่พึงปรารถนาหรือ \"ศัตรูของอาณาจักร\" ที่ตกเป็นเป้าพิเศษ คือ ชนกลุ่มน้อยเช่น ยิว โรมานี (หรือยิปซี) ผู้นับถือพยานพระยะโฮวาห์ ผู้ที่มีความพิการทางจิตหรือทางกาย และพวกรักร่วมเพศ ในคริสต์ทศวรรษ 1930 แผนเพื่อโดดเดี่ยวและกำจัดยิวอย่างสมบูรณ์ในเยอรมนีท้ายสุด เริ่มจากการก่อสร้าง ค่ายกักกัน และค่ายใช้แรงงาน โดยมีการก่อสร้างค่ายกักกันดาเชาเป็นแห่งแรกในปี 1933 เมื่อไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์อธิบายอย่างเป็นทางการว่าเป็น \"ค่ายกักกันศัตรูทางการเมืองแห่งแรก\" \nช่วงปีหลังนาซีเถลิงอำนาจ ยิวหลายคนถูกกระตุ้นให้เดินทางออกนอกประเทศและทำเช่นนั้น ในปี 1935 มีการตรากฎหมายเนือร์นแบร์กขึ้น มีใจความเพิกถอนสัญชาติเยอรมันของยิว และปฏิเสธการจ้างงานภาครัฐ ขณะนี้ชาวยิวส่วนมากที่ชาวเยอรมันว่าจ้างเสียตำแหน่งงาน ซึ่งถูกแทนที่โดยชาวเยอรมันที่ว่างงาน นอกจากนี้ การสมรสระหว่างยิวกับอารยันถูกห้าม ยิวสูญเสียสิทธิเพิ่มขึ้นในช่วงอีกไม่กี่ปีถัดมา ยิวถูกแยกออกไปจากหลายวิชาชีพ และมิให้จับจ่ายซื้อของในร้านค้าจำนวนมาก หลายเมืองติดป้ายห้ามมิให้ยิวเข้า ที่โดดเด่น คือ ความพยายามของรัฐบาลในการส่งชาวยิวเยอรมันที่มีเชื้อสายโปแลนด์ 17,000 คนกลับประเทศโปแลนด์ จนทำให้ในเดือนพฤศจิกายน 1938 แฮร์เชล กรึนซพัน ชายหนุ่มชาวยิวในกรุงปารีส ลอบสังหารแอร์นสท์ ฟอม รัท เอกอัครราชทูตเยอรมัน เพื่อเป็นการประท้วงการปฏิบัติต่อครอบครัวของเขาในเยอรมนี พรรคนาซีใช้ความพยายามดังกล่าวปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชังชุมชนยิวในเยอรมนี เป็นบริบทของโพกรมเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 1938 ซึ่งเจาะจงธุรกิจยิวเป็นพิเศษ เอสเอได้รับมอบหมายให้โจมตีสุเหร่ายิวและทรัพย์สินของยิวทั่วประเทศเยอรมนี ระหว่างคริสทัลล์นัคท์ (\"คืนกระจกแตก\" หรือความหมายตามตัวอักษรว่า คืนคริสตัล) เหตุที่ใช้การเกลื่อนคำดังกล่าวเพราะหน้าต่างที่แตกจำนวนมากทำให้ถนนมองดูเหมือนปกคลุมด้วยคริสตัล เหตุการณ์นี้ทำให้มีชาวยิวเยอรมันเสียชีวิตอย่างน้อย 91 คน และทรัพย์สินยิวถูกทำลายถ้วนหน้า การกีดกันระยะนี้ทำให้เป็นที่ชัดเจนมากว่ายิวในเยอรมนีจะเป็นเป้าหมายในอนาคต เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ชุมชนยิวถูกปรับหนึ่งล้านมาร์คและได้รับการบอกกล่าวว่า พวกเขาจะไม่ได้รับเงินตอบแทนจากความสูญเสีย จนถึงเดือนกันยายน 1939 ยิวกว่า 200,000 คนเดินทางออกนอกประเทศเยอรมนี โดยรัฐบาลยึดทรัพย์สินใด ๆ ที่พวกเขาทิ้งไว้เบื้องหลัง ",
"ในปี ค.ศ. 1933 เมื่ออดอล์ฟ ฮิตเลอร์ได้สมมุติอำนาจรัฐบาลเยอรมัน การใช้คำว่า \"นาซี\" ได้เบาบางลงในเยอรมนี แม้ว่าฝ่ายต่อต้านนาซีในออสเตรียยังคงใช้คำนี้เป็นการดูถูก การใช้คำว่า \"นาซีเยอรมนี\"และ\"ระบอบนาซี\"ได้เป็นที่นิยมโดยฝ่ายต่อต้านนาซีและชาวเยอรมันที่ได้ลี้ภัยออกนอกประเทศ หลังจากนั้น คำนี้ได้แพร่กระจายไปยังภาษาอื่นๆและในที่สุดก็ได้ถูกนำกลับมาใช้ในเยอรมนีหลังสงครามโลกครั้งที่สอง",
"ฮิตเลอร์ได้กดดันให้แคว้นซูเดเตแลนด์รวมเข้ากับนาซีเยอรมนี และยังได้สนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวเยอรมันในพื้นที่ ตามข้อกล่าวหาที่ว่าพวกเช็คข่มเหงและทำร้ายชาวเยอรมัน ทำให้กลุ่มชาตินิยมโอนเอียงไปทางนาซีเยอรมนี หลังจากฮิตเลอร์ผนวกออสเตรียแล้ว พรรคการเมืองเยอรมันทุกพรรค (ยกเว้นพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยแห่งเยอรมนี) รวมเข้ากับ พรรคซูเตเดนเยอรมันทั้งหมด กิจกรรมทางการทหารและพวกที่นิยมความรุนแรงได้เผยตัวออกมาในช่วงเวลานี้ รัฐบาลเชโกสโลวาเกียจึงประกาศกฎอัยการศึกในแคว้นซูเตเดนแลนด์เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ว่ากฎดังกล่าวก็เป็นเพียงการเข้าแทรกแซงเหตุการณ์เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกชาตินิยมเชโกสโลวาเกียผุดขึ้นมา และหมดความเคลือบแคลงต่อการกระตุ้นของรัฐบาลนาซีและรัฐบาลสโลวาเกีย พรรคนาซีสบโอกาส อ้างว่าจะผนวกซูเตเดนแลนด์เข้าสู่นาซีเยอรมนีเพื่อปกป้องชาวเยอรมันในพื้นที่",
"ฟือเรอร์ () ในภาษาเยอรมัน หมายถึง \"ผู้นำ\" โดยคำว่า \"ฟือเรอร์\" มักจะหมายถึง ฉายาของผู้นำนาซีเยอรมนี อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และเป็นตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐบาลสมัยนาซีเยอรมนี และองค์กรกึ่งทหาร (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยเอ็สเอ็ส) โดยคำดังกล่าวเป็นการเอาอย่างจากคำว่า \"อิลดูเช\" ในภาษาอิตาลี ซึ่งมีความหมายอย่างเดียวกัน",
"พรมแดนโดยพฤตินัยของนาซีเยอรมนีเปลี่ยนแปลงมานานก่อนการล่มสลายในเดือนพฤษภาคม 1945 เพราะกองทัพแดงคืบหน้ามาทางตะวันออก พร้อมกับที่ประชากรเยอรมันหลบหนีมายังแผ่นดินเยอรมนี และสัมพันธมิตรตะวันตกรุกคืบมาทางตะวันออกจากฝรั่งเศส เมื่อสงครามยุติ มีเพียงผืนดินเล็ก ๆ จากออสเตรียถึงโบฮีเมียและโมราเวีย และภูมิภาคที่ถูกโดดเดี่ยวอื่น ๆ เท่านั้นที่ยังไม่ถูกฝ่ายสัมพันธมิตรยึดครอง ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต สหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาสถาปนาเขตยึดครอง ดินแดนเยอรมนีก่อนสงครามทางตะวันออกของแนวโอเดอร์-นีซเซ (อันประกอบด้วย ปรัสเซียตะวันออก ไซลีเซีย ปรัสเซียตะวันตก ราวสองในสามของแคว้นโพเมอราเนีย และบางส่วนของบรันเดนบูร์ก) และสเทททิน และบริเวณโดยรอบ (เกือบ 25% ของดินแดนเยอรมนีก่อนสงครามเมื่อปี 1937) อยู่ภายใต้การปกครองของโปแลนด์และโซเวียต โดยแบ่งให้โปแลนด์และโซเวียตผนวก นอกจากนี้ ฝรั่งเศสยังได้ยึดครองดินแดนส่วนใหญ่ของแคว้นซาร์ ซึ่งเป็นแหล่งอุตสาหกรรมถ่านหินที่สำคัญของเยอรมนีที่เหลืออีกด้วย ดินแดนส่วนใหญ่ที่เยอรมนีเสียไปนี้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ยกเว้น อัปเปอร์ไซลีเซีย ซึ่งเป็นศูนย์อุตสาหกรรมหนักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของเยอรมนี ฝ่ายสัมพันธมิตรขับไล่ผู้อยู่อาศัยชาวเยอรมัน ในปี 1947 สภาควบคุมฝ่ายสัมพันธมิตรยุบเลิกปรัสเซียด้วยกฎหมาย ที่ 46 (20 พฤษภาคม 1947) ตามการประชุมพอทสดัม ดินแดนปรัสเซียทางตะวันออกของแนวโอเดอร์-นีซเซถูกแบ่งแยกและปกครองโดยโปแลนด์และมณฑลคาลินินกราด ตามสนธิสัญญาสันิภาพขั้นสุดท้าย ภายหลัง โดยการลงนามสนธิสัญญากรุงวอร์ซอ (ค.ศ. 1970) และสนธิสัญญาว่าด้วยการตกลงขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับดินแดนเยอรมนี (ค.ศ. 1990) เยอรมนีสละการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนที่เสียไประหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง",
"เป้าหมายที่สำคัญสำหรับพรรคนาซีได้แก่การยุบรวมเอาฉนวนโปแลนด์และนครเสรีดันซิกเข้าสู่จักรวรรดิไรช์ที่สาม ซึ่งเป็นอีกก้าวหนึ่งของนโยบายการแบ่งแยกเชื้อชาติของนาซี แผนการ Lebensraum มีส่วนที่เกี่ยวข้องกันหลายประการ กล่าวคือ พรรคนาซีเชื่อว่ายุโรปตะวันออกควรจะเป็นดินแดนที่อยู่อาศัยของชาวเยอรมัน และประชาชนชาวสลาฟที่อยู่ในแผ่นดินของนาซีเยอรมนี พวกเขาเหล่านั้นจะถูกใช้เป็นแรงงานราคาถูกหรือถูกเนรเทศไปทางทิศตะวันออกต่อไป[99]",
"วันชัยในทวีปยุโรป () หมายถึง วันที่ 7 ถึงวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 คือ วันที่ฝ่ายสัมพันธมิตรยอมรับการยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขของนาซีเยอรมนี ในวันที่ 30 เมษายน หลังจากอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายที่หลุมหลบภัยในกรุงเบอร์ลิน ตำแหน่งประธานาธิบดีเยอรมนีตกเป็นของ คาร์ล เดอนิทซ์ เขาได้ลงนามในสนธิสัญญายอมจำนนในวันที่ 7 พฤษภาคม ในเมืองแรมส์ ฝรั่งเศส นอกจากนั้นวิลเฮล์ม ไคเทล ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเวร์มัคได้ลงนามในสนธิสัญญายอมจำนนต่อสหภาพโซเวียตในวันที่ 8 พฤษภาคม ในกรุงเบอร์ลิน เยอรมนี ",
"หลังจากการเลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคนาซีได้ล้มล้างระบบรัฐสภา รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐไวมาร์ และล้มล้างรัฐสภาอย่างเต็มรูปแบบผ่านรัฐบัญญัติมอบอำนาจ เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งพรรคนาซีวางแผน เกลอิชซชาลทุง และทำให้ถูกต้องตามกฎหมายในเยอรมนี ทำให้อำนาจการปกครองถูกรวมเข้าสู่ศูนย์กลาง คือ พรรคนาซี ใน \"คืนแห่งมีดเล่มยาว\" สมาชิกพรรคนาซีได้สังหารศัตรูทางการเมืองของฮิตเลอร์ หลังจากฮินเดนเบิร์กถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1934 ตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งเยอรมนีตกเป็นของฮิตเลอร์ โดยไม่เกิดการต่อต้านจากผู้บัญชาการระดับสูง คำสาบานของเหล่าทหารนั้นหมายความว่า ทหารเยอรมันจะยอมเชื่อฟังอดอล์ฟ ฮิตเลอร์โดยสมบูรณ์",
"การผนวกออสเตรียเข้าสู่เยอรมนีในปี 1938 ตามประวัติศาสตร์แล้ว แนวคิดในการสร้างเยอรมนีอันยิ่งใหญ่นั้นก็ได้รับความนิยมในประเทศออสเตรียไม่แพ้กับในประเทศเยอรมนี ซึ่งได้ปรากฏว่าเพียงหลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง รัฐธรรมนูญของทั้งสองประเทศได้กำหนดให้ แคว้นเยอรมันออสเตรีย เป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนี แต่ว่าการกระทำดังกล่าวได้รับการขัดขวางโดยสนธิสัญญาแวร์ซาย เมื่อเวลาผ่านไป ชาวออสเตรียจำนวนมากก็ลืมเรื่องนี้ไป ในฐานะเช่นนี้ พรรคชาติสังคมนิยมแห่งออสเตรียและขบวนการชาตินิยมเยอรมนีแห่งออสเตรียได้พึ่งพาประเทศเยอรมนี นาซีเยอรมนีได้ทำให้พรรคนาซีแห่งออสเตรียถูกกฎหมาย ซึ่งพวกเขาได้มีส่วนสำคัญในการลอบสังหารอัครเสนาบดีแห่งออสเตรีย เอนเกลเบิร์ต ดอลฟัส และให้สมาชิกของพรรคนาซีแห่งออสเตรียหลายคนมีอำนาจในการบริหารประเทศ",
"ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึงแม้ว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะวางตัวเป็นกลาง นาซีเยอรมนีได้วางแผนที่จะยึดประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพื่อเส้นทางในเทือกเขาแอลป์ระหว่างเยอรมนี-อิตาลี แต่ทางสวิตเซอร์แลนด์ได้ตักเตือนว่า ถ้ากองทัพเยอรมันบุกเข้ามายังสวิตเซอร์แลนด์ ประชาชนทั้งหมดจะลุกขึ้นต่อต้านอย่างถึงที่สุดเพราะประชาชนชาวสวิตนั้นได้เป็นทหารกันหมดแล้วและพร้อมจะระดมพลได้ทุกเมื่อ นอกจากนั้นจะระเบิดทำลายถนนเส้นทางอีกด้วย จึงทำให้นาซีเยอรมันต้องยกเลิกโจมตีไปทำให้สวิตเซอร์แลนด์สามารถรักษาความเป็นกลางและเอกราชไว้ได้ตลอดมาในสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่สวิตเซอร์แลนด์กลับมีบทบาทสำคัญในทางด้านเศรษฐกิจ คือธนาคารของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้กลายเป็นสถานที่เพื่อใช้แลกเปลี่ยนเงินผิดกฎหมายของพวกนาซีเยอรมัน",
"นาซีเยอรมนี หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์เยอรมนี หมวดหมู่:รัฐสิ้นสภาพในทวีปยุโรป หมวดหมู่:รัฐสิ้นสภาพในประเทศเยอรมนี หมวดหมู่:รัฐสิ้นสภาพในประเทศออสเตรีย หมวดหมู่:รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2476 ย หมวดหมู่:สิ้นสุดในปี พ.ศ. 2488",
"การวิจัยและการศึกษาถึงผลของบุหรี่ต่อสุขภาพของประชากรนั้นมีความเจริญก้าวหน้าในนาซีเยอรมนีมากกว่าชาติอื่นใดในโลก ในสมัยที่พรรคนาซีเรืองอำนาจ[1] การเชื่อมโยงระหว่างบุหรี่กับโรคมะเร็งปอด สามารถพิสูจน์ได้ครั้งแรกในนาซีเยอรมนี[17][25][26] ตรงกันข้ามกับนักวิทยาศาสตร์อเมริกันและอังกฤษที่ค้นพบเมื่อคริสต์ทศวรรษ 1950[17] แนวคิดการสูบบุหรี่มือสอง (German: Passivrauchen) ก็ได้มีการริเริ่มในนาซีเยอรมนีเช่นกัน[3] โครงการวิจัยหลายแห่งที่ได้รับการสนับสนุนทางด้านเงินทุนจากรัฐบาลนาซีได้ค้นพบผลร้ายแรงที่มีต่อสุขภาพ[27] นาซีเยอรมนียังสนับสนุนให้มีการศึกษาทางด้านระบาดวิทยาถึงผลของการสูบบุหรี่[28] ฮิตเลอร์ยังได้ให้เงินสนับสนุนส่วนตัวให้แก่ สถาบันวิจัยภัยบุหรี่ (German: Wissenschaftliches Institut zur Erforschung der Tabakgefahren) ในมหาวิทยาลัยจีนา นำโดยคาร์ล อัสเทลอีกด้วย[13][29] ซึ่งสถาบันดังกล่าวก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1941 และได้กลายเป็นสถาบันวิจัยต่อต้านบุหรี่ที่สำคัญที่สุดของนาซีเยอรมนี[29]"
] |
จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีกี่อำเภอ ? | [
"จังหวัดสุราษฎร์ธานีแบ่งการปกครองส่วนภูมิภาคออกเป็น 19 อำเภอ 131 ตำบล 1,074 หมู่บ้าน มีรายชื่ออำเภอดังนี้"
] | [
"แม่น้ำพุมดวง หรือ แม่น้ำคีรีรัฐ เป็นแม่น้ำสายสำคัญทางด้านตะวันตกของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศไทย มีต้นกำเนิดจากต้นน้ำเกิดจากเทือกเขา ระหว่างจังหวัดพังงากับจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่อำเภอพนม และไหลมาบรรจบกับแม่น้ำตาปี อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี",
"สหไทย สรรพสินค้า เป็นกลุ่มธุรกิจห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีต้นกำเนิดในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช และได้ขยายสาขาไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบันห้างค้าปลีกในเครือสหไทยที่เปิดดำเนินการแล้วมี 6 สาขา (โดยใช้ชื่อ \"สหไทย\" 5 สาขา และ \"เซฟ ซุปเปอร์มาร์เก็ต\" 1 สาขา) สาขาที่ 7 (สหไทย การ์เดนพลาซ่า สุราษฎร์ธานี) เปิดให้บริการที่ตำบลตลาดใหม่ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี",
"อำเภอพระแสง ได้รับอารยธรรมก่อนสมัยประวัติศาสตร์จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ มีพื้นที่อาณาเขตกว้างใหญ่อยู่ในเขตการปกครองของอาณาจักรไชยา เมืองนครศรีธรรมราช มณฑลนครศรีธรรมราช มณฑลชุมพร มณฑลสุราษฎร์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามลำดับจนถึงปี พ.ศ. 2447 กระทรวงมหาดไทยได้โอนมาขึ้นกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจังหวัดขนาดใหญ่สุดของภาคใต้ มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ตอนบนทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง สังคม ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม จากอดีตถึงสมัยปัจจุบัน อำเภอเคียนซามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความสำคัญ ซึ่งนายเทพ รักบำรุง ครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 11 ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของท้องถิ่นอำเภอบ้านนาเดิม อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเวียงสระ อำเภอเคียนซา อำเภอพระแสง และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้บันทึกเรื่องราว จัดพิมพ์เป็นหนังสือและเอกสารเผยแพร่เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาท้องถิ่นของเรา และผู้สนใจได้ศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของอำเภอพระแสง มีรายละเอียดดังนี้",
"อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีจะเป็นอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องจากผลผลิตทางเกษตรกรรม เช่น อุตสาหกรรมปลาป่น อาหารทะเลแช่แข็ง อาหารทะเลกระป๋อง น้ำมันปาล์มดิบ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยางพารา ซึ่งในจังหวัดมีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 730 โรงงาน ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีมากที่สุด[18] นอกจากนี้ ยังมีการให้สัมปทานเหมืองแร่ โดยแร่ที่สำคัญในจังหวัด ได้แก่ ยิปซัม โดโลไมต์ แอนไฮโครต์ หินปูน ดินขาว และบอลเคลย์[18] สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่ได้รวมอยู่ในบริเวณศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่จะตั้งอยู่บริเวณถนนตลาดใหม่ ระหว่างซอย 7 และซอย 9 ในตำบลตลาดถัดไปจากที่ว่าการอำเภอเมืองฯ เพียงเล็กน้อย",
"นอกจากนี้ ยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สมทบเป็นค่าก่อสร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ตั้งอยู่ในชนบทห่างไกลคมนาคมไม่สะดวก กระทรวงศึกษาธิการ (ประเทศไทย)ได้สนองพระราชประสงค์ด้วยการน้อมเกล้าฯ ถวายโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาจำนวน 6 โรงเรียน เป็นโรงเรียนในพระราชูปถัมภ์ ได้แก่ (1) โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๑ นครพนม), (2) โรงเรียนมัธยมจุฑาวัชร อำเภอลานกระลือ จังหวัดกำแพงเพชร (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา ๒ กำแพงเพชร), (3) โรงเรียนมัธยมวัชเรศร อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3 สุราษฎร์ธานี), (4) โรงเรียนมัธยมจักรีวัชร อำเภอรัตนภูมิ จังหวัดสงขลา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๒ สงขลา), (5) โรงเรียนมัธยมวัชรวีร์ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๓ ฉะเชิงเทรา) และ (6) โรงเรียนมัธยมบุษย์น้ำเพชร อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี ๑ อุดรธานี)",
"ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้เมืองเมืองกาญจนดิษฐ์, เมืองคีรีรัฐนิคมและเมืองไชยารวมตัวเป็นจังหวัดไชยา ขึ้นตรงต่อมณฑลชุมพร เมื่อเมืองขยายใหญ่ขึ้น จึงมีการปรับเปลี่ยนการปกครองและขยายเมืองออกไป มีการแยกเมืองกาญจนดิษฐ์เป็นอำเภอกาญจนดิษฐ์และอำเภอบ้านดอน กระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการย้ายอำเภอเมืองมาที่อำเภอบ้านดอนและโอนชื่อมาเป็นชื่ออำเภอไชยา และให้เชื่อเมืองเก่าว่า \"อำเภอพุมเรียง\" ทว่าประชาชนยังติดเรียกชื่อเมืองเก่าว่า \"อำเภอไชยา\" ทั้งตัวพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่โปรดปรานชื่อบ้านดอน จึงพระราชทานนามอำเภอบ้านดอนว่า \"สุราษฎร์ธานี\" และยังคงชื่ออำเภอพุมเรียงว่าอำเภอไชยาเช่นเดิม รวมถึงเปลี่ยนชื่อจังหวัดเป็นจังหวัดสุราษฎร์ธานี[6] และพระราชทานนามแม่น้ำตาปี ให้ในคราวเดียวกันนั้นเอง ซึ่งเป็นการตั้งชื่อตามแบบเมืองและแม่น้ำในประเทศอินเดียที่มีแม่น้ำทัปตีไหลลงสู่ทะเลออกผ่านปากอ่าวที่เมืองสุรัต[4]",
"อำเภอเคียนซา ได้รับอารยธรรมก่อนสมัยประวัติศาสตร์จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ มีพื้นที่อาณาเขตกว้างใหญ่อยู่ในเขตการปกครองของอาณาจักรไชยา เมืองนครศรีธรรมราช มณฑลนครศรีธรรมราช มณฑลชุมพร มณฑลสุราษฎร์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามลำดับจนถึงปี พ.ศ. 2447 กระทรวงมหาดไทยได้โอนมาขึ้นกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจังหวัดขนาดใหญ่สุดของภาคใต้ มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ตอนบนทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง สังคม ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม จากอดีตถึงสมัยปัจจุบัน อำเภอเคียนซามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความสำคัญ ซึ่งนายเทพ รักบำรุง ครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 11 ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของท้องถิ่นอำเภอบ้านนาเดิม อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเวียงสระ อำเภอพระแสง อำเภอเคียนซาและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้บันทึกเรื่องราว จัดพิมพ์เป็นหนังสือและเอกสารเผยแพร่เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาท้องถิ่นของเรา และผู้สนใจได้ศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของอำเภอเคียนซา มีรายละเอียดดังนี้",
"ผลไม้ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แก่ เงาะโรงเรียน เงาะมีความแตกต่างจากเงาะที่อื่น คือ หวาน และกรอบ ซึ่งนับเป็นความภูมิใจหนึ่งของชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงถึงความภาคภูมิใจดังกล่าวจังหวัดสุราษฎร์ธานีจึงจัดให้มีการนำผลผลิตจากเงาะโรงเรียนและผลผลิตอื่น ๆ มาจำหน่ายและตั้งชื่อว่า งานวันเงาะโรงเรียน โดยจะจัดขึ้นประมาณต้นเดือนสิงหาคมหรือกลางเดือนกรกฎาคมของทุกปีในตัวอำเภอบ้านนาสาร",
"\"อำเภอเวียงสระ\" ได้รับอารยธรรมก่อนสมัยประวัติศาสตร์จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ มีพื้นที่อาณาเขตกว้างใหญ่อยู่ในเขตการปกครองของเมืองไชยา เมืองนครศรีธรรมราช มณฑลนครศรีธรรมราช มณฑลชุมพร มณฑลสุราษฎร์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามลำดับจนถึงปี พ.ศ. 2447 กระทรวงมหาดไทยได้โอนมาขึ้นกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจังหวัดขนาดใหญ่สุดของภาคใต้ มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ตอนบนทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง สังคม ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม จากอดีตถึงสมัยปัจจุบันอำเภอบ้านนาสารมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความสำคัญ ซึ่งนายเทพ รักบำรุง ครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 11 ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของท้องถิ่นอำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิมอำเภอเวียงสระ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้บันทึกเรื่องราว จัดพิมพ์เป็นหนังสือและเอกสารเผยแพร่เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาท้องถิ่นของเรา และผู้สนใจได้ศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของอำเภอบ้านนาเดิม อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเวียงสระ มีรายละเอียดดังนี้",
"ทางรถยนต์ โดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4009 ไปอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอเวียงสระ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 (ถนนสายเอเชีย) ไปอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดชุมพร",
"นายไชยวัฒน์ วรรณานนท์ เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2489 เป็นศิลปินชาวไทย บุตรคนที่ 2 ของนายสมชายและนางเตื้อม วรรณานนท์ ภูมิลำเนาอยู่ที่ตำบลท่าฉาง อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชีวิตในวัยต้น ได้เริ่มเรียนชั้นประถมปีที่ 1 - 3 ที่โรงเรียนวัดอินทารามตำบลท่าฉาง แล้วไปเรียนต่อที่โรงเรียนหาดเสี้ยว จังหวัดระนอง และจบชั้นประถมปีที่ 4 ที่นั่นเมื่อปี พ.ศ. 2501 ต่อมาได้กลับมาอยู่ที่บ้านและเรียนจบ ชั้นมัธยมปีที่ 1-3 ที่โรงเรียนท่าฉางวิทยา ตำบลท่าฉาง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และเรียนชั้นมัธยมปี ที่ 4 ที่โรงเรียนเวียงไชยศึกษา อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากนั้นได้เข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5-6 ที่โรงเรียนบ้านนาสาร อำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่นั่นในปี พ.ศ. 2506",
"สนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นสนามกีฬาหลักของจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีขนาดพื้นที่ 81 ไร่ ตั้งอยู่ที่ถนนดอนนก ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดูแลโดยศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดสุราษฎร์ธานี",
"พระพรหมเสนาบดีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2509 ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8-8 ปีมะเมีย ณ วัดนาสาร ตำบลนาสาร อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีพระเทพรัตนกวี (เกตุ ธมฺมวโร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี วัดไตรธรรมาราม อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูโสภิตคุณานันท์ อดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านนาสาร วัดนาสาร อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูพิศาลคุณาภรณ์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอบ้านนาสาร วัดอภัยเขตตาราม อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า \"ญาณวีโร\"",
"ในจังหวัดชุมพร ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ได้เริ่มจาก อำเภอเมืองชุมพร และวิ่งไปยังทิศใต้ผ่านอำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโก อำเภอหลังสวน และอำเภอละแม รวมระยะทางในจังหวัดชุมพร 95.163 กิโลเมตร จากนั้นก็ได้เข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่อำเภอท่าชนะ ผ่านอำเภอไชยา อำเภอท่าฉาง อำเภอพุนพิน อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอบ้านนาสาร และอำเภอเวียงสระ รวมระยะทางในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 154.563 กิโลเมตร จากนั้นก็เข้าสู่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่อำเภอถ้ำพรรณรา และผ่านไปยัง อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอนาบอน อำเภอทุ่งสง อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอจุฬาภรณ์ และอำเภอชะอวด รวมระยะทางอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช 99.8 กิโลเมตร จากนั้นเข้าสู่จังหวัดพัทลุงที่อำเภอป่าพะยอม ผ่านอำเภอควนขนุน และสิ้นสุดที่อำเภอเมืองพัทลุง รวมระยะทางในจังหวัดพัทลุง 33.09 กิโลเมตร",
"ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4009 สายสุราษฎร์ธานี - บรรจบทางหลวงหมายเลข 4 (อ่าวลึก) มีจุดเริ่มต้นแยกจาก สี่แยกแสงเพชร อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตัดขึ้นไปทางใต้ผ่าน อำเภอบ้านนาสาร อำเภอเวียงสระ อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอปลายพระยา และอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่สิ้นสุดที่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 มีความยาวประมาณ 145 กิโลเมตร อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 114 กิโลเมตร อยู่ในจังหวัดกระบี่ประมาณ 31 กิโลเมตร ทางหลวงสายนี้ถูกตัดขาดเมือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 44ได้สร้างเสร็จ แต่ในขณะนี้ กำลังมีการก่อสร้างสะพานข้ามทางหลวงหมายเลข 44 อยู่ ซึ่งสร้างเสร็จแล้ว",
"ทางหลวงสายนี้มีจุดเริ่มต้นแยกจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 บริเวณกิโลเมตรที่ 944+200 ตำบลคลองหิน อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ตัดขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านอำเภอปลายพระยา เข้าสู่เขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผ่านอำเภอพระแสง อำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอพุนพิน อำเภอเมือง สิ้นสุดที่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 บริเวณตำบลพลายวาส อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวมระยะทาง 133.172 กิโลเมตร ",
"เดิมมีชื่อว่า \"แม่น้ำหลวง\" เพราะมีต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาหลวงซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขานครศรีธรรมราช อยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหลผ่านอำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่าน อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน และไหลออกสู่อ่าวไทยที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดของภาคใต้",
"ทางหลวงสายนี้เริ่มต้นที่อำเภออ่าวลึก และตัดผ่านอำเภอปลายพระยา จากนั้นเข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่อำเภอพระแสง และผ่านอำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และสิ้นสุดที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ มีความยาวทั้งสิ้น 133.172 กิโลเมตร โดยอยู่ในจังหวัดกระบี่ 37.2 กิโลเมตร และอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 95.972 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเป็นถนนลาดยาง มีช่องจราจร 4 ช่องทาง ทิศทางละ 2 ช่องทาง คั่นด้วยคูกลางซึ่งมีความกว้าง 150 เมตร และมีเขตทางกว้าง 200 เมตรใน ปี พ.ศ. 2560 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้มีการศึกษาเพื่อเตรียมการก่อสร้างทางรถไฟ จากสถานีสุราษฎร์ธานี ถึงอำเภอดอนสัก โดยมีเส้นทางคู่ขนานไปกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 44 จากอำเภอบ้านนาเดิม ถึงท่าเรือดอนสัก เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางข้ามฟากไปยังเกาะสมุย เกาะพะงัน และบริเวณใกล้เคียงต่อไป",
"อำเภอบ้านนาเดิม เป็นอำเภออยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอบ้านนาเดิมมีการพัฒนาเป็นเขตเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและภาคใต้เพื่อรองรับความเจริญของการพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออก ด้านอ่าวไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ภูเก็ต สงขลา กรุงเทพมหานคร จังหวัดสำคัญและประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากพื้นที่อำเภอใกล้เคียงมีทรัพยากรธรรมชาติหลายชนิดสมบูรณ์เพียงพอ เป็นปัจจัยพื้นฐานที่เอื้อในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจอำเภอบ้านนาเดิม จังหวัดสุราษฎร์ธานีและภาคใต้ทั้งภายในภายนอกของภูมิภาคได้อย่างเต็มที่และมีศักยภาพ",
"สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี (Suratthani Children and Youth Council) เป็นองค์กรเด็กและเยาวชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่มีการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ เข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ เพื่อแสวงหาแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนภายในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้หลักการ “เด็กนำผู้ใหญ่หนุน” ซึ่งในปัจจุบันนี้สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับการสันบสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พุทธศักราช 2550 โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซอยพิเศษ ตำบลขุนทะเล อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ",
"อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี (ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีเรียกว่า อำเภอบ้านดอน) เป็นอำเภอที่ตั้งของตัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเมืองศูนย์กลางระบบราชการ ศูนย์กลางการคมนาคมขนส่ง และเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานี \nอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีมีอาณาเขตติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียงดังต่อไปนี้",
"อุปสมบท วันอังคารที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ ตรงกับวันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีกุน ณ วัดบางน้ำจืด ตำบลเขาถ่าน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พระอุปัชฌาย์ พระครูยุตตโกฐยติกิจ(เนียม) วัดบางน้ำจืด ตำบลเขาถ่าน อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พระกรรมวาจาจารย์ พระครูรัตนวิมล(แบน) วัดอินทาราม ตำบลท่าเคย อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎฺร์ธานี พระอนุสาวนาจารย์พระอธิการชู ฉนฺทเสวี วัดอัมพวา ตำบลคลองไทร อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี",
"จนถึง พ.ศ. 2504 รัฐบาลสมัยนั้นเห็นว่า ชื่ออำเภอที่ใช้อยู่นี้ไม่ถูกต้องตามสภาพพื้นที่ เพื่อให้ถูกต้องตามความเหมาะสมกับสภาพท้องที่และเพื่อรักษาไว้ซึ่งประวัติแห่งท้องที่จึงประกาศใช้ชื่ออำเภอว่า อำเภอคีรีรัฐนิคม ในรัชสมัยสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ยุบมณฑลสุราษฎร์และให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดอื่น ๆ ที่เคยขึ้นกับมณฑลสุราษฎร์ไปขึ้นกับมณฑลนครศรีธรรมราช ต่อมาราชการได้ยุบมณฑลทั่วราชอาณาจักร จังหวัดสุราษฎร์ธานีนี้ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย อำเภอคีรีรัฐนิคมจึงขึ้นต่อจังหวัดสุราษฎร์ธานีจนถึงปัจจุบัน",
"ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานีกับจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีเส้นทางเริ่มจากใกล้ ๆ อำเภอตะกั่วป่า ในช่วงแรกเป็นถนน 2 ช่องจราจร จากนั้นวิ่งไปทางตะวันออก เข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยผ่านอำเภอพนมอำเภอบ้านตาขุน อำเภอคีรีรัฐนิคมจากนั้นได้ขยายเป็น 4 ช่องจราจรไปยังอำเภอพุนพิน และต่อไปยังตัวเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ จากนั้นก็เข้าสู่เขตจังหวัดนครศรีธรรมราชที่อำเภอขนอม แต่ไม่ได้ผ่านตัวอำเภอขนอม จากนั้นก็วิ่งลงใต้ผ่านอำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา และสิ้นสุดที่บ้านท่าแพ ประมาณ 10 กิโลเมตร ทางเหนือของตัวเมืองนครศรีธรรมราช ระยะทางทั้งหมดประมาณ 290 กิโลเมตร อยู่ในจังหวัดพังงาประมาณ 25 กิโลเมตร อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 175 กิโลเมตร และอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชประมาณ 90 กิโลเมตร",
"ท่าชนะ เป็นอำเภอขนาดเล็กในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นับเป็นประตูสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี (เมื่อเดินทางมาจากด้านเหนือ) ",
"พบโดยทั่วไปตามบริเวณน้ำตื้นชายฝั่งทะเล ปากแม่น้ำลำคลอง ที่สุราษฎร์ธานี แหล่งที่เลี้ยง\nหอยนางรมใหญ่ที่สุด คือบริเวณอ่าวที่ตำบลท่าทอง อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ก็มีการเลี้ยงที่บริเวณ\nแหลมซุย อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปัจจุบันมีผู้เลี้ยงหอยนางรมในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 741 ราย เนื้อที่ ประมาณ 4,866 ไร่",
"อำเภอบ้านนาเดิมตั้งอยู่ทางตอนกลาง ค่อนไปทางทิศตะวันออกของจังหวัดมีแม่น้ำสายสำคัญคือแม่น้ำตาปี คลองยา และคลองลำพูนไหลผ่านนำความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุสำคัญต่อเศรษฐกิจและด้านการเกษตร อำเภอบ้านนาเดิม เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งสามารถพัฒนาได้ดีเนื่องจากมีพื้นที่ติดต่อกับอำเภอต่างๆและจังหวัดสำคัญของภาคใต้มีความสะดวกด้านคมนาคมทั้งทางเรือ ทางอากาศ ทางรถไฟ ทางบกมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 (ทางหลวงสายเอเซีย A–2) จากชุมพรถึงสุไหงโก-ลกต่อไปยังมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มีถนนที่ทันสมัยคือทางหลวงสายเลขที่ 44 เรียกว่าสะพานเศรษฐกิจโครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Southern Sea Board) เป็นถนนเชื่อมระหว่างชายฝั่งทะเลตะวันออกอ่าวไทยกับชายฝั่งตะวันตกทะเลอันดามัน เริ่มจากจังหวัดกระบี่ผ่านอำเภออ่าวลึก อำเภอปลายพระยาเข้าเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ตำบลบางสวรรค์ อำเภอพระแสง อำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ มีจุดตัดกับถนนทางหลวงสายเลขที่ 41 (ทางหลวงสายเอเซีย A–18) ถนนเชื่อมกันติดต่อได้ ทั้งคาบสมุทรภาคใต้ จุดตัดอยู่ในตำบลท่าเรือ จุดตัดกับเส้นทางรถไฟสายใต้ที่บ้านเขาพลู ตำบลนาใต้ อำเภอบ้านนาเดิมได้รับอารยธรรมก่อนสมัยประวัติศาสตร์จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ มีพื้นที่อาณาเขตกว้างใหญ่อยู่ในเขตการปกครองของอาณาจักรไชยา เมืองนครศรีธรรมราช มณฑลนครศรีธรรมราช มณฑลชุมพร มณฑลสุราษฎร์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามลำดับจนถึงปี พ.ศ. 2447 กระทรวงมหาดไทยได้โอนมาขึ้นกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจังหวัดขนาดใหญ่สุดของภาคใต้ มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ตอนบนทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง สังคม ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม จากอดีตถึงสมัยปัจจุบันอำเภอบ้านนาเดิมมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความสำคัญ ซึ่งนายเทพ รักบำรุง ครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 11 ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของท้องถิ่นอำเภอบ้านนาเดิมและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้บันทึกเรื่องราว จัดพิมพ์เป็นหนังสือและเอกสารเผยแพร่เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาท้องถิ่นของเรา และได้มอบให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของอำเภอบ้านนาเดิม มีรายละเอียดดังนี้",
"\"อำเภอบ้านนาสาร\" ได้รับอารยธรรมก่อนสมัยประวัติศาสตร์จนถึงสมัยประวัติศาสตร์ มีพื้นที่อาณาเขตกว้างใหญ่อยู่ในเขตการปกครองของเมืองไชยา เมืองนครศรีธรรมราช มณฑลนครศรีธรรมราช มณฑลชุมพร มณฑลสุราษฎร์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตามลำดับจนถึงปี พ.ศ. 2447 กระทรวงมหาดไทยได้โอนมาขึ้นกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจังหวัดขนาดใหญ่สุดของภาคใต้ มีความสำคัญอย่างยิ่งโดยเป็นศูนย์กลางของภาคใต้ตอนบนทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง สังคม ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม จากอดีตถึงสมัยปัจจุบันอำเภอบ้านนาสารมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีความสำคัญ ซึ่งนายเทพ รักบำรุง ครูชำนาญการพิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 11 ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของท้องถิ่นอำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิมและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้บันทึกเรื่องราว จัดพิมพ์เป็นหนังสือและเอกสารเผยแพร่เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชาท้องถิ่นของเรา และผู้สนใจได้ศึกษาเรื่องราวความเป็นมาของอำเภอบ้านนาเดิมและอำเภอบ้านนาสาร มีรายละเอียดดังนี้",
"สถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี หรือเดิมชื่อ สถานีรถไฟพุนพิน เปิดเมื่อปี 2458 แต่ได้เปลี่ยนชื่อในราวๆ ปี 25xx เพื่อให้สอดคล้องกับชื่อจังหวัด เป็นสถานีรถไฟประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำตาปี ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ห่างจากตัวอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นสถานีรถไฟชั้น 1 ของทางรถไฟสายใต้"
] |
พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เกิดเมื่อใด ? | [
"พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 35 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาวาด ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2424 ขณะทรงพระเยาว์เริ่มศึกษาที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ"
] | [
"อุโมงค์ขุนตาน เป็นอุโมงค์ทางรถไฟลอดผ่านที่ยาวที่สุดในประเทศไทย จากจำนวนทั้งสิ้น 7 อุโมงค์มีความยาวถึง 1,352.10 เมตร (1 กิโลเมตร 352 เมตร 10 เซนติเมตร) ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล ระหว่างอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง กับอำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2450 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2461 โดยการรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม ที่มีพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยาการ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธินเป็นผู้บัญชาการ และมีนายช่างชาวเยอรมันชื่อ เอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างทั้งหมด ใช้เวลาสร้างทั้งหมด 11 ปี ค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 1,362,050 บาท ",
"หม่อมเจ้าโสภณภราไดย เสกสมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามยุรฉัตร พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2473 มีโอรสคือ หม่อมราชวงศ์พรรธนภณ สวัสดิวัฒน์ (นามเดิม หม่อมราชวงศ์ฉัตรโสภณ สวัสดิวัตน์) ",
"สถานีกำแพงเพชร (, รหัส BL12) เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ที่ถนนกำแพงเพชร กรุงเทพมหานคร ใช้ชื่อตามถนนกำแพงเพชร ซึ่งตั้งตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งค้าขายที่สำคัญคือตลาดนัดจตุจักร ตลาดกลางองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และตลาดสัตว์เลี้ยง องค์การส่งเสริมกิจการโคมนมแห่งประเทศไทย",
"ครั้นวันรุ่งขึ้น วันที่ 8 มีนาคม 2448 ร.5 ทรงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ตั้งหม่อมเจ้า บุตรีในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล เป็นพระองค์เจ้าตามพระมารดา ตามกฎมณเฑียรบาลราชประเพณีที่มีมา โดยทรงโปรดเกล้าฯ ตั้งขึ้นเป็น พระหลานเธอ พระองค์เจ้า ทั้งสายที่จะร่วมพระครรภ์สืบไป ",
"เจ้าลดาคำ เสกสมรสครั้งแรกกับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระธิดาสององค์ได้แก่",
"ตราบุรฉัตร เป็นตราวงกลมทำจากเหล็กหล่อสีแดงน้ำหมาก สร้างขึ้นเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ในการที่พระองค์ทรงนำรถจักรดีเซลคันแรกมาใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2471 โดยตราบุรฉัตรจะติดข้างรถจักรดีเซลไฟฟ้าทุกคัน",
"พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร (27 มิถุนายน พ.ศ. 2464 — 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552) เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว",
"พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบรวมกรมทางไปขึ้นกับกรมรถไฟหลวง โดยให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมขุนกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ทรงรับผิดชอบงานสร้างถนนและสะพานทั่วประเทศ เช่น สะพานกษัตริย์ศึก เป็นสะพานลอยข้ามทางรถไฟแห่งแรก และสะพานรัษฎาภิเศก จังหวัดลำปาง สะพานพุทธ สะพานพระราม 6",
"หม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร ณ อยุธยา (สกุลเดิม: สารสาส; 7 มิถุนายน พ.ศ. 2458 – 18 ตุลาคม พ.ศ. 2526) เป็นหม่อมในพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล",
"ศาสตราจารย์พิเศษ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร (12 สิงหาคม พ.ศ. 2458 - 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2524) พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล ประสูติเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2458 ",
"ประยอม ซองทอง สมรสกับ หม่อมราชวงศ์อรฉัตร สุขสวัสดิ์ ธิดาหม่อมเจ้าประสมสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ โอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี กรมหลวงอดิศรอุดมเดช กับ หม่อมเขียน และหม่อมเจ้าหญิงกาญจนฉัตร ฉัตรไชย ธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน กับ หม่อมเพี้ยน สุรคุปต์ มีบุตรธิดา 3 คน คือ",
"พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล (11 มิถุนายน พ.ศ. 2428 - 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2506) เป็นพระธิดาพระองค์สุดท้องในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ กับหม่อมราชวงศ์สว่าง จักรพันธุ์ และเป็นพระชายาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน",
"พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล เป็นพระชายาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน มีพระโอรส 1 องค์ และ พระธิดา 3 องค์ ซึ่งพระโอรสธิดาที่ประสูติแต่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล จะมีฐานันดรศักดิ์เป็น\"พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า\"ทั้งหมด",
"หม่อมเจ้าสุรฉัตร ฉัตรชัย ประสูติเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2472 เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธินกับหม่อมเผือด พึ่งรักวงศ์ พระองค์มีศักดิ์เป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว",
"พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร มีพระนามเล่นว่า ตุ๊ เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2464 พระองค์มีพระเชษฐภคินีและพระเชษฐา คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามยุรฉัตร, พระองค์เจ้าหญิง และพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร",
"เป็นทรงแปดเหลี่ยมซ้อนกัน ก่ออิฐถือปูนทำผิวหินล้าง มีลายปั้นเป็นแบบรักร้อยห้องทั้ง 4 ด้าน บนสุดเป็นฉัตรโลหะ 5 ชั้นตามพระนาม ภายในบรรจุพระสรีรางคารของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน (ในเจ้าจอมมารดาวาด กัลยาณมิตร) พระชายา พระโอรสและพระธิดา ในสายราชสกุลฉัตรไชย",
"หม่อมเจ้าอุทัยเฉลิมลาภ วุฒิชัย เสกสมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิมลฉัตร พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล มีบุตรและธิดา คือหม่อมเจ้าอุทัยเฉลิมลาภ วุฒิชัย สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2501 สิริพระชันษา 44 ปี",
"การดำเนินกิจการรถไฟในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงให้ชาวต่างประเทศเป็นผู้ควบคุมการบริหารกิจการทั้งหมด กระทั่งปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร รักษาการตำแหน่งเจ้ากรมรถไฟสายเหนือ ในปี พ.ศ. 2460 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมกรมรถไฟสายเหนือกับสายใต้เข้าเป็นกรมเดียวกัน เรียกว่า \"กรมรถไฟหลวง\" และให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมขุนกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง และทรงบุกเบิกพัฒนากิจการต่างๆ ของกรมรถไฟหลวง ขยายเส้นทางเดินรถไฟสายเหนือและสายใต้เข้าด้วยกัน สายตะวันออกเฉียงเหนือทรงสร้างทางรถไฟจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี สายตะวันออกจากฉะเชิงเทราถึงอรัญประเทศ และในปี พ.ศ. 2471 พระองค์ยังได้ทรงสั่งซื้อรถจักรดีเซล จำนวน 2 คัน (หมายเลข 21 และ 22) จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยมีกำลัง 180 แรงม้า เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นว่า รถจักรไอน้ำลากจูงขบวนรถไม่สะดวก และไม่ประหยัด อีกทั้งลูกไฟที่กระจายออกมาเป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร และอาจทำให้เกิดไฟไหม้ไม้หมอนอีกด้วย ซึ่งรถจักรดีเซลทั้งสองคันดังกล่าว เป็นรถจักรดีเซลคันแรกในทวีปเอเชีย และถือว่าประเทศไทยนำรถจักรดีเซลเข้ามาใช้งานเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียด้วย [6]",
"หม่อมราชวงศ์อรฉัตร เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2485 เป็นธิดาในหม่อมเจ้าประสมสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ กับหม่อมเจ้ากาญจนฉัตร ฉัตรชัย พระนัดดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ต้นราชสกุลฉัตรชัย และเป็นพระนัดดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี กรมหลวงอดิศรอุดมเดช ต้นราชสกุลสุขสวัสดิ สำเร็จการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สมรสกับประยอม ซองทอง บุตรของฮด กับมี ซองทอง มีบุตรธิดา 3 คน คือ",
"ภายหลังการถึงแก่พิราลัยของเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต ในปี พ.ศ. 2465 เจ้าบุญสารเสวตร์ จึงได้รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินกิจการอุตสาหกรรมป่าไม้ของเจ้าบิดาต่อเนื่องมา จนกระทั่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ให้เข้ารับราชการในกรมทางหลวง ภายใต้การบังคับบัญชาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน โดยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้สร้างทางหลวงสายแพร่-น่าน",
"พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรเสด็จกลับประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2447 ทรงรับราชการทหาร เหล่าทหารช่าง กรมยุทธนาธิการทหารบก ทรงดำรงตำแหน่งจเรทหารช่างพระองค์แรกในปี พ.ศ. 2451 และทรงดำรงตำแหน่งนี้เป็นระยะเวลา 17 ปี ทรงนำความรู้ในวิชาการทหารแผนใหม่ตามแบบอย่างประเทศตะวันตกมาปรับปรุงกิจการทหารช่าง จนได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้วางรากฐานกิจการทหารช่างแผนใหม่ และกองทัพ",
"ถนนเลียบโครงการโฮปเวลล์ หรือ โลคอลโรด เป็นถนนที่ก่อสร้างในเขตทางรถไฟ เส้นทางเลียบไปกับโครงสร้างของโครงการโฮปเวลล์ ก่อสร้างโดยงบประมาณของกรมทางหลวง เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2542 ส่วนเลียบทางรถไฟสายเหนือ-อีสาน มีชื่อเป็นทางการว่า ถนนกำแพงเพชร 5 และถนนกำแพงเพชร 6 และส่วนเลียบทางรถไฟสายตะวันออก มีชื่อเป็นทางการว่า ถนนกำแพงเพชร 7 ตั้งชื่อตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน",
"วิทยุกระจายเสียงในประเทศไทย ถือกำเนิดขึ้นระยะแรก ราวปี พ.ศ. 2470-2472 โดยพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ซึ่งทรงริเริ่มทดลองส่งวิทยุกระจายเสียง เป็นครั้งแรกในประเทศสยาม โดยทรงตั้งชื่อว่า “สถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท” เนื่องจากส่งกระจายเสียงจากพระราชวังพญาไท และยังทรงมอบหมายให้กรมไปรษณีย์โทรเลข โดยกองช่างวิทยุ ดำเนินการทดลองส่งวิทยุกระจายเสียง เป็นการคู่ขนานกับสถานีส่วนพระองค์ โดยผู้ฟังนิยมเรียกว่า “สถานีวิทยุศาลาแดง” เนื่องจากสถานีส่งกระจายเสียง ตั้งอยู่ในบริเวณย่านที่เรียกว่าศาลาแดง และต่อมาสถานีวิทยุกรุงเทพฯ ที่พญาไท เปิดกระจายเสียงอย่างเป็นทางการ เริ่มด้วยการถ่ายทอดเสียงสด กระแสพระราชดำรัส เนื่องในการพระราชพิธีฉัตรมงคล ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เมื่อวันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2473 จากพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร",
"จนกระทั่งปี พ.ศ. 2465 พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ผู้บัญาชาการการรถไฟในสมัยนั้น ได้สร้างขึ้นมีชื่อว่า \"โรงแรมรถไฟหัวหิน\" เป็นโรงแรมที่สร้างขึ้นใกล้กับสถานีรถไฟหัวหิน เป็นโรงแรมแรกที่สร้างขึ้นโดยคนไทย มีคนไทยเป็นผู้บริหารงานและเป็นโรงแรมที่เป็นโรงแรมริมชายหาด เปิดบริการเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2466 ปัจจุบันเป็นโรงแรมในเครือเซ็นทารา",
"หม่อมเจ้าสุรฉัตร ฉัตรชัย (15 มิถุนายน พ.ศ. 2472 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2536) เป็นพระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว",
"นายพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระนามเดิม พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร (23 มกราคม พ.ศ. 2424 - 14 กันยายน พ.ศ. 2479) อดีตจเรทหารช่าง อดีตผู้บัญชาการกรมรถไฟหลวง อดีตเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม และ ผู้ริเริ่มการค้นหาปิโตรเลียมในประเทศสยามเป็นครั้งแรก",
"ท่านผู้หญิงฉัตรสุดา วงศ์ทองศรี (นามเดิม: หม่อมเจ้าฉัตรสุดา ฉัตรไชย; เกิด: 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2463 — ถึงแก่อนิจกรรม 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2539) เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน กับเจ้าลดาคำ ณ เชียงใหม่ ",
"พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เสนาบดี กระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ในรัชกาลที่ 7 ทรงเป็นผู้บุกเบิกและริเริ่มใ ห้มีการทดลองส่งวิทยุกระจายเสียง ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยปี พ.ศ. 2470 พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ได้ทรงซื้อเครื่องส่งวิทยุเข้ามาเพื่อศึกษายังที่ประทับของพระองค์เองคือวังบ้านดอกไม้ ทั้งศึกษาและทดลองเอาโทรศัพท์และเสียงเพลงมาส่งเสียงพูด พร้อมเสียงดนตรีกระจายออกไป",
"พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ามยุรฉัตร (7 มีนาคม พ.ศ. 2448 — 11 สิงหาคม พ.ศ. 2513) เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมลประสูติเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2448 เป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประภาวสิทธิ์นฤมล "
] |
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาตั้งอยู่ที่ใด? | [
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตั้งอยู่เลขที่ 227 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร บนพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีอาณาบริเวณติดกับหลายคณะ ได้แก่ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ นอกจากนี้ภายในพื้นที่เช่าของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษายังเป็นที่ตั้งของกลุ่มอาคารจุฬาวิชช์กับที่ตั้งของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ปทุมวัน"
] | [
"เรื่องการยุบโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาดูเงียบไปแล้ว แต่เรื่องราวการจัดตั้งโรงเรียนเตรียมในหัวเมืองมิได้เงียบไปด้วย กระทรวงจึงจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคพายัพขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เรียกอย่างย่อว่า ต.อ.พ. โดยใช้สถานที่ของโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยและโรงเรียนดาราวิทยาลัยของเพรสบิเทเรียนมิชชั่นที่ต้องปิดไปเพราะสงคราม ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2485 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยซึ่งกำลังบ้านแตกสาแหรกขาดอยู่นั้น ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดโรงเรียนดังกล่าวขึ้นมา โรงเรียนทั้งสองนี้จึงมีผู้อำนวยการคนเดียวกันแต่มีรองผู้ำอำนวยการแยกกัน โดยนายสงวน เล็กสกุล ไปเป็นรองผู้อำนวยการ ต.อ.พ. และนางสาวดารา ไกรฤกษ์ ไปเป็น อ.ป.ส. ดูแลฝ่ายหญิงอยู่ทางดาราวิทยาลัย ต.อ.พ. มิใช่ที่อพยพของโรงเรียนทางกรุงเทพฯ และยังมีตราและสีเป็นของตนเองและนักเรียนที่ทางโรงเรียนเตรียมที่กรุงเทพฯ ไม่อนุญาตให้เรียนแล้วไปเข้าเรียนที่ ต.อ.พ. ได้ เพราะไม่ใช่โรงเรียนเดียวกัน",
"ในปี พ.ศ. 2542 ผู้อำนวยการโรงเรียนพิษณุโลกศึกษา นายจุฬา ทารักษา ได้ประสานงานกับผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คือ นายอัศวิน วรรณวินเวศร์ เพื่อขอจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ที่โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้ตอบรับเป็นเบื้องต้น โดยรับโรงเรียนพิษณุโลกศึกษาเข้าเป็นเครือข่ายของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยได้ดำเนินการร่วมกันผ่านกรมสามัญศึกษาเพื่อขอจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ แต่ได้ระงับไปช่วงหนึ่งเพราะผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นายอัศวิน วรรณวินเวศร์ เกษียณอายุราชการ ต่อมาผู้อำนวยการโรงเรียนพิษณุโลกศึกษา นายมนู วัฒนไพบูลย์ ได้รับทราบการขอจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ที่โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา และได้รับนโยบายของกรมสามัญศึกษาในการประสานงานจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ที่โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา จังหวัดพิษณุโลก เพราะเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของภาคเหนือมีสถาบันอุดมศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยนเรศวร สถาบันราชภัฏ สถาบันราชมงคล ผู้อำนวยการโรงเรียนพิษณุโลกศึกษาได้ประสานงานกับผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ ปัจจุบัน คือ นางพรรณี เพ็งเนตร เพื่อเข้าเป็นเครือข่ายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้ตอบรับไม่ขัดข้องในการขอเป็นเครือข่ายเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 นายปองพล อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในขณะนั้นได้ประกาศให้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนพิษณุโลกศึกษา เป็น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือชั้นที่ 1 ห้องประชาสัมพันธ์ ห้องประชุม 1 ห้องเกียรติยศ (ห้องประชุม 2) ห้องประชุม 200 ที่นั่ง (ห้องโสตทัศนศึกษา) ห้องพัสดุ ห้องถ่ายเอกสาร สมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนพิษณุโลกศึกษา-เตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ\nชั้นที่ 2 ห้องท่านผู้อำนวยการ (527) ห้องรองผู้อำนวยการฝ่ายจัดการศึกษาและฝ่ายจัดการศึกษา+ฝ่ายรับเข้าศึกษา (521) ห้องรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนและฝ่ายกิจการนักเรียน (525) ห้องรองผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการและฝ่ายอำนวยการ (528) ห้องรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานทั่วไปและฝ่ายบริหารทั่วไป (526) ห้องแนะแนวการศึกษา (524) ห้องประกันคุณภาพการศึกษา (523) ห้องทะเบียน-วัดผล (522) \nชั้นที่ 3 ห้องปฏิบัติการสังคมศึกษา 1 (531) ห้องศูนย์เทคโนโลยีและสารสนเทศโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ (537) ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ 533 534 535 536 ห้องเรียนE-Classroom (532) ห้องแสดงผลงานห้องเรียนสีเขียว (538) ",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เดิมชื่อ “โรงเรียนสว่างศึกษา” ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2502 โดยความเอื้อเฟื้อของ หลวงปริวรรตวรพิจิตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสกลนครสมัยนั้น ครูใหญ่คนแรก คือ นายประมวล อุปพงษ์ วันที่ 1 สิงหาคม 2506 นายนิรัตน์ วิภาวิน ดำรงตำแหน่งครูใหญ่ และในปีนี้ได้ เปลี่ยนชื่อโรงเรียน เป็น “โรงเรียนสว่างศึกษา” ในปี พ.ศ. 2541 กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายกระจายคุณภาพไปสู่ภูมิภาค เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนในต่างจังหวัด มีคุณภาพทัดเทียมกับโรงเรียน ที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานคร จึงประกาศจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาขึ้นทั้ง 4 ภาค ซึ่งมีการจัดการเรียนการสอนแบบเดียวกันกับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา วันที่ 1 มิถุนายน 2542 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศเปลี่ยนชื่อ “โรงเรียนสว่างศึกษา” เป็น “โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” ได้ดำเนินการรับนักเรียนและเปิดทำการเรียนการสอน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2542 เป็นต้นมา ปัจจุบันโรงเรียนมีพื้นที่ 57 ไร่ 2 งาน 84ตารางวา",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา แต่เดิมชื่อโรงเรียนนครราชสีมาวิทยาลัยก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. 2538โดยอยู่ภายใต้สังกัดกรมสามัญศึกษา เป็นโรงเรียนที่สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของจังหวัดนครราชสีมาและเพื่อรองรับการสร้าง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตามโครงการของกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนในต่างจังหวัดมีคุณภาพทัดเทียมกับโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในกรุงเทพมหานคร จึงประกาศจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาขึ้นทั้ง 3 แห่งได้แก่\n1.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคใต้(โรงเรียนศรีวิชัย อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช)\n2.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ(โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก)\n3.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(โรงเรียนนครราชสีมาวิทยาลัย อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา)\nในโครงการของกระทรวงศึกษาธิการนั้น ได้เกิดความล้มเหลวเนื่องจากงบที่จะใช้พัฒนาการศึกษาและพัฒนาโรงเรียน(ในช่วงก่อนจะมีโครงการนี้ขึ้น)ได้ไปเข้าโรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย โรงเรียนสุรนารีวิทยา โรงเรียนบุญวัฒนา ฯลฯ จนหมด และด้วยเหตุผลเกี่ยวกับผลประโยชน์ไม่ลงตัวของงบประมาณระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมากับกรมสามัญศึกษา เนื่องจากทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาจัดสรรงบประมาณแก่โรงเรียนมากกว่ากรมสามัญศึกษาทางโรงเรียนนครราชสีมาวิทยาลัยจึงขอเข้าสังกัดขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ทางกระทรวงศึกษาธิการจึงปรับงบในการที่จะสร้างโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาไปที่โรงเรียนสว่างศึกษา อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร โรงเรียนจึงยังใช้ชื่อโรงเรียนนครราชสีมาวิทยาลัยในฐานะโรงเรียนมัธยมประจำตำบลโคกกรวด จนกระทั่งปีพ.ศ. 2552",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้าอุตรดิตถ์ เป็นโรงเรียนในเครือข่ายเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า แห่งที่ 7 เดิมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้าอุตรดิตถ์ มีชื่อว่า โรงเรียนอุตรดิตถ์วิทยา \" (ก่อตั้ง พ.ศ. 2522) \" โดยคณะกรรมการบริหารโรงเรียน, คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า รวมทั้งคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 ได้เห็นชอบให้โรงเรียนอุตรดิตถ์วิทยา เปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็น \"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า อุตรดิตถ์\" เมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551 ",
"โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ พร้อมกันนี้ พระองค์ได้พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อโรงเรียนมัธยมศึกษาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชินีนาถของกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ว่า \"โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ\" และเนื่องจากในระยะเริ่มต้นของการก่อตั้งโรงเรียนนั้น กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เป็นโรงเรียนพี่เลี้ยง และผู้ประสานงานการจัดตั้งโรงเรียน โดยความหมายของชื่อโรงเรียนนั้น สามารถแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่\nดังนั้น นาม \"นวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ\" จึงมีความหมายว่า โรงเรียนสาขาเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อถวายแด่พระราชินีแห่งพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9http://www.nawamintriampat.ac.th เว็บไซต์โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ",
"ต่อไปนี้เป็นรายชื่อโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษแบ่งตามภาค ตามจำนวนนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา ไม่นับ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ จังหวัดนครปฐม โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ จังหวัดพิษณุโลก โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสกลนคร ซึ่งมีเฉพาะนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย",
"โรงเรียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 โดย ดร.อุดม พรมพันธ์ใจ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในขณะนั้น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ ถือเป็นโรงเรียนในเครือข่ายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ แห่งที่ 9",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ได้รับการประกาศจัดตั้ง จากกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521 มีชื่อเดิมว่า \"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา 2\" (ตัวย่อ คือ ต.อ.2) เพื่อให้เป็นสาขาโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ทั้งนี้ คุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้ขอที่ดินจากท่านเจ้าสัวอื้อจือเหลียง ซึ่งต่อมา นายยอดยิ่ง เอื้อวัฒนสกุล บุตรชาย ได้เป็นผู้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 38 ไร่ ให้กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสร้างโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เมื่อคุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู ไปดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสามัญศึกษา คุณหญิงสุชาดา ถิระวัฒน์ ย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ท่านได้ดำเนินการจัดตั้งสาขา โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาขึ้น รวมทั้งได้วางแผน และ ขออนุมัติก่อสร้างอาคารต่างๆ",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เป็นโรงเรียนสหศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรุงเทพมหานคร เขต 2 โรงเรียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2521 โดยคุณหญิงบุญเลื่อน เครือตราชู และคุณหญิงสุชาดา ถิระวัฒน์เป็นผู้บริหารโรงเรียนคนแรก ได้ร่วมจัดกีฬา 5 พระเกี้ยว ได้แก่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนบดินทรเดชา โรงเรียนหอวัง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า",
"ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้เชิญผู้แทนมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มาประชุม และชี้แจงว่าจำเป็นจะต้องอนุโลมตามเสียงของประชาชน แต่จะตั้งชั้นมัธยมปีที่ 7 - 8 ขึ้นก็ไม่ได้เพราะขัดกับแผนการศึกษา จึงจะให้ขยายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแทน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่มีอยู่ก็ให้จัดต่อไป แต่จะให้โรงเรียนรัฐบาลแห่งอื่นและโรงเรียนราษฎร์เปิดสอนได้ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยนั้น เมื่อโอนมาอยู่ทางกรมสามัญศึกษาได้ก็ให้โอนมา กระทรวงจะเป็นผู้จัดสอบประโยคเตรียมอุดมศึกษาและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ จะจัดสอบคัดเลือกผู้ที่จะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยอีกชั้นหนึ่ง ในการประชุมครั้งต่อมา กำหนดให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยรับนักเรียนใหม่ในปีการศึกษา พ.ศ. 2489 จำนวน 100 คนและกำหนดจะให้เปิดสอนชั้นเตรียมอุดมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลในจังหวัดพระนคร ธนบุรี พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ สงขลาและอุบลราชธานี จังหวัดละ 2 โรงเรียน",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ขอนแก่น เริ่มแรกก่อตั้งโดยใช้ชื่อว่าโรงเรียนดอนหันวิทยายน ในปีพ.ศ. 2526 ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนท่าพระวิทยายน จนกระทั่งในวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 โรงเรียนท่าพระวิทยายนก็ได้เข้าร่วมเป็นโรงเรียนในกลุ่มโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ขอนแก่น เช่นในปัจุบัน",
"ตลอดระยะเวลาที่คุณหญิงบุญเลื่อนเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้พัฒนาโรงเรียนในทุกด้าน เช่น ด้านอาคารสถานที่ มีการก่อสร้างตึกคุณหญิงหรั่ง กันตารัติ มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ของโรงเรียน ด้านการปกครอง มีคำพูดอบรมนักเรียนที่เป็นตำนานตราบทุกวันนี้คือ \"นักเรียนเตรียมฯ มองข้างหลังก็รู้ว่าเป็นนักเรียนเตรียมฯ\" ด้านวิชาการ มีการบริหารจัดการให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเป็นแบบฉบับแก่โรงเรียนอื่นๆ เช่น ช่วยนิเทศการสอน ช่วยอบรมครูบรรจุใหม่ และได้ขยายเครือข่ายของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยจัดตั้งโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) และริเริ่มจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ๒ (โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการในปัจจุบัน) รวมถึงริเริ่มก่อตั้งสมาคมผู้ปกครองและครูเตรียมอุดมศึกษา สมาคมนักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษา และมูลนิธินักเรียนเก่าเตรียมอุดมศึกษา",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ร้อยเอ็ด เดิมชื่อ โรงเรียนพลาญชัยพิทยาคม ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำจังหวัดแห่งที่ 3 ของจังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 15 บ้านพลาญชัย ตำบลหนองแวง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และ มัธยมศึกษาตอนปลาย แบบสหศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา เขต 27 (ร้อยเอ็ด)\nได้เข้าร่วมเป็นโรงเรียนในเครือเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 และได้รับการอนุมัติให้เปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนพลาญชัยพิทยาคม เป็น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ร้อยเอ็ด จัดเป็นโรงเรียนในเครือ \"อัษฎเตรียมพัฒน์\" ในลำดับที่ ๑๗ ",
"ทำไมจึงให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาฯ ผูกขาดการเข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโรงเรียนเดียว ขอให้โรงเรียนอื่น ๆ เปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษาด้วยเถิด ชั้นมัธยมปีที่ 8 ก็เคยสอนมาแล้ว ถ้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาสอนดี นักเรียนเตรียมก็คงจะเข้ามหาวิทยาลัยได้หมดตามเดิมไม่เดือดร้อนอะไร อยากให้นักเรียนที่จบมัธยมปีที่ 6 ได้เรียนต่อเพื่อจะได้มีความรู้สูงขึ้นมากกว่าที่จะให้ได้เข้ามหาวิทยาลัย ไม่ให้เข้าก็ไม่เป็นไร",
"รายนามกลุ่มโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาลำดับชื่อสถาบันอักษรย่อวันที่ก่อตั้งวันที่ร่วมเครือข่ายสถานะที่ตั้ง1.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาต.อ. TUประกาศจัดตั้งเลขที่ 227 ถนนพญาไท แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 103302.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคใต้ต.อ. TUSเปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนศรีวิชัยเลขที่ 1 หมู่ 6 ตำบลนาพรุ อำเภอพระพรหม จังหวัดนครศรีธรรมราช 800003.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือต.อ. TUNEเปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนสว่างศึกษาเลขที่ 121 หมู่ที่ 12 ตำบลสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร 471104.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือต.อ. TUNเปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนพิษณุโลกศึกษาเลขที่ 289 หมู่ 5 ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก 65000",
"พิธีประดับพระเกี้ยว เป็นพิธีการที่สำคัญของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา เนื่องจากพระเกี้ยวเป็นพิจิตรเลขาประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน ดังนั้นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา จึงได้มีการอัญเชิญองค์พระเกี้ยวมาใช้สำหรับเป็นเข็ม สำหรับประดับที่หน้าอกเสื้อนักเรียนด้านขวาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา โดย",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้ เดิมชื่อ โรงเรียนศรีวิชัย ประกาศจัดตั้งเมื่อ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2538 โดย นายสัมพันธ์ ทองสมัคร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้น จัดตั้งขึ้นเพื่อเตรียมนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายในภาคใต้ เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาโดยเฉพาะ มีจัดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6) ซึ่งได้รับบริจาคที่ดินจาก บริษัท ซิตี้แลนด์ กรุ๊ป จำกัด จำนวน 46 ไร่ 1 งาน 28.5 ตารางวา ณ หมู่ที่ 6 ตำบลนาพรุ อำเภอพระพรหม จ. นครศรีธรรมราช \nใช้อักษรย่อ ศ.ว. และมีตราประจำโรงเรียนเป็นพระมหาธาตุเปล่งรัศมี 19 แฉก ซึ่งเป็นพระมหาธาตุประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช \nต่อมาในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2540 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนศรีวิชัย เป็น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้ โดยนายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในสมัยนั้น เพื่อสนองนักเรียนใน 14 จังหวัดภาคใต้ ให้มีโอกาสเท่าเทียมกับนักเรียนในกรุงเทพมหานคร โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้ได้รับการสนับสนุนทางด้านวิชาการ และหลักสูตรจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เพื่อเตรียมนักเรียนเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาโดยเฉพาะ",
"เนื่องจากนักเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการมีจำนวนมากเกินไป ทางโรงเรียนจึงลงความเห็นว่าควรที่จะสร้างโรงเรียนในเครือข่ายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการเพิ่มขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ พอดีกับที่นายอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล ได้บริจาคเนื้อที่จำนวน 19 ไร่ให้ทางโรงเรียน จึงนำที่ดินนั้นมาสร้างเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสุวรรณภูมิ",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา จะเปิดรับสมัครนักเรียนที่จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 (จบ ม.3) เข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (ม.4) เป็นประจำทุกปี โดยผู้ที่ต้องการสมัครเข้าศึกษาต่อจะต้องยื่นใบสมัครว่าประสงค์ที่จะเข้าศึกษาต่อในแผนการเรียนใดของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา โดยการเข้าศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้องเรียนปกติมี 3 แบบ",
"โรงเรียนพิษณุโลกศึกษาได้ขยายตัวเพื่อรองรับนักเรียน ทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างรวดเร็ว ต่อมากระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายในการจัดการศึกษาให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศไทยให้มีคุณภาพทัดเทียมกัน แม้จะอยู่ส่วนใดของประเทศไทยก็ตาม อีกทั้งกรมสามัญศึกษา มีนโยบายที่จะขยายโอกาสทางการศึกษาและต้องการที่จะมีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาอยู่ในทุกภาคของประเทศไทย ทำให้เกิดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.สกลนคร โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช และมีดำริที่จะตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ที่ จ.พิษณุโลก",
"ต่อมาในวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ลำลูกกา เป็น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ปทุมธานี ใช้อักษรย่อ ต.อ.พ.ปท. เพื่อสนองนโยบายของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ที่ต้องการให้มีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ประจำจังหวัดปทุมธานี ",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประเภทสหศึกษา เริ่มก่อตั้งโดย กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีนายเสียมทอง หวังเจริญทรัพย์ จากบริษัทจตุรมิตรแลนด์ บริจาคที่ดิน 25 ไร่ ในหมู่บ้านเรสซิเด้นท์ปาร์ค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นสถานที่สร้างโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ซึ่งมีนางวิเชียร สามารถ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในขณะนั้น รักษาการผู้บริหารโรงเรียนสาขา ดำเนินการรับนักเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ( สาขา ) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 รุ่นแรก ในปีการศึกษา 2537 โดยมีครู-อาจารย์ จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ มาช่วยสอนในอาคารชั่วคราวที่บริษัท จตุรมิตรแลนด์สร้างให้ในพื้นที่ชั่วคราว ของหมู่บ้านเรสซิเด้นท์ปาร์ค กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สุวินทวงศ์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2538 โดยมีนางมาลี สุดสาคร ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ ",
"ในปี พ.ศ. 2490 คุณหญิงบุญเลื่อนกลับมาประจำโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โรงเรียนอื่นๆ สามารถเปิดชั้นเตรียมอุดมศึกษาได้ ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาขาดแคลนครูทั่วประเทศ ด้วยเหตุที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษามีอาจารย์ซึ่งมีความสามารถอยู่เป็นจำนวนมาก คณะรัฐมนตรีจึงได้อนุมัติให้จัดตั้งแผนกฝึกหัดครูมัธยมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา (ฝ.ค.ต.อ.) ขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2490 โดยคุณหญิงบุญเลือนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการอำนวยการจัดการฝึกหัดครูมัธยมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา",
"กรมสามัญศึกษาได้ประกาศ เปลียนชื่อโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา2 เป็น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ และได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุญาต ให้ใช้ตราพระเกี้ยวเป็นสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน เช่นเดียวกับ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และมีปรัชญาของโรงเรียนคือ \"ความเป็นเลิศทางวิชาการ และคุณธรรม\" และคติพจน์ ประจำโรงเรียนคือ สัจจัญจะ ปัญญาจะ นรานัง วุฒิ หมายถึง ซื่อสัตย์และปัญญา พาให้เจริญ ทั้งนี้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการได้จัดตั้งโรงเรียนในเครือที่ไม่ได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียน คือ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ สุวรรณภูมิ",
"ถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ทางมหาวิทยาลัยและโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจึงได้ร่วมกันพิจารณาที่จะเปิดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาให้ได้ เพราะทนปิดต่อไปไม่ไหวแล้ว กรมสามัญศึกษาจะเอื้อเฟื้อให้ยืมสถานที่ในโรงเรียนบางแห่ง สภามหาวิทยาลัยได้ประชุมเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ตกลงให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาไปเปิดสอนที่โรงเรียนมัธยมวัดไตรมิตร โรงเรียนมัธยมวัดราชาธิวาส โรงเรียนศึกษานารี โดยจัดให้สองสองผลัด นักเรียนหญิงตอนเช้านักเรียนชายตอนบ่าย แต่ยังไม่ทันดำเนินการ ทหารแจ้งว่าต้องการใช้โรงเรียนศึกษานารี จึงต้องเปลี่ยนใหม่ ได้โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒารามมาแทน โรงเรียนเจ้าของสถานที่เอื้อเฟื้อเป็นอย่างมากโดยจัดนักเรียนของตนไปเรียนเป็นผลัดบ่าย ณ โรงเรียนอื่นแทน",
"เนื่องจาก นายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาในขณะนั้น เคยเข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษามาก่อน จึงมีนโยบายที่จะจัดตั้งโรงเรียนที่เปิดสอนเฉพาะระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและมีคุณภาพเช่นเดียวกับโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อโรงเรียนนครราชสีมาวิทยาลัย เป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา(โดยขอเป็นโรงเรียนในเครือโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า)ขึ้นในวันที่ 9 มกราคม 2552 และยังมีนโยบายมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเยาวชนด้านการศึกษา จึงผลักดันให้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา ให้เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายของจังหวัดนครราชสีมา ที่เน้นการจัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และความสามารถทางภาษา \nต่อมาในช่วงเวลาที่ ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ต้องการให้ทางโรงเรียนเปิดสอนแบบโรงเรียนมัธยมทั่วๆไป(เปิดสอนมัธยม1-6) จึงมีนโยบายรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้น ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์เดิมที่มีอยู่ ทำให้นักเรียนของโรงเรียนเกิดความไม่พอใจในบางส่วนกับนโยบายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เสียงส่วนนั้นไม่สามารถแก้ไขนโยบายที่กำลังจะเกิดขึ้นได้(โดยยังไม่มีหมายกำหนดเริ่มโครงการที่แน่นอน) และยังมีนโยบายที่จะเปิดสาขาวิชา ศิลปศาสตร์-การกีฬา อีก1ห้องในทุกระดับชั้นในปีการศึกษา2559 \nในปี พ.ศ. 2558 โรงเรียนเริ่มเกิดปัญหาการศึกษาขึ้น เพราะมีสาเหตุจากการเปลี่ยนหลักสูตรโดยให้หลักสูตรแต่เดิมมีความเข้มข้นน้อยลง จากสาเหตุดังกล่าว ทำให้ผลสอบโอลิมปิควิชาการ(ในวิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และดาราศาสตร์)จากจำนวนประมาณ36-38คน(ในปีพ.ศ. 2557)เหลือเพียง6-7คน(ในปีพ.ศ. 2558)(ในการสอบคัดเข้าค่ายที่1ของมูลนิธิสอวน.)เท่านั้น\nในด้านการเรียน เนื่องจากร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ได้ต้องการให้เปิดห้องกีฬาขึ้น ซึ่งทางโรงเรียนเห็นข้อเสียหลายประการจึงคัดค้าน ดังกล่าว ทำให้ทางโรงเรียนเริ่มมีข้อขัดแย้งกับสังกัดของตนมากขึ้น ซึ่งผิดกับในยุคสมัยของนายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก ซึ่งได้ชื่อว่าจุดพัฒนาของโรงเรียนซึ่งทำให้โรงเรียนมีความเด่นทางวิชาการดังที่ได้เสนอจัดตั้งโรงเรียนเครือข่ายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาในยุคนั้น\nจากนั้น ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดจึงทำการย้ายผู้อำนวยการไพศาล มีสวัสดิ์ไปโรงเรียนปากช่อง2 แล้วให้ผู้อำนวยการสมยศ ระย้าอินทร์มาเป็นผู้อำนวยการแทน เพราะผู้อำนวยการไพศาลไม่สามารถสนองนโยบายดังที่กล่าวไปและนโยบายรับบุตรหลานของข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาได้ โดยให้เหตุผลว่าคอร์รัปชั่น แต่ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไม่ตรวจพบทุจริตแต่อย่างใด จึงให้เหตุผลว่าโรงเรียนไม่มีนโยบายเก็บค่าเล่าเรียน และไม่มีนโยบายจัดตั้งสมาคมผู้ปกครองนักเรียนแต่อย่างใด แต่ในสมัยของผู้อำนวยการสมยศ โครงการห้องเรียนกีฬาไม่ได้เริ่มแต่อย่างใด แต่เริ่มโครงการรับบุตรหลานข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด(กำหนดจำนวนรับแน่นอน)แล้ว และได้เกิดปัญหาความไม่พอใจในการกระทำขององค์การบริหารส่วนจังหวัดของกลุ่มผู้ปกครองนักเรียนบางกลุ่มขึ้น บวกกับการบริหารที่เป็นไปได้ลำบากจากการที่ไม่สามารถเก็บเงินค่าเล่าเรียนโดยตรงได้ เนื่องจากนางระนองรักษ์ สุวรรณฉวีกล่าวว่าไม่มีการเก็บค่าเล่าเรียนไดๆทั้งสิ้น จึงไม่สามารถที่จะนำเงินมาบริหารจัดการได้ดีเท่าที่ควร และการกระทำเป็นไปโดยไม่โปร่งใส เลยเกิดปัญหาในปีการศึกษา2559ตลอดปีการศึกษา และในปัจจุบันก็ได้ย้ายผู้อำนวยการสมยศ ระย้าอินทร์ไปยังโรงเรียนพระทองคำ แล้วให้ผู้อำนวยการเชาวลิต เกิดกลางมาบริหารโรงเรียนต่อในปี พ.ศ.2560",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุบลราชธานี เดิมคือโรงเรียนศรีปทุมพิทยาคาร เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่และเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำจังหวัดอุบลราชธานี แห่งที่ 3 ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เปิดสอนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น และ มัธยมศึกษาตอนปลาย แบบสหศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา เขต 29 (อุบลราชธานี - อำนาจเจริญ) ได้เข้าร่วมเป็นโรงเรียนในเครือเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 และได้รับการอนุมัติให้เปลี่ยนชื่อจาก โรงเรียนศรีปทุมพิทยาคาร เป็น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุบลราชธานี จัดเป็นโรงเรียนในเครือเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในลำดับที่ 15ธรรมจักร คือ คุณธรรม \nรัศมี คือ ความเจริญงอกงาม \nดอกบัว คือ จังหวัดอุบลราชธานี\nแดง หมายถึง ความเข้มแข็งจริงจัง\nน้ำเงิน หมายถึง ความยิ่งใหญ่ อดทน",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ในชื่อโรงเรียนประชาราษฎร์อุปถัมภ์ และได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 ดังนั้นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ รัชดา จึงถือเอาวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 เป็นวันสถาปนาโรงเรียนและในวันดังกล่าวของทุก ๆ ปี จะมีการจัดงานและกิจกรรมต่าง ๆ เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียน อาทิเช่น การทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียน , การบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียน ,การบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,การแจกเหรียญที่ระลึกเนื่องในวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียน เป็นต้น",
"ฝ่ายนิตยสาร ชมรมนิเทศศิลป์ จัดตั้งขึ้นเพื่อผลิตนิตยสารเกี่ยวกับโรงเรียนซึ่งยึดนำโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเป็นหลัก ผลิตนิตยสารออกมาให้เราได้ชมกันอยู่เนืองๆ ในชื่อ ZODOTU ข้อมูลและเนื้อหา สาระต่างๆ จึงเกี่ยวกับนักเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แต่นิตยสารก็ยังคงคุณภาพและความน่าเชื่อถือเอาไว้ ไม่ได้เดินเอียงหรือ เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เนื้อหาด้านในมีทั้งสาระและความบันเทิงอยู่ด้วยกัน ทำให้ผู้อ่านรู้สึกเพลิดเพลินเหมือนได้อ่านนิตยสารบันเทิงทั่วไป แต่ในส่วนของความรู้ทาง วิชาการก็ยังเป็นสิ่งที่ให้เป็นประโยชน์กับนักเรียน แต่เมื่อได้อ่านแล้วจะไม่รู้สึกตึงเครียดเหมือนกับนิตยสารทางวิชาการทั่วไป นับได้ว่าเป็นสเน่ห์อีกอย่างหนึ่งของนิตยสาร ZODOTU"
] |
บริษัทซัมซุงก่อตั้งขึ้นเมื่อใด ? | [
"ซัมซุงได้ก่อตั้งโดย ลี เบียงชอล ในปีพ.ศ. 2493 ในช่วงแรกของการทำธุรกิจนั้นได้เน้น ไปที่การส่งออกสินค้า, แปรรูปอาหาร, สิ่งทอ ซัมซุงเริ่มเข้ามาในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ในปลายปี พ.ศ. 2503 หลังจากการจากไปของประธานผู้ก่อตั้ง ลี เบียงชอล ทำให้ซัมซุงได้แยกกลุ่มธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม คือ Samsung Group, Shinsegae Group, CJ Group และ Hansol Group และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 มา ซัมซุงได้เป็นที่รู้จักเป็นสากลมากขึ้นจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือที่เป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัทในปัจจุบัน"
] | [
"อี ได้ก่อตั้งบริษัทการค้าซัมซุงขึ้นในปี พ.ศ. 2481 ในเมืองแทกู หลังจากนั้นก็ได้ก่อตั้งบรัษัทซัมซุงโปรดักส์ บริษัทสิ่งทอ และ บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดระยะเวลาที่เค้าได้ทำคุณประโยชน์นานัปการให้กับประเทศเกาหลีใต้ เขาจึงกลายเป็นต้นแบบทีมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อแวดวงธุรกิจในยุคสมัยนั้น ในปี พ.ศ. 2504 เขาได้รับการเสนอชื่อและได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมนักธุรกิจ ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิวัฒนธรรมซัมซุงขึ้น ด้วยแนวคิดที่ต้องการจะอนุรักษ์และรับผิดชอบต่อสังคม",
"แทจ็อนซัมซุงไฟร์บลูแฟงส์ (; )เป็นทีมวอลเลย์บอลระดับอาชีพของประเทศเกาหลีที่ได้รับการก่อตั้งในปี ค.ศ. 1995 และเปลี่ยนเป็นระดับอาชีพในปี ค.ศ. 2005 ทีมนี้ตั้งอยู่ ณ เมืองแทจ็อนและเป็นสมาชิกแห่งสหพันธ์วอลเลย์บอลเกาหลี (KOVO) โดยมีสนามเหย้าของสโมสรแห่งนี้คือ ชุงมู ยิมเนเซียม ในแทจ็อน",
"อี บย็อง-ช็อล (; ; 12 กุมภาพันธ์ 2453 — ) เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทซัมซุงบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศเกาหลีใต้ อี บย็อง-ช็อล เกิดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2453 ในเมืองอึย-รย็อง มนฑลคยองซังนัม",
"บริษัทเช่น ฮุนไดมอเตอร์ ซัมซุงแอลซีดี และซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์มีโรงงานอยู่ที่เมืองอาซัน และมีนิคมอุตสาหกรรมทั้งหมด 14 แห่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานประกอบรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และโรงงานอื่น ๆ",
"ซัมซุง เอสจีเอช-ที409เป็นโทรศัพท์ประเภทฝาพับ นำเสนอโดย T-Mobile (สหรัฐอเมริกา) ในปี 2550 ที่ผลิตบริษัทซัมซุง",
"ซัมซุงคาดว่า ปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 เอส 3 จะถูกวางขายบน 296 ผู้ให้บริการเครือข่ายใน 145 ประเทศ[4] และมากกว่า 10 ล้านที่ถูกขายไปแล้ว[129] ชิน จอง-กยุน ประธานแผนกการสื่อสารของซัมซุง ได้ยืนยันว่าในวันที่ 22 กรกฎาคม เอส 3 ถูกขายไปแล้ว 10ล้านเครื่อง[130] ตามการประเมินโดย ยูบีเอส (UBS) บริษัททางการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ ซัมซุงวางขายเอส 3 จำนวน 5–6ล้านเครื่อง ในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2555 และ 10–12ล้านเครื่อง ต่อไตรมาส ในช่วงเวลาที่เหลือของปี และยิ่งกว่านั้น บีเอ็นพี ปารีบาส (BNP Paribas) บริษัททางการเงินในปารีส กล่าวว่าเอส 3 นั้นจะถูกขาย 15ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 3 ของปี พ.ศ. 2555[131] ส่วน โนมุระ (Nomura) บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินในประเทศญี่ปุ่น คิดว่าน่าจะถูกวางขายมากถึง 18ล้านเครื่อง[132] และเอส 3 จะถูกขาย 40ล้านเครื่องภายในสิ้นปี[133] เพื่อความต้องการสูง ซัมซุงจำเป็นที่ต้องจ้างพนักงาน 75,000 คน และโรงงานในประเทศเกาหลีใต้นั้นสามารถผลิตได้สูงสุด 5ล้านเครื่องต่อเดือน[119][134]",
"ซัมซุง กาแลคซี อี5 เป็นสมาร์ตโฟนประเภทแอนดรอยด์ ผลิตโดยบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ วางจำหน่ายในช่วงเดือนมกราคม 2015",
"การคาดเดาของผู้คนและเว็บไซต์ต่าง ๆ ก่อนจะที่จะมีการเปิดตัวหลายเดือนก่อนหน้า ซึ่งมีข่าวที่ค่อนข้างมากพอสมควร ก่อนจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 ก่อนหน้านั้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ในงานโมบายล์เวิลด์คองเกรส ในเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน มีข่าวลือออกมาก่อนแล้วว่า จะใช้หน่วยประมวลผลควอด-คอร์ 1.5จิกะเฮิรตซ์ ส่วนจอจะมีความละเอียด 1080p (1,920×1,080 พิกเซล) และมีกล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล และใช้จอแสดงผล จอสัมผัส เอชดี ซูเปอร์อโมเลดพลัส[33][34] ส่วนข่าวลืออื่น ๆ นั้นก็รวมไปถึง แรม 2จิกะไบต์, พื้นที่เก็บข้อมูล 64จิกะไบต์, 4 จี แอลทีอี, จอขนาด 4.8 นิ้ว, กล้องหลัก 8 ล้านพิกเซล และความหนาของเครื่อง 9 มิลลิเมตร[33][34] ซัมซุงได้ยืนยันถึงการผลิตรุ่นต่อของ กาแลคซีเอส 2 ในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555 แต่ยังไม่ระบุถึงชื่อทางการ จนในช่วงปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 โรเบิร์ต ยี่ รองประธานอาวุโสของบริษัทซัมซุง ได้ยืนยันว่ามันจะมันจะมีชื่อว่า \"ซัมซุง กาแลคซีเอส 3\" (Samsung Galaxy S III)[35][36]",
"ตัวเครื่องของเอส 8 และเอส 8+ ได้ใช้แบตเตอรีที่ไม่สามารถถอดได้ขนาด 3000 และ 3500 mAh ตามลำดับ ซึ่งซัมซุงได้กล่าวไว้ว่าได้ใช้เวลาปรับปรุงและทดลองแบตเตอรีสำหรับรุ่นเหล่านี้นานกว่ารุ่นก่อน ๆ ที่ผ่านมา กาแลคซีเอส 8 รองรับ AirFuel Inductive (สมัยก่อนคือ PMA) และมาตรฐานการชาร์จไร้สาย Qi สืบเนื่องจากเหตุการณ์การเรียกคืนของซัมซุง กาแลคซี โน้ต 7 ซัมซุงกล่าวในงานแถลงข่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะควบคุมคุณภาพและขั้นตอนการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวดมากขึ้นในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทในอนาคต",
"คดีระหว่างบริษัทแอปเปิลกับบริษัทซัมซุงอิเล็คทรอนิกส์ จำกัด () เป็นคดีในศาลแรกในชุดที่กำลังดำเนินอยู่ระหว่างบริษัทแอปเปิล กับบริษัทซัมซุงอิเล็คทรอนิกส์ จำกัด ว่าด้วยแบบผลิตภัณฑ์สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ ทั้งสองบริษัทเป็นผู้ผลิตสมาร์ตโฟนขายเกินครึ่งทั่วโลก ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 ในฤดูใบไม้ผลิ พ.ศ. 2554 แอปเปิลเริ่มฟ้องร้องซัมซุงในคดีการละเมิดสิทธิบัตร ขณะที่แอปเปิลกับโมโตโรล่าโมบิลิตีได้มีการฟ้องร้องมาแล้วก่อนหน้านี้ การฟ้องร้องสิทธิบัตรเทคโนโลยีในหลายชาติของแอปเปิลได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ \"สงครามสิทธิบัตรอุปกรณ์เคลื่อนที่\" ซึ่งเป็นการฟ้องร้องอย่างกว้างขวางในการแข่งขันอย่างดุเดือดในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ผู้บริโภคของโลก",
"ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ต () เป็นชุดของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตระดับสูงที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ ผลิตและจัดจำหน่ายโดยบริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ ซึ่งมือถือรุ่นนี้มีจุดประสงค์ที่มุ่งหลักไปทางปากกาคอมพิวเตอร์ โดยซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ตทุกเครื่องประกอบด้วยปากกาสไตลัส และสามารถรองรับแรงกดปากกาได้ด้วย ซัมซุง กาแล็คซี่ โน้ตทุกเครื่องยังมีซอฟต์แวร์ที่มีคุณสมบัติรองรับปากกาสไตลัสได้ เช่น note-taking และ digital scrapbooking และมีมัลติสกรีนด้วย",
"ซัมซุงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดการจ้างงานมากที่สุดในเมือง ความจริงแล้วซัมซุงมีโรงงานหลักอยุ่ที่โซล แต่ในช่วงเริ่มต้นของสงครามเกาหลี สิ่งของหลายอย่างของซัมซุงได้รับความเสียหาย ผู้ก่อตั้ง อี บย็อง-ช็อล (이병철) ได้ฝืนทำธุรกิจอีกครั้งในปี พ.ศ. 2494 ส่วนซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ได้ก่อตั้งที่เมืองซูว็อนในปี พ.ศ. 2512 และปัจจุบันได้เป็นสำนักงานใหญ่และโรงงานอุตสาหกรรมกลางใจเมือง ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆก็ประกอบด้วยเอสเค, ซัมซุงอิเล็กทริกส์, ซัมซุงแอลอีดี, ซัมซุงเอสดีไอและอื่นๆอีกมากมาย",
"ซัมซุงแอพ () เป็นร้านค้าแอพลิเคชันสำหรับมือถือซัมซุงและผู้ใช้โทรทัศน์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 2009 หลังจากที่บริษัทได้รับการวางจำหน่ายของ ซัมซุงเวฟสมาร์ตโฟน",
"ทัชวิซ (หรือ ซัมซุง ทัชวิซ) เป็นส่วนติดต่อประสานกับผู้ใช้ สร้างและพัฒนาโดยบริษัทซัมซุง อิเล็คทรอนิกส์ มีคุณสมบัติเป็นส่วนติดต่อประสานกับผู้ใช้ในระบบสัมผัส ทัชวิซนั้นใช้งานได้เฉพาะบนอุปกรณ์ซัมซุง บางครั้งทัชวิซมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอีกหนึ่งระบบปฏิบัติการ ทัชวิซสามารถพบเห็นได้ในสมาร์ตโฟน ฟีเจอร์โฟนและแท็บเล็ตจากซัมซุง และไม่สามารถขอรับใบอนุญาตจากภายนอกได้ ทัชวิซเวอร์ชันแอนดรอยด์ยังมาพร้อมกับ Galaxy Apps ซึ่งเป็นร้านค้าแอปพลิเคชันที่ซัมซุงทำเองด้วย",
"ซัมซุง กาแลคซี () เป็นชุดของ สมาร์ตโฟน ที่ออกแบบและผลิตโดยบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ โดยผลิตภัณฑ์ก็มีชุดของซัมซุง กาแลคซีเอส ที่เป็นสมาร์ทโฟนที่มีความฉลาดสูงสุด, ซัมซุง กาแลคซี แท็บ ที่เป็นแท็บเล็ต, ซัมซุง กาแลคซี โน้ต เป็นแฟบเล็ตที่มีฟังก์ชันปากกาสไตลัสเพิ่มเข้ามา และซัมซุง กาแลคซี เกียร์ ที่เป็นนาฬิกาอัจฉริยะ",
"หลังจากมีการเชิญผู้สื่อข่าวเข้าร่วมงานในช่วงกลางเดือนเมษายน ซัมซุงได้ทำการเปิดตัวกาแลคซีเอส 3 ในระหว่างงานซัมซุงโมบายล์อันแพ็ก 2012 (Samsung Mobile Unpacked 2012) ที่ เอิร์ลคอร์ตเอ็กซ์ฮีบีชันเซ็นเตอร์ ใน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 แทนที่จะมีการเปิดตัวในช่วงต้นปีในงานโมบายล์เวิลด์คองเกรส หรือ คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์โชว์[12][37] ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้เพราะซัมซุง ต้องการเวลาสำหรับความพร้อมในการเปิดตัว[38] การอธิบายในการเปิดตัวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดย ลอสเย เดอ รีเซ ผู้อำนวยการตลาดของบริษัทซัมซุงเบลเยียม[39]",
"เสียงตอบรับต่อซัมซุง กาแลคซีเอส 9 มีหลากหลาย จอห์น แมคแคนจาก \"เทคเรดาร์\" ชื่นชมการปรับปรุงของกล้องและตำแหน่งตัวสแกนลายนิ้วมือ แต่วิจารณ์ข้อจำกัดของ AR Emoji และภาพรวมที่คล้ายกับรุ่นก่อน \"คอมพิวเตอร์เวิลด์\" ให้การตอบรับในแง่บวกโดยกล่าวว่าเอส 9 \"ดีกว่ารุ่นก่อน\" แต่วิจารณ์ว่าฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาไม่ได้ทำให้รู้สึก \"ตื่นตาตื่นใจ\" แดน ไซเฟิร์ตจาก \"เดอะเวิร์จ\" ให้คะแนน 8.5 โดยกล่าวว่าพึงพอใจกับการออกแบบและประสิทธิภาพ แต่วิจารณ์เรื่องแบตเตอรี บิกซ์บีและการอัปเดตจากทางซัมซุง ไอฟิกซ์อิต บริษัททำสื่อสอนการซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้คะแนนซัมซุง กาแลคซีเอส 9 4 เต็ม 10 โดยกล่าวชมชิ้นส่วนภายในส่วนใหญ่ที่เป็นมอดูล แต่วิจารณ์ด้านหน้าและด้านหลังที่เป็นกระจก ซึ่งอาจเสียหายได้เมื่อเริ่มถอดชิ้นส่วน",
"ซัมซุง เอสจีอาร์-เอ1 () เป็นหุ่นยนต์ทหารคุ้มกันสัญชาติเกาหลีใต้ โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อแทนที่แรงงานมนุษย์ในเขตปลอดทหารที่ชายแดนประเทศเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ มันเป็นหุ่นยนต์ระบบประจำที่ฝ่ายป้องกันของบริษัทซัมซุงเทควินซึ่งเป็นบริษัทย่อยของซัมซุง",
"จนถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554 แอปเปิลและซัมซุงได้ฟ้องร้องกันแล้ว 19 คดีใน 9 ประเทศ เมื่อถึงเดือนตุลาคม ได้มีการฟ้องร้องเพิ่มในอีกประเทศหนึ่ง รวมเป็น 10 ประเทศ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 ศาลสหรัฐสั่งให้ประธานบริหารของแอปเปิลและซัมซุงเจรจาระงับคดีเพื่อจำกัดหรือแก้ไขข้อพิพาทด้านสิทธิบัตร จนถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 ทั้งสองบริษัทยังพัวพันอยู่ในกว่า 50 คดีทั่วโลก โดยทั้งสองมีการเรียกร้องค่าเสียหายหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐต่อกัน",
"บริษัทแอลจี อิเล็คทรอนิกส์ () หรือที่เรียกกันทั่วไปสั้น ๆ ว่า แอลจี (LG) เป็นบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในเกาหลีใต้ รองจากซัมซุง, ฮุนได และ กลุ่มเอสเค. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Yeouido-dong, ในโซล, ประเทศเกาหลีใต้. แอลจีประกอบธุรกิจใน 4 ส่วนด้วยกัน คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่, ความบันเทิงภายในบ้าน, เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน, เครื่องปรับอากาศ และการประหยัดพลังงาน แอลจีเป็นบริษัทผลิตโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก (ซัมซุงครองอับดับหนึ่ง) และยังเป็นบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่มียอดขายมากที่สุดอันดับห้า ในไตรมาสที่สอง ในปี พ.ศ. 2555 อีกด้วย",
"ซัมซุง เอสพีเอส-เอ็ม810 (รู้จักกันในชื่อ อินสติงต์ เอส30 หรือ อินสติงต์ มินิ) เป็นโทรศัพท์มือถือจากบริษัทซัมซุง ในรูปแบบของจอสัมผัส และมีปุ่มกด 3 ปุ่ม(จากซ้ายไปขวา - [ย้อนกลับ], [ปุ่มโฮม], และ [ปุ่มโทรศัพท์]) ซัมซุง อินสติงต์ วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2009",
"วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555 แอปเปิลดำเนินคดีฟ้องเบื้องต้นในศาลแขวง เขตตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา กับบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ โดยอ้างว่ากาแลคซีเอส 3 ได้ละเมิดสิทธิบัตรอย่างน้อย 2 อย่าง โดยขอให้ศาลรวมคดีเก่ากับซัมซุงด้วย (ดูเพิ่มที่ \"คดีระหว่างบริษัทแอปเปิลกับบริษัทซัมซุงอิเล็คทรอนิกส์ จำกัด\") และให้ศาลสั่งห้ามขายกาแลคซีเอส 3 ซึ่งจะมีการวางจำหน่ายในวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ในสหรัฐอเมริกา[40] แอปเปิลอ้างว่าการละเมิดข้อกล่าวหาจะทำให้เกิดอันตรายและไม่สามารถแก้ไขได้ในประโยชน์ทางการค้า[41] โดยซัมซุงทำการต่อต้านให้ศาลเห็นว่า \"กาแลคซีเอส 3 นั้นเป็นวัตกรรมที่โดดเด่น\" และอยากให้การวางขายในวันที่ 21 มิถุนายน เป็นไปตามแผนที่วางไว้[41] ในวันที่ 11 มิถุนายน ลูซี โก ผู้พิพากษาเห็นว่า ขอให้แอปเปิลนั้น เลิกคำร้องขอในการห้ามขายของกาแลคซีเอส 3 ในวันที่ 21 มิถุนายน[42]",
"บริษัทแพร่สัญญาณทงยาง หรือ ทีบีซี (; ) เป็นอดีตบริษัทที่ประกอบกิจการแพร่สัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ ตั้งแต่ พ.ศ. 2508 - 2523 โดยมี ลี เบียงชอล ผู้ก่อตั้งบริษัทซัมซุง เป็นผู้บริหาร",
"ชาร์ป คอร์ปอเรชั่น (; ) เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าข้ามชาติสัญชาติญี่ปุ่น มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ย่าน Abeno-ku ทางใต้ของโอซะกะ บริษัทก่อตั้งในปี ค.ศ. 1912 โดยใช้ชื่อบริษัทตามชื่อผลิตภัณฑ์ \"เอเวอร์-ชาร์ป\" เป็นดินสอกดที่ออกแบบโดย โทะกุจิ ฮะยะคะวะ (早川 徳次) ผู้ก่อตั้งบริษัท และวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1815 ปัจจุบันชาร์ป คอร์ปอเรชั่นเป็นผู้ผลิตเครื่องรับโทรทัศน์รายใหญ่อันดับสี่ของโลก รองจากซัมซุง แอลจี และโซนี่ ",
"สโมสรฟุตบอลซูว็อนซัมซุงบูลวิงส์ (수원 삼성 블루윙즈) เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศเกาหลีใต้ เล่นอยู่ในเคลีก ตั้งอยู่ที่เมืองซูว็อน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 เป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จสูงสุดทีมหนึ่งในเกาหลีใต้",
"ซัมซุง กาแลคซี วิน () หรือบางแห่งใช้ชื่อ \"กาแลคซีแกรนด์ควอทโตร\" () เป็นสมาร์ตโฟนที่พัฒนาโดยบริษัทซัมซุงอิเล็กทรอนิกส์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556 ซัมซุงกาแลคซีวินมีแกนรูปสี่เหลี่ยม Cortex-A5 ประมวลผล 1.2 GHz และ RAM 1 GB มีหน่วยความจำภายใน 8 GB การ์ดหน่วยความจำ micro-SD สูงสุดได้ถึง 32 GB อุปกรณ์ยังรองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน 2G และ 3G และการเชื่อมต่อไวไฟ รวมถึงระบบนำทาง A-GPS ด้วย Google Maps ระบบปฏิบัติการเครื่อง Android 4.1 (Jelly Bean)",
"ในวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ซัมซุงได้ทำการเปิดตัวซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร ภายใต้บริษัทซัมซุงแอปโพรฟฟอร์เอ็นเทอร์ไพรซ์ (Samsung Approved For Enterprise) หรือ เอสเอเอฟอี (SAFE) โดยมุ่งมั่นที่จะให้อุปกรณ์แอนดรอยด์สามารถใช้สำหรับพนักงานบริษัทในภาคเอกชนได้ หรือที่เรียกว่า Bring Your Own Device หรือการนำอุปกรณ์มาเอง[67] โดยเอส 3 รุ่นสำหรับองค์กรนี้สามารถรองรับ เออีเอส-256 (AES-256) ซึ่งเป็นการเข้ารหัส ชนิดหนึ่ง, เครือข่ายส่วนตัวเสมือน และ การจัดการโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึง ไมโครซอฟท์ เอ็กซ์เชนจ์ แอคทีฟซิงก์[68] โดยมีกำหนดการวางขายในประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 ซึ่งเป็นรุ่นสำหรับองค์กรที่คิดว่าน่าจะโดดเด่นโดยรีเสิร์ชอินโมชัน บริษัทผู้ผลิต แบล็คเบอร์รี หลังจากการปล่อยรุ่นสำหรับองค์กรในรุ่นกาแลคซี โน้ต, กาแลคซีเอส 2 และ กาแลคซี แท็บ ซึ่งเป็นแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์[68][69]",
"ซัมซุง หรือ ซัมซอง (อังกฤษ: Samsung ; เกาหลี: 삼성, ฮันจา: 三星, MC: Samseong, MR: Samsŏng, ภาษาเกาหลีอ่านว่า ซัม-ซอง) เป็นชื่อกลุ่มบริษัทแห่งหนึ่งจากประเทศเกาหลีใต้ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่โซล, ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งประกอบด้วยบริษัทย่อยจำนวนมาก และธุรกิจที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่อยู่ภายใต้แบรนด์ซัมซุง และเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้",
"หมวดหมู่:บริษัทของเกาหลีใต้ หมวดหมู่:ธุรกิจเครื่องใช้ในครัวเรือน หมวดหมู่:บริษัทที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2481 หมวดหมู่:ซัมซุง หมวดหมู่:บริษัทนานาชาติที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เกาหลีใต้"
] |
เทพพาหนะของพระนารายณ์ มีกี่ชนิด ? | [
"โดยปรกติ พระวิษณุ จะทรงประทับอยู่ที่เกษียรสมุทร โดยส่วนมากจะบรรทมอยู่บนหลังพญาอนันตนาคราช โดยมีพระชายาคือพระแม่ลักษมีมหาเทวี คอยฝ้าดูแลปรนิบัติอยู่ข้าง ๆ เสมอ พาหนะของพระวิษณุคือ พญาครุฑ"
] | [
"วัดพระธาตุดุม โบราณสถานแห่งนี้โดยลักษณะดั้งเดิมเป็นพระปรางค์ก่ออิฐ 3 หลังตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีร่องรอยของคูน้ำล้อมรอบเห็นได้ชัด ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ ปัจจุบันลักษณะคงเหลือเพียงพระปรางค์องค์เดียว สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยเดียวกับพระธาตุนารายณ์เจงเวง แต่องค์ปราสาทเล็กกว่าพบทับหลังทั้ง 4 ด้าน ด้านทิศเหนือเป็นภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ นอกจากนี้ยังมีภาพเทวดาทรงพาหนะเหนือหน้ากาลประกอบด้วยสัตว์ต่าง ๆ เช่น ช้าง สิงห์ และลายใบไม้ม้วน การกำหนดอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 16-17 ศิลปะเขมรแบบบาปวน",
"องค์รามเทพ คำว่า ราม มีรากฐานมาจากพระราม ที่หมายถึงพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระมหากษัตริย์ คำว่าเทพ ก็คือเทวดา นัยความหมายคือเป็นพระมหากษัตริย์ ที่เป็นสมมติเทพเมื่อองค์รามเทพเป็นพระทรงเมือง คำว่าทรงเมืองพ้องกับคำว่า ครองเมือง นั่งเมือง หรือผู้ปกครองบ้านเมือง ซึ่งก็คือเจ้าเมืองหรือพระมหากษัตริย์",
"สมเด็จเจ้าฟ้าน้อย พระราชอนุชาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงมีน้ำพระทัยและจรรยามารยาทละมุนละไมเป็นที่นิยมชมชอบของผู้คนในราชสำนักและราษฎรทั่วไป สมเด็จพระนารายณ์เองก็ทรงรักพระอนุชาองค์นี้ประดุจพระโอรส จึงมีพระราชดำริที่จะสถาปนาให้เป็นองค์รัชทายาท และยกสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงโยธาเทพ พระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวของพระองค์ให้เป็นพระชายา จนถึงขั้นมีการเตรียมการจัดงานอภิเษกสมรส อีกทั้งเจ้าฟ้ากรมหลวงโยธาเทพเองก็มีพระปรารถนาอย่างลึกซึ้ง แต่ความหวังก็พังพินาศลงในกาลต่อมา[11] เนื่องจากเจ้าฟ้าน้อยทรงลอบเป็นชู้กับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (แจ่ม) พระสนมเอกของสมเด็จพระนารายณ์ ภายหลังท้าวศรีจุฬาลักษณ์ถูกลงโทษด้วยการโยนให้เสือกิน[12] ส่วนเจ้าฟ้าน้อยได้รับโทษโบย จนเป็นอัมพาตที่พระชิวหา บ้างก็ว่าทรงแสร้งเป็นใบ้[13]",
"วงเวียนเทพสตรี บ้างเรียก วงเวียนพระนารายณ์ หรือ วงเวียนเมืองใหม่ เป็นวงเวียนที่ตั้งอยู่บนถนนนารายณ์มหาราช อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี อันเป็นที่ตั้งพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชตรงส่วนกลางของวงเวียน ",
"พระนารายณ์ หรือพระวิษณุ (อังกฤษ: Vishnu) เป็นสัญลักษณ์ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ความเคารพนับถือเพราะเป็นองค์เทพที่ช่วยเหลือมนุษย์เมือถึงคราวยุคเข็ญ พระนารายณ์ประทับอยู่ที่จุดศูนย์กลางของสัญลักษณ์ เพื่อสื่อความหมายว่าพระนารายณ์ คือจุดกำเนิดของการก่อตั้งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม",
"ส่วนพระนารายณ์นั้น พราหมณ์นิยมว่า มีพระยาครุฑเป็นพาหนะ กระบี่เป็นบริวาร จึงเป็นพระราชประเพณีมาแต่โบราณ กษัตริย์ใช้ธงกระบี่ธุชพระครุฑพ่าห์เป็นเครื่องประดับพระเกียรติยศเชิญนำเสด็จพระราชดำเนินในงานพระราชสงคราม ฤๅในกระบวนพยุหยาตราและใช้เป็นเครื่องประดับในงานพระราชพิธีต่างๆสืบมาจนถึงทุกวันนี้",
"ในช่วงปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ กรมหลวงโยธาเทพมิเคยปรากฏพระองค์ให้ชาวยุโรปคนใดพบเห็นเลย จึงเชื่อว่าในช่วงเวลานั้นพระองค์ทรงถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ด้วยเช่นกันกับพระอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์ด้วยเหตุผลทางการเมือง[16] ในช่วงปลายรัชกาลของพระบรมชนกนาถ กรมหลวงโยธาเทพมีพระราชดำรัสสั่งให้ขับไล่คริสต์ศาสนิกชนออกจากราชอาณาจักร ชาวคริสต์จึงถูกจับใส่ตรวน ซึ่งรวมไปถึงสมเด็จพระสังฆราช เดอ เมเตลโลโปลิส เว้นแต่บาทหลวงคณะเยสุอิตที่ได้รับเสรีภาพและได้รับอนุญาตให้เข้าพบและปลอบโยนผู้จองจำ[17] แต่หลังการลอบปลงพระชนม์เจ้าฟ้าน้อย กรมหลวงโยธาเทพโทมนัสนัก เพราะทรงสงวนพระองค์สำหรับอภิเษกสมรส กรมหลวงโยธาเทพทรงรู้สึกผิดหวังที่ต่อต้านฝรั่งเศส โดยนายพลเดฟาร์ฌระบุว่า \"...ท้ายที่สุดก็ทรงเลือกที่จำดำรงพระชนม์อยู่ในฐานะพระมเหสีมากกว่าจะสิ้นพระชนม์อย่างไร้ความสุข พระราชพิธีอภิเษกสมรส [กับสมเด็จพระเพทราชา] ไม่ได้จัดขึ้นก่อนที่พวกเรา [นายพลเดฟาร์ฌ] จะเดินทางออกไป\"[18]",
"พ.ศ. 2474 ได้มีผู้ขุดพบพระพุทธรูป \"พระพนัสบดี\" ในบริเวณตำบลหน้าพระธาตุ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เป็นพระพุทธรูปจำหลักจากศิลาดำเนื้อละเอียด นักโบราณคดีกำหนดว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดี พระพุทธรูปที่มีลักษณะเช่นพระพนัสบดีนี้ มีอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครหลายองค์ ทุกองค์งามสู้พระพนัสบดีองค์ที่ขุดพบนี้ไม่ได้ พระพนัสบดีมีพุทธลักษณะแปลกกว่าพระพุทธรูปอื่นๆ คือ เป็นพระพุทธรูปปางประทับยืนบนดอกบัว ยกพระหัตถ์ทั้งสองเสมอพระอุระ จีบพระองคุลีพระหัตถ์ทั้งสอง เช่น พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา บนฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองมีลายธรรมจักร เบื้องพระปฤษฎางค์มีประภามณฑล ประทับยืนบนสัตว์พาหนะที่แปลกพิเศษกว่าสัตว์ทังหลาย เป็นภาพสัตว์ที่เกิดจากจินตนาการประติมากรผู้สร้างพระพุทธรูป คือ นำโค ครุฑ หงส์ มารวมเป็นสัตว์ตัวเดียวกัน สัตว์นั้นหน้าเป็นครุฑ เขาเป็นโค ปีกเป็นหงส์ โค ครุฑ หงส์ เป็นพาหนะของเทพเจ้าทั้งสาม คือ พระอิศวรทรงโค พระนารายณ์ทรงครุฑ พระพรหมทรงหงส์ เมื่อรวมเข้ากันจึงเป็นสัตว์พิเศษที่มีเขาเป็นโค มีจะงอยปากเป็นครุฑ และมีปีกเป็นหงส์ ผู้สร้างอาจหมายถึงพระพุทธเจ้าอาศัยศาสนาพราหมณ์เป็นพาหนะ ในการประกาศพระศาสนา หรือหมายถึงพระพุทธเจ้าทรงชัยชนะแล้วซึ่งศาสนาพราหมณ์ก็ได้ พระพนัสบดีที่ขุดพบนี้ สูง 45 เซนติเมตร ครั้งเมื่อพระยาพิพิธอำพลเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี",
"การบรรทมสินธุ์ของพระนารายณ์คือ การบรรทมในช่วงการสร้างโลก การบรรทมแต่ละครั้งนั้นจะเกี่ยวกับยุคเวลาในแต่ละกัลป์ ภาพทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่ปราสาทพนมรุ้ง ได้รับอิทธิพลจากคัมภีร์วราหปุราณะ เป็นคัมภีร์ที่ให้ความสำคัญแก่พระนารายณ์เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ ในขณะที่พระนารายณ์กำลังบรรทมอยู่นั้นได้ทรงสุบิน มีดอกบัวผุดจากพระนาภีและได้บังเกิดพระพรหมในดอกบัวนั้น พระพรหมทรงเป็นผู้สร้างมนุษย์และสิ่งต่าง ๆ โดยมีนัยสื่อถึงการกำเนิดของสรรพสิ่งใหม่หลังการล้างโลก ในความหมายของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน คือ การอำนวยพร",
"คำให้การชาวกรุงเก่าระบุว่า กรมหลวงโยธาเทพมีพระนามเดิมว่า<b data-parsoid='{\"dsr\":[2343,2360,3,3]}'>พระสุดาเทวี เป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ประสูติแต่พระกษัตรีย์พระมเหสีฝ่ายขวา[1] (บางแห่งออกพระนามว่า เจ้าฟ้าสุริยงรัศมี)[6] หรือพระอัครมเหสี[7] เรื่องราวเบื้องต้นของพระองค์ปรากฏใน คู่มือทูตตอบ เขียนขึ้นโดยราชบัณฑิตไม่ปรากฏนามในสมัยกรุงศรีอยุธยาในปี พ.ศ. 2224 โดยในเนื้อความได้กล่าวถึงพระราชโอรส-ธิดาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีเนื้อความระบุว่า ขณะนั้นพระราชธิดามีพระชนมายุได้ 25 พรรษา[8] จึงสันนิษฐานว่าพระองค์ประสูติในปี พ.ศ. 2199",
"ด้วยฤทธานุภาพของพญาครุฑ จึงได้มีการสร้างรูป ครุฑพ่าห์ (หรือ พระครุฑพ่าห์) หมายถึง ครุฑซึ่งเป็นพาหนะ เป็นรูปครุฑกางปีก และใช้เป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทยก็มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ด้วยว่าไทยเราได้รับลัทธิเทวราชของอินเดียที่ถือว่าพระมหากษัตริย์คืออวตารของพระนารายณ์ ดังนั้น ครุฑซึ่งเป็นผู้มีฤทธิ์มากและเป็นพาหนะของพระนารายณ์ จึงเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ ดังที่ปรากฏอยู่ในดวงตราหรือพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ประจำแผ่นดิน ประจำราชวงศ์ และประจำรัชกาล เป็นต้น",
"คชศาสตร์ เป็นวิชาหนึ่งในวิชาไตรเทพของศาสนาพราหมณ์ เป็นศาสตร์เกี่ยวกับช้าง แบ่งออกเป็น 2 ตำรา คือตำราพระคชศาสตร์ และตำรานารายณ์ประทมสินธุ์ ได้กล่าวถึงการกำเนิดช้างมงคลว่า พระนารายณ์บรรทมบนเกษียรสมุทร บังเกิดดอกบัวจากพระอุทรมี ๘ กลีบ ๑๗๓ เกสร จึงนำไปถวายพระอิศวร ที่เขาไกรลาศ พระอิศวรแบ่งเกสรดอกบัวนั้นประทานแก่\nพระองค์เอง พระอิศวร รับเกสรไว้ ๘ เกสร\nประทานแก่ พระพรหม จำนวน ๒๔ เกสร\nประทานแก่ พระวิษณุ หรือพระนารายณ์ จำนวน ๘ เกสร\nและประทานแก่พระอัคคีหรือพระเพลิง จำนวน ๑๓๕ เกสร",
"ประเพณีเรียกพระนามเจ้านายเป็นกรมต่าง ๆ อย่างในทุกวันนี้ ปรากฏขึ้นในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตั้งแต่ทรงสถาปนาพระน้องนางเธอ เจ้าฟ้าศรีสุพรรณ เป็น<b data-parsoid='{\"dsr\":[17853,17877,3,3]}'>เจ้ากรมหลวงโยธาทิพ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงสุดาวดี เป็น<b data-parsoid='{\"dsr\":[17924,17948,3,3]}'>เจ้ากรมหลวงโยธาเทพ นับเป็นครั้งแรกที่เรียกการพระนามอิสริยยศเจ้านายตามกรมใช้เป็นแบบแผนนับแต่นั้นมา สาเหตุที่มีการเปลี่ยนแปลงการสถาปนาอิสริยยศเจ้านายขึ้นเป็น \"พระ\" ตามประเพณีเดิมนั้น เนื่องจากในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ทรงเป็นอริกับเจ้าฟ้าชายหลายพระองค์ที่มีมาตั้งแต่ยุคสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง จึงมิได้ทรงยกย่องเจ้าฟ้าผู้ใดให้มียศสูงขึ้นตลอดรัชกาล จากจดหมายเหตุของมองสิเออร์ลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศส กล่าวว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงยกย่องพระราชธิดาให้มีข้าคนบริวารและมีเมืองส่วยขึ้นเท่ากับพระอัครมเหสี ดังนั้น การสถาปนาเจ้าหญิงทั้งสองพระองค์นี้ ในแต่เดิม ไม่ได้เป็นการสถาปนาพระอิสริยยศ แต่เป็นการรวบรวมกำลังคนในระบบไพร่ ตั้งกรมใหม่ขึ้นสองกรม คือ กรมที่มีหลวงโยธาทิพ และหลวงโยธาเทพ เป็นเจ้ากรม และโปรดให้ไปขึ้นกับ เจ้าฟ้าหญิงทั้งสองพระองค์นั้น และคนไทยโบราณ ไม่นิยมเรียกชื่อ เจ้านาย ตรง ๆ จึงเรียกเป็น กรมหลวงโยธาทิพ หรือ กรมหลวงโยธาเทพเป็นต้น การทรงกรม จึงเทียบได้กับ การกินเมือง (การกินเมือง คือ การมีเมืองส่วยขึ้นในพระองค์เจ้านาย ประชาชนในอาณาเขตของเมืองนั้นๆ ต้องส่งส่วยแก่เจ้านาย) ในสมัยโบราณ คือแทนที่จะส่งเจ้านายไปปกครองหัวเมืองต่างๆ ก็ทรงให้อยู่ในพระนคร และให้มีกรมขึ้นเพื่อเป็นรายได้ ของเจ้านายนั้นๆ",
"ด้วยความสวยงามของเขา จึงทำให้ถูกล่าเพื่อเอาเขา รวมถึงแหล่งที่อยู่อาศัยถูกคุกคามด้วยจากการรุกรานเพื่อต้องการพื้นที่ทำการเกษตรและปศุสัตว์ ทำให้แบล็กบักที่เคยมีอยู่ทั่วไปในอินเดียสมัยก่อน และพบได้จนถึงอิสราเอลในตะวันออกกลาง ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ในป่าอนุรักษ์หรืออุทยานแห่งชาติของอินเดีย เช่น อุทยานแห่งชาติเวลาวาดาร์ ในรัฐคุชราต ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย ซึ่งมีสภาพพื้นที่เป็นทุ่งสะวันนากว้างโล่งเหมือนทวีปแอฟริกา เป็นต้น และได้สูญพันธุ์ไปแล้วที่บังกลาเทศ \nแบล็กบัก ได้ถูกจัดให้มี 2 ชนิดย่อย คือ แบล็กบัก ถูกอ้างถึงในเทพปกรณัมฮินดู ศาสนาประจำชาติของอินเดีย ด้วยเป็นสัตว์พาหนะลากรถของพระกฤษณะ (อวตารของพระวิษณุในมหากาพย์มหาภารตะยุทธ), พาหนะของพระพาย (เทพเจ้าแห่งลม) และพาหนะลากรถของพระจันทร์ (เทพแห่งดวงจันทร์) ในรัฐทมิฬนาฑูเชื่อว่าเป็นสัตว์พาหนะของโคทราวี เทพีผู้เป็นพระมารดาของพระขันทกุมาร และเป็นเทพีที่ได้รับการนับถือกันในรัฐทมิฬนาฑู ในรัฐราชสถาน เทพีการ์นีมาตา เชื่อว่าทรงคุ้มครองแบล็กบัก",
"ลักษณะพระพักตร์จะไม่เหมือนพระพุทธรูปแบบทวารวดี จะมีลักษณะคล้ายกับอินเดีย ตัวอย่างเช่น พระนารายณ์ที่ไชยาแสดงลักษณะอิทธิพลศิลปะอินเดียแบบมทุราและอมราวดี(พุทธศตวรรษที่ 6-9) รวมทั้งที่พบที่นครศรีธรรมราช ซึ่งถือสังข์ด้วยพระหัตถ์ซ้ายด้านล่าง ผ้านุ่งและผ้าคาดที่พบที่ภาคใต้และที่เมืองศรีมโหสถ จะมีผ้าคาดเฉียงเหมือนศิลปะอินเดียหลังคุปตะ (ปัลลวะ) ในราวพุทธศตวรรษที่ 12 ส่วนเทวรูปรุ่นเก่าที่อำเภอศรีเทพจะมีอายุใกล้เคียงกัน และที่ศรีเทพนอกจากที่จะพบรูปพระนารายณ์แล้วยังพบรูปพระกฤษณะและพระนารายณ์ด้วย",
"แต่พระปรพรหมนั้นเป็นอรูปกเทพ คือ ไม่มีตัวตน จึงไม่สามารถที่จะสร้างโลกได้ จึงแบ่งภาคแยกร่างออกมาเป็น พระวิษณุ ซึ่งทรงประทานพระนามให้ และเมื่อพระวิษณุบรรทมหลับในเกษียรสมุทร ก็ทรงสุบินถึงการสร้างทุกสรรพสิ่ง ซึ่งพระวิษณุเป็นเทพผู้สร้างโลก สิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์ และที่พระนาภีของพระองค์ก็บังเกิดมีดอกบัวหลวงผุดขึ้นมา และภายในดอกบัวนั้นก็มี พระพรหม ซึ่งเป็นหนึ่งในตรีมูรติอยู่ภายใน ซึ่งพระวิษณุก็เป็นผู้ให้กำเนิดพระพรหมด้วย\nบางตำราก็กล่าวว่าเดิมมีพระนามว่า วิษณุ หรือ พิษณุ และได้เปลี่ยนเป็น นารายณ์ ในระยะหลัง โดยพระองค์มีสีพระวรกายเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของโลก ในกฤตยุค ยุคแรกของโลก ยุคที่คุณธรรมความดีของมนุษย์มีเต็มเปี่ยม สีกายพระนารายณ์สีขาว ยุคที่สอง ไตรดายุค ธรรมะและคุณธรรมมนุษย์เหลือสามในสี่ สีกายพระนารายณ์เป็นสีแดง ยุคที่สาม ทวาปรยุค คุณธรรมมนุษย์เหลือครึ่งเดียว สีกายเป็นสีเหลือง ยุคปัจจุบัน เป็นยุคที่สี่ กลียุค คุณธรรมของมนุษย์ลดลงเหลือหนึ่งในสี่ สีกายพระนารายณ์ เปลี่ยนเป็นสีนิลแก่หรือสีดำ",
"ภายหลังเมื่อครุฑได้ทราบสาเหตุที่มารดาต้องตกเป็นทาสและได้ทราบเงื่อนไขจากพวกนาคว่า ต้องไปเอาน้ำอมฤตให้นาคเสียก่อนจึงจะให้นางวินตาเป็นไท ครุฑจึงบินไปสวรรค์ไปเอาน้ำอมฤตซึ่งอยู่กับพระจันทร์ แล้วคว้าพระจันทร์มาซ่อนไว้ใต้ปีก แต่ถูกพระอินทร์และทวยเทพติดตามมา และเกิดต่อสู้กันขึ้น ฝ่ายเทวดานั้นไม่อาจเอาชนะได้ โดยเมื่อพระอินทร์ใช้วัชระโจมตีครุฑนั้น ครุฑไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่ครุฑก็จำได้ว่าวัชระเป็นอาวุธที่พระอิศวรประทานให้แก่พระอินทร์ จึงสลัดขนของตนให้หล่นลงไปเส้นหนึ่งเพื่อแสดงความเคารพต่อวัชระและรักษาเกียรติของพระอินทร์ผู้ป็นหัวหน้าของเหล่าเทพ ด้านพระวิษณุหรือพระนารายณ์ก็ได้ออกมาขวางครุฑไว้และสู้รบพญาครุฑด้วยเช่นกัน แต่ต่างฝ่ายต่างไม่อาจเอาชนะกันได้ ทั้งสองจึงทำความตกลงยุติศึกต่อกัน โดยพระวิษณุให้พรแก่ครุฑว่าจะให้ครุฑเป็นอมตะและให้อยู่ตำแหน่งสูงกว่าพระองค์ ส่วนครุฑก็ถวายสัญญาว่าจะเป็นพาหนะของพระวิษณุ และเป็นธงครุฑพ่าห์สำหรับปักอยู่บนรถศึกของพระวิษณุอันเป็นที่สูงกว่า",
"วงเวียนเทพสตรีตั้งอยู่หัวถนนนารายณ์มหาราชก่อนเข้าสู่ย่านตัวเมือง ใกล้ศาลากลางจังหวัดลพบุรี ตัววงเวียนมีชื่อ วงเวียนเทพสตรี มีลักษณะเป็นวงเวียนขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชานุสาวรีย์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระมหากษัตริย์ผู้มีคุณูปการณ์ต่อเมืองลพบุรี ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงนิยมเรียกวงเวียนดังกล่าวว่า \"วงเวียนพระนารายณ์\" หรือ \"วงเวียนพระนารายณ์มหาราช\"",
"วัดสุทัศนเทพวราราม [สุ-ทัด-เทบ-พะ-วะ-รา-ราม] หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า วัดสุทัศน์ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร ที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งของประเทศไทย และถือเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในเขตพระนครชั้นใน และอยู่มีสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นคือ เสาชิงช้า อยู่บริเวณหน้าวัด",
"ทั้งนี้ มีเสาโครงเป็นครุฑและสัตว์หิมพานต์ ซึ่งครุฑเป็นพาหนะของพระนารายณ์ มีความเชื่อตามสมมติเทพว่า พระมหากษัตริย์เป็นพระนารายณ์อวตารลงมา",
"ในหนังสือพระนลคำหลวง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวระบุว่า พิรุณเป็นนามของพระสุริยะ เป็นลูกนางอทิติ เป็นเทพแห่งความเป็นธรรม พระพิรุณยอมรู้ว่าผู้ใดทำอะไร ย่อมรู้ว่าผู้ใดกะพริบตากี่ครั้ง ใครทำบาป เมื่อมีผู้ทำบาปพระพิรุณจักใช้บ่วงคล้องผู้นั้นไปหาพญายมราชเพื่อนำไปลงทัณฑ์ ในพระเวทเรียก \"เจ้าฟ้าอันอยู่ทั่วไป\" ภายหลังได้ฉายาว่า \"สินธุปติ\" แปลว่า \"เจ้าน้ำทั่วไป\" ในมหาภารตะ พระพิรุณเป็นบุตรพระฤๅษีกรรทม พรหมบุตร พระพิรุณในความเชื่อของคนไทยว่าเป็นผู้ให้ฝน ให้น้ำ ถือพระขรรค์ ทรงพญานาค หรือมกร เป็นพาหนะ จึงเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวกับการเกษตร อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์",
"ตราแผ่นดินของไทย คือตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ เทพพาหนะของพระนารายณ์ ใช้เป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจแห่งพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของชาติและเป็นองค์อวตารของพระนารายณ์ตามแนวคิดสมมุติเทพ โดยเริ่มใช้มาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่หลัง พ.ศ. 2436 เป็นต้นมา แต่มาใช้อย่างเต็มที่แทนตราแผ่นดินเดิมทั้งหมดเมื่อ พ.ศ. 2453",
"หลังจากการสวรรคตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเพทราชาได้ครองราชย์สืบมา และได้ทรงอภิเษกกรมหลวงโยธาเทพขึ้นเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้ายเพื่อสิทธิธรรมแห่งราชบัลลังก์ ซึ่งกรมหลวงโยธาเทพเองเป็นผู้มีส่วนริเริ่มการปฏิวัติผลัดแผ่นดิน และตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้เสียเองทั้งที่ไม่เต็มพระทัยต่อพระเพทราชานัก[4] นอกจากนี้สมเด็จพระเพทราชาได้สั่งให้ปลงพระชนม์พระอนุชาสองพระองค์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช การที่ได้กรมหลวงโยธาเทพที่ทรงเป็นสมเด็จพระมเหสีฝ่ายซ้าย จึงทำให้พระเพทราชามีสิทธิธรรมในราชบัลลังก์สมบูรณ์มากขึ้น เมื่อครบถ้วนทศมาสกรมหลวงโยธาเทพก็ได้ให้พระประสูติกาลพระราชโอรสพระนามว่าตรัสน้อย โดยพระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระบุว่าตรงกับเวลารุ่ง เดือน 10 ปีมะเส็ง[19] จ.ศ. 1051 แต่พระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ฉบับตัวเขียน ระบุว่าเป็นปีมะโรง จ.ศ. 1050 (พ.ศ. 2231)[20]",
"พระนามของพระวิษณุ พระนารายณ์ มีผู้ขนานนามเรียกขานจากความแตกต่างกันตามความเชื่อ พระนามตามฤทธิ์อำนาจ และตามเหตุการณ์ที่ต่างกันตามกาล อาทิ อนันตะ ไม่สิ้นสุด จตุรภุช มี 4 กร มุราริ เป็นศัตรูแห่งมุระ นระ (นะระ) ผู้ชาย นารายณ์ ผู้ที่เคลื่อนไปในน้ำ ปัญจายุทธ พระผู้ทรงอาวุธทั้ง 5 อย่าง ปีตามพร ทรงเครื่องสีเหลือง ทโมทร มีเชือกพันเอาไว้รอบเอว กฤษณะ, โควินทะ, โคบาล ผู้เลี้ยงวัว ชลศายิน ผู้นอนเหนือน้ำ พระพิษณุหริ ผู้สงวน อนันตไศยน นอนบนอนัตนาคราช ลักษมีบดี ผู้เป็นสามีของพระลักษมี วิษว์บวร ผู้คุ้มครองโลก สวยภู เกิดเอง เกศวะ มีผมอันงาม กิรีติน ผู้ใส่มงกุฎ พระวิษณุ พระนารายณ์ ทรงประทับบนสวรรค์ เรียก ไวกูณฐ์ พาหนะ คือครุฑ พระวรกายสีนิล ฉลองดั่งกษัตริย์ มีมงกุฎ อาภรณ์สีเหลือง มี 4 กร ถือ สังข์ จักร ตรี คทา บ้างก็กล่าวไว้ว่าทรงถือ ดอกบัว ลูกศร ดอกไม้ หรือเชือกบ่วงบาศ หรือสายฟ้า อาวุธประจำที่ใช้ คือ สังข์ จักร คทา ธนู และพระขรรค์",
"1. ลัทธิไวษณพ เป็นนิกายที่เก่าที่สุด นับถือพระวิษณุเจ้าเป็นเทพองค์สูงสุด เชื่อว่าวิษณุสิบปาง หรือนารายณ์ ๑๐ ปางอวตารลงมาจุติ มีพระลักษมีเป็นมเหสี มีพญาครุฑเป็นพาหนะ นิกายนี้มีอิทธิพลมากในอินเดียภาคเหนือและภาคกลาง ของประเทศ นิกายนี้เกิดเมื่อ พ.ศ. ๑๓๐๐ สถาปนาโดยท่านนาถมุนี (Nathmuni)",
"โบราณวัตถุ ได้แก่ เครื่องปั้นดินเผา ทั้งชนิดเคลือบและไม่เคลือบกระจายอยู่ทั่วไป ชิ้นส่วนของเทวรูปพระนารายณ์สวมหมวกแขก พระพุทธรูปแบบทวารวดีปางนาคปรก หินบดยา กังสดาล และแท่นพระพุทธรูปทำด้วยหินขนาดใหญ่ ส่วนโบราณวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ที่พบได้แก่ พระพุทธรูปสำริดแบบลพบุรี พระพุทธรูปศิลาแบบทวารวดี เป็นพระพุทธรูปปางประทับยืนเหนือตัวพนัศบดี (พนัสบดี เป็นสัตว์ที่มีส่วนผสมของครุฑ หงส์ และโค คือมีปากเป็นครุฑ มีเขาเป็นโค และมีปีกคล้ายหงส์ ซึ่งเป็นลักษณะที่รวมพาหนะของเทพเจ้าทั้งสามในศาสนาพราหมณ์) พระพุทธรูปองค์นี้ชาวบ้านพบที่คูเมืองด้านใต้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรียกกันว่า พระพนัสบดี เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอพนัสนิคม โบราณวัตถุที่พบเกือบทั้งหมดเป็นศาสนวัตถุ มีอายุตั้งแต่สมัยทวารวดีมาถึงสมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ 12-18)",
"นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าสยามนำรูปครุฑพ่าห์มาใช้เป็นตราพระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา โดยนำแบบอย่างการใช้ตรามาจากประเทศจีน โดยอ้างอิงจดหมายเหตุลาลูแบร์ ซึ่งบันทึกว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น พระมหากษัตริย์มีตราประจำพระองค์ ในจดหมายเหตุดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าตราเป็นรูปอะไร จึงสันนิษฐานกันว่าน่าจะเป็น ตราครุฑพ่าห์ คือ รูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ทั้งนี้เพื่อให้เข้ากับคตินิยมที่ถือเอาองค์พระมหากษัตริย์เป็นผู้มีบุญบารมีเทียบเท่าพระนารายณ์ผู้ทรงครุฑเป็นพาหนะ",
"แต่เดิมมาขัตติยยศ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินทรงตั้งเจ้านายนั้น เป็นตำแหน่งเฉพาะพระองค์ เช่นเป็นพระราเมศวร พระบรมราชา พระอินทราชา พระอาทิตยวงศ์ ส่วนพระองค์หญิงก็มีพระนามปรากฏเป็น พระสุริโยทัย พระวิสุทรกษัตรีย์ เป็นต้น ครั้นในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มีเหตุเป็นอริกับพระเจ้าน้องยาเธอ จึงไม่ได้สถาปนาขัตติยยศพระองค์หนึ่งพระองค์ใด พระราชโอรสก็ไม่มี (มีจดหมายเหตุฝรั่งกล่าวว่า เมื่อพระอัครมเหสีทิวงคต สมเด็จพระนารายณ์มีพระราชประสงค์จะให้ข้าราชการในพระมเหสีคงอยู่แก่เจ้าฟ้าพระราชธิดา) จึงโปรดให้รวบรวมข้าราชการจัดตั้งขึ้นเป็นกรมกรมหนึ่ง เจ้ากรมเป็นที่หลวงโยธาเทพ ให้ขึ้นอยู่ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสุดาวดีราชธิดา และให้จัดตั้งอีกกรมหนึ่ง เจ้ากรมเป็นที่หลวงโยธาทิพ ให้ขึ้นอยู่ในสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าศรีสุพรรณอย่างเดียวกัน เจ้าฟ้าทั้งสองพระองค์นั้นจึงปรากฏพระนามตามกรมว่า เจ้าฟ้ากรมหลวงโยธาเทพพระองค์ ๑ เจ้าฟ้ากรมหลวงโยธาทิพพระองค์ ๑ เป็นปฐมเหตุที่จะมีเจ้านายต่างกรมสืบมาจนทุกวันนี้[10]",
"พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระบุว่า ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแล้ว สมเด็จพระเพทราชาขึ้นสืบราชสมบัติ แล้วตั้งกรมหลวงโยธาเทพพระราชธิดาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชขึ้นเป็นพระมเหสี เมื่อเสด็จฯ ไปตำหนักกรมหลวงโยธาเทพเพื่อจะเข้าที่บรรทม กรมหลวงโยธาเทพไม่ยอมรับ ตรัสตัดพ้อต่าง ๆ แล้วทรงพระแสงดาบติดพระหัตถ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงให้หาหมอมาทำเสน่ห์ จนกรมหลวงโยธาเทพเกิดหลงไหลถึงกับทรงพระกันแสงหาพระองค์ ภายหลังสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปหาอีก กรมหลวงโยธาเทพจึงทรงยอม ผ่านไป 7-8 เดือนจึงพบกรมหลวงโยธาเทพก็ทรงพระครรภ์ได้ 3 เดือนแล้ว ถึงเดือน 10 ปีมะเส็ง นพศก ตอนใกล้รุ่ง จึงประสูติเป็นพระราชโอรส พระราชทานพระนามว่าตรัสน้อย ในคืนวันนั้นเกิดแผ่นดินไหว เมื่อพระชันษาได้ 13 ปี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้ตั้งพระราชพิธีโสกันต์ ณ พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท",
"มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2463 โดยเริ่มการการก่อตั้ง \"โรงเรียนลวะศรี\" ซึ่งเปิดสอนเฉพาะนักเรียนหญิง ณ พระที่นั่งจันทรพิศาล ในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น \"โรงเรียนเทพสตรีวิทยาลัย\" หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2483 ได้ย้ายโรงเรียนมาที่ถนนนารายณ์มหาราช พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น \"โรงเรียนสตรีลพบุรี\" และได้รับการยกฐานะเป็น \"วิทยาลัยครูเทพสตรี\" ซึ่งนับเป็นวิทยาลัยครูแห่งแรกในส่วนภูมิภาค "
] |
ประเทศอังกฤษหอนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษชื่อว่าอะไร? | [
"สำหรับหอนาฬิกาที่สูงที่สุดในโลกคือ นาฬิกาประจำตึกเอ็นทีที โดโคโม โยโยกิ (NTT DoCoMo Yoyogi Building) ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ส่วนหอนาฬิกาสี่หน้าแบบไม่ตีระฆังที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือหอนาฬิกาอัลเลน-แบร็ดเลย์ (Allen-Bradley Clock Tower) หอนาฬิกาสี่หน้าที่สูงที่สุดในโลก อยู่ที่กรุงวอร์ซอ[1] และทั้งหมดนี้ไม่มีการตีระฆัง จึงทำให้หอบิ๊กเบน คงเป็น หอนาฬิกาสี่หน้าที่มีการตีระฆังที่สูงที่สุดในโลก"
] | [
"สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญทางสถาปัตยกรรมของมหาวิหารอังกฤษที่ไม่พบที่อื่นคือหอสี่เหลี่ยมเหนือจุดตัดของแขนกางเขนกับทางเดินกลาง หอที่ใหญ่ๆ ก็ได้แก่หอของมหาวิหารเวลส์ที่สูง 55 เมตร และที่มหาวิหารลิงคอล์นที่สูง 82.5 เมตร หอเหนือจุดตัดอาจจะเป็นจุดเด่นของสิ่งก่อสร้างจุดเดียวเช่นที่มหาวิหารซอลสบรี กลอสเตอร์ วูสเตอร์ นอริช และชิเชสเตอร์ หรืออาจจะรวมทั้งหอคู่ทางมุขด้านตะวันตกของโบสถ์เช่นที่มหาวิหารยอร์ก ลิงคอล์น แคนเทอร์เบอรี เดอแรม และเวลส์ ถ้ามีหอสามหอ หอเหนือจุดตัดก็มักจะเป็นหอที่สูงที่สุด หอสองหอของมหาวิหารเซาท์เวลเป็นด้วยยอดแหลมทรงปิรามิดที่มุงด้วยแผ่นตะกั่ว",
"ภายในวิทยาเขตประกอบด้วยหอนาฬิกาขนาดใหญ่ชื่อโอลด์โจ (Old Joe) ตามชื่อของนายกสภาคนแรกซึ่งมีบทบาทอย่างสูงต่อการก่อตั้งมหาวิทยาลัย ออกแบบโดยอาศัยต้นแบบที่หอนาฬิกาตอร์เดลมังเจีย (Torre del Mangia) เมืองซีเอนา (Siena) ประเทศอิตาลี ครั้นสร้างเสร็จหอนาฬิกาดังกล่าวได้กลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในเมืองเบอร์มิงแฮม จนกระทั่งปี พ.ศ. 2512 จึงถูกทำลายสถิติไป ถึงกระนั้นหอนาฬิกาดังกล่าวก็ยังคงเป็นอาคารสูงอันดับที่สามในเมือง และเป็นหนึ่งในห้าสิบอันดับอาคารสูงในสหราชอาณาจักรอีกด้วย",
"ครั้งหนึ่ง หน้าปัดนาฬิกาของหอมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันถูกทำลายสถิติโดยหอนาฬิกาอัลเลน-แบรดเลย์ (Allen-Bradley Clock Tower) ที่รัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ทว่าผู้สร้างหอนาฬิกาอัลเลน-แบร็ดเลย์มิได้จัดให้มีการตีระฆังหรือสายลวดบอกเวลา จึงทำให้หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ยังคงเป็น นาฬิกาสี่หน้าปัดที่มีการตีบอกเวลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก กลไกนาฬิกาภายในหอสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2397 แต่ตัวหอเสร็จในเวลา 4 ปีต่อมา",
"เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2549 เวลา 14:00 น. (เวลามาตรฐานประเทศไทย) ตะขอแขวนระฆังเล็กใบหนึ่งสึกหรอจนต้องซ่อมแซมเป็นเวลา 4 สัปดาห์ และเมื่อเวลา 15:00 น. (มาตรฐานประเทศไทย) ของวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2550 หอนาฬิกาหยุดการตีมหาระฆังเพื่อบอกชั่วโมงเป็นการชั่วคราว (ประมาณ 6 สัปดาห์) เนื่องจากกลไกในระฆังสึกหรอตามกาลเวลาเป็นอย่างมาก โดยบางชิ้นส่วนยังไม่ได้เปลี่ยนเลยตั้งแต่ที่สร้างหอ อนึ่ง นาฬิกาในหอยังคงทำงานต่อไปโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนแทนเครื่องกลของเดิม แผนการดังกล่าวเป็นการเตรียมการฉลองครบรอบ 150 ปี ของหอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์และมหาระฆัง[19]",
"มหาวิหารอังกฤษมักจะล้อมรอบด้วยลานหญ้ากว้างใหญ่ที่สามารถทำให้มองเห็นลักษณะโครงสร้างได้อย่างชัดเจนซึ่งไม่เหมือนกับมหาวิหารในยุโรปที่มักจะล้อมรอบด้วยบ้านเรือนหรือกลุ่มสิ่งก่อสร้างของอาราม ภาพพจน์ของมหาวิหารแบบอังกฤษคือสิ่งก่อสร้างที่มีแขนขาแผ่ออกไป ส่วนที่ยื่นออกไปตามแนวนอนได้รับความสมดุลจากหอใหญ่เหนือจุดตัดและ/หรือด้านหน้าที่ตั้งตามแนวดิ่ง มหาวิหารหลายมหาวิหารโดยเฉพาะที่มหาวิหารวินเชสเตอร์, มหาวิหารเซนต์อัลบัน และมหาวิหารปีเตอร์บะระห์ที่หอไม่ค่อยสูงเท่าใดนักจนทำให้ได้รับคำบรรยายว่าดูคล้าย “เรือบรรทุกอากาศยาน”",
"ยูนิลีเวอร์เป็นบริษัทข้ามชาติสัญชาติอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ โดยเกิดจากการควบรวมกิจการของบริษัทลีเวอร์บราเธอร์ ผู้ผลิตสบู่สัญชาติอังกฤษ และบริษัทมาร์การีน ยูนี ผู้ผลิตเนยเทียมสัญชาติเนเธอร์แลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1930 ปัจจุบันยูนิลีเวอร์เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แบบสองตลาด โดยมีสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร ใช้ชื่อว่า ยูนิลีเวอร์ พีแอลซี (Unilever PLC) และสำนักงานใหญ่ที่รอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้ชื่อว่า ยูนิลีเวอร์ เอ็น. วี. (Unilever N.V.)",
"แขนกางเขน หรือ ปีกซ้ายขวา คือส่วนขวางที่ตัดกับทางเดินกลาง อาสนวิหารในประเทศอังกฤษบางอาสนวิหารที่เคยเป็นสำนักสงฆ์มาก่อนจะมีแขนซ้อนกันสองชั้นเช่นที่อาสนวิหารซอลสบรี ที่อังกฤษ ตรงที่แขนกางเขนตัดกับทางเดินกลางเรียกกันว่าจุดตัด (crossing) เหนือจุดตัดขึ้นไปมักจะเป็นหอหรือมณฑปที่เรียกว่า “fleche” ที่อาจจะทำด้วยไม้ หิน หรือโลหะก็ได้ เช่นที่อาสนวิหารออทุง (Autun Cathedral) ที่ประเทศฝรั่งเศส หรือมณฑปที่ทำด้วยหินที่อาสนวิหารซอลสบรี หรืออาจจะเป็นโดม หรือเป็นหอเฉยๆไม่มีมณฑปก็ได้เช่นที่อาสนวิหารวินเชสเตอร์ ที่อังกฤษ",
"หอนาฬิกาแห่งนี้สร้างก่อนหอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (บิกเบน) ที่อังกฤษถึง 2 ปี และเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง ทวิภพ ",
"แยกวงเวียนเล็ก () ปัจจุบันเป็นสี่แยกจุดบรรจบถนนอรุณอมรินทร์ตัดใหม่และถนนสมเด็จเจ้าพระยา กับถนนประชาธิปก ในพื้นที่เขตธนบุรี และคลองสาน กรุงเทพมหานคร บริเวณหน้าโรงเรียนศึกษานารี ในอดีตเคยเป็นวงเวียนหอนาฬิกาที่รับการจราจรจากสะพานพุทธ และวงเวียนสมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือวงเวียนใหญ่ มีทางแยกถนนสมเด็จเจ้าพระยาไปยังท่าดินแดงและคลองสาน และมีทางแยกถนนเทศบาลสาย 3 เลียบคลองบางไส้ไก่ไปยังชุมชนย่านบุปผารามและวัดกัลยาณมิตร วงเวียนนี้จึงเรียกชื่อว่า \"วงเวียนเล็ก\" คู่กับ \"วงเวียนใหญ่\" ที่อยู่ใกล้เคียงกัน",
"นอกเหนือจากมหาระฆังแล้ว ยังมีระฆังบริวารอีก 4 ใบ ทั้งหมดหล่อที่บริษัทไวต์แชพเพลเมื่อ พ.ศ. 2400 - 2401 ตัวมหาระฆังเองเมื่อถูกตีจะให้เสียงโน้ตมี ส่วนระฆังบริวารจะให้เสียงโน้ตซอลชาร์ป ฟาชาร์ป มี และที ซึ่งทุก ๆ 15 นาที ระฆังบริวารทั้งหมดจะถูกตีเป็นทำนองระฆังแบบเวสต์มินสเตอร์ (หรือเคมบริดจ์) ทำนองระฆังดังกล่าวนี้เป็นที่จับใจและนิยมใช้สำหรับนาฬิกาตั้งในบ้านหรือหอนาฬิกา เสียงของมหาระฆังถูกนำออกอากาศทุกวันผ่านทางสถานีวิทยุบีบีซีช่อง 4 ก่อนข่าวภาคค่ำ (เวลา 18 นาฬิกา) และข่าวเที่ยงคืน ตามเวลาท้องถิ่นประเทศอังกฤษ[15]",
"ส่วนในประเทศไทย มีหอนาฬิกาที่สวยที่สุดในประเทศไทย คือ หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติ เชียงราย ที่ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ออกแบบ ตีบอกเวลาทุกชั่วโมง พร้อมเปลี่ยนสีไฟและบรรเลงเพลง \"เชียงรายรำลึก\" ทุกวัน เวลา 19:00 20:00 และ 21:00 นาฬิกา",
"หอดูดาวดังกล่าว พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษทรงมอบหมายให้ก่อสร้างใน ค.ศ. 1675 โดยมีการวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ในเวลานั้น พระมหากษัตริย์ยังได้ทรงสถาปนาตำแหน่งนักดาราศาสตร์หลวง (Astronomer Royal) ขึ้น เพื่อเป็นผู้อำนวยการหอดูดาวดังกล่าว อาคารดังกล่าวก่อสร้างแล้วเสร็จในฤดูร้อน ค.ศ. 1676 อาคารดังกล่าวมักถูกเรียกชื่อว่า \"เฟลมสตีดเฮาส์\" (Flamsteed House)",
"หอเอลิซาเบธ (English: Elizabeth Tower) (ก่อนหน้านี้เรียกว่า หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ (English: Clock Tower, Palace of Westminster)) หรือรู้จักดีในชื่อ บิกเบน (English: Big Ben) เป็นหอนาฬิกาประจำพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ซึ่งในปัจจุบันใช้เป็นรัฐสภาอังกฤษ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระราชวัง หอนาฬิกานี้ถูกสร้างหลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 โดยชาลส์ แบร์รี เป็นผู้ออกแบบ[1][2] หอนาฬิกามีความสูง 96.3 เมตร โดยที่ตัวนาฬิกาอยู่สูงจากพื้น 55 เมตร ตัวอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย (victorian gothic) ชื่อหอเอลิซาเบธตั้งขึ้นเพื่อฉลองพระราชพิธีพัชราภิเษก หรือพระราชพิธีมหามงคลฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง",
"สถาปัตยกรรมเรอเนซองส์มาถึงอังกฤษระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ จากบริเวณกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำที่นำเอาลักษณะ “หน้าจั่วบันได” หรือ “หน้าจั่วดัตช์” และแถบตกแต่ง (Strapwork) แบบฟลานเดอร์สที่เป็นลายเรขาคณิตที่ใช้ตกแต่งผนังเข้ามาด้วยเข้ามาด้วย ลักษณะทั้งสองอย่างดังกล่าวปรากฏในงานสร้างคฤหาสน์โวลลาทันฮอลล์ และ ที่คฤหาสน์มองตาคิวท์ ในช่วงเดียวกันนี้สถาปัตยกรรมอังกฤษก็เริ่มรับรูปแบบของสถาปัตยกรรมอิตาลีในการสร้างระเบียงแล่นยาวที่ใช้เป็นบริเวณสำหรับเป็นห้องรับรอง ในอังกฤษสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์มักจะออกมาในรูปของสิ่งก่อสร้างสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เช่นคฤหาสน์ลองลีท สิ่งก่อสร้างเหล่านี้มักจะมีหอที่มีลักษณะเป็นสมมาตรที่เป็นนัยยะของการวิวัฒนาการมาจากสถาปัตยกรรมการสร้างป้อมปราการในสมัยกลาง",
"หอนาฬิกาซัปโปโระ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเป็นอาคารที่สร้างขึ้นจากไม้ ตั้งอยู่ในเขตชูโอ เมืองซัปโปโระ เมืองใหญ่ที่สุดของจังหวัดฮกไกโด ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ออกแบบด้วยศิลปะแบบอเมริกัน เป็นอาคารทรงตะวันตกแห่งหนึ่งในจำนวนน้อยที่หลงเหลืออยู่ในเมืองนี้ เป็นที่รู้จักในฐานะสัญลักษณ์ของเมือง และเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศแทบทุกคน ซึ่งนาฬิกาบนหอยังคงเดินอย่างเที่ยงตรง และมีเสียงระฆังในทุกชั่วโมง",
"หอดูดาวแห่งแรกในเยอรมนีถูกสร้างในคัสเซิลเมื่อปี ค.ศ. 1558 และในปี ค.ศ. 1604 \"Ottoneum\" โรงละครถาวรแห่งแรกก็ถูกสร้างขึ้น พิพิธภัณฑ์สาธารณะแห่งแรกของยุโรป ชื่อว่า \"Museum Fridericianum\" ตามชื่อผู้ก่อตั้ง ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1779 ในตอนท้ายของคริสต์ศตวรรษที่ 19 พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวเก็บรักษาชุดสะสมนาฬิกาและนาฬิกาข้อมือที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง",
"หอนาฬิกาที่สูงที่สุดอันดับที่ 2 ของโลก ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์กรุงวอร์ซอ หอเอลิซาเบธ ในพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ที่สหราชอาณาจักร หอสพัสสกายา ในพระราชวังเครมลิน หอสันติภาพ (Peace Tower) ที่รัฐสภาแคนาดา โบสถ์เซนต์นิโคลัส เมืองโคซานิ ประเทศกรีซ หอนาฬิการำลึกโจเซฟ แชมเบอร์เลน (\"โอลด์โจ\") ที่มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม หอนาฬิกาอัลเลน-แบร็ดเลย์ หอแซทเทอร์ (Sather Tower) ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เมืองเบิร์กเลย์",
"“จุดตัด” () คือจุดที่แขนกางเขนหรือปีกซ้ายขวาตัดกับทางเดินกลาง เหนือจุดตัดมักจะเป็นหอที่มียอดแหลม หรือยอดแหลมเฉยๆ ที่เรียกว่า “มณฑป” (fleche) ที่อาจจะทำด้วยไม้ หิน หรือโลหะก็ได้ เช่นที่อาสนวิหารโอเทิง ประเทศฝรั่งเศส หรืออาสนวิหารซอลส์บรีที่มีหอทำด้วยหินสูงที่สุดในสหราชอาณาจักรอังกฤษ (404 ฟุต) หรืออาจจะเป็นโดม หรือเป็นหอเฉย ๆ ที่ไม่มียอดก็ได้ เช่น ที่อาสนวิหารวินเชสเตอร์ อังกฤษ ถ้าหอเป็นแบบโปร่งซึ่งสามารถให้แสงส่องลงมากลางวัดได้ก็เรียกว่า “หอตะเกียง” เช่น ที่อาสนวิหารบูร์โกส ประเทศสเปน",
"วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1995 บนเครื่องซูเปอร์แฟมิคอม และออกจำหน่ายอีกครั้งบนเครื่องเพลย์สเตชันในปี 1997 ภายใต้ชื่อ Clock Tower ~the First Fear~ โดยบริษัท HUMAN Entertainment เป็นเกมชุดแรกสุดในซีรีส์นี้ เนื้อเรื่องจับความไปที่ตัวละครหลักคือเจนิเฟอร์ ซิมป์สัน (Jennifer Simpson) เด็กสาวอายุ 14 และเพื่อนๆเด็กกำพร้าของเธอซึ่งได้รับการอุปการะจากตระกูลแบโร่วส์ (Barrows) ให้ไปอยู่ที่คฤหาสน์ในประเทศนอร์เวย์ที่มีหอนาฬิกาขนาดใหญ่เป็นจุดเด่น (Clock Tower) แต่แล้วเมื่อเข้าสู่คฤหาสน์แบโรวส์ได้เพียงคืนเดียวเพื่อนๆของเจนิเฟอร์ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ และเธอก็ถูกไล่ล่าจากชายสวมหน้ากากปิศาจถือกรรไกรขนาดใหญ่เป็นอาวุธ ซึ่งเรียกขานกันว่ามนุษย์กรรไกร (Scissors Man) เจนิเฟอร์จึงต้องไขปริศนาของหอนาฬิกาแห่งนี้และเอาตัวรอดออกไปให้ได้",
"ในปี ค.ศ. 1788 โรเบิร์ตเบิร์คส์ส่งบทกวี 'auld lang syne' ไปที่พิพิธภัณฑ์ดนตรีสก็อตแสดงให้เห็นว่าเป็นเพลงโบราณ แต่เขาเป็นคนแรกที่บันทึกเพลงไว้บนกระดาษที่เขียนขึ้นโดยโรเบิร์ต เบิร์นส ในปี ค.ศ. 1788 เป็นที่รู้จักในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ (รวมถึงไม่ได้พูดภาษาอังกฤษ) และมักจะร้องเพื่อเฉลิมฉลองในการเริ่มต้นปีใหม่ในช่วงเสียงตีของนาฬิกาเที่ยงคืน นอกจากนั้นยังใช้ร้องในงานศพ พิธีสำเร็จการศึกษา และการร่ำลา เป็นต้น ชื่อของเพลง \"Auld Lang Syne\" นั้น เมื่อแปลแล้ว หมายถึง \"เมื่อเนิ่นนานมา\" ส่วนเนื้อเพลงนี้มีเนื้อส่วนใหญ่ว่าด้วยเรื่องของการให้อภัยและการลืมเรื่องบาดหมางที่ผ่านมา",
"พื้นที่ทั้งหมดของสหราชอาณาจักรจะอยู่ที่ประมาณ 243,610 ตารางกิโลเมตร (94,060 ตารางไมล์) ประเทศครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่เกาะอังกฤษ.[11] หมู่เกาะอังกฤษ รวมถึง เกาะบริเตนใหญ่, เกาะไอร์แลนด์ และหมู่เกาะขนาดเล็กรอบๆ ประเทศอยู่ระหว่างตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเหนือ ที่มีชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้อยู่ภายใน 22 ไมล์ (35 กิโลเมตร) จากชายฝั่งทางตอนเหนือของ ฝรั่งเศส, ซึ่งจะถูกคั่นด้วยช่องแคบอังกฤษ.[12] ในปี 1993, 10% ของสหราชอาณาจักรเป็นป่า, 46% เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และ 25% เพื่อการเกษตร.[13] 'เดอะรอยัลกรีนิช หอดูดาวกรุงลอนดอน' กำหนดจุด เส้นแวงแรกที่พาดผ่านตำบล Greenwich ของอังกฤษ (English: Prime Meridian).[14]",
"สงครามทำให้กลุ่มอาคารพระราชวังที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ฮาเร็ม ประภาคาร และพระราชวังถูกทำลายจากการระดมยิง ทำให้ไม่ปลอดภัย ที่ตั้งพระราชวังกลายเป็นสวน ขณะที่พระราชวังหลังใหม่ถูกสร้างเหนือที่ตั้งฮาเร็ม House of Wonder แทบไม่ได้รับความเสียหาย และภายหลังเป็นสำนักงานเลขานุการหลักของทางการอังกฤษ ระหว่างการบูรณะ House of Wonder ใน ค.ศ. 1897 หอนาฬิกาถูกสร้างเพิ่มด้านหน้าอาคารแทนประภาคารที่ถูกทำลายไปในการระดมยิง ซากเรือกลาสโกว์ยังคงอยู่ในท่าเรือด้านหน้าพระราชวัง ด้วยเป็นบริเวณน้ำตื้น ทำให้เสากระโดงเรือยังสามารถมองเห็นได้อีกหลายปีต่อมา กระทั่งถูกทำลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยในที่สุด เมื่อ ค.ศ. 1912",
"เมือง ซีอานที่ปรากฏในปัจจุบันเป็นเมืองที่ถูกสร้างมา 600 ปีก่อนราชวงศ์หมิง โดยใน 300 ปีก่อนหน้านี้ เมืองซีอานได้มีโอกาสการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตัวเมืองในปัจจุบันมีพื้นที่มากถึง 129 ตารางกิโลเมตร เปรียบกับ ฉางอาน ในสมัยราชวงศ์ถังแล้วมีพื้นที่ใหญ่กว่าร้อยละ 50 มีจำนวนประชากรมากถึง 1 ล้าน 5 แสนคนโดยประมาณ ภายในเมืองนอกจากจะสร้างอาคารบ้านเรือนสมัยใหม่จำนวนมากแล้ว ยังมีการบูรณะสวนสาธารณะ และโบราณสถานที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่งด้วย หอนาฬิกากลางเมืองซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ หมิง บรรดาเมืองหลวงในประวัติศาสตร์หลาย ๆ แห่งต่างมี หอนาฬิกา แต่ไม่มีที่ไหนจะมีชื่อเสียงอย่างของ ซีอาน สิ่งก่อสร้างสำคัญอีกแห่งหนึ่งทางด้านใต้ของหอนาฬิกาที่ถนนชื่อ ซานเซวี๋ย เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ของมณฑล ส่านซี ภายในมีแท่ง ศิลาจารึก ที่มีชื่อเสียง ซึ่งถูกทำขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง จำนวนมากกว่า 1 พัน แท่ง ด้านใต้ของซีอานยังมีสถูปห่านป่าใหญ่ (ต้าเอี้ยนถ่า วัดต้าฉือเอิน - พระถังซัมจั๋ง ) และสถูปห่านป่าเล็กเป็นสิ่งก่อสร้างในสมัยราชวงศ์ถัง",
"สวิตเซอร์แลนด์ขาดดุลการค้าตลอดมาเว้นแต่ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวช่วงทศวรรษ 1960 ซึ่งส่งผลให้การนำเข้าลดลง แม้ว่าสวิตเซอร์แลนด์จะขาดดุลการค้ากับประเทศอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของยุโรป (ยกเว้นอังกฤษ) แต่สวิตเซอร์แลนด์ได้ดุลการค้าจากประเทศที่พัฒนาน้อยกว่าเช่น สเปน โปรตุเกส และประเทศกำลังพัฒนา\nเครื่องจักรกล อุปกรณ์ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ทางเวชกรรม นาฬิกา และอัญมณี เป็นสินค้าส่งออกหลักของสวิตเซอร์แลนด์ สินค้านำเข้าหลักได้แก่เครื่องจักรกล อุปกรณ์ไฟฟ้า นาฬิกา เคมีภัณฑ์",
"ปัจจุบันภายในหอนาฬิกาไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม เว้นแต่สำหรับผู้ที่อาศัยในประเทศอังกฤษ จะต้องทำเรื่องขอเข้าชมผ่านสมาชิกรัฐสภาอังกฤษประจำท้องถิ่นของตน ถ้าเป็นเด็กต้องมีอายุเกิน 11 ปี จึงจะเข้าชมหอได้ สำหรับชาวต่างประเทศนั้นไม่อนุญาตให้ขึ้นไป [5] ทั้งนี้ผู้ชมต้องเดินบันได 334 ขั้นขึ้นไปเพราะไม่มีลิฟต์[6]",
"บางทีมักเรียกหอนาฬิกานี้ว่า หอเซนต์สตีเฟน (St Stephen's Tower) หรือ<b data-parsoid='{\"dsr\":[1877,1891,3,3]}'>หอบิกเบน (Tower of Big Ben) ซึ่งที่จริงแล้วชื่อหอเซนต์สตีเฟนคือชื่อของหอในพระราชวังอีกหอหนึ่ง[3] ซึ่งใช้เป็นทางเข้าไปอภิปรายในสภา ในเวลาต่อมา รัฐสภาอังกฤษได้มีมติให้ตั้งชื่อหอนาฬิกานี้ว่า หอเอลิซาเบธ[4] เมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555",
"หนีตามกาลิเลโอ () (เดิมชื่อ กาลิเลโอ เพราะโลกมีแรงดึงดูด) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก/ดราม่า มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 กำกับโดย นิธิวัฒน์ ธราธร โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ไปถ่ายทำไกลถึง 3 ประเทศ 3 เมือง คือ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ, ปารีส ประเทศฝรั่งเศส และ เวนิส ประเทศอิตาลี ภาพยนตร์ทำรายได้ 30.34 ล้านบาทนุ่นกับเชอรี่เป็นเพื่อนรักกัน เริ่มเรื่องที่ทั้งสองไปเล่นบันจี้จั๊มพ์ด้วยกัน และเล่าเรื่องปัญหาของตัวเองให้ฟัง \"นุ่น\" (จรินทร์พร จุนเกียรติ) มีปัญหารักเพราะเพิ่งจะเลิกกับแฟนที่ชื่อว่า \"ตั้ม\" (ธนากร ชินกูล) และพยายามที่จะลืมเรื่องของตั้ม ส่วน \"เชอรี่\" (ชุติมา ทีปะนาถ) มีปัญหาเรื่องเรียนเพราะอยากจะเข้าใช้ห้องเขียนแบบ แต่อาจารย์ไม่มาจึงปลอมลายเซ็น จึงถูกพักการเรียน 1 ปีเต็ม ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศกันตามลำพังโดยไป อังกฤษ-ฝรั่งเศส-อิตาลี (ลอนดอน-ปารีส-เวนิส และปิดท้ายด้วยที่หอเอนพีซ่า เมืองพีซ่า) แถวบ้านเกิดของกาลิเลโอ",
"หลายคนเข้าใจว่าบิ๊กเบนเป็นชื่อหอนาฬิกาประจำรัฐสภาอังกฤษ แต่แท้ที่จริงแล้ว บิ๊กเบนเป็นชื่อเล่นของระฆังใบใหญ่ที่สุด หนักถึง 13,760 กิโลกรัม ซึ่งแขวนไว้บริเวณช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา ทั้งนี้มีระฆังรวมทั้งสิ้น 5 ใบ โดย 4 ใบจะถูกตีเป็นทำนอง ส่วนบิ๊กเบนจะถูกตีบอกชั่วโมงตามตัวเลขที่เข็มสั้นชี้บนหน้าปัดนาฬิกา ทว่าคนส่วนใหญ่กลับใช้ชื่อบิ๊กเบนเรียกตัวหอทั้งหมด",
"ปราสาทโดเวอร์ () เป็นป้อมปราการและพระราชวังสร้างในสมัยศตวรรษที่ 11 ตั้งอยู่บนเนินติดกับหน้าผาสีขาวด้านทิศตะวันออกของเมืองโดเวอร์ แคว้นเคนต์ ซึ่งถือเป็นเมืองหน้าด่านในอดีต ทำให้ปราสาทนี้ได้ชื่อว่าประตูสู่อังกฤษ หรือกุญแจสู่อังกฤษ ตัวปราสาทประกอบด้วยหอรบขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ล้อมรอบด้วยกำแพงฉนวนชั้นใน ชั้นกลาง และชั้นนอก จึงถือได้ว่าเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ปัจจุบันปราสาทอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานศิลปากรแห่งชาติอังกฤษ (English Heritage)"
] |
อนิจจลักษณะ คืออะไร? | [
"ไตรลักษณ์ เป็นธรรมะที่ทำให้เป็นพระอริยะ (อริยกรธรรม) แปลว่า ลักษณะ 3 ประการ หมายถึงสามัญลักษณะ คือ กฎธรรมดาของสรรพสิ่งทั้งปวง อันได้แก่ อนิจจลักษณะ ลักษณะไม่เที่ยง มีการแปรเปลี่ยนไปเป็นธรรมดา ทุกขลักษณะ ลักษณะทนอยู่ตลอดไปไม่ได้ ถูกบีบคั้นด้วยอำนาจของธรรมชาติทำให้ทุกสิ่งไม่สามารถทนอยู่ในสภาพเดิมได้ตลอดไป และ อนัตตลักษณะ ลักษณะไม่สามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามต้องการได้ เช่น ไม่สามารถบังคับให้ชีวิตยั่งยืนอยู่ได้ตลอดไป ไม่สามารถบังคับจิตใจให้เป็นไปตามปรารถนา เป็นต้น"
] | [
"ในบางที่ก็มีการใช้ ทุกฺขตาศัพท์ นี้ ทั้ง 2 ความหมาย คือ ทั้งเป็นทุกขลักษณะด้วย และเป็นทั้งทุกข์ด้วย เช่น ทุกฺขตาติ ทุกฺขภาโว ทุกฺขํเยว วา ยถา เทโว เอว เทวตา - คำว่า ทุกฺขตา หมายถึง ทุกขภาวะ (ทุกขลักษณะ) หรือ ทุกขังนั้นแหละก็ได้ เหมือนคำว่า เทวตา ก็หมายถึง เทวะ (เทพ) นั่นเอง.[24] แต่ก็เป็นการใช้ในบางที่เท่านั้น และเพราะในคำอธิบายที่นี้อรรถกถาก็ใช้ทั้ง 2 ความหมายจริง. ส่วนโดยทั่วไป ให้สังเกตว่า ท่านกล่าวถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นลักขณวันตะ (สิ่งมีเครื่องกำหนด) กับ อนิจจตา ทุกขตา อนัตตตา เป็นลักขณะ (เครื่องกำหนด) เหมือนกับที่ท่านแยกอนิจจังเป็นต้นให้เป็นลักขณวันตะ ส่วนอนิจจลักษณะเป็นต้นก็ให้เป็นลักขณะ[25]. นั่นก็เพราะ อนิจจตาโดยทั่วไปก็หมายถึงอนิจจลักษณะนั่นเอง เพราะเป็นลักขณะสำหรับกำหนดตัวอนิจจัง คือขันธ์ 5 นั่นเอง เช่น ในคัมภีร์อนุฎีกาจึงกล่าวแยกอนิจจะกับอนิจจตาไว้ว่า \"ยถา<b data-parsoid='{\"dsr\":[23874,23904,3,3]}'>อนิจฺจาทิโต อนิจฺจตาทีนํ วุตฺตนเยน เภโท เอวํ อนิจฺจตาทีนมฺปิ สติปิ ลกฺขณภาวสามญฺเญ นานาญาณโคจรตาย นานาปฏิปกฺขตาย นานินฺทฺริยาธิกตาย จ วิโมกฺขมุขตฺตยภูตานํ อญฺญมญฺญเภโทติ ทสฺเสนฺโต “อนิจฺจนฺติ จ คณฺหนฺโต”ติอาทิมาห- ท่านอาจารย์เมื่อได้แสดงอยู่ว่า \"การจำแนกอนิจจตาเป็นต้นจากอนิจจะเป็นต้นโดยนัยตามที่กล่าวไปแล้วนั้นว่าไว้ฉันใด การจำแนกกันและกันออกเป็นวิโมกขมุข์ 3 โดยความเป็นอารมณ์ของญาณต่างๆ, โดยความเป็นปฏิปักข์ต่อธรรมต่างๆ, โดยความยิ่งด้วยอินทรีย์ต่างๆ ในลักษณภาวะที่สามัญญทั่วไปแม้ของอนิจจตาเป็นต้นที่แม้มีอยู่ ก็ว่าไปตามนั้นเหมือนกัน\" ท่านจึงกล่าวคำเป็นต้นว่า \"อนิจฺจนฺติ จ คณฺหนฺโต\" ดังนี้เป็นต้น[26]. จากประโยค คำว่า \"อนิจฺจาทิโต อนิจฺจตาทีนํ\"(ตัวหนา) จะเห็นได้ว่า ท่านไม่กล่าว อนิจจัง กับ อนิจจตาไว้ด้วยกัน แต่จะกล่าวให้อนิจจังมีอนิจจตา หรือ อนิจจตาเป็นของอนิจจังเป็นต้น อนิจจตา กับ อนิจจัง ท่านใช้ต่างกันดังยกตัวอย่างมานี้.",
"อนิจจลักษณะทำให้เราทราบได้ว่าขันธ์ 5 เป็นของไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่ยั่งยืน ซึ่งได้แก่ อาการความเปลี่ยนแปลงไปของขันธ์ 5 เช่น อาการที่ขันธ์ 5 เคยเกิดขึ้นแล้วเสื่อมสิ้นไปเป็นขันธ์ 5 อันใหม่, อาการที่ขันธ์ 5 เคยมีขึ้นแล้วก็ไม่มีอีกครั้ง เป็นต้น.",
"อนิจจัง (อนิจฺจํ) - หมายถึง ขันธ์ 5 ทั้งหมด เป็นปรมัตถ์ เป็นสภาวธรรม มีอยู่จริง, คำว่า \"อนิจจัง\" เป็นคำไวพจน์ชื่อหนึ่งของขันธ์ 5. อนิจจลักษณะ (อนิจฺจตา, อนิจฺจลกฺขณํ) - หมายถึง เครื่องกำหนดขันธ์ 5 ทั้งหมดซึ่งเป็นตัวอนิจจัง.",
"\"อนิจฺจนฺติ ขนฺธปญฺจกํ. กสฺมา? อุปฺปาทวยญฺญถตฺตภาวา, หุตฺวา อภาวโต วา. อุปฺปาทวยญฺญถตฺตํ อนิจฺจลกฺขณํ หุตฺวา อภาวสงฺขาโต วา อาการวิกาโร-ที่ชื่อว่า อนิจจัง ได้แก่ ขันธ์ ๕. ถามว่า ทำไม ? ตอบว่า เพราะเป็นของมีความเกิดขึ้นแล้วแปรเป็นอื่น หรือ เพราะเป็นสิ่งเคยมีแล้วก็ไม่มีก็ได้. อนิจจลักษณะ ได้แก่ ความเกิดขึ้นแล้วแปรเป็นอื่น หรือ ความเปลี่ยนแปลงแห่งอาการ ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เรียกกันว่า มีแล้วก็ไม่มี\"ดังนี้[20].",
"สามัญญลักษณะ 3 หมายถึง เครื่องกำหนดที่มีอยู่ทั่วไปในสังขารทั้งหมด ได้แก่ อนิจจลักษณะ - เครื่องกำหนดความไม่เที่ยงแท้, ทุกขลักษณะ - เครื่องกำหนดความบีบคั้น, อนัตตลักษณะ - เครื่องกำหนดความไม่ใช่ตัวตน.",
"ชาวพุทธไทยมักสับสนระหว่างคำว่า อนิจจัง อนิจจตา และ อนิจจลักษณะ เป็นอย่างมาก. เรื่องนี้ควรทำความเข้าใจว่า ปกติแล้วในคัมภีร์ชั้นอรรถกถา อนิจจัง หมายถึง ตัวขันธ์ 5, ส่วนอนิจจตานั้น หมายถึง อาการความเป็นไปของขันธ์ 5 ได้แก่ อนิจจลักษณะ นั่นเอง.",
"การแยก อนิจจัง กับ อนิจจตา เป็นต้นอย่างนี้ เวลาศึกษาควรกำหนดใช้ให้เป็นรูปแบบศัพท์แนวนี้ไว้ จะทำให้เวลาอ่านพระไตรปิฎก-อรรถกถา-ฎีกา เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ไม่เกิดความงุนงง, เนื่องจากคัมภีร์ชั้นอรรถกถา-ฎีกานั้นเป็นคัมภีร์ที่ต้องการเน้นอธิบายเนื้อหาที่ชัดเจน ฉะนั้นภาษาที่ใช้จึงมีรูปแบบที่ชัดเจน ค่อนข้างตายตัวอยู่พอสมควร ส่วนรูปแบบการจัดวางเนื้อหานั้นจะมีการปรับเปลี่ยนไปบ้างในแต่ละคัมภีร์ ทั้งนี้ก็ปรับตามรูปแบบคัมภีร์อรรถกถารุ่นเก่าที่สืบกันมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล หรือ ปรับตามที่ท่านผู้รจนาเห็นว่าเหมาะสมกับเนื้อหา เพราะประเด็นที่เน้นในแต่ละที่จะมีเนื้อหาไม่เหมือนกัน เช่น ในอรรถกถาของขุททกปาฐะ เขียนเรื่อง ทวัตติงสาการไว้ไม่เหมือนกับทวัตติงสาการในวิสุทธิมรรค ทั้งนี้ก็เพราะอรรถกถาขุททกปาฐะมุ่งเน้นที่การเขียนเป็นทางเลือกสำหรับพระภิกษุผู้ยังไม่แน่นอนว่าจะเลือกระหว่าง อาการ 32 หรือ จตุธาตุววัตถาน 42 จึงเขียนไว้ทั้ง 2 กรรมฐานสลับกัน ซึ่งก็ตรงตามจุดประสงค์ของคัมภีร์ขุททกปาฐะที่เน้นการเริ่มต้นศึกษาไปตามลำดับ สำหรับแนะแนวการเริ่มปฏิบัติและแนะแนวการสอนปฏิบัติ, ส่วนในวิสุทธิมรรค เน้นอธิบายอาการ 32 โดยเฉพาะ ซึ่งก็เป็นไปตามเนื้อหาของคัมภีร์วิสุทธิมรรคที่เน้นอธิบายไปทีละอย่างทีละประเด็นสำหรับปฏิบัติสมาธิ (อาการ 32) และสำหรับการปฏิบัติวิปัสสนา (จตุธาตุววัตถาน 42) อย่างละเอียดในแต่ละเรื่องนั้นๆ, วิธีเขียนจึงแตกต่างกันตามคัมภีร์ไปอย่างนี้ เป็นต้น ไม่ใช่เขียนเอาเองตามใจแต่อย่างใด.",
"อนิจจลักษณะทำให้เราทราบได้ว่าขันธ์ 5 เป็นของไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่ยั่งยืน ซึ่งได้แก่ อาการความเปลี่ยนแปลงไปของขันธ์ 5 เช่น อาการที่ขันธ์ 5 เคยเกิดขึ้นแล้วเสื่อมสิ้นไปเป็นขันธ์ 5 อันใหม่, อาการที่ขันธ์ 5 เคยมีขึ้นแล้วก็ไม่มีอีกครั้ง เป็นต้น.",
"อนิจจลักษณะทำให้เราทราบได้ว่าขันธ์ 5 เป็นของไม่เที่ยง ไม่คงที่ ไม่ยั่งยืน ซึ่งได้แก่ อาการความเปลี่ยนแปลงไปของขันธ์ 5 เช่น อาการที่ขันธ์ 5 เคยเกิดขึ้นแล้วเสื่อมสิ้นไปเป็นขันธ์ 5 อันใหม่, อาการที่ขันธ์ 5 เคยมีขึ้นแล้วก็ไม่มีอีกครั้ง เป็นต้น.",
"ฆนะทั้งหมด โดยเฉพาะ 3 อย่างหลังที่เนื่องกันติดกันอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ จะทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่า ขันธ์ 5 บังคับบัญชาตัวเองได้ ไม่ต้องอาศัยปัจจัยอะไรเลย ราวกะมีตัวตนแก่นสาร ทั้งที่ความจริงแล้ว ขันธ์ไม่เคยอยู่เดี่ยวๆ เลย มีแต่จะต้องแวดล้อมไปด้วยปัจจัยและปัจจยุปบันที่ทั้งเกิดก่อน เกิดหลัง และเกิดร่วมมากมายจนนับไม่ถ้วน (ถ้านับละเอียด). ในคัมภีร์ท่านจึงกล่าวไว้ว่า \"ฆนะปิดบังอนิจจลักษณะ\" เพราะอนิจจลักษณะเป็นเครื่องกำหนดความไม่มีตัวตนอำนาจที่เป็นแก่นสารมั่นคงของขันธ์ 5 ซึ่งตรงกันข้ามกับฆนะที่เนื่องกันจนทำให้เข้าใจผิดไปว่า ขันธ์เป็นหนึ่ง มีเหตุคือเรา คือเขาเพียงหนึ่งที่เป็นตัวตนมั่นคงบังคับสิ่งต่างๆได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น และขณะนั้นเองมีเหตุให้เกิดขันธ์เหล่านั้นเกิดอยู่มากมาย หลังจากนั้นโดยทั่วไปก็ยังมีผลที่จะเกิดสืบต่อไปอีกมากมาย. การที่ยังพิจารณาอนัตตลักษณะว่า \"ขันธ์ที่ยังไม่เกิดก็เกิดมีขึ้น พอมีขึ้นแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นไม่มีไปอีก\"เป็นต้น (โดยมุ่งถึงความไม่มีอำนาจส่วนตัว เป็นไปตามหมู่ปัจจัยเป็นอเนกอนันต์) ไม่บ่อย ไม่ต่อเนื่อง หรือเพิ่งเริ่มกำหนด จึงยังไม่เกิดความชำนาญ อนัตตลักษณะที่กำหนดอยู่ก็จะไม่ชัดเจน ไม่เข้าใจกระจ่างเท่าไหร่ฆนะจึงยังมีอำนาจรบกวนไม่ให้กำหนดอนัตตลักษณะได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง.",
"อนิจจะ กับ อนิจจลักษณะ เป็นคนละอย่างกัน เพราะเป็น ลักขณวันตะ และ ลักขณะ ของกันและกัน[1][2][3][4][5] ดังนี้:-",
"สำหรับวิธีการจัดการกับสันตติไม่ให้มีผลกับการกำหนดอนิจจลักษณะนั้น ไม่มีวิธีจัดการกับสันตติโดยตรง เพราะสันตติเป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดาของขันธ์ ไปห้ามกันไม่ได้. แต่ท่านก็ยังคงให้พิจารณาอนิจจลักษณะแบบเดิมเป็นต้นว่า \"ขันธ์ที่ยังไม่เกิดก็เกิดมีขึ้น พอมีขึ้นแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นไม่มีไปอีก\" ดังนี้ ต่อไป โดยทำให้มาก ให้ต่อเนื่อง ให้บ่อยครั้งเข้า อนิจจลักษณะก็จะปรากฏชัดขึ้น และสันตติแม้จะยังมีอยู่ตามเดิม แต่ก็จะไม่มีอำนาจปกปิดอนิจจลักษณะ หรือทำให้อนิจจลักษณะไม่ชัดเจนอีกต่อไป.",
"\"อนิจฺจนฺติ ปญฺจกฺขนฺธา. กสฺมา? อุปฺปาทวยญฺญถตฺตภาวา. อนิจฺจตา</b></u>ติ เตสํเยว อุปฺปาทวยญฺญถตฺตํ, หุตฺวา อภาโว วา, นิพฺพตฺตานํ เตเนวากาเรน อฏฺฐตฺวา ขณภงฺเคน เภโทติ อตฺโถ.- ที่ชื่อว่า อนิจฺจํ ได้แก่ ขันธ์ ๕. ถามว่า ทำไม ? ตอบว่า เพราะเป็นของมีความเกิดขึ้นแล้วแปรเป็นอื่น. ชื่อว่า อนิจจตา ได้แก่ ความแปรเป็นอื่นของขันธ์นั้นนั่นเทียว หรือ อาการมีแล้วก็ไม่มี ก็ได้ อธิบายว่า การไม่ตั้งอยู่ด้วยอาการที่เคยเกิดขึ้นนั้นแล้ว แตกไปด้วยภังคขณะ\"ดังนี้[19]",
"ซึ่งข้อความคล้ายกันนี้ พบอีกในปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ แต่เปลี่ยนจาก อนิจฺจตา เป็น อนิจจํ ดังนี้:-",
"อะไรเอ่ยชื่อว่า 1 สัตว์ทั้งปวงตั้งอยู่ได้ด้วยอาหาร อรรถกถาอธิบายว่า \"สัตว์ทั้งหลายที่ตั้งอยู่ได้ด้วยอาหาร เพราะอรรถว่าเป็นปัจจัยในขันธ์ทั้งหลาย ก็ฉันนั้นเหมือนกัน แต่เมื่อว่าโดยปรมัตถ์ พึงทราบว่า เมื่อขันธ์ทั้งหลาย เกิดแก่และตายอยู่\" [6] อะไรเอ่ยชื่อว่า 2 นามและรูป อรรถกถาอธิบายว่า \"ภิกษุละอัตตทิฏฐิความเห็นว่าเป็นตนได้ ด้วยการเห็นเพียงนามรูปแล้ว เมื่อหน่ายโดยมุขคือการพิจารณาเห็นอนัตตา ย่อมจะเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ ย่อมบรรลุปรมัตถวิสุทธิได้\" [7] อะไรเอ่ยชื่อว่า 3 เวทนา 3 กล่าววคือ สุขเวทนา, ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา อรรถกถาอธิบายว่า \"ภิกษุละสุขสัญญา ความสำคัญว่าสุข ด้วยการเห็นเวทนาทั้งสามเป็นทุกข์ ... ย่อมจะเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ ย่อมบรรลุปรมัตถวิสุทธิได้\" [8] อะไรเอ่ยชื่อว่า 4 อริยสัจ 4 กล่าวคือ ทุกข์, สมุทัย, นิโรธ, มรรค อรรถกถาอธิบายว่า \"ความแห่งบทของอริยสัจเหล่านั้นมีดังนี้ ความตัดขาดภวตัณหา ย่อมมีได้ เพราะความตรัสรู้ตามและแทงตลอดอริยสัจเหล่านี้ เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า - ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทุกขอริยสัจนี้นั้น อันเราตถาคตตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว ฯลฯ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ อันเราตถาคต ตรัสรู้แล้ว แทงตลอดแล้ว ภวตัณหาเราตถาคตก็ถอนได้แล้ว ตัณหา ที่นำไปในภพ ก็สิ้นแล้ว บัดนี้ การเกิดอีกไม่มีกันละ ดังนี้\" [9] อะไรเอ่ยชื่อว่า 5 อุปาทานขันธ์ 5 กล่าวคือ รูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร, วิญญาณ อรรถกถาอธิบายว่า \"เมื่อพิจารณาโดยความเกิดความดับ (ของอุปาทานขันธ์ 5) เป็นอารมณ์ ได้อมตะด้วยวิปัสสนาแล้ว ย่อมทำให้แจ้งอมตะ คือพระนิพพาน โดยลำดับ\" [10] อะไรเอ่ยชื่อว่า 6 อายตนะภายใน 6 กล่าวคือ ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ อรรถกถาอธิบายว่า \" ภิกษุพิจารณาอายตนะภายใน 6 โดยความเป็นของว่าง ตามพระบาลีว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำว่า สุญฺโญ คาโม บ้านว่าง นี้เป็นชื่อของอายตนะภายใน 6 ดังนี้ โดยความเป็นของเปล่าและโดยความเป็นของลวง เพราะตั้งอยู่ได้ไม่นาน เหมือนฟองน้ำและพยัพแดดฉะนั้น ก็หน่าย ทำที่สุดทุกข์โดยลำดับ ย่อมเข้าถึงที่ซึ่งมัจจุราชมองไม่เห็น\" [11] อะไรเอ่ยชื่อว่า 7 โพชฌงค์ 7 กล่าวคือสติ, ธรรมะ, วิริยะ, ปีติ, ปัสสัทธิ, สมาธิ, อุเบกขา อรรถกถาอธิบายว่า \"พระโยคาวจร เมื่อเจริญทำให้มากซึ่งโพชฌงค์ 7 เหล่านี้อย่างนี้ไม่นานนัก ก็จะเป็นผู้ได้คุณมีความหน่ายโดยส่วนเดียวเป็นต้น ด้วยเหตุนั้น จึงตรัสว่า ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบัน\" [12] อะไรเอ่ยชื่อว่า 8 อริยมรรคมีองค์ 8 หรือมรรคมีองค์แปด กล่าวคือสัมมาทิฏฐิ, สัมมาสังกัปปะ, สัมมาวาจา, สัมมากัมมันตะ, สัมมาอาชีวะ, สัมมาวายามะ, สัมมาสติ, สัมมาสมาธิ อรรถกถาอธิบายว่า \"เมื่อเจริญมรรคมีประเภท 8 และมีองค์ 8 นี้อย่างนี้ ย่อมทำลายอวิชชา ทำวิชชาให้เกิด ทำให้แจ้งพระนิพพาน ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า เป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ในปัจจุบัน \" [13] อะไรเอ่ยชื่อว่า 9 สัตตาวาส 9 กล่าวคือภพภูมิทั้ง 9 คือ นานาตฺตกายภูมิ, เอกตฺตกายภูมิ, นานตฺตสญฺญีภูมิ, เอกตฺตสญฺญีภูมิ, อสญฺญีภูมิ, อากาสานญฺจายตนภูมิ, วิญฺญาณญฺจายตนภูมิ, อากิญฺจญฺญายตนภูมิ, เนวสญฺญานาสญฺญายตนภูมิ อรรถกถาอธิบายว่า \"ธรรม 9 ควรกำหนดรู้ คือ สัตตาวาส 9 หน่ายด้วยการเห็นเป็นเพียงกองสังขารล้วนๆ คลายกำหนัดด้วยการเห็นอนิจจลักษณะด้วยตีรณปริญญา หลุดพ้นด้วยการเห็นทุกขลักษณะ เห็นที่สุดโดยชอบด้วยการเห็นอนัตตลักษณะ ตรัสรู้ความเป็นธรรมชอบ ด้วยปหานปริญญา ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้\" [14] อะไรเอ่ยชื่อว่า 10 ท่านผู้ประกอบด้วยองค์ 10 เรียกว่าพระอรหันต์ อรรถกถาอธิบายว่า พระอรหันต์ประกอบด้วยมรรคมีองค์ 8 และสัมมาญาณเป็นองค์ที่ 9 และ สัมมาวิมุตติ เป็นองค์ที่ 10 ยังให้ท่านเป็นพระอเสขะ คือผู้ไม่ต้องศึกษาอีก คือไม่ต้องศึกษาไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปัญญาอีกต่อไป เพราะได้ศึกษาจบโดยได้บรรลุอรหันตผลแล้ว [15]",
"จากข้อความ<u data-parsoid='{\"stx\":\"html\",\"dsr\":[21675,21701,3,4]}'><b data-parsoid='{\"dsr\":[21678,21697,3,3]}'>ที่ขีดเส้นใต้ จะเห็นได้ว่า ท่านอธิบาย อนิจจัง แยกออกจาก อนิจจตาและอนิจจลักษณะ แต่<b data-parsoid='{\"dsr\":[21781,21820,3,3]}'>ใช้สองคำหลังนี้ในความหมายเดียวกัน.",
"อนิจจัง (อนิจฺจํ) - หมายถึง ขันธ์ 5 ทั้งหมด เป็นปรมัตถ์ เป็นสภาวะธรรม มีอยู่จริง, คำว่า\"อนิจจัง\"เป็นคำไวพจน์ชื่อหนึ่งของขันธ์ 5. อนิจจลักษณะ (อนิจฺจตา,อนิจฺจลกฺขณํ) - หมายถึง เครื่องกำหนดขันธ์ 5 ทั้งหมดซึ่งเป็นตัวอนิจจัง.",
"ณัฐ อินทรปาณ ถึงแก่อนิจด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561",
"วันวิสาขบูชา เป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้าถึง 3 เหตุการณ์ คือ การประสูติ การตรัสรู้ และการปรินิพพาน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเหตุการณ์เหล่านั้น คติธรรมหลักคือไตรลักษณ์ หรืออนิจจลักษณะ อันได้แก่ความเป็นธรรมดาของโลก 3 ประการ คือ อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความเป็นทุกข์คือตั้งอยู่ในสภาพเดิมมิได้ และอนัตตา ความที่สังขารทั้งหลายไม่สามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ (เช่น บังคับไม่ให้แก่ไม่ได้ บังคับไม่ให้ตายไม่ได้) ซึ่งทุกสรรพสิ่งในโลก ล้วนตกอยู่ในสภาพ 3 ประการนี้ แม้พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมศาสดาของโลก ก็ยังต้องทรงตกอยู่ในกฎเหล่านี้ ไม่มีใครสามารถพ้นไปได้",
"อนึ่ง ฆนะไม่ได้ปิดบังอนัตตา เพราะอนัตตา คือ ขันธ์ 5 ซึ่งขันธ์ 5 ที่เป็นโลกิยะโดยมากแล้วใคร ๆ แม้ที่ไม่ได้ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สามารถจะเห็นได้ ดังที่ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตรว่า \"กามํ อุตฺตานเสยฺยกาปิ ทารกา ถญฺญปิวนาทิกาเล สุขํ เวทยมานา สุขํ เวทนํ เวทยามาติ ปชานนฺติ น ปเนตํ เอวรูปํ ชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ - ความจริงแล้ว แม้แต่พวกทารกแบเบาะมีความสุขอยู่ในเวลาขณะที่ดื่มนม ก็ย่อมรู้ชัดอยู่ว่า เรามีสุขเวทนา (คือ รู้ตัวว่ากำลังมีความสุข) อยู่ ดังนี้ แต่การรู้อย่างนี้ท่านไม่ได้ประสงค์เอา (ในการเจริญสติปัฏฐาน) \"ดังนี้[18]. ดังนั้นแม้เราจะหั่นหมูเป็นชิ้นๆ จนไม่เหลือสภาพความเป็นหมูอ้วนๆ ให้เห็นเลยก็ตาม หรือจะเป็นนักวิทยาศาสตร์แยกอะตอม (atom) ออกจนสิ้นเหลือแต่คว๊าก (quark) กับกลูอ้อน (gluon) หรือแยกได้มากกว่านั้นก็ตามที แต่หากไม่มนสิการถึงอนิจจลักษณะว่า \"ขันธ์ที่ยังไม่เกิดก็เกิดมีขึ้น พอมีขึ้นแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นไม่มีไปอีก\" เป็นต้น (โดยมุ่งถึงความเบียดเบียนบีบคั้น) เราก็จะไม่สามารถเห็นอนัตตลักษณะได้เลย เพราะความสำคัญของการเจริญวิปัสสนาอยู่ที่การนึกอาวัชชนาการถึงไตรลักษณ์อย่างละเอียดบ่อยๆ เพื่อเปลี่ยนวิปัลลาสทางทิฏฐิ จิต และ สัญญา, ไม่ใช่การทำลายขันธ์ 5 เป็นชิ้นๆ ด้วยน้ำมือของขันธ์นั้นเองแต่อย่างใดเลย.",
"บัญญัติ หรือ ที่ในภาษาบาลีเขียนว่า \"ปญฺญตฺติ\" คือ สิ่งที่จิตคิดค้นขึ้นเองโดยอาศัยปรมัตถธรรมที่เป็นอารมณ์ในวาระจิตก่อนๆ. บัญญัติจึงไม่มีอยู่จริง เพราะไม่ได้ถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้น เป็นได้แค่อารมณ์ของจิตเท่านั้น ไม่มีความสามารถในการเป็นปัจจยุปบัน ไม่สามารถเป็นผลของเหตุได้. บัญญัติจึงไม่มีสังขตลักษณะ คือ ไม่เกิด ไม่ดับ. ตัวอย่างของบัญญัติ เช่น อัตตา, ต้นไม้, กสิณปฏิภาคนิมิต, อนิจจตา (ไม่ใช่อนิจจัง) เป็นต้น.",
"ในวิสุทธิมรรค ท่านได้ยกอนิจจลักษณะจากปฏิสัมภิทามรรคมาแสดงไว้ถึง 25 แบบ เรียกว่า โต 25 และในพระไตรปิฎกยังมีการแสดงอนิจจลักษณะไว้ในแบบอื่นๆ อีกมากมาย. แต่คัมภีร์ที่รวบรวมไว้เป็นเบื้องต้นเหมาะสำหรับเป็นคู่มือสำหรับปฏิบัติธรรมได้แก่ คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค เพราะสามารถจะจำคำที่คนโบราณใช้กำหนดกันจากคัมภีร์นี้แล้วนำไปใช้ได้ทันที ดังที่ท่านแสดงไว้เป็นต้นว่า \"จกฺขุ อหุตฺวา สมฺภูตํ หุตฺวา น ภวิสฺสตีติ ววตฺเถติ - นักปฏิบัติธรรมย่อมกำหนดว่า \"จักขุปสาทที่ยังไม่เกิดก็เกิดมีขึ้น พอมีขึ้นแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นไม่มีไปอีก\"เป็นต้น (ให้เพ่งเล็งถึงลักษณะอาการที่เปลี่ยนไป จะเป็นการกำหนดอนิจจลักษณะ)",
"เอมเพโดคลีส () เป็นนักปรัชญาชาวกรีกเกิดที่เมืองอาร์เจนตุม เกาะซิซิลีเมื่อ พ.ศ. 48 และเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 108 เขาเป็นผู้ที่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย เป็นทั้งนักปรัชญา นักการเมือง แพทย์ กวี และนักวาทศิลป์ แนวคิดทางปรัชญาของเขานั้นพยายามรวมปรัชญาของพาร์เมนิดีสและเฮราคลิตุสเข้าด้วยกันโดยถือว่าภวันต์และอนิจจภาวะล้วนเป็นจริง โดยภวันต์คือธาตุทั้งสี่ อนิจจภาวะเป็นผลของธาตุทั้งสี่ และธาตุทั้งสี่นี้จัดเป็นปฐมธาตุ และยังเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดด้วย",
"สันตติที่เกิดขึ้นสืบต่อกันไปอย่างรวดเร็วไม่ขาดสายนี้ จะทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่า ขันธ์ 5 ไม่เกิดไม่ดับ ทั้งที่ความจริงแล้วเกิดดับต่อกันวินาทีละนับครั้งไม่ได้. ในคัมภีร์ท่านจึงกล่าวว่า \"สันตติปิดบังอนิจจลักษณะ\" เพราะอนิจจลักษณะเป็นเครื่องกำหนดความไม่สืบต่อของขันธ์ 5 ที่มีขอบเขตของเวลาในการดำรงอยู่จำกัดมาก ซึ่งตรงกันข้ามกับสันตติที่ต่อกันจนดูราวกับว่าไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย. การที่ยังพิจารณาอนิจจลักษณะว่า \"ขันธ์ที่ยังไม่เกิดก็เกิดมีขึ้น พอมีขึ้นแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นไม่มีไปอีก\" เป็นต้น ไม่บ่อย ไม่ต่อเนื่อง หรือเพิ่งเริ่มกำหนด จึงยังไม่เกิดความชำนาญ อนิจจลักษณะที่กำหนดอยู่ก็จะไม่ชัดเจน ไม่เข้าใจกระจ่างเท่าไร สันตติจึงยังมีอำนาจรบกวนไม่ให้กำหนดอนิจจลักษณะได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง.",
"อนิจจตา (อนิจจลักษณะ) - อาการไม่เที่ยง อาการไม่คงที่ อาการไม่ยั่งยืน อาการที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมและสลายไป อาการที่แสดงถึงความเป็นสิ่งไม่เที่ยงของขันธ์. ทุกขตา (ทุกขลักษณะ) - อาการเป็นทุกข์ อาการที่ถูกบีบคั้นด้วยการเกิดขึ้นและสลายตัว อาการที่กดดัน อาการฝืนและขัดแย้งอยู่ในตัว เพราะปัจจัยที่ปรุงแต่งให้มีสภาพเป็นอย่างนั้นเปลี่ยนแปลงไป จะทำให้คงอยู่ในสภาพนั้นไม่ได้ อาการที่ไม่สมบูรณ์ มีความบกพร่องอยู่ในตัว อาการที่แสดงถึงความเป็นทุกข์ของขันธ์. อนัตตตา (อนัตตลักษณะ) - อาการของอนัตตา อาการของสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน อาการที่ไม่มีตัวตน อาการที่แสดงถึงความไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของใคร อาการที่แสดงถึงไม่มีตัวตนที่แท้จริงของมันเอง อาการที่แสดงถึงความไม่มีอำนาจแท้จริงในตัวเลย อาการที่แสดงถึงความด้อยสมรรถภาพโดยสิ้นเชิง ไม่มีอำนาจกำลังอะไร ต้องอาศัยพึ่งพิงสิ่งอื่นๆ มากมายจึงมีขึ้นได้.",
"อนึ่ง สันตติไม่ได้ปิดบังอนิจจัง เพราะอนิจจัง ก็คือ ขันธ์ 5 ซึ่งขันธ์ 5 ที่เป็นโลกิยะโดยมากแล้วใครๆ แม้ที่ไม่ได้ศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็สามารถจะเห็นได้ ดังที่ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตรว่า \"กามํ อุตฺตานเสยฺยกาปิ ทารกา ถญฺญปิวนาทิกาเล สุขํ เวทยมานา สุขํ เวทนํ เวทยามาติ ปชานนฺติ น ปเนตํ เอวรูปํ ชานนํ สนฺธาย วุตฺตํ - ความจริงแล้ว แม้แต่พวกทารกแบเบาะมีความสุขอยู่ในเวลาขณะที่ดื่มนม ก็ย่อมรู้ชัดอยู่ว่า เรามีสุขเวทนา (คือ รู้ตัวว่ากำลังมีความสุข) อยู่ ดังนี้ แต่การรู้อย่างนี้ท่านไม่ได้ประสงค์เอา (ในการเจริญสติปัฏฐาน) \"ดังนี้[13]. ดังนั้นแม้เราจะดูทีวีซึ่งมีการขยับเขยื้อน มีสีเปลี่ยนไปมาอยู่มากมายก็ตาม แต่หากไม่มนสิการถึงอนิจจลักษณะว่า \"ขันธ์ที่ยังไม่เกิดก็เกิดมีขึ้น พอมีขึ้นแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นไม่มีไปอีก\" เป็นต้น เราก็จะไม่เห็นสามารถอนิจจลักษณะได้เลย และความจริงหากยังดูทีวีอยู่ ก็คงจะพิจารณาไตรลักษณ์ได้ไม่ดี หรือไม่ได้เลยด้วย เพราะอกุศลจิตนั่นเองจะเป็นตัวขัดขวางการพิจารณา ใคร่ครวญ ค้นคิดธรรมะ.",
"อรรถกถา สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค สฬายตนสังยุตต์ อนิจจวรรคที่ ๑ ๑. อัชฌัตติกอนิจจสูตร\nที่มา: เอกสารประกอบการศึกษา พระอภิธรรมทางไปรษณีย์ ชุดที่ ๒ ชีวิตคืออะไร\nหลักสูตร: การศึกษาพระอภิธรรมทางไปรษณีย์\nของ: อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย",
"ในวิสุทธิมรรค ท่านได้ยกอนิจจลักษณะจากปฏิสัมภิทามรรคมาแสดงไว้ถึง 25 แบบ เรียกว่า โต 25 และในพระไตรปิฎกยังมีการแสดงอนิจจลักษณะไว้ในแบบอื่นๆอีกมากมาย. แต่คัมภีร์ที่รวบรวมไว้เป็นเบื้องต้นเหมาะสำหรับเป็นคู่มือสำหรับปฏิบัติธรรมได้แก่ คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค เพราะสามารถจะจำคำที่คนโบราณใช้กำหนดกันจากคัมภีร์นี้แล้วนำไปใช้ได้ทันที ดังที่ท่านแสดงไว้เป็นต้นว่า \"จกฺขุ อหุตฺวา สมฺภูตํ หุตฺวา น ภวิสฺสตีติ ววตฺเถติ - นักปฏิบัติธรรมย่อมกำหนดว่า \"จักขุปสาทที่ยังไม่เกิดก็เกิดมีขึ้น พอมีขึ้นแล้วต่อไปก็จะกลายเป็นไม่มีไปอีก\"เป็นต้น (ให้เพ่งเล็งถึงลักษณะอาการที่เปลี่ยนไป จะเป็นการกำหนดอนิจจลักษณะ).",
"ในพงศาวดารย่อเมืองเวียงจันทน์ ได้กล่าวว่า พระยาวุฒาธิคุณถึงแก่อนิจจกรรม เมื่อวันอังคาร ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๔ จุลศักราช"
] |
กล้องโทรทรรศน์คืออะไร? | [
"กล้องโทรทรรศน์ คืออุปกรณ์ที่ใช้ขยายสิ่งต่างๆวัตถุท้องฟ้าโดยอาศัยหลักการรวมอันมากมายแสง เพื่อให้สามารถมองเห็นวัตถุท้องฟ้าที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเพราะมันไกลเกินไป หรือทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น และมีขนาดใหญ่ขึ้นตามขนาด กล้องโทรทรรศน์ได้ถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1608 โดยฮานส์ ช่างทำแว่นคนหนึ่งซึ่งต่อมาค้นพบว่าหากนำเลนส์มาวางเรียงกับให้ได้ระยะที่ถูกต้องเลนส์สามารถขยายภาพที่อยู่ไกลๆได้ใกล้ขึ้น และ 1 ปีต่อมา กาลิเลโอ กาลิเลอิ ก็ได้ นำมาสำรวจท้องฟ้าเป็นครั้งแรกซึ่งในตอนนั้นเป็นกล้องหักเหแสงที่มีกำลังขยายไม่ถึง 30 เท่า เท่านั้นแต่ก็ทำให้เห็นรายละเอียดต่างๆมากมายของดวงดาวต่างๆที่ยังไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มมาสำรวจท้องฟ้าโดยใช้กล้องโทรทรรศน์"
] | [
"กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (English: Hubble Space Telescope) คือ กล้องโทรทรรศน์ในวงโคจรของโลกที่กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี นำส่งขึ้นสู่วงโคจรเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1990 ตั้งชื่อตามนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ เอ็ดวิน ฮับเบิล กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลไม่ได้เป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศตัวแรกของโลก แต่มันเป็นหนึ่งในเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การศึกษาดาราศาสตร์ที่ทำให้นักดาราศาสตร์ค้นพบปรากฏการณ์สำคัญต่าง ๆ อย่างมากมาย กล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างองค์การนาซาและองค์การอวกาศยุโรป โดยเป็นหนึ่งในโครงการหอดูดาวเอกขององค์การนาซาที่ประกอบด้วย กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล กล้องรังสีแกมมาคอมป์ตัน กล้องรังสีเอกซ์จันทรา และกล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์[1]",
"กล้องโทรทรรศน์แบบผสม (Catadioptric Telescope) เป็นกล้องโทรทรรศน์ที่ใช้ทั้งเลนส์และกระจกทำงานงานร่วมกับ กล้องโทรทรรศน์แบบผสมใช้กระจกโค้งทำหน้าที่รวมแสงในลักษณะเดียวกับกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง และให้เลนส์ปรับแก้ภาพ (Corretor Plate)ที่หน้ากล้องเพื่อแก้ไขความคลาดทรงกลมของกระจกปฐมภูมิ",
" กล้องโทรทรรศน์มีสามประเภท คือ กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง และกล้องโทรทรรศน์แบบผสม กล้องส่องทางไกลชนิดสองตา มีหลักการทำงานเช่นเดียวกับกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง เพียงแต่ใช้ปริซึมหักเหแสงไปมาเพื่อลดระยะความยาวของลำกล้อ",
"นอกเหนือจากงานดูแลปฏิบัติการตามปกติของกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล และเตรียมการรองรับการปฏิบัติงานของกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์แล้ว สถาบันวิทยาศาสตร์กล้องโทรทรรศน์อวกาศยังทำหน้าที่บริหารและปฏิบัติภารกิจด้านข้อมูลของกล้องโทรทรรศน์อวกาศ (Multi-mission Archive at Space Telescope; MAST) งานบริหารศูนย์ข้อมูลปฏิบัติการเคปเลอร์ (Kepler mission) และกิจกรรมอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ความชำนาญพิเศษหรือโครงสร้างพื้นฐานที่สถาบันมีเพื่อรองรับการทำงานอื่นใดในการสังเกตการณ์ดาราศาสตร์ในอวกาศ รายได้ของสถาบันส่วนใหญ่มาจากสัญญาจ้างโดยศูนย์การบินอวกาศก็อดเดิร์ดขององค์การนาซา นอกนั้นเป็นเงินรายได้เล็กน้อยที่ได้จาก ศูนย์ข้อมูลเอมส์ขององค์การนาซา ห้องทดลองการขับเคลื่อนด้วยไอพ่นของนาซาและจากองค์การอวกาศยุโรป เจ้าหน้าที่ของสถาบันประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์ (ส่วนใหญ่เป็นนักดาราศาสตร์และนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์) วิศวกรซอฟต์แวร์ เจ้าหน้าที่ข้อมูล เจ้าหน้าที่ควบคุมกล้องโทรทรรศน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาและการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ รวมถึงธุรการและเจ้าหน้าที่สนับสนุนทางธุรกิจอีกจำนวนหนึ่ง ประมาณว่ามีนักวิทยาศาสตร์ระดับปริญญาเอกมากกว่า 100 คนทำงานอยู่ที่สถาบันแห่งนี้ โดยเป็นเจ้าหน้าที่จากองค์การอวกาศยุโรปที่ได้รับมอบหมายมาในโครงการกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลจำนวน 15 คน รวมเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของสถาบันประมาณ 350 คน",
"โครงการกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่ สำคัญของนาซา คือโครงการหอดูดาวเอก (Great Observatories) ซึ่งประกอบด้วยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ 4 ชุดได้แก่ กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล กล้องรังสีแกมมาคอมพ์ตัน กล้องรังสีเอกซ์จันทรา และกล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ นอกจากนี้ยังมีกล้องโทรทรรศน์อวกาศอื่น ๆ อีกที่อยู่ในวงโคจรแล้ว และกำลังจะขึ้นสู่วงโคจรในอนาคต",
"หลังจากที่ได้รับไฟเขียวให้เริ่มต้นโครงการแล้ว นาซาก็แบ่งงานไปให้กับหน่วยงานต่าง ๆ มากมาย ศูนย์การบินอวกาศมาร์แชลได้รับมอบหมายให้ออกแบบและก่อสร้างกล้องโทรทรรศน์ ศูนย์การบินอวกาศก็อดเดิร์ดได้รับมอบหมายให้ควบคุมอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ทั้งหมดและเป็นศูนย์ควบคุมสำหรับโครงการนี้ ศูนย์การบินอวกาศมาร์แชลจ้างบริษัทเพอร์กินเอลเมอร์ (PerkinElmer) เพื่อออกแบบและสร้างอุปกรณ์ด้านภาพกับเซ็นเซอร์นำทางอย่างละเอียดสำหรับกล้องโทรทรรศน์ และจ้างบริษัทล็อกฮีด (Lockheed) เพื่อสร้างยานอวกาศที่จะใช้ขนส่งกล้องโทรทรรศน์[12]",
"กาลิเลโอ ได้รับเลือกให้เป็นสัญลักษณ์สำคัญบนเหรียญที่ระลึกขนาด 25 ยูโร ในชุดเหรียญที่ระลึกปีดาราศาสตร์สากล สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2009 เพื่อเป็นการระลึกถึงโอกาสที่กาลิเลโอสร้างกล้องโทรทรรศน์ของเขาครบรอบ 400 ปี ด้านหน้าของเหรียญเป็นภาพครึ่งตัวของกาลิเลโอกับกล้องโทรทรรศน์ ด้านหลังเป็นภาพวาดภาพหนึ่งของกาลิเลโอที่วาดผลการสังเกตการณ์ดวงจันทร์ ขอบเงินรอบ ๆ เหรียญนี้เป็นภาพกล้องโทรทรรศน์อื่น ๆ ได้แก่ กล้องโทรทรรศน์ของไอแซก นิวตัน, กล้องของหอดูดาว Kremsmünster Abbey, กล้องโทรทรรศน์วิทยุ, และกล้องโทรทรรศน์อวกาศ",
"กล้องโทรทรรศน์วิทยุ เป็นอุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ ใช้บันทึกและวัดสัญญาณคลื่นวิทยุจากวัตถุท้องฟ้าต่าง ๆ กล้องโทรทรรศน์วิทยุต่างจากกล้องโทรทรรศน์เชิงแสงตรงที่ปฏิบัติงานในความถี่ของคลื่นวิทยุที่ความยาวคลื่นตั้งแต่ 10 มิลลิเมตร ไปจนถึง 10-20 เมตร โดยทั่วไปจานเสาอากาศของกล้องโทรทรรศน์วิทยุจะมีรูปร่างเป็นพาราโบลา อาจอยู่เดี่ยว ๆ หรือประกอบกันเป็นแถวลำดับ ทำหน้าที่เปรียบเทียบได้กับกระจกของกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสง กล้องโทรทรรศน์วิทยุนำไปสู่การค้นพบวัตถุใหม่และปรากฏการณ์ เช่น เควซาร์ พัลซาร์ และไมโครเวฟพื้นหลัง",
"สปิตเซอร์อุทิศตัวเขาให้กับการผลักดันให้มีการพัฒนากล้องโทรทรรศน์อวกาศ ใน ค.ศ. 1962 สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกาสนับสนุนให้การพัฒนากล้องโทรทรรศน์อวกาศเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอวกาศ ค.ศ. 1965 สปิตเซอร์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการกำหนดวัตถุประสงค์สำหรับการสร้างกล้องโทรทรรศน์อวกาศขนาดใหญ่",
"กล้องโทรทรรศน์อวกาศคอมพ์ตัน เป็นหนึ่งในสี่หอดูดาวขนาดใหญ่ในโครงการหอดูดาวเอกของนาซา ร่วมกับหอดูดาวอื่นๆ ได้แก่ กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล กล้องรังสีเอ็กซ์จันทรา และกล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์",
"ปัญหาด้านงบประมาณทำให้นาซาต้องลดขนาดของโครงการลง โดยลดขนาดกระจกจาก 3 เมตรเหลือ 2.4 เมตร เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ มีขนาดเล็กลงและประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อเสนอที่จะสร้างกล้องโทรทรรศน์อวกาศขนาด 1.5 เมตรเพื่อทดสอบระบบก่อนที่จะนำไปใช้ในกล้องจริงถูกยกเลิก ปัญหาด้านงบประมาณส่งผลให้นักดาราศาสตร์ของสหรัฐฯ ชักชวนองค์การอวกาศยุโรปเข้ามาร่วมโครงการ องค์การอวกาศยุโรปเห็นชอบให้งบประมาณและสนับสนุนอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมทั้งให้โซลาร์เซลล์เพื่อผลิตพลังงานให้กับกล้องโทรทรรศน์และให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยทำงานในสหรัฐฯ เพื่อตอบแทนกับการให้นักดาราศาสตร์ชาวยุโรปสามารถใช้กล้องโทรทรรศน์ได้ 15% ของเวลาสังเกตการณ์ทั้งหมด[9] ค.ศ. 1978 รัฐสภาของสหรัฐฯ จึงเห็นชอบให้งบประมาณ 36,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ โครงการนี้จึงเริ่มต้นอย่างขยันขันแข็งและมีเป้าหมายจะส่งสู่อวกาศในปี ค.ศ. 1983[8] กล้องโทรทรรศน์ตั้งชื่อตาม เอ็ดวิน ฮับเบิล[10] นักดาราศาสตร์ผู้ค้นพบว่าจักรวาลกำลังขยายตัว หนึ่งในการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 20[11]",
"กล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลถูกออกแบบมาให้รับการซ่อมบำรุงในอวกาศได้ นักดาราศาสตร์จึงเริ่มหาทางแก้ไขปัญหาทันทีหลังจากพบปัญหาโดยจะนำไปแก้ไขในภารกิจซ่อมบำรุงครั้งแรกที่มีกำหนดในปี ค.ศ. 1993 แม้ว่าบริษัทโกดักและบริษัทไอเทคได้สร้างกระจกสำรองสำหรับกล้องฮับเบิลขึ้นมาแล้ว แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะนำกระจกเหล่านี้ขึ้นไปติดตั้งบนอวกาศ หรือหากจะนำกล้องโทรทรรศน์กลับมาบนโลกเพื่อมาซ่อมก็จะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลและเสียเวลามาก อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระจกจะมีความคลาดเคลื่อนแต่ก็เป็นความคลาดเคลื่อนที่สามารถวัดได้อย่างละเอียด นักดาราศาสตร์จึงแก้ปัญหาด้วยการสร้างอุปกรณ์เสริมที่มีความคลาดเคลื่อนเท่ากับกระจกเดิมแต่มีทิศตรงกันข้ามขึ้นไปติดตั้งบนกล้องโทรทรรศน์ เปรียบเสมือนการสวม \"แว่นตา\" ให้กับกล้องโทรทรรศน์นั่นเอง[31]",
"กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (; JWST) เป็นโครงการหอดูดาวอินฟราเรดในอวกาศขององค์การนาซาที่วางแผนไว้ในอนาคต เพื่อสืบทอดภารกิจของกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล มีเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ในการสังเกตการณ์วัตถุอันห่างไกลในเอกภพ ซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าความสามารถของกล้องฮับเบิลจะจับภาพได้ กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างองค์การนาซา กับองค์การอวกาศยุโรป (ESA) และองค์การอวกาศแคนาดา (CSA) เดิมมีชื่อเรียกโครงการว่า กล้องโทรทรรศน์อวกาศแห่งยุคหน้า (; NGST) ต่อมาในปี ค.ศ. 2002 ได้เปลี่ยนชื่อไปใช้ชื่อตามผู้บริหารองค์การนาซาคนที่สอง คือ เจมส์ อี. เวบบ์ กล้องเจมส์ เวบบ์ มีแผนจะส่งขึ้นสู่อวกาศอย่างเร็วที่สุดประมาณเดือนตุลาคม ค.ศ. 2019 โดยจรวดแอเรียน 5 (Ariane 5) ที่เฟรนช์เกียนา ประเทศฝรั่งเศสhttp://jwst.nasa.gov/about.html",
"แม้ว่ากล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลได้สร้างผลดีต่อการวิจัยทางดาราศาสตร์อย่างมากจนเป็นที่ประจักษ์ แต่งบประมาณที่มันใช้ก็มากด้วยเช่นกัน จากการศึกษาพบว่าบทความที่ใช้ข้อมูลจากกล้องฮับเบิลมีจำนวนเป็น 15 เท่าของบทความที่ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ขนาด 4 เมตรที่อยู่บนพื้นโลก (เช่น กล้องโทรทรรศน์วิลเลียม เฮอร์เชล) แต่งบประมาณที่ใช้ในการสร้างและซ่อมบำรุงกล้องฮับเบิลกลับมากกว่าถึง 100 เท่า[50]",
"กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ (Spitzer Space Telescope) (ชื่อเดิม Space Infrared Telescope Facility หรือ SIRTF) เป็นกล้องสังเกตการณ์อวกาศอินฟราเรด เป็นกล้องอันดับที่สี่และอันดับสุดท้ายของโครงการหอดูดาวเอกขององค์การนาซา ตั้งชื่อตาม ดร. ไลแมน สปิตเซอร์ จูเนียร์ ซึ่งเป็นผู้เสนอให้ติดตั้งกล้องโทรทรรศน์ไว้ในอวกาศเป็นคนแรกตั้งแต่ช่วง กลางยุคคริสต์ทศวรรษ 1940 กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ค.ศ. 2003",
"กล้องโทรทรรศน์กระจกเหลว กล้องโทรทรรศน์หักเหแสง กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสง กล้องโทรทรรศน์แบบผสม กล้องโทรทรรศน์วิทยุ กล้องโทรทรรศน์รังสีเอ็กซ์ กล้องโทรทรรศน์รังสีแกมมา",
"กระจกและระบบด้านภาพเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของกล้องโทรทรรศน์ฮับเบิล มันจะต้องถูกออกแบบมาให้ตรงกับรายละเอียดที่กำหนดไว้อย่างละเอียดมาก กล้องโทรทรรศน์โดยทั่วไปมีกระจกที่ได้รับการขัดให้ละเอียดอยู่ที่ระดับ 1 ใน 10 ของความยาวคลื่นที่ตามองเห็น แต่เนื่องจากกล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลนั้นใช้สำหรับสังเกตการณ์คลื่นตั้งแต่คลื่นอัลตราไวโอเลตจนถึงคลื่นอินฟราเรดด้วยความคมชัดมากกว่าสิบเท่าของกล้องโทรทรรศน์ก่อนหน้านี้ มันจึงต้องถูกขัดให้ละเอียดถึงระดับ 1 ใน 65 ของความยาวคลื่นที่ตามองเห็น หรือประมาณ 10 นาโนเมตร[13]",
"กล้องโทรทรรศน์อวกาศ โครงการหอดูดาวเอก กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์",
"กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ เป็นหอสังเกตการณ์ในอวกาศในช่วงคลื่นอินฟราเรด ที่วางแผนไว้ว่าจะมารับหน้าที่สืบต่อจากกล้องฮับเบิล[75] โดยมีเป้าหมายหลักทางวิทยาศาสตร์คือการเฝ้าสังเกตวัตถุท้องฟ้าที่อยู่ไกลมาก ๆ ในห้วงจักรวาลอันเกินกว่าที่เครื่องมือใด ๆ ในปัจจุบันจะสามารถทำได้ กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ เกิดขึ้นจากโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศของ องค์การนาซา องค์การอวกาศยุโรป และองค์การอวกาศแคนาดา แต่เดิมมีชื่อเรียกว่า กล้องโทรทรรศน์อวกาศรุ่นถัดไป (Next Generation Space Telescope; NGST) ภายหลังในปี ค.ศ. 2002 จึงเปลี่ยนชื่อตามชื่อของผู้อำนวยการคนที่สองขององค์การนาซา คือ เจมส์ อี. เวบบ์ แผนการนำส่งกล้องโทรทรรศน์นี้ขึ้นสู่อวกาศอย่างเร็วที่สุดคือเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2013 โดยมีจรวด Ariane 5 เป็นตัวนำส่ง[76]",
"กล้องโทรทรรศน์วิลเลียม เฮอร์เชล (; WHT) เริ่มกำเนิดขึ้นในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 เมื่อเริ่มมีการออกแบบหอดูดาวอังโกล-ออสเตรเลียน สมาคมดาราศาสตร์อังกฤษเห็นว่ามีความจำเป็นที่ต้องมีกล้องโทรทรรศน์สำหรับการเปรียบเทียบกำลังในเขตซีกโลกเหนือ การวางแผนก่อสร้างเริ่มในปี 1974 แต่เมื่อถึงปี 1979 โครงการก็เกือบถูกยกเลิกไปเนื่องจากงบประมาณที่บานปลายไปมาก มีการออกแบบใหม่เพื่อลดค่าใช้จ่ายลง และกลุ่มนักดาราศาสตร์ชาวดัตช์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการด้วย 20% ทำให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อได้ในปี 1981 ปีนั้นเป็นปีเฉลิมฉลองครบรอบ 200 ปี การค้นพบดาวยูเรนัสของวิลเลียม เฮอร์เชล กล้องโทรทรรศน์นี้จึงได้ชื่อว่า \"วิลเลียม เฮอร์เชล\" เพื่อเป็นเกียรติ กล้องนี้เป็นสมาชิกหนึ่งในบรรดากลุ่มกล้องโทรทรรศน์ไอแซก นิวตัน ด้วย",
"สถาบันวิทยาศาสตร์กล้องโทรทรรศน์อวกาศ (; STScI) เป็นศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เพื่อดูแลกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (ขึ้นสู่วงโคจรตั้งแต่ ค.ศ. 1990) และกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (จะขึ้นสู่วงโคจรประมาณ ค.ศ. 2013) สถาบันวิทยาศาสตร์กล้องโทรทรรศน์อวกาศตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ วิทยาเขตโฮมวูด ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ สหรัฐอเมริกา เริ่มก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1981 ในฐานะศูนย์ข้อมูลวิทยาศาสตร์ภายใต้การดูแลของสภามหาวิทยาลัยเพื่อการวิจัยด้านดาราศาสตร์ (Association of Universities for Research in Astronomy; AURA) ทำหน้าบริหารข้อมูลที่ได้รับจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลให้เกิดประโยชน์ต่อวงการดาราศาสตร์สูงสุด",
"กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงสามารถสร้างให้มีขนาดใหญ่ในราคาที่ถูกว่ากล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงมา ปัจจุบันกล้องโทรทรรศน์ตามหอดูดาวขนาดใหญ่จะนิยมใช้กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงทั้งสิ้น กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบันคือ กล้อง LBT (Large Binocular Telescope) ตั้งอยู่ที่ Mount Graham International Observatory ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นกล้องแบบสะท้อนแสงที่มีขนาดกระจกปฐมภูมิขนาด 11.8 เมตร นอกจากนี้ กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ก็เป็นกล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงเช่นกัน การที่แสงไม่ต้องเดินทางผ่านชิ้นส่วนเลนส์ในกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง ทำให้มีข้อได้เปรียบกว่ากล้องโทรทรรศน์หักเหแสงอยู่สองประการ ",
"การที่กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลลอยอยู่นอกชั้นบรรยากาศของโลกทำให้มันมีข้อได้เปรียบเหนือกว่ากล้องโทรทรรศน์ที่อยู่บนพื้นโลก นั่นคือภาพไม่ถูกรบกวนจากชั้นบรรยากาศ ไม่มีแสงพื้นหลังท้องฟ้า และสามารถสังเกตการณ์คลื่นอัลตราไวโอเลตได้โดยไม่ถูกรบกวนจากชั้นโอโซนบนโลก ตัวอย่างเช่น ภาพอวกาศห้วงลึกมากของฮับเบิลที่ถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล คือภาพถ่ายวัตถุในช่วงคลื่นที่ตามองเห็นที่อยู่ไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมา",
"ภาพดาวที่บันทึกด้วยกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงจะมีลักษณะเป็นจุดกลมที่สมบูณ์และคมชัดมากนอกจากนี้กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงมีเลนส์ทั้งบริเวณหน้ากล้องเข้าไปได้น้อย การดูแลรักษาทำได้ง่าย และการที่เลนส์ยึดอยู่กับตัวท่อของกล้องอย่างมั่นคงทำให้กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงไม่มีการวางตัวของระบบเลนส์ (Optical Alignment) ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในกล้องโทรทรรศน์ประเภทอื่นๆบเลนส์วัตถุเพื่อปรับปรุงจุดโฟกัสของแสงสีต่างๆให้อยู่ที่จุดเดียวกัน โดยระบบเลนส์ใหม่นี้เรียนกว่า เลนส์อรงค์ (Achromatic Lens) แปลว่า \"ไม่มีสีเพราะปัญหาสีรุ้งในภาพจะลดน้อยลงจนแทบสังเกตไม่เห็น\" วิธีการใช้เลนส์อรงค์สร้างกล้องเป็นวิธีที่ค่อนข้างใหม่ แต่ในสมัยปี ค.ศ. 1669 เป็กๆ ทำให้ปัญหาความคลาดสีปรากฏให้เห็นน้อยลง ซึ่งก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ แต่ตัวกล้องจะมีความยาวหลายสิบเมตรทำให้สังเกตได้ไม่คล่องตัวนัก ถ้าคิดว่าดีก็ทำต่อไปนะ ",
"มีกล้องโทรทรรศน์อวกาศหลายตัวที่อาสาเข้ามาทำหน้าที่แทนกล้องฮับเบิล รวมไปถึงหอสังเกตการณ์ดาราศาสตร์ภาคพื้นดินบางแห่งที่มีกล้องโทรทรรศน์เชิงแสงประสิทธิภาพสูง",
"กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสง () เป็นกล้องโทรทรรศน์ชนิดหนึ่งที่ใช้กระจกโค้งหนึ่งชิ้นหรือมากกว่านั้นเพื่อสะท้อนแสงสำหรับสร้างขึ้นเป็นภาพ คิดค้นขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อแก้ปัญหาของกล้องโทรทรรศน์หักเหแสงที่มีปัญหาเรื่องความคลาดสี (chromatic aberration) อย่างมาก แม้กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงจะทำให้เกิดปัญหาความคลาดแสง (optical aberration) แต่ก็ช่วยให้สามารถจับภาพวัตถุขนาดใหญ่มากๆ ได้ กล้องโทรทรรศน์ส่วนใหญ่ที่ใช้ในงานด้านดาราศาสตร์มักเป็นแบบสะท้อนแสงแทบทั้งหมด และมีการออกแบบปลีกย่อยอีกมากมายหลายแบบเพื่อปรับปรุงคุณภาพของภาพที่ได้ไม่นาน ความต้องการกล้องขนาดใหญ่เพื่อใช้\nหลังจากกาลิเลโอเริ่มสำรวจจักรวาลด้วยกล้องโทรทรรศน์หักเหแสงได้ไม่นาน ความต้องการกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่เพื่อใช้รวมแสงจากวัตถุที่มีแสงริบหรีก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผนวกกับข้อจำกัดต่างๆ ในการสร้างกล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงขนาดใหญ่ จึ่งมีผู้พยายามคิดค้นวิธีสร้างกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง (Reflecting Telescope) ในปีค.ศ. 1663 เจมส์ เกรกอรี (James Gregoy)นักคณิตศาสตร์ชาวสกอต ได้ออกแบบกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ในเวลานั้นเกรกอรีไม่สามารถหาช่างขัดกระจกที่มีความสามารถพอจะขัดกระจกโค้งตามแบบได้ จึงยังไม่มีการประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงขึ้นอย่างจริงจัง จนกระทั่ง เซอร์ ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) ออกแบบและประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงของเขาขึ้นในปีค.ศ. 1668 และเสนอต่อราชบัณฑิตยสภาของอังกฤษในเดือนมกราคมปีค.ศ. 1672",
"การตัดสินใจนี้ถูกต่อต้านจากนักดาราศาสตร์จำนวนมาก นักดาราศาสตร์เห็นว่ากล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลมีค่ามากพอที่ควรเสี่ยง กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ที่จะใช้งานต่อไปนั้นจะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศหลังปี ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นปีที่เลิกใช้งานกระสวยอวกาศทั้งหมดแล้ว และมันยังถ่ายได้เพียงแต่คลื่นอินฟราเรด ขณะที่กล้องฮับเบิลสามารถถ่ายคลื่นอัลตราไวโอเลตและคลื่นที่ตามองเห็นได้ อย่างไรก็ตาม นักดาราศาสตร์จำนวนมากเห็นว่าไม่ควรซ่อมกล้องฮับเบิล หากค่าใช้จ่ายที่ใช้ซ่อมนั้นมาจากงบประมาณที่จะใช้ในกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ วันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2004 ชอน โอคีฟ กล่าวว่าเขาจะทบทวนการตัดสินใจของเขาใหม่เพราะมีเสียงเรียกร้องจากประชาชนและมีการร้องขอจากรัฐสภาของสหรัฐอเมริกาให้นาซารักษากล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลไว้",
"ประวัติศาสตร์ของกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลสามารถย้อนไปได้ตั้งแต่ ค.ศ. 1946 เมื่อนักดาราศาสตร์ชื่อ ไลแมน สปิตเซอร์ เขียนรายงานว่าด้วย ข้อได้เปรียบของการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์จากนอกโลก[7] เขากล่าวถึงข้อได้เปรียบสองประการของการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์จากอวกาศซึ่งกล้องโทรทรรศน์บนโลกไม่สามารถทำได้ ข้อได้เปรียบประการแรกคือความคมชัดเชิงมุมจะถูกจำกัดโดยการเลี้ยวเบนเท่านั้น มันจะไม่ถูกรบกวนโดยชั้นบรรยากาศของโลกซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเห็นดวงดาวกะพริบระยิบระยับบนท้องฟ้า กล้องโทรทรรศน์ในเวลานั้นมีความคมชัดเชิงมุมอยู่ที่ 0.5–1.0 พิลิปดา ข้อได้เปรียบประการที่สองคือกล้องโทรทรรศน์ในอวกาศสามารถสำรวจคลื่นอินฟราเรดและคลื่นอัลตราไวโอเลตได้ ซึ่งคลื่นสองคลื่นนี้ถูกชั้นบรรยากาศของโลกดูดซับไว้อย่างมาก",
"การออกแบบยานอวกาศที่ใช้บรรจุกล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลและอุปกรณ์ต่าง ๆ ถือเป็นความท้าทายทางวิศวกรรมอย่างหนึ่ง มันจะต้องทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างมหาศาลระหว่างช่วงที่มันได้รับแสงอาทิตย์โดยตรงและช่วงที่มันอยู่ในเงามืดของโลก และจะต้องมั่นคงเพียงพอที่จะทำให้ระบบชี้ตำแหน่งกล้องโทรทรรศน์จากพื้นโลกชี้ได้แม่นยำ ฉนวนที่หุ้มห่อหลายชั้นช่วยทำให้อุณหภูมิในกล้องโทรทรรศน์คงที่และล้อมโครงอะลูมิเนียมที่มีกล้องโทรทรรศน์และอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่ภายใน ภายในโครงอะลูมิเนียมมีกรอบแกรไฟต์-อีพ็อกซีช่วยยึดส่วนประกอบของกล้องโทรทรรศน์ให้ติดแน่น",
"กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล คือ กล้องโทรทรรศน์ในวงโคจรของโลกที่กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรีนำส่งขึ้นสู่วงโคจร เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 1990 ตั้งชื่อตามนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ เอ็ดวิน ฮับเบิล กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลไม่ได้เป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศตัวแรกของโลก แต่มันเป็นหนึ่งในเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์การ ศึกษาดาราศาสตร์ที่ทำให้นักดาราศาสตร์ค้นพบปรากฏการณ์สำคัญต่าง ๆ อย่างมากมาย กล้องโทรทรรศน์ฮับเบิลเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างองค์การนาซาและองค์การ อวกาศยุโรป การที่กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลลอยอยู่นอกชั้นบรรยากาศของโลกทำ ให้มันมีข้อได้เปรียบเหนือกว่ากล้องโทรทรรศน์ที่อยู่บนพื้นโลก นั่นคือภาพไม่ถูกรบกวนจากชั้นบรรยากาศ ไม่มีแสงพื้นหลังท้องฟ้า และสามารถสังเกตการณ์คลื่นอัลตราไวโอเลตได้โดยไม่ถูกรบกวนจากชั้นโอโซนบนโลก ตัวอย่างเช่น ภาพอวกาศห้วงลึกมากของฮับเบิลที่ถ่ายจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล คือภาพถ่ายวัตถุในช่วงคลื่นที่ตามองเห็นที่อยู่ไกลที่สุดเท่าที่เคยมีมา โครงการก่อสร้างกล้องโทรทรรศน์อวกาศเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1923 กล้องฮับเบิลได้รับอนุมัติทุนสร้างในช่วงปี ค.ศ. 1970 แต่เริ่มสร้างได้ในปี ค.ศ. 1983 การสร้างกล้องฮับเบิลเป็นไปอย่างล่าช้าเนื่องด้วยปัญหาด้านงบประมาณ ปัญหาด้านเทคนิค และจากอุบัติเหตุกระสวยอวกาศแชลเลนเจอร์ กล้องได้ขึ้นสู่อวกาศในปี ค.ศ. 1990 แต่หลังจากที่มีการส่งกล้องฮับเบิลขึ้นสู่อวกาศไม่นานก็พบว่ากระจกหลักมี ความคลาดทรงกลมอัน เกิดจากปัญหาการควบคุมคุณภาพในการผลิต ทำให้ภาพถ่ายที่ได้สูญเสียคุณภาพไปอย่างมาก ภายหลังจากการซ่อมแซมในปี ค.ศ. 1993 กล้องก็กลับมามีคุณภาพเหมือนดังที่ตั้งใจไว้ และกลายเป็นเครื่องมือในการวิจัยที่สำคัญและเป็นเสมือนฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของวงการดาราศาสตร์"
] |
ดาวฤกษ์พร็อกซิมาคนครึ่งม้า ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อไหร่ ? | [
"ดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี ค้นพบโดยคณะนักดาราศาสตร์จากหอดูดาวท้องฟ้าซีกใต้แห่งยุโรป ประกาศการค้นพบในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2559[5][6][7][3][8] หลังการค้นพบไม่นานนักวิจัยของสถาบันที่วิเคราะห์ศักยภาพในการอยู่อาศัยได้เสนอว่าดาวเคราะห์ดวงนี้อาจเป็นสถานที่ที่มีสภาพเอื้อต่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการสำรวจดาวเคราะห์โดยใช้หุ่นยนต์ตามโครงการสตาร์ช็อต (Starshot)[3][4] หรืออย่างน้อยที่สุดภายในศตวรรษหน้า[4]"
] | [
"หากดาวเคราะห์ดวงนี้มีองค์ประกอบเป็นหินและมีความหนาแน่นเท่ากับของโลก จะได้ค่ารัศมีของดาวอย่างต่ำคือ 1.1 เท่าของรัศมีโลก (R⊕) แต่ถ้าหากดาวเคราะห์มีความหนาแน่นน้อยกว่าโลกหรือมีมวลมากกว่ามวลอย่างต่ำที่วัดได้ครั้งแรกนั้น ขนาดของดาวที่คำนวณได้ก็จะใหญ่ขึ้น[15] ดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี มีอุณหภูมิสมดุลดาวเคราะห์ 234 K (−39 °C) [5] ทำให้ทราบว่าดาวเคราะห์ดวงนี้ตั้งอยู่ในเขตอาศัยได้ของดาวฤกษ์แม่",
"เมฆออร์ต () คือ ชั้นเมฆในอวกาศที่ล้อมรอบระบบสุริยะอยู่เป็นทรงกลม บริเวณเมฆเหล่านี้อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ออกไปราว 50,000 - 100,000 หน่วยดาราศาสตร์ จากดวงอาทิตย์ ไกลออกไปจากขอบระบบสุริยะรอบนอก ตำแหน่งของเมฆออร์ตอยู่ในระยะความห่าง 1 ใน 4 ของดาวแคระแดงพร็อกซิมาคนครึ่งม้า ในกลุ่มเมฆออร์ตนี้มีวัตถุพ้นดาวเนปจูน อย่างดาวเคราะห์แคระ 90377 เซดนา ที่ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 อยู่ด้วย ",
"ภาพเคลื่อนไหวด้านล่างคือแบบจำลองเชิงตัวเลขแสดงอุณหภูมิพื้นผิวที่เป็นไปได้บนดาวเคราะห์พร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี โดยใช้แบบจำลองภูมิอากาศทั่วดาวเคราะห์ (Planetary Global Climate Model) ของห้องปฏิบัติการอุตุนิยมวิทยาเชิงพลวัต (Laboratoire de Météorologie Dynamique) ในที่นี้กำหนดให้ดาวเคราะห์มีบรรยากาศคล้ายโลกและมีมหาสมุทรปกคลุมดาวทั้งดวง เส้นประที่เห็นคือขอบเขตระหว่างผิวมหาสมุทรน้ำ (เหลว) และน้ำแข็ง และดาวเคราะห์มีการหมุนรอบตัวเองครบหนึ่งรอบ",
"มีดาวฤกษ์อยู่ค่อนข้างน้อยในช่วงระยะ 10 ปีแสง (ประมาณ 95 ล้านล้านกิโลเมตร) จากดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ที่สุดคือระบบดาวสามดวง แอลฟาคนครึ่งม้า ซึ่งอยู่ห่างออกไป 4.4 ปีแสง แอลฟาคนครึ่งม้า เอ และ บี เป็นดาวคู่ที่มีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์ มีดาวแคระแดงขนาดเล็กชื่อ แอลฟาคนครึ่งม้า ซี (หรือดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า) โคจรรอบดาวคู่ทั้งสองนั้นที่ระยะห่าง 0.2 ปีแสง ดาวฤกษ์อื่นที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ในลำดับถัดออกไปได้แก่ดาวแคระแดงบาร์นาร์ด (5.9 ปีแสง) ดาววูลฟ์ 359 (7.8 ปีแสง) และ ดาวลาลังเดอ 21185 (8.3 ปีแสง) ดาวฤกษ์ดวงใหญ่ที่สุดในระยะ 10 ปีแสงจากดวงอาทิตย์ได้แก่ ดาวซิริอุส เป็นดาวฤกษ์สว่างบนแถบลำดับหลักที่มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ราว 2 เท่า มีดาวแคระขาวชื่อ ซิริอุส บี โคจรอยู่รอบ ๆ ห่างจากดวงอาทิตย์ของเราไป 8.6 ปีแสง ระบบอื่น ๆ ที่มีอยู่ในระยะ 10 ปีแสงได้แก่ ระบบดาวแคระแดงคู่ ลูยเทน 726-8 (8.7 ปีแสง) ดาวแคระแดงเดี่ยว รอส 154 (9.7 ปีแสง) [101] สำหรับดาวฤกษ์เดี่ยวที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับดวงอาทิตย์ที่อยู่ใกล้ที่สุดคือ เทาวาฬ อยู่ห่างออกไป 11.9 ปีแสง มันมีมวลประมาณ 80% ของมวลดวงอาทิตย์ แต่มีความส่องสว่างเพียง 60% ของดวงอาทิตย์เท่านั้น[102] ดาวเคราะห์นอกระบบที่อยู่ใกล้ที่สุดเท่าที่รู้จัก เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ในระบบดาวของ เอปไซลอนแม่น้ำ ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่ค่อนข้างหรี่จางและมีสีแดงกว่าดวงอาทิตย์ อยู่ห่างออกไป 10.5 ปีแสง มีดาวเคราะห์ในระบบที่ได้รับการยืนยันแล้ว 1 ดวง คือ เอปไซลอนแม่น้ำ บี มีขนาดราว 1.5 เท่าของมวลของดาวพฤหัสบดี คาบโคจรรอบดาวฤกษ์แม่ของมันใช้เวลา 6.9 ปี[103]",
"พร็อกซิมาคนครึ่งม้า () คือดาวแคระแดงในกลุ่มดาวคนครึ่งม้าที่อยู่ห่างจากระบบสุริยะของเราในระยะประมาณ 4.2 ปีแสง ค้นพบโดยโรเบิร์ต อินเนส ผู้อำนวยการหอดูดาวยูเนียนในแอฟริกาใต้เมื่อปี พ.ศ. 2458 ได้ชื่อว่าเป็นดาวฤกษ์ดวงที่อยู่ใกล้ระบบสุริยะมากที่สุดเท่าที่รู้จักกันในปัจจุบัน พร็อกซิมาคนครึ่งม้าอยู่ห่างจากระบบดาวคู่แอลฟาคนครึ่งม้า ซึ่งสว่างกว่าและเป็นดาวที่อยู่ห่างจากโลกเป็นอันดับ 2 และ 3 ประมาณ 0.237 ± 0.011 ปีแสง มีความเป็นไปได้ที่พร็อกซิมาคนครึ่งม้าจะเป็นส่วนหนึ่งในระบบดาวสามดวงร่วมกับแอลฟาคนครึ่งม้า เอ และแอลฟาคนครึ่งม้า บี",
"โอเมกาคนครึ่งม้า (; หรือ เอ็นจีซี 5139) เป็นกระจุกดาวทรงกลมที่พบเห็นอยู่ในบริเวณกลุ่มดาวคนครึ่งม้า ค้นพบโดย เอ็ดมันด์ ฮัลเลย์ เมื่อ ค.ศ. 1677 ซึ่งในเบื้องแรกบันทึกมันเอาไว้ว่าเป็นเนบิวลา ก่อนหน้านี้ โอเมกาคนครึ่งม้าเคยถูกบันทึกอยู่ในรายชื่อดาวฤกษ์ของทอเลมีก่อนหน้านี้ 2000 ปี ในรายชื่อวัตถุทางดาราศาสตร์ของ ลาซายล์ ได้รวบรวมเอาไว้ในหมายเลข I.5 ผู้แรกที่ค้นพบว่ามันคือกระจุกดาวทรงกลม ได้แก่นักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ จอห์น วิลเลียม เฮอร์เชล ในราวคริสต์ทศวรรษ 1830 ",
"ดาวฤกษ์มีค่าความส่องสว่างปรากฏ 11.13 เป็นความส่องสว่างที่ปรากฏเห็นจากโลกโดยตรง[20] ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด แต่เราก็ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลกเนื่องจากดาวฤกษ์มีความสว่างต่ำ",
"รายงานการค้นพบ (\"ดาวเคราะห์ที่มีคุณสมบัติคล้ายโลกในวงโคจรที่เหมาะสมรอบดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า\") โดยองค์การหอดูดาวท้องฟ้าซีกใต้แห่งยุโรป Transclusion error: {{En}} is only for use in File namespace. Use {{lang-en}} or {{en icon}} instead. โครงการค้นหาดาวเคราะห์คล้ายโลกบริเวณดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า Transclusion error: {{En}} is only for use in File namespace. Use {{lang-en}} or {{en icon}} instead.",
"หมวดหมู่:กลุ่มดาวคนครึ่งม้า หมวดหมู่:ดาวเคราะห์นอกระบบที่ค้นพบในปี พ.ศ. 2559 หมวดหมู่:ดาวเคราะห์นอกระบบที่ตรวจพบโดยวิธีวัดความเร็วแนวเล็ง หมวดหมู่:ดาวเคราะห์นอกระบบในเขตอาศัยได้",
"แอลฟาคนครึ่งม้า (α-Centauri) หรือ ไรจิลเคนทอรัส (Rigil Kentaurus) เป็นดาวฤกษ์สว่างที่สุดในกลุ่มดาวคนครึ่งม้าทางใต้ แม้จะมองด้วยตาเปล่าเห็นเป็นวัตถุเดียว แต่แท้จริงแล้ว แอลฟาคนครึ่งม้าเป็นระบบดาวคู่ (ชื่อ แอลฟาคนครึ่งม้า AB) มีโชติมาตรปรากฏ -0.27 ทำให้เป็นดาวฤกษ์เดี่ยวที่สว่างที่สุดอันดับ 3 ในท้องฟ้ากลางคืน รองจากดาวซิริอุสและดาวคาโนปุส",
"ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกค้นพบโดยใช้วิธีวัดความเร็วแนวเล็ง เมื่อพบว่าเกิดการเคลื่อนดอปเพลอร์ของเส้นสเปกตรัมของดาวฤกษ์พร็อกซิมาคนครึ่งม้าเป็นช่วง ๆ ทำให้ทราบว่ามีวัตถุอื่นที่กำลังโคจรรอบดาวฤกษ์ดวงนี้ ความเร็วแนวเล็งที่วัดได้เมื่อเทียบระหว่างดาวฤกษ์ดังกล่าวกับโลกแปรค่าประมาณ 2 เมตรต่อวินาที[5]",
"ดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุดนอกไปจากดวงอาทิตย์ คือดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 39.9 ล้านล้านกิโลเมตร (1012 กิโลเมตร) หรือประมาณ 4.2 ปีแสง แสงจากดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้าใช้เวลาเดินทาง 4.2 ปีจึงจะมาถึงโลก ถ้าเดินทางด้วยความเร็ววงโคจรของกระสวยอวกาศ (ประมาณ 5 ไมล์ต่อวินาที หรือประมาณ 30,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) จะต้องใช้เวลาประมาณ 150,000 ปีจึงจะไปถึงดาวแห่งนั้น[72] ระยะทางที่เอ่ยถึงนี้เป็นระยะทางภายในจานดาราจักรซึ่งครอบคลุมบริเวณระบบสุริยะ[73] หากเป็นบริเวณใจกลางของดาราจักรหรือในกระจุกดาวทรงกลม ดาวฤกษ์จะอยู่ใกล้ชิดกันมากกว่านี้",
"พร็อกซิมา () แปลว่าใกล้ที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับระยะห่างระหว่างดาวดวงนี้กับเรา",
"อัลฟาคนครึ่งม้า บีบี เป็นดาวเคราะห์นอกระบบที่โคจรรอบดาวฤกษ์อัลฟาคนครึ่งม้า บี ตั้งอยู่ห่างจากโลก 4.37 ปีแสง อยู่ในกลุ่มดาวทางใต้คือ กลุ่มดาวคนครึ่งม้า มันเป็นดาวเคราะห์ใกล้โลกมากที่สุดที่ค้นพบมา ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2012",
"ดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้าถือเป็นดาวแปรแสงดวงหนึ่ง ซึ่งบางครั้งความสว่างและการปลดปล่อยอนุภาคพลังงานสูงของดาวจะเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจอันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงเชิงแม่เหล็กของดาว[21] ปรากฏการณ์นี้สามารถสร้างพายุสุริยะขนาดใหญ่และอาจสาดรังสีใส่พื้นผิวของดาวเคราะห์ที่โคจรโดยรอบได้หากดาวเคราะห์ดังกล่าวไม่มีสนามแม่เหล็กที่แรงพอหรือไม่มีชั้นบรรยากาศหนาพอที่จะป้องกัน",
"ดาวดวงแก้ว หรือ แอลฟาคนเลี้ยงสัตว์ (α Boo / α Boötis / Alpha Boötis) คือดาวฤกษ์สว่างที่สุดในกลุ่มดาวคนเลี้ยงสัตว์ มีค่าความส่องสว่างปรากฏเท่ากับ -0.05 ถือเป็นดาวสว่างที่สุดลำดับที่ 3 บนท้องฟ้ายามราตรี (รองจากดาวซิริอุสและดาวคาโนปุส) แต่เมื่อเปรียบเทียบกับดาวคู่แอลฟาคนครึ่งม้าอาจจะดูจางแสงกว่า เพราะดาวคู่แอลฟาคนครึ่งม้าทั้ง 2 ดวงอยู่ใกล้กันมากจนดูด้วยตาเปล่าเสมือนเป็นดาวดวงเดียวกัน ดังนั้นดาวดวงแก้วอาจถือเป็นดาวฤกษ์สว่างลำดับที่ 4 บนท้องฟ้าก็ได้ ดาวดวงแก้วยังอยู่ในเมฆระหว่างดาวท้องถิ่นด้วย",
"ดาวเคราะห์นอกระบบดวงนี้โคจรในเขตอาศัยได้ของดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า เป็นเขตที่น้ำสามารถดำรงสถานะของเหลวได้บนผิวดาวหากชั้นบรรยากาศและดาวเคราะห์เองมีสภาพที่เหมาะสม ดาวฤกษ์แม่เป็นดาวแคระแดง มีมวล 1 ใน 8 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ ทำให้ขอบเขตอาศัยได้อยู่ระหว่าง 0.0423–0.0816 หน่วยดาราศาสตร์[5]",
"ปัจจุบันยังไม่มีการวัดความเอียงปรากฏของวงโคจรของดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี ทำให้ยังไม่สามารถระบุมวลที่แน่นอนของดาวเคราะห์ดวงนี้ได้ ค่ามวลอย่างต่ำที่คำนวณได้โดยทางอ้อมจากการวัดค่าการเคลื่อนดอปเพลอร์มีค่า 1.27 เท่าของมวลโลก (M⊕) ซึ่งถ้ามองจากโลกเห็นวงโคจรของดาวดวงนี้เป็นระนาบด้านข้างแล้ว ความเคลื่อนดอปเพลอร์จะมีค่าสูงสุด ทำให้มวลอย่างต่ำคือมวลที่แท้จริงของดาวเคราะห์[5] ดังนั้นหากทราบค่าความเอียงของวงโคจรก็จะสามารถคำนวณมวลที่แน่นอนได้ ความเอียงที่มีค่ามากขึ้นจะให้ค่ามวลมากขึ้น จากการคำนวณมีโอกาส 90% ที่ดาวเคราะห์ดวงนี้มีมวลสูงสุด 3 M⊕ (2.3 เท่าของมวลต่ำสุด)[14][หมายเหตุ 2]",
"กระจุกดาวโอเมกาคนครึ่งม้าโคจรอยู่รอบๆ ดาราจักรทางช้างเผือกของเรา ถือเป็นหนึ่งในกระจุกดาวทรงกลมจำนวนไม่มากนักที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นกระจุกดาวที่เกี่ยวข้องกับทางช้างเผือกที่ทั้งใหญ่ที่สุดและสว่างที่สุด ตั้งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 15,800 ปีแสง (4,850 พาร์เซก) ประกอบด้วยดาวฤกษ์ชนิดดารากร 2 จำนวนหลายล้านดวง ในใจกลางของกระจุกดาวมีดาวฤกษ์อยู่หนาแน่นมาก ประมาณว่าดาวฤกษ์แต่ละดวงในบริเวณใจกลางตั้งอยู่ห่างกันเพียงประมาณ 0.1 ปีแสงเท่านั้น อายุโดยประมาณของกระจุกดาวนี้คือ 12,000 ล้านปี",
"ในขณะที่ดาราจักรแอนดรอมิดามีดาวฤกษ์ประมาณ 1 ล้านล้านดวง () และดาราจักรทางช้างเผือกมีดาวฤกษ์ประมาณ 3 แสนล้านดวง (3) โอกาสแม้กระทั่งสองดาวชนกันเล็กน้อย เนื่องจากระยะทางขนาดใหญ่ระหว่างดาวฤกษ์ เช่น ดาวที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด คือ พร็อกซิมาคนครึ่งม้า อยู่ประมาณ 4.2 ปีแสง หรือ 30 ล้านขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางแสงอาทิตย์ออกไป หากดวงอาทิตย์เป็นลูกปิงปอง ก็จะต้องประมาณ 1,100 กิโลเมตร (680 ไมล์) และทางช้างเผือก จะต้องประมาณ 30 ล้านกิโลเมตรรอบ ดังนั้นจึงมีโอกาสน้อยมากที่จะมีดาวโคจรมาชนกัน ระหว่างที่ดาราจักรทั้งสองชนกัน",
"ข้อมูลบ่งชี้การมีอยู่ของดาวเคราะห์ถูกพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2556 โดยนักดาราศาสตร์มิกโก ทัวมิ (Mikko Tuomi) จากมหาวิทยาลัยฮาร์ตฟอร์ดเชอร์ โดยพบจากการวิเคราะห์ข้อมูลการสำรวจที่ถูกเก็บไว้[9][10] 3 ปีต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 องค์การหอดูดาวท้องฟ้าซีกใต้แห่งยุโรปได้เริ่มโครงการ<i data-parsoid='{\"dsr\":[8459,8473,2,2]}'>เพลเรดด็อท (Pale Red Dot, จุดแดงอันซีดจาง)[หมายเหตุ 1] โดยใช้อุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ตรวจวัดเพื่อยืนยันการค้นพบใหม่ที่อาจเกิดขึ้น[11] ซึ่งต่อมากลุ่มนักดาราศาสตร์ในโครงการได้ออกมาประกาศการค้นพบอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ปีเดียวกัน กลุ่มนักดาราศาสตร์นำโดยกีเยม อันกลาดา-เอสกูเด จากมหาวิทยาลัยควีนแมรีแห่งลอนดอน ประกาศการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบพร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี[12] โดยบทความถูกตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาเดียวกันแล้วจึงตีพิมพ์ลงในวารสารเนเจอร์[5][13] นักดาราศาสตร์กลุ่มนี้ได้ตรวจวัดโดยใช้เครื่องมือสเปกโตรกราฟสองเครื่อง ได้แก่ \"อุปกรณ์ค้นหาดาวเคราะห์ด้วยวิธีความเร็วแนวเล็งความแม่นยำสูง\" (HARPS) ติดตั้งบนกล้องโทรทรรศน์ ESO 3.6 ม. ณ หอดูดาวลาซียา ประเทศชิลี และ \"สเปกโตรกราฟเอเช็ลแสงที่มองเห็นได้และอัลตราไวโอเล็ต\" (UVES) ติดตั้งบนกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่มาก (VLT) ขนาด 8 เมตร ณ ประเทศชิลี[5] การวัดความเร็วแนวเล็งสูงสุดของดาวฤกษ์กับคาบการหมุนของดาวเคราะห์รอบดาวฤกษ์ทำให้สามารถคำนวณมวลอย่างต่ำของดาวเคราะห์ได้ นอกจากนี้ โอกาสที่การค้นพบนี้จะเป็นการตรวจจับเชิงบวกเทียม (false positive detection) ยังต่ำกว่า 1 ใน 10 ล้าน[9]",
"ดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี โคจรรอบดาวฤกษ์แม่ใช้เวลา 11.185 วัน โดยมีระยะห่างจากดาวฤกษ์มากที่สุด (กึ่งแกนเอก) เพียง 0.05 หน่วยดาราศาสตร์ (7 ล้านกิโลเมตร) ซึ่งเป็นระยะเพียง 1 ใน 20 ของระยะห่างระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ เทียบกับดาวพุธซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดยังมีระยะกึ่งแกนเอก 0.39 หน่วยดาราศาสตร์ พร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี ได้รับฟลักซ์รังสีจากดาวฤกษ์แม่ประมาณ 65 % ของฟลักซ์รังสีที่โลกได้รับจากดวงอาทิตย์ แต่เนื่องจากดาวเคราะห์มีวงโคจรอยู่ใกล้ดาวฤกษ์แม่มาก ทำให้ได้รับปริมาณฟลักซ์ของรังสีเอกซ์สูงกว่าที่โลกได้รับถึง 400 เท่า[5]",
"ดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี ถูกตั้งชื่อตามดาวฤกษ์แม่พร็อกซิมาคนครึ่งม้า ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ประเภทดาวแคระแดงชนิดสเปกตรัม M มีมวล 0.12 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ มีรัศมี 0.14 เท่าของรัศมีดวงอาทิตย์[5] อุณหภูมิผิวเท่ากับ 3,042 K[16] และอายุ 4,850 ล้านปี[12] เปรียบเทียบกับดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิผิว 5,778 K[17] และมีอายุ 4,600 ล้านปี[18] ดาวฤกษ์พร็อกซิมาคนครึ่งม้าหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบใช้เวลาราว 83 วัน[9] มีความสว่างเพียง 0.0015 เท่าของความสว่างดวงอาทิตย์[5] ดาวฤกษ์ดวงนี้มีความพิเศษตรงที่อุดมไปด้วยโลหะ ซึ่งพบได้ไม่บ่อยในกลุ่มดาวฤกษ์มวลน้อย ความเป็นโลหะ ([Fe/H]) ของดาวฤกษ์มีค่า 0.21 สูงกว่าปริมาณที่วัดได้ในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ 1.62 เท่า[19][หมายเหตุ 3]",
"พร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี (English: Proxima Centauri b) หรือเรียก พร็อกซิมา บี (English: Proxima b[1][2]) เป็นดาวเคราะห์นอกระบบในเขตอาศัยได้ โคจรรอบดาวฤกษ์พร็อกซิมาคนครึ่งม้า ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ประเภทดาวแคระแดงในกลุ่มดาวคนครึ่งม้า และถือเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด[3][4] โดยห่างจากโลกราว 4.2 ปีแสง (1.3 พาร์เซก หรือ 40 ล้านล้านกิโลเมตร) ทำให้ดาวเคราะห์นอกระบบดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ที่มีศักยภาพต่อการอยู่อาศัยได้ที่อยู่ใกล้ระบบสุริยะมากที่สุดเท่าที่รู้จัก",
"หากดาวเคราะห์มีการหมุนรอบตัวเองแบบสั่นพ้องอัตราส่วน 3:2 (ความถี่ธรรมชาติรูปแบบหนึ่งของการโคจร) แบบเดียวกับที่ดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์ หากดาวเคราะห์มีการหมุนรอบตัวเองแบบหันด้านหนึ่งเข้าหาดาวฤกษ์เสมอ (synchronous) แบบเดียวกับที่ดวงจันทร์โคจรรอบโลก",
"51 ม้าบิน บี () หรือบางครั้งเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า เบลเลโรพอน (Bellerophon) เป็นดาวเคราะห์นอกระบบที่อยู่ห่างประมาณ 50 ปีแสงจากโลกในบริเวณกลุ่มดาวม้าบิน เป็นดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรกที่ถูกค้นพบในวงโคจรรอบดาวฤกษ์ในแถบลำดับหลัก คือ 51 ม้าบิน ซึ่งเป็นดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์ (ดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรกสุดที่มีการค้นพบนั้นโคจรรอบพัลซาร์ PSR 1257 ค้นพบโดย Aleksander Wolszczan เมื่อปี ค.ศ. 1992) ซึ่งเป็นการค้นพบครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านดาราศาสตร์ มันเป็นดาวเคราะห์ต้นแบบสำหรับการจัดระดับดาวเคราะห์ในประเภท ดาวพฤหัสบดีร้อน",
"ค่าความเยื้องศูนย์กลางของวงโคจรของดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี ยังไม่ทราบแน่ชัด โดยเบื้องต้นทราบว่าต่ำกว่า 0.35[29] ซึ่งมีศักยภาพสูงพอที่จะเกิดการโคจรที่มีอัตราการสั่นพ้องของวงโคจรเป็น 3:2 คล้ายกับการหมุนรอบตัวเองของดาวพุธเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์[30] องค์การหอดูดาวท้องฟ้าซีกใต้แห่งยุโรปสันนิษฐานว่าหากดาวเคราะห์ดวงนี้มีน้ำและบรรยากาศแล้ว จะเกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกว่าเมื่อไม่มีน้ำและบรรยากาศอย่างมาก ซึ่งอาจมีอุณหภูมิเฉลี่ยใกล้เคียงกับโลก[25][29] พื้นที่อาศัยได้อาจเพิ่มขึ้นอีกมากถ้าหากดาวเคราะห์ดวงนี้มีชั้นบรรยากาศหนาพอที่จะสามารถถ่ายเทความร้อนไปยังด้านที่หันหน้าออกจากดาวฤกษ์[26] แบบจำลองให้ผลไว้ว่า หากปัจจุบันดาวเคราะห์ยังมีชั้นบรรยากาศอยู่ ดาวเคราะห์ดวงนี้อาจเคยสูญเสียปริมาณน้ำไปแล้วราว 1 มหาสมุทรในช่วง 100-200 ล้านปีหลังดาวเคราะห์ก่อกำเนิดเนื่องจากถูกรังสีของดาวฤกษ์กวาดออกไปในช่วงนั้น น้ำในสถานะของเหลวอาจปรากฏเฉพาะในพื้นที่ที่มีแดดแรงที่สุดของซีกดาวที่หันหน้าเข้าดาวฤกษ์ (กรณีไทดัลล็อก) หรือบริเวณเขตร้อนของดาว (กรณีการหมุนแบบสั่นพ้องอัตราส่วน 3:2)[24][25] ทำให้สรุปได้ว่า ความสามารถในการกักเก็บน้ำของดาวเคราะห์เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดต่อสภาพการอาศัยได้ของดาวเคราะห์[31] เราอาจใช้กล้องโทรทรรศน์หรือเครื่องมือสำรวจดาวเคราะห์ดวงนี้ได้ ซึ่งจะให้ข้อมูลด้านองค์ประกอบและชั้นบรรยากาศของดาวมากขึ้น นำมาวิเคราะห์ได้มากขึ้น[22]",
"ถึงแม้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะตั้งอยู่ในเขตอาศัยได้ แต่ยังมีการตั้งคำถามถึงการอยู่อาศัยได้ เนื่องจากยังมีเงื่อนไขทางกายภาพอื่น ๆ ที่มีศักยภาพเสี่ยงอันตราย เช่น ดาวเคราะห์ตั้งอยู่ใกล้ดาวฤกษ์พอที่จะเกิดปรากฏการณ์ไทดัลล็อก[13][26] ซึ่งเกิดขึ้นหากดาวเคราะห์มีความเยื้องศูนย์กลางของวงโคจรเป็น 0 ทำให้ด้านหนึ่งของดาวเคราะห์ประจันหันหน้าเข้าดาวฤกษ์และได้รับความร้อนและรังสีอยู่ตลอดเวลา ส่วนอีกด้านตกอยู่ในความมืดและความเย็นตลอดไป[27][28] กรณีดังกล่าวนักวิทยาศาสตร์ได้คิดว่าหากมีพื้นที่อยู่อาศัยได้บนดาวแล้ว พื้นที่นี้น่าจะตั้งอยู่บริเวณขอบของทั้งสองเขตนี้ นั่นคือพื้นที่ระหว่างกลางวันและกลางคืน โดยอุณหภูมิอาจเหมาะสมทำให้น้ำคงอยู่ในสภาพของเหลวได้หากมีน้ำบนดาวเคราะห์[26]",
"หัวข้อเรื่องการอาศัยได้บนดาวพร็อกซิมาคนครึ่งม้า บี นั้นยังไม่ได้มีการเสนออย่างเป็นทางการ[22][23][24] อย่างไรก็ตาม เราสามารถอนุมานแบบจำลองภูมิอากาศและพิจารณาเชิงทฤษฎีได้จากข้อมูลการกักเก็บสารระเหยได้บนดาวและรูปแบบการหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์[24][25]"
] |
จังหวัดพิษณุโลกอยู่ทางภาคใดของไทย ? | [
"จังหวัดพิษณุโลก เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางตอนบนของประเทศไทย มีประชากรในปี พ.ศ. 2558 จำนวน 863,404 คน[1] มีพื้นที่ 10,815.854 ตารางกิโลเมตร แบ่งการปกครองส่วนภูมิภาคออกเป็น 9 อำเภอ มีเทศบาลนครพิษณุโลกเป็นเขตเมืองศูนย์กลางของจังหวัดและเป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับแขวงไชยบุรี ประเทศลาวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัด"
] | [
"จังหวัดพิษณุโลกมีที่ตั้งทางอุตุนิยมวิทยาในภาคเหนือตอนล่าง สำหรับเกณฑ์การแบ่งภาคอย่างเป็นทางการของราชบัณฑิตยสภาอยู่ในเขตภาคกลาง โดยอยู่ทางตอนบนของภาค ห่างจากกรุงเทพมหานคร 368 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 10,815 ตารางกิโลเมตร หรือ 6,759,909 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้",
"จังหวัดทั้ง 9 ของภาคเหนือในการแบ่งเช่นนี้อาจเรียกว่า ภาคเหนือตอนบน ซึ่งส่วนใหญ่เคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรล้านนามาก่อน (สำหรับจังหวัดอุตรดิตถ์และจังหวัดตากเคยเป็นบางส่วน) และมีภาษาถิ่นเป็นคำเมือง ส่วน 8 จังหวัดที่เหลืออาจเรียกว่า ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดนครสวรรค์ อันเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญ ปัจจุบันการแบ่งแบบนี้ไม่นิยมใช้อ้างอิงในเอกสารของทางราชการและบทความทางวิชาการอื่น ๆ เนื่องจากราชบัณฑิตยสถานได้กำหนดให้จังหวัดเหล่านี้ เป็นจังหวัดในเขตภาคกลาง ยกเว้นจังหวัดตากอยู่ในภาคตะวันตก",
"เขตแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคอื่น ๆ ของภาคเหนือ เรียงตามเข็มนาฬิกา ได้แก่ ทิศตะวันตกและทิศเหนือติดกับประเทศพม่า ทิศเหนือและทิศตะวันออกติดกับประเทศลาว ทิศใต้ติดกับภาคกลาง พื้นที่จังหวัดพิษณุโลก และ สุโขทัย ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้มีพื้นที่ติดกับภาคตะวันตก บริเวณจังหวัดตาก",
"การแบ่งจังหวัดเป็นภูมิภาคด้วยระบบ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นการแบ่งที่เป็นทางการโดยคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติ ใช้ในการศึกษาทางภูมิศาสตร์ โดยภาคกลางของระบบ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล นี้ ประกอบไปด้วยเขตการปกครอง 6 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร (ซึ่งเป็นเขตการปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษที่มีฐานะเทียบเท่ากับจังหวัด) โดยมีพื้นที่ทางเหนือไปจนสุดเขตจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดพิษณุโลก และทางใต้ลงไปสุดที่อ่าวไทย ยกเว้นจังหวัดที่ติดกับประเทศพม่า ซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขา และยกเว้นจังหวัดทางภาคตะวันออก",
"ในปี พ.ศ. 2542 ผู้อำนวยการโรงเรียนพิษณุโลกศึกษา นายจุฬา ทารักษา ได้ประสานงานกับผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คือ นายอัศวิน วรรณวินเวศร์ เพื่อขอจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ที่โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ได้ตอบรับเป็นเบื้องต้น โดยรับโรงเรียนพิษณุโลกศึกษาเข้าเป็นเครือข่ายของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา โดยได้ดำเนินการร่วมกันผ่านกรมสามัญศึกษาเพื่อขอจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ แต่ได้ระงับไปช่วงหนึ่งเพราะผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นายอัศวิน วรรณวินเวศร์ เกษียณอายุราชการ ต่อมาผู้อำนวยการโรงเรียนพิษณุโลกศึกษา นายมนู วัฒนไพบูลย์ ได้รับทราบการขอจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ที่โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา และได้รับนโยบายของกรมสามัญศึกษาในการประสานงานจัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ที่โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา จังหวัดพิษณุโลก เพราะเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางของภาคเหนือมีสถาบันอุดมศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยนเรศวร สถาบันราชภัฏ สถาบันราชมงคล ผู้อำนวยการโรงเรียนพิษณุโลกศึกษาได้ประสานงานกับผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กรุงเทพฯ ปัจจุบัน คือ นางพรรณี เพ็งเนตร เพื่อเข้าเป็นเครือข่ายโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้ตอบรับไม่ขัดข้องในการขอเป็นเครือข่ายเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 นายปองพล อดิเรกสาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในขณะนั้นได้ประกาศให้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนพิษณุโลกศึกษา เป็น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือชั้นที่ 1 ห้องประชาสัมพันธ์ ห้องประชุม 1 ห้องเกียรติยศ (ห้องประชุม 2) ห้องประชุม 200 ที่นั่ง (ห้องโสตทัศนศึกษา) ห้องพัสดุ ห้องถ่ายเอกสาร สมาคมนักเรียนเก่าโรงเรียนพิษณุโลกศึกษา-เตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ\nชั้นที่ 2 ห้องท่านผู้อำนวยการ (527) ห้องรองผู้อำนวยการฝ่ายจัดการศึกษาและฝ่ายจัดการศึกษา+ฝ่ายรับเข้าศึกษา (521) ห้องรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนักเรียนและฝ่ายกิจการนักเรียน (525) ห้องรองผู้อำนวยการฝ่ายอำนวยการและฝ่ายอำนวยการ (528) ห้องรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานทั่วไปและฝ่ายบริหารทั่วไป (526) ห้องแนะแนวการศึกษา (524) ห้องประกันคุณภาพการศึกษา (523) ห้องทะเบียน-วัดผล (522) \nชั้นที่ 3 ห้องปฏิบัติการสังคมศึกษา 1 (531) ห้องศูนย์เทคโนโลยีและสารสนเทศโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ (537) ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ 533 534 535 536 ห้องเรียนE-Classroom (532) ห้องแสดงผลงานห้องเรียนสีเขียว (538) ",
"ปี 2549 ทีมฟุตบอลจังหวัดพิษณุโลกได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลไทยแลนด์โปรวิลเชี่ยลลีก ดิวิชั่น1 ซึ่งถือว่าเป็นลีกสูงสุดที่มีการกีฬาแห่งประเทศไทยเป็นผู้จัดการแข่งขัน โดยในปีนี้เองดูเหมือนจะเป็นการชิมลางการรวมลีกการแข่งขันของ 2 ลีกที่มาจาก การกีฬาแห่งประเทศไทย กับ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งการแข่งขันฟุตบอลไทยแลนด์โปรวินเชี่ยลลีก ดิวิชั่น1 ประจำปี 2549 ได้ดึงแชมป์และรองแชมป์ของปีก่อนหน้านี้ อย่างทีมฟุตบอลจังหวัดชลบุรีกับทีมฟุตบอลจังหวัดสุพรรณบุรีขึ้นไปเล่นในระดับไทยแลนด์ลีกสูงสุด และส่งทีมอย่าง ทีโอทีกับการท่าเรือฯ ในชุดที่ถือว่าเป็นชุดบีเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลไทยแลนด์โปรวินเชี่ยลลีก ดิวิชั่น1 อีกด้วย โดยในปีนั้นได้มีกฎให้ทุกทีมที่เข้าร่วมแข่งขันจะต้องมีตราสัญลักษณ์ประจำสโมสร ดังนั้น ทีมฟุตบอลจังหวัดพิษณุโลก จึงได้มีตราสัญลักษณ์ประจำสโมสรเป็นครั้งแรก และใช้สนามกีฬากลางจังหวัดพิษณุโลกเป็นสนามเหย้า โดยในฤดูกาลนั้นทีมฟุตบอลจังหวัดพิษณุโลกทำผลงานจบลงด้วยอันดับที่ 6 ของตารางการแข่งขัน",
"thumbnail|สถานีรถไฟพิษณุโลก จากลักษณะทางภูมิศาสตร์ทำให้จังหวัดพิษณุโลกเป็นจุดศูนย์กลางในด้านคมนาคมของภูมิภาคอินโดจีน โดยเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภาคกลางกับภาคเหนือ รวมทั้งภาคเหนือกับภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย จังหวัดพิษณุโลกจึงได้รับการขนานนามว่าเป็น \"เมืองบริการสี่แยกอินโดจีน\" โดยสามารถเดินทางได้โดยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (แม่สอด-มุกดาหาร) ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 (อินทร์บุรี-เชียงใหม่) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 (พิษณุโลก-นครสวรรค์) โดยทางหลวงทั้ง 3 สายเชื่อมโยงกันด้วยโครงข่ายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 126 (ถนนวงแหวนรอบเมืองพิษณุโลก)",
"การแบ่งจังหวัดเป็นภูมิภาคด้วยระบบ 6 ภาค เป็นการแบ่งที่เป็นทางการโดยคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติ ใช้ในการศึกษาทางภูมิศาสตร์ โดยภาคกลางของระบบ 6 ภาคนี้ ประกอบไปด้วยเขตการปกครอง 21 จังหวัด รวมถึงกรุงเทพมหานคร (ซึ่งเป็นเขตการปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษที่มีฐานะเทียบเท่ากับจังหวัด) โดยมีพื้นที่ทางเหนือไปจนสุดเขตจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดพิษณุโลก และทางใต้ลงไปสุดที่อ่าวไทย ยกเว้นจังหวัดที่ติดกับประเทศพม่า ซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขา และยกเว้นจังหวัดทางภาคตะวันออก จังหวัดในภาคกลางตามการแบ่งที่เป็นทางการ ประกอบไปด้วยจังหวัดต่าง ๆ 21 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ดังตารางข้างล่างนี้",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ เดิมชื่อ โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา เปิดทำการเรียนการสอนเฉพาะในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6) ในรูปแบบสหศึกษา ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 289 หมู่ 5 ถนนเอกาทศรถ ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยกระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศให้เปลี่ยนชื่อ โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา เป็น โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2546",
"ในปี พ.ศ. 2511คณะกรรมการพุทธสมาคมจังหวัดพิษณุโลก นำโดยนายละเมียด อัมพวะศิริ นายกพุทธสมาคมจังหวัดพิษณุโลก และนายเนียม สุขแก้ว เลขานุการพุทธสมาคมจังหวัดพิษณุโลก ทราบว่า ท่านพระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สมฺปนฺโน) เจ้าอาวาสวัดสระแก้วปทุมทอง และเจ้าคณะอำเภอเมืองพิษณุโลก เป็นพระเถราจารย์ในภาคเหนือตอนล่างที่เก็บสะสมมวลสารโบราณไว้มากมายทั้งยังครอบครองดูแลวัตถุโบราณหายากอันทรงคุณค่า และเป็นผู้นำเอาดินก้นกรุและโอ่งใต้ฐานสมเด็จพระนางพญา วัดนางพญา จังหวัดพิษณุโลกมาเก็บไว้ คณะกรรมการพุทธสมาคมจังหวัดพิษณุโลก และพลเอกสำราญ แพทยกุล แม่ทัพกองทัพภาคที่ 3 ในขณะนั้นจึงได้กราบนิมนต์ ท่านพระครูศีลสารสัมบัน (สำรวย สมฺปนฺโน) เป็นแม่งานรับผิดชอบในการจัดสร้างพระพิมพ์ชนิดผง และดินผสมผงเก่า เพื่อใช้ในการประกอบพิธีจักรพรรดิ์มหาพุทธาภิเษก วันที่ 19 – 20 มกราคม 2515 ณ พระวิหารพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร (วัดใหญ่) พิษณุโลก ตามคำเสนอแนะของเจ้าคุณพระพิษณุบุราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก ในสมัยนั้น",
"สุวิไล เปรมศรีรัตน์ และคณะ ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับงานวิจัยผู้ใช้ภาษาไทยถิ่นเหนือไว้ว่า ภาคเหนือตอนบนประกอบด้วย 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, แพร่ และน่าน ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาเหนือเป็นภาษากลาง และภาคเหนือตอนล่างประชากรส่วนใหญ่พูดภาษาไทยกลาง แต่มีเขตที่พูดภาษาไทยถิ่นเหนือด้วยหลายตำบล เช่น ตาก, สุโขทัย, กำแพงเพชร, อุตรดิตถ์, พิจิตร และพิษณุโลก[4]",
"คณะรัฐมนตรีลงมติเมื่อปี พ.ศ. 2502 อนุมัติให้จัดตั้งหน่วยงานระดับกอง สังกัดกรมประชาสัมพันธ์ ขึ้นในส่วนภูมิภาค ภายใต้ชื่อว่า “ศูนย์ประชาสัมพันธ์เขต” (ปัจจุบันคือ สำนักประชาสัมพันธ์เขต) พร้อมทั้งเริ่มจัดตั้ง สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ภายในที่ทำการ ของศูนย์ประชาสัมพันธ์เขตทั้งสามแห่ง ด้วยงบประมาณลงทุน 25 ล้านบาท ซึ่งทยอยเริ่มออกอากาศ ตั้งแต่ราวเดือนเมษายน-พฤษภาคม พ.ศ. 2505 และใช้เครื่องส่งขนาด 500 วัตต์ ด้วยระบบแพร่ภาพขาวดำ 525 เส้นต่อภาพ 30 ภาพต่อวินาที เช่นเดียวกับในส่วนกลาง ประกอบด้วย สทท.จังหวัดลำปาง ในภาคเหนือ ทางช่องสัญญาณที่ 8, สทท.จังหวัดขอนแก่น ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทางช่องสัญญาณที่ 5 และ สทท.จังหวัดสงขลา ในภาคใต้ ทางช่องสัญญาณที่ 9 ต่อมาภายหลัง กรมประชาสัมพันธ์ทยอยดำเนินการ ปรับปรุงเครื่องส่งให้เป็นระบบแพร่ภาพสีทั้งหมด ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 12 แห่งคือ ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดพิษณุโลก, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอุบลราชธานี, ภาคกลาง ที่จังหวัดกาญจนบุรี, ภาคตะวันออก ที่จังหวัดจันทบุรี, ภาคใต้ ที่จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี",
"จังหวัดกำแพงเพชร เป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ในภาคกลางตอนบนของประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณ 8,607 ตารางกิโลเมตร มีประชากรในปี พ.ศ. 2560 จำนวน 729,133 คน ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 362 กิโลเมตร จังหวัดที่อยู่ติดกันจากทิศเหนือวนตามเข็มนาฬิกา ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดพิจิตร จังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดตาก",
"เทศบาลนครพิษณุโลกตั้งอยู่ในอำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ 18.26 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลในเมืองทั้งตำบล อยู่ในบริเวณตอนบนของภาคกลางของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศเหนือประมาณ 377 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ ดังนี้พิษณุโลกมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ มีแม่น้ำน่านไหลผ่านกลางเมืองในแนวเหนือ–ใต้ แบ่งพื้นที่เทศบาลออกเป็นสองฝั่ง ได้แก่ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำ มีพื้นที่ประมาณ 13 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งประกอบธุรกิจ การขนส่ง และการติดต่อสื่อสาร ส่วนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ มีพื้นที่ประมาณ 5 ตารางกิโลเมตร เป็นย่านที่อยู่อาศัย สถานที่ราชการ และสถานศึกษา",
"ในประเทศไทย นอกจากที่จังหวัดลำปางแล้ว เต่าปูลูยังพบได้ที่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่อุทยานแห่งชาติคลองตรอน อำเภอน้ำปาด, จังหวัดพิษณุโลก พบที่อำเภอนครไทย, จังหวัดน่าน พบที่ป่าห้วยหลวง ตำบลเรือง อำเภอเมืองน่าน และ อุทยานแห่งชาติขุนน่าน รวมถึงอีกหลายที่ในจังหวัดภาคเหนือ ",
"นายอนันต์ เป็นผู้ก่อตั้งกิจการรถเมล์บ้านเรา ที่เปิดบริการรถเมล์รอบเมืองพิษณุโลก ต่อมาได้เข้าสู่งานการเมืองโดยการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก ได้รับเลือกตั้งสมัยแรก จากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2512 โดยไม่สังกัดพรรคการเมืองใด และได้รับเลือกตั้งอีกครั้ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2518 ในสังกัดพรรคไท ",
"ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยที่ราบซึ่งเกิดจากการที่แม่น้ำพัดพาเอาเศษหิน เศษดิน กรวดทราย และตะกอนมาทับถมพอกพูนมานับเป็นเวลาล้าน ๆ ปี บริเวณที่ราบของภาคนี้กินอาณาบริเวณตั้งแต่ทางใต้ของจังหวัดอุตรดิตถ์ลงไปจนจรดอ่าวไทย นับเป็นพื้นที่ราบที่มีขนาดกว้างใหญ่กว่าภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศ อย่างไรก็ตามบางบริเวณของภาคกลาง มีภูเขาโดด ๆ ทางจังหวัดนครสวรรค์และด้านตะวันตกของจังหวัดพิษณุโลก จากหลักฐานทางธรณีวิทยา สันนิษฐานว่าภูเขาโดดเหล่านี้เดิมเคยเป็นเกาะ เพราะน้ำทะเลท่วมขึ้นไปถึงจังหวัดอุตรดิตถ์ในหลายยุค พื้นดินยกตัวสูงขึ้น รวมทั้งการกระทำของแม่น้ำหลาย ๆ สายซึ่งมีการกัดเซาะสึกกร่อนและการทับถมพอกพูน ทำให้บริเวณดังกล่าวเป็นที่ราบอันกว้างใหญ่ของประเทศ",
"การแบ่งภูมิภาคแบบ 4 ภูมิภาค ใช้ในบางบริบทในการบริหารและสถิติ และยังเป็นการแบ่งกลุ่มวัฒนธรรมแบบกว้าง ๆ โดยจัดให้ภาคตะวันตกและภาคตะวันออกรวมอยู่ในภาคกลาง ในขณะที่จังหวัดสุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี อยู่ในภาคเหนือ การแบ่งแบบนี้ใช้กันมากในโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อพูดถึงสภาพอากาศหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระดับภูมิภาค",
"วันที่ 24 มกราคม 2557 เส้นทางผาหล่มสัก-ลิงก์ ทอ. ภูกระดึง จังหวัดเลย สามารถวัดอุณหภูมิยอดหญ้าได้ที่ติดลบ-6องศา ในเวลาตี5ครึ่ง เกิดแม่คะนิ้งเป็นบริเวณกว้าง วันที่ 24 มกราคม 2557 หมู่บ้านร่องกล้า ใกล้อุทยาแห่งชาติภูหินร่องกล้า อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก สามารถวัดอุณหภูมิยอดหญ้าได้ติดลบ-4องศา เกิดแม่คะนิ้งเป็นบริเวณกว้าง (จังหวัดพิษณุโลกอยู่ระหว่างภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน เพื่อลดความกำกวมระหว่างภาคกลางและภาคเหนือ)",
"ปี 2555 พิษณุโลก ทีเอสวาย เอฟซี มีการเปลี่ยนแปลงหลายด้านทั้งฝ่ายจัดการและผู้เล่นของสโมสร โดยมีการปรับเปลี่ยนหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็น นายไพบูลย์ เลิศวิมลรัตน์ ส่วนนายสิทธิพล เอี่ยมสง่า หรือโค้ชโหน่ง ให้ดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายเทคนิค ส่วนผู้จัดการทีมยังคงเดิมคือ พ.ต.ท.ชาญชัย หาแก้ว และมีการรับนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทีมอีกจำนวน 21 คน เพื่อทดแทนนักเตะเดิมที่ขอย้ายทีมออกไป (ส่วนใหญ่ย้ายไปอยู่กับ นครสวรรค์ เอฟซี) พร้อมสร้างนักเตะหน้าใหม่ซึ่งเป็นคนพิษณุโลกเข้าสู่ทีมชุดใหญ่อีก 3 คน คือ อานนท์ แก้วอ่วม, เอกภาพ แกล้วกสิกิจ และ สราวุฒิ อิ่มอรชร สำหรับในด้านงบประมาณในปี 2555 ทางสโมสรได้ตั้งไว้ถึง 12 ล้านบาท โดยภาครัฐได้รับการสนับสนุนจากจังหวัดพิษณุโลก, องค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก และเทศบาลนครพิษณุโลก ส่วนผู้สนับสนุนหลักภาคเอกชน ได้แก่ ไทยเส็งยนต์การเกษตร, กลุ่มแกรนด์สปอต, กลุ่มอีซูซุฮกอันตึ้ง, เอสเอ็นเอ็นลิสซิ่ง, เอไอเอ และไอเดียเฟอร์นิเจอร์ โดยในปี 2555 สโมสรวางเป้าหมายในการเข้าสู่รอบแชมป์เปี้ยนลีกเพื่อเลื่อนชั้นขึ้นไปเล่นในศึกดิวิชั่น 1 ในฤดูกาลหน้าต่อไป นอกจากนี้ ทางสโมสรยังได้เปิดตัวแมสคอตใหม่ 2 ตัว ที่จะออกมาร่วมเชียร์กับเหล่าบรรดาแฟนบอลที่ข้างสนาม คือ \"ช้างศึก\" เป็นแมสคอตช้างสีม่วงที่สวมเสื้อแข่งของสโมสร และ \"Violo\" แมสคอตขุนศึกที่พร้อมรบในทุกสนามแข่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างสีสันในการแข่งขันได้ไม่น้อยและจะเป็นที่รักของเหล่าแฟนบอลของสโมสรอย่างแน่นอน",
"พิษณุโลก เป็นเทศบาลนครแห่งหนึ่งและเป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งในภาคกลางตอนบนของประเทศไทย และเป็นเมืองศูนย์กลางและเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตั้งศาลากลางของจังหวัดพิษณุโลก ในปี พ.ศ. 2560 มีประชากรประมาณ 68,000 คน",
"กองทัพภาคที่ 3 (ทภ.3) ของกองทัพบกไทย รับผิดชอบพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด ตั้งกองบัญชาการที่จังหวัดพิษณุโลก หน่วยรบที่สำคัญ คือ ",
"โรงเรียนพิษณุโลกศึกษาได้ขยายตัวเพื่อรองรับนักเรียน ทั้งระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลายอย่างรวดเร็ว ต่อมากระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายในการจัดการศึกษาให้ทุกโรงเรียนทั่วประเทศไทยให้มีคุณภาพทัดเทียมกัน แม้จะอยู่ส่วนใดของประเทศไทยก็ตาม อีกทั้งกรมสามัญศึกษา มีนโยบายที่จะขยายโอกาสทางการศึกษาและต้องการที่จะมีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาอยู่ในทุกภาคของประเทศไทย ทำให้เกิดโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.สกลนคร โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคใต้ ที่ จ.นครศรีธรรมราช และมีดำริที่จะตั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ที่ จ.พิษณุโลก",
"นอกจากนี้แล้วในประเทศไทย ยังมีการแบ่งออกได้เป็นอีก 2 ชนิดใหม่ คือ กะท่างเหนือ (\"T. uyenoi\") พบในดอยสูงของภาคเหนือ และกะท่างอีสาน (\"T. panhai\") พบตามเทือกเขาสูงทางภาคอีสานและจังหวัดพิษณุโลก",
"ปี 2555 พิษณุโลก ทีเอสวาย เอฟซี ภายใต้การนำของกุนซือใหญ่ เทเวศน์ กมลศิลป์ มีความพร้อมในทุกๆ ด้านมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งศักยภาพของทีมงาน หัวหน้าคณะผู้ฝึกสอน และนักเตะที่มีความสามารถ โดยเฉพาะกองเชียร์ของสโมสรที่ติดตามให้กำลังใจนักเตะขุนพลนเรศวรมาตลอด ซึ่งจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญที่จะทำให้สโมสรก้าวสู่ ไทยลีก ดิวิชั่น 1 ในปีนี้ ซึ่งในปี 2556 สโมสรใช้งบประมาณในการทำทีมประมาณ 14 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาคเอกชน และ อบจ.พิษณุโลก เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ในปี 2556 สโมสรยังมีแผนในการพัฒนาทีมเยาวชนของสโมสรและส่งเข้าแข่งขันตามลีกต่างๆ เพื่อเฟ้นหานักเตะดาวรุ่งมาเป็นกำลังสำคัญของสโมรสรในระยะยาว และยังมีโครงการเปิดคลินิกฟุตบอลเพื่อเสริมทักษะฟุตบอลให้กับเยาวชนชาวพิษณุโลกเพิ่มเติมอีกด้วย",
"โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ เดิมชื่อ โรงเรียนพิษณุโลกศึกษา ตั้งอยู่เลขที่ 289 หมู่ 5 ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำจังหวัดแห่งที่ 3 ของจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้ทำการเปิดเรียนเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2517 สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2511 ดร.ก่อ สวัสดิพาณิชย์ อธิบดีกรมวิสามัญศึกษา (ต่อมาเป็นกรมสามัญศึกษา) ในขณะนั้นได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม โดยมีนายมานะ เอี่ยมสกุล เป็นอาจารย์ใหญ่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมและได้ปรารภกับ นายมานะ เอี่ยมสกุล ว่าต้องการจะได้ที่ดินประมาณ 200 ไร่ เพื่อก่อตั้งวิทยาลัยชั้นสูงหรือโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ขึ้นในจังหวัดพิษณุโลกอีกหนึ่งแห่ง ต่อมานายละเมียน อัมพวะสิริ นายกสมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมในสมัยนั้น ได้ทราบจากนายประเสริฐ สิทธิชัย ผู้จัดการโรงงานพิษณุโลกองค์การทอผ้า ว่ามีพื้นที่ว่างเปล่าเป็นพื้นที่ราชพัสดุ ซึ่งกระทรวงกลาโหมควบคลุมดูแลอยู่ประมาณ 200 ไร่เศษ ตั้งอยู่ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก นายมานะ เอี่ยมสกุล ได้แจ้งให้อธิบดีกรมสามัญศึกษาทราบ ต่อมากรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้ติดต่อขอใช้พื้นที่ดังกล่าวจากกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อเป็นสถานที่ก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาอีกหนึ่งแห่ง อธิบดีกรมสามัญศึกษาได้แจ้งให้อาจารย์ใหญ่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม ทราบว่า กรมสามัญศึกษาอนุมัติให้เปิดโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดพิษณุโลกบนพื้นที่ดังกล่าวอีกหนึ่งแห่ง และได้เปิดทำการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2517 โดยนายประสิทธิ์ มากลิ่น ดำรงตำแหน่งผู้บริหารคนแรกและได้เปิดรับนักเรียน ครั้งแรกระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 4 ห้อง 186 คน ครูอาจารย์จำนวน 7 คน โดยได้ฝากที่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคมก่อน ต่อมาในวันที่ 23 มิถุนายน 2518 นายประสิทธิ์มากลิ่น อาจารย์ใหญ่โรงเรียนพิษณุโลกศึกษาคนแรก ได้ทำการย้ายสถานที่เรียนจากโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม มาทำการเรียน ณ ที่อยู่ปัจจุบัน",
"ทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 หรือ ถนนมอเตอร์เวย์บางปะอิน-เชียงใหม่ (ช่วงเด่นชัยลำปาง และ มอเตอร์เวย์ลำปาง-เชียงใหม่) เป็นโครงข่ายการขยายเส้นทางการคมนาคมจากกรุงเทพมหานครสู่จังหวัดในกลุ่มภาคเหนือ โดยผ่าน จังหวัพระนครศรีอยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาถ นครสวรรค์ พิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ แพร่ ลำปาง ลำพูน ไปสิ้นสุดที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยช่วงที่ผ่านจังหวัดลำปาง ได้ใช้เส้นทางร่วมกับ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 มาจากอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ เข้าสู่จังหวัดลำปาง ผ่านอำเภอแม่ทะ จนมาถึงแยกโยนก หน้ามหาวิทยาลัยเนชั่นลำปาง อำเภอเมืองลำปาง แล้วเลี้ยวซ้าย ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 เดิม แล้วเปลี่ยน มาเป็นทางยกระดับ โดยใช้พื้นที่เกาะกลางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 ไปเรื่อย ๆ (ไม่มีทางขึ้น-ลงใด ๆ) จนมาถึงสี่แยกภาคเหนือ จุดตัด ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน เหนือ-ใต้ และ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 แนวออก-ตก",
"สุโขทัย (Northern Thai: ᩈᩩᨠᩮ᩠ᨡᩣᨴᩱ᩠ᨿ, เดิมสะกดว่า ศุโขไทย[1]) เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดแพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก กำแพงเพชร ตาก และลำปาง (เรียงตามเข็มนาฬิกาจากด้านเหนือ)",
"นอกจากการแบ่งตามราชบัณฑิตยสถานแล้ว ยังมีหน่วยงานที่เคยจัดแบ่งภูมิภาคของประเทศไทยขึ้นเพื่อกำหนดแผนบริหารงานด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นการแบ่งภูมิภาคอย่างไม่เป็นทางการได้แก่ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยกำหนดให้ภาคเหนือมีทั้งหมด 17 จังหวัด[1] ประกอบด้วย 9 จังหวัดภาคเหนือข้างต้น กับอีก 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก พิษณุโลก สุโขทัย เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร นครสวรรค์ และจังหวัดอุทัยธานี"
] |
มาร์เวลคอมิกส์ ก่อตั้งโดยใคร ? | [
"บริษัท มาร์เวลเวิลด์ไวด์ (English: Marvel Worldwide, Inc.) หรือเรียกทั่วไปว่า มาร์เวลคอมิกส์ (English: Marvel Comics) และชื่อก่อนหน้านีนี้<b data-parsoid='{\"dsr\":[1319,1347,3,3]}'>บริษัท มาร์เวลพับลิชิง (English: Marvel Publishing, Inc.) และ มาร์เวลคอมิกส์กรุป (English: Marvel Comics Group) เป็นค่ายการ์ตูนและสื่อต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับซูเปอร์ฮีโรของสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1939 โดย มาร์ติน กูดแมน ในนามของไทม์ลีคอมิกส์ มีนักเขียน นักวาดคนสำคัญ เช่น สแตน ลี แจ็ก เคอร์บี สตีฟ ดิตโก เป็นต้น มาร์เวลคอมิกส์ มีชื่อเสียงโด่งดังและรู้จักกันดี เช่น เอ็กซ์เมน สไปเดอร์-แมน ฮัลก์ กัปตันอเมริกา ไอรอนแมน ธอร์ เป็นต้น และศัตรูที่โด่งดังและรู้จักกันดี เช่น กรีนก็อบลิน แม็กนีโต ด็อกเตอร์ดูม โลกิ กาแล็กตัส และเรดสกัล เป็นต้น มาร์เวลคอมิกส์ และคู่แข่งสำคัญมายาวนานคือดีซีคอมิกส์ ร่วมหุ้นกันไป 80 % ของตลาดหนังสือการ์ตูนอเมริกันในปี ค.ศ. 2008 ปัจจุบันมาร์เวลคอมิกส์เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเดอะวอลต์ดิสนีย์"
] | [
"กัปตันอเมริกา (English: Captain America) เป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนอเมริกันที่จัดพิมพ์โดยมาร์เวลคอมิกส์ สร้างสรรค์โดย โจ ไซมอน (Joe Simon) และ แจ็ก เคอร์บี (Jack Kirby) ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือ Captain America Comics เล่มที่ 1 (มีนาคม ค.ศ. 1941) ซึ่งจัดพิมพ์โดยไทม์ลีคอมิกส์ บริษัทก่อนหน้ามาร์เวลคอมิกส์ โดยกัปตันอเมริกาถูกออกแบบให้เป็นซูเปอร์โซลเยอร์รักชาติที่เคยรบกับฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่สอง เขาเป็นตัวละครที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของไทม์ลีคอมิกส์ในช่วงยุคสงคราม ต่อมาสงครามได้ทำให้ความนิยมในซูเปอร์ฮีโร่ลดลงจน Captain America Comics ต้องปิดตัวในปี 1950 ต่อมามาร์เวลคอมิกส์ได้นำตัวละครนี้กลับมาในปี 1953 ซึ่งโลดแล่นได้ไม่นานก็ปิดตัวลงไป ภายหลังได้นำตัวละครนี้กลับมาอีกครั้งในปี 1964 ซึ่งนับตั้งแต่นั้น ตัวละครกัปตันอเมริกาก็โลดแล่นอยู้ในจักรวาลมาร์เวลมาจนถึงปัจจุบัน",
"ดีซีคอมิกส์ รายชื่อตัวละครมาร์เวลคอมิกส์ รายชื่อภาพยนตร์โดยมาร์เวลคอมิกส์ จักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล มาร์เวลสตูดิโอส์",
"อาร์เมอร์ () เป็นตัวละครการ์ตูนซูเปอร์ฮีโรจากมาร์เวลคอมิกส์ โดยปรากฏตัวในการ์ตูนเรื่อง Astonishing X-Men ฉบับที่ 3 หน้าที่ 4",
"มาร์ติน กูดแมน ได้ก่อตั้งบริษัทซึ่งต่อมาที่รู้จักกันดีในนามของมาร์เวลคอมิกส์ ภายใต้ชื่อไทม์ลีพับลิเคชั่นส์ ในปี ค.ศ. 1939[1] เผยแพร่ในรูปแบบหนังสือการ์ตูนภายใต้สำนักพิมพ์ไทม์ลีคอมิกส์[2] กู๊ดแมน ผู้เผยแพร่นิตยสารเยื่อกระดาษที่ได้เริ่มต้นผลิตนิยายตะวันตกเยื่อกระดาษในปี ค.ศ. 1933 ได้ขยายตัวในตลาด และได้รับความนิยมอย่างสูงในรูปแบบใหม่ปานกลางของหนังสือการ์ตูน การเปิดตัวของเขาจากสำนักงานของบริษัท ที่มีอยู่ที่เลขที่ 330 ตะวันตก ถนนที่ 42 นครนิวยอร์ก เขาได้จัดตั้งบรรณาธิการ บรรณาธิการบริหาร และผู้จัดการธุรกิจอย่างเป็นทางการ ที่มีอับราฮัม กูดแมน เป็นผู้เผยแพร่ที่ระบุอย่างเป็นทางการ[1]",
"ฮอรัส () เป็นตัวละครในมาร์เวลคอมิกส์ โดยมีต้นแบบมาจากเทพฮอรัสของตำนานเทพเจ้าแห่งไอยคุปต์",
"ในเหตุการณ์ซีเคร็ตอินเวชั่น อาตุมกล่าวว่าฮอรัสได้เชิญเขาให้เข้าร่วมเป็นสมาชิกแห่งเทพด้วยเช่นกัน",
"ชี.ล.ด์. () เป็นหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายในหนังสือการ์ตูนอเมริกัน ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มาร์เวลคอมิกส์",
"จิ๊กซอว์ () เป็นตัวละครโดยมาร์เวลคอมิกส์ สร้างสรรค์โดยเลน ไวน์และรอสส์ แอนดรู ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน \"ดิอะเมซิงสไปเดอร์แมน\" เล่มที่ 162 (พฤศจิกายน 1976) เป็นหนึ่งในศัตรูของพันนิชเชอร์",
"แดร์เดวิล () เป็นตัวละครการ์ตูนซูเปอร์ฮีโรสัญชาติอเมริกันจากมาร์เวลคอมิกส์ แดร์เดวิลสร้างสรรค์โดยนักเขียน สแตน ลี และนักวาด บิลล์ เอเวอเรตต์ โดยปรากฏตัวครั้งแรกในการ์ตูนเรื่อง แดร์เดวิล ฉบับ 1 (เมษายน ค.ศ. 1964) ",
"มาร์เวลพินบอล () เป็นวิดีโอเกมพินบอล ที่ได้รับการพัฒนาโดยเซ็นสตูดิโอ เกมนี้มีโต๊ะพินบอลรูปแบบมาร์เวลคอมิกส์ โดยสามารถเล่นได้ในระบบเพลย์สเตชัน 3 กับเพลย์สเตชันเน็ตเวิร์ก และสามารถดาวน์โหลดรายการได้สำหรับ \"พินบอลเอฟเอ็กซ์ 2\" ในระบบเอ็กซ์บ็อกซ์ 360 และ เอ็กซ์บ็อกซ์ไลฟ์อาเขต เกมนี้เป็นเกมพินบอลอันดับสองสำหรับระบบเพลย์สเตชัน 3 ภายหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากเกม \"เซ็นพินบอล\" เกมได้รับการเปิดตัว ณ วันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 2010 สำหรับระบบเอ็กซ์บ็อกซ์ 360 และ 14 ธันวาคม ค.ศ. 2010 สำหรับระบบเพลย์สเตชัน 3",
"ร็อกแมน (Rockman) เป็นตัวละครการ์ตูนซูเปอร์ฮีโรจากมาร์เวลคอมิกส์ โดยปรากฏตัวในการ์ตูนเรื่อง U.S.A. Comics ฉบับเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1941 โดยในช่วงเวลานั้น ผู้วาด และผู้ออกแบบตัวละครไม่ได้มีการระบุไว้ภายในหนังสือการ์ตูน อย่างไรก็ตามผู้วาดและออกแบบหน้าปกวาดโดย ชาลส์ นิโคลัส และ เบซิล วูลเวอร์ตัน",
"แบล็กแพนเทอร์ () เป็นตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนอเมริกันที่จัดพิมพ์โดยมาร์เวลคอมิกส์ สร้างสรรค์โดย สแตน ลี (Stan Lee) และ แจ็ก เคอร์บี (Jack Kirby) ปรากฏตัวครั้งแรกใน \"Fantastic Four\" ชุดที่ 1 เล่มที่ 52 (กรกฎาคม 1966) โดยตัวละครนี้เป็นซูเปอร์ฮีโร่ผิวสีคนแรกของมาร์เวลคอมิกส์ แบล็กแพนเทอร์ถูกออกแบบให้เป็นตัวละครชายเชื้อชาติแอฟริกันที่ปกครองและพิทักษ์ประเทศสมมุติในแอฟริกาที่ชื่อ วาคานดา (Wakanda) ซึ่งมีฉากหน้าเป็นประเทศที่ยากจน แต่แท้จริงแล้วเป็นหนึ่งในประเทศที่มีวิทยาการล้ำหน้าที่สุดในโลก ",
"ฮัลค์ () หรือ ดร.โรเบิร์ต \"บรูซ\" แบนเนอร์ () เป็นตัวละครยอดมนุษย์ในหนังสือการ์ตูนปรากฏเป็นครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนของมาร์เวลคอมิกส์ เรื่อง \"The Incredible Hulk\" ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อค.ศ. 1962ของมาร์เวลคอมิกส์ (Marvel Comics) ออกแบบโดยสแตน ลี (Stan Lee) และแจ็ค เคอร์บี้",
"หมวดหมู่:การ์ตูนอเมริกัน หมวดหมู่:ตัวละครมาร์เวลคอมิกส์ หมวดหมู่:ยอดมนุษย์",
"สำหรับตัวละครในมาร์เวลคอมิกส์ ดูที่ วูล์ฟเวอรีน (ตัวละคร)",
"อัลฟา () เป็นตัวละครซุเปอร์ฮีโรของมาร์เวลคอมิกส์ ปรากฎตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน \"The Amazing Spider-Man\"",
"ไฮดร้า () เป็นองค์กรก่อการร้ายจากมาร์เวลคอมิกส์ โดยชื่อไฮดร้านั้นมีที่มาจากไฮดร้าซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานกรีก",
"รายชื่อของตัวละครในจักรวาลมาร์เวล ที่ถูกสร้างขึ้นและเป็นลิขสิทธิ์ของมาร์เวลคอมิกส์",
"on Facebook on Twitter on YouTube Vassallo, Michael J. , Comicartville Library, 2005, p.2. . .",
"การ์เดียนส์ออฟเดอะกาแล็กซี่ () เป็นทีมซูเปอร์ฮีโรในหนังสือการ์ตูนอเมริกัน ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มาร์เวลคอมิกส์",
"การตีพิมพ์ครั้งแรกของไทม์ลีโดยหนังสือการ์ตูน มาร์เวลคอมิกส์ ฉบับที่ 1 (ตุลาคม 1939) รวมทั้งการปรากฏตัวครั้งแรกของซุเปอร์ฮีโรแอนดรอยด์ของคาร์ล บูร์กอส ชื่อฮิวแมนทอร์ช และการปรากฏตัวครั้งแรกของแอนตีฮีโรของบิลล์ อีเวอเรตต์ชื่อ กะลาสีนามอร์ ประสบความสำเร็จที่ดี และพิมพ์ครั้งที่สองต่อมาขายต่อเดือนรวมเกือบ 900,000 เล่ม[3] ในขณะที่เนื้อหาของมันมาจากบรรจุด้านนอกของ บริษัท ฟันนีส์ ไทม์ลีในปีต่อไปมีพนักงานของตัวเอง",
"การ์ตูนชุดนี้เป็นการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่อยู่ในชุดอัลทิเมต มาร์เวล (Ultimate Marvel) ของมาร์เวลคอมิกส์",
"นี่คือรายชื่อภาพยนตร์โดยมาร์เวลคอมิกส์",
"ตัวละครนี้ปรากฎตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูนมาร์เวลคอมิกส์ แดร์เดวิล #1(เม.ย. ค.ศ.1964)สร้างขึ้นโดยนักเขียนสแตน ลี และนักวาดบิล เอเวอร์เรตต์ และออกแบบตัวละครโดยแจ็ก เคอร์บีให้มีกระบองเป็นอาวุธ",
"เวนอม ( /ˈvenəm/ 'เวเนิม) เป็นตัวละครในการ์ตูนของมาร์เวลคอมิกส์ ซึ่งเป็นศัตรูที่ร้ายกาจของสไปเดอร์-แมน",
"มาสเตอร์ออฟอีวิล () เป็นกลุ่มตัวร้ายในการ์ตูนเรื่องอเวนเจอร์สจาก มาร์เวลคอมิกส์",
"แวนซ์ แอสโตรไวค์ () หรือ จัสติส () หรือชื่อก่อนหน้าที่รู้จักกันดีคือ มาร์เวลบอย () เป็นตัวละครกลายพันธุ์ซูเปอร์ฮีโร่ในมาร์เวลคอมิกส์ เขาเป็นยอดมนุษย์ที่สามารถใช้พลังจิตได้ แอสโตรไวค์ได้รับเข้าเป็นสมาชิกของนิว วอร์ริเออร์ส และดิ อเวนเจอร์ส ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน Giant-Size Defenders ฉบับที่ 5 (กรกฎาคม 1975) สร้างสรรค์โดย ดอน เฮค และเจอร์รี่ คอนเวย์",
"ธอร์ () เป็นตัวละครหลักของมาร์เวลคอมิกส์ ปรากฏตัวครั้งแรก\"Journey into Mystery\" เล่มที่ 83 ส.ค. 1962 สร้างขึ้นโดยสแตน ลี,แลร์รี่ ลีเบอร์,แจ็ค เคอร์บี้ เป็นตัวละครที่สร้างมาจากธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าของตำนานเทพปกรณัมนอร์ส ",
"โกสต์ () เป็นตัวละครของมาร์เวลคอมิกส์ สร้างสรรค์โดยเดวิด มิเชลินีและบ็อบ เลย์ตัน ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน \"ไอรอนแมน\" เล่มที่ 219 (มิถุนายน 1987) เดิมเขาเคยเป็นวิศวกรบริษัทออมนิเซเพียนต์ (Omnisapient) แต่ภายหลังถูกบริษัทหลอกใช้และทรยศ ทำให้เขากลายเป็นตัวร้ายที่ใช้ความสามารถในการเจาะระบบคอมพิวเตอร์และชุดที่มีเทคโนโลยีล่องหนและตรวจจับไม่ได้ในการทำลายบริษัทยักษ์ใหญ่ รวมถึงสตาร์กอินดัสตรีส์ โกสต์จึงเป็นศัตรูกับไอรอนแมน ต่อมาโกสต์เข้าร่วมทีมธันเดอร์โบลส์และช่วยทีมอเวนเจอร์สสู้กับบริษัทออสคอร์ปของนอร์แมน ออสบอร์นและบริษัทแฮมเมอร์อินดัสตรีส์ของจัสติน แฮมเมอร์"
] |
จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ภาคใดของไทย ? | [
"ปราจีนบุรี เดิมสะกดว่า ปราจิณบุรี[1] เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกของประเทศไทย เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน มีการพบซากโบราณสถานในหลายพื้นที่ของจังหวัด นอกจากนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่ง มีอุทยานแห่งชาติอยู่ในเขตมรดกโลกถึง 3 แห่ง ทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุดในภาคตะวันออกอีกด้วย แต่เดิมจังหวัดปราจีนบุรีมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก เนื่องจากในอดีตเคยมีการยุบรวมจังหวัดนครนายกเข้ากับจังหวัดปราจีนบุรีในปี พ.ศ. 2485 เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณในสภาวะที่เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำระหว่างสงคราม [2] ต่อมาในปีพ.ศ. 2489 จึงมีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดนครนายกขึ้นอีกครั้ง[3] อย่างไรก็ตามพื้นที่ของจังหวัดปราจีนบุรีก็ยังคงมีความกว้างใหญ่ ทำให้เกิดปัญหาในการปกครองและให้บริการประชาชนเนื่องจากบางอำเภออยู่ห่างไกลจากตัวจังหวัดมาก จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติฯ ให้แยกบางอำเภอทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดปราจีนบุรีแล้วรวมกันจัดตั้งเป็นจังหวัดสระแก้ว ในปีพ.ศ. 2536 จนถึงปัจจุบัน"
] | [
"วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี () เป็นวิทยาลัยในสังกัดสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข เปิดสอนในระดับชั้นปีที่ 3 และ 4 ต่อจาก คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร มหาวิทยาลัยบูรพา",
"สโมสรฟุตบอลจังหวัดปราจีนบุรี เป็นสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย โดยเป็นสโมสรจากจังหวัดปราจีนบุรี ปัจจุบันได้โอนสิทธิ์การทำทีมให้แก่ สโมสรระยอง ยูไนเต็ด ตั้งแต่ ฤดูกาล 2555",
"นาย เกียรติกร พากเพียรศิลป์ เกิดวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506 เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดปราจีนบุรี เขต 1 ระหว่างวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2551 ถึง 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี 2 สมัย และอดีตสมาชิกพรรคมัชฌิมาธิปไตย",
"หลังจากที่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 ได้มีการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 การเลือกตั้งครั้งนี้เป็น \"การเลือกตั้งทางอ้อมครั้งแรกและครั้งเดียวของไทย\" โดยจังหวัดปราจีนบุรีมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรก คือ ร้อยเอก ทองคำ คล้ายโอภาส",
"รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดปราจีนบุรี โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง โรงเรียนมัธยมวัดใหม่กรงทอง ในพระราชูปถัมภ์ โรงเรียนปราจีนกัลยาณี โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า กบินทร์บุรี โรงเรียนมารีวิทยา สโมสรฟุตบอลปราจีนบุรี เอฟซี สโมสรฟุตบอลปราจีนบุรี ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลกบินทร์บุรี เอฟซี ค่ายจักรพงษ์ ค่ายทหารบกแห่งแรกของไทย สมาคมกีฬาจังหวัดปราจีนบุรี พุทธอุทยานโลก แหล่งรวมชาวพุทธจากทั่วโลก บริเวณวนอุทยานเขาอีโต้ รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดปราจีนบุรี รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดปราจีนบุรี วิทยาลัยเทคโนโลยีนครกบินทร์ น้ำตกเหวนรก แก่งหินเพิง เทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน",
"วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศรก่อตั้งขึ้นตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง “เบญจบูรพา” และโครงการด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกของจังหวัดปราจีนบุรี ด้วยงบประมาณผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ ในปี พ.ศ. 2547 โดยจังหวัดปราจีนบุรีได้เล็งเห็นว่าโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร และการให้บริการด้านการแพทย์แผนไทยมานานกว่า 20 ปี อีกทั้งยังเป็นแหล่งฝึกอบรมหลักสูตรด้านการแพทย์แผนไทยที่ได้รับการรับรองให้เป็นสถาบันฝึกอบรมด้านการแพทย์แผนไทย เป็นแหล่งศึกษาดูงานด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร และการจัดระบบบริการด้านการแพทย์แผนไทย แก่ผู้มาศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ จังหวัดปราจีนบุรีจึงได้ก่อสร้างอาคารวิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศรขึ้น และมอบการใช้ประโยชน์ที่ดินซึ่งเป็นที่ราชพัสดุให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรบริหารจัดการและดำเนินการโดยมุ่งหวังให้โรงพยาบาลใช้วิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถานที่ในการฝึกอบรม ศึกษาวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพร ตลอดจนพัฒนาการให้บริการด้านการแพทย์แผนไทย ในระยะแรก วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ใช้เป็นสถานที่ฝึกอบรมระยะสั้นด้านการแพทย์แผนไทยและเป็นแหล่งฝึกปฏิบัติงาน ด้านการแพทย์แผนไทยสาหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี วิทยาเขตปราจีนบุรี กำลังก่อสร้าง ในพื้นที่ อำเภอ กบินทร์บุรี มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปราจีนบุรี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษาปราจีนบุรี มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ศูนย์การศึกษาปราจีนบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ศูนย์การศึกษาปราจีนบุรี วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข",
"ปัจจุบัน จังหวัดปราจีนบุรีได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นหัวเมืองรองในด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของภูมิภาค มีการลงทุนจากต่างประเทศ ทำให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมเกิดขึ้นใหม่มากมาย ทำให้ภาพรวมในจังหวัดดีขึ้น รายได้ต่อปีต่อหัวของประชากร เฉลี่ย 340,000 - 380,000 บาท อยู่ในอันดับ 6 ของประเทศไทย อ้างอิงจาก รายชื่อจังหวัดในประเทศไทยเรียงตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในจังหวัดต่อหัว",
"สโมสรฟุตบอลปราจีนบุรี ยูไนเต็ด ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันลีกภูมิภาคในปี พ.ศ. 2553 เป็นปีแรก โดยเข้าร่วมในการแข่งขันลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2 ภาคกลางและตะวันออก โดยงบประมาณในการทำทีมมี 2 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนจากสมาคมกีฬาจังหวัดปราจีนบุรี อบจ.ปราจีนบุรี และได้รับการสนับสนุนชุดแข่งขันและชุดฝึกซ้อม จากบ.ตาบูโด้ เป็นเงินประมาณ 5 แสนบาท โดยจุดประสงค์ในการก่อตั้งสโมสรนั้น เพื่อให้เด็กเยาวชนในจังหวัดปราจีนบุรัได้มีเวทีทดสอบฝีเท้า เพื่อหาประสบการณ์ในการเล่นฟุตบอล และพัฒนาไปสู่การเล่นฟุตบอลระดับอาชีพในอนาคต และเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนในจังหวัดได้หันมาเล่นกีฬาฟุตบอล และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นหนึ่งในวิทยาเขตของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บริหารธุรกิจและการท่องเที่ยว ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี\nมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้จัดทำโครงการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาและกระจายฐานบริการระดับอุดมศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปสู่จังหวัดปราจีนบุรีและภูมิภาคใกล้เคียงรวมทั้งดำเนินการวิจัยและพัฒนาการฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ แก่ชุมชนและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเดิมมหาวิทยาลัยฯ ได้วางแผนจัดทำโครงการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นที่เรียบร้อย ใน ปีพ.ศ.2535 แต่ต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินโครงการมาเป็นที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุในความดูแลของกองทัพบกซึ่งที่ดินที่ติดทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3077 เส้นทางขึ้นเขาใหญ่ เลขที่ 129 หมู่ 6 ตำบลเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 1,233 ไร่ และสำรองพื้นที่ใช้งานอีก 1,286 ไร่ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของทบวงมหาวิทยาลัยที่ให้มหาวิทยาลัยที่จะขยายวิทยาเขตแห่งใหม่ควรมีพื้นที่อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ ในปี พ.ศ.2538",
"สนามกีฬากลางจังหวัดปราจีนบุรี มีการปรับปรุงพื้นสนามและติดแอร์ห้องพักนักเตะและนักกีฬา รวมทั้งห้องพักผู้ตัดสิน ถือว่าเป็นสนามแข่งในแถบภาคกลางที่ได้มาตรฐานและพร้อมที่จะรองรับการแข่งขันฟุตบอลในระดับอาชีพ",
"ถนนสุวินทวงศ์ หรือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 319 สายหนองชะอม–พนมสารคาม เป็นทางหลวงในประเทศไทย เริ่มต้นแยกมาจากถนนสุวรรณศร (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33) ที่ทางแยกหนองชะอม บ้านหนองชะอม ตำบลโคกไม้ลาย อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี จากนั้นมุ่งลงทางทิศใต้ ผ่านตัวอำเภอเมืองปราจีนบุรี ข้ามแม่น้ำปราจีนบุรี จากนั้นผ่านบางส่วนของอำเภอศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมโหสถ และไปบรรจบกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ที่ทางแยกหนองเค็ด ตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมระยะทางประมาณ 48 กิโลเมตร",
"ปี พ.ศ. 2480 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสฺโส) ในขณะที่ดำรงสมณศักดิ์ที่ พระพรหมมุนี และดำรงตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาสวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร และ เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา ได้บัญชาให้ พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม เดินทางช่วยท่านเจ้าคุณ พระปราจีนมุนี ตั้งวัดป่าอรัญวาสีสำหรับพระฝ่ายวิปัสสนาธุระภาคตะวันออก และไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาฝ่ายวิปัสสนาธุระและหลักธรรมคำสอนให้แก่ประชาชนชาวจังหวัดปราจีนบุรี ดังนั้น พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม พร้อมด้วย พระอาจารย์มหาปิ่น ปญฺญาพโล ได้เดินทางไปยังจังหวัดปราจีนบุรี ท่านทั้งสองได้ตั้ง สำนักสงฆ์วัดป่าทรงคุณ ขึ้น ปัจจุบันก็คือ วัดป่าทรงคุณ ตำบลดงพระราม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี และได้ช่วยปฏิสังขรณ์ วัดปากกระพอก อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ซึงร้างมา 5 ปี ให้กลับคืนสู่สภาพเป็นวัดมีพระภิกษุสงฆ์อยู่ประจำ",
"เขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเขตการปกครองของคณะสงฆ์ในระดับจังหวัด ที่เกิดขึ้นจากการจัดแบ่งตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 ที่จัดให้มีการปกครองในระดับต่าง ๆ ตั้งแต่มหาเถรสมาคมเป็นองค์กรปกครองสูงสุด มีเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และเจ้าอาวาสเป็นลำดับสุดท้าย ในปัจจุบันในฝ่ายคณะสงฆ์มหานิกายมีพระพิศาลศึกษากร วัดศรีโพธิมาลัย อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี เป็น เจ้าคณะจังหวัด",
"หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ พ.ศ. 2475 ได้มีพระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหารแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2476 ให้มีตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดแบบผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรมการจังหวัด และสภาจังหวัด ส่งผลให้มณฑลเทศาภิบาลปราจีนบุรีถูกยกเลิกไป เมืองปราจีนบุรีมีฐานะเป็นจังหวัดปราจีนบุรี",
"พบอาศัยอยู่ในแถบประเทศลาวและกัมพูชา ทางด้านทิศตะวันตกของแม่น้ำโขง สำหรับในประเทศไทยพบทางภาคตะวันออก เช่น จังหวัดสุรินทร์, บุรีรัมย์, ปราจีนบุรี, จันทบุรี, ตราด และในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ",
"การเกิดบ้านเมืองในสมัยประวัติศาสตร์ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12-19 แบ่งจังหวัดปราจีนบุรีออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงแรกมีความเจริญรุ่งเรืองและพัฒนาการเป็นบ้านเมืองร่วมสมัยกับกลุ่มบ้านเมืองทวารวดีในบริเวณภาคกลางของประเทศ มีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12-16 และช่วงที่ 2 เป็นการอยู่สืบเนื่องต่อจากช่วงแรก แต่สภาพสังคม การเมือง การปกครองได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เชื่อว่าช่วงเวลาดังกล่าวนี้ได้รับวัฒนธรรมเขมรโบราณเข้ามา มีการผสมผสานกับวัฒนธรรมทวารวดีที่เคยรุ่งเรืองมาก่อน",
"ทางหลวงพิเศษหมายเลข 71 เป็นทางหลวงพิเศษที่เชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครกับจังหวัดสระแก้ว(ชายแดนไทย-กัมพูชา) โดยทางหลวงพิเศษสายนี้เป็นทางหลวงที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นเส้นทางต่องเนื่องจาก ทางหลวงพิเศษหมายเลข81(พุน้ำร้อน-บางใหญ่)โดยมีทางด่วนขั้นที่3สายเหนือเป็นตัวเชื่อมในเขตกรุงเทพมหานคร\nแนวเส้นทางเริ่มต้นที่ถนนกาญจนาภิเษกด้านตะวันออกในเขตคันนายาว โดยเส้นทางจะผ่านเขตพื้นที่มีนบุรี หนองจอก แล้วหลังจากนั้นจะผ่านเข้าพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี แล้วสิ้นสุดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว \nรวมระยะทางประมาณ 204 กม.\nทางหลวงพิเศษสายนี้ยังมีความไม่ชัดเจนเนื่องจากยังอยู่ในแผนแม่บทระยะแรกของกรมทางหลวง หากโครงการทางหลวงพิเศษสายนี้ก่อสร้างเสร็จจะทำให้การส่งสินค้าจากภาคตะวันออกไปยังภาคตะวันตกได้สะดวกยิ่งขึ้น\nทางหลวงพิเศษสายนี้คิดค่าผ่านทางตามระยะทาง โดยอัตราค่าผ่านทางยังไม่ประกาศจนกว่าโครงการนี้จะก่อสร้างเสร็จ",
"ด้านการท่องเที่ยว จังหวัดปราจีนบุรีมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่รู้จักไปทั่วโลกอย่างแก่งหินเพิง เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีความท้าทายเป็นระดับยาก และแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อย่างเมืองศรีมโหสถอายุกว่าพันปี และจังหวัดปราจีนบุรีมีน้ำตกมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากปราจีนบุรีมีพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มากที่สุด ครอบคลุมทั้ง 3 อำเภอของจังหวัด",
"ในสมัยอยุธยาปรากฏชื่อเมืองปราจีนบุรีเป็นครั้งแรก คำว่า \"ปราจีนบุรี\" เป็นคำสมาส เกิดจากคำว่า \"ปราจีน\" กับคำว่า \"บุรี\" คำว่า \"ปราจีน\" หรือ \"ปาจีน\" หมายความว่า ทิศตะวันออก ส่วนคำว่า \"บุรี\" หมายความว่า \"เมือง\" รวมแล้วคำว่า \"ปราจีนบุรี\" หมายถึงเมืองตะวันออก การเขียนชื่อเมืองปราจีนบุรีแตกต่างกันไป เช่น ปราจินบุรี ปราจิณบุรี และปาจีนบุรี แต่ความหมายน่าจะหมายถึงเมืองทางตะวันออกของราชอาณาจักรไทย",
"คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร\nมหาวิทยาลัยบูรพา () เป็นคณะวิชา สังกัดมหาวิทยาลัยบูรพา\nคณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร มหาวิทยาลัยบูรพา จัดตั้งขึ้นจากความร่วมมือของมหาวิทยาลัยบูรพา และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพื่อร่วมกันจัดการเรียนการสอน หลักสูตรการแพทย์แผนไทยประยุกต์บัณฑิต สาขาวิชาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ในการจัดตั้งครั้งแรก ใช้ชื่อหน่วยงานว่า วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร โดยมหาวิทยาลัยบูรพา รับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นปีที่ 1 - 2 โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร รับผิดชอบการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นปีที่ 3 – 4 สำหรับการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นปีที่ 3 – 4 นั้น ได้รับที่ดินและงบประมาณจากจังหวัดปราจีนบุรี ตามโครงการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดในการก่อสร้างอาคาร 2 หลัง เป็นอาคารเรียน 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง อาคารหอพัก 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง ในพื้นที่ 15 ไร่ ใช้ชื่อหน่วยงานว่า “วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร” และจังหวัดปราจีนบุรีได้มอบให้โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรกำกับดูแล เพื่อจัดการเรียนการสอนและอบรมด้านการแพทย์แผนไทย ต่อมากระทรวงสาธารณสุขเห็นว่าภารกิจด้านการจัดการเรียนการสอนไม่ใช่ของโรงพยาบาล จึงได้มอบให้สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุขกำกับดูแล ส่วนของการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นปีที่ 3 – 4 ที่วิทยาลัยการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี\nการศึกษาจะแบ่งเป็น",
"ด้านอุตสาหกรรม จังหวัดปราจีนบุรีมีความเจริญ มีการลงทุนจากต่างประเทศปีละจำนวนมาก และมีการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมมากมาย เช่น นิคม 304 นิคมกบินทร์บุรี และนิคมโรจนะซึ่งย้ายจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงโรงงานที่มาจากในประเทศและนอกประเทศอย่าง ญี่ปุ่น จีน ไตหวัน สหรัฐอเมริกา เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ใกล์เมืองหลวง ใกล์ท่าเรือที่ใช้ส่งออก และเส้นทางสำคัญสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก แต่ผลเสียที่ว่า ความเจริญนั้นเปลี่ยนวิถีชาวบ้านแบบดั้งเดิมไป",
"สิบเอก ฉัตร์ชัย บุตรดี (ชื่อเล่น: สด; สังกัดกองทัพภาคที่ 1) เกิดวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2528 ที่อำเภอตาพระยา จังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบัน คือ จังหวัดสระแก้ว) เป็นนักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย",
"อาณาจักรทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 11-16) เป็นของชนชาติมอญ ละโว้ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณจังหวัดนครปฐม จังหวัดราชบุรี อำเภออู่ทอง และกินพื้นที่ไปจนถึงภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงหนือ แถบ จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดปราจีนบุรี และขึ้นไปถึงทางเหนือ จังหวัดลำพูน มีศิลปะเป็นของตนเอง",
"สระแก้ว เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกของประเทศไทย แยกออกมาจากจังหวัดปราจีนบุรีเมื่อปี พ.ศ. 2536",
"อุทยานแห่งชาติทับลาน เป็นอุทยานแห่งชาติในภาคอีสาน มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอปักธงชัย อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอครบุรี อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์และมีป่าลาน ซึ่งหาดูได้ยากที่มีเฉพาะบางท้องที่เท่านั้น มีต้นลานขึ้นตามธรรมชาติ เป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ ลำธารต่างๆ และมีธรรมชาติที่สวยงาม เช่น หุบผา หน้าผา น้ำตก นับว่าเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากเป็นอันดับสองของประเทศไทย รองจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่",
"ในสมัย นายพลตรีพระยาวาสุเทพ เป็นอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น ตำรวจภูธรภาค 2 ได้ถูกจัดตั้งขึ้น ราวปี พ.ศ. 2440 โดยแต่เดิมตั้งเป็น 2 หน่วย คือ ตำรวจมณฑลปราจีนบุรี โดยมีหน้าที่ดูแล 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา, นครนายก และ ปราจีนบุรี และ ตำรวจมณฑลจันทบุรีปกครอง 4 จังหวัด คือ จันทบุรี, ชลบุรี, ระยอง และ ตราด กระทั่งต่อมามีการเปลี่ยนชื่อเป็น กองตำรวจภูธรที่ 9 มณฑลปราจีนบุรี และกองตำรวจภูธรที่ 12 มณฑลจันทบุรี ภายหลังในปี พ.ศ. 2447 กรมตำรวจภูธร และกรมตำรวจนครบาล มีการรวมกันเป็น กรมตำรวจ จึงมีการแบ่งส่วนราชการใหม่ โดยครั้งนี้ อยู่ในส่วนของ ตำรวจภูธรภาคตะวันออก มีผู้บังคับการเป็นหัวหน้า และภายในภาคก็แบ่งเป็นกองกำกับเป็นสาย สายละ 3-4 จังหวัด โดยครั้งนี้ก็ถูกเปลี่ยนเป็น กองกำกับการตำรวจภูธรสายที่ 6 มีเขตการปกครอง 4 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ,ปราจีนบุรี และ นครนายก กองกำกับการตำรวจภูธรสายที่ 7 มีเขตการปกครอง 4 จังหวัด คือ จันทบุรี, ชลบุรี, ระยอง และตราด ",
"งานประเพณีการแข่งเรือยาว จัดเป็นงานประจำมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 โดยจัดที่แม่น้ำบางปะกงหรือแม่น้ำปราจีนบุรี บริเวณสะพานณรงค์ดำริถึงหน้าวัดหลวงปรีชากูล อำเภอเมืองปราจีนบุรี แต่เดิมมีการแข่งขันเรือเพียง 2 ประเภท คือ ประเภทใบพาย 2 ด้าน ซึ่งมี 15-19 ฝีพาย และแบบ 35 ฝีพาย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2538 มีการแข่งขัน 4 ประเภท คือ แบบ 15-19 ฝีพาย, แบบ 30 ฝีพาย, แบบ 40 ฝีพาย, และแบบ 55 ฝีพาย ผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับถ้วยพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งการแข่งขันได้รับความสนใจจากจังหวัดต่าง ๆ ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ได้ส่งเรือมาร่วมแข่งขันกับทางจังหวัดปราจีนบุรี ปกติงานนี้จัดในช่วงเดือนกันยายน หรือเดือนตุลาคม ของทุกปี แล้วแต่ความสูงของระดับน้ำ",
"จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับกรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสระแก้ว จังหวัดจันทบุรี จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงมีอาณาเขตติดกับอ่าวไทยเป็นระยะสั้นประมาณ 12 กิโลเมตร"
] |
อสังหาริมทรัพย์ หมายถึงอะไร? | [
"อสังหาริมทรัพย์ (English: immovable (ซีวิลลอว์), realty (คอมมอนลอว์)) หมายความว่า ทรัพย์ที่นำไปไม่ได้ คือ ทรัพย์ที่ติดกับที่ ได้แก่ ที่ดิน และทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้น และหมายความรวมถึงทรัพยสิทธิอันเกี่ยวกับที่ดินหรือทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินหรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดินนั้นด้วย[1]"
] | [
"พระราชบัญญัติทางหลวงสัมปทาน พ.ศ. 2542 ได้นิยามความหมายของทางหลวงสัมปทานไว้ว่า...\n\"ทางที่รัฐให้สัมปทานแก่บุคคลใด ๆ ในการสร้างหรือบำรุงรักษา โดยเก็บค่าใช้ทาง ไม่ว่าในระดับพื้นดิน ใต้หรือเหนือพื้นดินหรือใต้หรือเหนืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น และให้หมายความรวมถึงอุโมงค์ สะพาน เรือหรือพาหนะสำหรับขนส่งข้ามฟาก และท่าเรือสำหรับขึ้นหรือลงรถ ที่จัดไว้เพื่อประโยชน์แก่ทางหลวงสัมปทานด้วย\"",
"ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 189 ได้กำหนดความหมายของคดีมโนสาเร่ไว้ว่าหมายถึงคดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ไม่เกิน 3 แสนบาท หรือคดีฟ้องขับไล่ผู้เช่า ผู้อาศัย ผู้ละเมิดบุกรุกเข้ามาในที่ดินอสังหาริมทรัพย์ มีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 30,000 บาท",
"2. ภาษีอสังหาริมทรัพย์ (Property Tax) เป็นการเก็บภาษีที่ผูกพันกับบุคคลที่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิอสังหาริมทรัพย์ และขึ้นทะเบียนก่อนวันที่ 1 มกราคมของปีงบประมาณนั้น โดยกฎหมายได้ระบุข้อกำหนดที่ผู้ครอบครองจะต้องจ่ายภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในเทศบาลนั้นเมื่อปีงบประมาณซึ่งจะเริ่มขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี อีกทั้งการจัดเก็บภาษียังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ระหว่างปีงบประมาณนั้นอีกด้วย นอกจากนั้นการกำหนดภาษีอสังหาริมทรัพย์ยังครอบคลุมถึงการถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน บ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ ที่มีการเสื่อมราคา (Depreciable Assets) และอสังหาริมทรัพย์บางประเภทไม่ได้รวมอยู่ในข้อบัญญัติของภาษีอสังหาริมทรัพย์ เช่น การถือครองกรรมสิทธิ์ของรถยนต์ (Automobile) และพาหนะขนาดเล็ก (Light Vehicle) ซึ่งจะถูกคำนวณและจัดเก็บภาษี ในกรอบของกฎหมายการจัดเก็บภาษีรถยนต์ (Automobile Tax) และภาษีพาหนะขนาดเล็ก (Light Vehicle Tax) ตามลำดับ ข้อบังคับของภาษีชนิดนี้จำเป็นจะต้องลงทะเบียนต่อหน่วยงานภาษีรังวัดที่ดิน (The Tax Cadastre) ซึ่งอัตราภาษีจะอยู่ที่การประเมินราคาของอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ และการประเมินราคารังวัดที่ดินนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ 3 ปี ตามราคาตลาด โดยที่เทศบาลจะคำนวณภาษีในอัตราร้อยละ 1.4 ต่อปี และเพื่อให้ระบบการจัดเก็บภาษีเทศบาลเป็นไปตามนโยบายการปลูกสร้างบ้านเรือน (Housing Policy) กฎหมายได้กำหนดถึงการลดหย่อนภาษีตามลักษณะของบ้านและที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย เช่น ที่ดินสำหรับที่อยู่อาศัย (Land for Housing) โดยการลดหย่อนภาษีในอัตรา 1 ต่อ 6 ของที่ดินที่มีขนาดไม่เกิด 200 ตารางเมตร และลดหย่อนภาษี 1 ใน 3 สำหรับที่ดินที่มีเนื้อที่เกิน 200 ตารางเมตร สำหรับสิ่งปลูกสร้างหรือบ้านใหม่ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 1 ใน 2 ของจำนวนที่จะต้องจ่ายภาษี โดยกฎหมายกำหนดให้เพียงแค่ 3 ปีแรกเท่านั้น และกฎหมายยังระบุถึงรายละเอียดในการลดหย่อนภาษีในสิ่งปลูกสร้างอีก 2 ประเภท คือบ้านประเภทเพื่อการอยู่อาศัยแน่นอน โดยมีข้อกำหนดเพิ่มเติมว่าจะต้องสร้างในช่วง และมีพื้นที่ใช้สอยระหว่าง 50 ถึง 280 ตารางเมตร และอาคารที่อยู่อาศัยแบบกันอัคคีภัยซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไป และประกอบด้วยเนื้อที่ใช้สอย ต่อชั้นระหว่าง 50 ถึง 280 ตารางเมตร จะได้รับการลดหย่อนภาษี 1 ใน 2 ของจำนวนที่จะต้องเสียภาษี ใน 5 ปีแรกเท่านั้นโดยการลดหย่อนภาษีในสิ่งปลูกสร้างทั้ง 2 นั้น กฎหมายกำหนดให้เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สร้างระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 1963 ถึง 31 มีนาคม 2006 เท่านั้น ประการสุดท้ายยังมีการกำหนดการยกเลิกภาษี ให้กับอสังหาริมทรัพย์ในกรณีต่าง ๆ หลายกรณีด้วยการ อาทิเช่น การงดเว้นการจัดเก็บภาษีให้กับ ที่ดินมีมูลค่าต่ำกว่า 300,000 เยน ที่อยู่อาศัยมีมูลค่าต่ำกว่า 200,000 เยนและสินทรัพย์ที่มีการเสื่อมราคา (Depreciable Assets) ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500,000 เยน นอกจากนั้น อสังหาริมทรัพย์ ที่ครอบครองโดยองค์กรเพื่อสังคมซึ่งใช้สังหาริมทรัพย์นั้นเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ ซึ่งอาจใช้ไปในวัตถุประสงค์ที่เจาะจง เช่น ใช้เป็นที่ฝังศพ และถนนสาธารณะ ก็จะได้รับการงดเว้นการจัดเก็บภาษี ",
"เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2532 โดยในวันที่ 21 มิถุนายน 2537 บริษัทได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้รับบริษัทเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “LPN”\nบริษัท บริษัทย่อย และบริษัทร่วม ประกอบธุรกิจใน 2 ส่วน ทั้งการผลิตและการให้บริการที่ต่อเนื่องกันตลอดทั้งกระบวนการ ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการให้บริการด้านการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร",
"ในปี 2546 ธนพล ศิริธนชัย ได้ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) โดยเป็นผู้ผลักดันธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท และเป็นผู้พลักดันยูนิเวนเจอร์ ร่วมกับ คุณอรฤดี ณ ระนอง ประธานอำนวยการ ให้เข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจหลักแทนที่ การผลิตและจำหน่ายผงสังกะสีอ๊อกไซด์ โดยย้ายเข้าสู่หมวดธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2549",
"กรรมสิทธิ์ (English: ownership) คือ สิทธิทั้งปวงที่ผู้เป็นเจ้าของมีอยู่เหนือทรัพย์สิน อันได้แก่ สิทธิใช้สอย จำหน่าย ได้ดอกผล กับทั้งสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตน และสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย[1] ครอบครอง (English: possession) คือ การที่บุคคลที่เข้ายึดถือทรัพย์สิ่งหนึ่งเพื่อตนเอง ทำให้ได้ไปซึ่ง \"สิทธิครอบครอง\" (English: possessory right)[17] ไม่ถึงกับเป็นกรรมสิทธิ์แต่อาจเติบใหญ่เป็นกรรมสิทธิ์ได้[18] ภาระจำยอม (English: servitude) คือ ข้อผูกพันอันเป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์จำต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตน หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้น อสังหาริมทรัพย์เช่นนั้นเรียก \"ภารยทรัพย์\" (English: servient estate) เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่นซึ่งเรียก \"สามยทรัพย์\" (English: dominant estate)[1] สิทธิอาศัย (English: right of habitation) คือ สิทธิที่บุคคลจะอาศัยในโรงเรือนของผู้อื่นได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า[19] สิทธิเหนือพื้นดิน (English: right of superficies) คือ สิทธิในการเป็นเจ้าของโรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งเพาะปลูกบนที่ดินหรือใต้ดินในที่ดินของผู้อื่น[20] สิทธิเก็บกิน (English: usufruct) คือ สิทธิที่บุคคลสามารถครอบครอง ใช้ และถือเอาซึ่งประโยชน์จากอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น[21] ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ (English: charge on immovable) คือ การที่อสังหาริมทรัพย์ตกอยู่ในเหตุอันยังให้ผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับชำระหนี้เป็นคราว ๆ จากอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือได้ใช้และถือประโยชน์แห่งอสังหาริมทรัพย์นั้นตามที่ระบุกันไว้[22]",
"เป็นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ คอนโดมิเนียมติดสถานีขนส่งมวลชนระบบรางในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ภายใต้ชื่อ \"IdeO\" บ้านจัดสรร ภายใต้ชื่อ \"อนันดา\" และ \"สิรินดา\" การรับจ้างบริหารโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดย บจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ วัน (\"ADO\") นอกจากนี้ บริษัทยังประกอบธุรกิจภายใต้บริษัทย่อยอื่นๆ ได้แก่ ธุรกิจศูนย์ออกกำลังกาย (Sport club) ธุรกิจการเป็นตัวแทนการซื้อขายห้องชุด ธุรกิจรับบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้กับนิติบุคคลบ้านจัดสรร และนิติบุคคลอาคารชุด ธุรกิจสนามแข่งรถ พีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ธุรกิจสนามแข่งรถโก-คาร์ท",
"กว่า 25 ปี ที่อยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ปฏิมา จีระแพทย์ ได้สร้างผลงานมากมาย อาทิ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์หอการค้าร่วมต่างประเทศ ในประเทศไทย ได้จัดทำแผนการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยระยะเวลาการเช่า อสังหาริมทรัพย์เป็น 90 ปี เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลไทย ในนามคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ หอการค้าร่วมนานาชาติ (เจเอฟซีซีที) ศึกษารวบรวมข้อมูลสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่า สำหรับอสังหาริมทรัพย์ในประเทศแทบอาเซียน และจัดทำแผนการขยายระยะเวลาสิทธิการเช่าต่อรัฐบาลไทย ผ่านทางสำนักงานผู้แทนการค้าไทยในนามคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์ สภาหอการค้านานาชาติ (เจเอฟซีซีที) วางแผนแม่บท ที่ดินของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เนื้อที่รวม 2,353 ไร่ และศึกษาความเป็นไปได้ และให้คำปรึกษาการประมูลขายที่ดิน ศูนย์ธุรกิจตลาดทุน ให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บนเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ ทำการวิจัย ศึกษา และจัดทำ แผนบริหารจัดการสถานกีฬา ภายในสนามกีฬา หัวหมาก เนื้อที่ 265 ไร่ สำหรับการกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการพื้นที่พาณิชยกรรมและพื้นที่โฆษณาบนสถานีรถไฟฟ้า BTS ทั้ง 23 สถานี",
"2. ภาษีอสังหาริมทรัพย์ (Property Tax) เป็นการเก็บภาษีที่ผูกพันกับบุคคลที่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิอสังหาริมทรัพย์ และขึ้นทะเบียนก่อนวันที่ 1 มกราคมของปีงบประมาณนั้น โดยกฎหมายได้ระบุข้อกําหนดที่ผู้ครอบครองจะต้องจ่ายภาษีอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในเทศบาลนั้นเมื่อปีงบประมาณซึ่งจะเริ่มขึ้นในเดือนเมษายนของทุกปี อีกทั้งการจัดเก็บภาษียังรวมถึงการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ระหว่างปีงบประมาณนั้นอีกด้วย นอกจากนั้นการกําหนดภาษีอสังหาริมทรัพย์ยังครอบคลุมถึงการถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน บ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ ที่มีการเสื่อมราคา(Depreciable Assets)และอสังหาริมทรัพย์บางประเภทไม่ได้รวมอยู่ในข้อบัญญัติของภาษีอสังหาริมทรัพย์ เช่น การถือครองกรรมสิทธิ์ของรถยนต์(Automobile) และพาหนะขนาดเล็ก (Light Vehicle) ซึ่งจะถูกคํานวณและจัดเก็บภาษี ในกรอบของกฎหมายการจัดเก็บภาษีรถยนต์ (Automobile Tax) และภาษีพาหนะขนาดเล็ก (Light Vehicle Tax) ตามลําดับ ข้อบังคับของภาษีชนิดนี้จําเป็นจะต้องลงทะเบียนต่อหน่วยงานภาษีรังวัดที่ดิน (The Tax Cadastre) ซึ่งอัตราภาษีจะอยู่ที่การประเมินราคาของอสังหาริมทรัพย์นั้น ๆ และการประเมินราคารังวัดที่ดินนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ 3 ปี ตามราคาตลาด โดยที่เทศบาลจะคํานวณภาษีในอัตราร้อยละ 1.4 ต่อปี และเพื่อให้ระบบการจัดเก็บภาษีเทศบาลเป็นไปตามนโยบายการปลูกสร้างบ้านเรือน (Housing Policy) กฎหมายได้กําหนดถึงการลดหย่อนภาษีตามลักษณะของบ้านและที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย เช่น ที่ดินสําหรับที่อยู่อาศัย (Land for Housing) โดยการลดหย่อนภาษีในอัตรา 1 ต่อ 6 ของที่ดินที่มีขนาดไม่เกิด 200 ตารางเมตร และลดหย่อนภาษี 1 ใน 3 สําหรับที่ดินที่มีเนื้อที่เกิน 200 ตารางเมตร สําหรับสิ่งปลูกสร้างหรือบ้านใหม่ สามารถลดหย่อนภาษีได้ 1 ใน 2 ของจํานวนที่จะต้องจ่ายภาษี โดยกฎหมายกําหนดให้เพียงแค่ 3 ปีแรกเท่านั้น และกฎหมายยังระบุถึงรายละเอียดในการลดหย่อนภาษีในสิ่งปลูกสร้างอีก 2 ประเภท คือบ้านประเภทเพื่อการอยู่อาศัยแน่นอน โดยมีข้อกําหนดเพิ่มเติมว่าจะต้องสร้างในช่วง และมีพื้นที่ใช้สอยระหว่าง 50 ถึง 280 ตารางเมตร และอาคารที่อยู่อาศัยแบบกันอัคคีภัยซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไป และประกอบด้วยเนื้อที่ใช้สอย ต่อชั้นระหว่าง 50 ถึง 280 ตารางเมตร จะได้รับการลดหย่อนภาษี 1 ใน 2 ของจํานวนที่จะต้องเสียภาษี ใน 5 ปีแรกเท่านั้นโดยการลดหย่อนภาษีในสิ่งปลูกสร้างทั้ง 2 นั้น กฎหมายกําหนดให้เป็นสิ่งปลูกสร้างที่สร้างระหว่าง วันที่ 2 มกราคม 1963 ถึง 31 มีนาคม 2006 เท่านั้น ประการสุดท้ายยังมีการกําหนดการยกเลิกภาษี ให้กับอสังหาริมทรัพย์ในกรณีต่าง ๆ หลายกรณีด้วยการ อาทิเช่น การงดเว้นการจัดเก็บภาษีให้กับ ที่ดินมีมูลค่าต่ำกว่า 300,000 เยน ที่อยู่อาศัยมีมูลค่าต่ำกว่า 200,000 เยนและสินทรัพย์ที่มีการเสื่อมราคา (Depreciable Assets) ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500,000 เยน นอกจากนั้น อสังหาริมทรัพย์ ที่ครอบครองโดยองค์กรเพื่อสังคมซึ่งใช้สังหาริมทรัพย์นั้นเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ ซึ่งอาจใช้ไปในวัตถุประสงค์ที่เจาะจง เช่น ใช้เป็นที่ฝังศพ และถนนสาธารณะ ก็จะได้รับการงดเว้นการจัดเก็บภาษี ",
"ภายหลังจากการสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน มะห์มูดได้รับปริญญาสาขาการจัดการอสังหาริมทรัพย์ เขายังสำเร็จการศึกษาด้านหลักและการปฏิบัติทางอสังหาริมทรัพย์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ฟูลเลอร์ตัน ในสหรัฐอเมริกา",
"มะห์มูดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพียงของอินเดียที่ได้รับการเลือกตั้งในสมาคมอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ ที่สหรัฐอเมริกา เขาเป็นตัวแทนของอินเดียเข้าร่วม \"คณะทำงานระดับมันสมอง\" ที่กรุงปารีส และเป็นสมาชิกสหพันธ์อสังหาริมทรัพย์นานาชาติ และที่ปรึกษานานาชาติของคณะเอฟเอ็นเอไอเอ็ม (ประเทศฝรั่งเศส) ตลอดจนเป็นสมาชิกของเอฟอาร์ไอซีเอสที่สถาบันผู้สำรวจรังวัด และเป็นรองประธานสภาโบรกเกอร์โลก รวมถึงปัจจุบันเป็นประธานสมาคมนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์บังกาลอร์ (บีอาร์เอ-ไอ) มะห์มูดเป็นตัวแทนของประเทศอินเดียในการประชุมเวิลด์คองออฟเกรสเอฟไอเอบีซีไอที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย",
"แหล่งโบราณคดี () เป็นสถานที่ที่ก่อสร้างโดยฝีมือมนุษย์หรือสถานที่ที่พบร่องรอยของกิจกรรมของมนุษย์ในอดีตที่มีคุณค่าในทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี\nโบราณสถาน เป็นอสังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยอายุหรือโดยลักษณะแห่งการก่อสร้าง หรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นประโยชน์ในทางศิลปะ ประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี รวมถึงสถานที่ที่เป็นแหล่งโบราณคดีแหล่งประวัติศาสตร์ และอุทยานประวัติศาสตร์ด้วย\nโบราณสถานโดยทั่วไป หมายถึง อาคารหรือสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น \nมีความเก่าแก่ มีประวัติความเป็นมาที่เป็นประโยชนทางด้านศิลปะ ประวัติศาสตร์ หรือ\nโบราณคดี และยังรวมถึงสถานที่หรือเนินดินที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หรือมีร่องรอย\nกิจกรรมของมนุษย์ปรากฏอยู่",
"ขั้นตอนแรก REIT Manager จะต้องยื่นคำขออนุญาตเสนอขายใบทรัสต์กับ ก.ล.ต. เพื่อให้สามารถจัดตั้ง REIT ได้ เมื่อ ก.ล.ต.อนุมัติ REIT Manager จะเสนอขายใบทรัสต์ผ่านผู้จัดจำหน่าย โดยเงินที่ได้รับจากการขาย REIT จะถูกฝากไว้กับทรัสตี และนำเงินก้อนดังกล่าวไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์\nการกำกับดูแล REIT จะมีลักษณะทำนองเดียวกับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน เช่น ต้องมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีกรรมการอิสระ มีเกณฑ์ที่ให้สิทธิผู้ถือใบทรัสต์คล้ายผู้ถือหุ้น หลักการในการกำกับดูแล REIT จะมีความยืดหยุ่นกว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้ทุกประเภท โดยต้องมีวัตถุประสงค์ที่จะจัดหาผลประโยชน์เพื่อให้ได้ค่าเช่า แต่ต้องไม่เป็นการเช่าเพื่อทำธุรกิจที่ไม่เหมาะสมหรือผิดกฎหมาย การทำรายการได้มาหรือจำหน่ายไปของอสังหาริมทรัพย์หรือสิทธิการเช่าที่มีขนาดรายการตั้งแต่ 30% ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทรัสต์ และการทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง จะทำได้ต่อเมื่อได้รับมติเสียงข้างมากจากผู้ถือใบทรัสต์ รวมทั้ง REIT Manager จะต้องมีกรรมการอิสระไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมดและไม่น้อยกว่า 3 คน เพื่อเป็นปากเป็นเสียงรักษาสิทธิแทนผู้ถือใบทรัสต์ รวมทั้ง ก.ล.ต. จะกำหนดให้ REIT manager บริหารกองทรัสต์ได้เพียงกองเดียว ความพิเศษของ REIT อีกประการหนึ่ง คือ บริษัทที่มีความชำนาญด้านการลงทุนและการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความพร้อมในการจัดการ REIT สามารถขอรับความเห็นชอบจาก สำนักงาน ก.ล.ต.เพื่อบริหารจัดการ REIT ได้ด้วย \nรายได้ของ REIT มาจากการลงทุนหลายทางประกอบด้วย",
"จาเร็ด คอเรย์ คุชเนอร์ (; เกิด 10 มกราคม 1981) เป็นนักลงทุน, ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, บรรณาธิการเจ้าของหนังสือพิมพ์ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของพ่อตา ดอนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ คนปัจจุบัน เขาเป็นลูกชายคนโตของนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ชาร์ล คุชเนอร์ และสมรสกับ อิวานกา ทรัมป์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาอาวุโสประธานาธิบดีและธิดาของทรัมป์ คุชเนอร์เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท Kushner และบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และ Observer Media ซึ่งเป็นผู้จัดพิมพ์ของ New York Observer เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นเจ้าของ Cadre ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แบบออนไลน์",
"ดร.โสภณ มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรวิชาชีพต่าง ๆ โดยเป็นนายกสมาคมผู้ประกอบกิจการประเมินค่าทรัพย์สิน, ประธานมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย, ประธานมูลนิธิอิสรชน, รองประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย, รองประธาน สมาคมอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ, สมาชิกผู้ทรงคุณวุฒิ สมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย, กรรมการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต, กรรมการคณะกรรมการเศรษฐกิจพอเพียง, กรรมการคณะกรรมการอสังหาริมทรัพย์, กรรมการชมรมจรรยาบรรณ หอการค้าไทย, กรรมการสมาคมนักเรียนเก่าเทพศิรินทร์ในพระบรมราชูปถัมภ์, ที่ปรึกษาสมาคมการขายและการตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย, ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, ที่ปรึกษาสมาคมนักสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์, ที่ปรึกษาสมาคมนักสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย, ที่ปรึกษาสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ไทย, ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย, ที่ปรึกษาสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย",
"1. เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ตกอยู่ภายในภาระติดพัน ไม่มีสิทธิทำการเปลี่ยนแปลงในอสังหาริมทรัพย์นั้นซึ่งทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ผู้รับประโยชน์ (ป.พ.พ. ม.1388)",
"3.การลงทุนเกินตัว และฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์\nธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เติบโตอย่างมากในช่วงปี 2530-2539 ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน สนามกอล์ฟ สวนเกษตร เนื่องจากผู้ประกอบการมีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศและระดมทุนในตลาดหลัก ทรัพย์ของประเทศที่กำลังร้อนแรงได้ง่าย เพื่อมาลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ นอกจากนั้นแล้ว ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้เกิดความต้องการเก็งกำไร ซึ่งได้ดึงดูดให้มีผู้เข้ามาลงทุนในธุรกิจอย่างมากจนกลายเป็นภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่",
"\"...ทรัพย์สินที่เป็นวัตถุแห่งสัญญายืมใช้คงรูปนี้ จะเป็นสังหาริมทรัพย์ เช่น สร้อยคอ ปากกา นาฬิกา หรือจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน บ้าน ก็ได้เช่นกัน และการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์สามารถทำได้โดยการทำให้ผู้ยืมได้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ เช่น การส่งมอบกุญแจบ้านหรือกุญแจประตูรั้วที่ล้อมรอบที่ดินที่ยืม [เป็นต้น]...[อนึ่ง] ปัจจุบันนี้มีพระราชบัญญัติ...กำหนดถึงการให้ใช้ลิขสิทธิ์หรือเครื่องหมายการค้าไว้เป็นการเฉพาะแล้ว\"",
"ในปี ค.ศ. 2015 คาดว่าการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของทรัมป์จะมีมูลค่าประมาณ 3.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีมูลค่าทรัพย์สินทางพาณิชย์รวมทั้งสิ้น 1.3 พันล้านดอลลาร์ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของเขาอยู่ที่ 410 ล้านดอลลาร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกสโมสรของเขาที่ 866 ล้านดอลลาร์ และอีกส่วนหนึ่งคือ 940 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่เขามีสัดส่วนการถือหุ้นไม่ถึง 100% โดยการถือครองอสังหาริมทรัพย์ของทรัมป์ นั้นถือเป็นส่วนสำคัญของสินทรัพย์ของเขาและทำให้รายได้ของเขามีรายได้มากขึ้นโดยมีสัญญาอนุญาตด้านอสังหาริมทรัพย์ข้อเสนอด้านการตลาดและการตลาดมากมายและค่าลิขสิทธิ์ที่ให้กระแสเงินสดเป็นล้าน ในปี 2015 ทรัมป์ ได้รับรายได้จากคอนโดมิเนียม 71 ล้านดอลลาร์และการเก็บรายได้ค่าเช่าจากอาคารของเขาเป็นประจำทุกปีจำนวน 41.9 ล้านดอลลาร์",
"REIT เป็นการลงทุนที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนมากเหมือนกับการลงทุนโดยตรงและมีข้อจำกัดน้อยกว่าการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากโครงสร้าง REIT มีความเป็นสากลและมีความยืดหยุ่นในการลงทุนและบริหารจัดการมากกว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์",
"4. อสังหาริมทรัพย์ที่ตกอยู่ภายในภาระติดพันตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับประโยชน์ หรือเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวได้รับโอนภาระติดพันมายังตน (ป.พ.พ. ม.1434 ประกอบกับ ม.1389)",
"บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยปัจจุบันบริษัทดำเนินการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผ่านบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งลงทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ และการลงทุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับแสนสิริ เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าในกรุงเทพมหานคร",
"นอกจากนี้ ในกรณีที่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์มีหนี้จะต้องชำระตามภาระติดพัน ถ้าไม่ชำระ ผู้รับประโยชน์อาจขอให้ศาลตั้งผู้รักษาทรัพย์เพื่อจัดการทรัพย์สินของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และชำระหนี้แทนเจ้าของผู้นั้นด้วย หรืออาจร้องขอให้ศาลสั่งให้เอาทรัพย์สินของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ออกขายทอดตลาด แล้วนำเงินที่ได้จ่ายให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามจำนวนที่เขาควรได้ แต่ถ้าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์สามารถหาประกันมาให้ได้ ศาลจะไม่ออกคำสั่งเช่นนั้นหรือจะถอนคำสั่งตั้งผู้รักษาทรัพย์ดังกล่าวก็ได้ (ป.พ.พ. ม.1433)",
"ตารางเปรียบเทียบ REIT กับกองทุนอสังหาริมทรัพย์REIT ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์",
"ภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์ () เป็นทรัพยสิทธิประเภทหนึ่งที่ตัดทอนกรรมสิทธิ์ของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ กล่าวคือ อสังหาริมทรัพย์อาจต้องตกอยู่ในภาระติดพันอันเป็นเหตุให้ผู้รับประโยชน์มีสิทธิได้รับชำระหนี้เป็นคราว ๆ จากอสังหาริมทรัพย์นั้น หรือได้ใช้และถือประโยชน์แห่งอสังหาริมทรัพย์นั้นตามที่ระบุกันไว้ เช่น อนุญาตให้เพื่อนสามารถเข้าอาศัยในบ้านพักตากอากาศชายทะเลได้ในเดือนเมษายนของทุกปีเป็นเวลาสามสิบปี หรืออนุญาตให้เพื่อนได้รับเงินหนึ่งล้านบาทจากค่าเช่าที่ดินที่ตนเก็บมาทุกครั้งเป็นเวลาสามสิบปี เป็นต้น",
"อสังหาริมทรัพย์ หมายถึง ที่ดิน ทรัพย์อันติดกับที่ดิน หรือประกอบเป็นอันเดียวกับที่ดิน รวมทั้งสิทธิทั้งหลายอันเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินด้วย จากนิยามดังกล่าว อาจแบ่งอสังหาริมทรัพย์ออกได้ดังนี้",
"1. ที่ดิน หมายถึง พื้นดินทั่วไป รวมทั้งภูเขา ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ลำน้ำ ทะเลสาบ เกาะและที่ชายทะเลด้วย",
"กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Investment Trust: REIT) เป็นกองทรัพย์สินที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีลักษณะเป็นกองทรัสต์ ไม่ใช่นิติบุคคลเหมือนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยกองทรัพย์สินที่ต้องลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต้องไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ถือกรรมสิทธิ์โดยทรัสตี(Trustee) ซึ่งทรัสตีมีอำนาจดูแลและบริหารจัดการทรัพย์สินในกองทรัสต์รวมทั้งดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้จัดการกองทรัสต์(REIT manager) เพื่อประโยชน์ของผู้ถือใบทรัสต์ โดยผู้ถือใบทรัสต์จะเป็นผู้รับประโยชน์ในทรัพย์สินของกองทรัสต์ โดย REIT จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์",
"ถ้าจะมีการกระทำการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน อาคาร บ้านเรือน ในทางกฎหมายกำหนดให้ต้องทำสัญญาหนังสือ ให้เป็นลายลักษณ์อักษร เช่นโฉนด หรือทะเบียนที่ดินเป็นเอกสารที่แสดงความเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้นๆ ทั้งนี้ก็เพราะว่าอสังหาริมทรัพย์ เป็นทรัพย์สินทีมีมูลค่าสูงจึงต้องมีกฎหมายควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา",
"เดอะทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น มีความสนใจในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ,การลงทุน ,การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์การขาย และการตลาดและการจัดการทรัพย์สิน บริษัทยังเป็นเจ้าของดำเนินการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย ,โรงแรม ,รีสอร์ท ,อาคารที่อยู่อาศัย และสนามกอล์ฟในประเทศต่างๆ รวมถึงการเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์หลายพันหลายพันตารางฟุต (หลายเฮกตาร์) ของอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญในแมนฮัตตัน "
] |
ยีราฟเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมหรือไม่? | [
"ยีราฟ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Giraffa) เป็นสกุลหนึ่งของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์ Giraffidae เป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง มีลักษณะเด่น คือ เป็นสัตว์ที่ตัวสูง ขายาว ลำคอยาว มีเขา 1 คู่ ตัวมีสีเหลืองและสีน้ำตาลเข้มเป็นลาย มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา ตัวผู้มีความสูง 4.8 ถึง 5.5 เมตร (16-18 ฟุต) และมีน้ำหนักถึง 900 กิโลกรัม (2,000 ปอนด์) ตัวเมียมีขนาดและความสูงน้อยกว่าเล็กน้อย จัดเป็นสัตว์บกที่มีความสูงที่สุดในโลก"
] | [
"การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนที่สำคัญที่สุดคือกะโหลกศีรษะ มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงของระบบทางเดินของอาหารและอากาศภายในช่องปากแยกออกจากกัน ช่วยทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมสามารถหายใจได้อย่างสะดวกในขณะที่คาบเหยื่อเอาไว้ในปาก และช่วยให้เวลาเคี้ยวและย่อยอาหารภายในปากมีความยาวนานมากกว่าเดิม ซึ่งในสายของการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม กลุ่มของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในระยะแรก จะยังคงลักษณะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมไว้ 2 รูปแบบคือ การมีขนปกคลุมร่างกายและการมีต่อมน้ำนมเพื่อสำหรับเลี้ยงลูกอ่อน[3]",
"เมื่อเปรียบเทียบกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นแล้ว หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่กว่าอย่าง กอริลลา มนุษย์เพศชายยังมีขนาดอวัยวะสืบพันธุ์ที่ใหญ่กว่า โดยขนาดองคชาตที่ยาวและหนากว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นทั้งด้านขนาดเมื่อเปรียบเทียบกับอวัยวะที่เหลือของร่างกาย",
"มีการเสนอว่า การคัดเลือกโดยธรรมชาติอาจเป็นปัจจัยผลักดันโครงสร้างหูชั้นกลางของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม\nคือ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยุคต้น ๆ หลายอย่างค่อนข้างเล็ก และฟันแสดงว่า พวกมันเป็นสัตว์กินแมลง\nถ้าพวกมันเป็นสัตว์เลือดอุ่นเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมปัจจุบัน ก็อาจเป็นสัตว์หากินกลางคืนด้วย\nซึ่งเข้ากับจินตภาพยอดนิยมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมว่าเป็นสัตว์เล็ก ๆ หากินแมลงเวลากลางคืน และมีชีวิตรอดในระบบนิเวศเฉพาะ ๆ ที่ไดโนเสาร์ใหญ่ผู้ครองโลกในยุคเดียวกันเข้าไม่ถึง\nการได้ยินเสียงที่ดีกว่า โดยเฉพาะที่ความถี่สูง ก็จะเป็นประโยชน์ต่อสัตว์หากินกลางคืน โดยเฉพาะเพื่อตรวจจับหาแมลง\nสถานการณ์เยี่ยงนี้ เข้ากับความได้เปรียบโดยการคัดเลือกอันเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดการเปลี่ยนสภาพ",
"ส่วนในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ส่วนที่เรียกว่า อวัยวะของคอร์ติ จะมีเซลล์ขนและเซลล์ค้ำจุนที่จัดเป็นรูปแบบโดยเฉพาะ\nในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมด อวัยวะของคอร์ติจะมีช่องที่ประกอบด้วย pillar cell ซึ่งด้านในจะมีเซลล์ขนด้านใน (IHC) และด้านนอกจะมีเซลล์ขนด้านนอก (OHC)\nหูชั้นกลางที่เป็นลักษณะเฉพาะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและคอเคลียที่ยาวขึ้น จะช่วยให้ไวเสียงความถี่สูงยิ่งขึ้น",
"ยีราฟ มีเขาทั้งตัวผู้และตัวเมีย ไม่ผลัดเขา ที่เขามีขนปกคลุมอยู่ เขาของยีราฟเป็นสิ่งแสดงถึงความแตกต่างระหว่างเพศ เขาของยีราฟตัวผู้ด้านบนมีลักษณะตัดราบเรียบและมีความใหญ่อวบกว่า ขณะที่ของตัวเมียจะมีขนสีดำปกคลุมเห็นเป็นพุ่มชัดเจน[1] มีพฤติกรรมอาศัยอยู่รวมเป็นฝูงราว 15-20 ตัว หรือมากกว่านั้น ในทุ่งโล่งร่วมกับสัตว์กินพืชชนิดอื่น ๆ เช่น แอนทิโลป, ม้าลาย หรือนกกระจอกเทศ เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 3 ปีครึ่ง ตั้งท้องนาน 420-461 วัน ลูกยีราฟหย่านมเมื่ออายุได้ 10 เดือน เมื่อคลอดออกมาแล้วจะสามารถยืนและเดินได้ภายในเวลาไม่นานเหมือนสัตว์กีบคู่ทั่วไป และวิ่งได้ภายในเวลา 2-3 วัน ตัวเมียมีเต้านมทั้งหมด 4 เต้า ยีราฟจะเป็นสัดทุก ๆ 14 วัน แต่ละครั้งเป็นอยู่ราว 24 ชั่วโมง มีอายุขัยเฉลี่ย 20-30 ปี[2]",
"ต่อมน้ำนม ต่อมน้ำนมเป็นลักษณะเด่นเฉพาะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ที่ไม่มีในสัตว์มีกระดูกสันหลังชนิดอื่นและใช้เป็นชื่ออันดับของสัตว์ เกิดจากเซลล์บุผิวที่มีการขยายใหญ่ขึ้น ทำให้เกิดแนวเต้านมขึ้นที่บริเวณหน้าอกหรือหน้าท้อง ต่อมน้ำนมนั้นเป็นต่อมอโพไครน์ที่แปรสภาพมาจากต่อมเหงื่อ มาทำหน้าที่เป็นต่อมในการสร้างน้ำนมแทน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเพศเมียทุกชนิด จะต้องมีต่อมน้ำนมที่สามารถทำงานได้ดี สามารถผลิตน้ำนมเพื่อใช้ในการเลี้ยงดูลูกอ่อน ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมเพศผู้ ต่อมน้ำนมจะไม่ทำงาน",
"มีสมมติฐานว่า โมโนทรีม สัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง และยูเธอเรีย ในยุคต้น ๆ เป็นสัตว์บกที่ใช้เวลาในน้ำมาก (semiaquatic) หรือขุดรูอยู่ เพราะมีสายพันธุ์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่าง ๆ ที่มีลักษณะเช่นนี้ในปัจจุบัน\nและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ขุดรูอยู่หรือใช้เวลาในน้ำมาก ก็จะปลอดภัยมากกว่าจากสิ่งแวดล้อมที่แย่ลงในช่วงการเปลี่ยนยุคครีเทเชียส-พาลิโอจีน\nแต่สัตว์หลายสปีชีส์จากพวกนี้เห็นเป็นสีไดเไม่ดีเท่ากับสัตว์มีกระดูกสันหลังที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวมทั้งสัตว์เลื้อยคลาน นก และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก",
"การดูแลและผูกมิตรเป็นกลยุทธ์แบบปรับตัวที่จำเป็น เพื่อช่วยเพิ่มความสำเร็จทางการสืบพันธ์ของหญิงในสัตว์ที่เลี้ยงลูกร่วมกัน (cooperative breeders)\nสัตว์ที่เลี้ยงลูกร่วมกันเป็นสัตว์อยู่เป็นกลุ่มที่คนช่วยดูแลผู้ไม่ใช่มารดาเป็นสิ่งจำเป็นให้ทารกและเด็กรอดชีวิต\nสัตว์ที่เลี้ยงลูกร่วมกันรวมทั้งหมาป่า ช้าง สัตว์อันดับวานรที่ไม่ใช่มนุษย์หลายพันธุ์ และมนุษย์\nในบรรดาสัตว์อันดับวานรและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโดยมาก กระบวนการทางต่อมไร้ท่อและระบบประสาททำให้หญิงดูแลทารก แม้ที่ไม่ใช่ญาติ หลังจากได้รับสัญญาณต่าง ๆ จากทารกเป็นเวลานานพอ\nหมาป่าตัวเมียที่ไม่ใช่แม่และหมาที่ไม่ได้เลียงบางครั้งจะเริ่มมีนมเพื่อช่วยเลี้ยงลูกของหมาตัวเมียที่เป็นแม่ฝูง",
"โลกร้อนขึ้นปกคุมด้วยป่าดิบ ทวีกระจายตัวออกจากกันในทวีปยุโรปเอเชียและอเมริกาเหนือ มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ยังมีขนาดเล็กตัวใหญ่ที่สุดมีขนาดประมาณหมีขนาดเล็ก อาศัยร่วมกับนกนักล่าขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลีย อินเดียทีแยกห่างออกไปเป็นที่แพร่พันธุ์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีถุงหน้าท้องที่เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ออกลูกเป็นไข่",
"โมโนทรีมเป็นสัตว์เลือดอุ่นเช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั่วไป มีอัตราเมแทบอลิซึมสูง (แต่ไม่สูงเท่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ) มีขนปกคลุมร่างกาย มีน้ำนมสำหรับเลี้ยงลูกอ่อน มีกระดูกขากรรไกรล่างชิ้นเดียว และมีกระดูกหูชั้นกลางสามชิ้น (ปัจจุบันพบว่า กระดูกหูชั้นกลางสามชิ้นนี้ของโมโนทรีมมีลักษณะการวางผิดแผกไปจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ)",
"ความแตกต่างเช่นนี้ดูเหมือนจะวิวัฒนาการไปพร้อม ๆ กับความแตกต่างในการได้ยินพิสัยความถี่เสียงในระหว่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่น คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีพิสัยความถี่เสียงที่กว้างกว่า โดยส่วนหนึ่งก็เพราะกลไกโดยเฉพาะในการขยายเสียง (pre-amplification) ที่ใช้การสั่นตัวของเซลล์ขนด้านนอก (OHC) แต่ความละเอียดของการได้ยินความถี่เสียงไม่ได้ดีกว่าในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเทียบกับสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ปีกโดยมาก เพียงแต่ว่า ความถี่เสียงสูงสุดที่ได้ยินมักจะสูงกว่า และบางครั้งจะสูงกว่ามาก",
"กระดูกขากรรไกรของโมโนทรีมมีลักษณะแตกต่างจากของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ กล้ามเนื้อที่ดึงขากรรไกรให้เปิดก็แตกต่าง ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่แท้จริงทุกชนิด กระดูกค้อน ทั่ง โกลน ในหูชั้นกลาง ซึ่งช่วยทำให้เกิดเสียงนั้น ยึดติดอยู่กับกะโหลกศีรษะ แทนที่จะวางอยู่ในกระดูกขากรรไกรเหมือนอย่าง cynodont และ synapsid (สัตว์เลื้อยคลานในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีลักษณะคล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการอ้างอีกเช่นกันว่า ในโมโนทรีมและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ออกลูกเป็นตัว กระดูกสามชิ้นนี้ไม่ได้พัฒนามาจาก cynodont และ synapsid ",
"ในสัตว์เลื้อยคลาน แก้วหูจะเชื่อมกับหูชั้นในผ่านกระดูกท่อนเดียว คือ columella ในขณะที่ขากรรไกรล่างและบนจะมีกระดูกหลายท่อนที่ไม่พบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม\nคือ ในช่วงวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กระดูกชิ้นหนึ่งของขากรรไกรล่างและบน (articular และ quadrate) หมดประโยชน์โดยเป็นข้อต่อ และเกิดนำไปใช้ใหม่ในหูชั้นกลาง\nไปเป็นตัวเชื่อมกับกระดูกโกลนที่มีอยู่แล้ว รวมกันกลายเป็นโซ่กระดูกสามท่อน (โดยเรียกรวมกันว่ากระดูกหู ) ซึ่งถ่ายทอดเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า และดังนั้นช่วยให้ได้ยินได้ดีกว่า\nในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กระดูกหูสามท่อนนี้เรียกว่า กระดูกค้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลน ตามลำดับ\nสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและสัตว์ปีกยังต่างจากสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่น ๆ เพราะมีคอเคลียที่วิวัฒนาการเกิดขึ้น",
"มีสัตว์เคี้ยวเอื้องอยู่ราว 150 สปีชีส์ ซึ่งมีทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เคี้ยวเอื้องมีทั้งปศุสัตว์ แพะ แกะ ยีราฟ ไบซัน กวางมูส กวางเอลก์ ยัค กระบือ กวาง อูฐ อัลปากา ยามา แอนทิโลป พรองฮอร์น และนิลกาย ในทางอนุกรมวิธาน อันดับย่อย Ruminanti มีสัตว์ทุกสปีชีส์ที่กล่าวมาข้างต้น ยกเว้นอูฐ ลามาและอัลปากา ซึ่งอยู่ในอันดับย่อย Tylopoda ดังนั้น คำว่า \"สัตว์เคี้ยวเอื้อง\" จึงมิได้มีความหมายเหมือนกับ Ruminantia คำว่า \"ruminant\" มาจากภาษาละตินว่า ruminare หมายถึง \"ไตร่ตรองถี่ถ้วนอีกครั้ง\" (to chew over again)",
"ในสายพันธุ์ที่ใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากที่สุด ขากรรไกรของ \"Hadrocodium\" (ประมาณ 195 ล้านปีก่อนในยุคจูแรสซิกต้น ๆ) แสดงนัยว่า \nสัตว์หรือว่าบรรพบุรุษใกล้ ๆ อาจเป็นสัตว์พวกแรกที่มีหูชั้นกลางเหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแทบสมบูรณ์\nคือ มันไม่มีร่องที่ด้านหลังของขากรรไกรล่าง ซึ่งเป็นที่ยึดแก้วหูของ therapsid และ mammaliformes ก่อน ๆ\nการไม่มีร่องเช่นนี้แสดงนัยว่า หูของ \"Hadrocodium\" เป็นส่วนของกระดูกหุ้มสมอง เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และดังนั้น กระดูกเดิมที่เป็น articular และ quadrate ได้กลายเป็นส่วนของหูชั้นกลาง คือได้กลายเป็นกระดูกค้อนและกระดูกทั่งแล้ว\nแต่ว่ากระดูก dentary ก็ยังมีช่องเว้าที่ด้านหลังซึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไม่มี ซึ่งแสดงนัยว่า dentary อาจมีรูปร่างแบบนี้ถ้า articular และ quadrate ยังเป็นส่วนของข้อต่อกระดูกขากรรไกร",
"มีการเสนอในปี 2548 ว่า ช่องเว้าที่ค่อนข้างใหญ่ของกระดูกขากรรไกรของโมโนทรีมต้นยุคครีเทเชียสสกุล \"Teinolophos\" \nเป็นหลักฐานข้อต่อขากรรไกรของบรรพบุรุษสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (pre-mammalian)\nคือเพราะว่า therapsid และ mammaliform หลายชนิดก็มีช่องเว้านี้เหมือนกัน ซึ่งเป็นจุดต่อกับกระดูก articular กับ angular และดังนั้น \"Teinolophos\" จึงมีหูชั้นกลางเหมือนกับบรรพบุรุษสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม\nและดังนั้น วิวัฒนาการของกระดูกหูของหูชั้นกลางแบบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมของโมโนทรีม จึงเกิดขึ้นอย่างเป็นอิสระจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ",
"สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต้น ๆ โดยทั่วไปเป็นสัตว์เล็ก ๆ และน่าจะเป็นสัตว์หากินแมลงเวลากลางคืน\nทฤษฎีนี้ใช้อธิบายกลไกทางวิวัฒนาการที่ขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงได้\nเพราะด้วยกระดูกหูเล็ก ๆ ในหูชั้นกลาง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจึงสามารถขยายพิสัยความถี่เสียงที่ได้ยิน ซึ่งช่วยตรวจจับหาแมลงในที่มืด\nทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติก็จะสามารถอธิบายชัยชนะของคุณลักษณะเยี่ยงนี้",
"ยังมีงานวิจัยทางพันธุกรรมต่อมาเกี่ยวกับพัฒนาการของกระดูกหูจาก embryonic arch อีกด้วย\nและงานที่เชื่อมเรื่องนี้กับประวัติวิวัฒนาการ\n\"ยีน \"Bapx1\" หรือ \"Nkx3.2\" ของสัตว์มีกระดูกสันหลัง มีกำเนิดเดียวกันกับยีน \"Bagpipe\" ของแมลงหวี่สกุล \"Drosophila\"\nเป็นสมาชิกในชั้น NK2 ของยีน homeobox...\"\nงานวิจัยแสดงว่ายีนนี้เป็นเหตุในการเปลี่ยนกระดูกขากรรไกรที่พบในสัตว์อื่น ๆ ไปเป็นกระดูกหูในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม\nยีนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องรวมทั้ง \"Dlx\", \"Prx\", และ \"Wnt\"\nหูชั้นกลางของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีกระดูกหูท่อนน้อย ๆ 3 ท่อนที่เรียกว่า กระดูกค้อน กระดูกทั่ง และกระดูกโกลน\nโดยกระดูกหูเป็นระบบคานงัดที่ซับซ้อน และมีหน้าที่ต่าง ๆ คือ ลดแอมพลิจูดของแรงสั่น\nเพิ่มแรงสั่น\nและดังนั้น ช่วยถ่ายทอดพลังงานเสียงอย่างมีประสิทธิภาพจากแก้วหูไปยังโครงสร้างของหูชั้นใน\nกระดูกหูทำงานทางแรงกลเหมือนกับหม้อแปลงไฟฟ้าทำกับกระแสไฟฟ้า เป็นการแมทชิงอิมพีแดนซ์ของแรงสั่นจากอากาศให้เป็นแรงสั่นในน้ำภายในคอเคลีย\nซึ่งผลโดยรวมก็คือเพิ่มความไวและขีดจำกัดเสียงความถี่สูงของการได้ยินในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมโดยเทียบกับสัตว์เลื้อยคลาน\nแต่รายละเอียดของโครงสร้างและผลเหล่านี้ก็ยังต่างกันอย่างเห็นได้ในสปีชีส์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่าง ๆ แม้แต่สปีชีส์ที่ใกล้ชิดกันมากเช่นมนุษย์กับชิมแปนซี",
"อันดับวาฬและโลมา \" (Order Cetacea) \" จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง เป็นอันดับหนึ่งใน 18 อันดับของชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับวาฬและโลมา ได้แก่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีลักษณะคล้ายปลา เช่นวาฬ โลมา เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีลักษณะภายนอกคล้ายปลา จนมักเรียกติดปลาว่า ปลาวาฬ และ ปลาโลมา ซึ่งผิดหลักอนุกรมวิธานบรรพบุรุษของสัตว์ตระกูลนี้เป็นสัตว์บกที่วิวัฒนาการกลับลงไปในทะเล",
"สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่กินพืชผักและหญ้าอื่น ๆ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ได้แก่สัตว์เคี้ยวเอื้อง ซึ่งเป็นกลุ่มของสัตว์ที่กินหญ้าเช่น ม้า หมู กวาง วัว ม้าลาย ยีราฟ ควาย แพะและแกะเป็นต้น สำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมอีกกลุ่มคือสัตว์ฟันแทะและกระต่าย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่กินพืชเป็นอาหาร จะมีฟันและเขี้ยวซี่เล็ก ๆ ฟันกรามค่อนข้างกว้าง ตัวฟันด้านหน้าจะสูงและมีการเคลือบฟันเป็นสันเพื่อไว้สำหรับบดอาหาร สัตว์ฟันแทะเช่นกระรอก กระจ้อนจะมีฟันตัดในลัษณะคล้ายกับสิ่วอยู่ตลอดชีวิต เมื่อมีการหักหรือสึกกร่อนก็สามารถสร้างใหม่ขึ้นทดแทน",
"สัตว์มีถุงน้ำคร่ำที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหมดใช้ระบบกระดูกเช่นนี้รวมทั้ง กิ้งก่า จระเข้ ไดโนเสาร์ (และสัตว์ลูกหลานคือสัตว์ปีก) และ therapsid (บรรพบุรุษของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม)\nดังนั้น กระดูกหูชิ้นเดียวในหูชั้นกลางของสัตว์เหล่านี้ก็คือกระดูกโกลน",
"โอคาพี (; ชื่อวิทยาศาสตร์: \"Okapia johnstoni\") เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อันดับสัตว์กีบคู่ ในวงศ์ Giraffidae เช่นเดียวกับยีราฟ เป็นสัตว์พื้นเมืองของเขตป่าฝนอีตูรี ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ในแอฟริกากลาง แม้ว่าโอคาพีจะมีลายแถบและรูปร่างที่คล้ายกับม้าลาย แต่ที่จริงแล้วมีสายสัมพันธ์กับยีราฟ อันเป็นสัตว์ที่อยู่ในวงศ์เดียวกัน และถือว่าเป็นสัตว์เพียง 1 ใน 2 ชนิดเท่านั้นในวงศ์นี้ ที่ยังดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบันนี้ จึงถือว่าเป็นซากดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่อีกชนิดหนึ่ง",
"เยื่อหุ้มด้านข้าง (lateral) ของ OHC ในเธอเรีย เป็นส่วนเดียวที่มี prestins อยู่อย่างหนาแน่น (แต่ยังไม่ชัดเจนว่าโมโนทรีมมีมากขนาดไหน)\nโดยไม่พบที่เซลล์ขนด้านใน (IHC) และไม่มีในเซลล์ขนของสัตว์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม\nแม้ว่า Prestin จะมีบทบาทในการเคลื่อนไหวเอง (motility) ซึ่งต่อมากลายเป็นบทบาทสำคัญในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนบก แต่บทบาทเช่นนี้ก็วิวัฒนาการขึ้นอย่างแตกต่างกันมากในสัตว์กลุ่มต่าง ๆ กัน\nเช่น ในสัตว์ปีกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางชนิด prestins ทำหน้าที่ทั้งขนส่งสารและทำให้ไหวได้ แต่วิวัฒนาการเพื่อให้เคลื่อนไหวได้ดีที่สุดพบแต่ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชั้นเธอเรียเท่านั้น\nสันนิษฐานว่า ระบบมอร์เตอร์เช่นนี้สำคัญเพื่อให้คอเคลียของเธอเรียสามารถตอบสนองต่อเสียงความถี่สูง เพราะว่า องค์ประกอบทั้งทางเซลล์และทางกระดูกของอวัยวะของคอร์ติ ทำให้ prestins สามารถเพิ่มการไหวของโครงสร้างทั้งหมดได้",
"เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สมองมนุษย์จึงมีลักษณะพิเศษซึ่งพบร่วมในสมองสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิด ที่สำคัญสุดคือ เปลือกสมองใหญ่หกชั้นและชุดโครงสร้างที่สัมพันธ์กัน เช่น ฮิปโปแคมปัสและอะมิกดาลา สัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิดมีสมองส่วนหน้าซึ่งผิวด้านบนคลุมด้วยชั้นเนื้อเยื่อประสาท เรียก พัลเลียม (pallium) แต่ยกเว้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พลัลเยมเป็นโครงสร้างเซลล์สามชั้นค่อนข้างเรียบง่าย ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม พัลเลียมมีโครงสร้างเซลล์หกชั้นที่ซับซ้อนกว่า และได้ชื่อใหม่ว่า เปลือกสมองใหญ่ ฮิปโปแคมปัสและอะมิกดาลายังกำเนิดจากพัลเลียมด้วย แต่ซับซ้อนในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมากกว่าสัตว์มีกระดูกสันหลังอื่นมาก",
"สปีชีส์สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ยังมีอยู่สามารถระบุได้ด้วยต่อมน้ำนม (mammary gland) ในสัตว์ตัวเมีย\nแต่ว่า ลักษณะอื่นย่อมจำเป็นเพื่อกำหนดซากดึกดำบรรพ์ เพราะว่าต่อมน้ำนมและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ไม่เหลืออยู่ในซากดึกดำบรรพ์\nดังนั้น นักบรรพชีวินวิทยาจึงต้องใช้ลักษณะเฉพาะที่มีในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ยังไม่สูญพันธุ์ทั้งหมด (รวมทั้งโมโนทรีม) แต่ไม่ปรากฏใน therapsid (สัตว์เลื้อยคลานคล้ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมซึ่งเป็นสัตว์บรรพบุรุษ) ในต้นยุคไทรแอสซิก \nซึ่งก็คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมใช้กระดูกหูสองท่อนเพิ่มเพื่อการได้ยิน โดยเป็นกระดูกที่สัตว์มีถุงน้ำคร่ำ (Amniota) อื่น ๆ ใช้เพื่อกิน",
"รูปแบบส่วนใหญ่ในหัวข้อต่อไปนี้ก็คือ กลุ่ม \"ต่อมา\" แต่ละกลุ่มจะเริ่มด้วยขากรรไกรและหูที่ \"เก่าแก่\" กว่าโดยได้จากบรรพบุรุษ แล้วจึงพัฒนามีขากรรไกรและหูที่ \"ก้าวหน้า\" กว่าต่อไป\nให้สังเกตว่า ข้อต่อขากรรไกรและหูของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่ได้วิวัฒนาการแบบก้าวต่อก้าวร่วมกับวิวัฒนาการลักษณะเฉพาะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ\nกล่าวอีกอย่างก็คือ ข้อต่อขากรรไกรและหูในช่วงต่าง ๆ ไม่ได้เป็นตัวระบุอะไรยกเว้นในระยะสุดท้าย ๆ ที่นักบรรพชีวินวิทยาเริ่มแยกว่าเป็นกายวิภาคโดยเฉพาะของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม\nในสัตว์มีถุงน้ำคร่ำปัจจุบัน (รวมทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) หูชั้นกลางรวบรวมเสียงจากอากาศผ่านแก้วหู แล้วถ่ายทอดแรงสั่นไปยังหูชั้นในผ่านโครงสร้างที่เป็นทั้งกระดูกอ่อนกระดูกแข็ง ซึ่งปกติจะรวมกระดูกโกลนด้วย\nแต่ว่า สัตว์สี่ขา สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก และสัตว์มีถุงน้ำคร่ำยุคต้น ๆ ที่สุด น่าจะไม่มีแก้วหู\nจริง ๆ แล้ว แก้วหูดูเหมือนจะวิวัฒนาการอย่างเป็นอิสระแล้ว ๆ เล่า ๆ 3-6 ครั้ง คือ\nในสัตว์ต้นสาย (basal) ทั้งหมดของ clade สัตว์มีถุงน้ำคร่ำใหญ่ ๆ ทั้งสาม (คือ synapsid, eureptile, และ parareptile) กระดูกโกลนเป็นส่วนค้ำจุนค่อนข้างใหญ่ของกระดูกหุ้มสมอง (braincase) และหน้าที่นี้ทำให้ไม่สามารถใช้ในระบบการได้ยินได้\nแต่ก็มีหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ว่า synapsid, eureptile และ parareptile ได้พัฒนาแก้วหูเชื่อมกับหูชั้นในผ่านกระดูกโกลนในช่วงยุคเพอร์เมียน",
"สัตว์หลายชนิดรวมทั้งซาลาแมนเดอร์ สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบางประเภทมีอวัยวะที่เรียกว่า vomeronasal organ[24] ซึ่งอยู่ติดกันกับช่องปาก ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อวัยวะนี้ใช้ในการตรวจจับ pheromones[11] หรือในการทำเครื่องหมายอาณาเขต เส้นทาง หรือภาวะทางเพศ ส่วนสัตว์เลื้อยคลานเช่นงูและสัตว์วงศ์เหี้ย ใช้อวัยวะนี้เป็นอวัยวะดมกลิ่น โดยส่งโมเลกุลมีกลิ่นไปที่อวัยวะด้วยปลายลิ้นที่แฉก เป็นอวัยวะที่เรียกว่า Jacobsons organ ในสัตว์เลื้อยคลาน ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นี้เป็นอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่เรียกว่า flehman response ซึ่งปรากฏโดยการม้วนหรือยกริมฝีปากด้านบนขึ้น ซึ่งส่ง pheromone ไปที่ vomeronasal organ",
"เกรินุก, วอลเลอส์กาเซลล์ หรือ แอนทิโลปคอยีราฟ (; ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งในวงศ์ Antilopinae ในวงศ์ใหญ่ Bovinae",
"แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมประสบความสำเร็จ จนมีวิวัฒนาการถึงขีดสุดคือสมองในส่วนนีโอซีรีบรัม ที่มีความเจริญเติบโตอย่างดีเยี่ยม ทำให้มีความสามารถในการปรับตัว รวมถึงพฤติกรรมการกินอยู่ อาศัยและหลับนอน ตลอดจนการเรียนรู้ ความอยากรู้อยากเห็น และมีความฉลาดมากกว่าสัตว์เลื้อยคลานมาก ทำให้ในยุคมีโซโนอิกเป็นยุคที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมครองโลกเป็นต้นมา (อันดับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 3 อันดับที่ฉลาดที่สุดในโลก 1. มนุษย์ 2. วานร 3. โลมา) แต่ยังไม่ครองโลกนานเท่าไรนัก เนื่องจากมนุษย์ถือกำเนืดมาเมื่อ 1.8 ล้านปีมานี่เอง"
] |
ซะมุไร คืออะไร ? | [
"ซามูไร (侍) แปลเป็นภาษาไทยว่าทหาร คำว่า ซามูไร มีต้นกำเนิดจากคำว่า ซะบุระอุ ซึ่งเป็นคำกริยาในภาษาญี่ปุ่นโบราณ ที่มีความหมายว่า รับใช้ ฉะนั้น ซามูไรก็คือคนรับใช้นั่นเอง"
] | [
"ปูเฮเกะ มีลักษณะเด่น คือ บนกระดองมีลวดลายที่มีลักษณะเหมือนใบหน้ามนุษย์ที่กำลังโกรธเกรี้ยวหรือหน้ากากซะมุไร ซึ่งชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า ปูชนิดนี้เป็นดวงวิญญาณของเหล่านักรบซะมุไรตระกูลเฮเกะ หรือไทระที่กลับชาติมาเกิด หลังจากได้ถูกฆ่าตายล้างตระกูลหรือกระโดดน้ำฆ่าตัวตายในท้องทะเลแถบนี้เมื่อปี ค.ศ. 1185 ในยุทธการดันโนะอุระ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามเก็มเป ที่เป็นสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่ระหว่าง 2 ตระกูลใหญ่ คือ ไทระ กับ มินะโมะโตะ และฝ่ายมินะโมะโตะเป็นฝ่ายชนะ จึงมีเรื่องเล่าต่าง ๆ เกี่ยวกับดวงวิญญาณที่ยังไม่สงบของสมาชิกเหล่าตระกูลไทระต่าง ๆ บ้างก็ว่าชาวประมงในแถบนี้เห็นดวงไฟวิญญาณบนท้องทะเลในเวลาค่ำคืน ",
"ชีวิตในวัยเยาว์ของคุซุโนะกิ มะซะชิเงะ และความเป็นมาของตระกูลคุซุโนะกิ ไม่ได้รับการบันทึกไว้ คุซุโนะกิ มะซะชิเงะ เป็นซะมุไรระดับล่าง อาศัยอยู่ในแคว้นคะวะชิ ( จังหวัดโอซะกะในปัจจุบัน) เมื่อพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ ทรงประกาศเชื้อเชิญให้บรรดาซะมุไรทั้งหลายที่ไม่พอใจการปกครองของรัฐบาลโชกุนคะมะกุระเข้าร่วมกับกองกำลังของพระองค์ในการล้มล้างรัฐบาลโชกุนฯ ในปีค.ศ. 1331 คุซุโนะกิ มะซะชิเงะ ประกาศตนเข้ากับฝ่ายของพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ และสร้างกองกำลังอยู่ที่ป้อมอะกะซะกะ () ในแคว้นคะวะชิ ซึ่งเจ้าชายโมะริโยะชิ () พระโอรสของจักรพรรดิโกะ-ไดโงะเสด็จมายังป้อมอะกะซะกะเพื่อทรงร่วมนำทัพในการต่อต้านรัฐบาลโชกุน แต่ทว่าตระกูลโฮโจแห่งรัฐบาลโชกุนฯส่งกองทัพมาเข้าล้อมป้อมอะกะซะกะและสามารถยึดป้อมได้ คุซุโนะกิ มะซะชิเงะ นำเจ้าชายโมะริโยะชิเสด็จหนีออกจากป้อมอะกะซะกะ จากนั้นมะซะชิเงะรวบรวมกำลังได้อีกครั้งที่ป้อมชิฮะยะ () ทัพของตระกูลโฮโจเข้าล้อมป้อมชิฮะยะแต่ไม่สำเร็จ",
"ไทระ โนะ คิโยโมริ (ญี่ปุ่น: たいら の きよもり Taira no Kiyomori หรือ 平清盛 Taira Kiyomori) หรือ คิโยโมริแห่งไทระ ซะมุไรซึ่งเรืองอำนาจขึ้นปกครองญี่ปุ่นในช่วงปลายยุคเฮอังในคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถือเป็นชนชั้นซะมุไรคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ขึ้นปกครองประเทศ",
"โนะบุนะงะเป็นผู้เริ่มก่อตั้ง \"กองกำลังทหารอะชิงะรุ\" ซึ่งมาจากบรรดาชาวบ้านธรรมดาที่อยากมีส่วนร่วมกับบ้านเมืองในการทำสงคราม ให้โอกาสผู้ที่อยากเป็นทหารแต่ไม่มีโอกาสได้เป็น ซึ่งจะแตกต่างจากไดเมียวคนอื่นๆ กองกำลังของโนะบุนะงะจึงเป็นกองทัพที่มาจากชาวบ้านธรรมดา ไม่เหมือนกองกำลังอื่นๆ ของไดเมียวที่มีแต่ซะมุไรจำนวนมาก กองกำลังอะชิงะรุแม้จะมาจากชาวบ้านธรรมดา แต่ทว่าพวกเขามาด้วยใจที่รักบ้านเมือง แตกต่างจากซะมุไรที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง กองกำลังอะชิงะรุนั้นแม้มีศักยภาพในการทำสงครามไม่แพ้พวกซะมุไร แต่ก็แตกต่างกับซะมุไรผู้มีเกียรติและศักดิ์ศรีเป็นที่ตั้ง ที่ยอมพลีชีพในสงครามอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ถ้าถูกจับตัวได้จะไม่มีการซัดทอดโดยเด็ดขาด ยอมแม้แต่จะเซ็ปปุกุตัวเองเพื่อไม่ต้องตายโดยน้ำมือผู้อื่น",
"ในตอนปลายยุคเซ็งโงะกุ วิชายิวยิตสูได้มีการรวบรวมไว้เป็นแบบแผน ต่อมาเมื่อ ตระกูลโทะกุงะวะ ได้ทำการปราบเจ้าแคว้นต่างๆ ให้สงบลงอย่างราบคาบและตั้งตนเป็น โชกุน ปกครองประเทศญี่ปุ่น ได้มีการปรับปรุงวิชาการรบของพวกซะมุไร นอกจากวิชาการรบแล้ว ซะมุไรต้องเรียนหนังสือเพื่อศึกษาวิชาการปกครอง การอบรมจิตใจให้มีศีลธรรม ยิวยิตสูเป็นวิชาป้องกันตัวชนิดหนึ่งในสมัยนั้น จึงต้องมีการปรับปรุงวิธีการต่อสู้จากการไร้ศีลธรรมมาเป็นการป้องกัน การต่อสู้ด้วยกำลังกาย และกำลังใจอันประกอบด้วยคุณธรรม มีจรรยามารยาทที่สุภาพเรียบร้อยขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับคำว่า ยิวยิตสู ซึ่งหมายความถึง ศิลปะแห่งความสุภาพ",
"เมื่อคัมปะกุฮิเดโยชิเดินทางมาถึงเกาะคีวชู ก็พบว่าดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยชาวคริสเตียนและมิชชันนารีชาวโปรตุเกส ที่ได้เข้ามายังญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยเซงโงะกุ ใน ค.ศ. 1587 คัมปะกุฮิเดโยชิจึงได้ออกประกาศขับไล่ชาวคริสเตียนและมิชชันนารีออกจากญี่ปุ่น (バテレン追放令) นับว่าเป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกที่ออกนโยบายกดขี่ชาวคริสเตียน แต่ประกาศในครั้งนี้ยังไม่เป็นที่ใส่ใจมากนัก และใน ค.ศ. 1588 ได้ออกกฎหมายริบอาวุธ (刀狩) เพื่อริบอาวุธคือจากชาวนาและอะชิงะรุหรือชาวนานักรบทั้งหลาย เพื่อป้องกันการลุกฮือหรือการเลี่อนชั้นจากชาวนามาเป็นซะมุไร อย่างเช่นตัวฮิเดโยชิเองได้กระทำ และกำหนดว่าชนชั้นซะมุไรเท่านั้นที่มีสิทธิถือครองอาวุธได้ กฎหมายนี้ยังคงมีผลต่อไปในสมัยเอโดะ",
"คุซุโนะกิ มะซะชิเงะ ( ค.ศ. 1294 ถึง ค.ศ. 1336) เป็นซะมุไรในช่วงต้นยุคมุโระมะชิ เป็นซะมุไรคนสำคัญซึ่งสู้รบอยู่ในฝ่ายของพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ",
"ที่แคว้นซะสึมะ สุโช ฮิโรซาโตะ ดำเนินการพัฒนาแคว้น จึงต้องเก็บภาษีมากมาย ทำให้พวกซะมุไรหนุ่มและชาวเมืองยากจน พวกซะมุไรหนุ่มอย่างไซโก คิชิโนะสุเกะ (ยุคิโยะชิ โอซาวะ) โอคุโบะ โชสุเกะ (ไทโช ฮาราดะ) และคนอื่นๆเกลียดสุโช ในตอนนั้นโอคัทสึ (อะโอิ มิยะซะกิ) ได้รับคำเชิญให้ไปบ้านสุโช จึงชวนคิโมสึกิ นะโอะโกะโระ (เอตะ) ไปด้วยกัน โอคัทสึได้รู้ความจริงบางอย่างจากสุโช?",
"ในประเทศญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลจากการสอบขุนนางมาเป็นต้นแบบในยุคเฮอัง (Heian period) แต่มีผลเพียงกับชนชั้นสูงจำนวนไม่มากนัก ต่อมาจึงถูกแทนที่โดยการสืบทอดเชื้อสายในยุคซะมุไร (Samurai era) ",
"เป็นประจำจนเกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า Teradaya Incident (การลอบสังหารที่เทะระดะยะ)ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1866 (พ.ศ. 2409) โดยเป็นเหตุการณ์ที่เรียวมะถูกซะมุไรของ\nรัฐบาลลอบสังหารที่นี่แต่ได้มาม่าซังเจ้าของร้าน,เรียว(ต่อมาคือภรรยาของเรียวมะ) และซะมุไรผู้คุ้มกันได้\nช่วยชีวิตเอาไว้แต่ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือซ้าย",
"บากูฟุ แปลว่า \"ทำเนียบรัฐบาล\" หมายถึงระบอบการปกครองที่นำโดยโชกุน โชกุน หรือชื่อตำแหน่งทางการว่า \"เซอิไทโชกุน\" () เป็นตำแหน่งที่แต่งตั้งโดยองค์พระจักรพรรดิที่เมืองเกียวโต มอบให้แก่ตระกูลผู้นำซะมุไรที่สืบเชื้อสายมาจากตระกูลมินาโมโตะโบราณ ซึ่งในสมัยเอโดะนั้นก็คือตระกูลโทกูงาวะ ตำแหน่งโชกุนนั้นเป็นตำแหน่งที่สืบทอดภายในตระกูลโทกูงาวะ ในทางทฤษฏีโชกุนมีหน้าที่รับใช้ราชสำนักเกียวโตในฐานะประมุขของชนชั้นซะมุไรทั้งมวลในญี่ปุ่น แต่ในทางปฏิบัตินั้นโชกุนคือผู้ปกครองมีอำนาจเหนือประเทศญี่ปุ่นที่แท้จริง ",
"จนกระทั่งค.ศ. 1544 ซะมุไรข้ารับใช้ของตระกูลคนหนึ่งชื่อว่า อุซะมิ ซะดะมิซึ () ได้เข้ามาทาบทามให้คะเงะโตะระเข้าแย่งแคว้นเอะฉิโงะมาจากฮะรุกะเงะผู้เป็นพี่ชาย เนื่องจากฮะรุกะเงะไม่เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาซะมุไรผู้รับใช้ตระกูลนะงะโอะทั้งหลาย คะเงะโตะระจึงก่อสงครามกับพี่ชายของตนเอง ด้วยการสนับสนุนจากซะมุไรผู้จงรักภักดี คะเงะโตะระสามารถเอาชนะฮะรุกะเงะผู้เป็นพี่ชายได้ ฮะรุกะเงะจึงทำการเซ็ปปุกุสิ้นชีวิตไป",
"ยุคเจ้าขุนมูลนายของญี่ปุ่นมีลักษณะจากการถือกำเนิดและการครอบงำของชนชั้นนักรบซะมุไร ใน พ.ศ. 1728 จักรพรรดิโกะ-โทะบะทรงแต่งตั้งซะมุไร มินะโมะโตะ โนะ โยะริโตะโมะ เป็นโชกุน หลังพิชิตตระกูลไทระในสงครามเก็มเป โยะริโตะโมะตั้งฐานอำนาจในคะมะกุระ หลังเขาเสียชีวิต ตระกูลโฮโจเถลิงอำนาจเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน มีการเผยแผ่ศาสนาพุทธสำนักเซนจากจีนในยุคคะมะกุระ (พ.ศ. 1728–1876) และได้รับความนิยมในชนชั้นซะมุไร รัฐบาลโชกุนคะมะกุระขับไล่การบุกครองของมองโกลสองครั้งใน พ.ศ. 1817 และ 1824 แต่สุดท้ายถูกจักรพรรดิโกะ-ไดโงะโค่นล้ม ส่วนจักรพรรดิโกะ-ไดโงะก็ถูกอะชิกะงะ ทะกะอุจิพิชิตอีกทอดหนึ่งใน พ.ศ. 1879",
"ละครเรื่องนี้สร้างจากชีวิตจริงของ ไทระ โนะ คิโยะโมะริ ซะมุไรคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดในราชสำนักด้วยการดำรงตำแหน่ง ไดโจไดจิง หรือ อัครมหาเสนาบดี ซึ่งได้วางรากฐานรูปแบบการปกครองแบบใหม่ของญี่ปุ่นที่ปกครองโดยซะมุไรอันเป็นต้นกำเนิดของการปกครองในรูปแบบโชกุนในเวลาต่อมาโดยดำเนินเรื่องราวผ่านช่วงชีวิตของคิโยโมริตั้งแต่ในช่วงวัยรุ่นจนถึงบั้นปลายของชีวิตเรื่อยมาจนถึง สงครามเก็มเป และการสถาปนา รัฐบาลโชกุนคะมะกุระ ผ่านการบอกเล่าโดย มินะโมะโตะ โนะ โยะริโตะโมะ โชกุนคนแรกของญี่ปุ่นซึ่งรับบทโดย มะซะกิ โอะกะดะ",
"การล่มสลายของรัฐบาลคะมะกุระ การฟื้นฟูอำนาจของราชสำนักเมืองเคียวโตะ และการขึ้นสู่อำนาจของทะกะอุจิ ถูกกล่าวถึงอย่างละเอียดในวรรณกรรมเรื่อง \"ไทเฮกิ\" () ปี ค.ศ. 1331 ซะดะอุจิผู้เป็นบิดาเสียชีวิต ทะกะอุจิจึงขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำตระกูลอะชิกะงะต่อจากบิดา ในปีเดียวกันนั้น พระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะทรงวางแผนยึดอำนาจคืนจากรัฐบาลคะมะกุระกลับมาสู่ราชสำนักเกียวโต แต่ทว่าแผนการกลับรั่วไหล รัฐบาลคะมะกุระจึงปลดพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะออกจากราชสมบัติ เนรเทศพระจักรพรรดิไปประทับยังเกาะโอะกิ และตั้งพระจักรพรรดิโคงงขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แทน พระโอรสของพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ คือ เจ้าชายโมะรินะงะ () และซะมุไร คุซุโนะกิ มะซะชิเงะ () ยังคงทำสงครามเพื่อล้มการปกครองของตระกูลโฮโจอันมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองคะมะกุระต่อไป เรียกว่า สงครามปีเก็งโก () ซะมุไรจำนวนมากซึ่งไม่พอใจการปกครองเผด็จการของตระกูลโฮโจจึงมาเข้ากับฝ่ายจักรพรรดิ",
"ปูเฮเกะ หรือ ปูซะมุไร (; ; ) เป็นปูทะเลขนาดเล็กชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่ในท้องทะเลแถบเมืองชิโมะโนะเซะกิ จังหวัดยะมะงุจิ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น",
"เมื่อโยะริโมะโตะเสียชีวิตในค.ศ. 1199 มินะโมะโตะ โนะ โยะริอิเอะ () บุตรชายของโยะริโตะโมะสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลเซวะเง็นจิต่อมา และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโชกุนในค.ศ. 1202 แต่ทว่าบรรดาซะมุไรข้ารับใช้เก่าของโยะริโตะโมะต่างเห็นพ้องต้องกันว่าโยะริอิเอะไม่มีความสามารถในการปกครอง จึงจัดตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนขึ้นในค.ศ. 1200 ประกอบด้วยซะมุไรจำนวนสิบสามคนเพื่อทำหน้าปกครอง\"บะกุฟุ\"แทนโยะริอิเอะ ตระกูลทางฝ่ายมารดาของโยะริอิเอะ คือ ตระกูลโฮโจ () นำโดยโฮโจ โทะกิมะซะ ผู้ซึ่งเป็นตาของโยะริอิเอะ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำ\"มันโดะโกะโระ\"เป็นผู้สำเร็จราชการแทนโชกุนเรียกว่า \"ชิกเก็ง\" () และโฮโจ มะซะโกะ () มารดาของโยะริอิเอะ ได้ขึ้นมามีอำนาจเหนือ\"บะกุฟุ\" โดยที่โชกุนเป็นเพียงหุ่นเชิด ตระกูลโฮโจได้ดำเนินการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองต่างๆทำให้สามารถขึ้นมีมีอำนาจเหนือ\"บะกุฟุ\"ได้ในที่สุด โชกุนโยะริอิเอะมีความเอนเอียงไปทางตระกูลฮิกิ () ซึ่งเป็นตระกูลฝ่ายภรรยาของโยะริอิเอะ นำโดยฮิกิ โยะชิกะซุ () ในค.ศ. 1203 ตระกูลโฮโจได้เข้าทำการกวาดล้างตระกูลฮิกิอย่างรุนแรงและโหดเหี้ยม และทำการปลดโยะริอิเอะออกจากตำแหน่งโชกุนแล้วเนรเทศไปยังแคว้นอิซุ ตั้งน้องชายของโยะริอิเอะคือ มินะโมะโตะ โนะ ซะเนะโตะโมะ () เป็นโชกุนคนต่อมา โทะกิมะซะส่งคนไปทำการลอบสังหารโยะริอิเอะในปีต่อมาค.ศ. 1204",
"โอะคะดะ อิโซ () เป็นซะมุไรชาวญี่ปุ่นในช่วงปลายยุคเอโดะ ผู้ถูกกล่าวขวัญในฐานะ 1 ใน 4 มือสังหารแห่งยุคบะคุมะสึ ชาติกำเนิดเป็นชาวแคว้นโทะซะ เขาทำงานในฐานะมือสังหารในกรุงเคียวโตะให้กับทะเกะชิ ฮัมเปตะ ผู้นำกลุ่มซะมุไรโทะซะคินโนโท ซึ่งจัดเป็นหนึ่งในกลุ่มขับไล่ชาวต่างชาติหัวรุนแรงในยุคนั้น",
"หลังจากการล่มสลายของรัฐบาลคะมะกุระ จักรพรรดิโกะ-ไดโงะทรงก่อตั้งการปกครองขึ้นมาใหม่โดยมีอำนาจและศูนย์กลางอยู่ที่ราชสำนักเมืองเกียวโต ดังที่เคยเป็นมาในยุคเฮอัง และลดอำนาจของชนชั้นซะมุไร เรียกว่า การฟื้นฟูปีเค็มมุ (Kemmu Restoration) สร้างความไม่พอใจให้แก่ชนชั้นซะมุไรโดยทั่วไป ในค.ศ. 1335 อะชิกะงะ ทะกะอุจิ แยกตนออกไปเพื่อก่อตั้งรัฐบาลโชกุนขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่นิตตะ โยะชิซะดะ ยังคงจงรักภักดีต่อพระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะ โดยที่นิตตะ โยะชิซะดะ เป็นคู่แข่งคนสำคัญของอะชิกะงะทะกะอุจิ นิตตะ โยะชิซะดะ ยกทัพไปปราบอะชิกะงะ ทะกะอุจิ ที่เมืองคะมะกุระแต่พ่ายแพ้ ทำให้อะชิกะงะ ทะกะอุจิ สามารถยกทัพเข้าประชิดเมืองเกียวโตได้ คุซุโนะกิ มะซะชิเงะ () ป้องกันเมืองเกียวโตได้สำเร็จทำให้ทะกะอุจิต้องถอยร่นไป ",
"การกบฏเกิดขึ้นในอดีตแคว้นซัตสึมะบนเกาะคีวชู แคว้นนี้เป็นแคว้นที่มีบทบาทสำคัญที่สนับสนุนฝ่ายองค์จักรพรรดิในสงครามโบะชิง ซึ่งภายหลังจากก่อตั้งรัฐบาลเมจิและสถาปนาจักรวรรดิญี่ปุ่น อดีตแคว้นซัตสึมะก็กลายเป็นที่พำนักของเหล่าอดีตซะมุไรจำนวนมาก อดีตซะมุไรเหล่านี้ได้สูญเสียสถานะทางสังคมตลอดจนบรรดาอภิสิทธิทั้งหลายจากการปฏิรูปการทหารของรัฐบาล ซะมุไรได้ถูกแทนที่ด้วยปืนไรเฟิลจากตะวันตก ทำให้ไม่มีใครว่าจ้างซะมุไรเหล่านี้ให้ไปคุ้มครองอีกต่อไป จนเกิดเป็นความคับแค้นใจต่อรัฐบาลเมจิขึ้น \nไซโง ทะกะโมะริ เป็นหนึ่งในขุนพลคนสำคัญที่เคยอยู่ฝ่ายจักรพรรดิและร่วมโค่นล้มรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ ทำให้ภายหลังการตั้งรัฐบาลเมจิ เขาได้เป็นหนึ่งในผู้นำอาวุโสของรัฐบาล ในปี 1873 เขาเป็นคนเสนอให้ญี่ปุ่นทำสงครามเพื่อยึดครองเกาหลี โดยมีเหตุผลว่า สงครามกับเกาหลีนั้นเป็นทั้งประโยชน์ต่อชาติญี่ปุ่น และก็เป็นประโยชน์ต่อบรรดาอดีตซะมุไรที่จะได้แสวงหาการตายแบบมีเกียรติและศักดิ์ศรี แต่ข้อเสนอของเขาก็ได้รับการปฏิเสธ ภายหลังแผนการของเขาถูกปฏิเสธ เขาก็ลาออกจากทุกตำแหน่งในรัฐบาลเพื่อเป็นการประท้วงและกลับไปยังคะโงะชิมะ บ้านเกิดของเขา เขาได้สนับสนุนบรรดาอดีตซะมุไรเหล่านี้ โดยได้เปิดสำนักเป็นของตัวเองในคะโงะชิมะ สอนเกี่ยวกับวิถีนักรบ และในที่สุดก็มีสาขาถึง 132 สาขาทั่วทั้งจังหวัด นอกจากนี้เขายังจัดตั้งโรงเรียนสรรพาวุธขึ้น โดยเน้นไปที่การสอนองค์กรการเมืองกำลังรบกึ่งทหารมากกว่าสิ่งอื่นใด จนในที่สุด ไซโงก็ได้รับแรงสนับสนุนมากมาย และตัดสินใจเผชิญหน้ารัฐบาลองค์จักรพรรดิ",
"ท่านหญิงคะซุงะเกิดในตระกูลซะมุไรที่มีชื่อเสียง เป็นธิดาของไซโต โทะชิมิสึ ผู้ติดตามของอะเกะชิ มิสึฮิเดะ ส่วนมารดาเป็นธิดาของอินะบะ โยะชิมิชิ",
"มินะโมะโตะ โนะ โยะชิโตะโมะ () (1123-11 กุมภาพันธ์ 1160) เป็นซะมุไรคนสำคัญในช่วงปลายยุค เฮอัง และเป็นบิดาของ มินะโมะโตะ โนะ โยะริโตะโมะ โชกุนคนแรกของญี่ปุ่น",
"นินจา ( นินจะ หรือ ชิโนะบิ ความหมาย: \"ผู้คงทน\") ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มสายลับ ในช่วงสมัยเปลี่ยนการปกครองของประเทศญี่ปุ่น โดยขณะเดียวกันนินจาได้ถูกเปรียบเทียบกับซะมุไร ซึ่งซะมุไรเปรียบเหมือนนักสู้ที่ต่อสู้เบื้องหน้า ขณะที่นินจาเป็นนักสู้ที่ต่อสู้เบื้องหลัง นอกจากนี้มีการกล่าวกันว่ากลุ่มคนบางคนเป็นทั้งนินจาและซะมุไรพร้อมกัน ในปัจจุบันไม่มีร่องรอยของบุคคลที่เป็นนินจาหลงเหลือ เหลือเพียงแต่ซะมุไร สำหรับนินจาหญิงจะเรียกว่า คุโนะอิจิ",
"มินะโมะโตะ โนะ สึเนะโมะโตะ ( ; 1437 – 1504) ซะมุไร และ เจ้าชายแห่งญี่ปุ่นโดยพระองค์เป็นต้นตระกูล เซวะ เก็นจิ อันเป็นสาขาย่อยสาขาหนึ่งของ ตระกูลมินะโมะโตะ ",
"ยะเอะ ยอดหญิงซะมุไร () เป็นละครโทรทัศน์แนวอิงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เป็นละครไทกะเรื่องที่ 52 จาก สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ออกอากาศระหว่างวันที่ 6 มกราคม – 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556 โดยสร้างจากชีวิตจริงของ ยะมะโมะโตะ ยะเอะโกะ หรือ นิอิจิมะ ยะเอะ สตรีชาวญี่ปุ่นผู้มีชีวิตอยู่จริงในช่วงปลายของ ยุคเอะโดะ จนถึงช่วงต้นของ ยุคโชวะ ซึ่งมีความสามารถในการยิงปืนอันผิดแผกจากสตรีชาวญี่ปุ่นในยุคนั้นนำแสดงโดย ฮะรุกะ อะยะเซะ นางเอกชื่อดังของญี่ปุ่นซึ่งเรื่องราวในละครจะดำเนินผ่านการเดินทางของเธอในช่วงที่ญี่ปุ่นกำลังเปิดรับวัฒนธรรมของชาติตะวันตกโดยที่ยะเอะเชื่อว่าผู้หญิงก็สามารถมีสิทธิเทียบเท่ากับผู้ชายได้",
"สมัยคะมะคุระเป็นสมัยแรกที่นักรบหรือซามูไร () ขึ้นมากลายเป็นชนชั้นปกครองแทนที่พระจักรพรรดิและนักปราชญ์ที่เป็นพลเรือนดังที่เคยเป็นมาในยุคเฮอัง มีผู้นำของการปกครองคือโชกุนซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองคะมะกุระ หรือเรียกว่า คามาคูระ-โดโนะ () มีอำนาจเสมอเหมือนเป็นเจ้าผู้ปกครองญี่ปุ่นแทนที่พระจักรพรรดิ สถานที่จัดการปกครองไม่มีความหรูหราเช่นเกียวโตทำให้ศูนย์การปกครองที่คะมะคุระถูกเรียกว่า รัฐบาลเต็นต์ หรือ \"บากูฟุ\" () มีสภาขุนนางซึ่งมีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับการปกครองเรียกว่า \"มันโดะโกะโระ\" () สงครามทำให้ชนชั้นนักรบได้เข้าครอบครองที่ดินต่างๆซึ่งแต่ก่อนเป็นของราชสำนักเกียวโต เป็นจุดเริ่มต้นของญี่ปุ่นสมัยศักดินา โดยนักรบที่เป็นนายจะแบ่งที่ดินให้แก่ข้ารับใช้ของตนตามระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ (Feudalism) โดยที่ซะมุไรผู้ถือครองที่ดินเรียกว่า \"จิโต\" () ในขณะที่\"บากูฟุ\"แต่งตั้งซะมุไรไปปกครองแว่นแคว้นเรียกว่า \"ชูโง\" () ทับซ้อนกับระบอบเจ้าผู้ปกครองแคว้นเดิมที่ได้รับแต่งตั้งจากราชสำนักเกียวโต",
"ต่อมาในยุคเมจิ ญี่ปุ่นได้รับอารยธรรมตะวันตกเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น ทำให้วัฒนธรรมประเพณีของญี่ปุ่นหลายอย่างกลายมาเป็นสิ่งล้าสมัยของต่างชาติ และชาวญี่ปุ่นสมัยใหม่ ดังนั้น ในปี พ.ศ. 2414 จึงได้ออกกฎหมายห้ามนักรบใช้ซะมุไรเป็นอาวุธ ห้ามพกหรือสะพายดาบซะมุไร ยิวยิตสูซึ่งเป็นวิชาที่นิยมเล่นกับซะมุไร จึงถูกมองว่าเป็นสิ่งล้าสมัย เพราะทารุณ ป่าเถื่อน ฉะนั้นวิชายิวยิตสูจึงได้รับการปรับปรุงและแก้ไขพร้อมกันหลายอย่างในยุคเมจิ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ศิลปะการต่อสู้นานาชนิดรวมทั้งยิวยิตสูต้องซบเซาลง สถาบันที่เปิดฝึกสอนยิวยิตสู ซึ่งมีอยู่แพร่หลายได้รับกระทบกระเทือนถึงกับเลิกกิจการไปเป็นอันมาก",
"นิตตะ โยะชิซะดะ ( ค.ศ. 1300 ถึง ค.ศ. 1338) ซะมุไรซึ่งมีช่วงชีวิตอยู่ในปลายยุคคะมะกุระและต้นยุคมุโระมะชิ เป็นผู้ล้มล้างรัฐบาลโชกุนคะมะกุระ\nนิตตะ โยะชิซะดะ เป็น\"โกะเกะนิง\" ( ) หรือซะมุไรผู้ปกครองผืนดินอยู่ที่เมืองนิตตะ (ปัจจุบันอยู่ที่เมืองโอตะ จังหวัดกุมมะ) ในแคว้นโคซุเกะ () ตระกูลนิตตะสืบเชื้อสายมาจากตระกูลเซวะเง็งจิ ( ) เฉกเช่นเดียวกับตระกูลอะชิกะงะ ในค.ศ. 1333 จักรพรรดิโกะ-ไดโงะ ทรงประกาศเชื้อเชิญให้บรรดาซะมุไรทั้งหลายที่ไม่พอใจการปกครองของรัฐบาลโชกุนเมืองคะมะกุระเข้าร่วมกับกองกำลังของพระองค์ในการล้มล้างรัฐบาลโชกุนฯ เรียกว่า สงครามปีเก็งโก () ในขณะที่อะชิกะงะ ทะกะอุจิ ( ) ยึดเมืองเคียวโตะถวายแด่พระจักรพรรดิโกะ-ไดโงะนั้น นิตตะ โยะชิซะดะ ยกทัพจากแคว้นโคซุเกะทางไปทางใต้เพื่อเข้ายึดเมืองคะมะกุระ หลังจากที่มีชัยชนะเหนือทัพของรัฐบาลโชกุนในยุทธการที่บุบะอิงะวะระ ( เขตฟุชู เมืองโตเกียวในปัจจุบัน) นิตตะ โยะชิซะดะจึงยกทัพเข้าประชิดเมืองคะมะกุระ แต่ทว่าชัยภูมิของเมืองคะมะกุระมีภูเขาล้อมรอบสามด้าน การโจมตีเมืองคะมะกุระนั้นต้องผ่านทางทะเลผ่านแหลมอินะมุระงะซะกิ () นิตตะ โยะชิซะดะ จึงทำพิธีเซ่นไหว้เทพเจ้าแห่งทะเล โดยการโยนดาบลงไปในทะเล หลังจากเสร็จสิ้นพิธีคลื่นทะเลกลับเปลี่ยนทิศไปในทางที่ส่งเสริมทัพของโยะชิซะดะ โยะชิซะดะจึงสามารถยึดเมืองคะมะกุระได้ ผู้สำเร็จราชการคนสุดท้ายคือ โฮโจ ทะกะโตะกิ () ทำการ\"เซ็ปปุกุ\"เสียชีวิตไปพร้อมกับขุนนางซะมุไรทั้งหลายในรัฐบาลโชกุนคะมะกุระ",
"หมวดหมู่:เครื่องป้องกันตัว หมวดหมู่:ซะมุไร",
"เซอิไทโชกุน (征夷大将軍) หรือ คะมะกุระ-โดะโนะ (鎌倉殿) หรือโชกุน เป็นประมุขของรัฐบาลโชกุน ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักเกียวโต ในยุคคะมะกุระโชกุนเป็นเพียงหุ่นเชิดของชิกเก็งเท่านั้น เป็นตำแหน่งทางพิธีการเพื่อให้รัฐบาลโชกุนยังคงดำเนินต่อไปได้ ชิกเก็ง (執権) หรือผู้สำเร็จราชการแทนโชกุน เป็นผู้นำของมันโดะโกะโระ และเป็นผู้มีอำนาจปกครองประเทศโดยแท้จริง มีตระกูลโฮโจเป็นผู้มีสิทธิ์ขาดในตำแหน่ง เร็งโช (連署) หรือรองผู้สำเร็จราชการแทนโชกุน มีอำนาจรองลงมาจากชิกเก็ง มีขึ้นครั้งแรกในสมัยของชิกเก็งโฮโจ ยะซุโตะกิ เฮียวโจ-ชู (評定衆) สภาประกอบด้วยโงะเกะนิงหรือเจ้าผู้ครองแคว้นทั้งหลาย มีอำนาจสูงสุดตัดสินใจเกี่ยวกับกฎหมายและนโยบายต่างๆของชิกเก็ง ในสมัยหลังมีอำนาจลดลงเนื่องจากชิกเก็งกุมอำนาจเผด็จการไว้แต่ผู้เดียว ฮิกิซึเกะ-ชู (引付衆) สภามีหน้าที่ตัดสินคดีความต่างๆระหว่างโงะเกะนิง มันโดะโกะโระ (政所) สภาประกอบด้วยขุนนางซะมุไร มีหน้าที่แนะนำและลงความเห็นนโยบายของโชกุน มีอำนาจเฉพาะในสมัยของโชกุนมินะโมะโตะ โนะ โยะริโตะโมะ มงชู-โจ (問注所) สภามีหน้าที่ตัดสินคดีความต่างๆ คล้ายกับฮิกิซึเกะ-ชูเพียงแต่เป็นของโชกุน โงะเกะนิง (御家人) ซะมุไรผู้ถือครองที่ดินที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาลโชกุนส่วนกลาง ได้รับผลประโยชน์จากผลผลิตในที่ดินของตน โดยมีหน้าที่ต้องให้กำลังพลและทรัพยากรในยามที่รัฐบาลกลางต้องการ ตามระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ (Feudalism) ประกอบด้วย จิโต (地頭) ขุนนางซะมุไรผู้ปกครองที่ดินขนาดเล็ก ชูโง (守護) ขุนนางซะมุไรผู้ปกครองแคว้นใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยหลายจิโต โระกุฮะระ ทังได (六波羅探題) เปรียบเสมือนเป็นสาขาสองของรัฐบาลโชกุนในเมืองเกียวโต ตั้งอยู่ในเขตโระกุฮะระ (六波羅) ของเมืองเกียวโต เกิดขึ้นหลังจากสงครามโจคิวเพื่อควบคุมราชสำนักเกียวโต มีผู้นำสองคนได้แก่ คิตะ-โนะ-คะตะ (北方) ดูและส่วนเหนือของเกียวโต และ มินะมิ-โนะ-คะตะ (南方) ดูแลส่วนใต้ของเกียวโต ชิงเซย์-บุเงียว (鎮西奉行) ผู้ปกครองชิงเซย์ หรือเกาะคีวชู หลังจากการรุกรานญี่ปุ่นของมองโกล จึงได้มีการยกระดับขึ้นเป็น ชิงเซย์-ทังได (鎮西探題) มิอุชิบิโตะ (御内人) คนรับใช้ประจำตระกูลโฮโจ เรืองอำนาจขึ้นมาในช่วงปลายสมัยคะมะกุระ เช่น ไทระ โนะ โยะริซึนะ นะงะซะกิ เอ็งกิ"
] |
จังหวัดนครศรีธรรมราช มีกี่อำเภอ ? | [
"การปกครองแบ่งออกเป็น 23 อำเภอ 165 ตำบล 1,428 หมู่บ้าน"
] | [
"อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช",
"วิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจบัณฑิต อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคโนโลยีจรัสพิชากร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคโนโลยีรัชต์ภาคย์ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคโนโลยีสถาปัตย์นคร อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคโนโลยีนวัตกรรม อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยอาชีวศึกษานครพณิชยการ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โรงเรียนประทีปศาสน์พณิชยการ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคโนโลยีเจริญมิตรพณิชยการ อำเภอฉวาง วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้ (เอส.เทค) อำเภอทุ่งสง โรงเรียนพณิชยการทุ่งสง อำเภอทุ่งสง วิทยาลัยอาชีวศึกษาปากพนัง อำเภอปากพนัง วิทยาลัยเทคโนโลยีทักษิณอาชีวศึกษา อำเภอปากพนัง วิทยาลัยอาชีวศึกษาวีรศิลปิน อำเภอร่อนพิบูลย์ โรงเรียนพณิชยการศักดิ์ศิลปิน อำเภอร่อนพิบูลย์ วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการสิชล อำเภอสิชล",
"เทศบาลตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช จัดตั้งขึ้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเทศบาลตำบลเขาพระ ลงวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 มีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551",
"เทศบาลตำบลบางพระ ตั้งอยู่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอปากพนัง และทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช",
"ภาษาไทยถิ่นใต้ตะวันตก ได้แก่ ภาษาไทยถิ่นใต้ที่พูดอยู่บริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่, พังงา, ภูเก็ต, ระนอง, สุราษฎร์ธานี, และชุมพร ภาษาไทยถิ่นใต้ที่พูดอยู่บริเวณพื้นที่จังหวัดเหล่านี้ จะมีลักษณะเด่นที่คล้ายคลึงกัน เช่นออกเสียงคำว่า แตก เป็น แตะ , ดอกไม้ เป็น เดาะไม้ , สามแยก เป็น สามแยะ ฯลฯ รวมถึงภาษาไทยถิ่นใต้ในเขตอำเภอขนอม และอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเทือกเขานครศรีธรรมราช (เขาหลวง) และในกลุ่มอำเภอฉวาง, พิปูน, ถ้ำพรรณรา และทุ่งสง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของเทือกเขานครศรีธรรมราช (เขาหลวง) ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ ส่วนจังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี แม้จะตั้งอยู่ฝั่งทะเลตะวันออก แต่สำเนียงภาษา ก็ถือเป็นกลุ่มเดียวกับจังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต คือ ออกเสียงตัวสะกด ก.ไก่ ไม่ได้",
"ทิวเขานครศรีธรรมราช มีลักษณะตั้งเป็นแกนกลางของคาบสมุทรไทย (ภาคใต้ตอนกลาง) ทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ โดยเริ่มจากเกาะต่าง ๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ เกาะเต่า เกาะนางยวน เกาะพงัน เกาะสมุย เกาะกะเต็น และมีบางส่วน ที่จมลงไปในทะเล เรียกส่วนนี้ว่า ช่องแคบสมุย โดยมาโผล่ขึ้นที่อำเภอดอนสัก เขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีและอำเภอขนอม เขตจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดตรัง โดยทิวเขาที่ผ่านเขตจังหวัดพัทลุงและตรัง ถือเป็นที่กั้นเขตแดนระหว่าง 2 จังหวัดนี้ มักเรียกอีกชื่อว่า \"ทิวเขาบรรทัด\" จากนั้น แนวทิวเขาทอดยาวลงไปยังเขตแดนระหว่างจังหวัดสตูลกับประเทศมาเลเซีย โดยบรรจบกับทิวเขาสันกาลาคีรีที่ภูเขาซีนา จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นเขตแดนธรรมชาติระหว่างไทยกับมาเลเซีย",
"6 เมษายน 2554 เปิดสนามบินนครศรีธรรมราชโดยเที่ยวบินแรก ออก 15.30น. 10 เมษายน 2554 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จเยี่ยมราษฎรผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยมี พันเอกสมชาย ภุมรินทร์ รองเสนนาธิการกองทัพภาคที่ 4ถวายรายงานรับเสด็จฯ ณ ท่าอากาศยานจังหวัดนครศรีธรรมราช และ หน.ส่วนราชการ เฝ้ารับ – ส่งเสด็จ [22] 24 พฤษภาคม 2554 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เสด็จไปทรงติดตามการดำเนินงานโครงการตำบลนมแม่ที่ อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 10.45 นาฬิกา เสด็จถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช และประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จออกจากท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว โรงเรียนชะอวด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช และเสด็จกลับในวันเดียวกัน โดยใช้ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช [23] 13 สิงหาคม 2555 เวลา 19.40 น.[24]นายนิสิต สมบัติ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งปิดการใช้ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ไปจนถึงเวลา 24.00 น.ของคืนนี้ หลังจากที่มีการลักลอบจุดเผาป่าพรุใกล้กับรันเวย์จนไฟได้ลุกลามเป็นวงกว้าง โดยแนวไฟได้ประชิดรันเวย์ฝั่งทิศใต้เป็นระยะทางกว่า 1,000 เมตร จนมาถึงแนวแท็กซี่เวย์ ส่งผลให้หมอกควันลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าหลายร้อยเมตร ขณะเดียวกันเถ้าจากใบไม้และใบหญ้าได้ฟุ้งสูงขึ้นกระจายเป็นวงกว้างจนอาจเกิดอันตรายกับอากาศยานในขณะทำการบิน[25] 14 กันยายน 2555 เวลา 10.50 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร เสด็จประทับเครื่องบินที่นั่งจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ มายังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ทรงติดตามโครงการเครือข่ายสุขภาพมารดาและทารกฯ [26] 11 กุมภาพันธ์ 2556 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากวังสระปทุม ไปยังท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่งไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านเขาวัง อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ทรงติดตามการดำเนินงานโครงการตามพระราชดำริ ทอดพระเนตรโครงการฝึกอาชีพ การทำเครื่องเงินของกลุ่มพัฒนาอาชีพบ้านเขาวัง ซึ่งวิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราชมาช่วยทำการสอน ต่อจากนั้น ทอดพระเนตรการเรียนการสอน มีการจัดทำโครงการหนูน้อยยิ้มสวย ฟันใส ตามแนวพระราชดำริด้านการส่งเสริมโภชนาการ สุขภาพอนามัย ได้รับรางวัลชมเชยประเภทชมรมเด็กไทยฟันดี การจัดทำโครงการธูปเทียนหอมสมุนไพรพิชิตยุง ทำด้วยสมุนไพรจากสวนพฤกษศาสตร์ของโรงเรียน จากนั้น ทอดพระเนตรโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน จัดอบรมครู นักเรียน กลุ่มแม่บ้าน ในการนำวัตถุดิบด้านการเกษตรมาแปรรูป และการถนอมอาหารให้อยู่ได้นาน การทำเกษตรกรรม ในโอกาสนี้ ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทานที่มาให้บริการตรวจรักษาแก่ราษฏร จำนวน 78 ราย และด้านทันตกรรม จำนวน 50 ราย ส่วนใหญ่ป่วยเป็นโรคหู ตา คอ จมูก และโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก พร้อมทั้งทรงรับผู้ป่วยข้อเข่าผิดรูปทั้ง 2 ข้าง และผู้ป่วยโรคผิวหนังไว้เป็นคนไข้ในพระราชานุเคราะห์ [27] 8 มิถุนายน 2556 เวลา 16.30 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เสด็จทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เสด็จโดยเครื่องบินที่นั่งถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช โดยมีนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพสกนิกรจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมรับเสด็จ โดยมีนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ภริยารองแม่ทัพภาคที่ 4 และภริยาผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ถวายพวงมาลัย [28] 23 มิถุนายน 2556 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ประจำปี 2555 23 มิถุนายน 2556 เวลา 17.00 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จโดยเครื่องบินพระที่นั่งจากกองบัญชาการกองทัพอากาศ ถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช โดยมีนายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย รองผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช พลตรีชาญประดิษฐ์ แสงนิล รองแม่ทัพภาคที่ 4 พลตำรวจตรีรณพงษ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ข้าราชการและพลังมวลชนเฝ้ารับเสด็จ [29] 6 มกราคม 2560 กรมท่าอากาศยาน แจ้งปิดท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับผลกระทบของจากกรณีฝนตกหนักทำให้น้ำท่วม Runway จนต้องยกเลิกเที่ยวบิน 100% กำหนดการปิดแรกคือวันที่ 6-7 มกราคม 2560 แต่เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายเลยต้องทำการปิดจนถึงวันที่ 11 มกราคม 2560 และขยายวันปิดเพิ่มเติมอีก 2 วัน โดยปิดจนถึง 13 มกราคม 2560 แทน เพราะว่าวิศวกรท่าอากาศยานไม่สามารถตรวจสอบความแข็งแรงของพื้น Runway ได้ จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผู้โดยสารตกค้างและต้องทำการเปลี่ยนเที่ยวบินหรือเดินทางไปใช้บริการท่าอาศยานใกล้เคียงได้แก่ ท่าอาศยานสุราษฏร์ธานี และท่าอากาศยานตรัง [30] 7 ธันวาคม 2560 กรมท่าอากาศยาน แจ้งปิดท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เนื่องจากมีน้ำท่วมบริเวณลานกลับเครื่องบินที่หัวรันเวย์ [31] และได้เปิดบริการอีกครั้งในวันที่ 10 ธันวาคม 2560 [32]",
"เทศบาลตำบลท้องเนียน ตำบลท้องเนียนเป็นตำบลหนึ่งในสามตำบลของอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นตำบลเหนือสุดของอำเภอและจังหวัด ที่ตั้งที่ทำการเทศบาลตำบลท้องเนียนตั้งอยู่ หมู่ที่ 1 ถนนสายบางแพง - บ้านน้ำโฉ ตำบลท้องเนียน ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่เป็นแหล่งชุมชนของอำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช สถานที่ทำการตั้งอยู่ในที่ดินของเทศบาลตำบลท้องเนียนมีเนื้อที่ประมาณ 9 ไร่เศษ ระยะทางจากที่ว่าการอำเภอขนอมถึงสำนักงานเทศบาล. ประมาณ 6 กิโลเมตร ระยะทางจากศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ถึงที่ทำการ เทศบาลตำบลท้องเนียนประมาณ 104 กิโลเมตรระยะทางจากกรุงเทพมหานคร ถึงที่ทำการเทศบาลตำบลท้องเนียน ประมาณ 720 กิโลเมตร",
"อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช",
"วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเทคนิคสิชล อำเภอสิชล วิทยาลัยเทคนิคทุ่งสง อำเภอทุ่งสง วิทยาลัยเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการต่อเรือนครศรีธรรมราช อำเภอปากพนัง วิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครศรีธรรมราช อำเภอช้างกลาง วิทยาลัยการอาชีพนครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม วิทยาลัยการอาชีพหัวไทร อำเภอหัวไทร วิทยาลัยการอาชีพพรหมคีรี อำเภอพรหมคีรี วิทยาลัยสารพัดช่างนครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราช สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ อำเภอพรหมคีรี",
"เทศบาลตำบลท่ายาง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ ม.2 ต.ท่ายาง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราชเป็นที่ตั้งขอที่ว่าการอำเภอทุ่งใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลท่ายาง เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจของอำเภอทุ่งใหญ่และอำเภอใกล้เคียงมีการขยายตัวเป็นแนวตามถนนทุ่งสง ถนนลำทับ ถนนพระแสง ถนนหลักช้าง และถนนเขาพนม สำนักงานเทศบาลตำบลท่ายางแห่งใหม่ตั้งอยู่ถนนพระแสง ใกล้โรงพยาบาลทุ่งใหญ่",
"ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4151 สายแยกทางหลวงหมายเลข 408 (บ่อล้อ) - บรรจบทางหลวงหมายเลข 4038 (ลำทับ) เป็นเส้นทางที่เชื่อมกัน 3 จังหวัด ระหว่างนครศรีธรรมราช-ตรังนครศรีธรรมราช-จังหวัดกระบี่ เส้นทางนี้เป็นเส้นทางโดยไม่ต้องผ่านอำเภอทุ่งสง มีความยาวประมาณ 99 กิโลเมตร อยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชประมาณ 45 กิโลเมตร#ช่วงที่ 1# อยู่ในจังหวัดตรังประมาณ 13 กิโลเมตร จังหวัดนครศรีธรรมราชประมาณ 31 กิโลเมตร#ช่วงที่ 2# อยู่ในอยู่ในจังหวัดกระบี่ประมาณ 10 กิโลเมตร",
"ทุ่งสง เป็นอำเภอที่มีความเจริญเป็นอันดับสองของจังหวัดนครศรีธรรมราช รองจากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ตรงกลางของภาคใต้และเป็นจุดศูนย์กลางคมนาคมทางบกทั้งรถยนต์และรถไฟ อำเภอทุ่งสงมีประวัติความเป็นมายาวนาน ปรากฏตามตำนานเมืองนครศรีธรรมราชว่าเคยเป็นแขวงขึ้นอยู่ในปกครองของเมืองนครศรีธรรมราชตั้งแต่สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองจากมณฑล เป็นจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2440 ได้จัดตั้งเป็นอำเภอทุ่งสงขึ้นกับจังหวัดนครศรีธรรมราช",
"5 กุมภาพันธ์ 2546 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากวังสระปทุม ไปยังท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศ เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดกระบี่ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 5-6 กุมภาพันธ์ 2546 โดยประทับแรม ณ เรือนรับรองค่ายวชิราวุธ กองทัพภาคที่ 4 ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เวลา 08.39 นาฬิกา [9] 30 มีนาคม 2550 ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง จากท่าอากาศยานทหาร กองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช ทรงประกอบพิธีพุทธาภิเษก รูปหล่อและเหรียญพระโพธิสัตว์จตุคามรามเทพ ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จ้งหวัดนครศรีธรรมราช[10] 7 สิงหาคม 2550 สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD3201 ได้เปิดเส้นทางการบินระหว่าง กรุงเทพมหานคร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สู่ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช วันละ 1 เที่ยวบินทุกวัน โดยเครื่องบิน โบอิ้ง 737-300 ขนาด 148 ที่นั่ง โดยมีคณะผู้บริหารสารการบินไทยแอร์เอเชีย นำโดยนายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะมิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 2007 เดินทางมาด้วย[11] 4 กันยายน 2550 นายอับดุลเลาะห์ หะกีสะบูดิง ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เปิดเผยผู้โดยสารต้องการเดนทางมายังนครศรีธรรมราชเพิ่มขึ้น โดย สายการบินนกแอร์ ไทยแอร์เชียน และวันทูโก รวม 8 เที่ยวบินต่อวัน เฉลี่ย 2 ชั่วโมงต่อ 1 เที่ยวบิน ไม่เพียงพอต่อการให้บริการผู้โดยสาร เนื่องจากกระแส จตุคามรามเทพ และความต้อกงารใช้สนามบินของจังหวัดใกล้เคียง เช่น พัทลุง ตรัง และเมื่อนำท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชไปเทียบกับท่าอากาศยาน 26 แห่งในภูมิภาคได้ทำลายสถิติอย่างต่อเนื่อง[12] 15 กันยายน 2550 มีการเพิ่มเที่ยวบินจาก 8 เที่ยวบินต่อวันเป็น 10 เที่ยวบินต่อวัน[13]",
"เทศบาลตำบลบางพระ ตำบลบางพระ มีเนื้อที่ประมาณ 14.6 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอปากพนัง และทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช",
"มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อำเภอท่าศาลา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ไสใหญ่ อำเภอทุ่งสง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช ทุ่งใหญ่ อำเภอทุ่งใหญ่ วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและการจัดการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย อำเภอขนอม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาเขตศรีธรรมาโศกราช อำเภอพระพรหม มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์วิทยพัฒนานครศรีธรรมราช อำเภอพระพรหม วิทยาลัยการจัดการเพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัยทักษิณ ศูนย์การศึกษานครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช สถาบันพระบรมราชชนก วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี นครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช วิทยาลัยช่างศิลปนครศรีธรรมราช อำเภอพรหมคีรี",
"ทางรถไฟสายนครศรีธรรมราชเป็นเส้นทางรถไฟสายรอง เป็นเส้นทางรถไฟสายใต้ โดยเริ่มตั้งแต่อำเภอร่อนพิบูลย์ไปจนถึงอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช\nรวมระยะทางทั้งสิ้น 35 กิโลเมตร",
"วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้ (SCT) อำเภอทุ่งสง สถาบันซิว-เสงี่ยม เพื่อภาษาและวัฒนธรรมข้ามชาติ อำเภอทุ่งสง วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคใต้ ศูนย์ประสานงานนครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา นครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ห้องเรียนภาคใต้ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช สถาบันรัชต์ภาคย์ ศูนย์นครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช",
"สถานีรถไฟคลองจันดี ตั้งอยู่บนทางหลวงหมายเลข 4195 อยู่ในเขตเทศบาลตำบลจันดี อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสถานีรถไฟชั้น 1 ของทางรถไฟสายใต้ สถานีรถไฟแห่งนี้เป็นสถานีสำคัญเพราะเป็นจุดลงรถไฟสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการไปอำเภอลานสกา อำเภอพิปูน อำเภอช้างกลาง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ได้ขึ้นขบวนรถไฟที่เข้าตัวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งสามารถใช้บริการรถโดยสารประจำทางจากบริเวณถนนฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟคลองจันดี ไปยังตัวจังหวัดนครศรีธรรมราชได้ ซึ่งจะประหยัดเวลาได้ ดีกว่าการนั่งรถไฟไปลงที่สถานีนครศรีธรรมราช และเป็นจุดขึ้นรถไฟสำหรับผู้โดยสารที่มาจากอำเภอลานสกา อำเภอพิปูน อำเภอช้างกลาง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ที่ต้องการเดินทางไปจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร ไปจนถึงกรุงเทพฯ นอกจากนั้นถ้าลงที่สถานีนี้ ยังสามารถไป สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ได้อีกหลายที่ อาทิเช่น ตลาดน้ำคลองจันดี วัดธาตุน้อย (อยู่ห่างจากสถานีคลองจันดีไปทางทิศใต้ประมาณ 1 กิโลเมตร) วัดสวนขัน อำเภอฉวาง และวัดมะนาวหวาน พระอารามหลวง หรือน้ำตกท่าแพ ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอช้างกลาง อ่างเก็บน้ำคลองดินแดง อ่างเก็บน้ำคลองกะทูน ภูเขาพระ ในเขตอำเภอพิปูน และหมู่บ้านคีรีวง ในเขตอำเภอลานสกา ก็ได้เช่นกัน",
"ในจังหวัดชุมพร ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ได้เริ่มจาก อำเภอเมืองชุมพร และวิ่งไปยังทิศใต้ผ่านอำเภอสวี อำเภอทุ่งตะโก อำเภอหลังสวน และอำเภอละแม รวมระยะทางในจังหวัดชุมพร 95.163 กิโลเมตร จากนั้นก็ได้เข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่อำเภอท่าชนะ ผ่านอำเภอไชยา อำเภอท่าฉาง อำเภอพุนพิน อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอบ้านนาสาร และอำเภอเวียงสระ รวมระยะทางในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 154.563 กิโลเมตร จากนั้นก็เข้าสู่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่อำเภอถ้ำพรรณรา และผ่านไปยัง อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอนาบอน อำเภอทุ่งสง อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอจุฬาภรณ์ และอำเภอชะอวด รวมระยะทางอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช 99.8 กิโลเมตร จากนั้นเข้าสู่จังหวัดพัทลุงที่อำเภอป่าพะยอม ผ่านอำเภอควนขนุน และสิ้นสุดที่อำเภอเมืองพัทลุง รวมระยะทางในจังหวัดพัทลุง 33.09 กิโลเมตร",
"สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารที่จัดตั้งตามประกาศของกระทรวงคมนาคม เมื่อปี พ.ศ. 2525 เป็นสถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่สองของภาคใต้ ตั้งอยู่เลขที่ 27/95-97 ถนนกะโรม ตำบลโพธิ์เสด็จ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช",
"เทศบาลตำบลหินตก ตั้งอยู่ในตำบลหินตก อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอำเภอร่อนพิบูลย์ ห่างจากอำเภอประมาณ 5 กิโลเมตร และตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดนครศรีธรรมราช ห่างจากจังหวัดประมาณ 20 กิโลเมตร และห่างจากอำเภอทุ่งสงประมาณ 30 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 403",
"เดิมมีชื่อว่า \"แม่น้ำหลวง\" เพราะมีต้นกำเนิดอยู่ที่ภูเขาหลวงซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขานครศรีธรรมราช อยู่ในเขตพื้นที่ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ไหลผ่านอำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่าน อำเภอพระแสง อำเภอเวียงสระ อำเภอเคียนซา อำเภอพุนพิน และไหลออกสู่อ่าวไทยที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดของภาคใต้",
"ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมระหว่างจังหวัดสุราษฎร์ธานีกับจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีเส้นทางเริ่มจากใกล้ ๆ อำเภอตะกั่วป่า ในช่วงแรกเป็นถนน 2 ช่องจราจร จากนั้นวิ่งไปทางตะวันออก เข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยผ่านอำเภอพนมอำเภอบ้านตาขุน อำเภอคีรีรัฐนิคมจากนั้นได้ขยายเป็น 4 ช่องจราจรไปยังอำเภอพุนพิน และต่อไปยังตัวเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ จากนั้นก็เข้าสู่เขตจังหวัดนครศรีธรรมราชที่อำเภอขนอม แต่ไม่ได้ผ่านตัวอำเภอขนอม จากนั้นก็วิ่งลงใต้ผ่านอำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา และสิ้นสุดที่บ้านท่าแพ ประมาณ 10 กิโลเมตร ทางเหนือของตัวเมืองนครศรีธรรมราช ระยะทางทั้งหมดประมาณ 290 กิโลเมตร อยู่ในจังหวัดพังงาประมาณ 25 กิโลเมตร อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีประมาณ 175 กิโลเมตร และอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชประมาณ 90 กิโลเมตร",
"ทิศตะวันออก โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช ทิศใต้ โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ นครศรีธรรมราช อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครศรีธรรมราช ทิศตะวันตก โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นครศรีธรรมราช อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช",
"การเดินทางจากกรุงเทพ มายัง นครศรีธรรมราช ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 กรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร แล้วใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ผ่านสุราษฎร์ธานี-ทุ่งสง จนถึงนครศรีธรรมราช หรือ ถึงอำเภอพุนพิน สุราษฎร์ธานี แล้วใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 401 เลียบชายฝั่งทะเล ไปจนถึงนครศรีธรรมราช รวมระยะทาง 780 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางยังอำเภออื่น ๆ หรือจังหวัดใกล้เคียงได้อีกด้วย",
"เทศบาลนครนครศรีธรรมราช เป็นหน่วยงานบริหารราชการส่วนท้องถิ่นในเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เริ่มแรกได้ประกาศจัดตั้งเป็นสุขาภิบาลเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2456 ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งสุขาภิบาลเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2456 มีเนื้อที่ 3.00 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าวัง ตำบลคลัง ตำบลประตูไชยเหนือ และตำบลพระเสื้อเมือง โดยได้มีการเปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2474 ตามพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. 2474 มีเนื้อที่ 3.20 ตารางกิโลเมตร โดยขยายพื้นที่ครอบคลุมบางส่วนของหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 ตำบลท่าซัก",
"การเตรียมทีมนครศรีธรรมราชได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างไม่เป็นระบบจาก นายชัยชนะ เดชเดโช ลูกชายของอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช นายวิฑูรย์ เดชเดโช รับหน้าที่ประธานสโมสรนครศรีธรรมราชเอฟซี ใช้งบกว่า5ล้านบาท ด้วยการคัดนักเตะจากฟุตบอล อบจ.คัพ ภายในจังหวัด และเรียกนักเตะที่เป็นสายเลือดจังหวัดนครศรีธรรมราชที่กระจัดกระจายอยู่กับทีมต่างๆ กลับมารับใช้บ้านเกิดโดยให้เก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกันภายในสนามฟุตบอลองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่อำเภอร่อนพิบูลย์ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพียง30กิโลเมตร และมอบหมายให้อดีตนักเตะดังในอดีต อย่าง โค้ชปอ ศิริพงษ์ ศิริรัตน์ ทำหน้าที่เป็นเฮดโค้ช โดยช่วงเช้าจะซ้อมกันตั้งแต่เวลา 7.00 -9.00น. ช่วงบ่าย 16.00-18.30น. ทุกวันไม่เว้นแม้วันอาทิตย์ ",
"ทิศเหนือ ติดต่อกับอ่าวไทย ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอดอนสัก และอำเภอสิชล (จังหวัดนครศรีธรรมราช) ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอนบพิตำ (จังหวัดนครศรีธรรมราช) และอำเภอบ้านนาสาร ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอบ้านนาสารและอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี",
"พระราชญาณปรีชา นามเดิม ถวิล นามสกุล ศรีใหม่ ฉายา กนฺตสิริ เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2484 ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ปีมะเส็ง เวลา 18.30 น. ที่ตำบลเสาเภา อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช โยมบิดาชื่อนายพร้อม ศรีใหม่ โยมมารดาชื่อนางเงิน ชัยชำนาญ (นามสกุลเดิม จิตมั่น) บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ. 2499 ณ วัดคงคาวดี อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีพระราชไพศาลมุนี (ย้อย มหาสาโล) วัดท่าโพธิ์ อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระครูประสาทธรรมภิวัช (บุญรักษ์ ฐานวิริโย) วัดคงคาวดี อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพระศีลาจารย์ ต่อมาอุปสมบทเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2506 วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยมีพระสุธรรมาธิบดี (เพิ่ม อาภาโค) (ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชปัญญาภรณ์) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระวิสุทธิธรรมธาดา (ส่อง โชติงฺกโร) (ครั้งยังเป็นพระครูฐานานุกรมที่ พระครูสังฆวุฒิกร) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูวินัยธรเสนอ ญาณทัตโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์"
] |
เกม ไฟนอลแฟนตาซี ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อไหร่? | [
"ไฟนอลแฟนตาซี หรือรู้จักกันในนาม ไฟนอลแฟนตาซี I เป็นเกมภาษา หรือ เกมแนว RPG (Role-playing game) ที่สร้างขึ้นโดยฮิโรโนบุ ซากากุจิ[1] ผลิตและจัดจำหน่ายโดย สแควร์ สำหรับเล่นบนเครื่องเกม Nintendo Entertainment System (NES) หรือที่รู้จักกันในนาม แฟมิคอม วางตลาดครั้งแรกใน ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2530 ถือเป็นปฐมบทแห่งตำนาน ไฟนอลแฟนตาซี"
] | [
"ไฟนอลแฟนตาซี XIII-2 (; ) เป็นเกมสมมติบทบาท ภาคต่อของไฟนอลแฟนตาซี XIII พัฒนาและจัดจำหน่ายโดยบริษัทสแควร์เอนิกซ์ สำหรับเครื่องเล่นเกม เพลย์สเตชัน 3 และ เอกซ์บอกซ์ 360 วางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2554 และจำหน่ายในอเมริกาเหนือ ในวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555 ",
"ไฟนอลแฟนตาซี XII () เป็นเกมอาร์พีจีในชุดไฟนอลแฟนตาซี สำหรับเครื่องเกมเพลย์สเตชัน 2 สร้างสรรค์และวางจำหน่ายโดยค่ายสแควร์เอนิกซ์ และนับเป็นภาคที่ 12 ในซีรีส์ไฟนอลแฟนตาซี ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2549 ที่ผ่านมา โดยทำยอดจำหน่ายไปแล้วขณะนี้มากกว่า 2 ล้านชุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในประเทศไทยก็ได้ออกวางจำหน่ายไปแล้วเช่นกัน ส่วนวันวางจำหน่ายของเวอร์ชันภาษาอังกฤษในทวีปอเมริกาเหนือ อยู่ในช่วงเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 โดยไฟนอลแฟนตาซี XII เป็นไฟนอลแฟนตาซี ภาคหลักภาคแรกที่เป็นแนวเล่นคนเดียว นับจากไฟนอลแฟนตาซี X ซึ่งออกวางจำหน่ายไปเมื่อปี พ.ศ. 2544 เรื่องราวบางส่วนในภาคนี้ได้ถูกนำเสนอไปแล้วในเกม ไฟนอลแฟนตาซี แทคติกส์ แอดวานซ์ สำหรับเครื่องเกมบอยแอดวานซ์ ",
"จากความสำเร็จด้านยอดจำหน่ายและกระแสตอบรับ สแควร์เอนิกซ์ได้วางจำหน่ายเกมภาคต่อของ \"ไฟนอลแฟนตาซี X\" ใน พ.ศ. 2546 โดยใช้ชื่อว่า \"ไฟนอลแฟนตาซี X-2\" ภาคต่อนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสองปีหลังจากตอนจบของ \"ไฟนอลแฟนตาซี X\" ซึ่งได้เกิดความขัดแย้งและภาวะยุ่งยากใจครั้งใหม่ขึ้น ทำให้ตัวละครต้องแก้ไขปัญหาที่ยังคงเหลือจากตอนจบที่ยังไม่คลี่คลายของภาคก่อนหน้า",
"ไฟนอลแฟนตาซี XIV (; ) เป็นเกมชุดไฟนอลแฟนตาซีภาคที่ 14 ของซี่รี่ย์นี้ โดยออกจำหน่ายบนระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ผู้ผลิตคือบริษัท สแควร์เอนิกซ์ โดยเป็นแบบออนไลน์ (MMORPG) เช่นเดียวกับไฟนอลแฟนตาซี XI เกมนี้มีการประกาศเปิดตัวครั้งแรกในงาน E3 เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552 หลังจากดำเนินการสร้างมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ก่อนที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2553 โดยจำหน่ายแผ่นเกมพร้อมรหัสลงทะเบียนสำหรับเล่นบน PC ด้วยระบบปฏิบัติการวินโดวส์",
"ไฟนอลแฟนตาซี XIII เป็นเกมสมมติบทบาทที่ถูกพัฒนาและจัดจำหน่ายโดยบริษัทสแควร์เอนิกซ์ลงบนเครื่องเล่นเกม เพลย์สเตชัน 3 และ เอกซ์บอกซ์ 360 วางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552 และจำหน่ายในอเมริกาเหนือและพื้นที่ PAL ในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2553 เกมนี้ได้รับการเปิดเผยครั้งแรกในงาน E3 ปี ค.ศ. 2006 มีลักษณะทั้งแบบอนาคตและความเป็นธรรมชาติ ดำเนินเรื่องระหว่างดินแดนที่ยังคงความเป็นธรรมชาติและโลกของเครื่องจักร เกมนี้เป็นเนื้อเรื่องหลักของชุด Fabula Nova Crystallis ของเกมชุดไฟนอลแฟนตาซี",
"การที่ฮิโรโนบุนำคำว่า “ไฟนอล” (สุดท้าย) มาใช้เพราะเค้าวางแผนไว้ว่าจะลาออกจากการทำงานในอุตสาหกรรมเกมและ ไฟนอลแฟนตาซี จะเป็นเกมสุดท้ายของเขา แต่ ไฟนอลแฟนตาซี กลับทำได้ดีเกินกว่าที่ ฮิโรโนบุ และ สแควร์ คาดไว้ และทำให้มีการจำหน่ายไปสู่อเมริกาเหนือ โดยนินเทนโดอเมริกาซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเกม ไฟนอลแฟนตาซี ที่อเมริกาในปี ค.ศ. 1990 และจากความสำเร็จนี้เอง ทำให้ฮิโรโนบุยกเลิกแผนการที่จะลาออกและอยู่ที่ สแควร์ซอฟต์ เพื่อพัฒนาเกมไฟนอลแฟนตาซีภาคใหม่ต่อไป",
"ไฟนอลแฟนตาซี X-2 (Final Fantasy X-2) () เป็นเกมประเภท Console role-playing ที่พัฒนาและจัดจำหน่ายโดย Square (ปัจจุบันคือ สแควร์เอนิกซ์) สำหรับเครื่อง PlayStation 2 ของโซนี่ วางจำหน่ายเมื่อ พ.ศ. 2546 เป็นภาคต่อของ \"ไฟนอลแฟนตาซี X\" ซึ่งเป็นเกมที่ขายดีที่สุดใน พ.ศ. 2544 เนื้อเรื่องของเกมเป็นเรื่องราวของ Yuna จาก \"ไฟนอลแฟนตาซี X\" ที่หาหนทางแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในโลก Spira ก่อนที่จะนำไปสู่สงคราม",
"ไฟนอลแฟนตาซีคอลเล็คชัน (ファイナルファンタジーコレクション ; Final Fantasy Collection) เป็นการนำเอาเกมไฟนอลแฟนตาซีทั้ง 3 ภาค ที่ถูกรีเมคมาลงเครื่องเพลย์สเตชันในช่วงปี 1997-1999 ได้แก่ ไฟนอลแฟนตาซี IV ไฟนอลแฟนตาซี V และ ไฟนอลแฟนตาซี VI มารวมและออกจำหน่ายเป็นเซ็ตเดียวกัน ซึ่งตัวเกมทั้ง 3 ภาคเคยเป็นเกมจากเครื่องซุปเปอร์แฟมิคอมทั้งสิ้น โดยในฉบับรีเมคนี้ ตัวเกมและเนื้อหาทั้งหมดไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แต่ได้เพิ่มเติมภาพ คอมพิวเตอร์กราฟิก (CG) เข้าไปในส่วนฉากเปิดของเกม และมีโหมดพิเศษ เช่น โหมดรวมภาพ เพลง และ CG มูวี่ ให้ดูหลังจากที่เล่นเกมจบ ",
"นอกจากนี้ เนื่องจากคอนเสิร์ตได้จัดขึ้นในช่วงที่เกมไฟนอลแฟนตาซี XII กำลังจะออกวางจำหน่าย ทางผู้จัดงานจึงได้จัดกิจกรรมหลายอย่างเพื่อเป็นการโปรโมทไฟนอลแฟนตาซี XII ตรงส่วนล็อบบี้ของสถานที่แสดง เช่น การนำฟิกเกอร์ตัวจัดจ์เมนท์ขนาดเท่าคนจริงมาตั้งโชว์, จัดมุมทดลองเล่นเกมไฟนอลแฟนตาซี XII, มุมทดลองชิมเครื่องดื่มไฟนอลแฟนตาซี XII โพชั่น และช่วงแนะนำเหล่านักพากย์ผู้ให้เสียงตัวละครในเกมไฟนอลแฟนตาซี XII",
"ปัจจุบันตัวเกมมีการวางจำหน่ายซ้ำลง เพลยสเตชันพอร์ทเทเบิลและใช้ชื่อว่า ไฟนอนแฟนตาซี แทกติกซ์ ชิชิเซนโซ (ファイナルファンタジータクティクス 獅子戦争, ไฟนอลแฟนตาซี แทกติกส์ สงครามราชสีห์) ซึ่งได้มีการเสริมแต่งเรื่องราวให้เข้ากับเกมชุดอิวาลิซแอนไลแอนซ์ โดยมีการเพิ่มตัวละครได้แก่ บัลเธียร์ (จากไฟนอลแฟนตาซี XII, ลูโซ่ (จากไฟนอลแฟนตาซี แทกติกซ์ A2 ฟูเค็ทสึโนะกรีมอร์) เพิ่มอาชีพใหม่ได้แก่อัศวินดำและอัศวินหัวหอม",
"\"ไฟนอลแฟนตาซี V\" ทำยอดจำหน่ายที่ 2.45 ล้านชุดในระบบซูเปอร์ฟามิคอม (ซึ่งทำยอดจำหน่ายที่ 2 ล้านชุดในช่วงสองเดือนแรกของการเปิดตัว) ในขณะที่รุ่นเกมบอยแอดวานซ์เวอร์ชันญี่ปุ่นมียอดจำหน่ายที่เกือบ 260,000 ชุด เมื่อนับถึงช่วงเดือนธันวาคม ค.ศ. 2007 \"ไฟนอลแฟนตาซีคอลเล็คชั่น\" ทำยอดจำหน่ายที่กว่า 400,000 ชุดใน ค.ศ. 1999 ทำให้ติดอันดับยอดจำหน่ายสูงสุดเป็นอันดับที่ 31 ของปีนั้นในประเทศญี่ปุ่น ส่วนทางอเมริกาเหนือได้เปิดตัว \"ไฟนอลแฟนตาซีแอนโธโลจี\" ที่ยอดจำหน่าย 364,000 ชุดใน ค.ศ. 2004",
"ไฟนอลแฟนตาซี XV เป็นเกมสมมติบทบาทที่พัฒนาและจัดจำหน่ายโดยบริษัทสแควร์เอนิกซ์ สำหรับเครื่องเล่นเกม เพลย์สเตชัน 4 , เอกซ์บอกซ์ วัน และ ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ เปิดตัวเป็นครั้งแรกโดยใช้ชื่อ \"ไฟนอลแฟนตาซี เวอร์ซัส XIII\" ที่งาน E3 2006 พร้อมกับไฟนอลแฟนตาซี XIII และ ไฟนอลแฟนตาซี อากิโตะ XIII ในชุดเกม ต่อมาในงานเดียวกันเมื่อปี ค.ศ. 2013 ได้มีการเปลี่ยนชื่อพร้อมเผยตัวอย่างใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีในยุคที่แปดของเครื่องเล่นเกมในการพัฒนา และด้วยระยะเวลาพัฒนาถึง 10 ปีทำให้เกมไฟนอลแฟนตาซีภาคนี้กลายเป็นวีดีโอเกมคอนโซลที่ใช้เวลาเตรียมการและพัฒนายาวนานเป็นอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ โดยมียอดขายถึง 5 ล้านชุด (เฉพาะแบบดิจิทัลนอกญี่ปุ่น) ในวันแรกที่วางจำหน่าย",
"ไฟนอลแฟนตาซีภาคต่อมาได้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1988 (ไฟนอลแฟนตาซี II) โดยวางตลาดเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นจนถึง ไฟนอลแฟนตาซี III และมีกำหนดการวางจำหน่ายสำหรับเครื่องแฟมิคอม ในอเมริกาเหนือ แต่เนื่องจากการเข้าสู่ยุคใหม่ของเกมและการมาของเครื่องซุปเปอร์แฟมิคอม (ชื่อทางการคือ Nintendo Entertainment System) ในที่สุดก็มีการยกเลิกการจำหน่าย ไฟนอลแฟนตาซี สำหรับเครื่องแฟมิคอม และแทนที่โดย ไฟนอลแฟนตาซี IV บนเครื่องซุปเปอร์แฟมิคอม",
"เกมฉบับ International และ PAL มีแผ่นดีวีดีพิเศษชื่อว่า \"Beyond Final Fantasy\" แนบมาด้วย ภายในแผ่นประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ผู้พัฒนาเกม และผู้ให้เสียงพากษ์ตัวละครเป็นภาษาอังกฤษสองคน ได้แก่ เจมส์ อาร์โนลด์ เทย์เลอร์ (ทีดัส) และเฮดี เบอร์เรสส์ (ยูน่า) และยังมีภาพยนตร์ตัวอย่างของ \"ไฟนอลแฟนตาซี X\" และ \"คิงดอมฮารตส์\" ภาพร่างและภาพที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์เกม และมิวสิกวิดีโอเพลง \"Suteki da ne\" ขับร้องโดยริกกิ ใน พ.ศ. 2548 ได้มีการรวมเอา \"ไฟนอลแฟนตาซี X\" และ \"ไฟนอลแฟนตาซี X-2\" มาวางจำหน่ายเป็นชุดเดียวกันในญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ \"Final Fantasy X/X-2 Ultimate Box\"",
"Game Boy Advance ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม, 2547 โดยได้ทำการปรับปรุงกราฟิกให้สมบูรณ์กว่าภาคเพลย์สเตชัน นอกจากนี้ยังทำการเปลี่ยนระบบเวทมนตร์จากจำนวนครั้งมาเป็น MP แทน, ตัวละครสามารถอัพระดับเลเวลได้เต็มที่สูงสุดถึง 99 ซึ่งจากเดิมได้เพียงแค่ 50 เท่านั้น, เพิ่มตัวละครประจำซีรีส์ไฟนอลแฟนตาซีซึ่งก็คือ \"ซิด\" เข้าไป , เพิ่มดันเจี้ยนพิเศษ ถ้ำแห่งการทดสอบ อีก 4 ดันเจี้ยนเข้าไปด้วย แต่เนื่องจากปัญหาความจุของเครื่องเกมบอยแอดวานซ์มีไม่มากเท่าไหร่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องตัดมูฟวี่เปิดเกมส์ออกไป",
"ไฟนอลแฟนตาซีชุดแรกออกวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2530 และได้มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อจัดจำหน่ายในทวีปอเมริกาเหนือเมื่อพ.ศ. 2533 รวมทั้งวางขายภูมิภาคอื่นทั่วโลก เช่น ทวีปยุโรป และออสเตรเลีย เครื่องเล่นเกมที่มี ไฟนอลแฟนตาซี ออกจำหน่าย ได้แก่ แฟมิคอม ซูเปอร์แฟมิคอม ซูเปอร์นินเทนโด เพลย์สเตชัน วันเดอร์สวอน เพลย์สเตชัน 2 เกมคอมพิวเตอร์ เกมบอยแอดวานซ์ พีเอสพี เกมคิวบ์ นินเทนโด ดีเอส เอกซ์บอกซ์ 360 เพลย์สเตชัน 3 เอกซ์บอกซ์ วัน เพลย์สเตชัน 4 และโทรศัพท์มือถือ\nในเดือนสิงหาคม 2560 เฟมในชุดเกมไฟนอลแฟนตาซีมียอดขายรวมมากกว่า 135 ล้านชุดทั่วโลก นับเป็นเกมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของบริษัทสแควร์เอนิกซ์ ปัจจุบันมีเกมหลักออกวางจำหน่ายแล้ว 15 ภาค และมีเกมที่เกี่ยวข้องอีกมาก",
"นอกจากนี้ ไฟนอลแฟนตาซี ยังได้ถูกสร้างใหม่ไว้สำหรับเล่นบนเครื่องเกมอีกหลายประเภท เช่น MSX 2 WonderSwan และโทรศัพท์มือถือ หลังจากออกจำหน่ายครั้งแรกมาหลายปี ไฟนอลแฟนตาซี I ได้ถูกสร้างใหม่พร้อม ไฟนอลแฟนตาซี II ทำเป็นชุดคู่กันในนาม ไฟนอลแฟนตาซีออริจินส์ (Final Fantasy Origins)สำหรับเครื่องเกม เพลย์สเตชัน, ไฟนอลแฟนตาซีดอว์นออฟโซลส์ (Final Fantasy I & II: Dawn of Souls) สำหรับเครื่อง เกมบอยแอดวานซ์ และ ไฟนอลแฟนตาซีแอนิวาซารี่เอดิชั่น บนเครื่อง พีเอสพี",
"ในปี 2543 ทางบันไดได้ออกวางจำหน่ายเครื่องวันเดอร์สวอนที่เป็นเกมมือถือสีออกมา และได้ทำสัญญากับทางสแควร์จะวางจำหน่ายเกมไฟนอลแฟนตาซี 3 ภาคแรกนั้น ซึ่งหนึ่งปีถัดมา ไฟนอลแฟนตาซี I และ ไฟนอลแฟนตาซี II ได้วางจำหน่าย แต่ภาค III นั้นยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมาจนกระทั่งทางบันไดได้ยกเลิกเครื่องเกมวันเดอร์สวอน ภายหลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ต่อมาเมื่อสแควร์ได้รวมบริษัทกับทางเอนิกซ์ ได้มีการประกาศว่ายังมีการพัฒนาเกมต่อโดยจะทำลงเครื่องเล่นเพลย์สเตชันหรือไม่ก็เกมบอยแอดวานซ์แทน และในที่สุดเกมได้ถูกพัฒนาลงเครื่องดีเอสในปี 2549",
"ไฟนอลแฟนตาซี ไทป์-0 หรือ ไฟนอลแฟนตาซี เรย์ชิกิ () เป็นเกมสมมติบทบาทกึ่งแอคชัน ในชุดเกม พัฒนาและจัดจำหน่ายโดยบริษัทสแควร์เอนิกซ์ลงบนเครื่องเล่นเกม เพลย์สเตชันพอร์เทเบิล วางจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2554 และมีการประกาศพัฒนาเกมในเวอร์ชันความละเอียดสูง (เอชดี) สำหรับเพลย์สเตชัน 4 และเอกซ์บอกซ์ วัน ในอีกสามปีต่อมา โดยจะวางจำหน่ายในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2558",
"ไฟนอลแฟนตาซี III (English: Final Fantasy III) () เป็นเกมเล่นตามบทละคร หนึ่งในเกมชุดไฟนอลแฟนตาซีถูกพัฒนาครั้งแรกและวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2533 โดยบริษัทสแควร์สำหรับเล่นในเครื่องเกมแฟมิคอม ตัวละครในเรื่องออกแบบโดยโยะชิทะกะ อะมะโนะ และเพลงออกแบบโดย โนะบุโอะ อุเอะมัตสึ เหมือนในภาคก่อนหน้า โดยก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้มีโครงการที่จะพัฒนาเกมลงเครื่องวันเดอร์สวอนแต่ได้ถูกยกเลิกไป ต่อมาได้มีการพัฒนาอีกครั้งและวางจำหน่ายในปี 24 สิงหาคม พ.ศ. 2549 สำหรับเครื่องเกมนินเทนโด ดีเอส จากทางสแควร์เอนิกซ์ โดยในเกมที่ทำใหม่นั้นได้ปรับปรุงระบบภาพเป็นกราฟิกส์ 3 มิติ ทั้งหมด และมีระบบการเชื่อมต่อระบบวายฟายเพิ่มเข้ามา",
"ไฟนอลแฟนตาซี IX เป็นเกมแนว RPG (Role-playing game) ที่สร้างโดยบริษัทสแควร์จำกัด ในปี พ.ศ. 2543 จัดจำหน่ายใน ญี่ปุ่น โดย สแควร์ และใน ทวีปอเมริกาเหนือ โดย Square Electronic Arts ใน ทวีปยุโรป โดย Infogrames ใน สหราชอาณาจักร และ ออสเตรเลีย โดย Square Europe เกม \"ไฟนอลแฟนตาซี IX\" นี้เป็น ไฟนอลแฟนตาซี ภาคสุดท้ายที่เล่นบนเครื่องเกม เพลย์สเตชัน และยังถือเป็นการกลับมาของตัวละคร เช่น วีวี่ มอนสเตอร์ และเนื้อเรื่องของ ไฟนอลแฟนตาซี ยุคคลาสสิกอีกด้วย ถือเป็นการปลุกความทรงจำที่แฟนไฟนอลดียังจำกันได้ขึ้นมาอีกครั้ง",
"ลาสต์ออร์เดอร์:ไฟนอลแฟนตาซี VII (; ) เป็นภาพยนตร์อะนิเมะ OVA ที่ถูกบรรจุไว้ใน ไฟนอลแฟนตาซี VII แอดเวนต์ชิลเดรน ชุด Ultimate Edition \"Advent Pieces: Limited\" ผลิตโดยสแควร์เอนิกซ์ และ แมดเฮาส์ มีความยาวทั้งสิ้น 25 นาที ออกวางจำหน่ายในวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2548 เนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวในเกม ไฟนอลแฟนตาซี VII โดยเรื่องราวในภาคลาสต์ออร์เดอร์นี้ ยังเชื่อมต่อกับเนื้อเรื่องในเกม ด้วย",
"ไฟนอลแฟนตาซี แทกติกส์ แอดวานซ์ (Final Fantasy Tactics Advance) คือ เกมชุดไฟนอลแฟนตาซีอีกภาคหนึ่ง ซึ่งได้ถูกนำลงเครื่อง เกมบอยแอดวานซ์ เป็นครั้งแรกของซีรี่นี้ ผลิตโดยบริษัทสแควร์เอนิกซ์ และวางจำหน่ายในปี 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 ",
"ดิซซิเดีย: ไฟนอลแฟนตาซี () เป็นเกมแอ็คชันกึ่งต่อสู้ของเพลย์สเตชันพอร์เทเบิลจากประเทศญี่ปุ่น ผลิตโดยสแควร์เอนิกซ์ เกมนี้มีตัวละครเอกและตัวละครร้ายจากเกมชุดไฟนอลแฟนตาซีทั้ง 10 ภาค (รวมตัวพิเศษอีก 2 ตัว) และยังออกจำหน่ายในวันครบรอบ 21 ปีของเกมชุดไฟนอลแฟนตาซี",
"\"ไฟนอลแฟนตาซี X\" เป็นเกมอันดับที่สิบในซีรีส์ \"ไฟนอลแฟนตาซี\" เป็นเกมประเภท console role playing และมียอดจำหน่ายสูงที่สุดใน พ.ศ. 2544 มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ summoner และ guardian ที่ต้องการปราบสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า \"ซิน\" ในจักรวาลสมมติของโลกสปิรา โดยเนื้อเรื่องเป็นมุมมองจากทีดัส ซึ่งมาจากความฝันของ fayth ตัวละครต่างๆออกแบบโดย Tetsuya Nomura ต่อมาภาคต่อคือ \"ไฟนอลแฟนตาซี X-2\" ดำเนินเรื่องราวในช่วงเวลาสองปีถัดจากเหตุการณ์ใน \"ไฟนอลแฟนตาซี X\" และยังคงใช้ตัวละครส่วนใหญ่จากภาคก่อนหน้า",
"ไฟนอลแฟนตาซี แทกติกส์ () หรือ FFT เป็นเกม แนววางแผนการรบผสมกับแนวภาษา สร้างโดยบริษัทสแควร์จำกัด มีทั้งรูปแบบที่เล่นบนเครื่องเกม เพลย์สเตชัน เกมไฟนอลแฟนตาซีภาคนี้วางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เท่านั้น ไม่มีจำหน่ายที่ประเทศในทวีปยุโรป",
"\"ไฟนอลแฟนตาซี X\" ได้รับทั้งคำชมเชยจากสื่อต่างๆ และยอดจำหน่ายที่สูง หลังจากวางจำหน่ายในญี่ปุ่นได้สี่วันก็สามารถจำหน่ายจากการสั่งจองล่วงหน้าได้มากกว่า 1.4 ล้านแผ่น จัดเป็นเกม Console RPG ที่จำหน่ายได้รวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ สถิตินี้นับว่าเร็วกว่า \"ไฟนอลแฟนตาซี VII\" และ \"ไฟนอลแฟนตาซี IX\" เมื่อเปรียบเทียบที่ยอดจำหน่ายสี่วันหลังวางจำหน่ายเหมือนกัน และยังเป็นเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 เกมแรกที่สามารถจำหน่ายได้ถึงสี่ล้านแผ่น และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 ยังได้ถูกจัดอันดับเป็นเกมสำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 ที่ขายดีเป็นอันดับที่แปด เมื่อถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2547 ก็มียอดจำหน่าย 6.6 ล้านแผ่น นอกจากนี้ \"ไฟนอลแฟนตาซี X\" ยังได้รับรางวัลและการจัดอันดับอันดับจากสื่อต่างๆ ได้แก่",
"\"ไฟนอลแฟนตาซี X\" ฉบับภาษาญี่ปุ่นจะมีแผ่นซีดีชื่อ \"The Other Side of Final Fantasy\" แนบมาพร้อมกับแผ่นเกม ภายในแผ่นประกอบด้วยบทสัมภาษณ์ Storyboards ตัวอย่างของเกม \"Blue Wing Blitz\" และ \"คิงดอมฮารตส์\" ตัวอย่างภาพยนตร์ \"\" และภาพยนตร์ตัวอย่างแรกของเกม \"ไฟนอลแฟนตาซี XI\" ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2545 เกมฉบับ International ได้วางจำหน่ายในญี่ปุ่นภายใต้ชื่อ \"\"Final Fantasy X International\"\" และวางจำหน่ายใน PAL territories ภายใต้ชื่อเดิม ฉบับ International นี้ได้มีสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาจากฉบับ NTSC เดิม ซึ่งรวมถึงการต่อสู้กับสัตว์อสูรภาคมืด และการต่อสู้กับบอสพิเศษ \"Penance\" บนเรือเหาะ ฉบับ International ที่วางจำหน่ายในญี่ปุ่นยังได้เพิ่มคลิปวิดีโอชื่อว่า \"Eternal Calm\" ความยาว 14 นาที ที่เชื่อมโยงเนื้อเรื่องของ \"ไฟนอลแฟนตาซี X\" ไปสู่ \"ไฟนอลแฟนตาซี X-2\" ที่เป็นภาคต่อ คลิปวิดีโอนี้ยังได้บันทึกลงในแผ่นดีวีดีที่แนบไปพร้อมกับแผ่นเกม \"Unlimited Saga\" ฉบับนักสะสม โดยใช้ชื่อว่า \"\"Eternal Calm, Final Fantasy X-2: Prologue\"\" ซึ่งวางจำหน่ายครั้งแรกในยุโรปเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2546 และบันทึกเสียงในคลิปเป็นภาษาอังกฤษ",
"ในสหรัฐอเมริกา ไฟนอลแฟนตาซี III มักจะถูกเรียกสับสนกับเกมไฟนอลแฟนตาซี VI ซึ่งเป็นเกมที่วางจำหน่ายในอเมริกาเป็นเกมลำดับที่ 3"
] |
แผ่นดินไหวใน พ.ศ. 2559 สามารถตรวจวัดแผ่นดินไหวตามได้ทั้งสิ้น? | [
"แผ่นดินไหวตามขนาดแรงที่สุดวัดได้ 4.9 Mw เป็นแผ่นดินไหวตามครั้งแรกและเกิดขึ้นหลังแผ่นดินไหวหลักเพียง 3 นาที จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์สามารถตรวจวัดแผ่นดินไหวตามได้ทั้งสิ้น 68 ครั้ง[1]"
] | [
"\"สังเกตว่าจำนวนแผ่นดินไหวที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องแสดงว่ามีแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นโดยตัวเอง การเพิ่มขึ้นของประชากร การกระจายถิ่นที่อยู่และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีตรวจจับแผ่นดินไหวล้วนเป็นปัจจัยให้มีการบันทึกจำนวนแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นตามกาลทั้งสิ้น\"",
"แผ่นดินไหวทำให้เกิดความเสียหายในพื้นที่โดยรอบ โดยเฉพาะในเมืองไถหนันซึ่งมีอาคารหลายแห่งพังถล่ม มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 116 คน บาดเจ็บ 550 คน",
"หลังจากแผ่นดินไหวครั้งแรก ได้เกิดแผ่นดินไหวตามอย่างรุนแรงอย่างน้อย 40 ครั้ง ในเบื้องต้น สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่า แผ่นดินไหวหลักมีศูนย์เกิดลึกลงไป วัดขนาดความรุนแรงได้ 6.4 ต่อมาปรับเหลือ 6.2 ในขณะที่ศูนย์วิทยาแผ่นดินไหวยุโรป-เมดิเตอร์เรเนียนวัดขนาดความรุนแรงได้ 6.1 และสถาบันธรณีฟิสิกส์และวิทยาภูเขาไฟแห่งชาติอิตาลีขนาดความรุนแรงได้ 6.0",
"ในวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เมื่อเวลา 17:04 น. ตามเวลามาตรฐานพม่า (17:34 น. ตามเวลาในไทย) เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ตามมาตราขนาดโมเมนต์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่ห่างไกลแห่งหนึ่งทางตอนกลางของพม่า ห่างจากเมืองเชาะไปทางทิศตะวันตกประมาณ สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกาวัดความลึกได้ 84.1 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนรู้สึกได้ถึงนครย่างกุ้ง; กรุงเทพมหานคร; กรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ; เมืองปัฏนา, โกลกาตา และคุวาหาฏี ทางภาคตะวันออกของอินเดีย มีรายงานว่าวัดและเจดีย์หลายแห่งบริเวณเมืองโบราณพุกามได้รับความเสียหาย และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย",
"แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่ยังไม่สามารถพยากรณ์ได้อย่างแม่นยำ ทั้งตำแหน่ง ขนาด และเวลาเกิด แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยี เครื่องมือตรวจวัดที่ทันสมัย แต่อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษา วิเคราะห์ถึงลักษณะต่าง ๆ ของแหล่งกำเนิดแผ่นดินไหว โดยอาศัยจากการสังเกตสิ่งต่อไปนี้",
"ปัจจุบันมาตราริกเตอร์ถูกแทนที่ด้วยมาตราขนาดโมเมนต์ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่จะให้ค่าที่โดยทั่วไปแล้วจะมีค่าใกล้เคียงกันสำหรับแผ่นดินไหวขนาดกลาง (3-7 แมกนิจูด) แต่ที่ไม่เหมือนกับมาตราริกเตอร์คือ มาตราโมเมนต์แมกนิจูดจะรายงานสมบัติพื้นฐานของแผ่นดินไหวจากข้อมูลเครื่องตรวจวัด แทนที่จะเป็นการรายงานข้อมูลเครื่องตรวจวัด ซึ่งไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ในแผ่นดินไหวทุกครั้ง และค่าที่ได้จะไม่สมบูรณ์ในแผ่นดินไหวความรุนแรงสูง เนื่องจากมาตราโมเมนต์แมกนิจูดมักจะให้ค่าที่ใกล้เคียงกันกับมาตราริกเตอร์ แมกนิจูดของแผ่นดินไหวที่ได้รับรายงานในสื่อมวลชนจึงมักจะรายงานโดยไม่ระบุว่าเป็นการวัดความรุนแรงตามมาตราใด",
"สำหรับประเทศไทย สามารถดูกราฟรายงานแผ่นดินไหวอัตโนมัติได้ที่ สถานีตรวจแผ่นดินไหวอัตโนมัติ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานแผ่นดินไหวภายในประเทศได้ที่ รายงานแผ่นดินไหวภายในประเทศและใกล้เคียง",
"\"สังเกตว่าจำนวนแผ่นดินไหวที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องแสดงว่ามีแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นโดยตัวเอง การเพิ่มขึ้นของประชากร การกระจายถิ่นที่อยู่และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีตรวจจับแผ่นดินไหวล้วนเป็นปัจจัยให้มีการบันทึกจำนวนแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นตามกาลทั้งสิ้น ตำนานแผ่นดินไหวของสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกามีสารสนเทศเพิ่มเติม\"",
"หมวดหมู่:แผ่นดินไหวใน พ.ศ. 2559 หมวดหมู่:แผ่นดินไหวในประเทศไต้หวัน",
"ริกเตอร์แมกนิจูดของแผ่นดินไหวสามารถหาค่าได้จากลอการิทึมของแอมพลิจูดของคลื่นที่สามารถตรวจวัดได้โดยเครื่องวัดแผ่นดินไหว (ต่อมามีการแก้ไขรูปแบบการคำนวณ เพื่อชดเชยระยะห่างระหว่างเครื่องวัดแผ่นดินไหวจำนวนมากและศูนย์กลางแผ่นดินไหว) สูตรดั้งเดิมเป็นดังนี้",
"แผ่นดินไหวในไต้หวัน พ.ศ. 2559 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 03:57 น. ตามเวลาในประเทศไต้หวัน (UTC+08:00) จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวอยู่ระหว่างเขตเทศบาลพิเศษเกาสฺยงและเทศมณฑลผิงตง ทางตอนใต้ของประเทศไต้หวัน ห่างจากเมืองผิงตง เกาสฺยง และไถหนัน ราว 28 กิโลเมตร 46 กิโลเมตรและ 48 กิโลเมตรตามลำดับ หน่วยงานธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกา (USGS) วัดขนาดของแผ่นดินไหวได้ 6.4 ตามมาตราขนาดโมเมนต์ ศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 23 กิโลเมตร แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณรอยต่อระหว่างแผ่นทะเลฟิลิปปินส์กับแผ่นยูเรเชีย ถือว่าเป็นพื้นที่หนึ่งที่แผ่นธรณีภาคมีความไม่มั่นคงและมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวระดับรุนแรงได้",
"แผ่นดินไหวในประเทศพม่า เมษายน พ.ศ. 2559 เป็นแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ตามมาตราขนาดโมเมนต์ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน เวลา 20:25 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศพม่า () ซึ่งมีจุดเกิดแผ่นดินไหวอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมัณฑะเลย์ แผ่นดินไหวครั้งนี้รู้สึกแรงสั่นสะเทือนได้ถึงประเทศบังกลาเทศ และ อินเดีย รวมไปถึงประเทศไทย ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย",
"หนึ่งนาทีก่อนผลกระทบจากแผ่นดินไหวจะรู้สึกได้ในกรุงโตเกียว ระบบแจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า ซึ่งมีเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวมากกว่าหนึ่งพันตัวในญี่ปุ่น ได้ส่งคำเตือนออกอากาศทางโทรทัศน์เกี่ยวกับเหตุแผ่นดินไหวแก่ชาวญี่ปุ่นหลายล้านคน คลื่นเอสแผ่นดินไหว ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็ว 4 กิโลเมตรต่อวินาที จึงใช้เวลา 90 วินาทีในการเดินทาง 373 กิโลเมตรไปยังกรุงโตเกียว สำนักอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น เชื่อว่าระบบการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าสามารถช่วยหลายชีวิต คำเตือนต่อสาธารณชนถูกส่งไปราว 8 วินาทีหลังคลื่นพีแรกถูกตรวจจับ หรือ 31 วินาทีหลังเกิดแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงที่ประเมินไว้น้อยกว่าความเป็นจริงในบางพื้นที่ในคันโตและโทโฮะกุ",
"กิจกรรมแผ่นดินไหวดังกล่าวยังได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และนับตั้งแต่วันที่ 3-5 มีนาคม ได้เกิดแผ่นดินไหวเกือบ 3,000 ครั้งซึ่งตรวจวัดได้ที่จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวในภูเขาไฟ แผ่นดินไหวส่วนใหญ่มีขนาดเล็กมาก (2 แมกนิจูด) จนไม่สามารถอ่านได้ว่าเป็นเครื่องแสดงถึงการปะทุของภูเขาไฟ แต่แผ่นดินไหวบางส่วนถูกตรวจพบได้ในเมืองใกล้เคียง การปะทุคาดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553 ระหว่างเวลา 22.30 ถึง 23.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ห่างจากธารน้ำแข็งในเนินลาดทางเหนือของช่องเขาฟิมม์เวอร์ดูเฮาลส์ไปทางทิศตะวันออกในระยะไม่กี่กิโลเมตร",
"แผ่นดินไหวในจังหวัดคูมาโมโตะ พ.ศ. 2559 เป็นแผ่นดินไหวขนาด 7.0 แมกนิจูด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 01:25 น. ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่น () ใกล้กับเมืองคูมาโมโตะ จังหวัดคูมาโมโตะ บนเกาะคีวชู ประเทศญี่ปุ่น ระดับความลึกอยู่ที่ประมาณ 10 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้มีเกิดฟอร์ช็อก หรือแผ่นดินไหวนำขนาด 6.2 แมกนิจูด เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 21:26 น. ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศญี่ปุ่น () ในระดับความลึกที่ 11 กิโลเมตร",
"ความลึกจุดเกิดแผ่นดินไหวสามารถคำนวณได้จากการวัดซึ่งขึ้นอยู่กับปรากฏการณ์คลื่นแผ่นดินไหว ด้วยปรากฏการณ์คลื่นทั้งหมดในทางฟิสิกส์ มีความไม่แน่นอนอยู่ในการวัดปริมาณดังกล่าวเพิ่มยิ่งขึ้นตามความยาวคลื่น ดังนั้นความลึกจุดเกิดแผ่นดินไหวของแหล่งที่มาของคลื่นที่มีความยาวนี้ (ความถี่ต่ำ) จึงเป็นการยากที่จะตรวจสอบให้แน่ชัด แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงมากจะส่งพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาส่วนใหญ่ในรูปของคลื่นแผ่นดินไหวที่มีความยาวคลื่นมาก และดังนั้น แผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงมากขึ้นเท่าใดก็เป็นการปลดปล่อยพลังงานจากหินที่มีมวลมากยิ่งขึ้นเท่านั้น",
"แผ่นดินไหวในอำเภอแม่ลาว พ.ศ. 2557 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 18.08.43 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย (UTC+7) ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า จุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวอยู่ในตำบลทรายขาว อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ต่อมา กรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า การใช้เครื่องมือตรวจวัดได้ข้อสรุปใหม่ว่าศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวอยู่ที่ตำบลดงมะดะ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย เนื่องจากพบแนวรอยแยกปรากฏอยู่จำนวนมาก ส่วน USGS รายงานว่าจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากอำเภอแม่ลาวไปทางใต้ 9 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดเชียงรายไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 27 กิโลเมตร แผ่นดินไหวครั้งนี้มีขนาด 6.3 (ML) จากการวัดของกรมอุตุฯ มีขนาด 6.1 จากการวัดโดย USGS ลึก 7.4 กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิต 2 ราย",
"แผ่นดินไหวในอิมผาล พ.ศ. 2559 หรือ แผ่นดินไหวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอินเดีย พ.ศ. 2559 เป็นแผ่นดินไหวขนาด 6.7 แมกนิจูด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 04:35 น. ตามเวลาท้องถิ่นในประเทศอินเดีย () วัดความรุนแรงได้ VII หรือหรือระดับ 7 ตามมาตราเมร์กัลลี โดยมีจุดเหนือศูนย์เกิดแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากเมืองอิมผาล รัฐมณีปุระ ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 33 กิโลเมตร และศูนย์เกิดแผ่นดินไหวอยู่ที่ระดับความลึกประมาณ 55 กิโลเมตร แผ่นดินไหวครั้งนี้รู้สึกแรงสั่นสะเทือนได้ถึงประเทศบังกลาเทศ ประเทศพม่า และประเทศเนปาล",
"สำหรับวันที่แน่นอนและการเกิดแผ่นดินไหวสามารถเข้าชมได้ที่ แผนที่แสดงแผ่นดินไหวแบบเรียลไทม์",
"แผ่นดินไหวที่แคว้นเอมีเลีย-โรมัญญา ประเทศอิตาลี พ.ศ. 2555 เกิดขึ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 4.04 น. ศูนย์กลางแผ่นดินไหวลึกลงไปเพียง 10 กิโลเมตร วัดขนาดได้ 6.0 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ถูกอาคารทับเสียชีวิต 6 รายและหัวใจวายเสียชีวิต 1 รายมีจุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ อยู่บริเวณ ฟินาเล่ เอมิเลีย , ซาน เฟลิซ ซัล ปานาโร่ และเซอร์ไมด์ห่างไปทางตอนเหนือของเมืองโบโลญญาปนะมาณ 35 กิโลเมตร แต่แรงสะเทือนสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกได้ไกลถึงแคว้นทัสคานี่ และอัลโต อาดิเจ เมืองเวนิซและมิลาน โดยเหตุแผ่นดินไหวซ้ำวัดขนาดได้ขนาด 5.1 ในช่วงบ่าย ส่งผลให้ให้อาคารหลายแห่งที่ได้รับความเสียหายอยู่แล้วพังทลายลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งก่อสร้างในยุคโบราณ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานหลายแห่งเหตุการณ์นี้นับว่าเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบ 3 ปี ของประเทศอิตาลีและคาดว่าแผ่นดินไหวจะทำให้มีคนไร้ที่อยู่อาศัยประมาณ 3,000 คน ",
"ช่วงเวลาที่เกิดแผ่นดินไหว ประเทศไต้หวันเป็นประเทศที่มีโครงข่ายเครื่องตรวจวัดและสถานีเฝ้าสังเกตแผ่นดินไหวครอบคลุมมากที่สุดในโลก ทำให้สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ที่เกิดจากแผ่นดินไหวได้ \"ดีที่สุด\" เท่าที่เคยมีมา เครื่องตรวจวัดแห่งหนึ่งสามารถวัดค่าการเคลื่อนที่ของพื้นสูงสุดถึง 3 เมตรต่อวินาที ถือเป็นค่าสูงที่สุดเท่าที่เคยตรวจวัดบนโลก ในเทศมณฑลยฺหวินหลินพบปรากฏการณ์แผ่นดินเหลวที่ทำให้รากฐานอาคารพังทลายและมีทรายเดือดผุดเต็มบ่อน้ำ",
"แผ่นดินไหวในโพฮัง พ.ศ. 2560 เป็นแผ่นดินไหวที่มีขนาด 5.4 ตามมาตราขนาดโมเมนต์ เกิดความเสียหายบริเวณฮึงเง, โพฮัง, จังหวัดคย็องซังเหนือ, ประเทศเกาหลีใต้ ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 แผ่นดินไหวในครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวในคย็องจู พ.ศ. 2559 เนื่องจากเป็นแผ่นดินไหวที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยใหม่ของประเทศ",
"ผลจากแผ่นดินไหวทำให้เกิดความเสียหายในพื้นที่โดยรอบศูนย์กลาง โดยเฉพาะในเมืองไถหนันซึ่งมีอาคารหลายแห่งรวมทั้งอาคารที่พักอาศัยพังถล่ม ทำให้มีผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังจำนวนมาก ทั้งนี้ต่อมาหน่วยกู้ภัยได้ช่วยเหลือจนสามารถออกมาได้ 327 คน[3] มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 116 คน[4] และบาดเจ็บ 550 คน[5] สิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ของเมืองอย่างน้อย 23 แห่งได้รับความเสียหาย[6]",
"\"สังเกตว่าจำนวนแผ่นดินไหวที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องแสดงว่ามีแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นโดยตัวเอง การเพิ่มขึ้นของประชากร การกระจายถิ่นที่อยู่และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีตรวจจับแผ่นดินไหวล้วนเป็นปัจจัยให้มีการบันทึกจำนวนแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นตามกาลทั้งสิ้น ตำนานแผ่นดินไหวของสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกามีสารสนเทศเพิ่มเติม\"",
"สังเกตว่าจำนวนแผ่นดินไหวที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องแสดงว่ามีแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นโดยตัวเอง การเพิ่มขึ้นของประชากร การกระจายถิ่นที่อยู่และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีตรวจจับแผ่นดินไหวล้วนเป็นปัจจัยให้มีการบันทึกจำนวนแผ่นดินไหวเพิ่มขึ้นตามกาลทั้งสิ้น ของสำนักสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกามีสารสนเทศเพิ่มเติม",
"มาตราริกเตอร์ () หรือที่รู้จักกันว่า มาตราท้องถิ่น (; M) เป็นการกำหนดตัวเลขเพื่อบอกปริมาณของพลังงานแผ่นดินไหวที่ปลดปล่อยออกมาจากแผ่นดินไหวครั้งหนึ่ง มันเป็นมาตราส่วนเชิงลอการิทึมฐานสิบ ซึ่งสามารถคำนวณได้จากลอการิทึมของแอมพลิจูดการสั่นของการกระจัดที่มีค่ามากที่สุดจากศูนย์บนเครื่องตรวจวัดแผ่นดินไหวบางประเภท (Wood–Anderson torsion) ยกตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหวที่สามารถวัดค่าได้ 5.0 ตามมาตราริกเตอร์จะมีแอพลิจูดการสั่นมากเป็น 10 เท่าของแผ่นดินไหวที่วัดค่าได้ 4.0 ตามมาตราริกเตอร์ ขีดจำกัดบนที่มีประสิทธิภาพของการวัดตามมาตราริกเตอร์นี้ควรต่ำกว่า 9 และต่ำกว่า 10 สำหรับมาตราโมเมนต์แมกนิจูด เมื่อตรวจวัดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่",
"ความสามารถของเครื่องรับคลื่นไหวสะเทือน ในการสร้างความต่างศักย์ไฟฟ้าอยู่ที่ 30 โวลต์ ซึ่งสามารถใช้ได้ดีกับการตรวจวัดขนาดเล็กๆ และไม่เหมาะสมหากจะนำไปใช้แทนเครื่องตรวจจับคลื่นแผ่นดินไหว เพราะคลื่นที่เกิดจากแผ่นดินไหวมีพลังงานมหาศาล อาจทำให้เครื่องมือเสียหายได้",
"สถานีแผ่นดินไหว () เป็นหน่วยปฏิบัติงานเฝ้าระวังปรากฏการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลก\nประเทศไทยเริ่มมีสถานีแผ่นดินไหวแห่งแรกที่เชิงดอยสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ.2506 ภายใต้การกำกับของกรมอุตุนิยมวิทยาด้วยความร่วมมือของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกา (United States Geological Survey: USGS) \nปัจจุบัน สถานีแผ่นดินไหวเชียงใหม่ (Chiang Mai Seismic Station: CHTO) ถือเป็นสถานีแผ่นดินไหวที่มีมาตรฐานการปฏิบัติงานเทียบเท่าสถานีเครือข่ายของโลก (Global Seismograph Network) ปฏิบัติงานด้วยเครื่องตรวจแผ่นดินไหวแบบดิจิตอลออนไลน์ระบบไอริส (Incorporated Research Institutions for Seismology: IRIS) สามารถเฝ้าระวังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นทั่วโลกผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ตามเวลาจริง (real time)ปัจจุบันนับว่างานเฝ้าระวังแผ่นดินไหวของไทยมีความก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเชียงใหม่ ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานระดับโลกในความมีมาตรฐานการปฏิบัติงานและเครื่องมือที่ทันสมัย สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐอเมริกายังคงเป็นหน่วยงานที่สถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเชียงใหม่ร่วมมือประสานการปฏิบัติงานตลอดมา นอกจากนี้ ยังมีเว็บไซต์ของสถานีที่ออนไลน์อยู่บนโลกไซเบอร์หลายเว็บไซต์ เช่น",
"สำหรับประเทศไทย สามารถดูกราฟรายงานแผ่นดินไหวอัตโนมัติได้ที่ สถานีตรวจแผ่นดินไหวอัตโนมัติ สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา และรายงานแผ่นดินไหวภายในประเทศได้ที่ รายงานแผ่นดินไหวภายในประเทศและใกล้เคียง"
] |
ใหม่ เจริญปุระประเดิมละครเรื่องแรกชื่อว่าอะไร? | [
"ใหม่ เจริญปุระ (เกิด 5 มกราคม พ.ศ. 2512) เป็นนักร้อง Diva และนักแสดงชาวไทยระดับซุปเปอร์สตาร์หญิงแถวหน้าของเมืองไทย มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกคือ ขอแค่คิดถึง ในปี พ.ศ. 2527 โดยใช้ชื่อว่า \"ใหม่ สิริวิมล\" และประเดิมละครเรื่องแรก คนเริงเมือง พ.ศ. 2531 ให้กับไทยทีวีสีช่อง 3 อัลบั้มชุดแรก ไม้ม้วน ในปี พ.ศ. 2532 ประสบความสำเร็จจนได้รับรางวัลนักร้องหน้าใหม่จากเวทีสีสันอะวอดส์ และในปี พ.ศ. 2535 อัลบั้ม ความลับสุดขอบฟ้า สามารถทำสถิติ นักร้องหญิงของแกรมมี่คนแรกที่สร้างยอดขายเทปทะลุ 2 ล้านตลับ เธอยังสามารถคว้ารางวัลจากสีสันอะวอดส์อีกครั้งในฐานะศิลปินหญิงยอดเยี่ยมจากอัลบั้ม \"แผลงฤทธิ์\" ในปี พ.ศ. 2541 และใหม่ยังได้รับฉายา Queen of poprock ยุค 90 อีกด้วย"
] | [
"ทราย เจริญปุระ มีชื่อจริงว่า อินทิรา เจริญปุระ เกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2523 เป็นบุตรของนายสุรินทร์ เจริญปุระ หรือ รุจน์ รณภพ ผู้กำกับภาพยนตร์ ที่เกิดกับนางสุภาภรณ์ เจริญปุระ โดยเป็นบุตรคนโต มีน้องชายและน้องสาวร่วมมารดา คือ ภวัต เจริญปุระ (ท็อฟฟี่) และภรณ์รวี เจริญปุระ (น้ำพราว)",
"พิทยา ณ ระนอง เป็นนักแสดงชาวไทย เป็นบุตรของนายเอ ณ ระนอง เป็นหนุ่มแพรว 1990 มีผลงานแสดงละครโด่งดังจากเรื่อง \"วังน้ำวน\", \"ศีรษะมาร\", \"รักสุดท้ายที่ปลายฟ้า\", \"ดอกโศก\", \"รักลอยลม \" เคยสมรสกับวิภาวี เจริญปุระและขวัญภิรมย์ หลิน ที่ลงเอยด้วยการหย่ามาตลอด ปัจจุบันใช้ชีวิตคู่กับสตรีที่ชื่อเล่นว่าซาร่า เขามีบุตรที่เกิดจากการสมรสครั้งก่อนได้แก่ มหาสมุทร ณ ระนอง, มัจฉา ณ ระนอง และสัญชัย ณ ระนอง ",
"ปี 2555 ขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งกับ \"คอนเสิร์ต Dee & Seefa “The Lyrics of Love” พบกับทุกมุมมองความรัก จากปลายปากกาของ นิติพงษ์ ห่อนาค และนิ่ม สีฟ้า แอม เสาวลักษณ์แสดงร่วมกับ ใหม่ เจริญปุระ, จิรายุส วรรธนะสิน , คริสติน่า อากีล่าร์ ฯลฯ ในวันเสาร์ที่ 4 และอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ ณ Royal Paragon Hall แล้วก็มาถึงคอนเสิร์ตฉลอง 30 ปีของเธอกับ \"I am What I Amp Concert\" ในวันที่ 2-3 มิถุนายน ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ มีแขกรับเชิญเซอร์ไพรส์ทั้ง ใหม่ เจริญปุระ, มาช่า วัฒนพานิช, หฤทัย ม่วงบุญศรี, นัท มีเรีย, นิโคล เทริโอ และภัครมัย โปตระนันท์ ฯลฯ",
"ครั้งที่สอง สร้างเป็นละครโทรทัศน์เมื่อปี พ.ศ. 2537 ผลิตโดยบริษัท เอ็กแซ็กท์ จำกัด บทโทรทัศน์โดย สุพล วิเชียรฉาย, เอื้อพิลา, ฐา-นวดี สถิตยุทธการ กำกับการแสดงโดย สุพล วิเชียรฉาย โดยครั้งนี้ถือเป็นการพลิกบทบาททางการแสดงครั้งสำคัญของ สินจัย เปล่งพานิช จนคว้ารางวัลโทรทัศน์ทองคำสาขานำหญิงยอดเยี่ยมในปีนั้น และเป็นละครเรื่องแรกของ ด.ญ.ทราย เจริญปุระ ในบทบาทสุดท้าทาย ร่วมด้วย นพพล โกมารชุน, จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์, เล็ก ไอศูรย์ โดยเริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 19 มีนาคม - 11 มิถุนายน พ.ศ. 2537 ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ทุกวันศุกร์-วันเสาร์ เวลา 20.25 - 21.25 น.",
"พ.ศ. 2534 - และเธอก็มีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกหลังจากออกอัลบั้มมาแล้ว 2 ชุด ด้วยกระแสตอบรับที่ดีมากจากแฟนเพลงในชื่อว่า \"คอนเสิร์ต ใหม่ ร้อง เต้น เล่นละคร\" ณ MBK Hall หรือ เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ในปัจจุบันตัวคอนเสิร์ตที่นอกจากจะได้รับการตอบรับที่ดียังมีแขกรับเชิญคนสำคัญของใหม่ รุจณ์ รณภพ และคุณพ่อของเธอนั่นเอง ในปีนี้ใหม่มีทัวร์คอนเสิรตอย่างหนักและเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในต่างประเทศและผลงานการแสดงทิ้งทวนเรื่อง \"ผู้หญิงแถวหน้า\" กับค่ายกันตนาโดยแสดงนำคู่กับ นพพล โกมารชุน และ จอนนี่ แอนโฟเน่ ก็ไม่สามารถถ่ายทำในตอนจบ ซึ่งตอนหลังความกระจ่างขึ้นเมื่อมีข่าวใหม่ชนะคดีกับตำรวจในแอลเอซึ่งได้เข้าใจผิดในตัวเธอลงหน้าหนึ่งไทยรัฐ",
"ปี 2531 ละคร คนเริงเมือง รับบท อีพริ้ง ปี 2533 ละคร ผู้หญิงแถวหน้า รับบท วปุน ปี 2535 ละคร วังน้ำวน รับบทเป็น อาโป ปี 2539 ละคร แผ่นดินของเรา รับบทเป็น ภัคคินี ปี 2545 ละคร คนเริงเมือง รับบทเป็น อีพริ้ง ปี 2546 ละคร ปมรักนวลฉวี รับบทเป็น นวลฉวี รุ่งเพชร / นวลฉวี ราชเดช ปี 2547 ละคร ละครพิเศษ ลักส์ ดาวค้นดาว ตอน รักแล้วรักเลย รับบทเป็น เมย์ คู่กับ อนุวัฒน์ นิวาตวงศ์ ปี 2562 ละคร กรงกรรม รับบทเป็น นางย้อย",
"ในปี พ.ศ. 2546 บรรจง โกศัลวัฒน์ ได้นำเรื่อง นวลฉวี มาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางไอทีวี โดยใช้ชื่อ \"\"ปมรักนวลฉวี\"\" นำแสดงโดย ใหม่ เจริญปุระ รับบทเป็น นวลฉวี, อำพล ลำพูน รับบทเป็น หมออุทิศ และ อภิชาติ หาลำเจียก มารับบทเป็น พ.ต.อ.วิบูลย์",
"นอกจากนี้ยังมีพี่สาวต่างมารดา 4 คน คือ เวณิก เจริญปุระ (แมว), พลอย เจริญปุระ (ปู), วิภาวี เจริญปุระ (กุ้ง) และสิริวิมล เจริญปุระ (ใหม่) ทราย เข้าสู่วงการโดยการชักชวนของสุพล วิเชียรฉาย มีผลงานละครเรื่องแรกเมื่ออายุ 13 ปี คือเรื่อง “ล่า” ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 โดยแสดงร่วมกับสินจัย หงษ์ไทย และจักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ จากนั้นจึงได้แสดงละครอีกหลายเรื่อง เช่น บ้านสอยดาว กองพันทหารเกณฑ์ เจ้าสัวน้อย ฯลฯ จุดเด่นอย่างหนึ่งของเธอก็คือการมีส่วนสูงที่สะดุดตา เนื่องจากเธอสูงถึง 173 เซนติเมตร ",
"เรื่องราวแห่งความรักระหว่าง อิงอร (สิริวิมล เจริญปุระ หรือ ใหม่ เจริญปุระ) กฤช (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) และ แพร (ซัน คัมภิรานนท์) เด็กหญิงวัย 7 ขวบ เกิดขึ้นในสถานการณ์บีบบังคับ เมื่ออิงอรจำยอมพาแพร ซึ่งเป็นลูกสาวไปพบกฤชเพื่อวินิจฉัยอาการป่วย กฤชเป็นแพทย์หนุ่มที่มีแต่ความหดหู่อาลัยในชีวิต และนั่นเป็นครั้งแรกที่กฤชได้พบกับอิงอรและแพรเด็กสาวที่น่าสงสาร",
"ปี 2545 ศรัณยูเริ่มบทบาทใหม่อย่างเต็มตัวกับการกำกับการแสดงละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 เรื่อง น้ำพุ นำแสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช จิรายุส วรรธนะสิน และ ตะวัน จารุจินดา ปี 2546 ศรัณยูรับบทนำในละครแนวคอมเมดี้เรื่อง มหาเฮง ค่ายดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น ทางช่อง 7 ร่วมกับ ทราย เจริญปุระ ออกอากาศ 22 สิงหาคม 2546 - 13 กันยายน 2546 และได้มีผลงานการเขียนและกำกับละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 เรื่องถัดมาในเรื่อง สุภาพบุรุษลูกผู้ชาย นำแสดงโดย ตะวัน จารุจินดา วรนุช ภิรมย์ภักดี มาติกา อรรถกรศิริโพธิ์ และ ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์",
"อาณาจักรอิศานปุระ หรือ อาณาจักรเจนละ เป็นอาณาจักรโบราณ เจริญรุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันคือภาคอีสานตอนล่างของประเทศไทย ตอนบนของประเทศกัมพูชา และตอนล่างของประเทศลาว สถาปนาขึ้นโดยพระเจ้าอิศานวรมัน ผู้สืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์เจนละ คือพระเจ้ามเหนทระวรมัน หรือพระเจ้าจิตรเสน ผู้ครองแคว้นเจนละ ที่ทรงครอบครองดินแดนในพื้นที่อีสานตอนใต้และลาวทางตอนใต้แถบวัดภู หลังจากที่ได้รับการสืบทอดอำนาจจากพระเจ้าจิตรเสน พระเจ้าอิศานวรมันเสด็จขึ้นครองราชย์ราว พ.ศ. 1153 - พ.ศ. 1198 ได้ทำสงครามกับอาณาจักรฟูนัน ที่ยึดของพื้นที่ทางตอนใต้ ในที่สุดก็ได้ควบรวมเป็นอาณาจักรเดียวกัน เป็นการสูญสิ้นอาณาจักรฟูนัน และได้สถาปนาศูนย์กลางการปกครองขึ้นใหม่ ชื่อว่า \"อิศานปุระ\"\nเมืองอิศานปุระ ที่พระเจ้าอิศานวรมันสถาปนาขึ้น นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อว่า ตั้งอยู่บริเวณกลุ่มปราสาทซ็อมโบร์ไพรกุกห์ (สมโบไพรกุก) ในเขตจังหวัดกัมปงธม ในประเทศกัมพูชา ซึ่งปรากฏหลักฐานปราสาทอิฐ ศาสนสถานในศาสนาฮินดูจำนวนมาก",
"ในขณะที่ พิจิกา นักร้องนำเสียงหวานของ Doobadoo อดีตนักร้องของชมรมดนตรี CU.Band แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็เคยฝากผลงานไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการอ่านสปอต ร้องเพลงประกอบโฆษณา จิงเกิ้ลต่างๆ ทางวิทยุและโทรทัศน์กว่า 50 ชิ้น \nรวมถึงเพลงประกอบละคร เมืองมายา the series และเพลง ประกอบ ละครเรื่อง นกออก \nเป็นนักร้องรับเชิญและคอรัสให้ศิลปินต่างๆมากมาย เช่น ซีเปีย บัวหิมะ คิดแนปเปอร์ กลุ่มเรียนเชิญผู้มีจิตศรัทธา บุดด้าเบลส อีทีซี เป็นต้น นอกจากนี้ยังเคยเป็นนักร้อง Back up และ คอรัส ในการแสดงให้กับ โจอี้ บอย, ใหม่ เจริญปุระ, รัดเกล้า อามระดิษ และโบ สุนิตา เป็นต้น \nอีกส่วนหนึ่งคือผลงานด้านละครเวทีหลายเรื่อง เช่น คู่กรรม the musical, วิวาห์คาบาเร่ต์, ละครเพลง Pippin, มหานาฏกรรมพระมหาชนก ในบท นางมณีเมขลา เป็นต้น อีกทั้งยังสนใจในเรื่องของภาพยนตร์โดยเคยเขียนคอลัมน์แนะนำภาพยนตร์ให้กับนิตยสารกุลสตรี ปัจจุบันนอกจากงานร้องเพลง พิจิกายังเป็นดีเจทางสถานีวิทยุเพลงสากล 98.5 Breeze fm อีกด้วย",
"อรุณสวัสดิ์ เป็นบทประพันธ์ของ จุลลดา ภักดีภูมินทร์ สร้างเป็นละครโทรทัศน์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2535 สร้างโดยบริษัท กันตนา นำแสดงโดย ศรราม เทพพิทักษ์ และ วิชชุดา สวนสุวรรณ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยม และที่ได้รับความนิยมก็คือเพลงประกอบละครที่ขับร้องโดย พิสุทธิ์ ทรัพย์วิจิตร และ วทัญญู มุ่งหมาย ในปี พ.ศ. 2542 ถูกนำกลับมาสร้างใหม่สร้างโดยบริษัท อาร์เอส ในนามชาโดว์ นำแสดงโดย ทศพร รถกิจ และ ทราย เจริญปุระ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ล่าสุดในปี พ.ศ. 2557 ทางค่าย โมโน และ ช่องโมโน 29 ได้นำกลับมารีเมคอีกครั้ง สร้างโดย ศุภชัย ศรีวิจิตร ",
"ปี 2545 มีคอนเสิร์ตเดี่ยวอีกครั้ง \"Song & Story เรื่องเล่ากับเสียงเพลง\" แล้วก็คอนเสิร์ตรวมศิลปิน ดารา อย่าง \"คอนเสิร์ต 10 ปี Exact\" แสดงร่วมกับ ใหม่ เจริญปุระ, คริสติน่า อากีล่าร์, สินจัย เปล่งพานิช, เจษฎาภรณ์ ผลดี, ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีคอนเสิร์ตที่รวมตัวชาวดีว่าส์ของเมืองไทยอย่าง ใหม่ เจริญปุระ, หฤทัย ม่วงบุญศรี, นันทิดา แก้วบัวสาย และวิยะดา โกมารกุล ณ นคร ใน \"The Divas Concert\"",
"ปี 2532 ละครซิทคอม ตะกายดาว ช่อง 9",
"ปราสาทบาปวนมีลักษณะเป็นรูปทรงพีระมิด มีฐานเป็นชั้น ๆ ส่วนบนสุด เป็นปราสาทประธานหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ลักษณะของตัวปราสาทประธานมียอดเรียวแหลม คล้ายกับปราสาทพนมรุ้ง มีระเบียงคตถึงสามชั้นที่เชื่อมต่อกันได้ตลอด โคปุระขนาดใหญ่สุด อยู่ทางด้านทิศตะวันออก เครื่องบนของโคปุระ ทำด้วยเครื่องไม้มุงกระเบื้อง ซึ่งผุผังไปตามกาลเวลา โดยมีร่องรอยของการเจาะคานไว้บนหน้าบัวของโคปุระ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานของศิวลึงค์ทองคำ สัญลักษณ์แทนพระศิวะ แต่ได้สูญหายไปนานแล้ว ปราสาทบาปวนจัดได้ว่าเป็นต้นแบบของศิลปะแบบบาปวนโดยแท้จริง และเป็นศิลปะร่วมแบบเขมรของปราสาทในประเทศไทยหลายแห่งด้วยกัน ซึ่งลักษณะเด่นของศิลปะสมัยนี้ ได้แก่ ภาพสลักเล่าเรื่องทำเป็นช่องเล็ก ๆ ต่อเนื่องกันลงมาในแนวดิ่ง แต่ในสมัยที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองเข้ามาแทนที่ในศาสนาพราหมณ์ ปราสาทบาปวนถูกรื้อลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพื่อนำไปสร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังปราสาท ร่องรอยต่าง ๆ ถูกโกลนเพื่อให้เข้ากับลักษณะของพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ทางรัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้ทำการรื้อและสำรวจทำหมายเลขกันใหม่ จนกระทั่งมาถึงยุคเขมรแดง เอกสารแผนผังการจัดทำการบูรณะปราสาทบาปวนถูกเผาทำลายจนราบเรียบ",
"พ.ศ. 2527 - ใหม่ เจริญปุระ โดยเข้าสู่วงการภาพยนตร์จากการชักชวนของ ไพจิตร ศุภวารี ค่ายพี.ดีโปรโมชั่น ในเรื่อง \"ขอแค่คิดถึง ร่วมกับ สุชาติ ชวางกูร นักแสดง นักร้องชายดาวรุ่งในขณะนั้น และ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย\" ซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจชาวไทย ด้วยวัยเพียง 15 ปี ใช้ชื่อในการแสดงว่า \"ใหม่ สิริวิมล\" เรื่องนี้ได้ยกกองไปถ่ายทำที่ประเทศอังกฤษในขณะนั้น ทำให้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงจนมีเรื่องเล่าในกองถ่ายว่าในขณะที่แสงของวันใกล้หมดและฟิล์มที่เหลืออยู่ไม่มากจึงลองขอถ่ายนางเอกน้องใหม่ดู และเลือดศิลปินของใหม่ก็ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง ความสามารถของใหม่ทำให้ทุกคนในกองกล่าวขานเธอว่านางเอก \"เทคเดียวผ่าน\" ไม่เสียชื่อทายาทผู้กำกับดัง พ.ศ. 2528 - กลายเป็นนางเอกที่มีงานชุก เพราะมีภาพยนตร์ที่เข้าฉายมากถึง 8 เรื่องภายในปีเดียว และ ในภาพยนตร์เรื่อง \"ดวงยิหวา\" เธอฉีกตัวเองจากบทสาววัยใส พระเอกตามง้อนางเอก และ เป็นบทที่เปิดโอกาสให้ใหม่ได้แสดงอารมณ์ในแบบลึกๆ ออกมาแทนเด็กสาวสดใส ความสามารถของใหม่ในครั้งนั้นทำให้เธอได้รับรางวัลตุ๊กตาทองพระสุรัสวดี ในปีนั้นสร้างชื่อของเธอให้เป็นที่รู้จัก อย่างกว้างขวางและถูกจับตามองถึงฝีมือในการแสดงของใหม่ในฐานะนักแสดงมากความสามารถ พ.ศ. 2529 ผลงานเรื่อง \"พยาบาลที่รัก\" เธอเปลี่ยนบทบาทกลับมาเป็นพยาบาลวัยใสอีกครั้งก่อนหมดยุคของเด็กสาวช่างฝัน หลังจากนั้นเธอก็หันไปหาประสบการณ์กับละครเวทีจากเรื่อง \"ไร่แสนสุข\" ร่วมกับ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ พ.ศ. 2530 - เธอหวนกลับสู่วงการอีกครั้งและได้รับการชักชวนจากสังกัดใหม่ และใช้ชื่อ \"ใหม่ เจริญปุระ\" แทน \"ใหม่ สิริวิมล\"ในภาพยนตร์เรื่อง \"นางนวล\" ใหม่รับบทนวล เด็กสาวชาวใต้ที่ฝันอยากเป็นนักแสดงโดยยอมเอาตัวเข้าแลกกับผู้กำกับ และถัดจากดวงยิหวา นี่คือหนึ่งในผลงานมาสเตอร์พีชของใหม่ และในการประกาศรางวัลตุ๊กตาทองในครั้งนั้นการแสดงของใหม่ที่ใครๆคาดหวังว่าเธอจะได้รับรางวัลและแม้เธอจะพลาดไป เธอก็ได้รางวัล<b data-parsoid='{\"dsr\":[4136,4149,3,3]}'>ดาราทอง</b>ซึ่งเป็นรางวัลเพื่อเชิดชูเกียรติให้กับนักแสดงคู่สถาบันนี้เป็นต้นมา และต่อด้วยผลงานละครเวทีระดับคุณภาพเรื่อง \"บ้าก็บ้าวะ\" คู่กับ ศรัญญู วงศ์กระจ่าง พ.ศ. 2531 - ผลงานโดดเด่นและทิ้งทวนวงการภาพยนตร์คือเรื่อง \"เรือมนุษย์\" เธอรับบท อีเกียวเด็กสาวยากจน ปากกล้าที่ต้องเข้ามาอยู่ในสังคมของมนุษย์หลากหลายประเภท หนังเรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์ในทางที่ดีโดยเฉพาะใหม่ และ น้อย โพธิ์งาม ที่เล่นเป็นแม่ลูกได้อย่างเข้าขาและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดารานำหญิงตุ๊กตาทองเป็นปีที่สองติดต่อกันและถัดมาใหม่ประเดิมละคร \"คนเริงเมือง\" เป็นเรื่องแรก ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งก็ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างกว้างขวาง พ.ศ. 2532 ใหม่เป็นนักแสดงที่ก้าวเข้ามาประสบความสำเร็จอย่างดีในฐานะนักร้อง เสียงโทนแหบต่ำของใหม่ไม่เป็นปัญหาในการนำเสนอเพลงที่เหมาะกับตัวเธอ อัลบั้มแรก \"ไม้ม้วน\" เป็นอัลบั้มที่เสนอบุคลิกของนักร้องและแนวเพลงได้อย่างกลมกลืนที่สุดชุดนึงงานดนตรีในแนวป๊อปร็อคและการถ่ายทอดอารมณ์เพลงตามแบบฉบับของใหม่นั้นทำให้เธอได้รับได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่า \"แหบเสน่ห์\" จริงใจไว้ก่อน</b></i>ประสบความสำเร็จในฐานะเพลงเต้นรำขณะที่'ไม่อยากให้เธอรู้ ทำให้สาวๆหลายคนน้ำตาซึมและความสำเร็จนี้ทำให้เพลงทุกเพลงฮิตทั้งอัลบั้มจนต้องถูกถ่ายทำเอ็มวีทุกเพลง ถือเป็นศิลปินหญิงคนแรก ที่มีรีวิวประกอบเพลงเอ็มวีของตัวเองทั้งอัลบั้ม และเพลงจริงใจไว้ก่อนก็ได้รับ มิวสิควิดีโอเพลงดีเด่นประจำปี 2532 จากรางวัลโทรทัศน์ทองคำและในอัลบั้มแรกของเธอมียอดขายสูงถึง 8.4 แสนตลับ และในปีเดียวกัน เธอได้ขึ้นรับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม จากนิตยสารสีสัน และครองตำแหน่งนักร้อง ยอดนิยมอันดับ 1 นานถึง 2 เดือนติดต่อกันจากรายการ สตาร์ มิวสิก และใหม่ยังถือเป็นผู้นำด้านแฟชั่นในปีนั้นอีกด้วยกับภาพลักษณ์ ผู้หญิงผมยาวดัดฟู กับ เสื้อลูกไม้ และกางเกงยีนลีวาย 501 ซึ่งถือว่าฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง พ.ศ. 2533 - และในปีถัดมาอัลบั้ม \"ไม้ขีดไฟ\" ก็ตามออกมาตามเสียงเรียกร้องของแฟนๆ ด้วยแนวเพลง ที่หนักแน่น และชัดเจน อัลบั้มชุดนี้ฉีกภาพไม้ม้วนไปเพื่อหลีกหนีภาพความจำเจ แต่ยังคงแนวเพลงเต้นรำที่สนุกสนานมากยิ่งขึ้น และในชุดนี้มีเพลงดังอีกมากเช่น \"ควักหัวใจ\" , \"อยากจะร้องไห้\" , \"กลับดึก\" , “ยังไงไม่รู้ซิ” ,\"ฟังซิฟัง\"และแฟชั่นใหม่ยังคงฮิตถูกใจวัยรุ่นในพ.ศ นี้กับแนวอวกาศ เสื้อตาข่าย และที่คาดผมอันใหญ่สีดำและไม่เพียงเท่านี้ใหม่ยังได้รับการคัดเลือกตัวเพื่อเป็นตัวแทนของประเทศไทยไปร่วมงาน SUMMER WORLD FESTIVAL ที่ประเทศญี่ปุ่น โดย ทาง NHK. เพื่อเข้าร่วมร้องเพลงในมหกรรมดังกล่าว โดยมีนักร้องจากประเทศต่างๆ อีก 3 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสิงคโปร์",
"ใหม่ เจริญปุระ เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของนาย สุรินทร์ เจริญปุระ (รุจน์ รณภพ) และนางวินีย์ สนธิกุล มีพี่สาว 3 คน คือ เวณิก เจริญปุระ (แมว), พลอย เจริญปุระ (ปู), วิภาวี เจริญปุระ (กุ้ง) มีน้องสาวต่างมารดาคือ ทราย เจริญปุระ ใหม่ เจริญปุระ เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2512 เริ่มเรียนหนังสือชั้นต้นที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ แล้วจึงย้ายไปเรียนต่อที่แฟรีทั่นสคูล เมืองเค้นนอกกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ความฝันของใหม่ในยามนั้นคือ \"จิตรกรเอก\" แต่เนื่องจากได้รับอิทธิพลทางสายเลือดจากคุณพ่อ ทำให้เธอใช้เวลาว่างส่วนใหญ่หมดไปกับการดูหนัง ร้องเพลงและ เล่นละครให้คนทางบ้านดู และเมื่อครอบครัวไปทานข้าวที่โรงแรมมณเทียร ค่ำคืนนั้นได้มีการเปิดตัวภาพยนตร์ และ สมบัติ เมทะนี พระเอกภาพยนตร์เรื่องนี้เคยรู้จักสนิทสนมกับครอบครัวของใหม่จึงชักชวนให้ไปร่วมงาน หลังจากงานเลิกแล้วเธอจึงรวบรวมความกล้าของตัวเอง เดินเข้าไปสมัครเล่นหนังเอง กับ ไพจิตร ศุภวารี โดยมิได้บอกว่าเธอเป็นลูกสาวของใคร และในปี 2527 ก็กำเนิดดาวดวงใหม่ขึ้นในวงการภาพยนตร์ไทยในชื่อ \"ใหม่ สิริวิมล\"",
"ทราย เจริญปุระ (23 ธันวาคม พ.ศ. 2523 -) มีชื่อจริงว่า อินทิรา เจริญปุระ มีชื่อเล่นว่า \"ทราย\" เป็นนักแสดง นักร้องชาวไทย เป็นบุตรสาวของอดีตนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง รุจน์ รณภพ มีศักดิ์เป็นน้องสาวต่างมารดากับใหม่ เจริญปุระ",
"ชัยปุระยุคใหม่นั้นก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1727 โดยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของมหาราชาสวาอี ชัยสิงห์ที่ 2 แห่งอาเมร์ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากราชปุตราชวงศ์กาญจวาหา (Kachchwaha) ซึ่งปกครองระหว่างปีค.ศ. 1699 - ค.ศ. 1744 ซึ่งปกครองที่เมืองหลวงชื่อว่า \"อาเมร์\" (Amber) ตั้งอยู่ห่างจากชัยปุระเป็นระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร โดยเหตุผลในการย้ายเมืองหลวงนั้นเนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตามมาด้วยการขาดแคลนแหล่งน้ำที่รุนแรงมากขึ้น พระองค์ได้ทรงศึกษาตำราสถาปัตยกรรมมากมาย พร้อมทั้งที่ปรึกษาต่างๆก่อนจะทำผังเมืองของชัยปุระ ในที่สุด ด้วยความช่วยเหลือของสถาปนิกคนสำคัญคือ \"วิทยาธร ภัตตาจารย์\" (Vidyadhar Bhattacharya) ปราชญ์วรรณะพราหมณ์จากเบงกอล ซึ่งต่อมาได้เป็นหัวหน้าสถาปนิกของมหาราชา ซึ่งช่วยวางแผนและออกแบบอาคารต่างๆ รวมถึงพระราชวังหลวงใจกลางเมือง พร้อมทั้งกำแพงเมืองอย่างหนาแน่นที่เกิดขึ้นภายหลังสงครามกับจักรวรรดิมราฐา นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นผู้ที่รักทางด้านดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และฟิสิกส์ดาราศาสตร์ ทำให้ชัยปุระนั้นเกิดขึ้นได้อย่างสำเร็จด้วยองค์ประกอบสถาปัตยกรรมตามหลักของวัสดุศาสตร์ (Vastu Shastra) และหลักจากตำราอื่นๆ",
"เชือดก่อนชิม เป็นภาพยนตร์ไทยแนวลึกลับสยองขวัญของค่ายพระนครฟิลม์ ออกฉายในวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552 ผลงานการกำกับของทิวา เมยไธสง โดยมีพจน์ อานนท์เป็นผู้อำนวยการสร้าง นำแสดงโดย ใหม่ เจริญปุระ,รัตนบัลลังก์ โตสวัสดิ์ ,ปิยวัฒน์ นิวาตวงศ์,พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ,จิรัชญา จิรรัชชกิจ มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับบุษ (ใหม่ เจริญปุระ) เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อสูตรโบราณที่ธุรกิจร้านกำลังแย่นอกจากนั้นยังต้องจ่ายหนี้ที่สามีก่อไว้ แต่วันหนึ่งเธอได้นำเอาเนื้อคนมาทำก๋วยเตี๋ยวและทำให้ธุรกิจร้านไปได้สวย นอกจากนั้นเธอยังได้พบกับอรรถพลนักศึกษามหาลัยที่คอยเอาใจใส่เธอ แต่กลับเกิดเรื่องกับน้องบัวน้องสาวต่างวัยของเธอที่ถูกประวิทย์และอ้อยฆ่าและอรรถพลที่หันไปคบกับนิดา เรื่องเหล่านี้ทำให้บุษเคียดแค้นใจและพร้อมที่จะล้างแค้นทุกคนที่ขวางทางเธอ ",
"ณหทัย พิจิตรา (ชื่อเล่น: ต้อม; ชื่อจริง: รัตนสุดา ธำรงค์กิตติชัชวาล; ชื่อเกิด: รัตนสุดา รัตนโชติ) เป็นนักแสดงชาวไทย เกิดเมือวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2512 มีผลงานการแสดงทางจอเงินในปี พ.ศ. 2533 ด้วยการรับบทนางเอกในเรื่อง เดือนดับที่สบทา ต่อมาเริ่มเป็นที่รู้จักในภาพยนตร์เรื่อง \"วิถีคนกล้า\" กำกับโดย ยุทธนา มุกดาสนิท ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้ทันที ในปี พ.ศ. 2534 ร่วมกับ จรัล มโนเพชร กับดาราใหม่ที่แจ้งเกิดใหม่ อาทิ นรินทร์ ทองคำ, อัครา อมาตยกุล (ชื่อเดิมคือ พุฒิชัย อมาตยกุล) และ ธิศวรรณ สุวรรณโพธิ์ นอกจากนี้เธอยังได้รับบทเด่นทางจอแก้วร่วมกับใหม่ เจริญปุระ และ มาช่า วัฒนพานิช ในละครเรื่อง \"วังน้ำวน\" ของค่ายเอ็กแซ็กท์ในปี พ.ศ. 2535 ด้วยสายตาที่ดุ และน้ำเสียงที่แหลม จึงมักจะได้รับบทร้ายและบทตลกเป็นส่วนมาก อีกทั้งยังมีอัลบั้มเพลงของตนเองมาแล้ว 1 ชุดเมื่อปี พ.ศ. 2537 ชื่อ \"ผู้หญิงคนกล้า\" ",
"กรงกรรม เป็นละครโทรทัศน์ไทยแนวพีเรียด-ดราม่า-สะท้อนสังคม เป็นบทประพันธ์ของ จุฬามณี (นิพนธ์ เที่ยงธรรม) บทโทรทัศน์ ยิ่งยศ ปัญญา นำมาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สร้างโดย บริษัท แอค-อาร์ต เจเนอเรชั่น จำกัด กำกับการแสดงโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง นำแสดงโดย ใหม่ เจริญปุระ, ราณี แคมเปน, จิรายุ ตั้งศรีสุข เริ่มถ่ายทำวันแรกในวันที่ 7 ธันวาคม นี้",
"รุจน์ รณภพ (พ.ศ. 2474 — 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552) มีชื่อจริงว่า \"สุรินทร์ เจริญปุระ\" อดีตนักแสดง นักเขียนบท ผู้กำกับภาพยนตร์ และผู้กำกับละครโทรทัศน์ เข้าเรียนที่โรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ มักกะสัน เลขประจำตัว 1286 เมื่อปี พ.ศ. 2494 รุ่นที่ 11 ผลงานที่สร้างชื่อเสียงคือภาพยนตร์เรื่อง บ้านทรายทอง ฉบับที่ จารุณี สุขสวัสดิ์ และพอเจตน์ แก่นเพชร นำแสดง เมื่อ พ.ศ. 2522 นอกจากนี้ ยังเป็นบิดาของนักร้องและนักแสดง คือ ใหม่ เจริญปุระ และวิภาวี เจริญปุระ (เกิดกับวินีย์ สนธิกุล ภรรยาคนแรก) และ ทราย เจริญปุระ (เกิดกับสุภาภรณ์ เจริญปุระ ภรรยาคนที่สอง)",
"พ.ศ. 2537 มี \"แม่นาคพระโขนง\" ที่รับบทโดย \"ดาริน กรสกุล\" และเวอร์ชันที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือ \"นางนาก\" ในปี พ.ศ. 2542 ที่ขึ้นทำเนียบหนังไทยร้อยล้านเรื่องแรก ส่งผลให้ \"ทราย เจริญปุระ\" เป็นนางเอกร้อยล้านคนแรกในเมืองไทย กับฉากห้อยหัวบนขื่อศาลาอันติดตา",
"พ.ศ. 2535 - ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอใหม่กลับมามีผลงานละครอีกครั้ง ในเรื่อง \"วังน้ำวน\" ประชันบทบาทกับ มาช่า วัฒนพานิช และ ณหทัย พิจิตรา ซึ่งดังเป็นพลุแตกจากบทอาโป พร้อมทั้งเพลงประกอบโฆษณารถยนต์โตโยต้า รักแล้วรักเลย ก็ส่งผลให้ชื่อของใหม่กลับมาดังสุดๆอีกครั้ง และใหม่ยังกลับมาสานต่อความดังด้วยผลงานเพลงอัลบั้มชุดที่ 3 ในชื่อ \"ความลับสุดขอบฟ้า\" ก็ตามติดออกมาอีกเช่นกัน อัลบั้มนี้ได้ยกไปถ่ายทำมิวสิควิดีโอถึงประเทศอียิปต์และเธอเปิดอัลบั้มนี้ด้วยเพลง \"เสียใจได้ยินไหม\" มิวสิควิดีตัวแรกเป็นภาพหญิงสาวผมหยิกสั้นยืนพิงกำแพง ร้องเพลงสื่ออารมณ์ เรียบง่ายจนมิวสิกวิดีโอเพลงนี้ได้เข้าชิงมิวสิควิดีโอ MTV Video Music Award – International Viewer's Choice แม้จะพลาดรางวัลไป แต่อัลบั้มนี้ยังคงได้รับการตอบรับอย่างถล่มทะลายที่สุดในปีนั้นและใหม่ยังเป็นนักร้องหญิงไทยคนแรกที่มียอดขายเกินสองล้านตลับและมียอดรวมทั้งหมดที่ 2.6 ล้านตลับ [1] เพลงดังๆ เกือบทั้งอัลบั้มที่ติดหูคนฟังทั่วประเทศได้แก่ \"รักแล้วรักเลย\",“เธอรู้หรือเปล่า” , “ไม่มีปัญหา” , “หนักเกินไปแล้ว” , “สุดฤทธิ์สุดเดช \"ต่อไปนี้ไม่มีใคร” ฯลฯ แถมใหม่ยังมีคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองถึง 2 ครั้ง คือ \"คอนเสิร์ต Mai สุดขอบ\"ที่ใหม่ได้ร้องและเต้นแบบสุดขอบและยังได้รับการต้อนรับจากแฟนๆอย่างเป็นอย่างดีจนต้องจัดคอนเสิร์ตเพื่อขอบคุณแฟนๆอีกครั้ง ในชื่อว่า\"คอนเสิร์ต Mai Encore for Thank You\" จัดขึ้นที่ MBK Hall และเธอเป็นตัวแทนนักร้องหญิงของประเทศไทยได้ร่วมขึ้นร้องเพลงสากลบนเวทีนางงามจักรวาล ปี1992 ที่จัดขึ้นในประเทศไทยอีกด้วย และในปีนี้เองสื่อมวลชนก็ได้ยกย่องเธอเป็นซุปเปอร์สตาร์หญิงอีกคนของเมืองไทย เรียกได้ว่าเป็นปีทองของผู้หญิงคนนี้จริงๆ",
"ปี 2529 ละครเวที ไร่แสนสุข ปี 2530 ละครเวที บ้าก็บ้าวะ ปี 2558 ละครเวที แผ่นดินของเรา เดอะมิวสิคัล",
"ญาณิกา ทองประยูร หรือ โฟน เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2539 เข้าวงการโดยเล่นภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า...รัก (พ.ศ. 2553) รับบท เฟย์ แต่ฉากในเรื่องเฟย์ถือเค้กรสมะม่วงไปให้ โชน รับบทโดยมาริโอ้ เมาเร่อ ทำให้สื่อและคนทั่วไปมักเรียกเธอว่า น้องเค้กมะม่วง ต่อมาได้รับบท หมอกใหม่ ในภาพยนตร์ ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 3-4 (พ.ศ. 2554) เป็นพลธนูของ เล่อขิ่นรับบทโดยอินทิรา เจริญปุระ จากนั้นได้มีผลงานด้านละคร ตามมาอีกมากมาย อาทิเช่น รับบท ปุ๊ จาก ช็อกโกแลต 5 ฤดู (พ.ศ. 2554), น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ (พ.ศ. 2554) รับบท นิจิ, ละครชุด ท่าประชา (พ.ศ. 2555) รวมถึงสายงานพิธีกร ได้แก่ รายการ chill out ออกอากาศทางช่อง TGN ",
"พิมรา เจริญภักดี เกิดวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2527 เกิดที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของพลอย เจริญปุระ มารดาเป็นบุตรของรุจน์ รณภพ เป็นพี่สาวของใหม่ เจริญปุระ และทราย เจริญปุระ พิมราสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต และปริญญาโท คณะบัณฑิตวิทยาลัย สาขาการจัดการวัฒนธรรม ภาคภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย"
] |
จัสติน บีเบอร์ สัญชาติอะไร ? | [
"จัสติน ดรูว์ บีเบอร์ (English: Justin Drew Bieber)[4] เกิด 1 มีนาคม ค.ศ. 1994 เป็นชาวแคนาดา โดยเริ่มอาชีพนักร้องจากการโพสวีดีโอ ณ เว็บไซต์ยูทูบ (Youtube) จนผู้จัดการ สกูเตอร์ เบราน์ (Scooter Braun) ได้มาเห็น และนำบีเบอร์ไปแอตแลนตา รัฐจอร์เจียและพบกับอัชเชอร์ จนได้เซ็นสัญญาในนาม Raymond Braun Media Group (RBMG) ค่ายเพลง Island Records"
] | [
"\"เบบี้\" เป็นเพลงที่ร้องโดยศิลปินชาวแคนาดา จัสติน บีเบอร์ เพลงนี้เป็นเพลงครึ่งของอัลบั้มบีเบอร์ \"มายเวิลด์ 2.0\" เพลงนี้แต่งโดยบีเบอร์ ร่วมกับ ทริกกี้ สตีวาสตร์ และดิดรีม ทั้งสองเคยร่วมแต่งเพลงของบีเบอร์ เช่น เพลงวัน ทาม (One Time) และเพลงนี้เป็นเพลงแนวอาร์แอนด์บีร่วมสมัย แร็ปโดย ลูดาคริส",
"เสียงดนตรีได้พอสเนอร์และเลวีเป็นคนผลิต ได้ใส่เสียงปรบมือและจังหวะที่มีรูปแบบคล้ายฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ และตามที่เอมี เซียเรตโต นักวิจารณ์จากป๊อบครัชได้พูดถึงไว้ว่า \"ถูกปรับให้อยู่ระดับต่ำสุด ทำให้เสียงของบีเบอร์ที่หนักแน่นและลึกซึ้งจากที่เขาโตขึ้นนั้น ได้เปล่งประกายและเป็นที่สนใจของผู้ฟังได้ เซียเรตโตยังคิดว่าเพลง \"บอยเฟรนด์\" มีความคล้ายคลึงกับเพลง \"ครายมีอะริเวอร์\" (2002) [12] ของจัสติน ทิมเบอร์เลค ในขณะที่ร็อบบี ดอว์ จากเว็บไซต์ ไอโดเลเตอร์ ถือว่าเป็นการแสดงความรำลึกถึงต้นยุคคริสต์ศตวรรษ 1990[14] โจดี โรเซน จากนิตยสาร โรลลิงสโตน ไม่ใส่ใจเนื้อหาในเนื้อเพลง และสรุปว่า \"จัสตินเพิ่งมีความสัมพันธ์ทางเพศมา แต่เขาจะไม่ทำอันตรายเด็กอายุ 9 ขวบของคุณแน่\"[15] มาร์ค โฮแกน นักเขียนจากนิตยสาร สปิน กล่าวว่าเนื้อเพลงได้อ้างถึงเพลงหลายเพลง เช่น \"ปาร์ตี้\" ของบียอนเซ่ โนวส์ (2011) \"ทิลเดอะเวิลด์เอนด์ส\" ของบริตนีย์ สเปียส์ (2011) และ \"อิฟ\" ของเจเน็ต แจ็กสัน (1993) แอนดรูว์ แฮมป์ จากนิตยสาร บิลบอร์ด กล่าวว่า จังหวะแบบคลับเรดี้และคอรัสแบบกีต้าร์ไม่เสียบปลั๊กทำให้นึกถึงเพลง \"เกิร์ลเฟรนด์\" ซิงเกิลสุดท้ายของวง เอ็นซิงก์ และเปรียบเทียบกับเพลงยุคแรก ๆ ของจัสติน ทิมเบอร์เลค และอัชเชอร์[11]",
"วันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2010 บีเบอร์ได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกของเขา โดยเริ่มที่ ฮาร์ตฟอร์ด คอนเนตทิคัต สำหรับการประชาสัมพันธ์อีพีมายเวิลด์ และอัลบั้มมายเวิลด์ 2.0[14] ทัวร์ครั้งนี้ถูกเรียกว่า \"มายเวิลด์ ทัวร์\" (My World Tour) โดยจะตระเวนแสดงสดไปทั่วอเมริกาและแคนาดาในปี 2010-2011 และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010 มีการรายงานว่าบีเบอร์เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ถูกค้นหาในอินเตอร์มากที่สุด[15] เช่นเดียวกับมิวสิกวีดีโอของเพลง \"เบบี้\" (English: Baby) ซึ่งแซงเพลงของ เลดี้ กาก้า \"แบดโรมานส์\" จนเป็นวีดีโอที่มีคนชมมากที่สุดของเว็บไซต์ยูทูบเท่าที่เคยมีมา[16]",
"เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมตเพลง บีเบอร์แสดงเพลง \"บอยเฟรนด์\" ในรายการ เดอะวอยซ์ ซีซันสอง ตอนสุดท้าย จบลงด้วยท่าเต้นที่ชวนให้รำลึกถึงเพลง \"ริธึมเนชัน\" ของเจเน็ต แจ็กสัน[49] บีเบอร์ยังแสดงเพลงนี้ในงานประกาศรางวัลบิลบอร์ดมิวสิกอวอร์ดส 2012 และรายการเน็กซ์ท็อปโมเดลของประเทศเยอรมนีอีกด้วย[50][51][52] บีเบอร์ยังแสดงเพลง \"บอยเฟรนด์\" ที่งานแคปิตัลเอฟเอ็มซัมเมอร์ไทม์บอล 2012 ด้วย[53] สำหรับการแสดงนั้น บีเบอร์สวมใส่ถุงมือแบบไม่มีนิ้วมือ เสื้อกล้ามลายยูเนียนแจ็กกับเสื้อกั๊กที่เข้ากัน และกางเกงยีนส์[54] บีเบอร์ยังแสดงเพลงนี้ในระหว่างเล่นคอนเสิร์ตโปรโมตเพลงในทวีปยุโรปในวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 2012 ร่วมกับเพลง \"ออลอะราวด์เดอะเวิลด์\" และ \"ดายอินยัวร์อามส์\"บีเบอร์ร้องเพลงนี้เป็นครั้งแรกหลังงาน 2015 แวงโกแทงโก [55]",
"2010: มายเวิลด์ 2.0 2011: อันเดอร์เดอะมิสเซิลโท 2012: บีลีฟ 2015: เพอร์เพิส",
"\"ซอร์รี\" () เป็นเพลงของนักร้องชาวแคนาดา จัสติน บีเบอร์ จากสตูดิโออัลบั้มที่สี่ \"เพอร์เพิส\" เพลงเขียนโดยจูเลีย ไมเคิลส์ จัสติน แทรนเตอร์ และบีเบอร์ เพลงออกขายในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2015 เป็นซิงเกิลที่สองจากอัลบั้ม",
"ไมนด์เลสบีเฮฟเยอร์ () เป็นวงหนุ่มบอยแบนด์ 4 คน ประกอบไปด้วย Prodigy, Roc Royal, Ray Ray และPrinceton ซึ่งเปิดตัวด้วยเพลง \"My Girl\" พวกเขาได้รวมตัวกันในลอสแอนเจลิส ในปี 2008 ได้ Millsap (ทำงานร่วมกับ บียอนเซ่, จัสติน ทิมเบอร์เลค)และ Vincent Herbert (ทำงานร่วมกับ เลดี้ กาก้า, โทนี แบรกซ์ตัน) เป็นผู้ค้นหาศิลปินหน้าใหม่ในการเต้นและร้อง2ปีก่อนอัดเสียง วงนี้เปิดตัวครั้งแรกในทัวร์ของ แบ็กสตรีตบอยส์, และ จัสติน บีเบอร์ ในปี2010 และพวกเขาในแสดงเพลง \"My Girl\" ใน The Today Show ในเดือน พฤศจิกายน ปี 2010 อีกด้วย\nพวกเขาได้แรงจูงใจมาจาก ไมเคิล แจ็กสัน, อัชเชอร์ และ จัสติน ทิมเบอร์เลค และ มายด์เลสบีฮาวิเออร์ ยังเคยได้ไปร่วมทัวร์ใสคอนเสิร์ตของ จัสติน บีเบอร์ และ เจสัน เดอรูโล และยังได้แสดงเปิดตัวก่อนโชว์ของ เจเน็ต แจ็กสัน ในทัวร์ปี 2010 อีกด้วยในเดือนตุลา ปี 2010 ได้เปิด ซิงเกิลเพลง My Girls ออกสู่สายตาเป็นครั้งแรกสตูดิโออัลบั้ม\nอัลบั้มนี้กำลัง Released ในประเทศรัฐนิวยอร์ก ในเร็วๆนี้",
"ในสหราชอาณาจักร เพลงเปิดตัวที่อันดับที่สองด้วยยอดขาย 54,817 ในสิ้นสุดสัปดาห์ของวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 2012 เป็นรองเพียงแค่เพลงของนักร้องร่วมสัญชาติอย่างเพลง \"คอลมีเมย์บี\" ของคาร์ลี เร เจปเซน[31][32] เพลงบอยเฟรนด์ขึ้นถึงสิบอันดับแรกในเดนมาร์ก ไอร์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน ขณะที่อยู่ในยี่สิบอันดับแรกในเบลเยียม ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ สเปน และสวิตเซอร์แลนด์[31][33] ในออสเตรเลีย เพลงบอยเฟรนด์เปิดตัวและขึ้นสูงสุดที่อันดับที่ 5 บนชาร์ตประจำวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2012 เพลงบอยเฟรนด์ยังคงไม่สามารถขึ้นถึงอันดับหนึ่งในนิวซีแลนด์ เนื่องจากเปิดตัวและขึ้นสูงสุดที่อันดับที่ 2 เท่านั้น[34]",
"—พอสเนอร์กล่าวถึงการทำงานกับบีเบอร์[1]",
"ไอส์แลนด์เดฟแจมมิวสิกกรุ๊ปมอบหมายให้โคลิน ทิลลีกำกับมิวสิกวิดีโอ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำงานกับบีเบอร์ในมิวสิกวิดีโอเพลง \"ยูสไมล์\" (ค.ศ. 2010) [35] การถ่ายทำมีขึ้นในสัปดาห์วันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 2012 ที่สตูดิโอแห่งหนึ่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย[35][36] บีเบอร์เผยว่ามิวสิกวิดีโอไม่ได้มี \"มโนทัศน์คงตัว\" และเสริมว่า ส่วนใหญ่แสดงมุมกล้องแบบศิลป์แทรกด้วยท่าเต้นประกอบฉาก เขาอธิบายต่อว่า \"มันไม่ใช่ว่า 'บีเบอร์ตามผู้หญิงคนนี้มายังจุดนี้ ไม่ใช่ มันเป็นกลุ่มฉากที่น่าประหลาดใจ เช่นเดียวกับฉากไฟ เรามีฉากน้ำแข็ง\"[35] ในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2012 บีเบอร์ได้เผยแพร่ทีเซอร์ (teaser) ของคลิป[37] เบ็กกี เบน จากเว็บไซต์ไอโดเลเตอร์ เปิดเผยว่า ทีเซอร์ที่ตามมาหลายตัวแสดงบีเบอร์กำลังถูกมือหญิงหลายคนลูบคลำ ขณะกำลังเต้นท่าไมเคิล แจ็กสันอยู่หน้าสปอตไลต์สีขาวขนาดใหญ่ [และ]โพสอย่างเป็นอันตรายหน้าไฟและและลอยอยู่ใต้น้ำ\"[38] นิโคลา เซีย จากเว็บไซต์ไอโดเลเตอร์เช่นกัน มองฉากที่นักร้อง \"กระซิบที่ข้างหูสาว ๆ อย่างยั่วยวน\" ว่า \"อีโรติก\"เกินไป[39]",
"\"บีลีฟ\" เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่สามของนักร้องชาวแคนาดา จัสติน บีเบอร์ ออกจำหน่ายวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 2012 โดยค่ายเพลงไอส์แลนด์เรเคิดส์ หลังจากการเปลี่ยนผ่านจากรูปแบบดนตรีแบบทีนป็อปของอัลบั้มที่แบ่งเป็นสองตอน \"มายเวิลด์\" (ค.ศ. 2009) และ\"มายเวิลด์ 2.0\" (ค.ศ. 2010) บีเบอร์ออกผลงานใหม่ที่มีส่วนผสมของดนตรีแนวแดนซ์ป็อปและอาร์แอนด์บีร่วมสมัย อัชเชอร์ หัวหน้าโปรดิวเซอร์อัลบั้ม และผู้จัดการชื่อสกูตเตอร์ บรอน ใส่รายชื่อผู้มีส่วนร่วมมากมาย ที่ช่วยสร้างเสียงดนตรีที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่ เช่น ดาร์กไชลด์, ฮิตบอย, ดิโพล และแมกซ์ มาร์ติน ",
"เพอร์เพิส () เป็นสตูดิโออัลบั้มมี่สี่ของนักร้องชาวแคนาดา จัสติน บีเบอร์ อัลบั้มวางขายวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2015 โดยสังกัดเดฟแจมเรคอร์ดิงส์ และสกูลบอยเรเคิดส์ ก่อนออกอัลบั้ม ซิงเกิลแรก \"วอตดูยูมีน\" ออกจำหน่าย และติดชาร์ตอันดับหนึ่งในหลายชาร์ต และตามด้วยซิงเกิล \"ซอร์รี\" ที่ทำสถิติบนชาร์ตเช่นกัน ซิงเกิลที่สาม \"เลิฟยัวร์เซลฟ์\" ก็ประสบความสำเร็จบนชาร์ตโดยขึ้นอันดับหนึ่งใน 7 ประเทศ และขึ้นห้าอันดับแรกในสหรัฐอเมริกา",
"หมวดหมู่:ซิงเกิลในปี พ.ศ. 2555 หมวดหมู่:เพลงของจัสติน บีเบอร์ หมวดหมู่:ซิงเกิลอันดับ 1 ในแคนาเดียนฮอต 100",
"\"บอยเฟรนด์\" (English: Boyfriend) เป็นเพลงของจัสติน บีเบอร์ จากสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 ชื่อ บีลีฟ บีเบอร์กล่าวว่าเพลงนี้จะสร้างความประหลาดใจหลายอย่าง เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงแนวเพลงจากผลงานชุดก่อนหน้า มีพรีวิวตัวอย่างเพลงบอยเฟรนด์ในรายการ ดิเอลเลนดีเจนเนอเรสโชว์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2012 พร้อมประกาศเพลงนี้เป็นซิงเกิลในวันเดียวกันนั้นเอง และเริ่มจำหน่ายในวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 2012 มีการเปิดเผยภาพปกอัลบั้มในวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 2012",
"ตรงจุดนี้ โทนเสียงของบีเบอร์เริ่มต่ำลงเนื่องจากเสียงเริ่มแตกจากการเข้าวัยหนุ่มสาว ก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน ค.ศ. 2010 เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า \"มันเริ่มแย่ เหมือนกับวัยรุ่นหนุ่มทุกๆคน ผมกำลังทำงานกับมัน และผมก็มีโค้ชทางด้านเสียงร้องที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก [...] ในบางงานผมร้องเพลง \"เบบี้\" แต่ตอนนี้ผมทำไม่ได้แล้ว พวกเราต้องลดคีย์ของเพลงลงเวลาผมต้องร้องเพลงนี้สด\"[17] นักร้อง/นักแต่งเพลงของอังกฤษ ไทโอ ครูซ (English: Taio Cruz) ยืนยันว่าในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010 นั้นเขาได้เขียนเพลงให้กับบีเบอร์สำหรับอัลบั้มถัดไป[18] และผู้สร้างงานฮิปฮอป ดร. เดร (Dr. Dre) ได้ร่วมทำเพลงกับบีเบอร์ ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2010[19] แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดใดๆเกี่ยวกับอัลบั้มนี้ และคาดว่าจะเปิดตัวอัลบั้มนี้ในปี ค.ศ. 2011",
"บันทึกเสียงที่ชาลีซเรคอร์ดิงสตูดิโอส์ ฮอลลีวูด ลอสแอนเจลิส และในลอนดอน สหราชอาณาจักร มิกซ์เสียงที่สตูดิโอลาร์ราบี เบอร์แบงก์ แคลิฟอร์เนีย",
"ในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 2012 มารีนาแอนด์เดอะไดมอนส์ ได้คัฟเวอร์เพลงนี้ในการแสดงในรายการไลฟ์เลาจ์ ทางสถานีวิทยุบีบีซีเรดิโอ 1 ในระหว่างการแสดง เธอได้เปลี่ยนเนื้อร้องและเจฟฟ์ เบนจามิน จากนิตยสาร บิลบอร์ด กล่าวว่า \"เธอได้เปลี่ยนแนวดนตรีของเพลงนี้ด้วย จากผลงานล่าสุดของบีเบอร์ไปเป็นดนตรีอคูสติกแบบมืดมน\"[58] และในปีเดียวกัน เควิน แม็กเฮล และดาร์เรน คริส (ในนามของตัวละครชื่ออาร์ตี อะบรัมส์ และเบลน แอนเดอร์สัน) แสดงเพลงบอยเฟรนด์ผสมกับเพลง \"บอยส์\" ของบริตนีย์ สเปียส์ในตอน \"บริตนีย์ 2.0\" ของซีรีส์มิวสิคัล กลี[59]",
"\"บอยเฟรนด์\" ได้รับเสียงวิจารณ์คละกัน แอนดรูว์ แฮมป์แห่งนิตยสาร บิลบอร์ด ให้คะแนน 82 เต็ม 100 คะแนน โดยกล่าวว่า เสียงของบีเบอร์ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เคย แต่สังเกตว่าแฟนคลับส่วนใหญ่ของเขายังเป็นเด็กหญิงอายุ 12 ปี[11] เอมี เซียเรตโต แห่งป๊อปครัช ยกย่องบทเพลงและกล่าวว่า ผลของการลองแนวดนตรีใหม่ ๆ ลงเอยด้วย \"เพลงจัสติน บีเบอร์ที่เป็นผู้ใหญ่และรอบด้านมากขึ้น\"[12] เจนนา ฮอลลี รูเบนสไตน์ จากเอ็มทีวี กล่าวว่า \"บอยเฟรนด์\" นั้นเป็น \"ยาเสพติดบ้า\" (crazy dope) และตระหนักว่าเนื้อเพลงมุ่งไปยังสิ่งที่บีเบอร์ทำกับเซเลน่า โกเมซ แฟนสาวคนปัจจุบัน[13] เบกก้า กริม จากนิตยสาร โรลลิงสโตน มีความคิดว่าเพลงนี้ \"ตึงกว่าปกติ\" (edgier-than-usual) [16] ขณะที่เบรนยา บรานดาโน่ นักวิจารณ์จากบริษัทอาร์ทิสท์ไดเรกต์ กล่าวว่า \"บอยเฟรนด์\" ไม่เพียงเป็นการเปลี่ยนผ่านของบีเบอร์สู่ผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเป็น \"รุ่งอรุณใหม่แห่งเพลงป๊อป\"[17] มาร์ก โฮแกน จากนิตยสาร สปิน กล่าวว่า บีเบอร์ \"อยากทำให้คุณตื่นเต้นมากขึ้น\" (sex you up) ไปกับเพลง แต่คิดว่า \"บีเบอร์อาจจะเป็นนักเกี้ยวผู้มั่งคั่ง แต่เขายังไม่โต\"[18] นักวิจารณ์จากนิตยสาร แร็ป-อัพ กล่าวชมเพลง \"บอยเฟรนด์\" ที่แสดงให้เห็นบีเบอร์วัยผู้ใหญ่และเสียงดนตรีแบบในเมืองลงในเพลง[19] สตีเวน ไฮเดน และ Genevieve Koski บรรณาธิการของ ดิ เอ.วี. คลับ ให้เกรด A- พร้อมกล่าวชมเพลงในด้านการผลิตและเสียงร้อง และถือว่า \"ต้านทานไม่ได้ เมื่อบีเบอร์ปล่อยเสียงสูงแบบทิมเบอร์เลก มันรู้สึกค่อนข้างสมบูรณ์แบบ\" พวกเขายังจัดอันดับให้เป็นซิงเกิลที่ดีที่สุดซิงเกิลหนึ่งของบีเบอร์ แม้พวกเขาวิจารณ์เนื้อหาในเนื้อเพลง[20]",
"\"บิวตีแอนด์อะบีต\" () เป็นเพลงของนักร้องชาวแคนาดา จัสติน บีเบอร์ จากสตูดิโออัลบั้มที่สาม \"บีลีฟ\" (2012) มีนักร้องรับเชิญคือแร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน นิกกี มินาจ ซึ่งร่วมเขียนเพลงกับซาแวน โคเทชา แมกซ์ มาร์ติน และเซดด์ เพลงผลิตโดยมาร์ติน และเซดด์ โดยใช้เครื่องเล่นกลองหนักและเครื่องสังเคราะห์เสียง ในด้านเนื้อเพลง พูดถึงบีเบอร์ต้องการพาคนรักเข้าคลับแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขาจะได้ \"สังสรรค์กันดั่งอยู่ในปี 3012\" (party like it's 3012) เพลงนี้เป็นเพลงเดียวในอัลบั้ม\"บีลีฟ\"ที่บีเบอร์ไม่ได้เขียนเพลงด้วย เพลงนี้เป็นซิงเกิลที่สามของอัลบั้ม",
"บีเบอร์ยังได้มีภาพยนตร์ 3 มิติ \"Never Say Never\" โดยเกี่ยวกับตัวเขาเอง กำกับโดย Jon Chu ผู้กำกับจาก Step Up 3D จะออกฉายครั้งแรกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011 [20] และในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2010 เขาได้ออกอัลบั้ม ชื่อว่า มายเวิลด์ อคูสติก (|My Worlds Acoustic) [21] โดยได้ออกจำหน่ายในวัน Black Friday ในสหรัฐอเมริกา โดยเป็นเพลงเก่าในรูปแบบอคูสติก เพลงซิงเกิล และเพลงซิงเกิลใหม่ \"Pray\" ในปี 2010 [22]",
"บีเบอร์เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1994 ณ ลอนดอน รัฐออนแทริโอ และโตในเมืองสแตรตฟอร์ด แม่ของเขา แพดตี้ แมลลิที (Pattie Mallette) อายุ 18 ปีตอนที่เธอได้มีลูกชายแมลลิทีได้ทำงานด้านสำนักงานโดยมีเงินเดือนต่ำ โดยเธอเลี้ยงดูบีเบอร์โดยตัวคนเดียว ยังไงก็ตาม บีเบอร์ก็ยังติดต่อกับพ่อของเขา เจเรมี บีเบอร์ (Jeremy Bieber)[7][8] และเมื่อเขาโตขึ้น บีเบอร์ได้เริ่มเรียนเปียโน, กลองชุด, กีตาร์, และทรัมเป็ต ด้วยตัวเอง[9] จนกระทั่งปี ศ.ศ. 2007 ตอนที่เขาอายุ 12 ปี บีเบอร์ได้ร้องเพลงของ Ne-Yo ชื่อเพลง \"So Sick\" ในการแข่งขันร้องเพลงที่สแตรตฟอร์ด และเขาได้ที่สอง[10] แมลลิที้ได้โพสวีดีโอขึ้นเว็บไซต์ยูทูบเพื่อให้ครอบครัวและเพื่อนๆของเขาได้ชม และเธอก็เริ่มโพสวีดีโอที่เขาได้ร้องเพลงอื่นๆ จนกระทั่งเขาเริ่มมีชื่อเสียงจากเว็บไซต์นี้[11]",
"\"ออลอะราวด์เดอะเวิลด์\" () เป็นเพลงของนักร้องชาวแคนาดา จัสติน บีเบอร์ จากสตูดิโออัลบั้มที่สาม \"บีลีฟ\" (2012) เพลงเขียนโดยบีเบอร์ เซอร์ โนแลน และนาสรี จากทีมเดอะเมสเซนเจอส์ ร่วมกับลูดาคริส ซึ่งเป็นนักร้องรับเชิญ เพลงนี้เป็นการร่วมมือกันครั้งที่สองระหว่างบีเบอร์และลูดาคริส ก่อนหน้านี้ร่วมมือกันในซิงเกิล \"เบบี\" (2010) เพลงออกจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 2012 เป็นซิงเกิลวิทยุจากอัลบั้ม เพลงออกจำหน่ายเป็นซิงเกิลที่สี่ในต่างประเทศ และเป็นซิงเกิลที่ห้าและซิงเกิลสุดท้ายในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 เพลงมีดนตรียูโรแดนซ์ ใช้เครื่องดนตรีคล้าย ๆ กันเพลงของบริตนีย์ สเปียส์ คริส บราวน์ และอัชเชอร์ เนื้อเพลงเกี่ยวกับบบีเบอร์ร้องเพลงให้คนรักว่า \"ทั้งโลก มีแต่คนอยากถูกรัก\" (all around the world, people want to be loved) \"ออลอะราวด์เดอะเวิลด์\" ได้รับคำวิจารณ์ด้านบวกเป็นส่วนใหญ่ นักวิจารณ์ชื่นชอบรูปแบบดนตรียูโรแดนซ์ เพลงประสบความสำเร็จปานกลางทั่วโลก ขึ้นสิบอันดับแรกในหลายประเทศ เช่น เบลเยียม แคนาดา และนอร์เวย์ บีเบอร์ส่งเสริมเพลงผ่านการแสดงสดและมิวสิกวิดีโอ",
"จอร์แดน ซาคาริน จาก เดอะฮอลลิวูดรีพอร์เตอร์ บรรยายเพลงนี้ว่า \"เป็นข้อเสนอไม่มากก็น้อย โดยบีเบอร์ร่างทั้งแนวคิดเดตในเมืองเล็กและคำสัญญาชั่วนิรันดร์\"[21] Raju Mudhar จาก โตรอนโตสตาร์ ออกความเห็นว่า จากเนื้อเพลง บีเบอร์นั้น \"ไม่ใกล้เคียงกับการนำ 'เซ็กซีแบ็ค' กลับมา แต่ฟังเหมือนเขาต้องการจูงมือคุณเดินกลับบ้าน\"[22] โจดี้ โรเซน จากนิตยสาร โรลลิงสโตน ให้ 3 ดาวเต็ม 5 และ ขณะที่มองเบื้องหลังเป็น \"การคำนวณอย่างเชี่ยวชาญเพื่อบรรเทาการเปลี่ยนผ่านของบีเบอร์จากเด็กน้อยเสน่ห์แรงไปเป็นหนุ่มน้อยเสน่ห์แรง\" แต่ตั้งคำถามว่า \"เพลงที่เริ่มด้วยบีเบอร์ร้องแร็ปในภาษาชนบทที่ห้าวที่สุดเกี่ยวกับ \"ของโจร\" ของเขาจะไม่เป็นเหยื่อผู้รังเกียจได้อย่างไร\"[15] บิล แลมบ์ นักวิจารณ์จากอะเบาต์ดอตคอม ถือว่าเพลงนี้เป็น \"เพลงอย่างง่ายซึ่งมาจากจัสติน ทิมเบอร์เลก\" และกล่าวว่า เนื้อเพลงไม่มี \"สาระให้ขยายเป็นเพลงทั้งเพลงได้\"[4] คริส เอกเกิร์ตเซน นักเขียนบล็อก ฮิตฟิกซ์ คิดว่า ในด้านเนื้อเพลง \"บอยเฟรนด์\" เป็นเพลงเดียวกับที่บีเบอร์เคยร้องตั้งแต่เริ่มอาชีพ แต่สังเกตว่าไม่มีแฟนคลับคนใดสังเกตมุมมองนี้[23] เกรกอรี ฮิคส์ จากเดอะมิชิแกนเดลี ให้ความเห็นว่า บีเบอร์กำลังเลียนแบบลักษณะความเป็นอาร์แอนด์บีของจัสติน ทิมเบอร์เลก และบรรยายเนื้อเพลงว่าเป็นต้นตำรับ \"ในแง่ที่ศิลปินน้อยคนนักที่ตั้งใจนำความเขลาทางกวีมากขนาดนี้เข้ามาในเพลงของตน\"\"[24] เออร์เนส วิลคินส์ จาก เรดอายส์ กล่าวว่า บีเบอร์ไม่รู้วิธีแร็ปที่ดี และเสริมว่า \"ผมนึกถึงช่วงที่ Wahlberg เป็นนักร้องแร็ปผิวขาวที่งุ่มง่ามที่สุดในโลก\"[25]",
"จนกระทั่ง สกูเตอร์ เบราน์ (Scooter Braun) นักการตลาดของ So So Def ในตอนนั้น ได้เข้าไปดูวีดีโอของบีเบอร์โดยบังเอิญ[7] เบราน์สนใจในตัวบีเบอร์มากและเริ่มตามหาตัวเขา จนกระทั่งสามารถติดต่อแมลลิที้ได้ และเธอได้ตกลงที่จะให้พาตัวบีเบอร์ไป จนอายุ 13 ปี[11] ณ แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เขาได้ทดลองอัดเสียง[7] และในสัปดาห์ต่อมานั่นเองเขาก็ได้ลองร้องเพลงให้อัชเชอร์ฟัง[12] ซึ่งต่อมาก็ได้ให้เขาเซ็นสัญญากับ Island Def Jam Music Group และ Island Records ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2008[11] ซึ่งมีการกล่าวว่าจัสติน ทิมเบอร์เลค ก็ได้ขอเซ็นสัญญากับบีเบอร์เช่นเดียวกัน แต่เขานั่นเลือกที่จะเซ็นสัญญากับอัชเชอร์ไป[13] และบีเบอร์ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่แอตแลนต้า ซึ่งเป็นถิ่นที่อัชเชอร์และเบราน์ทำงาน",
"จัสตินเริ่มต้นอาชีพของเขาในยูทูบ จากการที่เขาและมารดาโพสต์วิดีโอของเขาที่ร้องเพลงในงานประกวดดนตรีเพื่อให้สมาชิกในครอบครัวคนอื่นที่ไม่ได้ดู แต่ทว่าความนิยมของเขาในยูทูบเติบโตอย่างรวดเร็ว สกูเตอร์ เบราน์ ซึ่งเคยทำงานเป็นผู้อำนวยการการตลาดให้กับ So So Def เห็นวิดีโอของเขา และสนใจในตัวเขามาก ได้บินพาบีเบอร์ไปยังแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เพื่อปรึกษากับอัชเชอร์และเขาก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายไอส์แลนด์ในระยะเวลาอันรวดเร็ว Braun และพาบีเบอร์บินไปยังแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย อันเป็นที่พำนักของอัชเชอร์ นักร้องและนักประพันธ์เพลงแนวอาร์แอนด์บี สัปดาห์ต่อมาบีเบอร์จึงมีโอกาสขับร้องให้อัชเชอร์ฟัง ซึ่งเขาเองก็สนใจในทันใด และให้เขาทดลองขับร้องกับแอนโตนิโอ แอลเอ เรด ณ ไอส์แลนด์เรเคิดส์ ซึ่งเขาได้เซ็นสัญญาในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2008 มีการรายงานว่าจัสติน ทิมเบอร์เลกจะให้บีเบอร์เข้าเซ็นสัญญา แต่เขากลับเซ็นสัญญาร่วมกับอัชเชอร์ อัชเชอร์แนะนำบีเบอร์สู่วงการเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2009 ณ ลอสแองเจิลลิส ภายหลังการบันทึกเสียงเพลง \"วันไทม์\" เท่านั้น อัชเชอร์บรรยายบีเบอร์ต่อหน้าฝูงชนว่าเป็น \"คลื่นลูกใหม่\" และเป็น \"ความภูมิใจสำหรับผมและไอส์แลนด์เดฟแจม\"",
"มายเวิลด์ 2.0 () เป็นผลงานชิ้นที่สองซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้ม โดยนักร้องชาวแคนาดาจัสติน บีเบอร์ และเป็นผลงานชิ้นแรกที่เป็นสตูดิโออัลบั้ม อัลบั้มนี้ได้ออกมาหลังจากที่ อีพี มายเวิลด์ นั้นได้เปิดตัว มายเวิลด์ 2.0 นี้ได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 2010 บีเบอร์ได้ทำงานร่วมกับผู้อำนวยการสร้าง นักแต่งเพลง ก่อนที่อัลบั้มนี้เปิดตัว ประกอบด้วย Tricky Stewart, เดอะ-ดรีม และ มีดี้ มาเฟีย รวมไปถึงคนใหม่ที่มาเสริมอย่างบรานด์-ไมเคิล คอกซ์ และ The Stereotypes นอกจากนั้นยังต้องการให้มีแนวเพลงอาร์แอนด์บีที่เด่นขึ้นกว่างานเพลงชิ้นก่อน และอัลบั้มนี้ยังสื่อถึงการที่เขาโตขึ้นจากครั้งก่อน และมีวุฒิภาวะมากขึ้น นอกจากที่มีแนวเพลงของอาร์แอนด์บีแล้ว อัลบั้มยังมีการรวมเพลงแนวป๊อบและฮิปฮอปอีกด้วย",
"โคลด์วอเตอร์ () เป็นซิงเกิลของกลุ่มแนวเพลงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ของเมเจอร์เลเซอร์ เป็นซิงเกิลหลักจากสตูดิโออัลบั้มที่ 4 Music Is the Weapon (2017) โดยร่วมกับนักร้องชาวแคนาดา จัสติน บีเบอร์ และนักร้องชาวเดนมาร์ก มุ ประพันธ์คำร้องโดย สมาชิกเมเจอร์เลเซอร์ ดิปโล, เอ็ด ชีแรน, มุ, จัสติน บีเบอร์, เจมี สกอตต์, เบนนี บลังโก, ฟิลลิป \"จูเนียร์ เบลนเดอร์\" เมกเซเปอร์ และ เฮนรี่ \"คิงเฮนรี่\" อัลเลน ออกจำหน่ายในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 2016",
"ไมก์ พอสเนอร์ – เขียนเพลง, โปรดิวซ์, คีย์บอร์ด จัสติน บีเบอร์ – เขียนเพลง, ร้องนำ เมสัน \"เอ็มดีแอล\" เลวี – เขียนเพลง, โปรดิวซ์ แมทธิว มัสโต – เขียนเพลง, ผลิตเสียงกีต้าร์ คัก ฮาร์เรล – ผลิตเสียงร้องนำ จอช กุดวิน – เอนจินเนียร์ คริส \"ทีอีเค\" โอ'ไรอัน – เอนจินเนียร์ โธมัส คัลลิสัน – ผู้ช่วยเอนจินเนียร์ แมนนี มาร์โรควิน – ผสานเสียง คริส กัลแลนด์ – ผู้ช่วยผสานเสียง เดล บาวเออร์ส – ผู้ช่วยผสานเสียง เบนนี สตีล – บันทึกเสียงกีต้าร์",
"บีเบอร์ได้ร้องเพลงของ สตีวี วันเดอร์ (Stevie Wonder) \"Someday at Christmas\" สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัก โอบามา และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา มิเชลล์ โอบามา ที่ทำเนียบขาวสำหรับวันคริสต์มาสในวอชิงตัน ดี.ซี. และออกอากาศในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2009 บนสถานีโทรทัศน์ช่อง TNT ของสหรัฐอเมริกา และยังร้องเพลงในงาน Dick Clark's New Year's Rockin' Eve ร่วมกับไรอัน ซีเครสต์ ในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 2009 บีเบอร์ได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ในงาน the 52nd Grammy Awards ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 2010 ได้รับเชิญในการบันทึกเสียงเพลง วีอาร์เดอะเวิลด์ 25 ฟอร์ เฮติ (We Are The World for its 25th anniversary to benefit Haiti) เนื่องจากในเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ บีเบอร์ได้ร้องในช่วงท่อนเปิดเพลง เช่นเดียวกับไลโอเนล ริชชี ในเวอร์ชันต้นตำรับ และในวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2010 ก็ยังได้ไปร้องในเวอร์ชันของ K'naan's \"Wavin' Flag\" บันทึกเสียงโดยกลุ่มศิลปินวัยรุ่นชาวแคนาดา สำหรับเฮติ โดยบีเบอร์ได้ร้องในช่วงท่อนปิดเพลง"
] |
ลุยจิ กัลวานี คือใคร? | [
"ลุยจี อาโลอีซีโอ กัลวานี[1] (Italian: Luigi Aloisio Galvani, Latin: Aloysius Galvani; 9 กันยายน ค.ศ. 1737 – 4 ธันวาคม ค.ศ. 1798) เป็นนักฟิสิกส์และแพทย์ชาวอิตาลี เป็นผู้บุกเบิกการศึกษาแม่เหล็กไฟฟ้าชีวภาพ"
] | [
"โยชิ(; บางครั้งก็ระบุว่าโยชิสีเขียว) เป็น 1 ในฮีโร่ของเกมมาริโอและเป็นพันธมิตรกับมาริโอกับลุยจิ เขาเป็น 1 ใน กลุ่มโยชิ ตอนมาริโอและลุยจิยังเป็นทารกเขาช่วยปกป้องทั้งสองจาก คาเมคคุบปะนักเวทย์ ให้ปลอดภัย",
"ในปั 1780 นายลุยจิ กัลวานี ค้นพบว่าเมื่อโลหะสองชนิดที่แตกต่างกัน (เช่นทองแดงและสังกะสี) ถูกนำมาแตะกับส่วนต่าง ๆ ของเส้นประสาทของขากบในเวลาเดียวกัน ขาของกบจะหดตัว[2] เขาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า \"ไฟฟ้าจากสัตว์\" ต่อมานายแอเลสซานโดร โวลตา ได้ประดิษฐ์เซลล์โวลตาวางซ้อน (English: voltaic pile) ในปี 1800 มันประกอบด้วยหลายเซลล์ที่คล้ายกับเซลล์กัลวานีวางซ้อนกันเป็นชั้น อย่างไรก็ตาม โวลตาสร้างมันขึ้นมาทั้งหมดจากวัสดุที่ไม่ใช่ชีวภาพเพื่อที่จะท้าทายทฤษฎีไฟฟ้าจากสัตว์ของกัลวานี (และนักทดลองต่อมานาย Leopoldo Nobili) เพื่อตอบสนองกับความพอใจในทฤษฎีสัมผัสไฟฟ้าโลหะต่อโลหะของตัวเขาเอง[3] นายคาร์โล Matteucci ได้เปลี่ยนมาสร้างแบตเตอรี่ที่ปราศจากวัสดุชีวภาพโดยสิ้นเชิงเพื่อสนองตอบต่อนายโวลตา[4] การค้นพบเหล่านี้ปูทางไปสู่แบตเตอรี่ไฟฟ้าทั้งหลาย; เซลล์ของโวลตาเป็นชื่อในลำดับเหตุการณ์ที่สำคัญของ IEEE ในปี 1999[5]",
"\"ลุยจิ เดท สเตย์\" เป็นอินเทอร์เน็ตมีมที่แสดงถึงการแสดงออกทางสีหน้าโดยอัตโนมัติของลุยจิ ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครที่สามารถเล่นได้ และเป็นตัวละครร่วมของแฟรนไชส์\"มาริโอ\" ซึ่งจะปรากฏในขณะที่ตัวละครอื่น ๆ ถูกลุยจิโจมตีระหว่างการแข่ง โดยได้แสดงให้เห็นในยูทูบ และภาพเคลื่อนไหว GIF หลายชุด การปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ออกข่าวในสถานีข่าวฟ็อกซ์ในประเทศในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2014 ยิ่งไปกว่านั้น ลุยจิ เดท สเตย์ยังถูกโชว์โดยนินเทนโดในงานดิจิตอล อีเวนท์ที่อิเล็กทรอนิกเอ็นเตอร์เทนเมนต์เอ็กซ์โป 2014 เว็บไซต์เวนเจอร์บีตได้ยกย่องต่อการจัดการมีมของนินเทนโด โดยตั้งข้อสังเกตว่า \"มันเป็นวิธีที่ยอมรับวัฒนธรรมของแฟน ๆ อย่างแนบเนียน โดยไม่ได้เป็นการละเลยไปจากพวกเขาเหล่านั้น\"",
"ศาสตราจารย์ อี แกดด์ หรือ ศาสตราจารย์ เอลวิน แกดด์ (;) เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ช่วยลุยจิหามาริโอโดยการให้ลุยจิด้วย พอลเตอร์กัส 3000 () ซึ่งเป็นเครื่องดูดฝุ่นทรงพลังที่ดูดผีได้ ปรากฎตัวครั้งแรกในเกมลุยจิแมนชั่น",
"คาเมค (;) เป็นจอมเวทย์คุปปะที่เคยที่จะลักพาตัวมาริโอกับลุยจิแต่ไม่สำเร็จเพราะว่าโยชิไม่ปล่อยพวกเขาออกจากหลังของโยชิเลย คาเมคเคยเป็นผู้ปกครองของบาวเซอร์เมื่อบาวเซอร์ยังเป็นเด็กทารก (อาจจะคล้ายบาวเซอร์จูเนียร์ที่เป็นลูกของเขา)\nฟาวฟุล () เป็นศัตรู (อีกคน) ของมาริโอตอนที่เขาปรากฎครั้งแรกเขาได้เป็นเพื่อนสนิทของแค็คเล็ตต้าและได้ช่วยแค็คเล็ตต้าลักพาตัวเจ้าหญิงพีชแต่พอรู้ว่าเจ้าหญิงคนนั้นคือเบอร์โดก็ตกใจมากและโดนมาริโอและลุยจิอัดจนน้วมฟาวฟุลเห็นแค็คเล็ตต้าบาดเจ็บมากเลยให้แค็คเล็ตต้าเข้าปากบาวเซอร์เพื่อเข้าสิงแล้วฟื้นตัว และลักพาตัวเจ้าหญิงตัวจริงสำเร็จแต่ก็ได้ไม่นานก็โดนมาริโอและลุยจิอัดจนน้วมและแค็คเล็ตต้าโดนฆ่า",
"ลุยจิ (, ) หรือ หลุยส์ เป็นตัวละครจากเกมมาริโอ้ ลุยจิเป็นน้องชายของมาริโอ้และในเนื้อเรื่อง ทั้งคู่ต่างร่วมมือกันเพื่อช่วยเจ้าหญิงพีชให้รอดพ้นจากการลักพาตัวของคุปปะ\nลักษณะพิเศษของลุยจิ คือ มีขากรรไกรเป็นวงรี มีความสูง 170 ซม. หนัก 68 กม.",
"ข้าพเจ้าผาดโผนโจนทะยานลงมาลุยวงการเพลงแบบ บินเดี่ยว ไม่ต้องมีใครใส่ทำนองให้ ไม่ต้องมีใครแต่งเนื้อร้องให้ ข้าพเจ้าเหมาคนเดียวหมด ...",
"ในฤดูการ 2009/2010 ทีมได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงอีกครั้ง โดยทีมสามารถคว้าตำแหน่งที่ 4 ในตารางคะแนน ส่งผลให้ได้ไปเล่น ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ในฤดูกาลต่อไปในรอบเพลออฟ \nแต่กระนั้นก็ตามทีมไม่สามารถเข้าไปในรอบแบ่งกลุ่มได้ เพราะแพ้เพลออฟแก่ยอดทีมจากเยอรมัน แวนเดอร์ เบรเมน อย่างเฉียดฉิว สองนัดผลรวม 5-4 ผู้เล่นหลักๆในฤดูการนี้ได้แก่ \nมาร์โก สโตราลี่ ,สเตฟาโน กูแบร์ติ, ดานิเอเล่ กัสตัลเดโร่,เรโต้ ซิกเลอร์, อันโตนิโอ คาสซาโน่, จิอันเปาโล ปาซซินี่ โดยมีกุนซือคือ ลุยจิ เดลเนลี่\nในฤดูกาล2010/2011 ได้มีการเปลี่ยนโค้ชจาก ลุยจิ เดลเนลี่ เป็น โดมินิโก้ ดิคาร์โล ",
"กัลวานียังคงศึกษาเรื่องแม่เหล็กไฟฟ้าชีวภาพอย่างต่อเนื่อง จวบจนบั้นปลายชีวิตที่เขาต้องประสบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ผันผวน กัลวานีถูกขับออกจากตำแหน่งอาจารย์และถูกระงับเงินช่วยเหลือ เขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1798 อย่างคนสิ้นเนื้อประดาตัว",
"การทดลองขากบของกัลวานีเป็นแนวทางให้อาเลสซานโดร โวลตาใช้สร้างแบตเตอรีชิ้นแรกของโลก ชื่อของกัลวานียังถูกนำไปใช้เรียกอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ อาทิเช่น เซลล์กัลวานิก, กัลวานอมิเตอร์, กัลวาไนเซชัน เป็นต้น",
"ศักย์ของกัลวานีได้รับการตั้งชื่อตามนายลุยจี กัลวานี",
"วัฒนชวินท์ กิตติเลิศรัฐ รับบท: แจ๊ค (พ.ศ. 2551 – พ.ศ. 2558) ลูกน้องอีกคนของพี่ป๋อ ชอบใช้กำลังมากกว่าใช้สมอง แรงหยั่งกับช้างสารบวกควายถึก พูดตามจ๊อดเกือบตลอด เพราะคิดเองไม่ค่อยเป็น สั่งให้ลุยก็ลุยโลด จนบางทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าให้ลุยใคร",
"ต่อมากัลวานีได้ย้ายจากการสอนศัลยศาสตร์มาเป็นกายวิภาคศาสตร์ และเริ่มสนใจในการศึกษากระแสไฟฟ้าในสิ่งมีชีวิต เขาทำการทดลองโดยแตะคีมไปที่ขากบที่วางอยู่บนจานโลหะ ผลที่ได้คือขากบนั้นกระตุก จากผลการทดลองนี้ กัลวานีจึงสรุปว่าในตัวกบมีกระแสไฟฟ้าอยู่ ทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นเมื่อใช้คีมแตะ เพราะคีมทำจากเหล็กซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้า เขาเรียกการหดตัวของกล้ามเนื้อเมื่อถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้าว่า แกลวานิซึม (galvanism) และเรียกพลังงานที่ทำให้ขากบกระตุกว่า \"ไฟฟ้าชีวภาพ\" (animal electricity)",
"เซลล์กัลวานี หรือ เซลล์วอลตา (English: Galvanic cell หรือ Voltaic cell) เป็นเซลล์ไฟฟ้าเคมีที่ตั้งชื่อตาม ลุยจิ กัลวานี หรือ อาเลสซานโดร โวลตาตามลำดับ เซลล์นี้จะให้พลังงานไฟฟ้าจากปฏิกิริยารีดอกซ์ที่เกิดขึ้นเองภายในเซลล์ โดยทั่วไปมันจะประกอบด้วยโลหะที่ต่างกันสองชนิดเชื่อมต่อกันด้วยสะพานเกลือ หรือสองครึ่งเซลล์ที่คั่นด้วยเยื่อที่มีรูพรุน",
"แม่เหล็กไฟฟ้าชีวภาพเป็นเรื่องที่ศึกษากันเป็นหลักโดยใช้เทคนิคของสรีรวิทยาไฟฟ้า (electrophysiology) ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 แพทย์และนักฟิสิกส์ชาวอิตาลีชื่อ ลุยจี กัลวานี (Luigi Galvani) ได้บันทึกเป็นครั้งแรกว่ากบสามารถผลิตไฟฟ้ากระแสได้ ในขณะที่เขากำลังทดลองเรื่องไฟฟ้าสถิต กัลวานีจึงตั้งชื่อให้ไฟฟ้านี้ว่า \"ไฟฟ้าจากสัตว์\" เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าว แต่คนในยุคนั้นก็เรียกกันว่า แกลแวนิซึม (Galvanism) กัลวานีพิจารณาว่าการกระตุ้นของกล้ามเนื้อเป็นผลมาจากของเหลวหรือวัสดุนำไฟฟ้าที่อยู่ในเส้นประสาท",
"ลุยจิ กัลวานี เกิดเมื่อ ค.ศ. 1737 เป็นบุตรของโดเมนีโกและบาร์บารา ฟอสกี เมื่อเติบโตเป็นวัยรุ่น กัลวานีมีความตั้งใจจะเป็นนักบวช แต่ทางบ้านไม่ยินยอม จึงเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโบโลญญาแทน โดยเลือกเรียนวิชาแพทย์ กัลวานีศึกษางานของฮิปพอคราทีส, กาเลน และแอวิเซนนา และนอกจากนี้เขายังเรียนวิชาศัลยศาสตร์อีกด้วย ในปี ค.ศ. 1762 เขาก็ได้รับตำแหน่งอาจารย์และแต่งงานกับบุตรสาวของศาสตราจารย์คนหนึ่งในมหาวิทยาลัย",
"Media related to ลุยจี กัลวานี at Wikimedia Commons",
"ในตอนแรกนั้นมาริโอได้ถูกออกแบบออกมาโดยใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์กราฟิกที่เรียกว่าสไปรต์แบบ 2 มิติ แต่เกมที่ออกมาภายหลัง เขาได้เปลี่ยนเป็นแบบ 3 มิติหลายเหลี่ยม เขาเป็นช่างประปาร่างท้วม อาศัยอยู่กับน้องชายที่สูงกว่าเขาชื่อ ลุยจิ (Luigi) ในดินแดนของอาณาจักรเห็ด[2][46][47] ในรายการโทรทัศน์บอกว่า มาริโอและลุยจิมาจากบรูคลิน น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับวัยเด็กของมาริโอ แม้ว่าจะมีมาริโอในรูปแบบทารกชื่อ เบบีมาริโอ ปรากฏครั้งแรกในปี ค.ศ. 1995 ในเกม ซูเปอร์มาริโอเวิลด์ 2: โยชิสไอส์แลนด์ และประกฏในเกมกีฬาของนินเทนโดหลายเกมตั้งแต่นั้นมา เบบีมาริโอมีบทบาทหลักคู่กับเบบีลุยจิในเกม มาริโอแอนด์ลุยจิ: พาร์ทเนอร์อินไทม์ และปรากฏในเกม โยชิสไอส์แลนด์ดีเอส เขา (และมาริโอผู้ใหญ่) ได้รับพากย์เสียงจาก ชาร์ลส มาร์ติเนต [48]",
"ลุยจิ คัสติโยเน (Luigi Castiglione) นักมวยสากลชาวอิตาลี เกิดเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2510 ที่เมืองซาน เซเวโร ประเทศอิตาลี สถิติการชก 26 ครั้ง ชนะ 22 (น็อค 5) แพ้ 4",
"วาลุยจิ(;) เป็นเพื่อนของวาริโอจากหมู่บ้านยักษ์ ซึ่งเห็นวาริโอหายตัวไปจึงออกตามหา จนเจอที่ปราสาท วาริโอจึงวางแผนให้ปลอมตัวเป็นลุยจิตัวปลอมเพื่อจะได้ร่วมมือกันแก้แค้น แต่ก็ด้วยความโง่ ดันไปใช้ตัว L กลับด้าน ก็เลยถูกจับได้ ปรากฎตัวครั้งแรกในเกม มาริโอปาร์ตี้ 3",
"วิสันต์เป็นนักมวยรูปร่างผอมสูง ผิวขาว บอบบาง แต่เป็นมวยในสไตล์ไฟเตอร์ ชอบเดินชกแบบลุยแลกแข้งแลกหมัดอย่างไม่เกรงใคร หลายต่อหลายครั้งที่หน้าแตกเลือดอาบใบหน้า ไม่ทำให้วิสันต์เกิดอาการท้อแท้ แต่ยิ่งกลับทำให้วิสันต์เดินลุยเข้าแลกหนักขึ้นไปอีก สื่อมวลชนจึงให้ฉายาว่า \"\"สุริยาบ้าเลือด\"\" ",
"ชาเปลสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่คาร์ดินัลชาวฝรั่งเศสขื่อแม็ทธิว ควงแทรล (Matthieu Cointrel) หรือ “คอนทราเรลลิ” ในภาษาอิตาลีผู้ที่ก่อนเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1585 ทิ้งเงินและคำสั่งให้ตกแต่งชาเปลแรกทางด้านซ้ายของบริเวณพิธีภายในวัดซานลุยจิเดอิฟรานเชซิที่ได้ซื้อไว้จากวัดก่อนที่จะเสียชีวิต คาร์ดินัลแม็ทธิวเป็นผู้มีฐานะร่ำรวยและเป็นผู้อุทิศเงินสร้างบางส่วนของด้านหน้าของวัดซานลุยจิเดอิฟรานเชซิและส่วนหนึ่งให้ตกแต่งแท่นบูชาเอก และได้สั่งไว้ว่าให้ตกแต่งชาเปลที่ว่าให้เป็นเรื่องราวของนักบุญแม็ทธิวผู้เป็นนักบุญชื่อตัวของคาร์ดินัล",
"วันหนึ่งในอณาจักรเห็ด มาริโอ,ลุยจิ,โท้ด และเจ้าหญิงพีช กำลังชมดอกไม้ไฟบนปราสาทของเจ้าหญิงพีช ในระหว่างที่ที่กำลังชมดอกไม้ไฟอยู่นั้น พวกเขาพบ ท่อระบายน้ำใส ที่อยู่ในสภาพชำรุด มาริโอ้และลุยจิจึงซ่อมให้ หลังซ่อมเสร็จ ก็มีไอเทมผุดขึ้นมามากมาย พร้อมกับ \"เจ้าหญิงสไปสซี่\" จากอณาจักรสไปส์ เธอเล่าว่าพวกของเธอ ถูก เบาวเซอร์ ลักพาตัวไป หลังจากบอกได้ไม่ทันไร เบาวเซอร์ก็โผล่มาพร้อมชิงตัวเธอไป เพื่อช่วยเจ้าหญิงสไปซี่ มาริโอ,ลุยจิ,โท้ด และเจ้าหญิงพีช ต้องมุดท่อออกไปยังอณาจักรสไปส์เพื่อช่วยเหล่าเจ้าหญิง 7 สีที่ถูกเบาวเซอร์ลักพาตัวไปมาริโอ้ที่แปลงร่างเป็นชุดแมว ได้จากไอเท็มกระดิ่งยักษ์ สามารถปีนป่ายได้ กับกระโดดหมุนตัวเตะได้มาริโอ้แฝด ได้จากเชอร์รี่คู่ สามารถแยกร่างได้ แต่ขนาดตัวจะเล็กลงมาริโอ้แมวกวัก เรียกเหลียญทองออกมาได้",
"ลุยจิ (, ) หรือ หลุยส์ เป็นตัวละครจากเกมมาริโอ ลุยจิเป็นน้องชายของมาริโอและในเนื้อเรื่อง ทั้งคู่ต่างร่วมมือกันเพื่อช่วยเจ้าหญิงพีชให้รอดพ้นจากการลักพาตัวของบาวเซอร์ ",
"ต่อมาสาขาของตระกูลมานตัวกอนซากาก็ไปเป็นดยุกแห่งเนอแวรส์ (Nevers) และดยุกแห่งเรอเธิล (Rethel) ในฝรั่งเศส เมื่อลุยจิแห่งกอนซากา ลูกชายคนรองของดยุกเฟเดริโคที่ 2 แ\nละมาร์เกอริตา พาเลโอโลกาแต่งงานกับทายาท ต่อมากอนซากา-เนอแวรส์ก็กลับมาปกครองมานตัวเมื่อชาร์ลลูกของลุยจิได้รับมานตัวและมอนต์เฟอร์รัตที่เป็นต้นเหตุของสงครามสืบการครองมานตัว",
"ลุยจิ เป็นน้องชายของมาริโอ เขาเป็นเพื่อนร่วมทางในการเดินทางของมาริโอหลายครั้ง และเป็นตัวละครที่ผู้เล่นสามารถเล่นได้ในโหมดมัลติเพลย์เยอร์แทบทุกเกม พฤติกรรมของลุยจิบางครั้งก็เหมือน \"แมวขี้ตกใจ\" ที่เดินทางเพื่อช่วยมาริโอแต่ต้องกลายเป็นการช่วยตัวเองแทน ถึงแม้ว่าเขาจะต้องช่วยมาริโอบางครั้งบางคราวอย่างที่แสดงให้เห็นใน \"ลุยจิ แมนชั่น\" และในบางครั้ง ลุยจิจะกลายเป็นตัวละครลับที่ผู้เล่นต้องปลดล็อคมาใช้ อย่าง \"มาริโอ้ กาแล็คซี่\" หรือ \"มาริโอ้ทรีดีแลนด์\"",
"งานของเบนจามิน แฟรงกลินนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบที่สำคัญทางไฟฟ้าในยุคถัดมา ทั้ง ลุยจี กัลวานี, อาเลสซันโดร วอลตา, อ็องเดร-มารี อ็องแปร์, จอร์จ ไซมอน โอห์ม และ ไมเคิล ฟาราเดย์",
"หมวดหมู่:นักฟิสิกส์ชาวอิตาลี",
"ลักษณะพิเศษของลุยจิ คือ มีขากรรไกรเป็นวงรี มีความสูง 170 ซม. หนัก 68 กม. นอกจากนี้ ชื่อของลุยจิคล้ายกับตัวละครที่ชื่อว่า วาลุยจิ ซึ่งอยู่ในชุดเกมเดียวกัน"
] |
นักสังคมวิทยาทำหน้าที่อะไร? | [
"สังคมวิทยา (อังกฤษ: sociology) คือ วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับชีวิตทางสังคมของมนุษย์, กลุ่มคน, และสังคม สิ่งที่สาขาวิชานี้สนใจคือ กฎเกณฑ์ และกระบวนการทางสังคม ที่ยึดเหนี่ยวหรือแบ่งแยกผู้คน ทั้งในสภาวะที่เป็นปัจเจก และในฐานะของสมาชิกของสมาคม, กลุ่ม, หรือสถาบัน[1][2][3][4]"
] | [
"ในช่วงสามทศวรรษแรกของการดำเนินงาน สถาบันไทยคดีศึกษาได้ผลิตงานวิจัยมากกว่า 200 ชิ้น มีทั้งงานวิจัยของนักวิจัยประจำสถาบันและงานวิจัยของคณาจารย์สาขาต่างๆ ซึ่งสถาบันทำหน้าที่บริหารโครงการวิจัยและส่วนใหญ่เป็นเรื่องของไทย นอกจากนี้สถาบันยังได้ผลิตตำราที่มีคุณภาพออกสู่วงวิชาการอีกเป็นจำนวนมาก สำหรับงานวิจัยของสถาบันนั้น นับตั้งแต่ พ.ศ. 2520 เป็นต้นมาได้มีการขยายขอบเขตงานวิจัยจากงานด้านมนุษยศาสตร์ ออกไปสู่งานวิจัยทางสังคมศาสตร์ สังคมวิทยา และมานุษยวิทยา",
"พรรคสังคมนิยมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลัก และไม่เคยดำรงอยู่ตั้งแต่พ.ศ. 2418 แต่ไม่เคยเป็นตัวแทนในรัฐสภา ไม่ได้เป็นเพียงเพราะไม่ได้รับความนิยม แต่เป็นเพราะพรรคสาธารณรัฐนิยมเป็นตัวแสดงหลักที่ไม่พอใจอย่างรุนแรงในระบบการเมือง พระมหากษัตริย์ทรงดำเนินการบางอย่างโดยมิทรงได้ละเมิดข้อจำกัดในรัฐธรรมนูญ แต่ทรงสร้างแรงจูงใจแก่พรรคสังคมนิยมให้ถอนหรือลดการสนับสนุนต่อพรรคสาธารณรัฐนิยม ในปีพ.ศ. 2452 พระเจ้ามานูเอลทรงเชิญ ลียง ปัวซงด์ นักสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศสให้เดินทางมาที่ประเทศ เพื่อทำการตรวจสอบสภาพแวดล้มทางสังคมและถวายรายงานให้พระองค์ทรงทราบ ในเอกสารของเขา ลียงได้ออกมาปกป้องหนทางเดียวที่จะต่อสู้กับระบอบอุปถัมภ์ (clientelism) ที่ถูกสร้างขึ้นโดยระบบของรัฐบาลหมุนเวียนที่จะปรับโครงสร้างองค์การของการทำงานและหน้าที่ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ด้วยความกระตือรือร้น พระมหากษัตริย์ทรงเขียนถึง เวนเซสเลาส์ เดอ เซาซา เปเรย์รา เดอ ลิมา ประธานคณะรัฐมนตรี (นายกรัฐมนตรี)ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2452 เพื่อทรงให้เขาตระหนักถึงการปฏิรูปพรรคสังคมนิยม (ภายใต้การนำของ อัลฟรีโด อควิเลซ มอนเตเวอร์ดี)และทรงเตือนให้เขานึกถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันกับฝ่ายสังคมนิยม มีความตอนหนึ่งว่า\nอีกทั้งสมเด็จพระพันปีหลวงอเมลีทรงตรัสถึงการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของฝ่ายสาธารณรัฐนิยมและมุมมองต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในช่วงนั้นว่า",
"แต่ในการเปิดสอนวิชาการพัฒนาชุมชนเมืองของภาควิชาสังคมวิทยา ครั้งนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะแนวทางของสังคมวิทยาเท่านั้น แต่มีลักษณะเป็นสหวิทยาการ หรือที่เรียกว่า Interdisciplinary คือมีการนำเอาหลักวิชาการสาขาที่เกี่ยวข้องเช่น มานุษยวิทยา สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ รัฐศาสตร์ ประชากรศาสตร์ จิตวิทยาสังคม ภูมิศาสตร์ และวิชาเกี่ยวข้องกับการวางผังเมือง เป็นต้น เข้ามาประกอบด้วย เพื่อที่จะผลิตบัณฑิตที่เมื่อจบแล้วสามารถจะนำความรู้ที่ได้รับประสิทธิ์ประสาทไปจากสถาบัน ไปปรับใช้ให้เข้ากับสภาพความเป็นจริงของสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทางภาควิชาคาดว่า ผู้ที่สำเร็จการศึกษาในสาขาวิชานี้แล้วจะสามารถ นำไปใช้ในหลายอาชีพและในหลายหน่วยงาน เพราะวิชาเอกนี้เน้นทักษะการประสานงานและการทำงานแบบแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ ในลักษณะเบ็ดเสร็จโดยพยายามมิให้เป็นการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง แต่ทำให้เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมา ซึ่งในปัจจุบันนี้มีปัญหาต่างๆ ที่ยังแก้ไม่สำเร็จหรือที่ยังรอการแก้ไขอยู่มากมาย",
" มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้เปิดสอนวิชาด้านสังคมศาสตร์ตั้งแต่พ.ศ. 2486 เป็นต้นมาพร้อมๆ \nกับการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รายวิชาที่เปิดสอนในระยะแรกได้แก่ \nวิชากฎหมาย เปิดสอนในคณะสหกรณ์ ส่วนรายวิชาด้านสังคมศาสตร์นั้นเปิดสอนเฉพาะบางรายวิชาเช่น \nวิชาสังคมวิทยาเบื้องต้น สังคมวิทยาชนบท แต่ยังไม่มีภาควิชาสังกัด\nภายในคณะแต่อย่างใด จนกระทั่งวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 จึงได้มีการจัดตั้งภาควิชาขึ้นจำนวน 5 ภาควิชา คือ ภาควิชาจิตวิทยา \nภาควิชาปรัชญาและศาสนา ภาควิชาภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ และภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา\nภาควิชาประวัติศาสตร์ ทำหน้าที่ในการผลิตศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาประวัติศาสตร์ จนกระทั่งในพ.ศ. 2544 ภาควิชาประวัติศาสตร์จึงเปิดสอนหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต\nสาขาวิชาประวัติศาสตร์ร่วมด้วย ภาควิชาได้ผลิตบัณฑิตออกสู่สังคมไทยรับใช้สังคมในมิติต่าง ๆ ทั้งศึกษาต่อ รับราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชนและต่างประเทศ รวมถึงการผลิตนักประวัตศาสตร์ที่มีคุณภาพ มีความรู้รับใช้สังคมและประเทศชาติ",
"คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ () เป็นคณะวิชาด้านสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาคณะแรกในประเทศไทย",
"การผลิตบัณฑิตในระดับปริญญาตรี ทางมานุษยวิทยาในประเทศไทยมีมากว่า 30 ปี แต่ส่วนใหญ่จะผลิตร่วมกันกับสาขาสังคมวิทยา โดยได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มีเพียงมหาวิทยาลัยศิลปากรเท่านั้น ที่ผลิตบัณฑิตทางมานุษยวิทยาโดยตรง นอกจากนั้น มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็เป็นเพียงสองมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ที่ชื่อปริญญาเป็น สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาบัณฑิต และวิทยาศาสตรบัณฑิต (สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา)ตามลำดับ อาจกล่าวได้ว่า สาขามานุษยวิทยา ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าใดนัก หากเปรียบกับสาขาย่อยต่าง ๆ ในทางสังคมศาสตร์ มีเพียงมหาวิทยาลัยพายัพ จังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนเพียงแห่งเดียว ที่จัดการเรียนการสอนทางด้านมานุษยวิทยา",
"มานุษยวิทยาสังคมแตกต่างจากวิชาสาขาอื่นเช่น เศรษฐศาสตร์หรือรัฐศาสตร์โดยช่วงที่กว้างของเนื้อหารวมๆ และความเอาใจใส่ที่มันมีต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรมและสังคมทั่วโลกและและความจุของมันซึ่งทำให้สาขาวิชาต้องย้อนไปศึกษาสมมุติฐาน \"ยูโรป-อเมริกัน\" มานุษยวิทยาสังคมแตกต่างจากสังคมวิทยาทั้งในกรรมวิธีโดยรวมที่สาขานี้มีให้กับความเหมาะสมกับเรื่องราวตลอดจนการให้ความสว่างที่ได้จากการศึกษาระดับละเอียดเฉพาะและการขยายเลยไปจากความเข้มงวดของปรากฏการณ์สังคมและวัฒนธรรม ศิลปะ ความเป็นปัจเจกบุคคลและปริชานในขณะที่นักมานุษวิทยาสังคมบางคนใช้กรรมวิธีเชิงปริมาณ (โดยเฉพาะผู้ทำงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเศรษฐกิจท้องถิ่น ประชากรศาสตร์ หรือสุขภาพและความเจ็บป่วย ) นักมานุษยวิทยาสังคมโดยทั่วไปมักเน้นการวิเคราะห์เชิงคุณภาพที่มีระยะเวลาภาคสนามที่ยาวนานมากกว่าที่จะใช้กรรมวิธีเชิงปริมาณที่มักใช้ทั่วไปโดยนักเศรษฐศาสตร์และนักสังคมวิทยา",
"นักทฤษฎีทางสังคมวิทยาในยุคบุกเบิกตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้แก่ คาร์ล มาร์กซ, เฟอร์ดินานด์ โทเอนนีส์ (Ferdinand Toennies), อีมิล เดอร์ไคหม์, วิลเฟรดโด ปาเรโต (Vilfredo Pareto) และ มักซ์ เวเบอร์. ในลักษณะเช่นเดียวกับคองต์ นักคิดเหล่านี้ไม่มีใครเรียกตนเองว่าเป็น 'นักสังคมวิทยา' แท้ๆ งานของพวกเขาศึกษาตั้งแต่เรื่อง ศาสนา การศึกษา เศรษฐศาสตร์ จิตวิทยา ศีลธรรม ปรัชญา และ เทววิทยา. อย่างไรก็ตาม ยกเว้นเพียงมาร์กซ์เท่านั้น ผลงานของพวกเขาที่มีผลมาจนถึงทุกวันนี้ก็เป็นทางด้านสังคมวิทยา และทฤษฎีของพวกเขาหลายๆ อันก็ยังสามารถใช้อธิบายปรากฏการณ์ปัจจุบันได้",
"ปัจจุบัน ธีรยุทธเป็นอาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คิดว่าตัวเองเป็นนักคิดมากกว่านักเขียน จึงเน้นการทำงานด้านวิชาการ โดยพยายามเขียนหนังสือ ตำรา และบทความทางวิชาการ พร้อมโจมตีการทำงานของรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ",
"การจัดการเรียนการสอนภาควิชาสังคมวิทยา มีหลักสูตรที่รับผิดชอบ คือชื่อปริญญา : ศิลปศาสตรบัณฑิต (สังคมวิทยาเพื่อการพัฒนา) พ.ศ. 2560 เกิดจากการปรับปรุงหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาชุมชนเมือง ซึ่งมีลักษณะเด่นคือเป็นสังคมวิทยาประยุกต์เชิงสหวิทยาการ โดยนำหลักการของสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เช่น เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ จิตวิทยาสังคม สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ เป็นต้น มาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอนและเน้นให้นิสิตลงพื้นที่ชุมชนเพื่อฝึกปฏิบัติทำกิจกรรมเพื่อการพัฒนาชุมชน อย่างไรก็ตามการพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรในปี พ.ศ. 2560 ได้คำนึงถึงความสำคัญของสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาในฐานะที่เป็นศาสตร์สำคัญในการเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และศึกษาสังคมในทุกมิติ จึงปรับเพิ่มวิชาเอกการวิจัยสังคมวิทยาเพื่อการพัฒนา ที่มุ่งผลิตบัณฑิตให้เป็นนักวิจัยทางสังคมที่มีประสิทธิภาพ โดยอาศัยระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมวิทยาและมานุษยวิทยามาวิเคราะห์บริบททางสังคม ปัจจัยที่ก่อให้เกิดประเด็นต่างในสังคม และการนำเสนอยุทธวิธีในการแก้ไขและพัฒนาสังคมได้ ในขณะที่วิชาเอกการพัฒนาชุมชนเมือง มุ่งผลิตบัณฑิตที่สามารถสร้างสรรค์กิจกรรมหรือโครงการพัฒนาสังคมเมืองให้คนในชุมชนสามารถดำรงชีพได้ด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน",
"เรแกนเกิดในเมือง ตัมปีโก, รัฐอิลลินอยส์ เติบโตมาในดิกซัน แรแกนได้ศึกษาเข้าที่มหาวิทยาลัย Eureka โดยได้หารายได้จากศิลปศาสตรบัณฑิต ปริญญาในสาขาเศรษฐศาสตร์และสังคมวิทยา หลังจากสำเร็จการศึกษา เรแกนได้ย้ายไปยัง รัฐไอโอวา โดยทำหน้าที่เป็นผู้กระจายเสียงทางวิทยุ หลังจากในปี พ.ศ. 2480 เรแกนได้ไปยังเมือง ลอสแอนเจลิส เมื่อเรแกนเริ่มทำงานโดยการเป็นนักแสดง โดยเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์และครั้งสุดท้ายในวิทยุ\nหนึ่งในภาพยนตร์ที่โดดเด่นที่สุดของเขามีดังนี้ Knute Rockne, All American (2483), Kings Row (2485), and Bedtime for Bonzo (2494) เรแกนทำหน้าที่เป็นประธานของสมาคมนักแสดงหน้าจอและต่อมาเป็นโฆษกสำหรับ General Electric (GE) จุดเริ่มต้นของแรแกนในทางการเมืองที่เกิดขึ้นในระหว่างการทำงานของเขาสำหรับจีอี แต่เดิมเขาเป็นสมาชิกของพรรคเดโมแครต (สหรัฐอเมริกา) แต่เนื่องจากฝ่ายขยับแพลตฟอร์มในระหว่างปี พ.ศ. 2493 \nเปลี่ยนไปอยู่ในพรรคริพับลิกัน (สหรัฐอเมริกา) ใน พ.ศ. 2505\nหลังจากการส่งมอบคำพูดที่เร้าใจในการสนับสนุนของผู้สมัครประธานาธิบดี แบรี่ โกรวอทเธอร์ ในปี พ.ศ. 2507 , เขาถูกชักชวนให้ไปหาผู้ว่าจ้างแคลิฟอเนีย , เขาชนะสองปีและอีกครั้งในปี พ.ศ. 2513\nเขาก็พ่ายแพ้ในระยะของเขาสำหรับพรรคริพับลิกันเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี พ.ศ. 2511 และในปี พ.ศ. 2519",
"คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาก่อตั้งใน ปี พ.ศ. 2508 โดย ศ.ดร.พล.ต.บัญชา มินทรขินทร์ คณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ตามประกาศในพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 2 เมษายน 2508 ให้เพิ่มแผนกวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ขึ้นในคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ และเรียกปริญญาบัตรในสาขานี้ว่า \"สังคมวิทยาและมานุษยวิทยาบัณฑิต\" ชื่อภาษาอังกฤษว่า \"B.A. (Sociology and Anthropology)\"",
"เอมีล ดูร์กายม์ เป็นชาวฝรั่งเศส เกิดเมื่อ ค.ศ. 1858 ณ เมืองเอปีนาล (Épinal) หลังจากสำเร็จการศึกษาที่เอปีนาลและปารีส ได้เป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง (un lycée) ในสาขาวิชาปรัชญา แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาได้หันมาสนใจในด้านของสังคมวิทยาอย่างจริงจัง และได้ไปศึกษาเพิ่มเติมที่เยอรมนี ในด้านที่เกี่ยวกับสังคมวิทยา และเริมตั้งแต่ค.ศ. 1887 เขาได้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยบอร์โด ซึ่งสอนในด้านสังคมศาสตร์และศึกษาศาสตร์ หลังจากนั้น ตั้งแต่ ค.ศ. 1902 เขาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยซอร์บอน กรุงปารีส ในสาขาศึกษาศาสตร์และสาขาสังคมวิทยา ดูร์กายม์ก่อตั้งวารสารแห่งชาติ ทางด้านสังคมวิทยาที่มีชือว่า L'Année sociologie และได้รับการยกย่องเป็นบุคคลสำคัญมากคนหนึ่ง ทางด้านสังคมวิทยา",
"สุดแดน วิสุทธิลักษณ์ อาจารย์ประจำคณะเขียนถึงแก้วหลากสีและสัญลักษณ์ดังกล่าวไว้ว่า \"\"ความสำคัญของวัตถุชิ้นนี้ที่ปรากฏให้เห็นเด่นชัดก็คือ “สำนึกในความเป็นมนุษย์” เป็นสิ่งสากล ข้ามพื้นที่และเวลา ไม่ว่าจะเป็น “ตัวเรา” “ตัวเขา” หรือ “ผู้อื่น” จะเป็นภาพตัวแทนของคนที่อาศัยอยู่ใน “ชนบท” “ชายแดน” หรือ “เมืองใหญ่” เราต่างล้วนเป็น “มนุษย์” ที่ไม่มีเรื่องให้ต้องแปลกประหลาดใจ เช่นเดียวกับภาระหน้าที่ของนักสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาก็คือ การเรียนรู้และทำความเข้าใจมนุษย์ ซึ่งอาจไม่ใช่จำเพาะเพื่อตัวมนุษย์เอง หากต้องขยายวงกว้างออกไปสู่สิ่งของและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รอบตัวเราด้วยเช่นกัน\"\"",
"มักซ์ เวเบอร์ ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในบิดาของสังคมวิทยา เคียงคู่ไปกับ คาร์ล มาร์กซ, อีมิล เดอร์ไคหม์, และ วิลเฟรโด ปาเรโต (Vilfredo Pareto) อย่างไรก็ตามในขณะที่ ปาเรโตและเดอร์ไคหม์ใช้แนวทางปฏิฐานนิยมตามคองต์ (Auguste Comte) เวเบอร์ได้ใช้วิธีการศึกษาสังคมวิทยาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป ในรูปแบบที่อยู่ในแนวต่อต้านปฏิฐานนิยม (antipositivism) , แนวจิตนิยม (idealism) และแนวการตีความความหมาย (อรรถปริวรรตศาสตร์ หรือ hermeneutics) ซึ่งทิศทางนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับของเวอร์เนอร์ ซอมบาร์ท (Werner Sombart) ผู้เป็นเพื่อนของเขาและเป็นผู้ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเมื่อกล่าวถึงสังคมวิทยาแนวเยอรมัน งานในสมัยแรกของเวเบอร์เกี่ยวข้องกับสังคมวิทยาของสังคมอุตสาหกรรมแต่เขามีชื่อเสียงในงานถัด ๆ ไป ที่เกี่ยวกับสังคมวิทยาศาสนาและสังคมวิทยาการปกครอง",
"สาขาวิชาการพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยบูรพา มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า \"หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชา การพัฒนาชุมชน\" เป็นหลักสูตรสาขาวิชาเอก สาขาแรกของภาควิชาสังคมวิทยา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา บางแสน จังหวัดชลบุรี เปิดทำการเรียนการสอนครั้งแรกในปีการศึกษา 2536 ในแต่ละปีการศึกษามีนิสิตประมาณ 250 คน และในทุกปีการศึกษาจะมีนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ที่สนใจทางด้านการพัฒนาชุมชน สมัครสอบเข้าศึกษาในหลักสูตรดังกล่าวเป็นนิสิตปีละกว่า 60 คน ซึ่งเมื่อนิสิตเข้าศึกษาตามระบบแล้วสามารถเลือกเรียน สาขาวิชาโทต่างๆได้ อาทิเช่น สังคมวิทยา, สังคมวิทยาการท่องเที่ยว, รัฐศาสตร์, จิตวิทยา, ภาษาอังกฤษ, ภาษาเกาหลี, เทคโนโลยีการศึกษา เป็นต้น ปัจจุบันมีนิสิตที่สำเร็จการศึกษาจากสาขาวิชาเอกการพัฒนา ของมหาวิทยาลัยบูรพา แล้ว 15 รุ่น กว่า 600 คน",
"คาร์ล เอมิล มักซิมิเลียน \"มักซ์\" เวเบอร์ (German: Karl Emil Maximilian \"Max\" Weber) (21 เมษายน ค.ศ. 1864 – 14 มิถุนายน ค.ศ. 1920) เป็นนักเศรษฐศาสตร์การเมืองและนักสังคมวิทยาชาวเยอรมัน ถือกันว่าเวเบอร์เป็นผู้ก่อตั้งวิชาสังคมวิทยาสมัยใหม่และรัฐประศาสนศาสตร์ งานชิ้นหลัก ๆ ของเขาเกี่ยวข้องกับสังคมวิทยาศาสนาและสังคมวิทยาการปกครอง นอกจากนี้เขายังมีงานเขียนอีกหลายชิ้นในสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ งานที่ผู้คนจดจำได้มากที่สุดของเวเบอร์คือ ความเรียงเรื่อง จริยธรรมโปรเตสแตนต์และจิตวิญญาณแห่งทุนนิยม ซึ่งเป็นงานชิ้นแรกของเขาในสาขาสังคมวิทยาศาสนา ในงานชิ้นดังกล่าว เวเบอร์เสนอว่าศาสนาเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ ที่นำไปสู่เส้นทางการพัฒนาทางวัฒนธรรมที่ต่างกันระหว่างโลกประจิม (the Occident) กับโลกบูรพา (the Orient) ในงานที่มีชื่อเสียงอีกชิ้นหนึ่งของเขาที่ชื่อการเมืองในฐานะวิชาชีพ (Politik als Beruf) เวเบอร์นิยามรัฐว่ารัฐคือหน่วยองค์ (entity) ซึ่งผูกขาดการใช้กำลังทางกายภาพที่ถูกกฎหมาย ซึ่งนิยามนี้ได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางในการศึกษาวิชารัฐศาสตร์ตะวันตกสมัยใหม่ในเวลาต่อมา",
"ดรักเกอร์ได้สอนคณะผู้บริหารว่าเป็น \"ศิลปะแห่งเสรีนิยม\" และเขาได้ทำให้รู้สึกว่าข้อมูลการจัดการของเขาเกิดจากการบูรณาการบทเรียนจากประวัติศาสตร์, สังคมวิทยา, จิตวิทยา, ปรัชญา, ศาสนาและวัฒนธรรม เข้าไว้ด้วยกัน เขายังเชื่ออีกด้วยว่าความแข็งแกร่งนั้นมาจากทุกส่วนของสถาบัน อันประกอบด้วย ภาคเอกชน, มีความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งหมด \"ความจริงคือ,\" ดรักเกอร์ได้เขียนไว้ในปี ค.ศ. 1973 \"การจัดการ: ถือเป็นศาสตร์ที่ต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก, มีความรับผิดชอบ, และต้องฝึกฝน\", \"ซึ่งในสังคมสมัยใหม่นั้นจะไม่มีกลุ่มผู้นำอื่นเว้นแต่ผู้จัดการ ถ้าผู้จัดการสถาบันหลักและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในธุรกิจ ไม่สามารถทำหน้าที่โดยรวมให้ดีได้ ก็จะไม่มีใครสามารถที่จะทำให้ดีได้อีกเลย\"",
"ต่อมาปี พ.ศ. 2520 แผนกวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาได้ปรับสถานะเป็นแผนกวิชาอิสระ มีสถานะเทียบเท่าคณะในวันที่ 17 มกราคม 2520 ต่อมาได้ปรับสถานะเป็น คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2527 สำหรับการพัฒนาทางวิชาการ คณะได้เปิดสอนระดับปริญญาโทสาขาสังคมวิทยา โดยใช้ชื่อปริญญาบัตรว่า \"สังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต (สังคมวิทยา)\" ชื่อภาษาอังกฤษว่า \"Master of Arts (Sociology)\" ต่อมาได้เปิดหลักสูตร ปริญญาโทสาขามานุษยวิทยา โดยใช้ชื่อปริญญาบัตรว่า\"สังคมวิทยาและมานุษยวิทยามหาบัณฑิต (มานุษยวิทยา)\" ชื่อภาษาอังกฤษ \"Master of Arts (Anthropology)\" ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคมการวิจัยภาคสนาม",
"ระยะแรก การศึกษาของคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 แผนกวิชาคือ แผนกสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ และแผนกวารสารศาสตร์ ต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกาจัด ตั้งคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2508 เพิ่มแผนกสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ขึ้นมาอีกแผนกหนึ่ง เมื่อระยะเวลาผ่านไป การศึกษาแต่ละแผนกวิชา ได้เจริญก้าวหน้าขึ้นโดยลำดับ แผนกวารสารศาสตร์ จึงได้แยกไปตั้งเป็นแผนกอิสระวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เมื่อ พ.ศ. 2513 และยกฐานะเป็นคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เมื่อ พ.ศ. 2522 ส่วนแผนกสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ได้แยกไปตั้งเป็นแผนกอิสระสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เมื่อ พ.ศ. 2520 และยกฐานะเป็นคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เมื่อ พ.ศ. 2527 แม้ว่าแผนกวารสารศาสตร์ และแผนกสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จะแยกไปตั้งเป็นแผนกอิสระและยกฐานะเป็นคณะแล้วก็ตาม คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ ก็ยังพัฒนางานทางด้านบริการการศึกษา บริการทางวิชาการและบริการสังคมด้วยดีมาเป็นลำดับ และใน พ.ศ. 2537 ได้มีประกาศทบวงมหาวิทยาลัย เรื่อง การแบ่งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ฉบับที่ 5) ให้แบ่งส่วนราชการในคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ออกเป็น 3 ส่วน คือ สำนักงานเลขานุการ ภาควิชาการพัฒนาชุมชน และภาควิชาสังคมสงเคราะห์ศาสตร์.",
"ทั้งนี้ เนื่องจากทั้งสองวิชาเอก เป็นการนำแนวคิดและทฤษฎีและระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมวิทยามาเป็นพื้นฐานในการบูรณาการความรู้สู่การปฏิบัติ การปรับปรุงหลักสูตรในครั้งนี้จึงปรับชื่อสาขาวิชาจากการพัฒนาชุมชนเมือง เป็นสังคมวิทยาเพื่อการพัฒนา โดยแบ่งออกเป็น 2 วิชาเอก ได้แก่\nซึ่งมุ่งผลิตบัณฑิตที่มีความเชี่ยวชาญในการนำแนวคิดทางสังคมวิทยาไปประยุกต์ใช้เพื่อเป็นนักวิจัยทางสังคมและเป็นนักพัฒนาชุมชนที่มีความชำนาญในการพัฒนาสังคมเมืองตามลำดับ",
"จากทฤษฎีของอัลมอนด์กล่าวได้ว่าสังคมการเมืองที่มีความพัฒนานั้นสมาชิกในสังคมการเมืองย่อมต้องเข้ามามีส่วนร่วมในทางการเมือง ในอีกภาษาหนึ่งคือสมาชิกในสังคมการเมืองมีหน้าที่ในการกระทำในทางการเมือง (political action) ในสังคมการเมือง ซึ่งทฤษฎีนี้อัลมอนด์หยิบยืมมาจาก วิธีวิเคราะห์มาจากวิธีวิเคราะห์โครงสร้างและหน้าที่ (structural - functional approach) ซึ่งเป็นทฤษฎีในทางสังคมวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทฤษฎีการกระทำของทัลคอทท์ พาร์สัน (Talcott Parson)",
"ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นหนึ่งในภาควิชาในสังกัด คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเปิดสอนในหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโทด้านสาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ตลอดจนการเรียนการสอนและการวิจัยด้านสาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์",
"คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2514 โดยเป็นหนึ่งในสี่คณะที่กำเนิดขึ้นพร้อมกับการจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อแรกเริ่มมีทำหน้าที่สอนวิชาพื้นฐานด้านมนุษยศาสตร์และวิทยาศาสตร์ให้แก่คณะอื่น ๆ ต่อมาได้มีการพัฒนาเรื่อยๆมาจนเปิดหลักสูตร ทางด้านสายสังคมศาสตร์, วิทยาศาสตร์ และครอบคลุมไปยังด้านสาขามานุษยวิทยา, สังคมวิทยา รวมไปถึงภาษาต่างประเทศ ในปัจจุบันคณะมนุษยศาสตร์เปิดสอนหลักสูตรทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก",
"\"คำสั่งดังกล่าวได้แต่งตั้งให้ดิฉันทำหน้าที่กรรมการผู้ทรงวุฒิในส่วนที่เกี่ยวกับวิชาการด้านชาติพันธุ์ อันเป็นหัวข้อศึกษาในวิชามานุษยวิทยาและสังคมวิทยา ซึ่งดิฉันเองไม่เคยเรียนหรือทำวิจัยในสาขาวิชาดังกล่าว ดิฉันจึงไม่มีคุณสมบัติเป็นกรรมการผู้ทรงวุฒิที่อาจรับผิดชอบงานวิชาการด้านชาติพันธุ์...ดิฉันเป็นผู้สอนในวิชากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลมากว่าสามสิบปี และการศึกษากฎหมายสัญชาติไทยเป็นหัวข้อที่สำคัญในสาขาวิชานี้ จริยธรรมของผู้สอนกฎหมายก็คือ การเคารพเจตนารมณ์ของกฎหมาย หากผู้สอนกฎหมายเองเป็นบุคคลหนึ่งที่ไม่เคารพเจตนารมณ์ของกฎหมาย ลูกศิษย์ของผู้สอนก็คงไม่มีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิของกฎหมายเช่นกัน จึงเป็นจริยธรรมของผู้สอนวิชาชีพกฎหมายที่จะต้องปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และผลักดันให้มีการบังคับใช้กฎหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่มนุษย์ในสังคม\"",
"ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาแต่เดิมเป็นกลุ่มวิชาหนึ่งที่เปิดสอนในภาควิชาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อมีการก่อตั้งคณะสังคมศาสตร์ในปี พ.ศ. 2517 จึงได้ถูกจัดตั้งเป็นภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา และเปิดสอนในระดับปริญญาตรีหลักสูตรแรกคือหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ในปี พ.ศ. 2518 และต่อมาจึงได้เปิดสอนในระดับปริญญาโทคือหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาประยุกต์ในปี พ.ศ. 2536 นอกจากนี้ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยายังมีการจัดทำโครงการหลักสูตรสองปริญญาคู่ขนานกับหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาวนศาสตร์ชุมชน และหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ใช้เวลาการศึกษา 5 ปี ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างคณะสังคมศาสตร์และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์",
"ภาควิชาสังคมวิทยา ในยุคแรกที่เริ่มก่อตั้งมีหน้าที่ในการสอนวิชาที่เรียกกันว่าวิชาพื้นฐานการศึกษาทั่วไป และวิชาเลือกที่เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรศึกษาศาสตร์ในสมัยนั้น ต่อมาเมื่อวิทยาลัยวิชาการศึกษาได้รับการสถาปนาขึ้นมาเป็นมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒในปี พ.ศ. 2517 ภาควิชาสังคมวิทยามีภารกิจเพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่ง คือเปิดวิชาโทสังคมวิทยาซึ่งดำเนินการเรียนการสอนเรื่อยมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ต่อมาภาควิชามีหลักสูตรการพัฒนาชุมชน แต่มิได้เปิดดำเนินการสอนในวิทยาเขตประสานมิตรซึ่งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นหลักสูตรที่เน้นการศึกษาชนบท ในปี พ.ศ. 2540 ได้ดำเนินการเปิดสอนหลักสูตรการพัฒนาชุมชนเมือง เพิ่มเติมขึ้นมา และปี พ.ศ. 2560 ได้ปรับปรุงหลักสูตรการพัฒนาชุมชนเมือง เป็นหลักสูตรสังคมวิทยาเพื่อการพัฒนา ",
"ผู้เขียนในหัวข้อการศึกษาและธุรกิจใช้หนังสือนี้เป็นบทเรียนวัตถุ (object lesson) การเขียนเกี่ยวกับการสอนทางคลินิกในโรงเรียนแพทย์ เจนนิเฟอร์ คอนน์เปรียบเทียบความชำนาญเทคนิคของสเนปกับพฤติกรรมข่มขู่ของเขาต่อนักเรียน กับอีกด้านหนึ่ง มาดามฮู้ช โค้ชควิดดิช ที่แสดงเทคนิคมีประโยชน์ในการสอนทักษะกายภาพ ซึ่งรวมการแบ่งการกระทำซับซ้อนออกเป็นลำดับการกระทำง่าย ๆ และช่วยนักเรียนให้เลี่ยงข้อผิดพลาดพบบ่อย[84] จอยซ์ ฟีลดส์ เขียนว่า หนังสือแสดงหัวข้อหลักสี่ในห้าหัวข้อในชั้นเรียนสังคมวิทยาปีหนึ่งตรงแบบ ได้แก่ มโนทัศน์สังคมวิทยาซึ่งรวมวัฒนธรรม สังคมและการขัดเกลาทางสังคม การจัดช่วงชั้นในสังคมและความเหลื่อมล้ำทางสังคม สถาบันสังคม และทฤษฎีสังคม\"[48]",
"มหาวิทยาลัยเปิดสอนและทำวิจัยทางด้านสาขาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและสาขามนุษยศาสตร์ สังคมวิทยา แบ่งการสอนออกเป็น 4 คณะ 65 ภาควิชา รวมไปถึงสถาบันและศูนย์ต่างๆทางด้านมนุษยวิทยา วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สังคมวิทยา และกฎหมาย ทั้งในระดับปริญญาบัณฑิตและบัณฑิตศึกษา โดยมีหลักสูตรระดับปริญญาบัณฑิตเต็มเวลามากกว่า 200 หลักสูตร หลักสูตรปริญญาโท 65 หลักสูตร และระดับปริญญาเอก มีรายวิชาที่เปิดสอน (course) กว่า 1,900 รายวิชา",
"หนังสือเล่มแรกที่ใช้คำว่า 'สังคมวิทยา' ในชื่อหนังสือเขียนขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดย เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์ (Herbert Spencer) นักปรัชญาชาวอังกฤษ. ในสหรัฐอเมริกา มีการเรียนการสอนวิชาสังคมวิทยาครั้งแรกที่ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคนซัส ลอว์เร็นซ์ (University of Kansas, Lawrence) เมื่อ พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890). สำหรับภาควิชาสังคมวิทยาแบบเต็มรูปแบบที่แรกนั้น ตั้งขึ้นที่ มหาวิทยาลัยชิคาโก โดย Albion W. Small ในปี พ.ศ. 2435 (ค.ศ. 1892) ที่สหรัฐอเมริกา. ส่วนในฝั่งยุโรป ภาควิชาสังคมวิทยาถูกตั้งเป็นที่แรก ที่ฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2438 (ค.ศ. 1895) โดย อีมิล เดอร์ไคหม์ (Emile Durkheim) ในมหาวิทยาลัยบอร์โดซ์ (University of Bordeaux), และต่อมาที่เยอรมนี เมื่อ พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) โดย มักซ์ เวเบอร์ (Max Weber) ที่ มหาวิทยาลัยมิวนิก (Lugwig Maximilians University of Munich), และที่โปแลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) โดย Florian Znaniecki. ส่วนในสหราชอาณาจักร ภาควิชาสังคมวิทยาแห่งแรกนั้น ก่อตั้งภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง"
] |
รางวัลนาฏราชคือรางวัลเกี่ยวกับอะไร? | [
"รางวัลนาฏราช เป็นรางวัลแห่งผู้ที่สร้างโลกบันเทิงที่สร้างสรรค์ จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ โดยผู้ลงคะแนนเป็นบุคคลในวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์โดยตรง"
] | [
"รางวัลนาฏราชครั้งที่ 9 มีรางวัลทั้งสิ้น 39 รางวัล มีรายชื่อผู้เข้าชิงในแต่ละรางวัลดังต่อไปนี้",
"รายชื่อเรียงตามลำดับในเว็บไซต์รางวัลนาฏราช ผู้ได้รับรางวัลเน้นตัวหนาละครทั้ง 25 เรื่องต่อไปนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 2",
"รายชื่อเรียงตามลำดับในเว็บไซต์รางวัลนาฏราช ผู้ได้รับรางวัลเน้นตัวหนา\nละครทั้ง 21 เรื่องต่อไปนี้ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 4\nละครทั้ง 6 เรื่องต่อไปนี้ ได้รับการลงคะแนนเสียงให้เป็นผู้ชนะรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 4",
"รางวัลนาฏราช สาขากำกับภาพยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่ช่างภาพที่สามารถถ่ายภาพได้สวยงาม มุมกล้องสวย ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์",
"รางวัลนาฏราช สาขาเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่ดีไซน์เนอร์หรือห้องเสื้อที่ออกแบบเสื้อผ้าให้นักแสดงได้สวยงาม เหมาะสมตามตัวละครหรือยุคสมัยในละคร ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ปีที่ปรากฏจะเป็นปีที่ละครเรื่องนั้นออกฉาย ไม่ใช่ปีที่จัดงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ผู้จัดเครื่องแต่งกายที่ได้รับรางวัลจะแสดงในรูปแบบตัวหนา มีพื้นหลังสีเหลืองและตามด้วยผู้จัดเครื่องแต่งกายที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง",
"รางวัลนาฏราชครั้งที่ 8 มีรางวัลทั้งสิ้น รางวัล มีรายชื่อผู้เข้าชิงในแต่ละรางวัลดังต่อไปนี้\nละครทั้ง 22 เรื่องต่อไปนี้ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 8",
"รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 7 ประจำปี พ.ศ. 2558 เป็นงานประกาศผลรางวัลยอดเยี่ยมด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ กำหนดการประกาศผลรางวัลในวันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2559 ณ หอประชุมกองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร",
"รางวัลนาฏราช สาขากำกับศิลป์ยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่ผู้ออกแบบฉากที่สามารถออกแบบและจัดฉากได้สวยงาม เหมาะกับยุคสมัย สื่อถึงความเป็นจริงมากที่สุด ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์",
"รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 6 ประจำปี พ.ศ. 2557 เป็นงานประกาศผลรางวัลยอดเยี่ยมด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ กำหนดการประกาศผลรางวัลในวันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558 ",
"ละครทั้ง 29 เรื่องต่อไปนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 1\nละครทั้ง 10 เรื่องต่อไปนี้ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 1",
"รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 9 ประจำปี พ.ศ. 2560 ประกาศผลในวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพมหานคร ถ่ายทอดสดทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และ (ช่อง 3 เอชดี 33) เวลา 16.00 น. – 18.00 น. โดยในปีนี้ได้มีการเพิ่มรางวัลใหม่มาอีก 2 รางวัล คือ รางวัลนักแสดงดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม และ รางวัลนักแสดงดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม",
"รางวัลนาฏราช สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่นักแสดงหญิงที่แสดงบทสมทบได้อย่างโดดเด่น เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร ถ่ายทอดออกมาได้ละเอียดและลึกซึ้ง สมกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ ควรค่าแก่การได้รับรางวัลของปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์รายชื่อต่อไปนี้คือผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมมากกว่า 1 ครั้ง",
"ผู้ได้รับรางวัลเน้นตัวหนาละครทั้ง 26 เรื่องต่อไปนี้ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 7\nละครทั้ง 7 เรื่องต่อไปนี้ ได้รับการลงคะแนนเสียงให้เป็นผู้ชนะรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 7",
"เริ่มมีการมอบรางวัลนี้เป็นครั้งแรกในงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 9",
"รางวัลนาฏราช สาขาบทโทรทัศน์ยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่ผู้เขียนบทละครที่เขียนบทละครได้ดี โดยบทละครนั้นอาจจะดัดแปลงมาจากนวนิยายหรือแต่งขึ้นมาเองได้ บทละครเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของละคร ฉะนั้นบทละครที่ได้รับรางวัล ควรเป็นบทละครที่รักษาเค้าโครงเรื่องบทประพันธ์หรือร้อยเรียงเรื่องราวได้สมเหตุสมผล เนื้อเรื่องสวยงาม ชวนติดตาม ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ปีที่ปรากฏจะเป็นปีที่ละครเรื่องนั้นออกฉาย ไม่ใช่ปีที่จัดงานประกาศผลรางวัลนาฏราช บทละครที่ได้รับรางวัลจะแสดงในรูปแบบตัวหนา มีพื้นหลังสีเหลืองและตามด้วยบทละครที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง",
"รางวัลนาฏราช สาขานักแสดงดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่นักแสดงหญิงหน้าใหม่ที่เพิ่งมีผลงานได้ไม่กี่ปี แต่สามารถแสดงได้อย่างโดดเด่น เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร ถ่ายทอดออกมาได้ละเอียดและลึกซึ้ง ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้น ๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ ",
"หมวดหมู่:รางวัลโทรทัศน์ หมวดหมู่:รางวัลนาฏราช",
"รางวัลนาฏราช สาขาทีมนักแสดงยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่ทีมนักแสดงละครที่สามารถรับ - ส่งบทและอารมณ์ทางการแสดงได้ดี นักแสดงทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้สมบทบาท ทำให้ผู้ชมเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของตัวละครได้อย่างดี เกิดความกลมเกลียวกันในละคร ซึ่งถือว่าเป็นทีมนักแสดงที่ดีควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ปีที่ปรากฏจะเป็นปีที่ละครเรื่องนั้นออกฉาย ไม่ใช่ปีที่จัดงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ทีมนักแสดงที่ได้รับรางวัลจะแสดงในรูปแบบตัวหนา มีพื้นหลังสีเหลืองและตามด้วยทีมนักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง",
"รางวัลนาฏราช ครั้งที่ 5 ประจำปี พ.ศ. 2556 เป็นงานประกาศผลรางวัลยอดเยี่ยมด้านวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ กำหนดการประกาศผลรางวัลในวันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557 ณ โรงละครเมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ ภายในศูนย์การค้าดิเอสพลานาด ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร นับเป็นครั้งแรกที่รางวัลนาฏราชประกาศผลในโรงละครแทนการจัดในห้องบอลรูมดังเช่นปีที่ผ่านมา ถ่ายทอดสดทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยในปีนี้ ภคชนก์ โวอ่อนศรี และสุนิสา สุขบุญสังข์ เป็นพิธีกรของงาน",
"รางวัลนาฏราช สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่ผู้กำกับละครที่สามารถกำกับละครได้ดี ถ่ายทอดอารมณ์ของละครได้อย่างสวยงาม ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ ซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลใหญ่ของงานปีที่ปรากฏจะเป็นปีที่ละครเรื่องนั้นออกฉาย ไม่ใช่ปีที่จัดงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ผู้กำกับที่ได้รับรางวัลจะแสดงในรูปแบบตัวหนา มีพื้นหลังสีเหลืองและตามด้วยผู้กำกับที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง\nรายชื่อต่อไปนี้คือผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมมากกว่า 1 ครั้ง",
"รางวัลนาฏราช สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่นักแสดงชายที่แสดงบทสมทบได้อย่างโดดเด่น เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร ถ่ายทอดออกมาได้ละเอียดและลึกซึ้ง สมกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ ควรค่าแก่การได้รับรางวัลของปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์รายชื่อต่อไปนี้คือผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมากกว่า 1 ครั้ง",
"รางวัลนาฏราช สาขาเพลงละครยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่ผู้ประพันธ์เพลงประกอบละครหรือนักร้อง โดยเพลงประกอบละครนั้นจะต้องมีเนื้อหาที่สื่อถึงละคร ไพเราะ ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ปีที่ปรากฏจะเป็นปีที่ละครเรื่องนั้นออกฉาย ไม่ใช่ปีที่จัดงานประกาศผลรางวัลนาฏราช เพลงประกอบละครที่ได้รับรางวัลจะแสดงในรูปแบบตัวหนา มีพื้นหลังสีเหลืองและตามด้วยเพลงประกอบละครที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง",
"รางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่นักแสดงหญิงที่แสดงบทนำได้อย่างโดดเด่น เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร ถ่ายทอดออกมาได้ละเอียดและลึกซึ้ง สมกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ ซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลใหญ่ของงานรายชื่อต่อไปนี้คือผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมากกว่า 1 ครั้ง\nรายชื่อต่อไปนี้คือผู้ได้รับรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมมากกว่า 1 ครั้ง",
"เริ่มมีการมอบรางวัลนี้เป็นครั้งแรกในงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 9",
"ผู้ได้รับรางวัลเน้นตัวหนาละครทั้ง 23 เรื่องต่อไปนี้ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช ครั้งที่ 5",
"รายชื่อต่อไปนี้คือผู้ได้รับรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมากกว่า 1 ครั้ง\nสถิติอายุจะใช้วันที่ประกาศผลนาฏราชในปีนั้นๆ เป็นเกณฑ์\nhttp://natarajaawards.com/",
"รางวัลนาฏราช สาขาละครชุดยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่ละครชุดที่ออกอากาศต่อเนื่องยาวนาน โดยละครชุดนั้นต้องมีเนื้อหาที่ดี แฝงแง่คิดดีๆหรือคติธรรมในการดำเนินชีวิต นักแสดงสามารถแสดงได้สมบทบาท ควรค่าแก่การได้รับรางวัลของปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ปีที่ปรากฏจะเป็นปีที่ละครเรื่องนั้นออกฉาย ไม่ใช่ปีที่จัดงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ละครชุดที่ได้รับรางวัลจะแสดงในรูปแบบตัวหนา มีพื้นหลังสีเหลืองและตามด้วยละครชุดที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง",
"รางวัลนาฏราช สาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่ผู้ตัดต่อวิดีโอหรือบริษัทตัดต่อวิดีโอที่สามารถตัดต่อภาพได้ต่อเนื่อง ดูแล้วเข้าใจ ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้นๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ปีที่ปรากฏจะเป็นปีที่ละครเรื่องนั้นออกฉาย ไม่ใช่ปีที่จัดงานประกาศผลรางวัลนาฏราช ละครที่ได้รับรางวัลจะแสดงในรูปแบบตัวหนา มีพื้นหลังสีเหลืองและตามด้วยละครที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง",
"รางวัลนาฏราช สาขานักแสดงดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่นักแสดงชายหน้าใหม่ที่เพิ่งมีผลงานได้ไม่กี่ปี แต่สามารถแสดงได้อย่างโดดเด่น เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร ถ่ายทอดออกมาได้ละเอียดและลึกซึ้ง ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้น ๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ ",
"รางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในรางวัลนาฏราช จัดโดยสมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ เพื่อมอบให้แก่นักแสดงชายที่แสดงบทนำได้อย่างโดดเด่น เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร ถ่ายทอดออกมาได้ละเอียดและลึกซึ้ง สมกับเป็นนักแสดงมืออาชีพ ควรค่าแก่การได้รับรางวัลในปีนั้น ๆ โดยคะแนนจะมาจากการลงคะแนนของเหล่าสมาชิกสมาพันธ์ ซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลใหญ่ของงานรายชื่อต่อไปนี้คือผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนาฏราช สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมมากกว่า 1 ครั้ง"
] |
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่? | [
"มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (English: Thammasat University; อักษรย่อ: มธ. – TU) เป็นมหาวิทยาลัยแห่งที่สองของประเทศไทย ก่อตั้งในชื่อ \"มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง\" (English: The University of Moral and Political Sciences; อักษรย่อ: ม.ธ.ก. – UMPS) เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2477 โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นตลาดวิชา เพื่อการศึกษาด้านกฎหมายและการเมือง สำหรับประชาชนทั่วไป ต่อมาใน พ.ศ. 2495 รัฐบาลเปลี่ยนเป็นชื่อปัจจุบัน นับเป็นมหาวิทยาลัยที่มีอายุเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย และมีประวัติศาสตร์ผูกพันกับพัฒนาการทางการเมือง และความเป็นไปของชาติ ตลอดจนเรื่องของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย[1] โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 และ 6 ตุลา 2519[2] มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีผู้ประสาสน์การและอธิการบดีมาแล้ว 23 คน อธิการบดีคนปัจจุบันคือ รองศาสตราจารย์ เกศินี วิฑูรชาติ และนายกสภามหาวิทยาลัย คือ ศาสตราจารย์พิเศษนรนิติ เศรษฐบุตร วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 ราชกิจจานุเบกษาได้ลงประกาศ \"พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2558\" ซึ่งได้มีผลให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีสภาพเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐในอีก 30 วันต่อมา[3]"
] | [
"ภาควิชาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นหนึ่งในสาขาวิชาของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยสังกัดภาควิชาจิตวิทยา บรรณารักษศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ทำการเรียนการสอนระดับปริญญาตรี ณ ศูนย์รังสิต และ สูงกว่าปริญญา ณ ท่าพระจันทร์ เป็นสถาบันแรกที่ทำการสอนจิตวิทยาในประเทศไทยและเป็นเพียงสถาบันเดียวที่ประสาทปริญญาในรูปแบบศิลปศาสตร์บัณฑิต (โดยตัวหลักสูตรเป็นจิตวิทยาบริสุทธิ์ตามรูปแบบการสอนวิทยาศาสตร์แบบตะวันตกมิได้เป็นกึ่งศิลปศาสตร์แต่อย่างใด)\nภาควิชาจิตวิทยาเป็นส่วนราชการไทยระดับภาควิชา (department) สังกัดคณะศิลปศาสตร์ (Faculty of Liberal Arts) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ โดยนับเป็นสาขาวิชาที่เปิดดำเนินการสอนขึ้นเป็นลำดับที่ 6 ของคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นสถาบันการเรียนการสอนทางด้านจิตวิทยาที่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นอันดับแรกของประเทศไทย เมื่อปี พุทธศักราช 2507 โดยแต่เดิม ก่อนปี 2507 ที่มีโครงสร้างหลักสูตรจิตวิทยานั้น พบว่ายังไม่ได้มีการก่อตั้งภาควิชาจิตวิทยาขึ้นอย่างเป็นทางการ และยังไม่ได้รับสังกัดในคณะใดๆ หากแต่มีการเรียนการสอนวิชาจิตวิทยาอยู่ก่อนแล้ว โดยที่เป็นลักษณะของการไปบรรยายส่งเสริมเข้าในเนื้อหาของคณะต่างๆ ตามที่จำเป็นต้องใช้ประกอบในเนื้อหาวิชานั้นๆ เช่น นิติศาสตร์ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี วิชาผู้บริโภค การตลาด เป็นต้น จนกระทั่งคณาจารย์ได้ร่วมกันวางแผนหลักสูตรการเรียนการสอนวิชาจิตวิทยาระดับบัณฑิตศึกษา (ปริญญาตรี) 4 ปี ขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการบุคลากรด้านจิตวิทยา เพื่อนำความรู้ที่ได้รับนี้ไปใช้สนับสนุนในเนื้องานและการประกอบวิชาชีพที่ต้องใช้ความรู้ทางจิตวิทยา\nเมื่อครั้งแรกเริ่มก่อตั้ง ภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับการสนับสนุนในแง่มุมของหลักวิชาการเป็นอย่างดีจากสมาคมฟุลไบรท์ (องค์กรนักจิตวิทยาซึ่งประกอบด้วยชาวต่างชาติผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแก้ปัญหาครอบครัว) จิตวิทยามุ่งศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ มีการทดลองด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ต้นแบบจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน หรือ APA อนึ่ง ในสมัยแรกนั้นภาควิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้จัดการเรียนการสอนทุกชั้นปีการศึกษาที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ตั้งแต่ปีที่ได้รับการสถาปนา แต่ต่อมาทางภาควิชาได้ขยายส่วนมาจัดการเรียนการสอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ครบทั้ง 4 ชั้นปี อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในครั้งนั้นที่ต้องการขยายพื้นที่การศึกษาระดับปริญญาตรีทุกคณะ ดังนั้นจึงส่งผลให้ปัจจุบันนี้ นักศึกษาระดับปริญญาตรีได้เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต",
"งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ เป็นการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดลุยเดชระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ. 2477 จนถึงปัจจุบัน โดยสลับกันเป็นเจ้าภาพฝ่ายละหนึ่งปี ปกติจัดขึ้น ณ สนามศุภชลาศัย งานรักบี้ประเพณีจุฬาฯ–ธรรมศาสตร์ เป็นการแข่งขันรักบี้ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2480 แต่ได้ยุติไประยะหนึ่ง และได้มีการฟื้นฟูการแข่งขันอีกครั้งตั้งแต่ พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป ทูตกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือกลุ่มตัวแทนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในการบำเพ็ญประโยชน์ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์–จุฬาฯยังได้รับหน้าที่เป็น ผู้นำของขบวนพาเหรดของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเป็นผู้นำขบวนอัญเชิญธรรมจักร ผู้อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย ถ้วยพระราชทาน และที่สำคัญยังเป็นดรัมเมเยอร์อีกด้วย เชียร์ลีดเดอร์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือผู้นำเชียร์แห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นตัวแทนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสำหรับทำหน้าที่นำกองเชียร์ส่งเสียงเชียร์นักกีฬา โดยเฉพาะในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์–จุฬา ธิดาโดม คือนางงามที่ชนะเลิศในการประกวดของสมาคมธรรมศาสตร์แห่งแคลิฟอร์เนียตอนใต้ การประกวดธิดาโดมเริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2516 โดยการเชิญสาวงามที่ไปเที่ยวงานในคืนนั้นขึ้นมาประกวด สโมสรฟุตบอลโดม หรือ โดม เอฟซี เป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 ตามแนวนโยบายของอธิการบดี โดยแข่งขันอยู่ลีกอาชีพดิวิชั่น 2 โซนภาคกรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งมีนโยบายเน้นใช้นักฟุตบอลของมหาวิทยาลัยรวมถึงศิษย์เก่า และนักกีฬาอื่นๆ โดยมีสนามเหย้าอยู่ ณ สนามธรรมศาสตร์สเตเดียม ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต",
"สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2523 โดยสาขาวิชานิติศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เปิดทำการเรียนการสอนในสาขานิติศาสตร์เป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย \" (รองจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยรามคำแหง) \"และเป็นสถาบันอุดมศึกษาอันดับที่ 6 ของประเทศไทยที่เปิดสอนในสาขาวิชานิติศาสตร์ (รองจาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์) ปัจจุบันสาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับหลักสูตรประกาศนียบัตรทางกฎหมาย จนถึงหลักสูตรปริญญาทางนิติศาสตร์ ",
"คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ () เป็นส่วนราชการไทยระดับคณะวิชา สังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ จัดเป็น 1 ใน 4 คณะวิชาก่อตั้งของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเป็นคณะวิชาลำดับที่ 3 ของมหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ผลิตบัณฑิตที่มีชื่อเสียงในแวดวงสังคมศาสตร์และการเมืองไทยอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง การทูต หรือนักวิชาการ คณะรัฐศาสตร์เป็นคณะที่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงในระบบรับตรงโดยปี 2561 เป็นคณะที่มีอัตราการแข่งขันสูงที่สุดในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในรอบที่ 4 ของระบบ TCAS",
"ในความเข้าใจกว้าง ๆ ทั่วไปแล้ว สิ่งที่เรียกกันว่า “จิตวิญญาณธรรมศาสตร์” นั้นหมายถึงการเรียกร้องความเท่าเทียมกันในสังคม ดังจะเห็นได้จากการที่มหาวิทยาลัยเกี่ยวพันกับการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมในสังคม โดยเฉพาะพัฒนาการของประชาธิปไตยของประเทศไทยมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้ง โดยมหาวิทยาลัยก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลคณะราษฎรที่ได้กระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย เพื่อให้การศึกษาวิชาการเมืองการปกครองแก่ประชาชนทั่วไป ดังที่ประกาศในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พ.ศ. 2476 ว่า \"“โดยที่สภาผู้แทนราษฎรถวายคำปรึกษาว่า เมื่อได้มีการปกครองระบอบรัฐธรรมนูญแล้ว ก็เป็นการสมควรที่จะรีบจัดบำรุงการศึกษาวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองให้ได้ระดับมหาวิทยาลัยในอารยประเทศ และให้แพร่หลายยิ่งขึ้นโดยเร็ว จึ่งเป็นการสมควรที่จะจัดตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองขึ้นเป็นพิเศษ”\"",
"มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง (ก่อตั้ง พ.ศ. 2514 ในนาม วิทยาลัยครูลำปาง) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ลำปาง (ก่อตั้ง พ.ศ. 2515 ในนาม โรงเรียนเกษตรกรรมลำปาง รู้จักกันในนาม เกษตรแม่วัง) วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีนครลำปาง (ก่อตั้ง พ.ศ. 2521) สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตลำปาง (ก่อตั้ง พ.ศ. 2522) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์วิทยพัฒนา จังหวัดลำปาง (ก่อตั้ง พ.ศ. 2541) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง (ก่อตั้ง พ.ศ. 2546) มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์ลำปาง",
"คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ () ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2504 โดยเป็นคณะลำดับที่ 2 ของประเทศที่จัดการเรียนการสอนด้านศิลปศาสตร์ มีภารกิจเบื้องต้นในการจัดการเรียนการสอนวิชาพื้นฐานให้แก่นักศึกษาทุกคณะในมหาวิทยาลัยก่อนจะเลือกเข้าศึกษาแขวงวิชาเฉพาะด้านสำหรับคณะตน ปัจจุบัน คณะศิลปศาสตร์มีหน้าที่ทำการสอนวิชาด้านวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ อีกทั้งภาษาต่างประเทศ โดยมีการจัดการเรียนการสอนด้านศิลปศาสตร์ทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ทั้งหลักสูตรภาษาไทยและหลักสูตรนานาชาติ อีกทั้งเป็นวิชาเลือกให้แก่นักศึกษาทั่วทั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้เลือกเรียนได้อย่างเสรี ",
"คอนเสิร์ตประสานเสียงสามสถาบัน จุฬาฯ เกษตรศาสตร์ ธรรมศาสตร์ การแสดงคอนเสิร์ตร่วมของสถานศึกษา 3 แห่งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานเพลงประจำ คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งิ้วธรรมศาสตร์ การแสดงล้อเลียนเสียดสีการเมืองโดยดัดแปลงมาจากงิ้ว เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2500 ที่ชุมนุมนาฏศิลป์ มักใช้เรื่องสามก๊กผสานกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนั้น[72][73] โขนธรรมศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นโดยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อ พ.ศ. 2509 ปัจจุบันอยู่ในการดูแลของสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในความอุปถัมถ์ของ มูลนิธิคึกฤทธิ์ 80[74]",
"คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2529 ซึ่งเป็นคณะลำดับที่ 9 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นคณะแรกที่จัดตั้งขึ้น ณ ศูนย์รังสิต โดยระยะแรกจัดการเรียนการสอน 5 สาขาวิชา ได้แก่ สาขาวิชาสถิติ สาขาวิชาคณิตศาสตร์ (โดยสาขาวิชาคณิตศาสตร์และสถิติได้รับโอนมาจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ต่อมาคณะฯได้ขยายการเรียนการสอนในสาขาวิชา เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ปัจจุบันการจัดการเรียนการสอนมีครบ คือ ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก",
"สำหรับองค์การนักศึกษาที่มีชื่อเสียงเป็นแกนนำในเรื่องการเมือง รวมถึงรับผิดชอบต่อสังคมจากอดีตจนถึงปัจจุบันคือ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรรมศาสตร์ เนื่องจากด้วยมหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมทางเมืองมาโดยตลอด เห็นได้จากเหตุการทางเมืองสำคัญของประเทศ เช่น 14 ตุลา 2516 เหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ตุลา 2519 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 ซึ่ง องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นแกนนำนักศึกษาของประเทศไทยในสมัยนั้น ซึ่งเปรียบเหมือนโรงเรียนการเมือง ทำให้มีบุคคลสำคัญทางองค์การนักศึกษาไปทำงานทางการเมืองเป็นจำนวนมาก และกิจกรรมนักศึกษาของ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า \"เมืองหลวงแห่งกิจกรรมนักศึกษา\" คณะกรรมการบริหารองค์การนักศึกษาปัจจุบันมาจาก พรรคธรรมเพื่อโดม ซึ่งถือเป็นพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่งของมหาวิทยาลัย ที่ยังหลงเหลืออยู่และลงสมัครเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารตลอด 16ปีในการก่อตั้งพรรค โดยได้รับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารองค์การฯถึง 15 ครั้ง ซึ่งผู้ก่อตั้งคือ นายชาญกิจ ไตรรัตนานนท์ นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2544",
"มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงได้พิจารณาที่ดินที่มี\nอยู่เพื่อเตรียมการพัฒนาในอนาคต คือ ที่ดินบริเวณกิโลเมตรที่ 12 ริมถนนสายชลบุรี-ระยอง ตำบลโป่ง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยา ซึ่งได้มีการรวบรวมลำดับเหตุการณ์\nความเป็นมาของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์พัทยาไว้ดังนี้ (สำนักงานประสานศูนย์การศึกษาภูมิภาค 2549\nเอกสารโรเนียว)",
"คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อังกฤษ: Faculty of Learning Sciences and Education, Thammasat University) ก่อตั้งขึ้นเป็นคณะวิชาลำดับที่ 19 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557 รับผิดชอบการพัฒนาบุคลากรทางการเรียนรู้และการศึกษาที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง โดยมุ่งจัดการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกและนานาชาติ เพื่อสร้างพื้นที่การเรียนรู้ที่ผสมผสานศาสตร์และศิลป์ด้านต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจความหมายของการเรียนรู้และการศึกษาจากหลากหลายสาขาวิชา คณะวิทยาการเรียนรู้ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยแรกในประเทศไทยที่มีการสอนรายวิชา วิชาการเรียนรู้ ขึ้น อีกทั้งยังเป็นคณะแรกที่มีการผสมผสานหลักสูตรเชิงสหวิทยาการและ Active Learning เข้าด้วยกัน",
"ในสมัยแรกเริ่มของการก่อตั้งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น คณบดีคนแรก คือ ศาสตราจารย์ ดิเรก ชัยนาม และคณะกรรมการร่างหลักสูตรท่านอื่น ได้แก่ ศาสตราจารย์ เสริม วินิจฉัยกุล ศาสตราจารย์ ทวี แรงขำ พระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร หม่อมเจ้าลักษณเลิศ ชยางกูร ศาสตราจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และ ดร.ยวด เลิศฤทธิ์ ได้ทำการศึกษาเปรียบเทียบหลักสูตรของมหาวิทยาลัยในต่างประเทศหลายประเทศ เช่น วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอน (The London School of Economics and Political Science: LSE) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นต้น รวมทั้งได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการจากผู้เชี่ยวชาญของมูลนิธิฟลูไบร์ท (Fulbright) ซึ่งเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในช่วงนั้นด้วย หลังจากนั้นการจัดการเรียนการสอนของคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามกาลสมัย ได้แก่",
"นอกจากนี้สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ก่อตั้งมูลนิธิธรรมศาสตร์ขึ้น เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในสาขาวิชาการต่างๆ ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและค้นคว้าในทางวิชาการต่างๆ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดตั้งสถาบันการค้นคว้าในทางวิชาการต่างๆ ร่วมมือกับสถาบันอื่นๆ โดยวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง",
"ตั้งอยู่เลขที่ 2 ถนนพระจันทร์ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าพระจันทร์ ในเกาะรัตนโกสินทร์ กรุงเทพมหานคร ในเริ่มแรกแห่งการสถาปนา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้จัดการเรียนการสอนที่ตึกโรงเรียนกฎหมายเดิม (เพราะบุคลากรตลอดจนทรัพย์สินของโรงเรียนกฎหมายไม่ได้เปลี่ยนแปลง หลังจากรอการสถาปนาเป็นมหาวิทยาลัย จึงโอนมาเป็นของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้งหมด) เป็นเวลา 2 ปี แล้วจึงซื้อที่ดินจากกรมทหารซึ่งเป็นคลังแสงเดิม แล้วจึงย้ายมาอยู่บริเวณท่าพระจันทร์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาและสนามหลวง มีเนื้อที่ 49 ไร่ เป็นศูนย์แรกของมหาวิทยาลัยตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง เดิมบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของวังหน้า (พระราชวังบวรสถานมงคล)",
"ศาสตราจารย์ มาลัย หุวะนันทน์ หรือ ศาสตราจารย์ ดร.มาลัย หุวะนันทน์ ม.ป.ช. ม.ว.ม. ท.จ.ว. จบการศึกษาระดับปริญญาเอกทางรํฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน และ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มหาวิทยาลัยอินเดียนา เคยร่วมขบวนการสมาชิกเสรีไทย สายสหรัฐอเมริกาเคยเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในระหว่างปี พ.ศ. 2494 ถึงปี พ.ศ. 2495 ต่อมาโอนย้ายมาเป็นอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยดำรงตำแหน่งคณบดีในระหว่างปี พ.ศ. 2495 ถึงปี พ.ศ. 2499 ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นคนแรกในปี พ.ศ. 2497 และก่อตั้ง คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งโอนไปนิด้า\nต่อมาในปี พ.ศ. 2509 ได้ร่วมก่อตั้งสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี ในปี พ.ศ. 2510 จนถึงปี พ.ศ. 2514 และ นายกสภาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ พ.ศ. 2515 ",
"ในปาฐกถางาน “เดินประชาธิปไตย” เนื่องในวาระ 69 ปี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 เมื่อ พ.ศ. 2544 ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการประวัติศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเสนอว่าในการพิจารณาจิตวิญญาณธรรมศาสตร์นั้น ไม่ควรจะติดอยู่เพียงเรื่องของจิตวัญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว แต่ควรจะทบทวนในด้านอุดมการณ์ของการอุดมศึกษาให้ดี และเสนอต่อไปว่าหลักการสำคัญของอุดมการณ์การอุดมศึกษานั้นอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า “จิตวิญญาณของธรรมศาสตร์” และแม้จะชื่อว่าธรรมศาสตร์ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เท่านั้น โดยอ้างถึงคำกล่าวของผู้ประศาสน์การ ปรีดี พนมยงค์ ในโอกาสการก่อตั้งมหาวิทยาลัย ที่ว่า “มหาวิทยาลัยย่อมอุปมาประดุจบ่อน้ำบำบัดความกระหายของราษฎร ผู้สมัครแสวงหาความรู้อันเป็นสิทธิและโอกาสที่เขาควรมีควรได้ตามหลักแห่งเสรีภาพในการศึกษา” กล่าวคือจิตวิญญาณธรรมศาสตร์คือการให้ความสำคัญกับหลักสิทธิเสรีภาพ และมองการแสวงหาความรู้ว่าเป็นสิทธิเสรีภาพที่ทุกคนควรมี ไม่ใช่คิดว่าการศึกษาเป็นแต่เพียงการสร้างคนสร้างความรู้ไปตอบสนองธุรกิจและรัฐเท่านั้น ในตอนท้ายของปาฐกถา นิธิได้เสนอว่า ถ้าธรรมศาสตร์เคยเป็นหัวหอกของการต่อสู้อำนาจเผด็จการทหาร วันนี้ธรรมศาสตร์ต้องต่อสู้กับเผด็จการทุนและธุรกิจ เพราะจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์คือการต่อสู้กับเผด็จการ",
"โรงเรียนประถมศึกษาธรรมศาสตร์ เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2528 โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความประสงค์ต้องการสร้างโรงเรียนประถมศึกษาในมหาวิทยาลัย ที่ศูนย์รังสิต เพื่อเป็นโรงเรียนสวัสดิการของบุคลากร ซึ่งได้แก่ ข้าราชการ อาจารย์ อาจารย์ และลูกจ้างของมหาวิทยาลัย รวมถึงประชาชนบริเวณใกล้เคียง ทางมหาวิทยาลัยจึงได้ประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ ขอร้องให้ตั้งโรงเรียนประถมขึ้นในมหาวิทยาลัย (หนังสือที่ ศธ. 1403/12408 ลงวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2528) โดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เสนอขอให้สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติ ใช้ที่ดินราชพัสดุในบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ศูนย์รังสิต ซึ่งขึ้นทะเบียนที่ ปท. 480, 476, 500 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เนื่อที่ 12 ไร่ (หนังสือกรมธนารักษ์ ที่ กค. 0407/313 ลงวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2529) เริ่มแรกสำนักงานฯ ได้อนุมัติและให้งบประมาณสร้างอาคารเรียนแบบ สปช. 105/26 จำนวน 8 ห้องเรียน อาคารเอนกประสงค์ แบบ สปช. 205/26 และสุขาแบบ สปช. 602/26จำนวน 4 ที่นั่ง และได้ให้นายไชโย เขียวนนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนวัดบางขัน มารักษาการครูใหญ่ และเป็นผู้ควบคุมการดำเนินการก่อสร้าง",
"สวนประติมากรรมประวัติศาสตร์ ธรรมศาสตร์กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย อยู่ลานกว้างด้านหน้าหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประกอบด้วยชิ้นงานประติมากรรมที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์ทางการเมืองและประชาธิปไตยที่ผ่านมา[60] โดยสวนประติมากรรมแห่งนี้เป็นสวนประติมากรรมกลางแจ้ง มีประติมากรรม 8 ชิ้น ใน 11 เหตุการณ์สำคัญ เพื่อความเข้าใจที่กระชับลงตัว โดยให้ผลงานประติมากรรมชิ้นหนึ่งรวม 3 เหตุการณ์ไว้ด้วยกัน มีประติมากรรม ได้แก่ การอภิวัฒน์ 2475, การก่อตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง, ธรรมศาสตร์กับขบวนการเสรีไทย, ขบวนการนักศึกษา พ.ศ. 2494–พ.ศ. 2500, ยุคสายลมแสงแดดและยุคแสวงหา, ธรรมศาสตร์กับเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516, ธรรมศาสตร์กับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519, ธรรมศาสตร์กับเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ทั้งนี้ ประติมากรรมเป็นฝีมือของสุรพล ปัญญาวชิระ",
"รายนามคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบันมีดังนี้",
"คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นส่วนราชการไทยระดับคณะวิชา สังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กระทรวงศึกษาธิการ โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 โดยเป็นคณะลำดับที่ 16 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีหน้าที่ทำการเรียนการสอนด้านศิลปกรรมศาสตร์ อีกทั้งส่งเสริมการศึกษา การสร้างองค์ความรู้ และการให้บริการทางวิชาการด้านศิลปวัฒนธรรมแก่สังคม",
"หอสมุดปรีดี พนมยงค์ เป็นหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีเนื้อที่รวมประมาณ 10, 000 ตารางเมตร แต่เดิมชื่อ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเปลี่ยนเป็น ห้องสมุดธรรมศาสตร์ ในเวลาต่อมา ก่อตั้งขึ้นพร้อม กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใน พ.ศ. 2477 เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2540",
"วิทยาลัยสหวิทยาการก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 โดยขณะนั้นมีการเรียนการสอนเฉพาะระดับปริญญาตรี ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ต่อมาเมื่อสภามหาวิทยาลัยได้มีมติให้ยุบบัณฑิตวิทยาลัยใน พ.ศ. 2549 ทำให้โครงการปริญญาเอกสหวิทยาการและโครงการปริญญาโทสตรีศึกษาซึ่งจัดการเรียนการสอน ณ ศูนย์ท่าพระจันทร์ ไม่มีสังกัด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงได้ปรับโครงสร้างของวิทยาลัยสหวิทยาการใหม่ โดยให้โอนการเรียนการสอนของทั้งสองโครงการมาอยู่ภายใต้การบริหารงานของวิทยาลัยสหวิทยาการ ปัจจุบันมีการเรียนการสอนรวม 4 หลักสูตร ได้แก่",
"เอสไอไอทีก่อตั้งในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อม ๆ กับการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก ความต้องการวิศวกรที่สามารถสื่อสารกับผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศได้เป็นอย่างดีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ศ. เกริกเกียรติ พิพัฒนเสรีธรรม อธิการบดีมธ.ในขณะนั้น กับ นายอานันท์ ปันยารชุน นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และท่านผู้หญิงนิรมล สุริยสัตย์ ผู้นำของวงการอุตสาหกรรมในยุคนั้น จึงได้หารือและประสานงานจนได้ก่อตั้ง \"โครงการวิศวกรรมศาสตร์ภาคภาษาอังกฤษ\" (Engineering English Program - EEP) ขึ้นในคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2535",
"อัมพร จันทรวิจิตร สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมบัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ต่อมาคือ สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์) เมื่อพ.ศ. 2493 ซึ่งนายอัมพร ได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการร่างข้อบังคับของสมาคม",
"คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2542 เปิดการเรียนการสอนในสาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น สถาปัตยกรรม (วิทยาศาสตร์) ภูมิสถาปัตย์ สถาปัตย์ภายใน สถาปัตย์อสังหาริมทรัพย์ หรือการออกแบบและพัฒนาผังเมืองเป็นต้น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ใช้ระบบการศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์โดยอ้างอิงจากต่างประเทศจึงทำให้นักศึกษาปริญญาตรีใช้เวลาศึกษาเพียง 4 ปี เมื่อจบจะได้รับวุฒิวิทยาศาสตร์บัณฑิต และเมื่อศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษา(ปริญญาโท) จะได้รับวุฒิสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต ",
"คำว่า “ไทยคดีศึกษา” เป็นศัพท์ที่ศาสตราจารย์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในเวลานั้น ได้ทรงบัญญัติเป็นภาษาไทยขึ้นมาจากศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “Thai Studies” เพื่อประทานแก่หน่วยงานแห่งใหม่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่กำลังจะก่อตั้งและยังไม่มีชื่อเรียก",
"คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 ได้รับการสถาปนาเป็นคณะลำดับที่ 14 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2539 ในการจัดการศึกษาสาขาวิชาชีพการพยาบาล ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้นจัดตั้งเพื่อผลิตพยาบาล ในการให้บริการด้านการดูแลสุขภาพแก่สังคม และเพื่อปฏิบัติงาน โดยเน้นความสำคัญของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และเป็นแหล่งฝึกปฏิบัติของนักศึกษาพยาบาลทุกหลักสูตร ให้บริการวิชาการแก่ประชาคมธรรมศาสตร์และสังคม และเน้นการทำวิจัยควบคู่กันไปกับการเรียนการสอนและการบริการอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง",
"เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเลขาธิการมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง เคยรักษาการในตำแหน่งผู้ประศาสน์การมหาวิทยาลัย และเมื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปิดตลาดวิชา ได้เป็นคณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และคณบดีของคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คนแรก นอกจากนี้ยังเป็นเป็นอาจารย์พิเศษ สอนวิชาความรู้เบื้องต้นของกฎหมาย และกฎหมายฝรั่งเศส และ ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสตราจารย์วิสามัญอีกด้วย"
] |
ความลับของ Superstar ออกอากาศครั้งแรกปีอะไร ? | [
"ความลับของ Superstar ออกอากาศครั้งแรกทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เวลา 20.25 - 21.25 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 และในปี พ.ศ. 2559 ทางช่องวันได้นำละครเรื่องนี้กลับมาออกอากาศรีรันให้ชมอีกครั้งทุกวันจันทร์ถึงพฤหัสบดี เวลา 13.00 - 14.30 น. เริ่มตอนแรกวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559"
] | [
"รัญญา ศิยานนท์ ... บี",
"สุพรรษา เนื่องภิรมย์ ... อัปสร",
"คนขับรถประจำตัวของบัญชา รู้ใจบัญชาทุกเรื่อง",
"พิศาล อัครเศรณี ... บัญชา",
"เพลง เสียงเรียกร้องของหัวใจ ขับร้องโดย ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ (เพลงเปิด) เพลง คนสุดท้าย ขับร้องโดย ปฏิภาณ ปฐวีกานต์",
"ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ ... ปาจรีย์ (ป่าน)",
"สุรางคณา สุนทรพนาเวศ ... แจ๊ด",
"สุมนต์รัตน์ วัฒนาเศลารัตน์ ...ปีใหม่ คชาภา ตันเจริญ ... พิธีกรรายการโทรทัศน์รายการ แฉ! แหลก วรรณรท สนธิไชย ... ผู้เชิญถ้วยรางวัลดาราทอง กัญญา ลีนุตพงษ์ ... ดาราเข้าชิงรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี สินจัย เปล่งพานิช ... ดาราที่ได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต ... ดาราที่ได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมแห่งปี ด.ญ.ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี ...ลูกแก้ว",
"ภูธเนศ หงษ์มานพ ... ธีร์",
"น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์ ... เนตรดาว วินิจเมธา (เนตร)",
"พ่อของกันต์ เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่มีชื่อเสียง ภายนอกดูเป็นคนแกร่ง ไม่ยอมคน พูดจาตรงๆแบบไม่ถนอมน้ำใจ แต่ภายในใจยังรู้สึกผิดต่ออัปสรที่เขาทอดทิ้งเธอเพื่อชื่อเสียง",
"สันติ สมบัติ ... ลุงเติม",
"ภัทรา อธิราษฎร์กุล ... เก๋",
"ชลิต เฟื่องอารมย์ ... เป้",
"พิมพ์มาดา พัฒนอลงกรณ์ / ศุภกร เหรียญสุวรรณ / เวฬุรีย์ เมธาวีวินิจ / ชวนนท์ สารพัฒน์ / อภิศรา วงศร",
"ผู้ใหญ่ในบริษัทที่โอมเป็นเด็กในสังกัด เป็นสาวใหญ่ใจเหล็ก มีจุดอ่อนตรงที่เห็นแก่ความขี้อ้อนของโอม ทำให้แจ๊ดเสียรู้ไปกับความเจ้าเล่ห์ของโอม ต่อมาจึงตาสว่างเมื่อพบว่าโอมเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูง",
"อดีตพระเอกหนุ่มชื่อดังที่ตกเป็นข่าวคดียาเสพติด เคยเป็นคนรักของเนตรดาว เมื่อรู้ข่าวว่าเนตรดาวกำลังจะตีจากตน ถึงกับหึงหวง เจ้าอารมณ์ ต้องการเอาชนะกันต์ทุกวิถีทาง",
"ชนิดาภา เซ็นสัญญาเข้าสังกัดค่ายละคร Exact เป็นเวลา 5 ปี (ปี 2550-2555) และประเดิมด้วยการเป็นนางเอกละครเรื่องแรกกับ ความลับของ Superstar คู่กับ ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ",
"ผู้จัดการส่วนตัวของเนตรดาว คู่อริของเป้ เห็นเนตรดาวเป็นบ่อเงินบ่อทองที่ได้มาจากชื่อเสียง จึงยุยงให้เนตรดาวก่อกรรมชั่วต่างๆนาๆ รักตัวเอง ชอบดูถูกผู้อื่นที่ด้อยกว่า",
"ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ... กันต์ กิตติกรณ์ (กันต์)",
"แม่ของกันต์ มีรายได้จากการขายขนมไทย มีอดีตที่ขื่นขมเพราะความรักที่เป็นไปไม่ได้",
"นักแสดงหนุ่มชื่อดังในวงการบันเทิง มีผลงานละครมากมาย แต่อ่อนหัดเรื่องความรัก ทำให้เขาเกือบเสียท่าเล่ห์เหลี่ยมของเนตรดาวกับบี แต่โชคดีที่ป่านฉุดขึ้นมาจากห้วงแห่งภาพลวงตา ทำให้เขารู้จักคำว่าความรักมากขึ้น",
"นางเอกสาวดาวรุ่งสุดฮอตและเซ็กซี่ มีเสน่ห์เร้าใจชวนหลงใหล แต่จิตใจของเธอช่างร้ายกาจ เพราะเธอต้องการชื่อเสียงเงินทองมากกว่าความรัก จึงคบหากับกันต์ตามแรงยุของบี มีนิสัยขึ้หึง อิจฉาริษยา ไม่ยอมให้ใครดีกว่าตน",
"ตัวประกอบฝ่ายหญิงที่ต้องการรับบทนำสักครั้งในชีวิต ไม่ถูกกับเนตรดาวเพราะเห็นว่าเธอชอบยั่วยวนผู้ชาย เก๋เคยรักโอมมาแล้วครั้งหนึ่งแต่ถูกสลัดรัก ทำให้เก๋แค้นมาก ต้องการทำลายชื่อเสียงโอมทุกวิถีทาง",
"ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ... โอม",
"อเมริกันไอดอล ฤดูกาลที่ 1 ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2545 โดยมีชื่อรายการเต็มๆว่า American Idol: The Search for a Superstar และออกอากาศตอนสุดท้ายในวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2545 ผู้ชนะของฤดูกาลนี้ได้แก่ เคลลี คลาร์กสัน พีธีกรประจำซีซั่นนี้ได้แก่ ไรอัน ซีเครสท์ และ ไบรอัน ดังเคิลแมน",
"ดาวรุ่งชายผู้มาแรงในแวดวงบันเทิง มีอดีตที่ไม่น่าจดจำ ภายนอกดูเป็นหนุ่มแสนดี น่าชื่นชม แต่เขากลับซ่อนความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเป็นที่สุด มักใช้ผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงเป็นบันไดก้าวไปสู่ความสำเร็จ ถึงแม้เขาจะต้องทำลายชื่อเสียงและเกียรติของผู้อื่นก็ตาม",
"เพื่อนสมัยเด็กของกันต์ แอบชอบกันต์จนได้อาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับอัปสร เป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้กันต์รู้จักคุณค่าของความรัก",
"หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทย หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2551"
] |
จังหวัดสมุทรสาครมีพื้นที่เท่าไหร่? | [
"จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย (หน่วยงานบางแห่งถือเป็นส่วนหนึ่งของภาคตะวันตก) มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดของประเทศ คือประมาณ 416.7 ตารางกิโลเมตร ทั้งยังมีจำนวนประชากรน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศด้วย นับเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและมีชายฝั่งทะเลติดอ่าวไทยยาวประมาณ 23 กิโลเมตรซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์มากเพราะเป็นดินดอนปากแม่น้ำ มีภูเขา 1 ลูก (เขายี่สาร) ไม่มีเกาะ มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่มโดยพื้นที่ฝั่งตะวันตกจะสูงกว่าฝั่งตะวันออกเล็กน้อย"
] | [
"ปลาสลิดนับเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งของไทย นิยมแปรรูปเป็นปลาแห้งหรีอปลาเค็มที่รู้จักกันดี โดยเกษตรกรจะเลี้ยงในบ่อดิน โดยฟันหญ้าให้เป็นปุ๋ยและเกิดแพลงก์ตอนเพื่อเป็นอาหารปลา โดยพื้นที่เลี้ยงปลาสลิดที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ อำเภอบางบ่อและอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่เรียกว่า \"ปลาสลิดบางบ่อ\" นอกจากนี้ยังมีอีกแหล่งหนึ่งที่เคยมีชื่อในอดีต คือที่ ตำบลดอนกำยาน อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ปัจจุบันพื้นที่เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร",
"แม่น้ำท่าจีน เป็นแม่น้ำที่แยกตัวออกจากแม่น้ำเจ้าพระยาที่ ตำบลท่าซุงบริเวณปากคลองมะขามเฒ่า จึงเรียกแม่น้ำนั้นว่า คลองมะขามเฒ่า และมาหักเลี้ยวเป็นแยกแม่น้ำที่ไหลไปเชื่อมกับแม่น้ำเจ้าพระยาได้อีกที ตรงที่เป็นพื้นที่ปากคลอง ตำบลหาดท่าเสา อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท กับ ฝั่งตะวันตกที่อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ไหลผ่านจังหวัดชัยนาท จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครปฐม จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะไหลออกสู่อ่าวไทยที่ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 325 กิโลเมตร แม่น้ำท่าจีนมีชื่อเรียกหลายชื่อ ตอนที่ไหลผ่านจังหวัดชัยนาทเรียกว่า \"แม่น้ำมะขามเฒ่า\" ตอนที่ผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี เรียกว่า \"แม่น้ำสุพรรณบุรี\" ตอนที่ผ่านจังหวัดนครปฐมเรียกว่า \"แม่น้ำนครชัยศรี\" ส่วนตอนที่ไหลผ่านจังหวัดสมุทรสาครและไหลลงสู่อ่าวไทยเรียกว่า \"แม่น้ำท่าจีน\"",
"เนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พุทธศักราช 2537 ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้รับพระราชทานพันธุ์ไม้ดังกล่าวจากสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานเปิดวันรณรงค์โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ ปีที่ 50 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และเพื่อความเป็นศิริมงคลของชาวจังหวัดสมุทรสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจึงได้นำพันธุ์ไม้สัตบรรณพระราชทานมาปลูก เป็นปฐมฤกษ์ในกิจกรรมวันปลูกต้นไม้ตามโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2537 ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร จึงถือว่าต้นสัตบรรณเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสมุทรสาคร[1]",
"ต่อมาเมื่อสโมสรทีทีเอ็ม สมุทรสาคร ได้ย้ายไปใช้สนามเหย้าที่จังหวัดพิจิตร ทำให้นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายก อบจ.สมุทรสาคร ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรสาครในขณะนั้น มีแนวคิดจัดตั้งสโมสรฟุตบอลอาชีพของจังหวัดสมุทรสาครขึ้นมาในปี พ.ศ. 2553 ",
"จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้รับการจัดตั้งขึ้นครั้งล่าสุดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครนายก พุทธศักราช 2489 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489",
"จังหวัดสมุทรสาครมีพื้นที่ทำการเกษตร 90,061 ไร่ จำนวนเกษตรกร 11,333 ราย แยกเป็นพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร 942 ราย 5,595 ไร่ อำเภอกระทุ่มแบน 2,798 ราย 19,183 ไร่ อำเภอบ้านแพ้ว 7,593 ราย 65,282 ไร่ พื้นเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ กล้วยไม้ มีพื้นเพาะปลูก 4,198 ไร่ มะนาวมีพื้นที่เพาะปลูก 18,211 ไร่ ไม้ผลมีพื้นที่เพาะปลูก 63,279 ไร่ พืชผักมีพื้นที่เพาะปลูก 5,697 ไร่ ไม้ดอกไม้ประดับมีพื้นที่เพาะปลูก 6,391 ไร่[1]",
"ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานกลาง จังหวัดปทุมธานี พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดปทุมธานี, นนทบุรี, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, ลพบุรี, อ่างทอง, สิงห์บุรี, ชัยนาท และสมุทรปราการ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 สำนักงานกลาง จังหวัดชลบุรี พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด, สระแก้ว, ปราจีนบุรี, นครนายก และฉะเชิงเทรา ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 สำนักงานกลาง จังหวัดนครราชสีมา พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดนครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ และยโสธร ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 สำนักงานกลาง จังหวัดขอนแก่น พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดขอนแก่น, เลย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, หนองคาย, บึงกาฬ, สกลนคร, นครพนม, มุกดาหาร, กาฬสินธุ์, ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 สำนักงานกลาง จังหวัดลำปาง พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดลำปาง, ลำพูน, เชียงใหม่, แม่ฮ่องสอน, เชียงราย, พะเยา, น่าน และแพร่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 สำนักงานกลาง จังหวัดพิษณุโลก พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดพิษณุโลก, เพชรบูรณ์, พิจิตร, นครสวรรค์, อุทัยธานี, ตาก, กำแพงเพชร, สุโขทัย และอุตรดิตถ์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 สำนักงานกลาง จังหวัดนครปฐม พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดนครปฐม, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี, สมุทรสาคร, สมุทรสงคราม, เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 8 สำนักงานกลาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดสุราษฎร์ธานี, ชุมพร, ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่ และนครศรีธรรมราช ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 สำนักงานกลาง จังหวัดสงขลา พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดสงขลา, สตูล, ตรัง และพัทลุง ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 สำนักงานกลาง จังหวัดยะลา พื้นที่รับผิดชอบ จังหวัดยะลา, นราธิวาส และปัตตานี",
"โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ให้บริการในพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และเขตพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ยังมีการให้บริการโดยการจัดตั้งสาขาการให้บริการ และศูนย์สุขภาพชุมชนในชุมชนต่างๆ ได้แก่",
"ในปัจจุบันประเทศไทยมี 878 อำเภอใน 76 จังหวัด ซึ่งไม่รวม 50 เขตของกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการบริหารกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2515 จำนวนอำเภอในจังหวัดมีจำนวนต่างกันออกไป ตั้งแต่ 3 อำเภอของจังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดภูเก็ต ไปจนถึง 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา จำนวนประชากรในแต่ละอำเภอก็มีจำนวนต่างกันไปอีกเช่นกัน เช่น อำเภอเกาะกูด (จังหวัดตราด) มีประชากรเพียง 2,450 คน (พ.ศ. 2557) ขณะที่ อำเภอเมืองสมุทรปราการมีประชากรถึง 525,982 คน อำเภอเกาะสีชัง (จังหวัดชลบุรี) เป็นอำเภอที่มีพื้นที่น้อยที่สุดเพียง 17 ตารางกิโลเมตร ขณะที่อำเภอที่มีพื้นที่มากที่สุด ซึ่งมีประชากรเบาบาง มีภูมิประเทศเป็นภูเขา และมีขนาดใหญ่กว่าจังหวัดบางจังหวัด ได้แก่ อำเภออุ้มผาง (จังหวัดตาก) มีพื้นที่ถึง 4,325.4 ตารางกิโลเมตร",
"เทศบาลตำบลสวนหลวง มีพื้นที่ประมาณ 16.95 ตารางกิโลเมตร\nมีอาณาเขตพื้นที่ติดต่อดังนี้",
"จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศีรษะ เข้ารับราชการตำรวจโดยมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับหมู่ฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และมีบทบาทเป็นแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นถิ่นพำนักและบ้านเกิดของภรรยา โดยแข่งขันกับอดีต ส.ส.พื้นที่เดิม คือ นางฟาริดา สุไลมาน จากพรรคภูมิใจไทย และนายธีรทัศน์ เตียวเจริญโสภา จากพรรคชาติไทยพัฒนา แต่สามารถเอาชนะและได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สมัยแรกได้สำเร็จ",
"พระเทพวิมลมุนี ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 ณ วัดชัยมงคล อำเภอเมือง สมุทรสาคร โดยมีพระครูรอด วัดบางน้ำวน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพระอุปัชฌายาจารย์ และอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2494 ณ พัทธสีมา วัดชัยมงคล อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร โดยมีพระธรรมสิริชัย วัดพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นพระอุปัชฌายาจารย์ พระครูสาครศีลาจารย์ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระรามัญมุนี วัดป้อมวิเชียรโชติการาม อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพระอนุสาวนาจารย์",
"บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด ( มหาชน ) หรือเดิมชื่อบริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) ริเริ่มการดำเนินธุรกิจด้วยการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากลให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในพื้นที่ฝั่งตะวันตก อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม อำเภอกระทุ่มแบนและอำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ในปี พ.ศ. 2551 ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศรับหุ้นสามัญของบริษัท ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค",
"มีอัตราการกัดเซาะรุนแรง คือเฉลี่ยมากกว่า 5.0 เมตรต่อปี (ถือเป็นพื้นที่วิกฤติหรือพื้นที่เร่งด่วน) เกิดขึ้นในพื้นที่ชายฝั่งระยะทางรวม 180.9 กิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 10.9 ของแนวชายฝั่งอ่าวไทย ทั้งนี้ชายฝั่งทะเลบริเวณอ่าวไทยตอนบนตั้งแต่ปากแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จนถึงปากแม่น้ำท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นพื้นที่ที่มีความอ่อนไหวและเกิดการกัดเซาะที่รุนแรงที่สุด โดยบางพื้นที่มีอัตราการกัดเซาะชายฝั่งมากกว่า 25 เมตรต่อปี",
"เทศบาลนครสมุทรสาคร เป็นเทศบาลนครแห่งหนึ่งในอำเภอสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด เคยเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย ที่มีชื่อว่า สุขาภิบาลท่าฉลอม และเป็นที่ตั้งของตลาดมหาชัย มีพื้นที่ 10.33 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลมหาชัย ตำบลท่าฉลอม และตำบลโกรกกรากทั้งตำบล มีประชากรในปี พ.ศ. 2560 จำนวน 68,208 คน",
"ถนนเอกชัย ( ซึ่งมีระยะทางส่วนใหญ่เป็น ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3242 สายต่อทางขององค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร - ต่อทางของกรุงเทพมหานคร เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพมหานครกับจังหวัดสมุทรสาคร เริ่มต้นจากถนนจอมทองบริเวณสะพานคลองด่านในพื้นที่เขตจอมทอง ผ่านถนนกำนันแม้น ข้ามคลองวัดสิงห์เข้าพื้นที่เขตบางบอน จากนั้นตัดกับถนนบางบอน 1 ถนนบางขุนเทียน ถนนกาญจนาภิเษก ถนนบางบอน 3 และถนนบางบอน 5 ผ่านโรงเรียนศึกษานารีวิทยา เข้าเขตอำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ผ่านวัดโพธิ์แจ้ ถนนเทพกาญจนา ถนนเลียบคลองสี่วาพาสวัสดิ์ ข้ามสะพานตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 บริเวณมหาชัยเมืองใหม่ เข้าสู่เขตเทศบาลนครสมุทรสาคร ผ่านถนนเศรษฐกิจ 1 สิ้นสุดที่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 กิโลเมตรที่ 30 ระยะทางจากถนนบางขุนเทียนประมาณ 23 กิโลเมตร",
"รถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร ได้แก่ สาย 7 สมุทรสาคร–หัวลำโพง, สาย 68 สมุทรสาคร–บางลำภู, และสาย 105 มหาชัยเมืองใหม่–คลองสาน นอกจากนี้ ยังมีรถสองแถวสีส้ม ปิ่นทอง–มหาชัย, รถสองแถวสีเหลือง เคหะชุมชนธนบุรี–มหาชัย, รถเมล์สีส้ม สาย 402 นครปฐม–กระทุ่มแบน–มหาชัย, และรถเมล์สีแดง 481 สมุทรสงคราม–สมุทรสาคร ส่วนการขนส่งทางรางมีทางรถไฟสายแม่กลอง เริ่มต้นจากวงเวียนใหญ่ ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สิ้นสุดที่สถานีรถไฟมหาชัย และเริ่มต้นอีกช่วงหนึ่งที่สถานีรถไฟบ้านแหลม ต่อไปยังจังหวัดสมุทรสงคราม",
"ทางด้านทิศเหนือของจังหวัดจะเป็นพื้นที่การเกษตร ซึ่งประกอบด้วย นาข้าว และสวนผลไม้ โดยสวนผลไม้ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อำเภอบ้านแพ้ว และอำเภอกระทุ่มแบน โดยเฉพาะพื้นที่ดินที่อยู่ใกล้คลองดำเนินสะดวก และคลองภาษีเจริญ จะมีการปลูกไม้ยืนต้น ผักผลไม้เป็นจำนวนมาก เช่น มะพร้าว ปาล์ม",
"ทิศเหนือ จรดจังหวัดราชบุรีและจังหวัดสมุทรสาคร ทิศตะวันออก จรด อ่าวไทยชั้นใน (พื้นที่เขตจังหวัดสมุทรสงครามทางทะเลติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดเพชรบุรี[3] ทิศใต้ จรดจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอเขาย้อย และอำเภอบ้านแหลม) ทิศตะวันตก จรดจังหวัดราชบุรี",
"ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 – 2553 จังหวัดสมุทรสาครมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 4,965 แห่ง เงินลงทุน 446,870 ล้านบาท จำนวนการจ้างแรงงาน 381,476 คน เป็นโรงงานจำพวกที่ 2 (โรงงานที่มีแรงม้าไม่เกิน 50 แรงม้า คนงานไม่เกิน 7 คน และจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบก่อนประกอบกิจการ) จำนวน 324 โรงงาน เงินลงทุน 1,933 ล้านบาท จำนวนการจ้างแรงงาน 4,901 คน และโรงงานจำพวกที่ 3 (โรงงานที่มีแรงม้าตั้งแต่ 50 แรงม้าขึ้นไปคนงานตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป และจะต้องได้รับอนุญาตก่อนถึงจะประกอบกิจการโรงงานได้) จำนวน 4,641 โรงงาน เงินลงทุน 444,938 ล้านบาท จำนวนการจ้างงาน 376,575 คน ส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดเล็กจำนวน 3,919 โรงงาน และโรงงานขนาดกลางจำนวน 758 โรงงาน ในจังหวัดสมุทรสาครมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 277 โรงงาน ประเภทของโรงงานอุตสาหกรรมที่ขออนุญาตประกอบการมาก ได้แก่ อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ (18.32%) อุตสาหกรรมพลาสติก (14.52%) อุตสาหกรรมอาหารและแปรรูปอาหาร (10.09%) อุตสาหกรรมสิ่งทอ (9.55%)[1]",
"แม่น้ำท่าจีนเป็นแหล่งผลิตน้ำประปาสำคัญของบริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจำหน่ายน้ำประปาให้กับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในพื้นที่อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน และอำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม กับอำเภอเมืองสมุทรสาคร และอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยใช้แหล่งน้ำดิบบริเวณที่ตั้งของโรงผลิตน้ำประปาบางเลน หมู่ที่ 9 ตำบลบางระกำ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ก่อนจะส่งจ่ายน้ำประปาที่ผ่านการผลิตไปยังสถานีจ่ายน้ำพุทธมณฑล ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และสถานีจ่ายน้ำมหาชัย ตำบลนาดี อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร ก่อนจะจ่ายน้ำไปยังผู้ใช้ต่อไป",
"เขตศาลจังหวัด มิได้หมายความตามภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ในจังหวัดหนึ่งอาจมีศาลจังหวัดมากกว่า 1 ศาล เนื่องจากบางจังหวัดมีพื้นที่กว้าง หรือบางท้องที่อยู่ห่างไกลจากเขตอำเภอเมืองเป็นอย่างมาก จึงต้องจัดตั้งศาลจังหวัดขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการติดต่อราชการ และการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลศาลแรงงานกลาง มีเขตครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นครปฐม สมุทรสาคร นนทบุรี และปทุมธานี และในระหว่างที่ยังไม่ได้จัดตั้งศาลแรงงานภาค หรือศาลแรงงานจังหวัดนั้น ศาลแรงงานกลางมีอำนาจ ครอบคลุมพี้นที่ทั่วราชอาณาจักร",
"จังหวัดสมุทรสาครมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มชายฝั่งทะเล สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1.00 - 2.00 เมตร มีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่านตอนกลางจังหวัด ไหลคดเคี้ยวจากแนวเหนือลงใต้สู่อ่าวไทยที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร ระยะทางยาวประมาณ 70 กิโลเมตร พื้นที่ตอนบนในเขตอำเภอบ้านแพ้วและอำเภอกระทุ่มแบน มีความอุดมสมบูรณ์ของดินและมีโครงข่ายแม่น้ำลำคลองเชื่อมโยงถึงกันกระจายอยู่ทั่วพื้นที่กว่า 170 สาย จึงเหมาะที่จะทำการเพาะปลูกพืชนานาชนิด และบางส่วนเป็นย่านธุรกิจ อุตสาหกรรมและที่อยู่อาศัย พื้นที่ตอนล่างของจังหวัดในเขตอำเภอเมืองสมุทรสาครอยู่ติดชายฝั่งทะเลยาว 41.8 กิโลเมตร จึงเหมาะที่จะประกอบอาชีพประมงทะเล เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งและทำนาเกลือ ในช่วงฤดูฝนบางพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหนัก ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมเสียหายอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการเกษตร[1]",
"ฤดูกาล 2554 สโมสรได้ย้ายสนามเหย้าของทีมจากสนามกีฬาสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตสมุทรสาคร มาใช้สนามกีฬา อบจ.สมุทรสาคร ซึ่งมีความจุมากกว่า นอกจากนี้ยังเปลี่ยนหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นนราศักดิ์ บุญเกลี้ยง โดยทีมมีผลงานดีขึ้นจนสามารถทำอันดับได้ใกล้เคียงกับการได้ไปแข่งขันรอบแชมเปียนส์ลีก โดยจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 3 และมีคะแนนตามหลังอันดับ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่แชมเปียนส์ลีก 6 คะแนน",
"สภาพทั่วไปของจังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่ราบลุ่มสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 1-2 เมตร มีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่จากทางด้านเหนือไหลลงสู่อ่าวไทยที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร มีคลองชลประทานจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ เพื่อการคมนาคมและเพื่อการชลประทาน ทำให้การใช้ที่ดินครึ่งหนึ่งของจังหวัดเป็นไปเพื่อการเกษตรกรรม",
"จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดชายทะเลอ่าวไทย มีแม่น้ำท่าจีนไหลผ่ากลางจังหวัด เป็นจังหวัดในเขตพื้นที่ภาคกลางตอนล่างของประเทศไทยประมาณเส้นรุ้งที่ 13 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 100 องศาตะวันออก เป็นจังหวัดปริมณฑล มีพื้นที่ติดกับเขตหนองแขม เขตบางบอน และเขตบางขุนเทียนของกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ 872.347 ตารางกิโลเมตร[1]",
"องค์การจัดการน้ำเสีย ก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดระบบบำบัดน้ำเสียรวม สำหรับการบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสาคร ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2542 ให้เพิ่มเติมพื้นที่เทศบาลตำบลแสนสุข จังหวัดชลบุรี พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และพื้นที่จังหวัดอ่างทอง เป็นพื้นที่ในเขตจัดการน้ำเสีย",
"วิทยาลัยชุมชนสมุทรสาคร รายชื่อวัดในจังหวัดสมุทรสาคร รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสมุทรสาคร รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดสมุทรสาคร รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดสมุทรสาคร",
"ในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2552-2558 สโมสรเปลี่ยนชื่อที่ใช้ในการแข่งขันหลายครั้ง เนื่องจากไม่มีสนามเหย้าประจำเป็นของตนเอง จึงต้องย้ายไปใช้สนามกีฬาตามจังหวัดต่างๆเป็นสนามเหย้าเพื่อใช้ในการแข่งขันแต่ละฤดูกาล โดยใน ฤดูกาล 2552 ทางสโมสรได้มีการเปลี่ยนชื่อสโมสร เพื่อให้เป็นไปตาม วิสัยทัศน์ของเอเอฟซี โดยรวมมือกับทาง จังหวัดสมุทรสาคร และเปลื่ยนชื่อเป็น \"สโมสรฟุตบอลทีทีเอ็ม สมุทรสาคร\" และใน ฤดูกาล 2553 ได้ย้ายทีมมารวมกับจังหวัดพิจิตร ทางสโมสรได้เปลี่ยนชื่อเป็น \"สโมสรฟุตบอลทีทีเอ็ม เอฟซี พิจิตร\" และในฤดูกาล 2555 สโมสรย้ายไปใช้สนามเหย้าที่จังหวัดเชียงใหม่ และใช้ชื่อในการแข่งขันว่าว่า \"สโมสรฟุตบอลทีทีเอ็ม เชียงใหม่\" โดยผลงานของทีมในลีกนั้นไม่ดีเท่าที่ควร จนสโมสรตกชั้นในฤดูกาลนั้น",
"สถาบันเทคโนโลยียานยนต์มหาชัย เป็นสถาบันอุดมศึกษาในเครือฐานปัญญา เอ็ดดูเคชั่น กรุ๊ป โดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการให้จัดการศึกษาในระดับปริญญา เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 ตั้งอยู่บนพื้นที่ 11 ไร่ บริเวณหมู่ที่ 4 ถนนพระราม 2 ตำบลบางน้ำจืด อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร "
] |
มหาวิทยาลัยพะเยา ก่อตั้งขึ้นปีใด ? | [
"มหาวิทยาลัยพะเยา (English: University of Phayao; ชื่อย่อ: มพ / UP) เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาล ตั้งอยู่ในจังหวัดพะเยา เดิมเป็นวิทยาเขตในสังกัดมหาวิทยาลัยนเรศวร[5] ต่อมา มีการตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. 2553 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553[6] จึงถือได้ว่ามหาวิทยาลัยพะเยาได้แยกออกจากมหาวิทยาลัยนเรศวร และเป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศอย่างเต็มรูปแบบ"
] | [
"คณะวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา () จัดตั้งขึ้นเป็นคณะวิชาลำดับที่ 12 ของมหาวิทยาลัยพะเยา เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2547 จัดการเรียนการสอนในกลุ่มวิชาทางด้านการจัดการและบริหารธุรกิจ รวมถึงด้านนิเทศศาสตร์ ทั้งในระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา",
"ต่อมาในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2550 ทางคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ตั้งแต่ ปีการศึกษา 2550 เป็นต้นไป สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยามีจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ ปี 1 - ปี 6 ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ทั้งหมด และต่อมาในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ได้ยกฐานะขึ้นเป็น สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ได้ยกฐานะขึ้นเป็น คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา",
"คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยพะเยา () เป็นหน่วยงานวิชาการระดับคณะวิชาแรกของมหาวิทยาลัยพะเยา ก่อตั้งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2547 เป็นหน่วยงานที่นำองค์ความรู้ นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการเกษตร มาผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการเกษตรให้เหมาะสมกับสภาพภูมิศาสตร์ เศรษฐกิจ และสังคมในเขตภาคเหนือตอนบน ช่วยสกัดกั้นและลดค่าใช้จ่ายของนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาในภูมิภาคเหนือตอนบนที่ประสงค์จะเข้าศึกษาในสาขาวิชาด้านเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ โดยไม่ต้องเข้าไปศึกษาในมหาวิทยาลัยส่วนกลางหรือภูมิภาคอื่น",
"คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา () เดิมคือ สำนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ก่อตั้งเมื่อ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 เมื่อมหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ได้รับการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยพะเยา สำนักวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงได้เปลี่ยนเป็นคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ดังเช่นปัจจุบัน",
"เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2538 คณะรัฐมนตรี มีมติให้ขยายเขตการศึกษาไปยังส่วนภูมิภาคได้ใน 11 จังหวัด คือ จังหวัดหนองคาย พะเยา จันทบุรี แพร่ สุราษฎร์ธานี ตรัง สกลนคร กาญจนบุรี ราชบุรี ชุมพร และปราจีนบุรี ตามที่ทบวงมหาวิทยาลัยเสนอ[7] เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงได้จัดทำโครงการกระจายโอกาสทางการศึกษาไปยังส่วนภูมิภาค (จังหวัดพะเยา) ของมหาวิทยาลัยนเรศวร ขึ้นเพื่อสนองนโยบายดังกล่าว โดยใช้อาคารเรียนของโรงเรียนพะเยาพิทยาคมเป็นอาคารเรียนชั่วคราว",
"คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยพะเยา () เป็นหน่วยงานระดับคณะวิชาของมหาวิทยาลัยพะเยา ก่อตั้งเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2544 เพื่อผลิตบัณฑิตสาขาวิชาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สอดคล้องตามเป้าหมายการเป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบ (Comprehensive University) \nคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยพะเยา ก่อกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2544 โดยใช้ชื่อว่า กลุ่มวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สังกัดสำนักวิชาการวิทยาเขตสารสนเทศพะเยา มหาวิทยาลัยนเรศวร ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร",
"วิทยาลัยการจัดการ กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยพะเยา () ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2554 เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและเพิ่มพูนความรู้ให้กับผู้สนใจศึกษาต่อที่ไม่สามารถมาเรียนโดยตรงที่มหาวิทยาลัยได้ เป็นหน่วยงานในสังกัดสำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา ตั้งอยู่ ณ อาคารศิวาเทล ต่อ อาคารเวฟเพลส ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร",
"ปัจจุบัน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในการประกอบพิธีต่างๆ ในกิจการของมหาวิทยาลัยพะเยา และพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิต มหาบัณฑิต และดุษฎีบัณฑิตของมหาวิทยาลัยพะเยาเป็นประจำทุกปีนับแต่แรกเริ่มก่อตั้งจวบจนกาลปัจจุบัน โดยพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยจัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ณ หอประชุมพญางำเมือง มหาวิทยาลัยพะเยา",
"วันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ถือเป็นวันมหามงคล เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม สถานปนามหาวิทยาลัยพะเยา โดยยกฐานะขค้นจากมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยาในราชกิจจานุเบกษา ในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 และให้มีผลในวันถัดไป ดังนี้จึงถือว่า วันที่ 17 กรกฎาคม ของทุกปีเป็นวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยพะเยา โดยมีกิจกรรมและการแสดงหลากหลายที่ยิ่งใหญ่ในวันดังกล่าวทุกปี",
"ต่อมาในปีการศึกษา 2546 คณะพยาบาลศาสตร์ ได้เปิดสอนหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา จังหวัดพะเยา โดยจะจัดการเรียนการสอนตลอดหลักสูตรทั้ง 4 ปี ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา",
"เป็นกิจกรรมแรกของการก้าวสู่มหาวิทยาลัยของนิสิตชั้นปีที่หนึ่ง โดยจะมีการกล่าวต้อนรับของผู้บริหารมหาวิทยาลัยฯ กิจกรรมการต้อนรับและแสดงของนิสิตรุ่นพี่ โดยมีองค์การนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา(อ.มพ.) เป็นผู้ดำเนินโครงการ ร่วมกับสภานิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา (ส.มพ.) และนิสิตรุ่นพี่จากทั้งหมด 15 คณะ 2 วิทยาลัย โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 - ปัจจุบัน ได้มีการงดเว้นกิจกรรมดังกล่าวอันเนื่องด้วยเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ",
"คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา () เป็นหน่วยงานวิชาการในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพของมหาวิทยาลัยพะเยา ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2548\nคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา เดิมเป็นสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2546 ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ได้ยกเลิกสำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ แล้วแยกสาขาวิชาในสักกัด คือ สาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ และสาขาวิชาบริบาลเภสัชกรรม ออกจัดตั้งเป็นสำนักวิชาใหม่คือ สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ และสำนักวิชาเภสัชศาสตร์ ในสังกัดสำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา และในวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 สภามหาวิทยาลัยนเรศวร ได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อ มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา เป็น มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา เพื่อเตรียมการยกฐานะเป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. 2553 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 และมีผลให้สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ ได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นหน่วยงานวิชาการระดับคณะวิชา ตามบทบัญญัติในมาตรา 7 (3) แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. 2553 และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553 คณะพยาบาลศาสตร์ จึงเป็นคณะวิชาลำดับที่ 5 ของมหาวิทยาลัยพะเยา ตามประกาศดังกล่าว",
"คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา เปิดการเรียนการสอนเมื่อปี พ.ศ. 2546 ในฐานะ สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา และได้แยกตัวมาเป็น สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ในปี พ.ศ. 2548",
"ในปีการศึกษา 2546 มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยาได้ยกฐานะกลุ่มวิชาศิลปศาสตร์ขึ้นเป็นสำนักวิชาศิลปศาสตร์ และเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยพะเยา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 สำนักวิชาศิลปศาสตร์ จึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นคณะศิลปศาสตร์ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ตามประกาศมหาวิทยาลัยพะเยา เรื่อง การจัดตั้งส่วนงานวิชาการ ของมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. 2553\nคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา มี 5 สาขาวิชา ดังนี้",
"คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา () เป็นคณะในสังกัดมหาวิทยาลัยพะเยา เปิดทำการสอนในด้านศิลปศาสตร์ เดิมเป็นสำนักวิชาในสังกัดมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นคณะในปี พ.ศ. 2553",
"มหาวิทยาลัยพะเยา จังหวัดพะเยา เป็นพื้นที่หลักในการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัย บนเนื้อที่ประมาณ 5,700 ไร่ อยู่ห่างจากตัวเมืองพะเยาไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 19 หมู่ที่ 2 ถนนพหลโยธิน ตำบลแม่กา อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา โดยก่อนหน้านี้ได้ใช้อาคารของโรงเรียนพะเยาพิทยาคมเป็นการชั่วคราว เมื่อการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ได้แล้วเสร็จ จึงได้ย้ายมาสถานที่ตั้งถาวรและเปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา มหาวิทยาลัยพะเยา วิทยาเขตเชียงราย เป็นพื้นที่จัดการศึกษาในจังหวัดเชียงราย บริเวณริมแม่น้ำกก บนเนื้อที่ 25 ไร่ ตั้งอยู่ ณ บริเวณศูนย์ราชการจังหวัดเชียงราย บ้านฝั่งหมิ่น เลขที่ 333 หมู่ 4 ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย วิทยาลัยการจัดการ กรุงเทพมหานคร วิทยาลัยการจัดการ กรุงเทพมหานคร มีสถานะเป็นหน่วยงานวิชาการระดับคณะ ในสังกัดสำนักอธิการบดี โดยมีที่ตั้ง ณ เลขที่ 55 ชั้น 8 อาคารเวฟเพลส (อาคารเชื่อม BTS สถานีเพลินจิต) กรุงเทพมหานคร",
"ศูนย์บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้รับการจัดตั้งขึ้นให้เป็นหน่วยงานตามโครงสร้างการจัดตั้งมหาวิทยาลัยพะเยาให้เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. 2553 ขึ้น และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2553 แต่เดิมศูนย์ฯ เป็นส่วนงานหนึ่งภายในสำนักงานบริหารมหาวิทยาลัยโดยใช้ชื่อว่า ส่วนงานเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อการศึกษา โดยเริ่มก่อตั้งขึ้น เมื่อ ปี พ.ศ. 2542 ซึ่งในเวลานั้นมหาวิทยาลัยพะเยาถือเป็นวิทยาเขตหนึ่งของมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก",
"ร้านมินิมาร์ท โรงอาหาร พื้นที่สันทนาการและการพักผ่อน พื้นที่ให้บริการ WIFI ครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัย 7-Eleven (เซเว่น อีเลฟเว่น) สาขามหาวิทยาลัยพะเยา ศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขามหาวิทยาลัยพะเยา ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขามหาวิทยาลัยพะเยา (อาคารเรียนรวมหลังเก่าหรือตึกภูกามยาว PKY) ธนาคารกรุงไทย สาขามหาวิทยาลัยพะเยา (อาคารเรียนรวมหลังใหม่หรือตึก CE) ไปรษณีย์ไทย สาขามหาวิทยาลัยพะเยา (อาคารสำนักงานอธิการบดี) ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยพะเยา (อาคารเรียนรวมหลังใหม่หรือตึก CE) ศูนย์การแพทย์และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา (กำลังสร้าง) ห้องบริการคอมพิวเตอร์ (อาคารเรียนรวมหลังเก่าหรือตึกภูกามยาว PKY) อาคารสงวนเสริมศรี (อาคารกิจกรรมฟ้ามุ่ย/อาคารกีฬาในร่ม) สนามกีฬากลางมหาวิทยาลัยพะเยา สระว่ายน้ำมหาวิทยาลัยพะเยา สนามวอลเลย์บอล สนามวอลเลย์บอลชายหาด สนามเทนนิส สนามแบตมินตัน สนามฟุตซอล สนามแบตมินตัน สนามฟุตบอล สนามบาสเกตบอล สนามเปตอง",
"คณะเกษตรศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยพะเยา เดิมเป็นสาขาวิชาในสังกัดสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ได้แก่ สาขาวิชาพืชศาสตร์ สาขาวิชาการประมง และสาขาวิชาอุตสาหกรรมเกษตร โดยดำเนินการจัดการหลักสูตรภายใต้คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร และการบริหารหลักสูตรโดยสำนักวิชาการ วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา โดยนิสิตสาขาวิชาอุตสาหกรรมเกษตรจะต้องย้ายไปเรียน ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก ในชั้นปีที่ 3 และ 4",
"โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยพะเยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เป็นนโยบายของ ศ. (พิเศษ) ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยพะเยา ที่ต้องการสร้างโรงเรียนต้นแบบในการจัดการเรียนการสอน และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่สนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา ดังนั้นสภามหาวิทยาลัยพะเยาในคราวประชุมครั้งที่ 6/2554 เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 มีมติให้จัดตั้งโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยพะเยาขึ้น เป็นส่วนงานระดับกองอยู่ภายใต้สำนักงานอธิการบดี และให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป โรงเรียนจึงได้นับเอาวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554 เป็นวันสถาปนาโรงเรียน ในระยะแรกมี รศ.ดร.ชยันต์ บุณยรักษ์ เป็นผู้อำนวยการท่านแรก โดยเปิดรับนักเรียนรุ่นแรกในปีการศึกษา 2555 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 ระดับชั้นละ 2 ห้อง ห้องละ 30 คน รวม 120 คน และมีนักเรียนครบทุกระดับชั้นในปีการศึกษา 2557 รวมแล้วโรงเรียนได้เปิดทำการเรียนการสอนใน 6 ระดับชั้น ทั้งหมด 12 ห้องเรียน โดยใช้อาคารเรียนซึ่งเดิมเป็นอาคารปฏิบัติการทางวิศวกรรมศาสตร์ จำนวน 12 หลัง เป็นอาคารเรียนชั่วคราว และกำลังก่อสร้างอาคารเรียนถารวร บนเนื้อที่ 91 ไร่ บริเวณถัดจากสนามกีฬามหาวิทยาลัยพะเยา โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน อาคารเรียน อาคารปฏิบัติการ โรงอาหาร หอสมุด หอประชุม อาคารกิจกรรมและหอพัก",
"คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา () เป็นหน่วยงานวิชาการระดับคณะวิชา ของมหาวิทยาลัยพะเยา ทำการจัดการศึกษาด้านเทคนิคการแพทย์และกายภาพบำบัด\nคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ในชื่อสำนักวิชาสหเวชศาสตร์ ในคราวเดียวกันกับที่สภามหาวิทยาลัยนเรศวร มีมติให้เปลี่ยนชื่อวิทยาเขตสารสนเทศพะเยา เป็นมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ในคราวประชุมสภามหาวิทยาลัยนเรศวร ครั้งที่ 13 (4/2550) โดยให้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษาระดับปริญญาตรี 3 หลักสูตร ได้แก่ 1) หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ 2) หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชากายภาพบำบัด และ 3) หลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ ซึ่งโอนย้ายมาจากสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเปิดหลักสูตรใหม่อีกหนึ่งหลักสูตร คือ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา",
"ต่อมาในวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2550 ทางคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ตั้งแต่ ปีการศึกษา 2550 เป็นต้นไป สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยามีจัดการเรียนการสอนตั้งแต่ ปี 1 - ปี 6 ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ทั้งหมด และต่อมาในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 ได้ยกฐานะขึ้นเป็น สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ได้ยกฐานะขึ้นเป็น คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา",
"ศูนย์การแพทย์และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา เดิมเป็นศูนย์การแพทย์ ในสังกัดคณะแพทยศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2557 มหาวิทยาลัยพะเยาได้มีโครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยพะเยา บนพื้นที่หน้ามหาวิทยาลัยพะเยา โดยได้รับงบประมาณก่อสร้างจำนวน 1,200 ล้านบาทเดลินิวส์, ศูนย์การแพทย์ มพ.ค่อยๆคืบ27 ตุลาคม 2557 สืบค้นเมื่อ 4 ธันวาคม 2560 และในวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 14.21 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์อาคารศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอนและการฝึกปฏิบัติงานวิชาชีพของนิสิตหลักสูตรสาขาวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ รวมทั้งเป็นศูนย์บริการด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาลบุคลากร นิสิตและประชาชนจังหวัดพะเยา ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง ครอบคลุมจังหวัดแพร่ น่าน เชียงรายและลำปาง ประกอบด้วย โรงพยาบาลขนาด 200 เตียง, โรงพยาบาลทันตกรรม, อาคารเรียน, อาคารที่พักแพทย์และหอพักนิสิต และแล้วเสร็จในปี 2560",
"ในอดึต คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา คือ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550 โดยเป็นการแยกตัวของสาขาวิชาจุลชีววิทยา ที่สังกัดสำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ออกมาจัดตั้งเป็นสำนักวิชาใหม่ และโอนย้ายนิสิตทั้ง 4 ชั้นปีของสาขาวิชาจุลชีววิทยา มาสังกัดในสาขาวิชาจุลชีววิทยาและปรสิตวิทยา สำนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่นี้",
"พิธีบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช \"ศักดิ์ศรี ศักดิ์สิทธิ์ สัมฤทธิ์พระนาม\" เป็นกิจกรรมที่นับว่าเป็นกิจกรรมที่นิสิตใหม่ทุกคน ต้องได้เข้าร่วมและต่างภาคภูมิใจ เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเป็นการระลึกถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ทรงคุณูปการต่อแผ่นดินไทย และระลึกถึงมหาวิทยาลัยนเรศวรที่เป็นมหาวิทยาลัยที่ก่อตั้ง ก่อนจะเป็นมหาวิทยาลัยพะเยาในปัจจุบัน และกิจกรรมเดินเข้ามหาวิทยาลัยนี้เป็นกิจกรรมที่สานต่อประเพณีอันดีงาม โดยการนำชื่อของเวียงแต่โบราณของจังหวัดพะเยามาใช้เป็นชื่อของกลุ่มนิสิตที่ดำเนินกิจกรรม เชื่อมโยงความสัมพันธ์กับชุมชนในท้องถิ่นจังหวัดพะเยา นำเอาอัตลักษณ์มาประยุกต์เป็นแนวคิดสร้างสรรค์ก่อเกิดประโยชน์ต่อไป ซึ่งแต่ละเวียงก็จะมีรูปแบบการจัดขบวนที่แตกต่างกันตามปรัชญาของเวียง โดยเน้นศิลปวัฒนธรรมทางล้านนา โดยมีงาน แสง สี เสียง สุดอลังการ",
"ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา () \nมีหน้าที่ส่งเสริมการเรียนการสอนของคณาจารย์และนิสิต ให้บริการทรัพยากรสารสนเทศ ให้ความร่วมมือกับภาคีห้องสมุดต่าง ๆ ตลอดจนเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองของชุมชน บุคลากร และนิสิตมหาวิทยาลัยพะเยา\nศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา เดิมคือ ห้องสมุดมหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา เริ่มเปิดทำการชั่วคราวอยู่ ณ โรงเรียนพะเยาพิทยาคม ในปี พ.ศ. 2538 ต่อมาในปี พ.ศ. 2542 ได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ที่อาคารเรียนรวมภูกามยาวชั้น 1 และในปี พ.ศ. 2543 ได้ย้ายที่ทำการอีกครั้งไปอยู่ที่ อาคารบริหาร ปัจจุบันคืออาคารสำนักงานอธิการบดี ชั้น 1 ต่อมาเมื่อมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ได้รับการยกฐานนะเป็นมหาวิทยาลัยพะเยา ห้องสมุดมหาวิทยาลัยนเรศวรพะเยา จึงได้เปลี่ยนเป็นศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา และได้ย้ายที่ทำการมาอยู่ ณ อาคารศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา ในปัจจุบัน\nความหมายของตราสัญลักษณ์ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ",
"คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา () เปิดการเรียนการสอนเมื่อปี พ.ศ. 2546 ในฐานะ \"สาขาวิชาเภสัชศาสตร์ สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา\" และได้แยกตัวมาเป็น \"สำนักวิชาเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา\" ในปี พ.ศ. 2548",
"วิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา () เป็นอีก 1 คณะ/วิทยาลัย ของมหาวิทยาลัยพะเยา มีหน้าที่รับผิดชอบในการผลิตบัณฑิตครู และบุคลากรทางการศึกษา เช่นเดียวกันกับคณะศึกษาศาสตร์/ครุศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยอื่นๆ โดยมุ่งเน้นพัฒนานิสิตให้เป็นบุคลากรทางการศึกษาที่มีความแกร่งกล้าวิชาการ และเชี่ยวชาญวิชาชีพครู โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556\nวิทยาลัยการศึกษา เดิมเป็นบัณฑิตวิทยาลัยในสังกัดศูนย์วิทยบริการจังหวัดพะเยา มหาวิทยาลัยนเรศวร และในปี พ.ศ. 2548 ศูนย์วิทยบริการ จังหวัดพะเยา ได้เปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา บัณฑิตวิทยาลัยจึงเปลี่ยนเป็น สำนักงานการศึกษาภาคพิเศษ ต่อมาในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ได้รับการยกฐานะเป็น มหาวิทยาลัยพะเยา สำนักงานการศึกษาภาคพิเศษ จึงได้เปลี่ยนเป็นวิทยาลัยการศึกษาต่อเนื่อง ต่อมาในคราวประชุมสภามหาวิทยาลัยพะเยา ครั้งที่ 5/2556 เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2556 ได้มีมติให้ยุบเลิกวิทยาลัยการศึกษาต่อเนื่องและให้จัดตั้งวิทยาลัยการศึกษา ขึ้นเป็นส่วนงานวิชาการใหม่ตามความในมาตรา 7 (3) มาตรา 8 และมาตรา 21 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยพะเยา พ.ศ. 2553 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป กับมอบหมายภารกิจด้านการศึกษา โดยเฉพาะความรับผิดชอบในการบริหารจัดการหลักสูตรด้านการศึกษาทุกระดับทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก และให้โอนย้ายพนักงานมหาวิทยาลัยพะเยา ทั้งหมดจากวิทยาลัยการศึกษาต่อเนื่องไปสังกัดวิทยาลัยการศึกษา และให้ย้ายสาขาวิชาการศึกษา จากเดิมที่สังกัดคณะศิลปศาสตร์ มาสังกัดกับวิทยาลัยการศึกษาด้วย ทำให้สามารถดำเนินการบริหารจัดการกิจการได้อย่างต่อเนื่อง\nวิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา มีโครงการรับนิสิตเข้าทำการศึกษาในหลักสูตรการศึกษาบัณฑิตทั้งสิ้น 4 โครงการ ดังนี้",
"โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยพะเยา (; ย่อ: สธ.มพ./DESUP) เป็นโรงเรียนสหศึกษา ก่อตั้งเมื่อวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554 จัดการศึกษาในระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมหาวิทยาลัยพะเยา โดยอาศัยการสนับสนุนทางด้านวิชาการจากคณะ และวิทยาลัยต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ปัจจุบันโรงเรียนมุ่งเป็นโรงเรียนแนวศิลปศาสตร์ (Liberal Arts Education) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นโรงเรียนตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบในการจัดการเรียนการสอน และการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่สนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษา และผลิตนักเรียนให้มีความสามารถ ส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ การคิดวิเคราะห์ และความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ มีคุณธรรม จริยธรรม มีความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ตลอดจนมีความพร้อมในการประกอบอาชีพ",
"ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลนครพิงค์ (: Nakornping Hospital Medical Education Center) เป็นศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก สังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยเป็นสถาบันร่วมผลิตแพทย์กับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2556 ตั้งอยู่ในเขตภาคเหนือ ณ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่\nศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลนครพิงค์ มหาวิทยาลัยพะเยาได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการผลิตและพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยพะเยา ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2552 จะร่วมกันผลิต และพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพสาขาต่างๆ ที่มีคุณภาพมาตรฐานให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแพทยศาตรบัณฑิต และจะได้จัดตั้งศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โดยมีโรงพยาบาลนครพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ และโรงพยาบาลพะเยา จังหวัดพะเยา เป็นโรงพยาบาลหลักในการร่วมผลิตและพัฒนาดำเนินงาน"
] |
PAHs พบได้ทั้งในน้ำ ดิน ดินตะกอน อากาศ ชั้นหินอุ้มน้ำ และบริเวณริมถนนใช่หรือไม่? | [
"PAHs พบได้ทั้งในน้ำ ดิน ดินตะกอน อากาศ ชั้นหินอุ้มน้ำ และบริเวณริมถนน ความเข้มข้นของ PAHs ในสิ่งแวดล้อมขึ้นกับระยะห่างระหว่างบริเวณที่ปนเปื้อนกับแหล่งที่ผลิต PAHs ระดับของการพัฒนาอุตสาหกรรมและความสามารถในการเคลื่อนย้ายของ PAHs [4] สรุปแหล่งที่มาของ PAHs ได้ดังนี้"
] | [
"นักสมุทรศาสตร์ศึกษาตะกอนโดยการจำแนกลักษณะของตะกอนตามแหล่งที่มาดังนี้\nเป็นตะกอนที่มีจำนวนมากที่สุดซึ่งจะมีแร่ควอตซ์ (ซึ่งแร่ชนิดนี้เป็นองค์ประกอบหลักของหินแกรนิต) และดินเหนียว (เป็นส่วนที่สลายมาจากแร่เฟลด์สปาร์) เป็นองค์ประกอบหลัก โดยตะกอนเหล่านี้จะถูกพัดพาลงมหาสมุทรโดย แม่น้ำ ลำธาร การชะล้างโดยน้ำฝน และลม ในแต่ละปีจะมีตะกอนจากแผ่นดินลงสู่มหาสมุทรจำนวนประมาณ 15,000 ล้านเมตริกตัน จากการพัดพาของแม่น้ำ และ อีกประมาณ 100 ล้านเมตริกตันถูกพัดพาโดยลม ตะกอนดินเหนียว เป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กจะถูกพัดพาไปได้ไกล และตกลงช้า ๆ สู่พื้นมหาสมุทรในที่สุด\nเป็นตะกอนที่มี ซิลิกอนไดออกไซด์ หรือ (ซิลิกา) และ เป็นองค์ประกอบหลักซึ่งสัตว์ที่อาศัยอยู่ในทะเลนั้นสามารถสกัดเอาซิลิคอน และแคลเซียม ที่ละลายอยู่ในน้ำมาสร้างเปลือกหรือโครงกระดูกของมัน ตะกอนเหล่านี้บางส่วนมาจากเปลือกหอยขนาดใหญ่ ก้อนปะการัง และสิ่งมีชีวิตที่มีผลผลิตสูงในทะเลคือพวกแพลงก์ตอน ซึ่งเมื่อชีวิตเหล่านี้ตายลงเปลือกหรือซากของมันก็จะค่อย ๆ จมลงสู่พื้น สะสมเป็นชั้นหนาที่บริเวณพื้นมหาสมุทร ตะกอนที่มาจากสิ่งมีชีวิตในทะเลนั้นจะมีปริมาณมากรองลงมาจากตะกอนที่มาจากแผ่นดิน\nพวกแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สามารถตกตะกอนโดยตรงจากน้ำทะเล ซึ่งแร่ธาตุต่าง ๆ รวมทั้งหินและตะกอนที่จมตัวอยู่ในน้ำ",
"น้ำใต้ผิวดินหรือน้ำใต้ดินหมายถึงน้ำจืดที่ขังอยู่ในช่องว่างของดินหรือหิน และยังหมายถึงน้ำที่ไหลอยู่ภายในชั้นหินอุ้มน้ำ หรือชั้นน้ำ (Aquifer) ซึ่งอยู่ตำกว่าระดับน้ำใต้ดิน (water table) ในบางครั้งก็มีประโยชน์ที่จะแยกให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง \"น้ำใต้ผิวดินที่อยู่ใกล้และสัมพันธ์กับน้ำผิวดิน\" กับ \"น้ำผิวดินที่สัมพันธ์กับน้ำใต้ผิวดินที่อยู่ลึกมากในชั้นหินอุ้มน้ำ\" บางครั้งก็เรียกน้ำชนิดนี้ว่า \"น้ำซากดึกดำบรรพ์\" (Fossil water) ",
"ตะกอน คือ อินทรีย์วัตถุ หรือ อนินทรีย์วัตถุที่มีขนาดเล็กเช่น กรวด หิน ดิน ทราย ที่เกิดจากกระบวนการสลายตามธรรมชาติ ถูกพัดพาปะปนกับกระแสน้ำ และทับถมกันบริเวณด้านล่างที่กระแสน้ำไหลผ่าน ตะกอนมีหลายชนิดขึ้นอยู่กับสิ่งปะปนในกระแสน้ำนั้น ๆ เช่น ดิน หิน ทราย หรือตะกอนที่เป็นสารอินทรีย์ที่ย่อยสลาย ลักษณะเป็นสีคล้ำ มีความหยุ่น เรียกว่า โคลน อีกความหมายหนึ่งคือ อนุภาคที่แยกตัวออกมาจากสารละลาย เมื่อทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง เช่น น้ำผสมผงแป้ง เมื่อทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง ผงแป้งจะตกตะกอนลงสู่ด้านล่าง เห็นเป็นชั้นแป้งและน้ำอย่างชัดเจน",
"ตะกอนตามหุบเขา หมายถึง ตะกอนที่อยู่ตามหุบเขา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ผลมาจากการผุพังทลายของหินที่ประกอบตัวเป็นภูเขาในบริเวณข้างเคียง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกทรายและกรวด ซึ่งมักจะเป็นชั้นหินอุ้มน้ำที่ดีอันหนึ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตะกอนธารน้ำ ทั้งข้อ ก และข้อ ข ข้างต้นแล้ว มักจะมีคุณสมบัติของการให้น้ำต่ำกว่า เนื่องจากการคัดขนาดไม่ค่อยดี",
"2. ภาคกลางตอนล่าง เป็นที่ราบลุ่มซึ่งเริ่มตั้งแต่ทางตอนใต้ของจังหวัดนครสวรรค์ลงไปจนจรดอ่าวไทย ภูมิประเทศภาคกลางตอนล่างบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำเจ้าพระยา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินตะกอนที่แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำแม่กลอง และแม่น้ำบางปะกงพัดพามา แม่น้ำเหล่านี้เมื่อไหลผ่านบริเวณที่เป็นที่ราบ ความเร็วของกระแสน้ำจะลดลง วัตถุต่าง ๆ ที่ละลายปนมากับน้ำจะตกตะกอนทับถมพอกพูน ซึ่งตะกอนเหล่านี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยทรายละเอียด ดินเหนียว และดินตะกอน บางส่วนไปตกตะกอนในบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ตะกอนที่ทับถมห่างจากชายฝั่งออกไปไม่ต่ำกว่า 1.5 กิโลเมตร และยังก่อให้เกิดสันดอนในแม่น้ำ ทำให้เกิดอุปสรรคในการคมนาคมทางน้ำเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ดินตะกอนที่แม่น้ำพัดพามามีประโยชน์ในการปลูกข้าวซึ่งเป็นพืชหลักของประเทศ ทั้งนี้เพราะดินตะกอนสามารถอุ้มน้ำได้ ความหนาของชั้นดินตะกอนในบางบริเวณที่มีการขุดเจาะเพื่อสำรวจทางธรณีวิทยา พบว่าบางแห่งหนาเกิน 120 เมตร จึงจะถึงหินดินดาน (dedrock) ข้างใต้",
"หน่วยหินปูน (Limestone/Carbonate unit) ประกอบด้วยหินปูนชุดราชบุรี (Ratburi group) ในยุคเพอร์เมียน หินปูนชุดทุ่งสง (Thung Song group) ในยคุ ออร์โ ดวิเชียน และหินปูนชุดลำ ปาง (Lampang group) หินปูนที่เป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาลได้มากที่สุด ได้แก่ หินปูนชุดราชบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หินปูนที่อยู่บริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี กระบี่ และพังงา หินปูนบริเวณดังกล่าวนี้จะประกอบด้วย โพรงและถ้ำที่เป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาลเป็นจำ นวนมาก นอกจากนั้นบางแห่งมีรอยแตก รอยเลื่อนตัดผ่า น ทำให้มีลักษณะโครงสร้างที่เหมาะสมในการเป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาลได้ดียิ่งขึ้น บางแห่งระดับน้ำบาดาลตัดกับระดับผิวดินเกิดเป็นน้ำพุมากมายที่มีขนาดใหญ่ เช่น ที่ธารโบกขรณี อำ เภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ปริมาณน้ำที่ไหลออกมาเฉลี่ย 1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง อีกพื้นที่หนึ่งได้แก่ น้ำพุที่น้ำตกไทรโยคใหญ่ จังหวัดกาญจนบุรี ไหลออกจากถ้ำหินปูนด้วยปริมาณเฉลี่ย 500 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง แล้วไหลมาตามลำ ห้วยตัดกับแม่น้ำแควน้อย ทำ ให้เกิดเป็นน้ำตกไทรโยค หินปูน ราชบุรีในภาคเหนือ เช่น ที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่า น และตาก จะเป็น แหล่ง กักเก็บน้ำบาดาลในระดับ ปานกลาง เพราะไม่ค่อยมีโพรงขนาดใหญ่ ถึงแม้ว่า บางแห่งจะมีถ้ำขนาดใหญ่ แต่เป็นถ้ำที่อยู่ตื้นหรืออยู่เหนือระดับน้ำบาดาล สำหรับในบริเวณด้านตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ของที่ราบสูงโคราช ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นชั้น ๆ วางตัวสลับกับชั้นหินดินดาน หรือหินทราย และเชิร์ต มีโพรงน้อย จึงไม่เป็นชั้นหินอุ้มน้ำที่ดี หินปูนชุดทุ่งสงเป็นหินปูนยุคเก่า จึงมีการถูกแรงบีบอัดหลายครั้ง เป็นเหตุให้โครงสร้างต่าง ๆ ไม่เป็นระบบ นอกจากนั้น ขนาดโพรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก็ไม่ใหญ่โตมากนักและมีหลายพื้นที่ถูกยกตัวขึ้นมาจนอยู่เหนือระดับน้ำบาดาล เช่น ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดตรัง เป็นเหตุให้หินปูนชุดทุ่งสงเป็นแหล่งกักเก็บน้ำบาดาลไม่ดี ในพื้นที่ดังกล่าวมีการเจาะน้ำบาดาล พบโพรงระดับน้ำตื้นมากมาย แต่เป็นโพรงที่ไม่มีน้ำบาดาลหรือมีเฉพาะฤดูฝน นอกจากนั้น บางแห่งในโพรงยังมีชั้นดินเหนียวและทรายแป้งเข้าไปสะสมอยู่ทำ ให้น้ำบาดาลที่อยู่ในถ้ำหรือโพรงเดียวกันเป็นตะกอนขุ่น เช่น ที่จังหวัดพังงา และสตูล หินปูนยุคลำปางมีลักษณะคล้ายกับหินปูนทุ่งสง กล่าวคือ ไม่ค่อยเกิดโพรงขนาดใหญ่ และเกิดสลับกับหินดินดานและหินทราย หินปูนที่อยู่ในหินหน่วยผาก้าน (Pha Khan formation) จะเป็นชั้นหินอุ้มน้ำที่ดีได้ เพราะมีโพรงมากกว่าหินหน่วยอื่น ๆ เช่น บริเวณถ้ำผาไท เส้นทางลำ ปาง-งาว เป็นต้น",
"การย่อยสลายทางชีวภาพโดยสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆได้แก่ แบคทีเรีย ในสภาวะที่มีออกซิเจน แบคทีเรียจะย่อยสลาย PAHs เริ่มจากการออกซิไดส์ ให้เป็น dihydrodiol จากนั้นจึงแตกวงออกจนได้สารตัวกลางในวัฏจักรเครบส์ และนำไปใช้เป็นแหล่งคาร์บอนและพลังงานได้ในที่สุด [16] เชื้อราบางกลุ่ม เช่น white rot fungi ย่อยสลาย PAHs โดยใช้เอนไซม์สำหรับย่อยสลายลิกนิน เช่น lignin peroxidase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่รากลุ่มนี้ใช้ย่อยสลายเนื้อไม้ แต่เอนไซม์มีความจำเพาะต่ำจึงย่อยสลาย PAHs ที่มีโครงสร้างคล้ายลิกนินได้ด้วย [17] การย่อยสลายด้วยแสง PAHs ถูกออกซิไดส์ด้วยแสงได้ การแตกสลายด้วยน้ำ เกิดได้น้อยมาก การรวมตัวกับดิน PAHs เป็นสารที่ไม่ชอบน้ำ ค่าคงที่การละลายในน้ำ - ออกทานอลสูง จึงยึดเกาะกับอนุภาคของดินหรือดินตะกอนได้ดี จึงพบการปนเปื้อนในบริเวณดังกล่าวได้สูง การกระจายในดินชั้นต่างๆขึ้นกับขนาดของโมเลกุลและชั้นดิน PAHs มที่มีวงเบนซีน 2-3 วง มีแนวโน้มจะพบมากในชั้นของทรายบริเวณน้ำใต้ดิน ส่วน PAHs ที่มีวงเบนซีน 5-6 วง มีแนวโน้มที่จะพบในชั้นของดินที่มีสารอินทรีย์มาก และ PAHs เหล่านี้มีแนวโน้มจะถูกย่ยอสลายโดยแบคทีเรียยากอีกด้วย [18]",
"ป่าพรุ () เป็นประเภทของป่าดิบชื้นประเภทหนึ่ง ที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม เกิดจากแอ่งน้ำจืดเกิดขังตัวติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน มีการสะสมของชั้นดินอินทรีย์วัตถุ เช่น ซากพืช, ซากสัตว์, เศษซากของต้นไม้ ใบไม้ ต่าง ๆ จนย่อยสลายช้า ๆ กลายเป็นดินพีตหรือดินอินทรีย์ที่มีลักษณะหยุ่นยวบเหมือนฟองน้ำที่มีความหนาแน่นน้อยอุ้มน้ำได้มาก และพบว่ามีการสะสมระหว่างดินพีตกับดินตะกอนทะเลสลับกันชั้นกัน 2-3 ชั้น เนื่องจากน้ำทะเลเคยมีระดับสูงขึ้นจนท่วมป่าพรุ เกิดการสะสมของตะกอนน้ำทะเลถูกขังอยู่ด้านใน พันธุ์ไม้ในป่าพรุตายลงไป และเกิดเป็นป่าชายเลนขึ้นมาแทนที่ เมื่อระดับน้ำทะเลลดลง และมีฝนตกลงมาสะสมน้ำที่ขังอยู่จึงจืดจางลง และเกิดป่าพรุขึ้นมาอีกครั้ง ดินพรุชั้นล่างมีอายุถึง 6,000-7,000 ปี ส่วนดินพรุชั้นบนอยู่ระหว่าง 700-1,000 ปี",
"ไอเสียจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ PAHs ที่พบในอากาศมาจากควันจากท่อไอเสียรถยนต์แลเครื่องจักรกลเป็นส่วนใหญ่ ปริมาณ PAHs ที่รวมตัวกับฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศบริเวณกรุงเทพมหานครเมื่อ พ.ศ. 2539 บริเวณเส้นทางจราจรพบ benzo[a]pyrene 2.04 ng/m3[5] และ benzo[a]anthracene 1.13 ng/m3[6] ตรวจพบพีเอเอในอากาศที่บริเวณถนนพหลโยธิน จังหวัดปทุมธานีในระดับนาโนกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมาจากการจราจร[7] การเผาไหม้ของสารอินทรีย์รวมทั้งการเกิดไฟป่า การเผาตอฟางข้าวของเกษตรกรทำให้เกิดการปนเปื้อนของพีเอเอชในอากาศได้[8] การปนเปื้อนของน้ำมัน ปริมาณ PAHs ที่พบในดินและน้ำตะกอนบริเวณชายฝั่งทะเลมาจากการปนเปื้อนของน้ำมันที่ใช้ในเครื่องจักรกลในโรงงานอุตสาหกรรมและเรือต่างๆรวมทั้งน้ำมันเครื่องเก่าที่ผ่านการใช้แล้ว โดยพบปริมาณสูงในระยะใกล้ฝั่งและน้อยลงตามลำดับเมื่อห่างฝั่งออกไป [9] นอกจากนั้น ดินตะกอนบริเวณปากแม่น้ำยังเป็นแหล่งสะสมของพีเอเอชที่ปนเปื้อนในดินและน้ำที่ถูกน้ำชะมารวมกัน โดยมีรายงานว่าพบปริมาณพีเอเอชที่มีวงแหวนเบนซีน 3-7 วงจากดินตะกอนในลำคลองและแม่น้ำในบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยาและชายฝั่งอ่าวไทยของประเทศไทย พบปริมาณพีเอเอชรวม 8,399 นาโนกรัมต่อกรัมน้ำหนักแห้งของดิน[10] กระบวนการแปรรูปและปรุงอาหาร การปรุงและการแปรรูปอาหารที่ทำให้เกิด PAHs ได้คือการอบขนม การเคี่ยวน้ำตาลเป็นคาราเมล การคั่วกาแฟซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาสีน้ำตาล หรือเกิดขึ้นระหว่างการหมักดอง เช่นผักดองกิมจิ ซีอิ๊ว นอกจากนั้น การปรุงอาหารโดยการอบ ปิ้ง ย่างที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เช่น ไส้กรอกรมควัน หมูปิ้ง ไกย่าง ที่ไหม้เกรียมทำให้มี PAHs ปนเปื้อนในอาหารได้ [11]",
"ตะกอนชายหาด (Beach-sand deposits) ในบริเวณพื้นที่ราบริมฝั่งทะเล (Coastal plain) ของภาคตะวันออกและภาคใต้ด้านอ่าวไทย มีแหล่งหินร่วนที่เกิดจากการสะสมตัวของกระแสคลื่นและกระแสน้ำทะเล โดยหินร่วนต่าง ๆ ดังกล่าว สามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ตะกอนทรายชายหาดยุคใหม่ (Recent beach-sand deposits) ตะกอนทรายชายหาดยุคเก่า (Old beach-sand deposits) ตะกอนท้องทะเลสาบ (Lagoonal deposits) และตะกอนปากแม่น้ำ (Estuary deposits) สำ หรับแหล่งน้ำบาดาลทรายชายหาด หมายถึง แหล่งน้ำบาดาลในชั้นทรายซึ่งสะสมตัวตามบริเวณชายหาดปัจจุบัน และแหล่งน้ำบาดาลที่ถูกกักเก็บไว้ในชั้นทรายประเภทเนินทราย (Sand dunes) หรือ สันทราย (Sand ridges) ในชั้นทรายชายหาดยุคเก่า รวมทั้งน้ำบาดาลทที่สะสมตัว ในสันทรายนอกชายฝั่ง (Off-shore bars) ชั้นทรายชายหาดนับได้ว่าเป็นแหล่งน้ำบาดาลระดับตื้นที่สำคัญของจังหวัดต่าง ๆ ในภาคตะวันออก ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ระดับความลึกไม่เกิน 10 เมตร วางตัวยาวตามแนวชายฝั่งทะเล มีความกว้างระหว่าง 1-5 กิโลเมตร เนื่องจากชั้นหิน อุ้มน้ำดังกล่าวเป็นชั้นน้ำระดับตื้น ง่ายต่อ การพัฒนาและเป็นแห่ลงน้ำ จืดที่อำนวยประโยชน์ให้แก่ราษฎรที่อยู่ตามบริเวณริมฝั่งทะเล โดยทั่ว ๆ ไป ชั้นน้ำดังกล่าวเมื่อเจาะบ่อจะให้น้ำในเกณฑ์ระหว่าง 1-5 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง สำ หรับชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยของจังหวัดภาคใต้ นับตั้งแต่บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชไปจนถึงจังหวัดนราธิวาส เป็นบริเวณที่ราบชายฝั่งทะเลมีความยาวไม่น้อยกว่า 300 กิโลเมตร และความกว้างโดยเฉลี่ยประมาณ 3 กิโลเมตรน้ำบาดาลในบริเวณที่ราบริมฝั่งทะเลดังกล่าว นับว่าเป็นแหล่งน้ำบาดาลที่สำ คัญแห่งหนึ่งของภาคใต้ ความหนาของชั้นทรายชายหาดดังกล่าวแตกต่างกันไป บางแห่งอาจจะพบหินร่วนหนามากกว่า 10 เมตร ชั้นทรายในบริเวณพื้นที่ราบริมฝั่งทะเลนี้ให้น้ำบาดาลในเกณฑ์ระหว่าง 5 ถึง 15 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง คุณภาพน้ำบาดาลมีตั้งแต่จืด กร่อย และเค็ม",
"สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบ เป็นเขาเตี้ยๆ มีแม่น้ำมูล แม่น้ำโขง และ ลำโดมน้อย ซึ่งเป็นแม่น้ำขนาดเล็ก ไกล้เคียงกับแม่น้ำมูล ไหลผ่าน เขื่อนสิรินธร มาบรรจบกับแม่น้ำมูล ที่หน้าเขื่อนปากมูล ความสูงโดยเฉลี่ยของพื้นที่ประมาณ 200 เมตร จากระดับน้ำทะเล ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดเขาบรรทัด สูงประมาณ 543 เมตร สภาพป่าทั่วไปเป็น ป่าเต็งรัง ป่าแพะหรือป่าแดง จะมีป่าดิบเฉพาะบริเวณริมห้วยขนาดใหญ่เท่านั้น สภาพพื้นที่ส่วนมากเป็นป่าสลับพลาญหินทราย และหินศิลา ส่วนดินเป็นดินลูกรัง ดินบรบือ และดินตะกอน จะมีทรายปะปนในดิน",
"ตะกอนตะพักลำ น้ำใหม่ (Younger terrace deposits) ประกอบด้วยตะกอนกรวดทรายและดินเหนียวที่สะสมตัวในยุคไพลสโตซีน (ตั้งแต่ 8,000 ปีถึง 1.8 ล้านปี) หรือ เทอร์เชียรีตอนบน (1.8-10 ล้านปี) ชั้นหินอุ้มน้ำชุดนี้มีชื่อว่า ชั้นน้ำ เชียงราย (Chiang Rai aquifer) ตะกอนส่วนใหญ่จะประกอบด้วยดินเหนียวและทรายละเอียด โดยมีชั้นกรวดทรายแทรกเป็นชั้นบาง ๆ พบมากในพื้นที่แอ่งต่าง ๆ ในภาคเหนือและภาคกลางตอนเหนือ ความหนาของชั้นหินอุ้มน้ำอยู่ในเกณฑ์เ ฉลี่ย 20-50 เมตร บ่อให้น้ำในเกณฑ์เฉลี่ย 7-10 ลูกบาศก์เมตรตอ่ชั่วโมง เป็นชั้นหินอุ้มน้ำเฉพาะแห่งที่มีศักยภาพต่ำ (Local and less productive aquifer)",
"หินที่ยังไม่แข็งตัว (Unconsolidated rocks) คือตะกอนที่ยังไม่แข็งตัวเป็นหิน ส่วนใหญ่เป็นพวกทราย กรวด ซึ่งจะเป็นชั้นหินอุ้มน้ำที่สำคัญที่สุดซึ่งอาจจะถึง 90% ของแหล่งน้ำบาดาลทั้งหมดที่ใช้ในปัจจุบันนี้ สำหรับชั้นหินอุ้มน้ำในกลุ่มนี้ อาจจะแบ่งได้เป็น 4 พวกใหญ่ ๆ ตามลักษณะการเกิด ดังนี้",
"เราจะพบได้ว่าชั้นตะกอนเดิมจะมีลักษณะราบเรียบไม่โค้งโก่งงอ (undisturbed strata) แต่พอเดินทางไปยังทิศตะวันตกเรื่อยๆจะพบว่าชั้นตะกอนเหล่านี้หนาขึ้นๆ และมีการโค้งโก่งงอมากขึ้นด้วย พอเดินทางมาถึงด้านตะวันออกของรัฐเพนซิลเวเนียในดินแดนที่เรียกว่า ดินแดนหุบและสันเขา (valley and ridge province) จะพบว่าชั้นหินเกิดการโค้งงอเป็นรูปกะทะหงายและคว่ำ (synclines&anticlines) กว้างๆ การที่ดินแดนแห่งนี้ใช้ชื่อแบบนี้เพราะส่วนที่เป็นหุบเขาประกอบด้วยชั้นหินที่ผุกร่อนได้ง่ายเช่น หินปูน หินโดโลไมต์ claystone แทรกสลับอยู่กับชั้นหินที่ทนต่อการผุกร่อนได้ดีซึ่งทำให้เกิดเป็นเทือกเขา\nแต่พอเดินไปถึงทางใต้ของรัฐเทนเนสซี (Tennessee) และรัฐคาโรไลนา (Carolina) ทั้งเหนือและใต้ลักษณะของเขาเปลี่ยนไปประกอบด้วยชั้นหินที่มีการเสียรูปมากมีทั้งที่คดโค้งและเลื่อนตัว\nชั้นหินบางๆหลายชั้นถูกดันไปทางทิศตะวันตกเลื่อนตัวไปซ้อนทับอยู่บนชั้นหินที่ถูกเลื่อนดันอยู่ก่อนแล้ว เรียกลักษณะของผิวหรือชั้นของการเลื่อนตัวแบบนี้ว่า ผิวเลื่อนซ้อน (detachment surface) และเรียกแผ่นที่เลื่อนตัวไปซ้อนว่า ศิลาจาริก (decolement) รูปแบบของการแปรรูปในส่วนบนจะไม่เหมือนกับส่วนล่างชั้นหิน ตะกอนที่อยู่เหนือผิวเลื่อนซ้อนจะแตกหัก เคลื่อนตัวไปตามรอยเลื่อนและการวางตัวเหลื่อมกันเป็นขั้นคล้ายไพ่ ชั้นตะกอนส่วนล่างที่แก่กว่าเกิดการเสียรูปแบบโค้งงอมากกว่า\nเมื่อเดินทางต่อไปทางตะวันออกอีกไปยังดินแดนเดิมที่มีศิลาจาริกเหล่านั้นเลื่อนมาเป็นส่วนใจกลางของเทือกเขาแอบปาลาเชียน ซึ่งประกอบด้วยตะกอนน้ำลึกด้านตะวันออก ชั้นหินเกิดการแปรสภาพอย่างมาก ส่วนใหญ่การคดโค้งจะเป็นแบบแกนเอียงเท่า (isocline) และแบบพลิกตลบ (overturn) และพบรอยเลื่อนมากมายจนมาถึงบริเวณที่มีการแปรสภาพขึ้นไปอีก และพบเห็นหินแกรนิตแทรกดันตัวขึ้นมา",
"ตะกอนตะพักลำ น้ำเก่า (Older terrace deposits) มีชื่อว่า ชั้นน้ำเชียงใหม่ (Chiang Mai aquifer) ประกอบด้วยตะกอนในยุคเก่า คือ ไพลสโตซีนถึงเทอร์เชียรีตอนบน ซึ่ง มัก จะโผล่ให้เห็นเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ สลับอยู่กับหุบเขาในลักษณะรอยคลื่นหรืออาจจะก่อตัวตามบริเวณพื้นที่ลาดเอียงเชิงเขา ตะกอนประกอบด้วยชั้นของกรวดทรายและดินเหนียวเกิดสลับกันเป็นชั้นหนา และในบริเวณใจกลางแอ่งจะมีความหนามาก เช่น ในแอ่งเชียงใหม่ หนาประมาณ 500 เมตร ในแอ่งเจ้าพระยาหรือที่ราบลุ่มภาคกลาง มีความหนาประมาณ 2,000 เมตรในบริเวณที่ราบลุ่มริมฝั่งทะเลภาคใต้ มีความหนาประมาณ 200 เมตร เป็นต้น ชั้นหินหน่วยนี้ปกติจะประกอบด้วยชั้นหินอุ้มน้ำหลายชั้นสลับกัน (Multiple aquifers) เช่น ในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มเจ้าพระยาตอนใต้จากระดับผิวดินถึงความลึกประมาณ 600 เมตร ประกอบด้วยชั้นหินอุ้มน้ำไม่น้อยกว่า 8 ชั้น ในแอ่งเชียงใหม่ความหนาประมาณ 300 เมตร ประกอบด้วยชั้นหินอุ้มน้ำไม่น้อยกว่า 3 ชั้น และในภาคใต้มีไม่น้อยกว่า 2 ชั้น เป็นต้น ชั้นหินอุ้มน้ำกลุ่มดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นชั้นหินอุ้มน้ำในหินร่วนที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะมีคุณสมบัติในการให้น้ำสูง กล่าวคือ ปริมาณน้ำจากบ่ออยู่ในเกณฑ์ 50-300 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และถือว่าเป็นชั้นน้ำบาดาลที่มีศักยภาพสูง (Extensive and highly productive aquifers)",
"3. ชั้นหินอุ้มน้ำปลอม (Perch Aquifer) หมายถึง ชั้นดินเหนียวหรือดินดานวางตัวโค้งงอเป็นแอ่งกักเก็บน้ำอยู่ตอนใดตอนหนึ่ง ในส่วนที่สัมผัสอากาศเหนือส่วนที่อิ่มตัวด้วยน้ำ บางส่วนจะถูกกักเก็บอยู่ในแอ่งนี้เหมือนน้ำบาดาลทั่วไป แต่เมื่อสูบน้ำมากๆ นานๆ เข้าน้ำก็จะหมด",
"โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นที่เนิน เป็นจุดตั้งชุมชนใหญ่ บริเวณโดยรอบเป็นที่ลุ่มลาดเอียงลงสู่แม่น้ำโขง ประกอบด้วยทุ่งนา ป่าไม้ และนาเกลือ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินปนทรายและดินลูกรัง ชั้นล่างเป็นดินดานไม่เก็บน้ำหรือไม่อุ้มน้ำในฤดูแล้ง บางแห่งเป็นดินเค็มใช้ประกอบการกสิกรรมไม่ได้ผลดี มีลำห้วยต่าง ๆ ไหลผ่าน เช่น ห้วยโศก ห้วยทุ่ง ห้วยป่าตอง ห้วยทวน และห้วยหิน เป็นต้น",
"ดินที่พบในหนองบงคายเป็นดินชุดเชียงราย เกิดจากการทับถมของตะกอนลำน้ำ มีลักษณะอุ้มน้ำได้ดีมาก เป็นดินเหนียว ดินร่วนปนทราย และดินเหนียวปนทราย มีค่าความเป็นกรด–ด่างอยู่ในช่วง 5.5–6.5 สำหรับลักษณะดินในพื้นที่ลุ่มน้ำแห่งนี้เป็นดินร่วนปนเหนียว และดินร่วนปนทรายเนื่องจากพื้นที่ลุ่มน้ำแห่งนี้เป็นพื้นที่การเกษตรเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อาจจะเกิดการชะล้างพังทลายของดินซึ่งส่งผลให้เกิดการตื้นเขินของอ่างเก็บน้ำได้ในอนาคตดินที่พบอยู่ในพื้นที่เกิดจากวัสดุเหลือค้างจากวัตถุต้นกำเนิด (residuum and localcolluvium) และการทับถมของตะกอนลำน้ำ ดินจัดอยู่ในชุดดินเชียงแสนที่เกิดจากดินตะกอนลุ่มน้ำ มีลักษณะเป็นดินเหนียวอุ้มน้ำได้ดีมาก ดินมีค่าความเป็นกรด–ด่าง อยู่ในช่วง 5.5–6.5ประมาณร้อยละ 42 มีความเหมาะสมสำหรับการทำนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ตำบลโยนก และประมาณร้อยละ 22 มีความเหมาะสมปานกลางสำหรับพืชไร่ แต่มีปัญหาเรื่องการระบายน้ำ มีปริมาณการชะล้างพังทลายของดินโดยรอบค่อนข้างสูง สถานภาพของการเกิดกษัยการของดินในหนองบงคาย เป็นผลมาจากการเปลี่ยนพื้นที่ป่ารอบๆ เพื่อมาทำการกสิกรรมซึ่งส่งผลให้ปริมาณตะกอนสะสมอยู่ในหนองบงคายประมาณ 24,540 ตันต่อปี และจากการคำนวณพบว่าหากยังปล่อยให้มีการตกตะกอนในลักษณะนี้โดยปราศจากการจัดการใดๆ พบว่าอีกประมาณ 500 ปี จะมีปริมาณตะกอนทับถมจนเต็มหนองบงคาย",
"แบดแลนด์ เป็นภูมิประเทศที่เกิดจากหินตะกอนหรือชั้นดินเหนียวอ่อนนุ่มที่โดนน้ำและลมกัดเซาะมีลักษณะคล้ายภูมิประเทศแบบแมลไพซ์ (Malpaís) หรือภูมิประเทศแบบหินภูเขาไฟซึ่งประกอบด้วย เนินยอดป้าน เหว เป็นหลุม รอง หลืบ เสาหิน รูโพรง หรือลักษณะทางธรณีทั่ว ๆ ไป ไม่มีพืชปกคลุมและมักพบทางน้ำไหลผ่านบริเวณส่วนล่างของสัณฐานภูมิประเทศแบบนี้สามารถพบได้บริเวณภูเขาริมน้ำหรือที่ลาดเชิงเขาที่เกิดจากตะกอนเศษหินเชิงเขาที่ถูกกัดเซาะเป็นบริเวณกว้างจากลมและน้ำในลักษณะแนวราบและแนวลึก",
"อุทกวิทยา การทำลายป่ามีผลต่อวัฏจักรของน้ำ ต้นไม้สกัดน้ำบาดาลผ่านทางรากและปล่อยออกสู่ชั้นบรรยากาศ เมื่อใดที่พื้นที่ป่าบางส่วนถูกทำลาย ต้นไม้จะไม่คายน้ำอีกต่อไป มีผลทำให้สภาพอากาศแห้งมากขึ้น การทำลายป่าลดปริมาณของน้ำในดินและน้ำบาดาล เช่นเดียวกับความชื้นในชั้นบรรยากาศ การทำลายป่าลดการเกาะตัวของดิน ทำให้เกิดผลที่ตามมาคือหน้าดินพังทลาย น้ำท่วม และดินถล่ม ผืนป่าช่วยเพิ่มพูนการดูดซึมน้ำในชั้นหินอุ้มน้ำในบางพื้นที่ พื้นที่ป่าที่มีขนาดเล็กลงมีความสามารถน้อยลงในการดักจับ ดูดซับ และปลดปล่อยปริมาณน้ำฝน แทนที่สกัดกั้นปริมาณน้ำฝนซึ่งจะซึมผ่านไปยังระบบน้ำบาดาล พื้นที่ป่าที่ถูกทำลายจะเป็นตัวการให้เกิดน้ำผิวดิน ซึ่งจะเคลื่อนที่ได้ไวกว่าการไหลของน้ำบาดาล การเคลื่อนที่ที่เร็วกว่าของน้ำผิวดินอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและเกิดน้ำท่วมเฉพาะพื้นที่รุนแรงกว่าที่เกิดกับพื้นที่ที่มีผืนป่าปกคลุม",
"ตะกอนธารน้ำปัจจุบัน หมายถึง ตะกอนซึ่งตกทับถมอยู่ตามที่ราบลุ่มน้ำหลากของแม่น้ำลำธารปัจจุบัน โดยปกติแล้วถ้าเป็นพวกที่มีขนาดใหญ่ และมีสัมประสิทธิ์ของการซึมได้สูง เช่น พวกทราย กรวด มักจะเป็นชั้นหินอุ้มน้ำที่ดีมาก แต่ถ้าเป็น พวกที่มีขนาดเล็ก เช่น พวกทรายแป้ง ดินเหนียว ทรายละเอียด ก็อาจจะไม่ให้น้าเป็นปริมาณมาก",
"บริเวณที่เป็นสันดินริมน้ำ (river levee) เกิดจากตะกอนลำน้ำที่พัดพามาทับถม สภาพพื้นที่เป็นเนินสันดินริมฝั่งแม่น้ำโขง และบางบริเวณสันดินริมฝั่งลำเซบาย บริเวณที่เป็นแบบตะพักลำน้ำ (terrace) ที่เกิดจากการกระทำของขบวนการของน้ำนานมาแล้ว ประกอบด้วยบริเวณที่เป็นลานตะพักลำน้ำระดับต่ำ ระดับกลาง และระดับสูง ลักษณะพื้นที่ที่มีทั้งที่เป็นที่ราบแบบลูกคลื่นลอนลาดจนถึงลูกคลื่นลอนชัน จะอยู่ถัดจากบริเวณที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงขึ้นมา พื้นที่เหล่านี้จะพบในบริเวณทั่วไปของจังหวัด กล่าวคือทางตอนเหนือ ทางตะวันออก และทางใต้ บางแห่งใช้สำหรับทำนาและบางแห่งใช้สำหรับปลูกพืชไร่ บริเวณที่เป็นแอ่ง (depression) หรือที่ลุ่ตวมต่ำหลังลำน้ำ (backswamp) เกิดจากการกระทำของน้ำ พบบางแห่งในบริเวณริมแม่น้ำโขง แม่น้ำชี ลำเซบาย และลำโดมใหญ่ จะมีน้ำแช่ขังนานในฤดูฝน กำลังของน้ำจะมีมากจนสามารถพัดพาเอาตะกอนเหล่านั้นออกมานอกหุบเขาได้ เมื่อมาถึงนอกหุบเขาหรือเชิงเขา สภาพพื้นที่ก็จะเป็นที่ราบทางน้ำไหลกระจายออกไป ทำให้กำลังของน้ำลดลง ก็จะตกตะกอนในบริเวณน้ำ จะพบอยู่ทางตอนใต้และทางตะวันตกของจังหวัด บริเวณที่เป็นเนินที่เกิดจากการไหลของธารลาวา (lava flow hill) เป็นเนินเขาที่เกิดจากการไหลของธารลาวา ดินบริเวณนี้จะมีศักยภาพทางการเกษตรสูง ซึ่งเป็นผลจากการสลายตัวผุพังของหินบะซอลต์ บริเวณนี้จะพบอยู่ในอำเภอน้ำยืน บริเวณที่ลาดเชิงเขา (foot hill slope) เป็นที่ลาดเชิงเขาที่ตะกอนบริเวณที่เกิดจากการกระทำของน้ำนานมาแล้วทับถมกัน บริเวณนี้จะพบอยู่ในอำเภอโขงเจียม อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอตระการพืชผล บริเวณที่ลาดเชิงซ้อน (slope complex) ลักษณะเป็นภูเขาหรือทิวเขามีความลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จะพบบริเวณทิวเขาพนมดงรักในอำเภอน้ำยืน อำเภอนาจะหลวย และอำเภอบุณฑริก อีกแห่งหนึ่งคือ ทิวเขาภูเขาซึ่งจะพบมากในอำเภอโขงเจียมและอำเภอศรีเมืองใหม่",
"น้ำในดินมีลักษณะเป็นส่วนๆ เรียกว่าชั้นหินอุ้มน้ำ หรือชั้นน้ำ น้ำฝนที่ตกลงมาจะถูกซึมซับและไหลมารวมกันที่นี่ ปกติองค์ประกอบของมันน้ำในชั้นหินอุ้มน้ำจะอยู่ในสภาวะที่เกือบเป็นการ \"สมดุลอุทกสถิต\" (Hydrostatic equilibrium) องค์ประกอบของน้ำในชั้นหินอุ้มน้ำดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับขนาดของช่องหรือรูพรุนของหิน ซึ่งหมายความว่าอัตราการดึงหรือสูบน้ำออกมาใช้จะถูกจำกัดด้วยอัตราการซึมผ่านที่เร็ว",
"หินโผล่ () คือชั้นหิน (bedrock) ที่โผล่พ้นผิวดินขึ้นมา บางแห่งถูกปกคลุมด้วยตะกอนพื้นผิว เช่น ตะกอนน้ำพา หรือพวกพืชพรรณต่าง ๆ ทำให้ไม่สามารถเห็นหินโผล่ได้ชัดเจน อย่างไรก็ตามตะกอนที่คลุมชั้นหินโผล่นี้มักถูกกัดกร่อน โดยจะโผล่ให้เห็นได้ง่ายตามบริเวณที่มีอัตราการผุพังสูง เช่น ไหล่เขาที่มีความชัน ขอบฝั่งแม่น้ำ หรือบริเวณที่มีการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก นอกจากนี้ยังเกิดจากการกระทำของมนุษย์เช่นกัน เช่น การขุดถมสร้างถนน",
"ชั้นกรวดทรายที่สะสมในใจกลางแอ่งขนาดใหญ่อายุไพรสโตซีน ชั้นกรวดทรายที่สะสมในใจกลางแอ่งขนาดใหญ่อายุไพรสโตซีน (Pleistocene intermontane basin deposits) ได้แก่ กรวด ทราย ที่สะสมในใจกลางแอ่งขนาดใหญ่ ในยุค Pleistocene กรวดทรายชุดนี้จะมีความหนามาก เพราะสะสมในแอ่งที่มีลักษณะเป็นหลุมลึก (Graben) เช่น แอ่งเจ้าพระยา (เหนือและใต้) แอ่งเชียงใหม่ แอ่งลำปาง รวมถึงที่ราบริมฝั่งทะเลภาคใต้ด้านตะวันออก คือ บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราชไปถึงสงขลา และบริเวณจังหวัดสงขลาถึง ปัตตานี กรวดทรายชุดนี้จะสะสมตัวเป็นชั้น ๆ โดยมีดินเหนียวและทรายละเอียดหรือหยาบแทรกสลับเป็นช่วง ๆ ทำ ให้เกิดเป็นกรวดทรายแยกกันอยู่หลาย ๆ ชั้น เช่น ในที่ราบลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างหรือตอนใต้ มีชั้นกรวดทรายที่มีน้ำคุณภาพดีเท่าที่พบแล้ว จำนวน 7 ชั้น แต่ละชั้นหนาประมาณ 50 เมตร สำหรับในแอ่งเชียงใหม่ กรวดทรายที่เป็นชั้นน้ำบาดาลที่ดี จะอยู่ที่ความลึกตั้งแต่ 170-300 เมตร ที่จังหวัดกำแพงเพชร พิจิตร อยู่ที่ความลึก 150-200 เมตร ค่าสัมประสิทธิ์ของการซึมได้ของกรวดทรายชุดนี้บริเวณกรุงเทพมหานคร อยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย 55-80เมตร/วัน บริเวณพื้นที่ราบเจ้าพระยาตอนเหนือ เฉลี่ย 10-30 เมตร/วันตะกอนน้ำพาดังกล่าวข้างต้น มีคุณสมบัติทางอุทกธรณีที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการตกตะกอนและขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่สะสมวางตัวอยู่ด้วย ในพื้นที่ที่อยู่ติดกับทะเล เช่น ที่ราบลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ที่ราบริมฝั่งทะเลภาคตะวันออก และภาคใต้ พื้นที่บางส่วนจะถูกน้ำทะเลท่วมถึง ทำให้น้ำทะเลแทรกซึมเข้าไปในช่องว่างของตะกอนหรือไปแทนที่น้ำจืด เป็นเหตุให้น้ำบาดาลคุณภาพจืดที่มีอยู่เดิม ทีคุณภาพกร่อยหรือเค็ม หรือ ในกรณีพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตะกอนน้ำพาบางส่วนจะวางตัวอยู่บนชั้นหินเกลือทำให้ได้รับอิทธิพลของน้ำเกลือที่ไหลซึมเข้ามา จนเป็นเหตุให้น้ำบาดาลในชั้นตะกอนมีคุณภาพกร่อยหรือเค็ม ตะกอนน้ำพานี้ถ้าสะสมตัวอยู่ในที่ลึกมาก ๆ หรือมีชั้นตะกอนปิดทับอยู่หนามาก ๆ และชั้นกรวดทรายที่เป็นชั้นน้ำบาดาลนั้นเอียงเท ก็จะทำให้มีแรงดันภายในกรวดทรายสูงขึ้นในลักษณะของชั้นหินอุ้มน้ำมีแรงดัน (Confined aquifer) ถ้าหากเจาะบ่อบาดาลทะลไปถึงชั้นกรวดทรายดังกล่าว ก็จะได้บ่อน้ำพุ (Flowing artesian well) มีน้ำไหลพุพุ่งออกมาโดยแรงดันธรรมชาติ เช่น ที่บริเวณพื้นที่ราบลุ่มเจ้าพระยาตอนเหนือ บริเวณอำเภอขาณุวรลักษบุรี อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำ แพงเพชร บริเวณกรุงเทพมหานคร ถ้าเจาะลงไปในชั้นกรวดทรายระดับความลึกมากกว่า 450 เมตร ก็จะได้บ่อน้ำพุ ตลอดจนอุณหภูมิของน้ำบาดาลที่ได้อาจจะสูงถึง 70-80 องศาเซลเซียส สำหรับตะกอนน้ำพาที่สะสมตัวอยู่ในระดับตื้น ๆ หรือตามลำ น้ำยุคปัจจุบัน จะเป็นชั้นน้ำที่ปราศจากแรงดันหรือชั้นหินอุ้มน้ำไม่มีแรงดัน (Unconfined aquifer) ได้รับน้ำฝนลง ไปเพิ่มเติมโดยตรง",
"เกาะแคโรไลน์ไม่มีแหล่งน้ำจืดนิ่งแต่เนกไอลิตและเซาท์ไอลิตนั้นมีชั้นหินอุ้มน้ำใต้ดินอยู่ และมีการสร้างบ่อน้ำเพื่อเจาะเอาน้ำดื่มสำหรับนิคมชั่วคราว[6] ดินบนเกาะเลวพอ ๆ กัน ลักษณะเป็นกรวดปะการังและทรายเป็นหลัก โดยมีองค์ประกอบอินทรีย์ที่สำคัญอยู่เฉพาะศูนย์กลางของเกาะที่มีสภาพเป็นป่าเสถียรเท่านั้น การทับถมของปุ๋ยขี้นกทำให้บริเวณที่มีปุ๋ยนี้อุดมด้วยไนโตรเจน แต่แม้ในบริเวณที่มีอายุมากสุดและมีพืชพรรณมากที่สุดของเกาะ ดินก็ยังหนาไม่กี่เซนติเมตร[4]",
"สภาพภูมิอากาศขององค์การบริหารส่วนตำบลหนองสามวัง แบ่งออกเป็นสามฤดู คือ\nพื้นที่บริเวณหนองสามวัง อำเภอหนองเสือ จะเป็นดินเปรี้ยวปนทราย ดินที่มีกรดกำมะถัน (acid sulphate soils) เป็นดินที่มีค่าความเป็นกรด (pH) ต่ำกว่า 4.0 และมีทรายปนทำให้ดินอุ้มน้ำต่ำ แต่ก็ยังสามารถปลูก ผัก ผลไม้ พืชสวนไร่ โดยมีหมอดินเป็นผู้เข้ามาดูแลให้ความรู้เรื่องการปรับสภาพดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืช ผัก ผลไม้\nองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสามวัง อยู่ในเขตชลประทานมีประตูน้ำระบาย ที่เรียกว่าประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ มีน้ำอุดมสมบูรณ์ ทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ส่วนน้ำใต้ดินมีปริมาณน้ำน้อย ส่วนใหญ่แหล่งน้ำในอำเภอหนองเสือ จะเป็นน้ำกร่อย มีตะกอนสนิมเจือปน\nตำบลหนองสามวังอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร (เขตดอนเมือง) ไปทางตะวันออกประมาณ 55 กิโลเมตร การเดินทางในปัจจุบันสะดวก มากทางรถยนต์เส้นทางถนนหลักสาย รังสิต - นครนายก (ทางหลวงหมายเลข 305) และมีถนนสายคลองหลวง - หนองเสือ นอกจากนี้ยังมีถนนเพื่อใช้ในการสัญจรภายในหมู่บ้านชุมชน ซึ่งมีทั้งถนนคอนกรีต ลาดยาง และลูกรัง จำนวน 20 สายซอย \nการให้บริการไฟฟ้าในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสามวัง มีจำนวนประชากร 3,181 ครัวเรือน (ข้อมูลเดือน กันยายน 2559) ครัวเรือน ส่วนใหญ่ใช้ไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอธัญบุรี และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคองค์รักษ์ จังหวัดนครนายกเพียงเล็กน้อยและปัจจุบันองค์การบริหารส่วนตำบลหนองสามวัง ได้ติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะครบทุกหมู่บ้านทุกซอย",
"คันดินอาจเกิดขึ้นจากกระบวนการทางธรรมชาติได้เช่นกัน ซึ่งเกิดจากการท่วมของน้ำในแม่น้ำเข้ามาในพื้นที่ลุ่ม โดยกระแสน้ำได้พัดพาตะกอนมาสะสมตัวในบริเวณด้านข้างทั้งสองฝั่งของเส้นทางน้ำ ตะกอนที่ถูกพัดพามาจะมีขนาดเล็กเช่น พวกตะกอนทรายแป้ง มาตกสะสมตัวเป็นชั้นๆ และในบริเวณชายหาดก็สามารถเกิดคันดินขึ้นได้ โดยจะเกิดเชื่อมต่อกันหลายคันดิน เนื่องจากกระบวนการทางทะเล เราเรียกว่า สันทราย คันดินจะประกอบไปด้วยหินและตะกอนตกสะสมตัวตามแนวราบเป็นชั้นๆ และอาจถูกปกคลุมด้วยพืชพรรณคันดินที่มีชื่อเสียงในด้านการป้องกันน้ำท่วมอยู่ในบริเวณแนวแม่น้ำมิสซิสซิปปี และแม่น้ำซาคราเมนโต ในประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงแม่น้ำโป แม่น้ำไรน์ แม่น้ำเมิซ แม่น้ำลัวร์ และแม่น้ำวิสทูรา การเกิดเป็นดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเกิดจากแม่น้ำไรน์ แม่น้ำมาร์ แม่น้ำเมิซ และแม่น้ำสเกลต์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมถึงแม่น้ำดานูบในทวีปยุโรป",
"ตะกอนเชิงเขา (Colluvial deposits) เป็นชั้นตะกอนที่สะสมตัวอยู่เชิงเขาหรือหุบเขาแคบ ๆ เกิดจากการผุพังของหินแข็งในพื้นที่และหินร่วน ซึ่งสะสมตัวตามหุบเขาบริเวณแคบ ๆ หรือตามบริเวณพื้นที่ลาดเอียงเชิงเขา โดยส่วนใหญ่จะก่อตัวเป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ที่มีลักษณะภูมิประเทศสูง ๆ ต่ำ ๆ ในลักษณะ รอยคลื่น (Rolling hill) ความหนาของหินร่วนประเภทตะกอนเชิงเขา จะแตกต่างกันไปตั้งแต่ไม่เกิน 20 เมตร ในบริเวณจังหวัดชลบุรี ถึงมากกว่า 100 เมตร ในบริเวณอำ เภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เนื่องจากหินร่วนประเภทตะกอนเชิงเขามีส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นเศษหินเหลี่ยมปะปนกับดินเหนียวที่ผุพังจากหินดั้งเดิม (Country rocks) และตกทับ จากการผุพังจากภูเขาสูงลงสู่หุบเขาหรือพื้นที่ลาดเอียงเชิงเขาอย่างรวดเร็ว ทำ ให้ไม่มีการคัดขนาดของตะกอน จึงมีสภาพการตกตะกอนแบบคลุกเคล้ากันระหว่างดินเหนียวและเศษหินเหลี่ยม ที่ให้ความพรุนน้อยและกัก เก็บน้ำบาดาลได้น้อย จากสถิติ การเจาะบ่อน้ำบาดาลในหินร่วนประเภทนี้ มักได้น้ำไม่เกิน 5 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หรือเป็นชั้นหินอุ้มน้ำประเภทให้น้ำน้อยหรือศักยภาพต่ำ"
] |
การสังหารหมู่ที่พอร์ตอาร์เทอร์ โดยใครเป็นผู้สังหารชีวิตประชาชน? | [
"การสังหารหมู่ที่พอร์ตอาร์เทอร์ เป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญอันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 35 ราย และบาดเจ็บ 37 ราย เกิดขึ้นในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2539 โดยนาย มาร์ติน ไบรแอนต์ (Martin John Bryant) ชายวัย 28 ปีจากเมืองนิวทาวน์ โดยบริเวณเกิดเหตุส่วนใหญ่คือสวนประวัติศาสตร์พอร์ตอาร์เทอร์ เขาถูกพิพากษาว่าเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตถึง 35 ชีวิต[1] และถูกจองจำตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาสได้รับการอภัยโทษ ปัจจุบัน ผู้ต้องหารายนี้ถูกคุมขังอยู่ที่ ศูนย์จองจำวิลเฟรด (Wilfred Lopes Centre) ใกล้กับเรือนจำริสดอน (Risdon Prison) [2] เหตุการณ์ในครั้งนี้นับเป็นเหตุสะเทือนขวัญที่สุดในออสเตรเลีย และเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สะเทือนขวัญของโลกในปัจจุบัน"
] | [
"พ.ศ. 2544 นางพอลลีน แฮนสัน หัวหน้าพรรควันเนชัน[17] สร้างกระแสการโต้เถียงขึ้นมาใหม่ โดยกล่าวว่าประเทศในเครือจักรภพคิดว่า \"การสืบสวนอย่างเต็มกำลัง\" นั้นเป็นไปไม่ได้ เมื่อ \"คนหลายคนกำลังถามถึง\" พอร์ตอาร์เทอร์[18] สมาคมยิงปืนแห่งออสเตรเลียปฏิเสธทฤษฎีสมคบคิดทั้งหมด และชี้ว่าข้อกล่าวอ้างทั้งหมดเป็น \"เรื่องงี่เง่า\" และเตือนพรรควันเนชันว่า จะเปลี่ยนใจถอนคำพูด หรือจะเสี่ยงต่อการถูกชักนำโดยผู้คนในชุมชน[19]",
"หมวดหมู่:พ.ศ. 2437 หมวดหมู่:การสังหารหมู่ หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์จีน",
"ในชั้นต้น ไบรแอนต์ให้การว่าเขาไม่ได้ตั้งใจสังหารทั้ง 35 ชีวิต เขาหัวเราะอย่างคนไร้สติเมื่อผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษา สุดท้ายเขาต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน ไบรแอนต์ไม่ได้ยอมรับว่าเขาทำผิด เขาถูกระบุว่าผิดจริง และถูกจองจำตลอดชีวิตจากการสังหาร 35 ชีวิต บวกกับ 1,035 ปีในเรินจำริดดอน ของเมืองโฮบาร์ท (จากการรวมโทษทั้งหมดเข้าด้วยกันรวมทั้งพยายามฆ่า, ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บด้วยการยิงและการทำร้ายผู้คนหลายราย) เอกสารการจองจำของเขาไม่ได้รับการเปิดเผย การรับโทษของเขานั้น ไม่มีการอภัยโทษ ซึ่งพบได้ยากมากในออสเตรเลีย ซึ่งส่วนมากนักโทษในออสเตรเลีย จะได้รับโอกาสอภัยโทษหลังถูกจองจำมายาวนาน มาร์ติน ไบรแอนต์ถูกจัดว่าเป็น ฆาตกรสังหารหมู่ที่เหี้ยมโหดที่สุดในออสเตรเลีย และเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการสังหารหมู่ที่เลวร้ายที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน (ไม่นับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์)",
"ไบรแอนต์ขับรถไปที่บริเวณขายตั๋วที่มียานยนต์หลายคันอยู่ เขาซ่อนปืนของเขาแล้วออกจากรถ เขาเข้าถกเถียงกับนาย ซาลซ์แมนน์ ไม่เป็นที่ทราบว่าทั้งคู่เถียงกันเรื่องอันใด แต่น่าจะเพราะว่ารถของไบรแอนต์ไม่สามารถเคลื่อนต่อไปได้ เพราะรถคันอื่นกีดขวางอยู่ จากนั้น ไบรแอนต์หยิบปืนกระบอกเดิมมายิงสังหารนายซาลแมนน์",
"ในการสอบสวนของตำรวจถึงสาเหตุที่ไบรแอนต์ขโมยรถบีเอ็มดับเบิลยู แต่เขาอ้างว่ามีคนแค่ 3 คนในรถนั้น และไม่ได้ยิงใครเลย เขาปฏิเสธว่าเขาไม่ได้ขโมยรถมาจากบู๊ทขายตั๋ว แต่เอามาจากตัวประกันของเขา เขาว่าเขาคิดว่าตัวประกันเขาตายไปแล้วตอนที่รถระเบิด เขาแยกแยะไม่ได้ระหว่างไฟไหม้รถและไฟไหม้บ้าน เขาปฏิเสธการไปเยือนพอร์ตอาร์เทอร์ ซึ่งกลับกันกับคำให้การของคนหลายคนรวมทั้งคนขายตั๋ว เป็นอะไรที่แยกแยะไม่ได้ว่าเขาโกหกระหว่างการสอบสวน หรือว่าเป็นความพิการทางจิตในการลำดับเหตุการณ์กันแน่ ไบรแอนต์ยังให้การว่าปืนที่ตำรวจพบนั้นไม่ใช่ของเขา เว้นแต่ปืนลูกซองที่พบในรถใกล้บู๊ทขายตั๋วเท่านั้น",
"สวนประวัติศาสตร์พอร์ตอาร์เทอร์ถูกเปิดในอีกไม่กี่สัปดาห์ถัดมา และจากนั้น ภัตตาคารใหม่ก็ถูกสร้างขึ้น ร้านบรอด แอโรว์ คาเฟ ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็น \"place for quiet reflection\" และสถามที่รอบ ๆ ก็กลายเป็น \"สวนรำลึก\" เจ้าหน้าที่ที่พอร์ตอาร์เทอร์เองก็ไม่อยากจะพูดถึงเหตุการณ์นั้น และเลือกที่จะทำให้สถานที่ คงความเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม",
"หลัวไบรแอนต์ถูกจองจำ นักโทษรายอื่นพยายามที่จะฆ่าเขาในคุก เพื่อความปลอดภัยของเขา เขาจึงถูกแยกตัวออกมาจนเกือบจะกลายเป็นการขังเดี่ยวในคุกสร้างพิเศษตั้งแต่ พฤศจิกายน 2539 - กรกฎาคม 2540 แรงจูงใจในการก่อเหตุของเขา ถูกเก็บไว้เป็นความลับยิ่งยวด[5] รู้แต่เพียงทนายความของเขา ที่ไม่สามารถเปิดเผยความลับของลูกค้าโดยปราศจากความยินยอม ไบรแอนต์ได้รับอนุญาตให้ฟังเพลงจากวิทยุนอกคุก โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ได้รับข่าวเกี่ยวกับการสังหารหมู่ของเขาเลย ช่างภาพที่เข้าไปถ่ายรูปของเขา จะถูกเจ้าหน้าที่บังคับให้ทำลายฟิล์มทิ้ง ผู้ที่เข้าไปสัมภาษณ์เขา จะโกหกเขาว่าไม่มีใครพูดถึงการกระทำของเขาเลย[6]",
"ยังมีรถคันอื่นขับมาอีกแล้วถูกยิง คนขับถูกยิงที่แขน ส่วนไซมอน วิลเลียม ถูกเศษกระจกพุ่งใส่ ยังมีอีกคันผ่านมาเห็นแล้วกลับรถหนี ไบรแอนต์ยิงใส่แต่ไม่มีใครบาดเจ็บ ไบรแอนต์กลับไปที่รถ แล้วมุ่งไปยังบ้าน (ที่เขาสังหารสามี-ภรรยามาร์ตินในทีแรก)",
"ไบรแอนต์ฆ่าหล่อนด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ก่อนที่จะลั่นไกยิงเมเดเลียที่ไหล่ แล้วยิงซ้ำทะลุอก เป็นเหตุให้เด็กน้อยปางตาย อลันนาห์วิ่งและซ่อนหลังต้นไม้ ไบรแอนต์ยิงหล่อน 2 นัดแต่พลาด เขาเดินเข้าไปหาเธอ จ่อปากกระบอกปืนที่คอแล้วสังหาร เขายิงอีกหนึ่งหรือสองนัดใส่คนในพุ่มไม้แต่พลาด การได้เห็นเด็กน้อยถูกสังหารทำให้หลายบริเวณถนนคนวิ่งหนี พวกเขาบอกคนที่กำลังขับรถเข้ามาให้หนีไป พวกเขาคิดว่าไบรแอนต์จะไปตามถนน จึงกระโดดลงข้างทาง หลบในพุ่มไม้ รถถอยกลับไปที่บู๊ทขายตั๋ว ถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครในบริเวณขายตั๋ว รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น",
"การสังหารหมู่พอร์ตอาร์เทอร์ เกิดขึ้นระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1894 และลากยาวไปสองหรือสามวัน เมื่อส่วนหน้าของกองพลที่หนึ่งแห่งกองทัพญี่ปุ่นที่สอง ภายใต้บังคับบัญชาของพลเอกตาเดียว ยามาจิ โมโตฮารุ (ค.ศ. 1841-1897) สังหารทหารช่างและพลเรือนชาวจีนไประหว่าง 1,000 ถึง 20,000 คน เหลือผู้รอดชีวิตไว้เพียง 36 คนเพื่อฝังศพ[1] ในนครชายฝั่งพอร์ตอาร์เทอร์ของจีน (ปัจจุบันคือ ลวีชุนโกว) อย่างไรก็ดี มีการสงสัยตัวเลขประเมินผู้เสียชีวิตที่สูง เพราะบันทึกร่วมสมัยของสงครามประเมินตัวเลขประชากรทั้งหมดของพอร์ตอาร์เทอร์ไว้ที่ 6,000 คน (หรือ 13,000 คน หากรวมทหารประจำนคร) [2] รายงานภายหลังประเมินว่า 18,000 คนจากทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กัน โดยชาวจีนเสียชีวิต 1,500 คน[3]",
"ไบรแอนต์อยู่ใกล้ทางออก ไม่มีใครพยายามวิ่งผ่านเขาเพื่อหลบหนี ไบรแอนต์เดินจากคาเฟ่ไปที่ร้านขายของฝาก มีประตูทางออกที่บริเวณจัดแสดงสินค้า สำหรับเดินออกไปที่ระเบียงด้านนอก แต่ถูกลงกุญแจ เปิดได้ด้วยกุญแจเท่านั้น หลังจากไบรแอนต์เดินไปมา นาย อีลลอต์คิดว่าเขาคงถูกพบในไม่ช้า เขาไม่สามารถหลบใต้โต๊ะที่เต็มไปด้วยคนอีกต่อไป เขาจึงวิ่งไปที่เตาผิงและถูกยิงที่แขนและหัว แต่รอดตายจากการผ่าตัด",
"ไบรแอนต์ขยับต่อไปอีกไม่กี่เมตรก็ยิงใส่โต๊ะอื่น ถูก เกรแฮม โครเยอร์ที่คอ ถึงแม้ร่างของเขาจะเต็มไปด้วยเลือดแต่เขาก็ไม่ตาย",
"ศาสตราจารย์ พอล มูเลน นักจิตวิทยา Forensic ทำการวิจัยเพิ่มเติมพบว่า เหตุการณ์สังหารหมู่ที่พอร์ตอาร์เทอร์และที่เกิดขึ้นก่อนนี้ ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์นั้น เป็นอาชญากรรมลอกเลียนแบบ (Copycat Crime) [7] จากทฤษฎีนี้ บรรดาสื่อมวลชน ก็พยายามแนะนำเพื่อป้องกันการเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบอาชญากรรม ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในแทสเมเนีย นักสืบก็พบว่ารายการ A Current Affair (รายการโทรทัศน์ในออสเตรเลีย ปัจจุบันก็ยังฉายอยู่ทางช่อง 9 ของออสเตรเลีย) ได้แนะนำการฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดการยอมรับการสังหารหมู่[8][9][10] แต่แรงจูงใจให้ไบรแอนต์ก่อเหตุนั้น น่าจะมาจากการสังหารหมู่ที่ Dunblane [11]",
"วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2539 นาย มาร์ติน บาร์แยนท์ได้ก่อเหตุสะเทือนขวัญ สังหารชีวิตประชาชนในบริเวณพอร์ตอาร์เทอร์อย่างเลือดเย็น มีผู้เสียชีวิตจากการสังหารของเขาถึง 35 ราย และบาดเจ็บอีก 37 ราย ตัวเขาถูกจับได้ในวันถัดมาและถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และจากเหตุการณ์นี้ทำให้รัฐบาลสหพันธ์ออสเตรเลีย ร่างกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ทำให้ออสเตรเลียกลายเป็นประเทศที่เข้มงวดต่อการครอบครองอาวุธปืนมากที่สุดประเทศหนึ่ง",
"การสังหารหมู่ที่พอร์ตอาร์เทอร์ อาจหมายถึง",
"นายแพรส์ถูกพบว่าตายไปก่อนไฟไหม้แล้ว ร่างของคู่มาร์ตินก็ถูกพบและถูกชันสูตรว่าทั้งคู่ถูกยิง ในกรณีของนางมาร์ตินนั้น ได้รับการทุบตีด้วย ทั้งคู่ตายก่อนไฟไหม้ ตามที่ถูกกล่าวในศาลฎีกาของแทสเมเนีย ทั้งคู่เสียชีวิตประมาณบ่าย ๆ ของวันที่ 28 เมษายน อาวุธชิ้นหนึ่งถูกพบว่าไหม้ในบ้าน และอีกกระบอกบนหลังคาที่เชื่อว่าไบรแอนต์ถูกพบเห็นในตอนกลางคืน ทั้ง2กระบอกถูกพบว่าระเบิดเนื่องจากแรงดันในกระบอก อาจจะเนื่องจากการถูกเผา",
"จากนั้นไบรแอนต์ขับรถไปที่พอร์ตอาร์เทอร์ เขาล็อกบ้านซีสเคปแล้วเอากุญแจไปด้วย เขาหยุดดูรถคันหนึ่งซึ่งจอดเสียอยู่เพราะเครื่องยนต์ร้อนจัด เขาเข้าไปคุยกับคน 2 คนที่นั่น และแนะนำให้พวกเขาแวะมาดื่มกาแฟที่ร้านกาแฟพอร์ตอาร์เทอร์ในภายหลัง",
"เทลมา วองค์เกอร์ และ พาเมเลีย ลอว์ นั่งโต๊ะข้างหลัง บาดเจ็บเพราะเศษกระสุนที่สังหารนายคิสแทน และนายมิลส์ ปีเตอร์ ครอสเวลกดสองสาวให้หมอบลงใต้โต๊ะและบาดเจ็บจากเศษกระสุนที่ยิงไปที่ แพททริเซีย เบอเกอร์ (ไม่ตาย)",
"ผู้ที่สนับสนุนทฤษฎีนี้ และได้รับการยอมรับมากที่สุดคือ โจว์ วิออลส์ โดยเชื่อว่า ไบรแอนต์ถูกทำให้เหมือนกับว่าเป็นอาชญากร โดยบุคคลลึกลับหนึ่งหรือมากกว่านั้น ที่เป็นมือสังหารที่แท้จริง [14] ทฤษฎีนี้นั้นถูกนำไปกล่าวอ้าง โดยกลุ่มผู้สนับสนุนการครอบครองอาวุธปืน อีกทั้งกล่าวว่าพวกต่อต้านอาศัยเหตุลอบสังหารล็อบบี ให้ร่างกฎหมายความคุมอาวุธผ่านสภา ตัวอย่างเช่น องค์กรกึ่งทหารอย่าง สมาคมลูกเสือออสเตรเลีย กล่าวว่า ไบรแอนต์ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะถือปืนออกไปก่อเหตุสังหารหมู่[15] อีกทฤษฎีหนึ่งที่นำมาใช้เทียบเคียง ก็คือเหตุการณ์สังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคเนดี",
"คนขับรถ BMW คนหนึ่งวิ่งออกจากรถ พุ่งตรงมายังไบรแอนต์ ไม่เป็นที่ปรากฏว่าเขาพุ่งไปทางนั้นทำไม แต่คาดว่าเขาพยายามที่จะหยุดไบรแอนต์ไว้ ไบรแอนต์ก้าวมาทางเขาแล้วยิงเขาที่อกตาย รถคันอื่นที่กำลังเข้ามาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และสามารถกลับรถหนีได้ทัน ไบรแอนต์เข้าไปนั่งใน BMWคันนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเพราะไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้นเลย พบว่า ไบรแอนต์ยิงผู้หญิงอีก2คนในรถนั้น แล้วโยนร่างของทั้ง2ลงมาจากรถ ไบรแอนต์ย้ายกระสุน, กุญแจมือ, ไรเฟิล เออาร์-15 ไปยัง BMW (ผู้ตายจากการสังหารที่จุดขายตั๋ว นอกจาก เกรแฮม ซาลแมนน์นั้น ประกอบด้วย แมรี นิกสัน, รุสเซล โพลาร์ดและ เฮเลน ซาลแมนน์[4])",
"เหตุการณ์สังหารหมู่ที่พอร์ตอาร์เทอร์นี้ คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในเมือง Dunblane ในสก็อตแลนด์ ที่เกิดเหตุคล้ายคลึงกัน (การสังหารหมู่ที่เมืองDunblane) เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ทำให้ชุมชนของทั้ง 2 เมืองแลกเปลี่ยนสิ่งของกันไปวางไว้อาลัยที่อนุสรณ์ของเหตุการณ์ดังกล่าวทั้งสองเหตุการณ์",
"ลำดับเหตุการณ์ในวันนี้ นำมาปะติดปะต่อกันในภายหลังโดยตำรวจสืบสวน ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้แถลงต่อศาลเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539[3]",
"เขาขับรถเข้าไปที่พอร์ตอาร์เทอร์ และหยุดรถที่เกสต์เฮาส์ ซีสเคป ซึ่งเป็นของนายเดวิด และนางแซลลี มาร์ติน มีผู้พบเห็นไบรแอนต์ขับรถออกจากถนน อาร์เทอร์ ไฮเวย์ เข้าไปในซีสเคป เวลาประมาณ 11.45 น. เขาเข้าไปข้างในบ้านและยิงปืนหลายนัด จากนั้นจึงมัดปากนายมาร์ติน และแทงเขา พยานให้การในศาลเกี่ยวกับจำนวนกระสุนที่ยิงในเวลานี้แตกต่างกันไป แต่เชื่อได้ว่าไบรแอนต์น่าจะสังหารคู่สามีภรรยามาร์ตินแล้วตั้งแต่เวลานี้",
"(อ่านเพิ่มเติมได้ที่ มาร์ติน ไบรแอนต์)",
"ณ 13.30 น. มีตำรวจสองนายในพื้นที่เท่านั้น ที่ได้รับแจ้งเหตุทางวิทยุให้เข้าไปตรวจสอบที่พอร์ตอาร์เทอร์ และให้มองหารถวอลโว่สีเหลือง พวกเขามุ่งไปยังพอร์ตอาร์เทอร์ด้วยรถคนละคัน ระหว่างทาง ได้รับแจ้งให้หา บีเอ็มดับเบิลยู และท้ายสุด เหตุรับแจ้งจากฟอกซ์ แอนด์ ฮอนด์ว่ามีคนถูกยิง",
"มีทฤษฎีสมคบคิดอยู่อย่างน้อย 2 ทฤษฎี ที่อาจจะนำไปสู่การสังหารหมู่ครั้งนี้",
"ประมาณ 15.00 น. หลังจากยิงกดหัวตำรวจทั้งสองได้พักใหญ่ ไบรแอนต์โทรไปที่สถานีตำรวจท้องถิ่น และแฟนของหนึ่งในตำรวจคู่นั้นก็เป็นผู้รับสาย เขาถามหล่อนว่าหล่อนเป็นใคร และถามว่ารู้ไหมว่าสามีของหล่อนอยู่ที่ไหน เขาบอกหล่อนว่าเขาชื่อ เจมี เขาถามว่ารู้ไหมว่าสามีของหล่อนเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่หล่อนไม่ตอบ เขาบอกหล่อนว่าสามีหล่อนยังไม่เป็นอะไร แล้วเขาก็รู้ว่าสามีของหล่อนอยู่ไหน",
"แอนโทนี ไนติงเกล ยืนขึ้นเมื่อได้ยินเสียงปืนนัดแรกแต่ไม่มีเวลามากพอจะขยับ เขาตะโกนว่า \"ไม่ ไม่ใช่ที่นี่!\" ไบรแอนต์เล็งมาที่เขาและเขาถูกยิงปางตายเข้าที่คอและซี่โครง",
"หมวดหมู่:การสังหารหมู่ หมวดหมู่:ประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย"
] |
คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อไหร่? | [
"กริชตียานู รูนัลดู ดุช ซังตุช อาไวรู (Portuguese: Cristiano Ronaldo dos Santos Aveiro; เกิด 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985) หรือที่รู้จักกันในชื่อ คริสเตียโน โรนัลโด เป็นนักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับยูเวนตุสในเซเรียอา และเป็นกัปตันทีมชาติโปรตุเกสคนปัจจุบัน โรนัลโดเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ฟุตบอลรองจากแกเร็ธ เบล หลังย้ายจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มาอยู่กับเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ โรนัลโดได้รับค่าจ้างในการลงเล่นให้กับเรอัลมาดริดจำนวน 12 ล้านปอนด์ต่อปี ทำให้เขาเป็นนักเตะที่มีค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก[3]"
] | [
"ที่มาของชื่อโรนัลโดนั้น บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของนายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของโรนัลโดชื่นชอบตั้งแต่เรแกนยังเป็นนักแสดงอยู่[9]",
"โรนัลโดประกาศว่าเขาได้กลายเป็นพ่อคนแล้ว เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 โดยประกาศในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขา โดยพูดว่า เขาได้ลูกชายและต้องการความเป็นส่วนตัว โดยลูกชายของเขาชื่อว่าคริสเตียโน โรนัลโดย จูเนียร์ ที่กำเนิดมาจากหญิงนิรนาม[33] โดยเขาได้รับสิทธิในการดูแลเด็กอย่างสมบูรณ์[34] ภายใต้การดูแลจากแม่ของโรนัลโดและพี่สาว[35]",
"ครอบครัวของโรนัลโดอาศัยอยู่ที่ย่านกิงตาดูฟัลเซา เขตซังตูอังตอนีอูของเมืองฟุงชาล ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งในตอนเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลมาก บริเวณตามถนน พอตอนเขาอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของทีมอังดูริญญา (Andorinha) โดยการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้ พอถึงปี พ.ศ. 2538 โรนัลโดย้ายไปอยู่กับทีมนาซีอูนัล (Nacional) โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล[10]",
"พอเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโด เขาได้ถูกเปลี่ยนเบอร์ของเสื้อจากเบอร์ 9 เป็นเบอร์ 7 และได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็นโชเซ มูรีนโย ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสที่รู้จักในตัวของโรนัลโดเป็นอย่างดี ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ในนัดที่เรอัลมาดริดเจอกับราซิงเดซานตันเดร์ โดยโรนัลโดทำประตูไปได้ถึง 4 ประตู ทำให้เรอัลมาดริดชนะไป 4-0 แล้วในนัดที่เจอกับ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา โดยเรอัลมาดริดไปเยือนที่กัมนอว์ แพ้ไป 5-0 ซึ่งโรนัลโดก็ได้มีจังหวะยิงหลายครั้ง แล้วหลังจากในนัดนั้น เรอัลมาดริดได้เปิดบ้านพบกับแอทเลติกบิลบาโอ โดยในนัดนั้นโรนัลโดเกือบทำแฮตทริกได้โดยเขายิงไป 5 ประตู ในช่วงเวลาต่างกันไม่เกิน 6 นาที ทำให้ชนะไป 6-1 และในช่วงปลายปี ค.ศ. 2010 เขาได้ทำเกือบทำซูเปอร์แฮตทริกเป็นครั้งแรกในตัวของเขาโดยในถ้วยโกปาเดลเรย์กับเลบันเตอูเด โดยโรนัลโดทำไป 5 ประตู และแฮตทริกของการีม แบนเซมา ทำให้เรอัลมาดริดชนะไป 8-0",
"รางวัลนี้เริ่มมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2010 หลังจากที่ได้รวมรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป (บาลงดอร์) เข้ากับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี (FIFA World Player of the Year award) ผู้ชนะในปี ค.ศ. 2010 , ค.ศ. 2011 และ ค.ศ. 2012 คือเลียวเนล เมสซี ส่วนใน ค.ศ. 2013 คือคริสเตียโน โรนัลโด โดยในปีล่าสุดคริสเตียโน โรนัลโด ได้ทำผลงานโดดเด่นเอาไว้คือ การยิงแฮตทริคในนัดที่พาทีมโปรตุเกสบุกไปเอาชนะทีมสวีเดน ที่มีซลาตัน อีบราฮีมอวิช เป็นผู้นำทัพไปได้ด้วยสกอร์ 3-2 เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2013 ในเกมฟุตบอลโลก 2014 รอบเพลย์ออฟนัดสอง",
"ในฤดูกาล 2011-12 เรอัลมาดริดสามารถคว้าแชมป์ลาลีกามาได้เป็นสมัยที่ 32 ของสโมสรในประวัติศาสตร์การแข่งขันลาลีกาและจบอันดับ 1 ของฤดูกาลด้วยการมีคะแนนทั้งหมด 100 คะแนน จากทั้งหมด 114 คะแนน ยิงประตูคู่แข่งได้มากถึง 121 ประตู และเสียประตูให้คู่แข่งไป 32 ประตู และผลต่างของลูกได้กับลูกเสียคือ 89 ประตู พร้อมกับชนะคู่แข่งทั้งหมด 32 นัด เสมอ 4 นัด และแพ้ 2 นัด และคริสเตียโน โรนัลโด กลายเป็นผู้เล่นที่เร็วที่สุดในการทำประตูมากกว่า 100 ลูก ในประวัติศาสตร์ลีกสเปนยังเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้ โดยโรนัลโดทำประตู 101 ประตู จากการลงเล่นแค่ 92 โดยทำให้โรนัลโดแซงสถิติของเฟเรนส์ ปุชคัช อดีตนักฟุตบอลชาวฮังการีของสโมสรที่ทำประตูที่ 100 จากการลงเล่น 105 นัด แล้วโรนัลโดยังเป็นผู้เล่นคนแรกของสโมสรที่ทำประตูสูงสุดในหนึ่งปี (60 ประตู) และโรนัลโดยังเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงประตูคู่แข่งทั้ง 19 สโมสรในลาลีกาเพียงฤดูกาลเดียวอีกด้วย",
"ในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2009 สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ได้ซื้อตัวโรนัลโดมาด้วยค่าตัวถึง 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติการซื้อนักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในประเทศอังกฤษ เขาได้รับตำแหน่งสวมเสื้อหมายเลข 9 โดยในฤดูกาลนี้โรนัลโดทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยได้ลงเล่นเป็นตังจริงทั้งหมด ถึง 35 นัด ทำประตูไปได้ 33 ประตู ซึ่งครองดาวซัลโวสูงสุดของลาลีกา ในฤดูกาลนี้ โดยโรนัลโดได้ถูกเล่นในตำแหน่งกองหน้า และบางครั้งเขาอาจจะเล่นในตำแหน่งปีกขวา โรนัลโดทำประตูแรกตั้งแต่มาอยู่กับเรอัลมาดริดคือในนัดที่เจอกับสโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด โดยเรอัลมาดริดชนะไป 2-0 และในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2009 โรนัลโดได้ยิงลูกฟรีคิกระยะใก้ลถึงสองครั้งในนัดที่เจอกับเอฟซี ซูริช โดยเรอัลมาดริดชนะไป 5-2 ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม",
"โรนัลโดได้ลงเล่นฟุตบอลในนามทีมเยาวชนของอังดูริญญา เมื่อเขาเล่นได้อยู่สองปี ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับนาซีอูนัลในปี 1997 เขาได้ทำสัญญาให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างสปอร์ติงลิสบอน โรนัลโดได้ถูกพิจารณาย้ายตัวไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยคนที่ซื้อเขาคือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซื้อตัวเขามาด้วยจำนวนเงิน 12.24 ล้านปอนด์ โรนัลโดได้แชมป์เอฟเอคัพ ซึ่งเป็นเกียรติประวัติแชมป์แรกของเขาในปี 2003",
"ในช่วงที่โรนัลโดอายุ 8 ขวบ โรนัลโดได้เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอังดูริญญา ซึ่งพ่อของเขาเป็นผู้จัดการทีมของสโมสรแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 1995 โรนัลโดได้ทำสัญญากับสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นคือ สโมสรฟุตบอลนาซีอูนัล และได้เล่นให้กับสโมสรนี้เป็นเวลา 5 ปี แล้วได้ย้ายไปอยู่กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล (สปอร์ติงลิสบอน) ในช่วงปี ค.ศ. 1997 และได้สำเร็จการเล่นฟุตบอลเยาวชนให้กับในประเทศของตน",
"ในศึกฟุตบอลโลก 2006 โรนัลโดถูกแฟนบอลอังกฤษรุมโห่ไล่หลังจากที่มีส่วนทำให้เวย์น รูนีย์ เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต้องถูกไล่ออกในเกมที่อังกฤษพบกับโปรตุเกส โรนัลโดถูกสื่อในอังกฤษกดดันและต่อว่า อย่างไรก็ดีโรนัลโดยังคงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[11]",
"เมษายน 2007 คริสเตียโน โรนัลโด คว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมและผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษหรือพีเอฟเอไปครอง โดยเป็นผู้เล่นรายที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศทั้งสองมาครอบครองในเวลาเดียวกัน หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตลอดฤดูกาลนี้โดยก่อนหน้านี้ แอนดี เกรย์ เคยทำได้เมื่อปี 1977 หรือ ราว 30 ปีก่อน[12]",
"โรนัลโดถูกโห่ในระหว่างการแข่งขันโปรตุเกสกับฝรั่งเศสในรอบก่อนรองชนะเลิศซึ่งโปรตุเกสได้แพ้ไป[29] และพลาดรางวัลผู้เล่นของการแข่งขันที่ดีที่สุด.[30] แม้ว่าการโหวตออนไลน์รับผลกระทบเพียงกระบวนการสรรหา กลุ่มศึกษาทางเทคนิคของฟีฟ่าได้รับรางวัลเกียรติยศของเยอรมนีไปให้ลูคัส โพดอลสกี โดยอ้างว่าพฤติกรรมของโรนัลโดเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ[31]",
"ความสำเร็จและการพัฒนาของโรนัลโดในช่วงอยู่กับเรอัลมาดริดเริ่มดีขึ้น โดยโรนัลโดซัดประตูในฤดูกาลนี้ไป 60 ประตู (รวมทุกรายการ) และได้เล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกไปจนถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็แพ้ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ไป 3-1 (ดวลจุดโทษ) แต่โรนัลโดก็สามารถนำทีมได้แชมป์ลาลีกา ได้เป็นครั้งที่ 32 ของสโมสร โดยในช่วงปลายฤดูกาล เรอัลมาดริดกับบาร์เซโลนาได้แข่งขันกันที่กัมนอว์ ในนัดที่ 2 ซึ่งโรนัลโดก็เป็นฮีโรโดยเขาได้ยิงประตูชัยสุดสำคัญในการนำทีมเรอัลมาดริดคว้าแชมป์ลาลีกาด้วยการชนะสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา ไป 2-1 ที่กัมนอว์ และจบอันดับ 1 ของตาราง และเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของโลกที่ทำคะแนนได้ 100 คะแนน",
"โรนัลโดได้เป็นรองดาวซัลโวในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ในโซนยุโรปด้วยการยิงไป 7 ประตู[18] และประตูแรกของเขาในฟุตบอลโลก คือนัดที่พบกับอิหร่าน ด้วยการยิงลูกโทษ[21] เมื่อมาถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ได้พบกับอังกฤษในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 โรนัลโดได้พบเพื่อนร่วมทีมจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งก็คือ เวย์น รูนีย์ และรูนีย์ได้ไปทำฟาวล์ใส่กองหลังทีมชาติโปรตุเกสซึ่งคือ รีการ์ดู การ์วัลยู สื่ออังกฤษสันนิษฐานว่าโรนัลโดมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ตัดสินโอราซีโอ เอลีซอนโด โดยอุกอาจบ่นหลังจากที่เขาได้เห็นตรงม้านั่งสำรองของทีมชาติโปรตุเกสหลังจากการไล่รูนีย์ออก หลังการแข่งขันโรนัลโดยืนยันว่ารูนีย์เป็นเพื่อนของเขาและว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่เกี่ยวกับการไล่รูนีย์ออกจากสนาม[22] วันที่ 4 กรกฎาคม อริซอนโดได้บอกกับทางสื่อว่าการที่เขาแจกใบแดงให้รูนีย์เพราะเป็นการทำผิดของกฎฟุตบอลเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรนัลโดเลย[23]",
"หนังสือพิมพ์ของประเทศอังกฤษ ได้ประกาศข่าวร้ายของโรนัลโดเนื่องจากในข่าวบอกว่าเขาจะออกจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจากเหตุใบแดงของรูนีย์[24] และเขาได้ถูกกล่าวลงในหนังสือกีฬาประจำวันของประเทศสเปนว่าเขาจะย้ายไปอยู่กับเรอัลมาดริด[25]และเมื่อเฟอร์กูสันผู้จัดการทีมได้ทราบเขาเลยส่งผู้ช่วยการ์ลุช ไกรอช เพื่อมาพูดคุยกับโรนัลโดเพื่อเปลี่ยนความคิดของเขาในการย้ายจากสโมสรเพราะเหตุการณ์ของรูนีย์[26][27] โรนัลโดตัดสินใจอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และทำสัญญาใหม่ของเขาเป็นเวลา 5 ปี ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2007[28]",
"ในฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโดกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฟอร์มไม่ดีเท่ากับปีแรก หลังจากที่จบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 50 นัด แต่ทำได้แค่ 9 ประตู และในฤดูกาล 2005–06 โรนัลโดก็เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองมาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ด้วยการทำ 12 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด",
"เมื่อวันที่ 25 เมษายน ค.ศ. 2012 น็อยเออร์สามารถเซฟจุดโทษของ คริสเตียโน โรนัลโด และ กาก้า เขายังช่วยบาเยิร์นในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกกับเรอัลมาดริด หลังจากจบนัด น็อยเออร์ได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาศึกษาวิธีที่โรนัลโดยิงลูกโทษ \"ผมมักจะเตรียมความพร้อมต่อสถานการณ์ต่างๆเสมอ โทนี ทาพาโลวิช ผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตูของทีม ได้เปิดวิธีที่โรนัลโดมักยิงจุดโทษให้ผมดูบนแลปทอปของเขา ผมได้เรียนรู้ว่าโรนัลโดมักจะยิงจุดโทษไปทางฝั่งซ้ายล่างของเขา ผมเดาว่าเขาคงเลือกยิงจากจุดประจำของเขา\"[16]",
"โรนัลโดได้ลงเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกส นัดแรกที่โปรตุเกสชนะคาซัคสถาน ไป 1-0 ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2003[14]",
"พ่อของโรนัลโดเป็นผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ที่ชื่ออังดูริญญา และพ่อเขาขอให้กัปตันทีมที่ชื่อฟือร์เนา โซซา (Fernão de Sousa) เป็นพ่อทูนหัว ส่วนแม่ของเขามีอาชีพเป็นแม่ครัว โรนัลโดช่วยเหลือครอบครัวเป็นอย่างดี ช่วยพี่สาวคนโตเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่เกาะมาเดรา ส่วนพี่สาวอีกคน กาเตีย เป็นนักร้อง มีวงดนตรีชื่อ \"Ronalda\"[10]",
"โดยผลงานของโรนัลโดได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 299 นัด ทำประตูได้ 118 ประตู",
"นอกจากนี้แล้ว โรนัลโดยังได้รับคำชื่นชมจากอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ นักแสดงระดับซุปเปอร์สตาร์ของฮอลลีวุด ซึ่งเป็นอดีตสุดยอดนักเพาะกายโลก 7 สมัย ว่า เป็นนักฟุตบอลที่มีรูปร่างสมบูรณ์แบบที่สุดอีกด้วย[36]",
"โรนัลโดได้ย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2002–03 โรนัลโดใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ลีก และผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพกับ มิลล์วอลล์ ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Sir Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล 2003/04 โรนัลโดกับการพาทีมชาติโปรตุเกสผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูโร 2004 ก่อนพ่ายให้กับ กรีซ 0 - 1",
"ในปี ค.ศ. 2002 โรนัลโดในวัย 17 ปีได้ย้ายมาเล่นให้กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล (สปอร์ติงลิสบอน) เนื่องจากในช่วงนั้นสโมสรฟุตบอลชื่อดังในโปรตุเกสได้เห็นความสนใจของโรนัลโดมากแต่เขาเลือกที่จะมาอยู่กับ สปอร์ติงลิสบอน โดยโรนัลโดได้ลงเล่นเป็นตำแหน่งกองหน้า และได้มีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงเยอะ โรนัลโดโชว์ฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการหลบหลีกคู่ต่อสู้ การแย่งชิงบอล การยิงจากระยะไกล และการทำประตูอย่างแม่นยำ ทำให้โรนัลโดในช่วงนั้นโด่งดังไปทั่วในทวีปยุโรป และโรนัลโดมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง ด้วยจุดนี้เอง ทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชื่อดังของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ ได้สนใจที่จะนำโรนัลโดมาร่วมทีม ซึ่งการเจรจาซื้อตัวโรนัลโดก็เป็นที่สำเร็จ โดยก่อนที่โรนัลโดจะออกจากประเทศโปรตุเกส โรนัลโดเล่นให้กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล ไปแล้วทั้งสิ้น 31 นัด ทำไป 5 ประตู",
"ด้วยความสามารถและความโด่งดัง จึงมีเอเย่นต์สนใจเขามาเป็นพรีเซนเตอร์อยู่หลายชิ้น ภาพลักษณ์ของโรนัลโดสร้างความสำเร็จให้กับการตลาดมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอเกมต่าง ๆ ไปจนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ความหล่อเหลาของเขาก็ยังทำให้เขาได้รับการติดต่อจากนิตยสารแฟชั่นอีกด้วย นิตยสารโวกของอเมริกา นำเสนอเขาไปเป็นแบบปก และเขายังเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์รองเท้ากีฬาอย่าง ไนกี้ โดยทางไนกี้เล็งเห็นว่าโรนัลโดมีฝีเท้าที่เป็นนักเตะที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก จึงได้คุยกับโรนัลโดเพื่อผลิตรองเท้าที่เบา พัฒนารองเท้า รองเท้ารุ่น Mercurial Vapor ออกมา[32][10]",
"โรนัลโดคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟิฟโปร (FIFPro Special Young Player of the Year 2005) ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ให้แฟน ๆ เป็นผู้ลงคะแนนโหวตตัดสิน และในปีเดียวกันเขาก็ได้อันดับที่ 20 ในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย",
"ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร 2008 จัดทำโดยแอลจี บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน โรนัลโดได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1[6] ในปี 2012 โรนัลโดได้รับรางวัลนักกีฬาไอบีเรีย-อเมริกา ประจำปี 2012 ประเภทนักฟุตบอลชาย[7]",
"คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายฌูแซ ดีนิช อาไวรู (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมารีอา ดูโลรึช อาไวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์ ทวดฝ่ายมารดาของเขา อีซาเบล ดา ปีดาดึ มีพื้นเพมาจากประเทศกาบูเวร์ดี (เคปเวิร์ด)[8]",
"ประตูที่ทำได้จากการดวลลูกโทษจะไม่นำมานับ แต่ละนัดที่ตัดสินด้วยการยิงลูกโทษคือนับในฐานะเสมอการแข่งขันทั้งหมดมี 169 ประตูที่ทำได้ใน 64 นัด สำหรับค่าเฉลี่ย 169/64 round 2 ประตูต่อนัด ผู้เล่นที่อยู่ใน ตัวหนา คือยังอยู่ในระบบการแข่งขัน\nผู้เล่นที่อยู่ใน ตัวหนา คือยังอยู่ในระบบการแข่งขัน.\nเอดินซอน กาบานิ, เดนิส เชรืยเชฟ, เดียโก โกสตา, เอแดน อาซาร์, แฮร์รี เคน, โรเมลู ลูกากู (2), กีลียาน อึมบาเป, อาห์เมด มูซา, จอห์น สโตนส์\nแฮร์รี เคน, คริสเตียโน โรนัลโด\nซัลมาน อัลฟะร็อจญ์, แครีม แอนซอรีแฟร์ด, อาร์ตอม ดซูย์บา, อันเดรียอัส กรอนกวิสต์ (2), อ็องตวน กรีแยซมาน (3), เอแดน อาซาร์, มีเล เยดีนัก (2), ชินจิ คางาวะ, แฮร์รี เคน (3), ลูคา มอดริช, วิกเตอร์ โมซิส, คริสเตียโน โรนัลโด, มุฮัมมัด เศาะลาห์, ฟิรญานี ซาสซี, กิลวี ซีกืร์ดซอน, การ์โลส เบลา\nฟะฮัด อัลมุวัลลัด, กริสเตียน กูเอบา, ลิโอเนล เมสซิ, ลูคา มอดริช, คริสเตียโน โรนัลโด, บรายัน รุยซ์, กิลวี ซีกืร์ดซอน\nเอดซอน อัลบาเรซ, แอซิซ เบอิช, อะซีซ บูฮัดดูซ, เดนิส เชรืยเชฟ, เตียกอ ชอแนก, โอเกเนกาโร เอเตโบ, อะห์มัด ฟัตฮี, เฟร์นังจิญญู, เซียร์เกย์ อิกนาเชวิช, มารีออ มันจูคิช, ยาซีน มัรยาห์, ยัน ซ็อมเมอร์",
"นักเตะที่ใช้ทริกนี้ได้ดีมีหลายคนเช่น ซีเนอดีน ซีดาน, มาราโดน่า, โรนัลโด, คริสเตียโน โรนัลโด, โรบิญโญ่, โรนัลดิญโญ่ ,ธีรเทพ วิโนทัย เป็นต้น"
] |
แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลกคือแม่น้ำใด ? | [
"แม่น้ำไนล์ (Arabic: النيل อันนีล; English: Nile) เป็นแม่น้ำใน ทวีปแอฟริกา เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลก โดยถูกค้นพบแหล่งต้นน้ำใหม่ที่ทำให้มีความยาวกว่าเดิมเมื่อไม่นานมานี้ โดยแม่น้ำไนล์มีความยาวทั้งสิ้น 6,695 กิโลเมตร[1]"
] | [
"แม่น้ำสินธุ (English: Indus River) เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในปากีสถาน[1] และเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกอันดับที่ 21 ในแง่ของการไหลผ่านประจำปี มักถูกพูดว่าเป็นเส้นชีวิตของชาวปากีสถาน ต้นกำเนิดของแม่น้ำอยู่บริเวณที่ราบสูงทิเบต ใกล้กับทะเลสาบมานาซาโรวาร์ ความยาวรวมของแม่น้ำมีความยาว 3,180 กิโลเมตร (1,976 ไมล์) และมีการไหลของน้ำมากกว่า 1,165,000 ตร.กม. (450,000 ตร.ไมล์)",
"จากการตรวจสอบขั้นต้นยังไม่สามารถที่จะจำแนกนกชนิดนี้เข้ากับนกสกุลใด ๆ ของประเทศไทยได้ กิตติจึงได้เก็บตัวอย่างของตัวเบียน คือ เห็บ เหา และไร ของนกส่งไปให้สถาบันสมิธโซเนียนและพิพิธภัณฑ์บริติชช่วยตรวจและวิเคราะห์หาชนิดของนกดังกล่าว ผลก็คือมันมีเหาชนิดเดียวกับนกนางแอ่นแม่น้ำสกุล Pseudochelidon ซึ่งพบในแถบลุ่มน้ำคองโกของแอฟริกา และจากนั้นได้ทำการเปรียบเทียบลักษณะอวัยวะต่าง ๆ ภายในของนกตัวนี้กับตัวอย่างนกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกา (Pseudochelidoninal eurystominal) จึงลงความเห็นได้ว่านกตัวนี้จะต้องเป็นนกในสกุล Pseudochelidon อย่างแน่นอน แต่เนื่องจากว่านกในสกุลนี้เคยมีเพียงชนิดเดียวคือนกนางแอ่นแม่น้ำแอฟริกา ดังนั้นนกที่ค้นพบที่บึงบอระเพ็ดนี้ นักปักษีวิทยาทั่วโลกจึงยอมรับว่าเป็นนกสกุล Pseudochelidon ชนิดใหม่ของโลก",
"มีแม่น้ำสำคัญหลายสายที่ไหลจากทางตะวันตกสู่ตะวันออกของอ่าวเบงกอล ด้านเหนือมีแม่น้ำคงคา แม่น้ำเมฆนา และแม่น้ำพรหมบุตร ทางใต้มีแม่น้ำมหานทีไหลผ่านดินดอนสามเหลี่ยมมหานที แม่น้ำโคทาวรี แม่น้ำกฤษณา แม่น้ำอิรวดี และแม่น้ำกาเวรี แม่น้ำสั้นที่สุดที่ไหลลงอ่าวเบงกอลได้แก่แม่น้ำกูอุมที่ยาวเพียง 64 กิโลเมตร แม่น้ำพรหมบุตรมีความยาวเป็นอันดับที่ 28 ของโลก (2,948 กิโลเมตร) ไหลลงอ่าวเบงกอลผ่านอินเดีย จีน เนปาล บังกลาเทศ และภูฏาน มีป่าชายเลนที่เรียกชื่อว่าซุนดาร์บันส์ขึ้นอยู่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมคงคา ปากแม่น้ำพรหมบุตรและแม่น้ำเมฆนาที่เป็นชายฝั่งของอ่าวเบงกอล",
"แม่น้ำอ็อบ (; ) เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับที่เจ็ดของโลก ยาวประมาณ 3,650 กิโลเมตร เกิดจากเทือกเขาอัลไตไหลผ่านไซบีเรีย ไปลงทะเลคารา ในมหาสมุทรอาร์กติก แม่น้ำอ็อบเป็นแม่น้ำที่ให้ประโยชน์น้อย เพราะน้ำในแม่น้ำนี้เป็นน้ำแข็งเสียอย่างน้อยปีละประมาณ 6 เดือน",
"แม่น้ำมิสซิสซิปปี () อยู่ตอนกลางของสหรัฐอเมริกา เป็นเครือข่ายสาขาแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ(เครือข่ายแม่น้ำมิสซิสซิปปี-มิสซูรี) มีความยาวทั้งสิ้น 3,334 กม. ระบบแม่น้ำมิสซิสซิปปี-มิสซูรียาวเป็นอันดับที่ 4 ของโลก แม่น้ำมิสซิสซิปปีเริ่มต้นจากในรัฐมินนิโซตา และออกสู่ปากอ่าวเม็กซิโกที่ รัฐลุยเซียนา เป็นแหล่งเพาะปลูกที่สำคัญ โดยเฉพาะ ข้าวโพด ถั่วเหลือง ยาสูบ เป็นจุดที่ฝรั่งเศสเข้ายึดครองในช่วงแรกของการสำรวจทวีปอเมริกาเหนือ",
"ในทัศนะของชัยวุฒิ กรุดพันธ์ นักมีนวิทยาแห่งคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งได้ทำการวิจัยโดยการลงพื้นที่สำรวจและรายงานสถานะความหลากหลายของปลาในลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาร่วมกับคณะทำงานต่างชาติอีก 4 ประเทศ เห็นว่าปลาชนิดนี้เป็นปลาพื้นเมืองของลุ่มแม่น้ำโขงชนิดหนึ่ง มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากปลาหลดจุดซึ่งเป็นชนิดที่พบได้ง่ายและแพร่กระจายพันธุ์กว้างขวาง และอาจถือเป็นลักษณะเฉพาะทางนิเวศวิทยาประการหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีปลาในสกุลปลาหลดอีกหลายชนิดที่มีลักษณะของจมูกหรือส่วนหน้าที่ยื่นยาวออกมาเช่นนี้เหมือนกัน ปัจจุบัน ปลาหลดงวงช้างหรือปลาหลดจมูกงวงยังมิได้มีการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด จึงอาจใช้ชื่อว่า \"Macrognathus\" aff. \"siamensis\" ไปก่อน",
"แม่น้ำหวางเหอ, หวง หรือ แม่น้ำฮวง, ฮวงโห ( แปลว่า \"แม่น้ำเหลือง\") เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับสองของประเทศจีน รองจากแม่น้ำแยงซี และเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับที่ 6 ของโลก มีความยาว 3,395 ไมล์ หรือ 5,464 กิโลเมตร สูงเหนือระดับน้ำทะเล ถึง 5,400 เมตร (ยาวกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาถึง 15 เท่า) ไหลจากฝั่งตะวันตกมาทางตะวันออก ผ่านมณฑลชิงไห่, เสฉวน, กานซู, หนิงเซี่ย, มองโกเลียใน, ซานซี, เหอหนาน และออกสู่ทะเลโป๋ (โป๋ไห่) ใน มณฑลซานตง ซึ่งเป็นทะเลในอ่าวทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน",
"แม่น้ำวอลกา (; ) เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดของทวีปยุโรป มีความยาวทั้งสิ้น 3,690 กิโลเมตร และถือกันโดยทั่วไปว่าเป็นแม่น้ำประจำชาติรัสเซีย ไหลผ่านทางด้านตะวันตกของประเทศ และเป็นแกนหลักของระบบแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป แหล่งเก็บกักน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกบางแห่ง ก็อยู่ตามแนวลำน้ำสายนี้ หากรวมความยาวของแม่น้ำสายย่อย และคูคลองต่าง ๆ ทั้งหมดที่มีทั้งสิ้น 151,000 สาย แม่น้ำจะยาวถึง 574,000 กิโลเมตร และหากรวมพื้นที่ของลำน้ำทั้งหมด จะเทียบเท่ากับ 1 ใน 3 ของอาณาเขตฝั่งยุโรปของรัสเซีย วอลกาแบ่งออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือวอลกาตอนบน วอลกาตอนกลาง และวอลกาตอนล่าง",
"ปลาอะราไพม่า เป็นปลาที่ได้รับความนิยมในแง่ของการเป็นปลาสวยงาม ซึ่งมีจุดเด่นคือ ความใหญ่โตในรูปร่าง ซึ่งปลาอะราไพม่าจัดได้ว่าเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดความยาวที่สุดในโลก (ปลาบึก (\"Pangasianodon gigas\") ที่พบในแม่น้ำโขง มีความยาวสั้นกว่า แต่มีน้ำหนักตัวที่มากกว่า) ในประเทศไทยปลาชนิดนี้ถูกนำเข้ามาครั้งแรกราวปี พ.ศ. 2529 และได้รับความนิยมสูงสุดในปี พ.ศ. 2530 ตราบจนปัจจุบัน ซึ่งปลาอะราไพม่าแม้จะมีพฤติกรรมการกินอาหารที่ดูดุร้ายก็ตาม แต่เมื่อนำมาเลี้ยงในสถานที่เลี้ยงแล้ว แม้ในปลาขนาดใหญ่กลับไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าวกับมนุษย์เลย ผู้เลี้ยงสามารถลงไปปล้ำไล่จับปลาเล่นได้ โดยที่ปลาไม่ขัดขืนหรือทำอันตรายใด ๆ ",
"มหาสมุทรขนาดใหญ่ที่สุดในโลก - มหาสมุทรแปซิฟิก พื้นที่ประมาณ 165,246,000 ตารางกิโลเมตร มหาสมุทรขนาดเล็กที่สุดในโลก - มหาสมุทรอาร์กติก พื้นที่ประมาณ 14,438,000 ตารางกิโลเมตร ทะเลขนาดใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลจีนใต้ พื้นที่ประมาณ 3,500,000 ตารางกิโลเมตร ทะเลที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก - ทะเลเหลือง พื้นที่ประมาณ 466,200 ตารางกิโลเมตร ทะเลซึ่งมีความลึกที่สุดในโลก - ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา ในมหาสมุทรแปซิฟิก ความลึก 11,034 เมตร ทะเลสาบปิดขนาดใหญ่ที่สุดในโลก - ทะเลแคสเปียน พื้นที่ประมาณ 371,000 ตารางกิโลเมตร ล้อมรอบด้วย 5 ประเทศ ทะเลสาบซึ่งมีความลึกที่สุดในโลก - ทะเลสาบไบคาล สหพันธรัฐรัสเซีย จุดที่ลึกที่สุด มีความลึกประมาณ 1,640 เมตร ทะเลสาบซึ่งมีความเค็มที่สุดในโลก - ทะเลสาบดอนฮวน ทวีปแอนตาร์กติกามีเกลือเจือปนอยู่ร้อยละ 42[1][2] แม่น้ำสายกว้างที่สุดในโลก - แม่น้ำแอมะซอน ในทวีปอเมริกาใต้ ความกว้าง 335 กิโลเมตร แม่น้ำสายยาวที่สุดในโลก - แม่น้ำไนล์ ในทวีปแอฟริกา ความยาว 6,695 กิโลเมตร แม่น้ำสายสั้นที่สุดในโลก - แม่น้ำดี สหรัฐอเมริกา ความยาว 130 เมตร น้ำตกสายกว้างที่สุดในโลก - น้ำตกไนแอการา ประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา ความกว้าง 148 กิโลเมตร น้ำตกสายสูงที่สุดในโลก - น้ำตกเอนเจล สาธารณรัฐโบลีวาร์แห่งเวเนซุเอลา ความสูง 979 เมตร",
"แม่น้ำดีทรอยต์ (อังกฤษ : Detroit River) เป็นแม่น้ำหนึ่งในภูมิภาคเกรตเลกส์ มีความยาวทั้งสิ้น 51 กิโลเมตร มีความกว้างประมาณ 1 - 4 กิโลเมตร ชื่อของแม่น้ำมาจากภาษาฝรั่งเศสคำว่า \"Rivière du Détroit\" ซึ่งแปลว่า \"แม่น้ำแห่งช่องแคบ\" แม่น้ำนี้ไหลเชื่อมต่อกันระหว่างทะเลสาบเซนต์แคลร์กับทะเลสาบอิรี ถือได้ว่าเป็นมีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญกับประวัติศาตร์ของเมืองดีทรอยต์ และยังเป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่หนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ทั้งยังเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างสหรัฐอเมริกากับแคนาดาด้วย เมืองที่สำคัญในบริเวณนี้ได้แก่ เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน และเมืองวินด์เซอร์ รัฐออนแทริโอ ของแคนาดา",
"แม่น้ำกาปูวัซ () เป็นแม่น้ำในประเทศอินโดนีเซียบนเกาะบอร์เนียว ที่บริเวณศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภาคพื้นสมุทร (Maritime Southeast Asia) มีความยาว เป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในอินโดนีเซีย และเป็นหนึ่งในแม่น้ำบนเกาะที่ยาวที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดจากเทือกเขามึลเลอร์ที่ตั้งอยู่ตอนกลางของเกาะและไหลไปทางทิศตะวันตกลงสู่ทะเลจีนใต้และยังก่อให้ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำ ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก-ตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองปนตียานัก เมืองหลักของจังหวัดกาลีมันตันตะวันตก ยังมีแม่น้ำกาปูวัซอีกสายหนึ่งที่มีจุดกำเนิดจากทิวเขาเดียวกันแต่คนละฝั่ง ตั้งอยู่ทางตอนกลางของเกาะบอร์เนียว ไหลไปทางทิศใต้ แล้วไปรวมกับแม่น้ำบารีโตไหลลงทะเลชวา",
"แม่น้ำโขงนับเป็นแม่น้ำสายที่ยาวเป็นอันดับที่ 10 ของโลก และเป็นแม่น้ำที่มีความหลากหลายของชนิดปลามากเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากแม่น้ำแอมะซอนในทวีปอเมริกาใต้ และแม่น้ำคองโกในทวีปแอฟริกา\nหลังจากมีการสร้างและเปิดใช้เขื่อนปากมูลขึ้นในปี พ.ศ. 2537 พบว่ามีชนิดปลาที่พบในแม่น้ำมูล ซึ่งเป็นลุ่มน้ำสาขาของแม่น้ำโขงลดลงมาก เนื่องจากเป็นผลกระทบของการสร้างเขื่อน ซึ่งในเรื่องนี้ชาวบ้านพื้นถิ่นได้คัดค้านและประท้วงมาโดยตลอด",
"จากที่ตั้งของตัวศาลานั้น เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณ ทำให้ทราบลักษณะการอยู่อาศัยและสัญจรของคนโบราณในแถบนี้ได้ เพราะที่ตั้งของตัวศาลาวัดในสมัยก่อนนั้นมักตั้งอยู่ริมแม่น้ำ (ปัจจุบันแม่น้ำน่านได้ตื้นเขินห่างจากตลิ่งศาลาวัดไปมากกว่า 1 กิโลเมตร) เป็นหลักฐานยืนยันถึงความเป็นวัดและหมู่บ้านที่มีประวัติศาสตร์อัน ยาวนานกว่าวัดและหมู่บ้านอื่นในแถบนี้ เดิมนั้น ก่อนสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ตัวศาลาเดิมตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่าน อันเป็นทางสัญจรคมนาคมในสมัยก่อน ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าศาลาในที่ตั้งเดิมนั้นสร้างในสมัยใด (คาดว่าอาจจะสร้างมาแต่ครั้งแรกตั้งวัดในสมัยอยุธยาตอนปลาย)",
"ชาวแมนจูหรือชื่อเดิมว่า หนี่เจินนั้นมีอารยธรรมเกิดขึ้นมาควบคู่กับอารยธรรมฮั่น โดยมีมาตุภูมิ (Homeland) อยู่แถบบริเวณลุ่มแม่น้ำแม่น้ำอามูร์หรือ \"แม่น้ำมังกรดำ\" ของมณฑลเฮย์หลงเจียง ถือเป็นต้นกำเนิดชาวแมนจู แม่น้ำมังกรดำ เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 10 ของโลก อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปเอเชีย แม่น้ำมีความยาว 2,824 กม.เป็นเส้นเขตแดนระหว่างมณฑลเฮย์หลงเจียงของประเทศจีนกับประเทศรัสเซีย",
"ถึงแม้ว่า โครงการต่าง ๆ ที่เขาตั้งใจไว้จะไม่สำเร็จเสมอไปเพราะพวกเขามักจะมีปัญหาด้านวิศวกรรมอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ดี เขาก็ยังได้ขึ้นชื่อว่าเป็น \"คนแรก\" ในหลาย ๆ ด้านทางวิศวกรรม โดยเฉพาะหลักการของเขาที่สามารถช่วยสร้างอุโมงค์ข้ามแม่น้ำ ซึ่งยากต่อการสร้างได้ และเขายังเป็นผู้พัฒนาออกแบบเรือเอสเอสเกรตบริเตน (SS Great Britain) ซึ่งเป็นเรือที่ทำด้วยเหล็กกล้าและใช้ใบจักรแบบสกรูครั้งแรกของโลก และได้ถูกนำไปใช้ในการข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นลำแรกของโลก และนอกจากนี้ยังเป็นเรือที่ใหญ่สุดในโลกเท่าที่มีการสร้างมาในขณะนั้น ในปี ค.ศ. 1843 และเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือ เรือเอสเอสเกรตอีสเทิร์นซึ่งครองตำแหน่งเรือสำราญที่ใหญ่ที่สุดในโลกยาวนานถึง 34 ปี เป็นเรือที่มีขนาดก้าวกระโดดกว่าลำใด ๆ ในยุคนั้น ",
"คันดินที่แม่น้ำมิสซิสซิปปีนับได้ว่าเป็นคันดินที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งก็ว่าได้ มีแนวยาวถึง 3,500 ไมล์ (5,600 กิโลเมตร) และได้แผ่ขยายกว้างออกไปประมาณ 1,000 กิโลเมตร ตามแนวแม่น้ำ ซึ่งขยายมาจากเมืองเคปกิราร์โด ที่รัฐมิซซูรี ไปจนถึงบริเวณดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำมิสซิสซิปปี คันดินนี้เริ่มมีการสะสมตัวในรัฐหลุยส์เซียนา ในศตวรรษที่ 18 โดยมีส่วนช่วยในการป้องกันอุทกภัยในเมืองนิวออร์ลีนส์ คันดินที่รัฐหลุยส์เซียนาเกิดขึ้นเป็นที่แรกสูงประมาณ 3 ฟุต ( 0.91 เมตร) และครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 50 ไมล์ (80 กิโลเมตร) ตลอดแนวด้านข้างของแม่น้ำ ช่วงกลางศตวรรษที่ 1980 คันดินนี้ได้ขยายแผ่กว้างมีความสูงโดยเฉลี่ย 24 ฟุต (7.3 ฟุต) คันดินที่แม่น้ำมิสซิสซิปปี้บางคันดินอาจสูงเกินกว่า 50 ฟุต ( 15 เมตร ) ซึ่งเป็นคันดินที่มีความยาวต่อเนื่องมากที่สุดในโลก โดยขยายตัวมาจากทางใต้ของ เมืองไพน์บลัฟฬ ในรัฐอาร์คันซอส์ เป็นระยะทางประมาณ 380 ไมล์ (610 กิโลเมตร)",
"แม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ () เป็นแม่น้ำในรัฐออนแทรีโอและรัฐควิเบก ประเทศแคนาดา มีความยาว 1,197 กิโลเมตร ปากแม่น้ำมีความกว้างมากถึง 145 กิโลเมตร โดยถือเป็นปากแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเกาะตั้งอยู่บนลำน้ำหลายเกาะ บางตอนขยายกว้างออกเป็นทะเลสาบขนาดเล็ก",
"คงคาเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกชื่อตามนามของพระแม่คงคา พระชายาของพระศิวะ ชาวฮินดูอาบน้ำในแม่น้ำแห่งนี้ เพราะความเชื่อว่าจะทำให้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทุกวันชาวอินเดียนับล้านคนจะมาที่ริมฝังแม่น้ำคงคาเพื่อทำการอาบน้ำ และดื่มกินน้่ำจากในแม่น้ำคงคา รวมถึงการเผาศพที่ริมฝังน้ำด้วยและโปรยขี้เถ้าลงในน้ำ นั่นจึงทำให้แม่น้ำคงคาได้ชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่มีความสกปรกและมลพิษมากที่สุดในโลก แต่ทว่าในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบว่า น้ำในแม่น้ำคงคามีลักษณะพิเศษกว่าแม่น้ำอื่นใด คือ มีปริมาณของออกซิเจนละลายในน้ำสูง และยังมีจุลินทรีย์ที่สามารถกินไวรัสรวมถึงเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย ยิ่งมีปริมาณของเสียปล่อยลงน้ำเท่าใด ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนของจุลินทรีย์เท่านั้น และทำให้น้ำในแม่น้ำคงคามีความสามารถที่จะปรับตัวไปสู่สภาพปกติมากกว่าแม่น้ำทั่วไปถึง 25 เท่า",
"แม่น้ำอาเร () เป็นสาขาของแม่น้ำไรน์ เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดที่มีต้นกำเนิดและสิ้นสุดในภายในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แม่น้ำมีความยาวตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดบรรจบกับแม่น้ำไรน์ มีความยาวราว 295 กม.",
"แม่น้ำอู (พงสาลี-หลวงพระบาง) ยาว 448 กิโลเมตร แม่น้ำงึม (เชียงขวาง-เวียงจันทน์) ยาว 353 กิโลเมตร แม่น้ำเซบั้งเหียง (สุวรรณเขต) ยาว 338 กิโลเมตร แม่น้ำทา (หลวงน้ำทา-บ่อแก้ว) ยาว 523กิโลเมตร แม่น้ำเซกอง (สาละวัน-เซกอง-อัตตะปือ) ยาว 320 กิโลเมตร แม่น้ำเซบั้งไฟ (คำม่วน-สุวรรณเขต) ยาว 239 กิโลเมตร แม่น้ำแบ่ง (อุดมไซ) ยาว 215 กิโลเมตร แม่น้ำเซโดน (สาละวัน-จำปาศักดิ์) ยาว 192 กิโลเมตร แม่น้ำเซละนอง (สุวรรณเขต) ยาว 115 กิโลเมตร แม่น้ำกะดิ่ง (บอลิคำไซ) ยาว 103 กิโลเมตร แม่น้ำคาน (หัวพัน-หลวงพระบาง) ยาว 90 กิโลเมตร",
"แม่น้ำแยงซี, แยงซีเกียง (; ) หรือแม่น้ำฉางเจียง () เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในทวีปเอเชีย และเป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับที่ 3 ของโลก รองจากแม่น้ำไนล์ในทวีปแอฟริกาและแม่น้ำแอมะซอนในทวีปอเมริกาใต้ แม่น้ำแยงซียาว 6,300 กิโลเมตร ต้นน้ำอยู่ที่มณฑลชิงไห่และทิเบต ในทิศตะวันตกของสาธารณรัฐประชาชนจีน และไหลมาทางทิศตะวันออก ออกสู่ทะเลจีนตะวันออก",
"แม่น้ำแมกเคนซี (; ) เป็นแม่น้ำในดินแดนนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ ประเทศแคนาดา ไหลจากทางตะวันตกสุดของทะเลสาบเกรตสเลฟไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ลงสู่อ่าวแมกเคนซีในทะเลโบฟอร์ต มหาสมุทรอาร์กติก เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในประเทศแคนาดา มีความยาว 1,738 กม. (1,080 ไมล์) แต่ถ้ารวมความยาวกับแม่น้ำพีซและแม่น้ำฟินลีย์เข้าไปด้วยจะมีความยาวเป็น 4,241 กิโลเมตร (2,635 ไมล์) จัดเป็นแม่น้ำยาวเป็นอันดับ 2 ของทวีปอเมริกาเหนือ แม่น้ำแมกเคนซีและแควย่อย มีปริมาณน้ำไหล 1,805,200 ตร.กม. (697,000 ตร.ไมล์) หรือไหล 10,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (380,000 ลูกบาศก์ฟุตต่อวินาที)",
"แม่น้ำสาละวิน (; ; ; กะเหรี่ยงสะกอ: โคโหล่โกล) เป็นแม่น้ำสายที่ยาวเป็นอันดับที่ 26 ของโลก ยาว 2,800 กิโลเมตร และเป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับสองของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ รองมาจากแม่น้ำโขง มีต้นกำเนิดจากการละลายของหิมะเหนือเทือกเขาหิมาลัย ไหลผ่านมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ที่ซึ่งเรียกแม่น้ำนี้ว่า นู่เจียง () หมายถึง \"แม่น้ำพิโรธ\" และผ่านประเทศพม่าผ่านรัฐฉาน รัฐกะยา รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดน ระหว่างพม่ากับไทยที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย หลังจากนั้นแม่น้ำสาละวินจึงไหลวกกลับเข้าประเทศพม่า และไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเมาะตะมะ รัฐมอญ",
"แม่น้ำอะเมซอน (บราซิล : ริโอ อมาซอนนาส (Rio Amazonas) , ; ; ,) เป็นแม่น้ำในทวีปอเมริกาใต้ มีต้นกำเนิดอยู่ที่ประเทศเปรู และไหลออกมหาสมุทรที่ประเทศบราซิล มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 6,992 กิโลเมตรน้ำที่มีปากแม่น้ำกว้างที่สุดในโลก ซึ่งอยู่บริเวณทางเหนือของบราซิล แม่น้ำแอมะซอนเป็นแม่น้ำสายที่มีปริมาณน้ำมากที่สุด ปริมาณน้ำที่ไหลออกยังมหาสมุทรแอตแลนติกมากถึง 45 ล้านแกลลอนต่อวินาทีในฤดูฝน ฝนที่ตกในลุ่มแม่น้ำแอมะซอนเฉลี่ยปีละ 3 เมตร (สูงสุด 6 เมตร) แต่ฝนจะตกเพียงไม่กี่เดือน ต่างกันไปตามแต่ละสถานที่ ในช่วงฤดูแล้งราวเดือนตุลาคม น้ำจะลดปริมาณลงจนเห็นสันทรายและเกิดเป็นทะเลสาบต่าง ๆ บางแห่งตัดขาดจากกัน ในฤดูน้ำหลากน้ำจะท่วมป่าทุกปี ในเนื้อที่ประมาณ 90,000 ตารางกิโลเมตร ขนาดเท่าประเทศอังกฤษ และยังถือเป็นแม่น้ำที่มีปริมาณน้ำมากถึง 1 ใน 5 ส่วนของโลก มีแม่น้ำสาขาที่แยกออกจากแอมะซอนมากกว่า 1,100 สาขา อีกทั้งยังถือเป็นแม่น้ำที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก เป็นแม่น้ำที่มีความหลากหลายทางชนิดพันธุ์ปลามากที่สุดในโลก กว่า 3,000 ชนิด ซึ่งนับว่ามากกว่ามหาสมุทรแอตแลนติกเสียอีก",
"แม่น้ำอามูร์ หรือ แม่น้ำเฮย์หลง (Even: Тамур (\"Tamur\"), Manchu: , \"Sahaliyan Ula\"; ; , ) เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 10 ของโลก อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปเอเชีย ต้นน้ำเกิดจากแม่น้ำชิลคาไหลมาบรรจบกับแม่น้ำอาร์กุน ไปลงทะเลทางตอนเหนือสุดของช่องแคบตาตาร์ในประเทศรัสเซีย แม่น้ำมีความยาว 2,824 กม. แควสำคัญได้แก่ แม่น้ำเซยาและแม่น้ำบูเรยาอยู่ทางตอนเหนือ แม่น้ำคูมารา แม่น้ำซุงการี และแม่น้ำอุสซูรีอยู่ทางตอนใต้ แม่น้ำเป็นเส้นเขตแดนระหว่างมณฑลเฮย์หลงเจียงของประเทศจีนกับประเทศรัสเซีย แม่น้ำมีสายพันธุ์ปลาที่ใหญ่ที่สุด คือ คูลากา (Kaluga) มีความยาวได้ถึง 5.6 เมตร",
"แคว้นโกกิมโบเป็นส่วนที่แคบที่สุดของประเทศชิลี มีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา ทอดตัวยาวจากทิศเหนือลงใต้ ส่วนหนึ่งของเทือกเขาแอนดีส ภูเขาในแคว้นนี้ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกมากกว่าแคว้นใด ๆ ของชิลี มีหุบเขาอยู่ทั่วไป พื้นที่ส่วนใหญ่แห้งแล้งคล้ายทะเลทราย มีไม้พุ่มขึ้นอยู่ทั่วไป มีเพียงบางแห่งที่สามารถปลูกพืชสวนได้ เช่น โอบาเย และตอนใต้ของโกกิมโบ ทางตอนเหนือเป็นที่ตั้งของหอสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์หลายแห่ง ที่สำคัญได้แก่ หอดูดาวลาซียา แม่น้ำสายหลักของแคว้นได้แก่ แม่น้ำเอลกี () ตอนเหนือของแคว้น ซึ่งมีอ่างเก็บน้ำหลายแห่ง หล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมที่เลียบไปตลอดแม่น้ำ ไหลลงมหาสมุทรแปซิฟิกที่เมืองลาเซเรนา และแม่น้ำโชอาปา () หล่อเลี้ยงทางตอนใต้",
"แม่น้ำเยนีเซย์ (; ) เกิดจากเทือกเขาใกล้พรมแดนมองโกเลีย ไหลผ่านไซบีเรียลงสู่อ่าวเยนีเซย์ ในทะเลคารา มหาสมุทรอาร์กติก เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับที่ห้าของโลก น้ำในแม่น้ำนี้เป็นน้ำแข็งปีละหลายเดือน",
"แม่น้ำคองโก () หรือ แม่น้ำซาอีร์ () เป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันออกกลางของแอฟริกา มีความยาวรวม 4,700 กม. (2,920 ไมล์) ทำให้เป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทวีปแอฟริกา (เป็นรองแม่น้ำไนล์) และถือเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดเป็นอันดับ 8 ของโลก และเป็นแม่น้ำที่มีความลึกที่สุดในโลก ในจุดที่ลึกสุด ลึกถึง 720 ฟุต (228.6 เมตร) แม่น้ำสายนี้ไหลผ่านประเทศคองโก แองโกลา แซมเบีย แทนซาเนีย บุรุนดี รวันดา และไหลลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกในที่สุด"
] |
งานวิจัยเกี่ยวกับการตายแบบอะพอพโทซิสมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ต้นทศวรรษที่เท่าไหร่? | [
"งานวิจัยเกี่ยวกับการตายแบบอะพอพโทซิสมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1990 ทำให้มีการค้นพบการตายแบบอะพอพโทซิสที่ผิดปกติในโรคต่างๆ หากอะพอพโทซิสเกิดขึ้นมากเกินไปจะทำให้เกิดการฝ่อของอวัยวะ เช่นในภาวะการขาดเลือดเฉพาะที่ (ischemic damage) ในขณะที่การตายแบบอะพอพโทซิสที่ไม่เพียงพอทำให้เกิดเซลล์ที่เพิ่มจำนวนอย่างควบคุมไม่ได้ เช่นมะเร็ง"
] | [
"สัญญาณอะพอพโทซิสจากภายในเซลล์เป็นการตอบสนองของเซลล์ต่อภาวะกดดัน (stress) ต่างๆ และมักจะส่งผลสุดท้ายก่อให้เกิดการ \"ฆ่าตัวตาย\" ของเซลล์ การจับกับตัวรับ (receptor) ของนิวเคลียสของกลูโคคอร์ติคอยด์ (glucocorticoid) , ความร้อน, รังสี, การขาดสารอาหาร, การติดเชื้อไวรัส, และภาวะเลือดมีออกซิเจนน้อย (hypoxia) ทั้งหมดเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การปล่อยสัญญาณอะพอพโทซิสภายในเซลล์จากเซลล์ที่เสียหาย[5] องค์ประกอบภายในเซลล์จำนวนมาก เช่น poly ADP ribose polymerase สามารถช่วยควบคุมกระบวนการอะพอพโทซิสได้[8]",
"กระบวนการอะพอพโทซิสจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากและเศษซากจากกระบวนการดังกล่าวจะถูกกำจัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้อาจตรวจพบหรือมองเห็นได้ยาก ในกระบวนการที่นิวเคลียสแตกเป็นท่อนๆ หรือ karyorrhexis เอนไซม์เอนโดนิวคลีเอส (endonuclease) จะย่อยดีเอ็นเอออกเป็นท่อนสั้นๆ ซึ่งมีขนาดแตกต่างกันเป็นจำนวนเท่า ซึ่งทำให้เมื่อนำมาทำกระบวนการอิเล็กโตรโฟรีซิส (electrophoresis) หรือการแยกสารชีวโมเลกุลด้วยไฟฟ้าจะทำให้เห็นลักษณะเป็นขั้นบันได (\"laddered\" appearance) บนวุ้น (agar) ลักษณะของ DNA laddering ดังกล่าวช่วยจำแนกการตายของเซลล์แบบอะพอพโทซิสออกจากการตายจากการขาดเลือดเฉพาะที่ (ischemic) หรือจากสารชีวพิษ[22]",
"ก่อนที่กระบวนการตายของเซลล์จะเกิดขึ้นโดยเอนไซม์ สัญญาณอะพอพโทซิสจะต้องเชื่อมกับวิถีการตาย (actual death pathway) โดยกระบวนการของโปรตีนตัวควบคุม (regulatory proteins) ขั้นตอนนี้จะทำให้สัญญาณอะพอพโทซิสนั้นชักนำให้เซลล์นั้นเข้าสู่กระบวนการอะพอพโทซิส หรือสัญญาณนั้นถูกทำลายและเซลล์ไม่ต้องตายก็ได้ กระบวนการดังกล่าวมีโปรตีนหลายตัวที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งสรุปได้ว่ามี 2 วิธีหลักๆ ที่ทำหน้าที่ควบคุม คือวิถีที่ควบคุมโดยไมโทคอนเดรีย (targeting mitochondria functionality) และการแปรสัญญาณโดยตรงผ่านโปรตีนตัวปรับ (adapter proteins) ไปยังกลไกอะพอพโทซิส กระบวนการเตรียมการทั้งหมดต่างต้องการพลังงานและการทำงานของเซลล์",
"อะพอพโทซิส \" (Apoptosis) \" เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์เสียหายเกินกว่าที่จะซ่อมแซมได้ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ติดเชื้อไวรัส อยู่ในสภาวะขาดสารอาหารอย่างหนัก DNA เสียหายจากกัมมันตภาพรังสี หรือสารมีพิษ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้จะไปกระตุ้น กระบวนการอะพอพโทซิสให้เริ่มทำงาน กระบวนการอะพอพโทซิสอาจเกิดขึ้นได้เองจากภายในเซลล์ หรือจากเนื้อเยื่อโดยรอบ หรือจากส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน กระบวนการอะพอพโทซิสจะไปทำลายเซลล์ที่เสียหาย เพื่อป้องกันการดูดสารอาหารของเซลล์นั้นๆ หรือป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์ที่ติดเชื้อ ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการป้องกันมะเร็ง",
"เซลล์แบ่งตัวเร็วกว่าที่เซลล์ตาย จะทำให้เกิดการเจริญไปเป็นเนื้องอก เซลล์แบ่งตัวช้ากว่าที่เซลล์ตาย จะทำให้เกิดความผิดปกติเกี่ยวกับการสูญเสียเซลล์",
"หลังจากการเหนี่ยวนำกระบวนการอะพอพโทซิสโดยการกระตุ้น TNF-R1 และ Fas ในเซลล์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแล้ว จะเกิดการเพิ่มจำนวนของยีนกระตุ้นอะพอพโทซิส (BAX,[17] BID, BAK, หรือ BAD) และลดจำนวนยีนต้านอะพอพโทซิส (Bcl-Xl และ Bcl-2) ซึ่งยีนทั้งสองกลุ่มต่างเป็นสมาชิกในกลุ่มยีน Bcl-2 family โฮโมไดเมอร์ (homodimer) ของโปรตีนกระตุ้นอะพอพโทซิสจะทำให้เยื่อหุ้มไมโทคอนเดรียมีความซึมผ่านเพื่อให้เกิดการปล่อยสารที่กระตุ้นเอนไซม์แคสเปสเช่นไซโตโครม ซี และ SMAC ออกมาจากไมโทคอนเดรียซึ่งเป็นการกระตุ้นวิถีที่ควบคุมโดยไมโทคอนเดรียอีกทางหนึ่ง ในปัจจุบันกลไกการควบคุมโปรตีนกระตุ้นอะพอพโทซิสในสภาวะปกติของเซลล์ยังไม่เข้าใจแน่ชัด แต่มีการค้นพบว่าโปรตีนที่อยู่ที่เมมเบรนชั้นนอกของไมโทคอนเดรียชื่อ VDAC2 จะทำหน้าที่ควบคุมและยับยั้ง BAK ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดอะพอพโทซิสที่สำคัญ[18] เมื่อเซลล์ได้รับสัญญาณกระตุ้นการตาย ผลผลิตจากการกระตุ้นเอนไซม์แคสเปสจะเข้ามาแทนที่ VDAC2 และทำให้ BAK อยู่ในสภาวะที่ทำงานได้",
"เซลล์ที่ตายจากกระบวนการอะพอพโทซิสในขั้นตอนสุดท้ายจะมีการนำเสนอโมเลกุลบนพื้นผิวเพื่อเป็นเครื่องหมายเรียกให้เซลล์เพื่อนบ้านมาช่วยเก็บกิน เช่น ฟอสฟาทิดิลซีรีน (phosphatidylserine) [23] ฟอสฟาทิดิลซีรีนโดยสภาวะปกติแล้วจะอยู่ที่เยื่อหุ้มเซลล์ด้านใน แต่ระหว่างการอะพอพโทซิสจะถูกย้ายออกมาอยู่ด้านนอกโดยเชื่อว่าเกิดจากโปรตีนชื่อ สแครมเบลส (scramblase) [24] โมเลกุลที่เป็นเครื่องหมายดังกล่าวจะส่งสัญญาณเรียกเซลล์ข้างเคียงที่มีตัวรับที่เหมาะสม เช่น แมคโครฟาจ (macrophage) เข้ามาเกิดการกลืนกินของเซลล์[25] หลังจากเซลล์ข้างเคียงถูกกระตุ้นและรับรู้แล้ว เซลล์กลืนกิน (phagocyte) จะจัดเรียงไซโตสเกเลตอนใหม่เพื่อโอบกินเซลล์ตาย การกำจัดเศษซากเซลล์ที่ตายโดยเซลล์กลืนกินจะไม่ก่อให้เกิดกระบวนการอักเสบ",
"เซลล์ผลไพลโอโทรปิคอะโทวาสแตตินเซอริวาสแตตินฟลูวาสแตตินโลวาสแตตินพิทาวาสแตตินปราวาสแตตินโรสุวาสแตตินซิมวาสแตตินเกล็ดเลือดยับยั้งการกระตุ้นเกล็ดเลือด+–+–+–+–ห้ามการจับกันของเกล็ดเลือด––+–+–––เยื่อบุหลอดเลือดกระตุ้นหรือเพิ่มการสังเคราะห์ไนตริกออกไซด์–––++––+ยับยั้งการสร้างอนุมูลอิสระ––+–+–++เพิ่มจำนวนหรือการทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดผนังหลอดเลือด+––––––+เซลล์กล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดลดการเพิ่มจำนวนเซลล์––––+–++ลดการเกิด migration––––––++เพิ่มการเกิดอะพอพโทซิส+++++–––แมคโครฟาจ/โมโนไซต์ลดการเพิ่มจำนวนเซลล์––––––––ลดการทำงานของเอนไซม์ MNP protease–+–––+++ลดการเกิดoxidized LDL–––++–++Vasculitisลดการทำงานของ MHC-II+––+++++ลดระดับ hs-CRP–––+++++",
"อะพอพโทซิสเป็นการตายที่เกิดขึ้นตามปกติในกระบวนการเจริญพัฒนาของสิ่งมีชีวิต ซึ่งต่างจากการตายเฉพาะส่วนที่เกิดจากการบาดเจ็บของเซลล์แบบเฉียบพลัน อะพอพโทซิสเกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปร่างและอวัยวะของเอ็มบริโอ เช่นการเจริญของนิ้วมือและนิ้วเท้าเนื่องจากเซลล์ที่อยู่ระหว่างนิ้วอะพอพโทซิสไป ทำให้นิ้วทั้งห้าแยกออกจากกัน โดยเฉลี่ยแล้วในผู้ใหญ่จะมีเซลล์ราว 5 หมื่นล้านถึง 7 หมื่นล้านเซลล์ตายแบบอะพอพโทซิสทุกวัน และในเด็กอายุ 8-14 ปีจะมีเซลล์ตายราว 2 หมื่นล้านถึง 3 หมื่นล้านเซลล์ต่อวัน",
"การแสดงออกของโปรตีน MAC ถูกควบคุมโดยโปรตีนหลายตัว เช่นยีน Bcl-2 ซึ่งเป็นกลุ่มยีนต้านอะพอพโทซิสซึ่งถูกถอดรหัสในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ซึ่งมีต้นกำเนิดเหมือน (homolog) กับยีน ced-9 ซึ่งพบในC. elegans.[11][12] โปรตีน Bcl-2 สามารถทำหน้าที่ส่งเสริมหรือยับยั้งอะพอพโทซิสจากการควบคุมโดยตรงผ่าน MAC หรือทางอ้อมผ่านทางโปรตีนอื่นๆ น่าสนใจว่าการทำงานของโปรตีน Bcl-2 บางชนิดสามารถหยุดกระบวนการอะพอพโทซิสแม้ว่าไซโตโครม ซี จะถูกปล่อยออกจากไมโทคอนเดรียแล้วก็ตาม[5]",
"ชีววิทยาของเซลล์ หรือ วิทยาเซลล์ () เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับเซลล์ ทั้งในด้านคุณสมบัติทางสรีรวิทยา, โครงสร้าง, ออร์แกเนลล์ที่อยู่ภายใน, ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม, วัฎจักรเซลล์, การแบ่งเซลล์, และการตายของเซลล์ [หรืออะพอพโทซิส (apoptosis)] การศึกษาคุณสมบัติของเซลล์ดังกล่าวเป็นการศึกษาในระดับจุลทรรศน์และระดับโมเลกุล การวิจัยในทางชีววิทยาของเซลล์นั้นกว้างขวางและหลากหลายมากตั้งแต่ในสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวอย่างแบคทีเรียไปจนถึงเซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายในสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ เช่นในมนุษย์",
"ตัวอย่างที่แสดงถึงแนวความคิดดังกล่าวพบในการเจริญของมะเร็งปอดชนิด NCI-H460[26] ยีนที่ชื่อว่า X-linked inhibitor of apoptosis protein (XIAP) มีการแสดงออกเพิ่มมากขึ้นในเซลล์ตระกูล H460 cell line โปรตีน XIAPs จับกับเอนไซม์แคสเปส-9 และกดการทำงานของไซโตโครม ซี ซึ่งเป็นโปรตีนกระตุ้นอะพอพโทซิส ทำให้สารกระตุ้นอะพอพโทซิสลดลงและสารต้านอะพอพโทซิสเพิ่มมากขึ้น เซลล์ที่มีความเสียหายจะแบ่งตัวเพิ่มแทนที่จะถูกทำลายและกลายเป็นมะเร็งในที่สุด",
"แม้ว่ากระบวนการเกิดโรคยังไม่ชัดเจน แต่ก็ดูเหมือนจะสัมพันธ์กับการตายของเซลล์เนื่องกับอะพอพโทซิส\nการตัดต่อยีนอาศัย morpholinos เพื่อลดการแสดงออกของยีน MsrB3 ในปลาม้าลายมีผลเป็นขนเซลล์ที่สั้นกว่า บางกว่า และหนาแน่นกว่า ตลอดจน otolith ที่เกิดผิดที่\nนอกจากนั้นแล้ว stereocilia จำนวนหนึ่งยังเกิดอะพอพโทซิสอีกด้วย\nการฉีด MsrB3 mRNA แบบปกติตามธรรมชาติ (wild-type) เข้าไป แก้ความเสียหายในการได้ยินได้ ซึ่งแสดงว่า MsrB3 ช่วยป้องกันอะพอพโทซิส",
"หมวดหมู่:อะพอพโทซิส หมวดหมู่:วิทยาภูมิคุ้มกัน หมวดหมู่:เซลล์ หมวดหมู่:มุมมองการแพทย์เกี่ยวกับความตาย",
"ในสิ่งมีชีวิตตัวเต็มวัย จำนวนของเซลล์จะค่อนข้างคงที่โดยกระบวนการตายของเซลล์และการแบ่งเซลล์ทดแทน เซลล์จะต้องถูกทดแทนเมื่อเซลล์นั้นเป็นโรคหรือทำหน้าที่ผิดปกติไป แต่การเพิ่มจำนวนของเซลล์ก็ต้องถูกชดเชยด้วยการตายของเซลล์[1] ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในภาวะธำรงดุล (homeostasis) ที่จำเป็นในสิ่งมีชีวิตเพื่อรักษาภาวะภายในร่างกายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม",
"เอนไซม์ของไวรัส HIV ยับยั้งยีนต้านอะพอพโทซิส Bcl-2 และกระตุ้นยีนกระตุ้นอะพอพโทซิส โปรแคสเปส-8 (procaspase-8) แม้ว่ากลไกดังกล่าวไม่ได้ทำให้เซลล์ตายโดยตรงแต่เป็นการเตรียมเซลล์ให้เกิดอะพอพโทซิสหลังจากได้รับสัญญาณกระตุ้น ผลผลิตจากเชื้อ HIV จะเพิ่มระดับของโปรตีนในเซลล์ซึ่งสนับสนุนให้เกิดกระบวนการอะพอพโทซิสที่ควบคุมโดย Fas โปรตีนของเชื้อ HIV ลดจำนวนการแสดงออกของโมเลกุลไกลโคโปรตีน CD4 บนเยื่อหุ้มเซลล์ การปลดปล่อยอนุภาคและโปรตีนของไวรัสออกมาภายนอกเซลล์ ชักนำกระบวนการอะพอพโทซิสใน T-helper cell ตัวอื่นๆ ไวรัส HIV ลดการผลิตโมเลกุลที่เป็นเครื่องหมาย (marker) ให้เกิดกระบวนการอะพอพโทซิส จึงชะลอเวลาให้ไวรัสสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนและปล่อยสารอะพอพโทซิส (apoptotic agent) และวิริออน (virion) ออกมายังเนื้อเยื่อรอบข้าง เซลล์ CD4+ ที่ติดเชื้อสามารถรับสัญญาณกระตุ้นการตายจาก cytotoxic T cell ทำให้เกิดอะพอพโทซิส",
"เพื่อหานิยามของการตายที่สมบูรณ์ นักวิจัยได้พยายามมองลึกเข้าไปถึงระดับเซลล์ โดยดูที่ไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นอวัยวะของเซลล์ มีหน้าที่ในการสร้างพลังงานให้เซลล์ และควบคุมกระบวนการอะพอพโทซิส \" (apoptosis) \" ซึ่งเป็นระบบควบคุมการตายของเซลล์ที่ผิดปกติโดยไมโทคอนเดรีย เป็นระบบที่ร่างกายพัฒนาขึ้นมาเพื่อป้องกันมะเร็ง \" (cancer) \"",
"ไวรัสส่วนใหญ่จะถอดรหัสโปรตีนซึ่งยับยั้งกระบวนการอะพอพโทซิส[30] ไวรัสหลายชนิดสร้างโปรตีนซึ่งมีต้นกำเนิดเหมือน (homolog) กับ Bcl-2 ซึ่งสามารถยับยั้งโปรตีนกระตุ้นอะพอพโทซิส (pro-apoptotic protein) เช่น BAX และ BAK ตัวอย่างของโปรตีน Bcl-2 ของไวรัสเช่นโปรตีน BHRF1 ของเอพสไตน์-บารร์ไวรัส (Epstein-Barr virus) หรือโปรตีน E1B 19K ของอะดีโนไวรัส (adenovirus) [31] ไวรัสบางชนิดแสดงออกโปรตีนที่ยับยั้งเอนไซม์แคสเปส เช่นโปรตีน CrmA ของไวรัสฝีดาษวัว (cowpox) ในขณะที่ไวรัสหลายชนิดสามารถยับยั้งการทำงานของ TNF และ Fas ตัวอย่างเช่นโปรตีน M-T2 ของมิกโซมาไวรัส (myxoma viruses) สามารถจับกับ TNF เพื่อป้องกันไม่ให้ TNF จับกับตัวรับได้[32] นอกจากนี้ไวรัสหลายชนิดแสดงออกโปรตีนที่ยับยั้ง p53 ซึ่งทำให้ p53 ไม่สามารถชักนำการแสดงออกของโปรตีนกระตุ้นอะพอพโทซิส (pro-apoptotic proteins) และไม่สามารถชักนำให้เซลล์เกิดกระบวนการอะพอพโทซิสได้ ตัวอย่างเช่นโปรตีน E1B-55K ของอะดีโนไวรัสและโปรตีน HBx ของไวรัสตับอีกเสบ บี[33]",
"นอกจากเซลล์ที่ติดเชื้อจะตายจากกระบวนการอะพอพโทซิสแล้ว ยังจะตายจากผลของการติดเชื้อไวรัสโดยตรงได้อีกด้วย",
"ในปลายศริสต์ทศวรรษ 1960 ถึง 70 มีการพยายามลดอัตราการเสียชีวิตในสหภาพโซเวียต และเป็นที่ชื่นชมมากในหมู่คนวัยทำงาน แต่ยังเป็นที่แพร่หลายในรัสเซียและพื้นที่สลาฟอื่น ๆ ส่วนใหญ่ของประเทศ[82] การวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นทางการจากปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 แสดงให้เห็นว่าหลังจากที่เลวร้ายลงในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 และต้นคริสต์ทศวรรษ 1980 การตายของคนวัยผู้ใหญ่เริ่มกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง[83] อัตราการตายของทารกเพิ่มขึ้นจาก 24.7 ในปี 1970 เป็น 27.9 ในปี 1974 นักวิจัยบางคนให้ความสำคัญกับการเพิ่มขึ้นของความเป็นจริงอันเป็นผลมาจากภาวะสุขภาพและบริการที่แย่ลง[84] การตายเพิ่มขึ้นทั้งในผู้ใหญ่และทารกไม่ได้ถูกอธิบายหรือปกป้องโดยเจ้าหน้าที่โซเวียตและรัฐบาลโซเวียตก็หยุดการเผยแพร่สถิติการตายทั้งหมดเป็นเวลา 10 ปี นักวิจัยด้านสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของสหภาพโซเวียตยังคงนิ่งเงียบเกี่ยวกับอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นจนถึงช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 เมื่อมีการเผยแพร่ข้อมูลการเสียชีวิต และนักวิจัยก็สามารถเจาะลึกสาเหตุที่แท้จริงได้[85]",
"อะพอพโทซิสจะเกิดขึ้นในเซลล์ที่เสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซมได้ เช่น ติดเชื้อไวรัส, หรืออยู่ในภาวะกดดันเช่นการอดอาหาร ความเสียหายของดีเอ็นเอภายในเซลล์จากรังสีแตกตัว (ionizing radiation) หรือสารพิษจะชักนำให้เกิดอะพอพโทซิสโดยผ่านการทำงานของยีนต้านมะเร็ง (tumour-suppressing gene) ชื่อ p53 การ \"ตัดสินใจ\" ของเซลล์ว่าจะเข้าสู่กระบวนการอะพอพโทซิสอาจขึ้นกับปัจจัยของเซลล์เอง, ปัจจัยของเนื้อเยื่อรอบๆ, และจากเซลล์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน ในกรณีนี้เซลล์จะเกิดการอะพอพโทซิสเพื่อกำจัดเซลล์ที่เสียหาย, เพื่อป้องกันการกระจายของไวรัส, และเพื่อลดจำนวนเซลล์ในภาวะอดอาหารเพื่อจะได้ไม่ต้องดึงอาหารจากสิ่งมีชีวิตตามลำดับ",
"ในระหว่างการเจริญเติบโต กระบวนการอะพอพโทซิสจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด และในแต่ละเนื้อเยื่อจะมีสัญญาณในการชักนำอะพอพโทซิสที่แตกต่างกันออกไป ในนกโปรตีนที่ชื่อว่า Bone morphogenetic protein (BMP) ส่งสัญญาณชักนำอะพอพโทซิสในเนื้อเยื่อระหว่างนิ้ว ในแมลงวัน Drosophila มีสเตอรอยด์ฮอร์โมนทำหน้าที่ควบคุมการตายของเซลล์ ในทางกลับกันนัยของการเจริญเติบโตสามารถชักนำกระบวนการอะพอพโทซิส ตัวอย่างเช่นการตายของเซลล์ที่จำเพาะกับเพศ (sex-specific cell death) ของเส้นประสาท hermaphrodite specific neurons ใน C. elegans เพศผู้ผ่านทางการแสดงออกที่ลดลงของ transcription factor TRA-1 (ยีน TRA-1 ช่วยป้องกันการตายของเซลล์)",
"โปรตีนต้านมะเร็ง p53 จะมีการสะสมมากขึ้นเมื่อดีเอ็นเอเสียหายจากปฏิกิริยาเคมีต่างๆ โดยผ่านวิถีซึ่งมีแอลฟา-อินเตอร์เฟอรอน (alpha-interferon) และบีตา-อินเตอร์เฟอรอน (beta-interferon) ซึ่งจะชักนำให้เกิดการถอดรหัส (transcription) ยีน p53 และเพิ่มระดับโปรตีน p53 ซึ่งช่วยส่งเสริมให้เซลล์มะเร็งเกิดการตายแบบอะพอพโทซิส[27] โปรตีน p53 จะหยุดยั้งการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนของเซลล์โดยการหยุดวัฏจักรเซลล์ที่ระยะ G1 หรืออินเตอร์เฟส (interphase) เพื่อให้เซลล์มีการซ่อมแซมหรือชักนำให้เกิดการตายหากความเสียหายนั้นมากเกินและซ่อมแซมไม่ได้ การขาดการควบคุมจากยีน p53 หรือยีนอินเตอร์เฟอรอนจะทำให้กระบวนการอะพอพโทซิสเกิดไม่ได้และอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็ง",
"อะพอพโทซิสยังมีบทบาทในการป้องกันมะเร็ง หากเซลล์ไม่สามารถที่จะเกิดการตายแบบอะพอพโทซิสอันเนื่องมาจากการกลายพันธุ์ (mutation) หรือการยับยั้งกระบวนการทางชีวเคมีจะทำให้เซลล์แบ่งตัวต่อเนื่องและเจริญกลายเป็นเนื้องอก ตัวอย่างเช่น การติดเชื้อ papillomavirus จะทำให้ยีนของไวรัสเข้าแทรกในโปรตีน p53 ของเซลล์ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในวิถีอะพอพโทซิส การรบกวนกระบวนการอะพอพโทซิสดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญในการเจริญของมะเร็งปากมดลูก",
"ถ้าเซลล์ไม่มีกระบวนการอะพอพโทซิส เซลล์ทีผิดปกติจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่องๆ จนกลายเป็นเนื้องอก (tumour) กระบวนการอะพอพโทซิสจึงมีส่วนสำคัญ ในการควบคุมสมดุลของร่างกาย การตายของเซลล์ต้องสัมพันธุ์กับการเพิ่มจำนวนของเซลล์ เซลล์ที่ติดเชื้อหรือผิดปกติจะต้องถูกแทนที่ด้วยเซลล์ใหม่",
"การตายของเซลล์แบบนี้แตกต่างจากการตายแบบอะพอพโทซิส (apoptosis) เพราะซากของเซลล์จะถูกเซลล์กลืนกิน (phagocyte) ของระบบภูมิคุ้มกันเข้ามากำจัดได้ยากเนื่องจากการตายเฉพาะส่วนไม่มีการส่งสัญญาณของเซลล์ (cell signals) ซึ่งกระตุ้นให้เซลล์กลืนกินข้างเคียงเข้ามาจัดการซาก ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถจะระบุตำแหน่งของการตายและไม่สามารถนำองค์ประกอบของเซลล์ที่ตายกลับมาใช้ใหม่ดังเช่นการตายแบบอะพอพโทซิส",
"วิถีของกระบวนการอะพอพโทซิสมีจำนวนมากมายซึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบทางชีวเคมีจำนวนมาก ซึ่งหลายอย่างที่ยังไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน[1] อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติขององค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งมีผลกระทบต่อองค์ประกอบอื่นๆ ในวิถี ในสิ่งมีชีวิตความผิดปกติดังกล่าวจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงและเกิดโรคหรือความผิดปกติได้ การจะอธิบายทุกโรคที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของวิถีอะพอพโทซิสนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ทุกโรคนั้นมีหลักการของสาเหตุที่เหมือนกัน นั่นคือวิถีอะพอพโทซิสปกติถูกรบกวนทำให้เซลล์มีความผิดปกติในการเข้าสู่การตายแบบอะพอพโทซิสตามปกติ ซึ่งทำให้เซลล์นั้นเป็นอมตะและสามารถแบ่งตัวอย่างควบคุมไม่ได้และเพิ่มโอกาสเกิดความผิดปกติของสารพันธุกรรม เพิ่มโอกาสที่เซลล์นั้นจะกลายเป็นมะเร็งหรือก่อโรคได้",
"ไมโทคอนเดรีย (mitochondria) เป็นออร์แกเนลล์ที่จำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิตหลายเซลล์ หากเซลล์ไม่มีไมโทคอนเดรียเซลล์นั้นจะหยุดการหายใจแบบใช้ออกซิเจนและตายอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในวิถีชักนำการตายของกระบวนการอะพอพโทซิส โปรตีนที่เกี่ยวข้องกับอะพอพโทซิสซึ่งมีเป้าหมายที่ไมโทคอนเดรียจะเข้าไปมีผลในหลากหลายทาง เช่น การทำให้ไมโทคอนเดรียบวมโดยการเจาะรูบนผิวเมมเบรน หรืออาจเพิ่มสภาพซึมผ่าน (permeability) ของเยื่อหุ้มไมโทคอนเดรียซึ่งทำให้สารควบคุมกระบวนการอะพอพโทซิสรั่วออกมา[5] นอกจากนี้ยังพบหลักฐานบ่งชี้ว่าไนตริกออกไซด์ (NO) ยังมีส่วนชักนำอะพอพโทซิสโดยการลดศักย์เยื่อเซลล์ (membrane potential) ของไมโทคอนเดรียและเพิ่มสภาพซึมผ่านของเยื่อหุ้มไมโทคอนเดรีย[7]",
"งานวิจัยและข้อมูลเกี่ยวกับอาการจะค่อนข้างจำกัดและเก่า\nงานวิจัยในเรื่องนี้โดยมากได้ทำในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และงานที่ตีพิมพ์ล่าสุดเกิดเมื่อปลายคริสต์ทศวรรษ 1970\nมีงานศึกษาจำนวนหนึ่งที่ทำในต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 อย่างไรก็ดี จะต้องรวบรวมและไขข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ความเข้าใจที่สมบูรณ์"
] |
แม่เหล็กมีกี่ขั้ว ? | [
"แม่เหล็กมี 2 ขั้วเสมอ ขั้วเหนือและขั้วใต้ ถ้าแขวนแท่งแม่เหล็กให้เคลื่อนที่อย่างอิสระ เมื่อหยุดนิ่ง ขั้วที่ชี้ไปทางทิศเหนือ เรียกว่า ขั้วเหนือ (N) ขั้วที่ชี้ไปทางทิศใต้ เรียกว่า ขั้วใต้ (S) ขั้วแม่เหล็กทั้งขั้วเหนือและขั้วใต้จะดูดสารแม่เหล็กเสมอ เมื่อนำแม่เหล็ก 2 อันมาอยู่ใกล้กัน ขั้วเหมือนกันจะผลักกัน และขั้วต่างกันจะดูดกัน แรงดูดจะมีมากที่สุดที่บริเวณขั้วทั้งสองของแม่เหล็กและลดน้อยลงเมื่อถัดเข้ามา เส้นแรงแม่เหล็กมีทิศทางออกจากขั้วเหนือไปยังขั้วใต้ ทั้งสามมิติ สนามแม่เหล็กหมายถึงบริเวณที่แม่เหล็กส่งแรงไปถึง"
] | [
"รถไฟพลังแม่เหล็กไฟฟ้าทำงานโดยใช้ สนามแม่เหล็ก (Magnetic field) มายกให้รถไฟลอย (Levitation) อยู่บนรางทำให้หมดปัญหาการเสียดสีระหว่างรางและตัวรถ รวมทั้งใช้ไฟฟ้าเหนี่ยวนำให้เกิดสนามแม่เหล็กเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อน และหยุดรถโดยอาศัยหลักการของการดึงดูดกันของแม่เหล็ก ต่างขั้วและการผลักกันของแม่เหล็กขั้วเดียวกัน โดยจะมีชุดแผงขด ลวดเล็กๆ อยู่สองข้างราง กระแสไฟฟ้าจะเป็นกระแสสลับที่เปลี่ยน ทิศทางไปมาไปมาเพื่อจะเปลี่ยนขั้วสนามแม่เหล็กให้ผลักและดึง รถไฟไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา โดยแผงรางที่อยู่ข้างหน้าจะมีขั้ว แม่เหล็กตรงข้ามกับแผงที่ติดตั้งบนรถเพื่อที่จะดึงดูดรถและแผงราง ที่อยู่ข้างหลังจะมีขั้วแม่เหล็กเดียวกับแผงที่ติดตั้งบนรถเพื่อทำให้ เกิดแรงผลักเสริมอีกแรงหนึ่ง จากการที่ตัวนำยวดยิ่งแทบจะไม่มี ความต้านทานเลยทำให้สามารถสร้างสนามแม่เหล็กความเข้มสูงได้ มากกว่าตัวนำปกติ ลดการสูญเสียพลังงานในรูปพลังงานความร้อน และลดขนาดของขด ลวดที่ใช้งานให้มีขนาดเล็กลง แม้ว่าในปัจจุบัน MagLev ที่ใช้ตัวนำยวดยิ่งสำหรับสร้างสนามแม่เหล็กความเข้มสูง จะยังอยู่ในช่วงทดสอบการใช้งานแต่ก็มีแนวโน้มจะสามารถใช้ขนส่ง ในเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคต",
" \nกฎของเกาส์สำหรับสนามแม่เหล็ก (โดยความเป็นจริงเราไม่มีชื่อให้สำหรับกฎข้อนี้) : บอกได้ว่าในชีวิตประจำวันเราจะไม่พบแม่เหล็กซึ่งมีขั้วแยกจากกันโดยชัดเจน นั่นคือเราจะไม่พบแม่เหล็กที่มีขั้วเหนือเพียงขั้วเดียวหรือแม่เหล็กที่มีขั้วใต้เพียงขั้วเดียว",
"ส่วนหลักของสนามแม่เหล็กโลกสร้างขึ้นในแก่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระบวนการไดนาโมอันเปลี่ยนพลังจลน์ของการเคลื่อนพาของไหลไปเป็นพลังงานไฟฟ้าและพลังงานสนามแม่เหล็ก ตัวสนามแผ่ออกจากบริเวณแก่นผ่านชั้นเนื้อโลกและขึ้นสู่ผิวโลกอันเป็นตำแหน่งที่ประมาณได้อย่างหยาบ ๆ เป็นแม่เหล็กขั้วคู่ ขั้วของแม่เหล็กขั้วคู่มีตำแหน่งใกล้เคียงกับขั้วโลกภูมิศาสตร์ ที่เส้นศูนย์สูตรของสนามแม่เหล็กมีความเข้มสนามแม่เหล็กที่พื้นผิวเท่ากับ 3.05 × 10−5 เทสลา และมีโมเมนต์ขั้วคู่แม่เหล็กโลกที่ 7.91 × 1015 เทสลา.เมตร3[141] การเคลื่อนที่พาในแก่นนั้นมีความยุ่งเหยิงทำให้ขั้วแม่เหล็กมีการเขยื้อนและเปลี่ยนแปลงแนวการวางตัวเป็นระยะ ๆ เป็นสาเหตุของการกลับขั้วสนามแม่เหล็กตามช่วงเวลาอย่างไม่สม่ำเสมอเฉลี่ยไม่กี่ครั้งในทุก ๆ ล้านปี โดยการกลับขั้วครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อราว 700,000 ปีก่อน[142][143]",
"ฟลักซ์แม่เหล็ก (Magnetic flux) คือปริมาณเส้นแรงแม่เหล็กหรือจำนวนของเส้นแรงแม่เหล็กที่พุ่งจากขั้วหนึ่งไปยังขั้วหนึ่ง ของแท่งแม่เหล็ก มีหน่วยเป็น เวเบอร์ (Weber,Wb) ",
"สนามแม่เหล็กของโลกเป็นแม่เหล็กสองขั้วชนิดหนึ่ง ซึ่งมีขั้วด้านหนึ่งอยู่ใกล้ตำแหน่งขั้วโลกเหนือ และขั้วอีกด้านหนึ่งอยู่ใกล้ตำแหน่งขั้วโลกใต้ เส้นที่เชื่อมระหว่างขั้วแม่เหล็กมีความเอียงประมาณ 11.3° กับแกนการหมุนของโลก สาเหตุของการเกิดสนามแม่เหล็กดูได้ในทฤษฎีไดนาโมDynamo Theory",
"อัตราของการเกิดรีเวอร์สในสนามแม่เหล็กโลกนั้นมีความแปรผันกว้างตลอดระยะเวลา ในช่วง 72 ล้านปีที่ผ่านมาสนามแม่เหล็กมีการเกิดรีเวอร์ส 5 ครั้งในช่วงหลายล้านปีหนึ่งๆ ในช่วง 4 ล้านปีหนึ่งที่ช่วงกึ่งกลางอยู่ที่ 54 ล้านปีมาแล้วมีการเกิดรีเวอร์ส 10 ครั้ง ที่ประมาณ 42 ล้านปีมาแล้วมีจำนวนรีเวอร์ส 17 ครั้งในช่วงระยะเวลา 3 ล้านปี ในช่วง 3 ล้านปีที่ช่วงกึ่งกลางอยู่ที่ 24 ล้านปีมาแล้วมีการเกิดรีเวอร์ส 13 ครั้ง มีจำนวนรีเวอร์สไม่น้อยกว่า 51 ครั้งที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเลา 12 ล้านปีที่ช่วงกึ่งกลางอยู่ที่ 15 ล้านปีมาแล้ว มหายุคของการเกิดรีเวอร์ซอลบ่อยๆนี้จะมีช่วงซูเปอร์ครอนส์ไม่กี่ครั้ง (ซูเปอร์ครอนส์หมายถึงช่วงที่ไม่มีการสลับขั้วเกิดขึ้นเลยเป็นระยะเวลายาวนาน) [4]",
"เรานิยมเรียกชื่อขั้วของก้อนแม่เหล็กตามทิศที่มันชี้ไป ดังนั้นเราจึงสามารถเรียกขั้วเหนือของแม่เหล็กได้อีกอย่างหนึ่งว่า \"ขั้วที่ชี้ไปทางเหนือ\"",
"ในการจำลองบางครั้งก็เกิดความไม่เสถียรที่สนามแม่เหล็กทำให้เกิดการสลับขั้วอย่างรวดเร็วไปในทิศทางที่ตรงกันข้าม ลักษณะเช่นนี้ได้รับการสนับสนุนจากการสังเกตสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์ที่มีการสลับขั้วได้เองทุกๆ 7 – 15 ปี อย่างไรก็ตามจากการสังเกตพบว่าความเข้มข้นในสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์นั้นจะเพิ่มขึ้นสูงมากในช่วงที่มีการสลับขั้วขณะที่การสลับขั้วทั้งหมดบนโลกของเราดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้นในช่วงที่สนามแม่เหล็กมีสภาพที่อ่อนตัวลง",
"flux แม่เหล็กที่สร้างขึ้นโดยขดลวดจะไปตามเส้นทางของแรงต้านแม่เหล็ก()ที่มีค่าน้อยที่สุด(เหมือนกระแสไฟฟ้าที่ไหลในทิศทางที่มีความต้านทานน้อยที่สุด) นั่นคือ flux จะไหลผ่านขั้วของโรเตอร์ที่อยู่ใกล้กับขั้วของสเตเตอร์ที่ถูก energize มากที่สุด ขั้วของโรเตอร์นั้นจะกลายเป็นแม่เหล็ก และสร้างแรงบิดขึ้น ในขณะที่โรเตอร์หมุน ขดลวดชุดต่อไปก็จะถูก energize ไปเรื่อยๆ ทำให้โรเตอร์ยังคงหมุนอยู่ตลอด",
"มอเตอร์ไฟฟ้ามีขั้วสนามแม่เหล็กในสองรูปแบบ ได้แก่แบบขั้วที่เห็นได้ชัดเจนและแบบขั้วที่เห็นได้ไม่ชัดเจน ในขั้วที่ชัดเจน สนามแม่เหล็กของขั้วจะถูกผลิตโดยขดลวดพันรอบแกนด้านล่าง ในขั้วที่ไม่ชัดเจน หรือเรียกว่าแบบสนามแม่เหล็กกระจาย หรือแบบรอบๆโรเตอร์ ขดลวดจะกระจายอยู่ในช่องบนแกนรอบโรเตอร์ มอเตอร์แบบขั้วแฝงมีขดลวดรอบส่วนหนึ่งของขั้วเพื่อหน่วงเฟสของสนามแม่เหล็กของขั้วนั้นให้ช้าลง ",
"แม่เหล็กขั้วเดียว () เป็นอนุภาคตามสมมุติฐานในการศึกษาฟิสิกส์ โดยกล่าวว่าเป็นแม่เหล็กที่มีเพียงขั้วเดียว (ดู สมการของแมกซ์เวลล์ เพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้วแม่เหล็ก) ความสนใจในยุคใหม่คือแนวคิดที่กำเนิดจากทฤษฎีเกี่ยวกับอนุภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ (grand unification theory) และทฤษฎีซูเปอร์สตริง ซึ่งเป็นทฤษฎีที่ทำนายถึงการมีอยู่ของแม่เหล็กขั้วเดียว",
"หลักของการพัฒนาแสดงไว้ในแผนภาพที่รูปที่ 1 ซึ่งแสดง ลาวา 3 แบบ การระเบิดครั้งแรกสุดเมื่อประมาณ 1.9 ล้านปีมาแล้ว เมื่อครั้งนั้นสนามแม่เหล็กโลกยังเป็นขั้วปกติ ดังนั้นเมื่อลาวาเย็นตัวมันจะมีขั้วปกติ ชนิดที่ 2 เกิดจากการระเบิดเมื่อ 1.5 ล้านปี ผ่านมาแล้วซึ่งอยูในช่วงที่โลกกลับขั้วและครั้งล่าสุดระเบิดเมื่อ 0.5 ล้านปีหลังจากที่เกิดการสับขั้วเข้าสู่ขั้วปกติ แม้ว่าลาวาจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามอุณหภูมิและการระเบิด แต่มีบางส่วนที่ยังคงขั้วเดิมของมันไว้จนถึงปัจจุบัน นักธรณีวิทยาสามารถสร้าง polarity time scale ของลาวาเหล่านี้โดยการวัด remanent dating โดยแสดงผลในตารางด้านซ้าย ความคิดหลักของ remanent magnetism เป็นที่รู้กันดีของบรรดานักธรณีวิทยา อย่างไรก็ตามก็มีผู้ศึกษาที่ศึกษาเกี่ยวกับความเป็นแม่เหล็กของหินเพียงจำนวนน้อยที่จะค้นคว้า ก่อนปี 1960 หลักฐานพื้นฐานของ การลำดับชั้นสนามแม่เหล็กบรรพกาลพัฒนาขึ้นเมื่อต้นปีและกลางปี 1960 ในช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 5 ปีของนักวิทยาศาสตร์ 2 กลุ่ม ที่ทำงานอย่างอิสระและแข่งขันกันอย่างมากกลุ่มหนึ่งอยู่ทางตอนเหนือของ California ในออสเตรเลีย นักวิทยาศาสตร์ได้จัดลำดับการพัฒนาของขั้วแม่เหล็กแต่ละช่วงอายุไว้โดย Cox (1973), Glen (1982), Mc Dougall (1977), and Watkin (1972) การกลับทิศทางขั้วแม่เหล็กเป็นเครื่องมือในการลำดับชั้น โดยบรรยายตามลักษณะการกลับขั้ว เราต้องทราบเวลาที่แม่เหล็กใช้ในการกลับขั้วแต่ละครั้ง เริ่มแรกเราจะหาอายุของขั้วแม่เหล็กในช่วงแรกในหินอัคนีภูเขาไฟบนพื้นโลกโดย K-Ar techniques เราสามารถประมาณอายุเป็นล้านปีได้ อาจมีค่าผิดพลาด 2% ซึ่งในเวลา 5 ล้านปีก็จะผิดพลาดไม่เกิน 0.1 ล้านปีPolarity time scale ในช่วง 7 ล้านปี เราหาได้จากความสัมพันธ์ของ Icelandic lavas ดังรูปที่ 2 ซึ่งเป็น original plate time scale แบ่งย่อยได้เป็น epochs แต่ละชื่อตั้งตามผู้ที่ค้นพบ และยังสามารถแบ่งเป็นช่วงสั้นๆตามแต่ละพื้นที่ ที่เราศึกษาสภาพความเป็นแม่เหล็กโบราณ ในการศึกษาขั้วแม่เหล็กของหินอัคนีภูเขาไฟบนบก แหล่งที่สำคัญเป็นอันดับที่2ของข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับเหตุการณ์การกลับขั้วแม่เหล็ก คือ รูปแบบของ linear anomaly ซึ่งค้นพบจากพื้นมหาสมุทรไปตาม mid-ocean ridges และได้เคยถูกตีความครั้งแรกโดย Vine และ Matthews (1963) ความผิดปกติทางแม่เหล็กส่งผลต่อการเบนทิศภูมิหลังของความเป็นแม่เหล็กของโลกทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับไพศาล เส้นของขั้วแม่เหล็กบวกและลบของหิน(รูปที่ 3)รูปร่างเมื่อมองหยาบๆแล้วจะขนานกับยอดสันซึ่งกว้าง5-50กิโลเมตรและยาวหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งเป็นผลมาจากการกลับขั้วของแม่สนามเหล็กโลกในรูปแบบของลาวาไหลซึ่งระเบิดแล้วไหลไปตามยอดสัน แล้วเย็นตัวลงใต้ Curie point แล้วถูกดึงจากสันออกทางด้านข้าง ในขณะที่หินอัคนีภูเขาไฟใหม่เริ่มก่อตัวขึ้นและกลายเป็นแม่เหล็ก Vine และ Matthews(1963) สันนิษฐานว่ารูปแบบของ liner magnetic anomaly บนพื้นสมุทรเกี่ยวข้องกับช่วง normal, reverse polarity ในgeomagnetic time scale จากความจริงที่ว่า ความผิดปกติทางแม่เหล็กเมื่อมองหยาบๆแล้วจะขนานกับยอดสันนั้นเป็นหลักฐานอย่างดีที่ใช้ในการพัฒนาความคิดของ seafloor spreading การค้นพบ linear magnetic anomalies บนพื้นทวีปทำให้ geomagnetic time scale มีความเที่ยงตรง นักธรณีฟิสิกส์กำหนดหมายเลขเพื่อแสดงลักษณะเฉพาะทางความผิดปกติของแม่เหล็ก เริ่มตั้งแต่หมายเลข1ที่แกนของสัน ดังรูปที่ 4 ความผิดปกติของแม่เหล็กบนพื้นทวีปเองไม่ได้กำหนด reversal time scale เพราะโดยปกติแล้วไม่มีใครรู้อายุของหินอัคนีภูเขาไฟ อย่างไรก็ตามเราสามารถหาอายุได้โดยวิธีทางกัมมันตรังสีหรือทางชีวภาพได้ Polarity time scale สำหรับ Mesozoic และ Cenozoic oceanic events เราสามารถประเมินเวลาตาม mafic volcanic rock ในพื้นสมุทร (Heirtzler et al 1968) คาดว่าบริเวณใกล้พื้นสมุทรจะเป็นหินที่อ่อนที่สุดเป็นการกลับขั้วซึ่งบอกสนามแม่เหล็กโลก จากการสันนิษฐานจะมีการแผ่ออกประมาณ 1.7 เมตรต่อปี ตั้งแต่ยุค Cetaceous เป็นต้นมาในทางใต้ของแอตแลนติก รวมทั้งกำหนดของอายุการกลับขั้วแม่เหล็กในแต่ละครั้งประมาณ 3.5 ล้านปี อย่างไรก็ตามการสันนิษฐานการกลับขั้วนี้ช้าไป 7% ในช่วง Late Cretaceous ถึง Cenozoic ตาม Heirtzler et al’s scale และการไหลของลาวาเชื่อว่าที่จริงแล้วไหล 70 มิลลิเมตรต่อปี ในช่วง Late Cretaceous จนถึงปัจจุบันไหล 32 มิลลิเมตรต่อปี อีกวิธีหนึ่งคือ เราหาข้อมูลของขั้วแม่เหล็กตามการบันทึกของขั้วแม่เหล็กในแต่ละพื้นที่ของหินตะกอนและบริเวณกลางมหาสมุทร ขนาดของสนามแม่เหล็กในตะกอนใช้การเรียงตัวของเหล็ก ระหว่างการสะสมเป็นตัวบอก ศึกษาการรวมขั้วของแม่เหล็กในตะกอนทำให้ชะงักตามปัจจัยต่างๆ ประกอบด้วยช่วงการสะสมตัว องค์ประกอบทางเคมีของแร่ที่เข้ามาแทรก ซึ่งจัดเป็นการเป็นแม่เหล็กทุติยภูมิ และตะกอนมากมายหรือหินตะกอนมัมีสนามแม่เหล็กน้อยในช่วงแรกเครื่องตรวจวัดสนามแม่เหล็กอาจไม่สามารถตรวจวัดได้ แต่ปัจจุบันจาก Superconducting magnetrometer และการพัฒนาค้นคว้าทางแม่เหล็กมากขึ้นทำให้สามารถพอตรวจวัดได้ในหินตะกอน",
"บทความหลัก: Homopolar Generator\nเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ homopolar เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสตรงที่ประกอบไปด้วยแผ่น ตัวนำไฟฟ้าหรือกระบอกหมุนในระนาบที่ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กสม่ำเสมอติดอยู่กับที่ ความต่างศักย์จะถูกสร้างขึ้นระหว่างศูนย์กลางของแผ่นดิสก์และขอบ(หรือปลายของกระบอก) ขั้วไฟฟ้าจะขึ้นอยู่กับทิศทางการหมุนและการวางตัวของสนามแม่เหล็ก มันยังเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ unipolar, เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ acyclic, ดิสก์ไดนาโม หรือฟาราเดย์ดิสก์ แรงดันไฟฟ้าโดยทั่วไปจะต่ำ เพียงไม่กี่โวลต์ในกรณีของรุ่นสาธิตขนาดเล็ก แต่เครื่องกำเนิดเพื่อ การวิจัยขนาดใหญ่สามารถผลิตหลายร้อยโวลต์ และบางระบบมีหลายเครื่องกำเนิดต่อกันเป็นแถว เพื่อผลิตแรงดันไฟฟ้าขนาดใหญ่ พวกมันมีความผิดปกติ ในการที่พวกมันสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าสูงอย่างมาก บางเครื่องมากกว่าหนึ่งล้านแอมแปร์ เพราะเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบ homopolar สามารถถูกทำให้มีความต้านทานภายในที่ต่ำมาก",
"วัสดุทางแม่เหล็กและระบบทางแม่เหล็กสามารถดึงดดเข้าหากันหรือฝลักออกจากกันได้ ยกตัวอย่างเช่น ขั้วแม่เหล็ก ถูกวางตัวลงบนสนามแม่เหล็กกับขั้วแม่เหล็กอื่นอีกขั้วหนึ่ง ซึ่งขั้วแม่เหล็กแต่ละขั้วเมื่อมาอยู่ใกล้กันจะเกิดแรงระหว่างขั้วแม่เหล็ก ต่อกันของขั้วแม่เหล็กทั้ง 2 ขั้ว\nโดยปกติแล้วแม่เหล็กชนิดต่างๆถูกทำให้เกิดการลอยได้ของแม่เหล็ก ยกตัวอย่างเช่น แม่เหล็กถาวร, แม่เหล็กที่ให้กระแสเข้าไป, แม่เหล็กเฟอร์โร, แม่เหล็กไดอาและสภาพความเป็นแม่เหล็กที่สอดคล้องกับกระแสที่จ่ายเข้าไปในตัวนำ\nยกตัวอย่างเช่น ความเข้มของสนามแม่เหล็กในตัวนำยวดยิ่งสามารถคำนวณได้จาก\nเมื่อformula_2 คือ แรงต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่มีหน่วยเป็นปาสคาล, formula_3 คือสนามแม่เหล็กที่จ่ายให้กับตัวนำยวดยิ่งมีหน่วยเป็น เทสลา และ formula_4 = 4π×10 มีหน่วยเป็นนิวตันต่อตารางเมตร คือสภาพซึมได้ทางแม่เหล็กในสภาวะสุญญากาศ",
"การทำงานของคอยส์เสียงใช้หลักการของแม่เหล็กไฟฟ้า โดยได้จากกฎของแอมแปร์ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าไปในขดลวดหรือคอยส์ ภายในคอยส์จะเกิดสนามแม่เหล็กขึ้นซึ่งจะเหนี่ยวนำให้แท่งเหล็กที่สอดอยู่เป็นแม่เหล็กไฟฟ้าปกติแม่เหล็กจะมีขั้วเหนือและขั้วใต้ ถ้านำแม่เหล็กสองแท่งมาอยู่ใกล้ๆกัน โดยนำขั้วเดียวกันมาชิดกันมันจะผลักกัน แต่ถ้าต่างขั้วกันมันจะดูดกันด้วยหลักการพื้นฐานนี้ จึงติดแม่เหล็กถาวรล้อมคอยส์เสียงและแท่งเหล็กไว้ เมื่อมีสัญญาณทางไฟฟ้าหรือสัญญาณเสียงที่เป็นไฟฟ้ากระแสสลับป้อนสัญญาณให้กับคอยส์เสียงขั้วแม่เหล็กภายในคอยส์เสียงจะเปลี่ยนทิศทางตามสัญญาณสลับที่เข้ามา ทำให้คอยส์เสียงขยับขึ้นและลงซึ่งจะทำให้ใบลำโพงขยับเคลื่อนที่ขึ้นและลงด้วยไปกระแทกกับอากาศเกิดเป็นคลื่นเสียงขึ้น",
"Remanent magnetism วัดได้โดยเครื่องมือที่เรียกว่า magnetometers เครื่องนี้รุ่นแรกๆ สามารถวัดความหนาแน่นและทิศทางของสนามแม่เหล็กได้เฉพาะหินภูเขาไฟและ highly magnetized iron-bearing red sediments magnetometers รุ่นที่ดีที่สุดในขณะนี้ สามารถวัดได้แม้จะมีความเป็นแม่เหล็กน้อยรวมทั้งหินคาร์บอเนต Remanent magnetism มีความซับซ้อนและสามารถรวมเข้าไปอยู่ใน secondary magnetism ที่เกิดจากผลกระทบที่ยาวนานของสนามแม่เหล็กโลกในปัจจุบันหรือจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของธาตุแม่เหล็กอันหนึ่งไปสู่อีกอันหนึ่งเทคนิคการขจัดแม่เหล็กสามารถทำได้เมื่อต้องการทำลายผลกระทบที่เกิดจาก secondary magnetic ในห้องทดลอง ดังนั้นก็จะสามารถวัด primary magnetization ได้ นี่คือส่วนประกอบของ primary magnetic ซึ่งบันทึกลักษณะของสนามแม่เหล็กโลกในขณะที่มันก่อตัวขึ้นและเป็นสิ่งที่น่าสนใจในการศึกษาวิชาธรณีวิทยา สิ่งสำคัญของ primary remanent magnetism สำหรับการศึกษาธรณีวิทยามีเหตุมาจาก ความจริงที่ว่าสนามแม่เหล็กโลกไม่คงสภาพเดิมตลอดช่วงเวลาเก่าแก่ในธรณีวิทยา แต่กลับถูกค้นพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ อำนาจแรงดึงดูดของสนามแม่เหล็กบนพื้นโลกเกิดจากความเข้าใจผิดๆ บางประการว่าเกิดจากการเคลื่อนที่ของของเหลวที่มีนิกเกิดและเหล็กในปริมาณสูงในบริเวณรอบๆ แกนโลก การเคลื่อนที่นี้ถูกสันนิษฐานว่าได้รับการควบคุมจากการพาความร้อนโดยอุณหภูมิและจากแรง Coriolis ที่เกิดจากการหมุนของโลก การศึกษาเกี่ยวกับ remanent magnetism ในหินภูเขาไฟและหินตะกอน แสดงให้เห็นว่า ส่วนประกอบหลักของขั้นแม่เหล็ก 2 ขั้นในสนามแม่เหล็กโลก ที่มุ่งไปข้างหน้าจะถูกพลิกกลับขั้นในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนจาก Precambrian time เห็นได้ชัดจากการพาความร้อนที่ไม่คงที่บริเวณรอบแกนโลก เมื่อสนามแม่เหล็กโลกมีสภาพขั้วในทิศทางหนึ่งแล้ว จะกล่าวได้ว่ามีขั้วที่ปกติเมื่อเปลี่ยนขั้นไป 180 องศาก็จะถูกเรียกว่ากลับขั้น การกลับตัวของขั้วสนามแม่เหล็กโลกถูกบันทึกไว้ในหินตะกอนและหินภูเขาไฟในรูปแบบขั้วที่ปกติและเมื่อกลับขั้นแล้ว ทิศทางของสนามแม่เหล็กในหินถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจนโดย north-seeking magnetization ถ้า north-seeking magnetization ของก้อนหินชี้ไปที่ขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกในปัจจุบัน แสดงว่าหินนั้นมีขั้นปกติ แต่ถ้า north-seeking magnetization ชี้ไปที่ขั้วแม่เหล็กใต้ ก็แสดงว่าหินนั้นกลับขั้วหรือมีขั้วกลับกัน ดังนั้น หินตะกอนและหินภูเขาไฟที่แสดงขั้วตรงกับขั้นของสนามแม่เหล็กโลกในปัจจุบันก็จะเรียกว่าขั้วปกติ ในขณะที่หินที่มีขั้นตรงกันข้ามจะเรียกว่าขั้นกลับ reverse polarity การกลับขั้วของแรงดึงดูดของสนามแม่เหล็กโลกบนพื้นโลกเหล่านี้เกิดขึ้นในระยะเวลาเดียวกันกับมหันตภัยบนพื้นโลก ดังนั้นมันจะมีสัญลักษณ์ทางธรณีวิทยาในหินภูเขาไฟหรือหินตะกอน กระบวนการการกลับขั้วนั้นใช้เวลา 1000-10000 ปี (Clement, Kent and Opdyke, 1982) ความหนาแน่นของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลง 60-80 % ก่อนที่จะเกิดการกลับขั้วประมาณ 10000 ปี การกลับขึ้นจะใช้เวลาประมาณ 1000-2000 ปี ตามด้วยการเพิ่มของความหนาแน่นของสนามแม่เหล็กของอีก 10000 ปี ข้างหน้า ( Cox, 1969) แม้ว่าจะมีการกลับขั้วครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 20000 ปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่การกลับตัวของสนามแม่เหล็กที่ไร้ซึ่งข้อสงสัยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 700000 ปีที่ผ่านมา ในปีแรกๆ ของ Paleomagnetic เชื่อว่า ช่วงของขั้นหนึ่งๆ ที่กินเวลาตั้งแต่ 100000 ปีขึ้นไปเรียกว่า epochs แต่ช่วงที่ใช้เวลาประมาณ 10000-100000 ปี จะเรียกกันว่า events ปัจจุบันทราบกันดีว่า การกลับขึ้นจะเกิดขึ้นได้หลากหลาย ช่วงเวลาเริ่มต้นน้อยที่สุดจาก 10000 ปี จนถึง 10 ล้านปี อย่างไรก็ตาม นักธรณีวิทยายังคงใช้คำว่า epochs กับ events ในความหมายเดียวกัน ทั้งๆ ที่ความหมายแตกต่างกัน(epochs ในปัจจุบันมีความหมายเดียวกับ chrons) การลำดับชั้นสนามแม่เหล็กบรรพกาลในหิน pre-Pleistocene ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงขั้นในหินตะกอนหรือหินภูเขาไฟที่ทำให้เกิดลวดลายที่จดจำได้ง่าย ใช้ในจุดประสงค์เพื่อลำดับเหตุการณ์และหาความสัมพันธ์",
"ขั้วคู่แม่เหล็ก (magnetic dipole) เป็นขอบเขตของวงรอบปิดของกระแสไฟฟ้าหรือคู่ของขั้วแม่เหล็กอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นขนาดของแหล่งกำเนิดที่จะลดขนาดลงไปเป็นศูนย์ในขณะที่ทำให้การรักษาโมเมนต์แม่เหล็กให้มีค่าคงที่",
"มอเตอร์บางตัวขดลวดเป็นโลหะหนากว่า เช่นแท่งหรือแผ่นโลหะที่มักจะเป็นทองแดง บางทีก็เป็น อะลูมิเนียม มอเตอร์เหล่านี้โดยปกติจะถูกขับเคลื่อนโดยการเหนี่ยวนำของแม่เหล็กไฟฟ้า\nบทความหลัก: Commutator (electric)\nตัวสับเปลี่ยนเป็นกลไกที่ใช้ในการสลับอินพุทของมอเตอร์ AC และ DC เพื่อให้กระแสที่ไหลในขดลวดในโรเตอร์ไหลทางเดียวตลอดเวลาในระหว่างการหมุน ประกอบด้วยวงแหวนลื่น()ชิ้นเล็กๆแยกจากกันด้วยฉนวน วงแหวนนี้ยังแยกจากเพลาของมอเตอร์ด้วยฉนวนอีกด้วย วงแหวนแต่ละคู่ที่อยู่ตรงข้ามกันจะเป็นขดลวดหนึ่งชุด กระแสที่จ่ายให้มัดข้าวต้ม หรือที่เรียกว่า armature ของมอเตอร์จะถูกส่งผ่านแปรงถ่าน()สองตัวที่แตะอยู่กับตัวสับเปลี่ยนแต่ละด้านที่กำลังหมุนอยู่ ซึ่งจะทำให้กระแสจากแหล่งจ่ายไฟ AC ที่ไหลกลับทาง ไหลในขดลวดทิศทางเดียวในขณะที่โรเตอร์หมุนจากขั้วหนึ่งไปอีกขั้วหนึ่ง ในกรณีที่ไม่มีกระแสแหล่งจ่ายไม่กลับทางมอเตอร์จะ เบรกหยุดอยู่กับที่ ในแง่ของความก้าวหน้าที่สำคัญในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากเทคโนโลยีที่ดีขึ้นในการควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์เหนี่ยวนำที่ควบคุมโดยไม่ใช้เซ็นเซอร์ และมอเตอร์ที่มีสนามแม่เหล็กถาวร มอเตอร์ที่มีตัวสับเปลี่ยนแบบกลไกไฟฟ้า กำลังถูกแทนที่เพิ่มขึ้นด้วยมอเตอร์เหนี่ยวนำที่ใช้ตัวสับเปลี่ยนภายนอกและมอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวร",
"ถ้าเรามีแม่เหล็กสองอันที่มีป้ายบอกขั้ว ก็ไม่ยากที่จะมองเห็นว่าขั้วเหมือนกันจะผลักกันและขั้วต่างกันดูดกัน แต่การมองแบบนี้ใช้ไม่ได้กับเข็มทิศทั่วไป เพราะสำหรับเข็มทิศแล้ว ด้านที่บอกว่า\"เหนือ\"ชี้ไปทางทิศเหนือไม่ใช่ทิศใต้",
"เพราะว่าเราไม่เคยพบว่าสนามแม่เหล็กจะเกิดการสลับขั้วได้โดยฝีมือมนุษย์ด้วยเครื่องมือใดๆ และกลไกลของการเกิดสนามแม่เหล็กนั้นก็ยังไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนัก มันจึงเป็นการยากที่จะกล่าวว่าลักษณะอย่างไรของสนามแม่เหล็กที่จะนำไปสู่การสลับขั้ว บ้างก็คาดเดากันว่าสนามแม่เหล็กที่ลดลงอย่างมากในช่วงที่กำลังมีการสลับขั้วนั้นจะทำให้พื้นผิวโลกขาดสิ่งปิดบังและสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงอันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของการแผ่รังสีคอสมิก อย่างไรก็ตามมนุษย์โบราณ (Homo erectus) และบรรพบุรุษของเขาก็อยู่รอดมาได้จากเหตุการณ์การสลับขั้วแม่เหล็กโลกในอดีตที่ผ่านมาหลายครั้งแล้ว และก็ไม่มีหลักฐานว่าการสลับขั้วแม่เหล็กโลกนั้นจะมีผลต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต มีการอธิบายหนึ่งที่อาจเป็นไปได้ที่ว่าลมสุริยะอาจจะมีผลชักนำให้สนามแม่เหล็กในชั้นบรรยากาศไอออนโนสเฟียร์ให้เป็นเกราะป้องกันพื้นผิวโลกจากอนุภาคมีพลังงานอย่างรังสีคอสมิกแม้ว่าจะอยู่ในสภาพที่ไร้สนามแม่เหล็กแบบนอร์มอลของโลกก็ตาม[7]",
"แม่เหล็ก คือ สารที่สามารถดูดเหล็กหรือเหนี่ยวนำให้เหล็กหรือสารแม่เหล็กเป็นแม่เหล็กได้ แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ\nสนามแม่เหล็กโลก หมายถึง โลกมีสมบัติแม่เหล็ก บริเวณขั้วโลกเหนือทางภูมิศาสตร์และลึกลง\nไปจากผิวโลกเปรียบเสมือนมีขั้วแม่เหล็กขนาดใหญ่และเป็น ขั้วแม่เหล็กชนิดขั้วใต้ หรือบางครั้ง\nเรียกวา ขั้วแม่เหล็กโลกทางทิศเหนือ และบริเวณข้วโลกใต้ทางภูมิศาสตร์เปรียบเสมือนมี\nขั้วแม่เหล็กชนิดขั้วเหนือ สนามแม่เหล็กโลกเกิดจากหินหนืดในแก่นโลกชั้นนอก และในส่วนล่าง\nของแมนเทิลไหลวนทำให้มีประจุไฟฟ้าเคลือนที คือเกิดกระแสไฟฟ้าไหลวนประมาณ 10,000 ล้าน\nแอมแปร์ ซึงเป็นสาเหตุสำคัญทีเกิดสนามแม่เหล็กหุ้มห่อโลก",
"ธรรมชาติของสนามแม่เหล็กโลกเป็นหนึ่งในความผันผวนแบบเฮเทอโรสเคดาสติก การวัดค่าอย่างฉับพลันหรือการวัดค่าหลายๆครั้งตลอดช่วงเวลาเป็นทศวรรษหรือศตวรรษพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงไม่เพียงพอที่จะต่อขยายแนวโน้มทั้งหมดในค่าความแกร่งของสนามแม่เหล็ก มีการขึ้นๆลงๆในอดีตโดยยังไม่ทราบเหตุผล นอกจากนี้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กแบบขั้วคู่ในระดับท้องที่ (หรือความผันผวน) ยังไม่เพียงพอที่ทราบลักษณะของสนามแม่เหล็กโลกในภาพรวมทั้งหมดขณะที่มันก็ไม่ได้เป็นสนามแม่เหล็กแบบขั้วคู่อย่างจริงๆด้วย องค์ประกอบของขั้วคู่ของสนามแม่เหล็กโลกสามารถจะลดลงได้แม้ขณะที่สนามแม่เหล็กทั้งหมดจะยังคงที่หรือเพิ่มขึ้น",
"สามทศวรรษต่อมา ได้มีทฤษฎีกล่าวถึงสาเหตุของสนามแม่เหล็กและบางส่วนก็รวมถึงโอกาสของการสลับขั้วด้วย การวิจัยสนามแม่เหล็กโลกโบราณทั้งหมดในช่วงปลายทศวรรษที่ 1950 นั้นเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งของขั้วแม่เหล็กและเกี่ยวกับทวีปจร แม้ว่าจะได้รับการค้นพบว่าหินบางชนิดมีการสลับขั้วในสนามแม่เหล็กขณะที่กำลังเย็นตัวลง ทำให้ดูเหมือนว่าหินอัคนีที่ถูกทำให้มีสภาพเป็นแม่เหล็กทั้งหมดมีร่องรอยของสนามแม่เหล็กโลก ณ ช่วงเวลาที่มันเย็นตัวลง แรกๆนั้นดูเหมือนว่าการสลับขั้วจะเกิดขึ้นทุกๆ 1 ล้านปีแต่ในช่วงทศวรรษที่ 1960 เป็นที่รู้กันว่าช่วงเวลาของการสลับขั้วนั้นไม่แน่นอน[1]",
"สนามแม่เหล็กของโลก The Earth’s magnetic field (และสนามแม่เหล็กพื้นผิว) เป็นแม่เหล็กสองขั้วชนิดหนึ่ง ซึ่งมีขั้วด้านหนึ่งอยู่ใกล้ตำแหน่งขั้วโลกเหนือ (ดู ขั้วแม่เหล็กเหนือ) และขั้วอีกด้านหนึ่งอยู่ใกล้ตำแหน่งขั้วโลกใต้ (ดู ขั้วแม่เหล็กใต้) เส้นที่เชื่อมระหว่างขั้วแม่เหล็กทั้งสองด้านมีความเอียงประมาณ 11.3° กับแกนการหมุนของโลก สาเหตุของการเกิดสนามแม่เหล็กให้ดูในทฤษฎีไดนาโม (dynamo theory)",
"สมมุติฐานแรกเกี่ยวกับแม่เหล็กขั้วเดียวตั้งขึ้นโดย ปีแยร์ กูรี ในปี ค.ศ. 1894 แต่ทฤษฎีควอนตัมว่าด้วยประจุแม่เหล็กเริ่มต้นจากบทความของ พอล ดิแรก เมื่อปี ค.ศ. 1931 ในบทความนี้ ดิแรกแสดงให้เห็นว่าการมีอยู่ของแม่เหล็กขั้วเดียวนั้นสอดคล้องกับสมการของแมกซ์เวลล์ก็ต่อเมื่อสามารถระบุปริมาณของประจุไฟฟ้าได้ นับแต่นั้นมากมีการวิจัยเพื่อค้นหาแม่เหล็กขั้วเดียวอย่างเป็นระบบ การทดลองในปี 1975 และปี 1982 ช่วยให้มองเห็นภาพเหตุการณ์ที่เป็นไปได้ว่าอาจจะตีความหมายถึงแม่เหล็กขั้วเดียว แต่ปัจจุบันนี้ถือว่าไม่นับรวมการทดลองเหล่านั้น",
"ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 บรรดานักธรณีวิทยาได้เริ่มสังเกตเห็นว่าหินภูเขาไฟบางแห่งมีสภาพเป็นแม่เหล็กในทิศทางที่ตรงกันข้ามจากที่คาดหวัง การตรวจสอบครั้งแรกเกี่ยวกับช่วงเวลาของการสลับขั้วแม่เหล็กนั้นดำเนินการโดยโมโตโนริ มัตสึยามะในช่วงทศวรรษที่ 1920 ซึ่งเป็นผู้สังเกตเห็นว่ามีหินในญี่ปุ่นที่มีสนามแม่เหล็กที่สลับขั้วและทั้งหมดมีอายุอยู่ในช่วงต้นของสมัยไพลสโตรซีนหรือแก่กว่า ในช่วงนั้นเขาได้ตีพิมพ์ข้อเสนอของเขาว่าสนามแม่เหล็กมีการสลับขั้ว แต่เรื่องราวเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กนั้นยังเป็นที่เข้าใจกันน้อยจึงมีผู้ให้ความสนใจกันน้อยถึงโอกาสที่สนามแม่เหล็กจะเกิดการสลับขั้ว.[1]",
"การตรวจจับแม่เหล็กขั้วเดียวยังคงเป็นปัญหาที่หาข้อยุติไม่ได้ในฟิสิกส์เชิงทดลอง แต่ในการศึกษาฟิสิกส์เชิงทฤษฎี มีอยู่หลายแนวคิดในยุคใหม่ๆ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่ามันมีอยู่จริง โจเซฟ โพลชินสกี นักทฤษฎีสตริงผู้มีชื่อเสียง อธิบายถึงการมีอยู่ของแม่เหล็กขั้วเดียวว่า \"หนึ่งในปริศนาฟิสิกส์ที่พนันได้อย่างปลอดภัยที่สุดว่าจะไม่มีวันมองเห็น\" ในแบบจำลองบางแบบ ไม่สามารถจะสังเกตการณ์แม่เหล็กขั้วเดียวได้ เพราะมันมีมวลมากเกินกว่าที่จะสร้างขึ้นด้วยเครื่องเร่งอนุภาคได้ และยังมีจำนวนน้อยมาก หายากยิ่งในเอกภพจนเกินกว่าที่เครื่องตรวจจับอนุภาคจะสังเกตเห็น",
"ยังไม่มีทฤษฎีใดสามารถอธิบายได้แน่ชัดว่าการกลับขั้วของสนามแม่เหล็กโลกเกิดขึ้นเนื่องจากอะไร นักวิทยาศาสตร์บางส่วนได้สร้างแบบจำลองแกนโลกขึ้นโดยที่ภายในสนามแม่เหล็กเป็นแบบ quasi-stable และขั้วแม่เหล็กสามารถเปลี่ยนข้างเองได้จากขั้วหนึ่งไปยังอีกขั้วหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปหลายหมื่นปี นักวิทยาศาสตร์อีกส่วนหนึ่งเสนอว่าการเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่น่าจะมีการกระตุ้นจากภายนอกเช่นจากการถูกดาวหางพุ่งชน และทำให้เกิดการ \"restart\" โดยขั้วแม่เหล็กด้าน \"เหนือ\" อาจจะชี้ไปทางเหนือหรือใต้ก็ได้ ปรากฏการณ์ภายนอกนี้ไม่น่าจะสร้างให้เกิดการเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กแบบเป็นวงรอบได้ เมื่อพิจารณาจากอายุของแอ่งปะทะเทียบกับช่วงเวลาการกลับขั้วที่ศึกษาได้ ",
"แรงสนามแม่เหล็กเป็นหนึ่งในแรง พื้นฐาน ไม่กี่แรงที่เป็นแรงให้กำเนิดจักรวาล ซึ่งแฝงอยู่ในสสารทุกอย่างในจักรวาล เราจะเห็นแรงแม่เหล็กจากการ เอาแม่เหล็กมาเข้าใกล้กัน ขั้วที่เหมือนกันจะดูดกัน ขั้วที่ต่างกันก็จะผลักกัน แม้เราจะไม่เห็นแรงแม่เหล็กโดยตรง แต่เราก็รู้สึกได้ว่ามันมีอยู่ ตามประวัติศาสตร์เริ่มต้น มีผู้ที่บรรลุถึงพลังสนามแม่เหล็กได้ ก่อนถึงยุควอร์ลอร์ด คือ พระเยซูและ พระพุทธเจ้า พลังสนามแม่เหล็กมีคุณสมบัติตามประสงค์ของผู้ใช้ เช่นทำให้รักษาโรคได้(ฟื้นฟูสภาพเซลล์) เหาะเหิน เดินอากาศได้ เดินบนน้ำ แสดงอภินิหารต่างๆๆ ใช้เทพวิชาต่างๆ เป็นต้น ผู้บรรลุพลังสนามแม่เหล็กระดับสูงไม่จำเป็นต้องกินอาหารหรือหายใจ สามารถอาศัยอยู่ในอวกาศได้ เนื่องจากสามารถดูดซับธาตุจากรอบตัวโดยใช้พลังสนามแม่เหล็กดูดธาตุเข้ามาในตัว ซึ่งพลังสนามแม่เหล็กยังสามารถยืดชีวิตมนุษย์ให้ยืนยาวได้ถึง 300 ปี พลังสนามแม่เหล็กระดับสูงๆยังสามารถสร้างหลุมตัวหนอน(worm hole)ขนาดจิ๋วเพื่อเดินทางอย่างรวดเร็วได้\nพลังสนามแม่เหล็กที่แฝงอยู่ในมนุษย์ ซึ่ง มีหน่วยเป็น แรงม้า ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้ในเครื่องจักรและบรรลุที่ยาก จึงเปลี่ยนหน่วยใหม่ โดยให้ 10,000 แรงม้า = 1 ชั้นบรรยากาศ(แต่บลูคิงดอมยังนับหน่วยพลังสนามแม่เหล็กเป็นแรงม้าอยู่) ซึ่งต้นตอแหล่งพลังสนามแม่เหล็กที่ทำให้มนุษย์บรรลุพลังสนามแม่เหล็กได้คือการแปรปรวนของสนามแม่เหล็กบนดวงอาทิตย์\nมนุษย์ผู้ที่จะบรรลุถึงพลังสนามแม่เหล็กได้ ต้อง สามารถควบคุมพลังไฟฟ้าให้ได้ก่อน ดังนั้นผู้ที่บรรลุได้จะสามารถใช้พลังสนามแม่เหล็ก เบนแสงที่มาตกกระทบก่อนสะท้อนเข้าตาทำให้ดูเหมือนหายตัว อีกทั้งสามารถพลางตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมได้"
] |
ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย ก่อตั้งโดยใคร ? | [
"ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย (Japanese: リトルウィッチアカデミア; English: Little Witch Academia) เป็นแฟรนไชส์การ์ตูนญี่ปุ่น ที่สร้างโดย โย โยชินาริ และ อำนวยการสร้างโดยทริกเกอร์ ในฉบับภาพยนตร์สั้นดั้งเดิมกำกับโดยโยชินาริ และเขียนโดย Masahiko Otsuka ออกฉายครั้งแรกในวันที่ 2 มีนาคม 2013 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Young Animator Training Project's Anime Mirai 2013[4] และต่อมาได้อับโหลดพร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษลงบนยูทูบตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2013[5] ภาพยนตร์สั้นเรื่องที่สองได้รับการสนับสนุนผ่านเครือข่ายระดมทุน Kickstarter ซึ่งได้สร้างเป็นภาพยนตร์ โรงเรียนเวทมนตร์แม่มดน้อยฝึกหัด: พาเหรดแห่งเวทมนตร์ และได้ออกฉายครั้งแรกในวันที่ 9 ตุลาคม 2015 ส่วนอนิเมะโทรทัศน์ออกอากาศครั้งแรกในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2017 โดยที่ตอนในฤดูกาลแรก 13 ตอนเข้าฉายที่เน็ตฟลิกซ์ทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2017 ส่วนที่เหลืออีก 12 ตอนในฤดูกาลสุดท้ายของอนิเมะนี้เข้าฉายที่เน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 15 สิงหาคม 2017[6] โดยใช้ชื่อในภาษาไทยว่า โรงเรียนเวทมนตร์แม่มดน้อยฝึกหัด ส่วนมังงะ 2 เล่ม ได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ชูเอชะ"
] | [
"ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย: เชมเบอร์ออฟไทม์ () เป็นวิดีโอเกมแนวแอ็กชันเล่นตามบทบาทที่พัฒนาโดย A+ Games และวางจำหน่ายโดย Bandai Namco Entertainment โดยได้เค้าโครงจากแฟรนไชส์อะนิเมะแนวจินตนิมิตเรื่อง \"ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย\" วิดีโอเกมวางจำหน่ายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 สำหรับเพลย์สเตชัน 4 และวางจำหน่ายทั่วโลกสำหรับไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2561",
"สกอตติช พรีเมียร์ชิพ () เป็นลีกสูงสุดของ สกอตแลนด์ ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือน กรกฎาคม ค.ศ. 2013 แทน สกอตติชพรีเมียร์ลีก ที่ยุติไป",
"นักแสดงหลัก\nชายหนุ่มที่มีพื้นฐานเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แสนดีมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจละเอียดอ่อน รักเดียวใจเดียว ปากแข็ง เก็บความรู้สึกเก่ง รักพ่อยึดพ่อเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตแต่เมื่อชีวิตพบกับวิกฤตครั้งใหญ่ พ่อต้องมาเสียชีวิตกะทันหันเพราะโดนฆาตกรรม และโดนโกงบริษัทยาไปจนครอบครัวแตกต้องหนีตายไปหลบซ่อนตัวอยู่ในไร่กาแฟ ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแมงดาเกาะผู้หญิงรวย ชีวิตที่คับแค้นอย่างแสนสาหัสทำให้วิเศษกลายเป็นคนหยาบกระด้าง เก็บกด เงียบขรึม ใจนักเลงไม่เกรงกลัวใคร อาฆาต มองโลกในแง่ร้าย มุ่งแต่จะแก้แค้นครอบครัวสมมาตรแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน จนเกือบทำให้สูญเสียคนที่รักเขาอย่างแท้จริงไป\nหญิงสาวนักเรียนนอก นิสัยร่าเริง สดใสน่ารัก แต่กลัวการอยู่ในที่ๆมีความสูง หลงรักวิเศษตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เป็นคนฉลาด กตัญญู รู้คุณคน รักเด็ก แต่เป็นคนใจเด็ดมีความตั้งใจแน่วแน่ ยอมทำทุกอย่างเพื่อไถ่บาปให้พ่อและครอบครัวที่ทำร้ายวิเศษ แต่ต่อมาเมื่อพบว่าวิเศษเป็นต้นเหตุทำให้พ่อของตนต้องตาย จากความรักจึงกลายเป็นความแค้นรุนแรงและพร้อมจะห้ำหั่นกับวิเศษให้ตายกันไปข้างหนึ่ง สุดท้ายเธอกับวินก็รักกัน\nลูกคนเล็กของมะลิ เรียนจบพยาบาล อุปนิสัยสุภาพเรียบร้อย หัวอ่อน ยอมพี่น้อง ไม่มีปากมีเสียงกับใคร ไม่เคยมีความรักเมื่อถูกวิเศษตามจีบจึงตกหลุมรักวิเศษอย่างสุดหัวใจ แต่เมื่อรู้ว่าโดนวิเศษใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครอบครัวสมมาตร จึงเปลี่ยนชีวิตลาลิตไปอย่างสิ้นเชิงเพื่อให้ได้ครอบครองวิเศษทำให้ลาลิตกลายเป็นคนแยบยลและน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด เธอซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ต่อคนอื่นเป็นคนดีลับหลังร้ายกาจมากและเธอก็จะพยายามเล่นงานเล็ก สุดท้ายเธอกลายเป็นคนพิการ แต่จริงๆแล้วเธอไม่ได้พิการเลยเธอแค่แกล้งเรียกร้องความสนใจเพื่อแก้แค้นวินและเล็ก แต่ผลการกระทำจากความร้ายกาจของเธอก็มาส่งผลร้ายกับสุขภาพของลาลิตเมื่อหมอตรวจพบว่าเธอเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน หลังจากเธอป่วยหนักเธอก็เริ่มสำนึกผิดในผลการกระทำของตัวเธอเองที่เคยทำมา",
"การ์โล กูดีชีนี () อดีตนักฟุตบอลชาวอิตาลี ในตำแหน่งผู้รักษาประตู เคยเล่นในพรีเมียร์ลีกให้กับสโมสรฟุตบอลเชลซีและทอตนัม ฮอตสเปอร์ โดยในช่วงที่เล่นให้กับเชลซีได้รับฉายาว่าเดอะสไปเดอร์แมน ด้วยลีลาการป้องกันประตูที่เหนียวแน่นไว้ใจได้ เป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ก่อนการเข้ามาของ ปีเตอร์ เช็ก นายประตูรุ่นน้อง ชาวเช็ก\nอดีตผู้รักษาประตูมือหนึ่งของเชลซี ที่ไม่มีใครมาแย่งตำแหน่งได้เป็นเวลาสองฤดูกาล คาร์โล ถูกเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมในช่วงนั้น เขามีปฏิกิริยาตอบโต้ที่รวดเร็ว เท้าไวแถมยังถูกยกให้เป็นหนึ่งในผู้รักประตูที่เซฟจุดโทษได้ดีที่สุดที่เคยมีมา",
"พ่อปลาไหล เป็นนิยายตลก บทประพันธ์ของ กนกเรขา หรือ ทมยันตี ที่ตีพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทย เป็นเรื่องราวของอุลิต ชายจอมเจ้าชู้ทีขึ้นชื่อว่า \"พ่อปลาไหล\" และ จันทนี ลูกสาวของขุนรอน ผู้หาญอาสากล้าแต่งงานเพื่อปราบพ่อปลาไหลอย่างอุลิต ในขณะที่หลวงณรงค์สงครามชัย พ่อของอุลิต ก็คิดจะเคลม น้าเพ็ญ น้องเมียของตนเอง หลังจากที่อุลิตแต่งงานแล้ว กลับหาช่องทางวางแผนที่จะหนีเที่ยวอยู่เรื่อยๆ โดยมีขุนรอนผู้เป็นพ่อตาของอุลิตและเป็นพ่อของจันทนี มาเป็นคู่หูร่วมด้วย",
"นักแสดงรอง\nนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นเพื่อนแท้และหุ้นส่วนในบริษัทกาแฟที่ก่อตั้งกับวิเศษมา พูดเก่งอารมณ์ดี เป็นคนไม่ซีเรียส มองโลกในแง่ดี รู้จักกับเล็กตั้งแต่เล็กเป็นเด็กนักเรียน เป็นคนคอยเตือนสติวินให้เลิกแก้แค้นเพราะจะทำให้ชีวิตขาดความสุข\nเป็นคนจิตใจดี คอยช่วยเหลือเพื่อนทุกอย่าง แต่เมื่อเพื่อนทำผิดก็คอยตักเตือน แต่ทิพย์ก็อยู่ข้างเดียวกันกับลาลิต จนกระทั่งมาเธอเองก็มารู้ความจริงและพยายามเตือนเพื่อนอย่างลาลิตไม่ให้ทำผิดจนสายไปที่จะกลับตัวได้\nพี่สาวของสักการ เป็นผู้หญิงฉลาดกล้าได้กล้าเสียสามารถคุมคนงานในไร่กาแฟได้ทั้งไร่ ยิงปืนแม่น นิสัยจู้จี้ จอมบงการ ชอบสั่งการ เพราะต้องช่วยนายประหยัด บิดาดูแลกิจการ สาวแอบหลงรักวิเศษตั้งแต่สมัยที่ดวงเดือน(อาสะใภ้)ยังมีชีวิตอยู่ ภายหลังโดนวิเศษขอแต่งงานแต่จู่ๆก็เปลี่ยนใจเลยทำให้สาวแค้นวิเศษ คิดตามจองเวรให้ถึงที่สุด\nลูกชายของประหยัดทายาทเจ้าของสวนกาแฟ เป็นคนจิตใจดี สุภาพและขี้เกรงใจ ไม่ชอบการทำไร่กาแฟ แอบหลงรักเล็ก ยึดมั่นในความรักและเสียสละ คอยเตือนสติเล็กให้ยึดมั่นในความดีมากกว่าความแค้น\nเป็นพี่ชายแท้ๆของเล็ก เกลียดวิเศษมากแต่ความที่มีนิสัยปลิ้นปล้อนเลยพูดจาพลิกลิ้นเอาตัวรอดไปตามสถานการณ์ เป็นคนเห็นแก่ตัว รักสบายไม่ยอมทำมาหากิน ชอบเล่นการพนัน ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองจึงเชื่อฟังเมียคือโสภิดาทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็เสียชีวิต\nภรรยาของสามารถ ไม่เคยรักใครจริง แต่งงานกับสามารถเพราะเห็นว่าเป็นลูกคนรวย เห็นเงินเป็นพระเจ้า เพื่อเงินแล้วทำเรื่องสกปรกได้ทุกอย่างโดยไม่มีละอายใจ ชอบเล่นการพนัน มีนิสัยฉลาดแกมโกง สกปรกไร้ระบบระเบียบเรียกว่าก๊อปปี้นิสัยแม่มะลิมาหมด และเธอได้เป็นเมียของกำนันประหยัดพ่อของหนุ่มและสาว แต่บทสรุปสุดท้ายแล้วภรรยาของสามารถก็ไปลักลอบเป็นชู้กับนายซานจนพลาดไปติดสารเสพติดที่มาจากเพ่ยจนมีอาการคลุ้มคลั่งบุกจะไปทำร้ายคุณเล็ก จนเจ้าตัวจะต้องไปบำบัดอาการทางจิตที่โรงพยาบาลให้หายก่อนที่จะตำรวจจะทำการสอบสวน\nน้องชายของโสภิดา แต่เป็นพี่ชายของลาลิต เป็นคนโง่ ขี้เกียจไม่เอาถ่าน ชอบเกาะผู้หญิงแก่เพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน เป็นเพลย์บอย เจ้าชู้ปากเปราะ แต่สุดท้ายก็หลงรักประกายกัญญา(เล็ก)แบบหัวปักหัวปำ จนนำไปสู่โศกนาฏกรรมในตอนท้ายเรื่อง\nพี่สาวของประกายกัญญา สาวหัวสมัยใหม่เปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ ภายนอกดูไม่ยี่หระกับชีวิตแต่เก็บความเจ็บปวดไว้ภายในเพราะรู้ว่าสมมาตรใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ\nทนายนกหลายหัวสามารถทำงานให้กับทุกคนที่มีผลประโยชน์ให้ เป็นคนฉลาด ถนัดวางแผนชั่วไม่กลัวต่อบาปกรรม และได้เป็นสามีของสมรหมาย\nเป็นกำนันผู้ทรงอิทธิพลเจ้าของไร่กาแฟหนุ่มสาว โผงผาง ขี้โมโห ชอบใช้กำลังแก้ปัญหา จิตใจคิดแค้นวิเศษตลอดเวลาเพราะหวงสมบัติของประโยชน์น้องชาย (ไร่กาแฟดอยเดือน) สามารถฆ่าคนได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย\nหญิงม่ายผู้เป็นมารดาของโสภิดา,ทูนและลาลิต ชอบเล่นการพนันเลยทำให้หมดตัว ปากตลาด หยาบคาย ขี้งกเห็นเงินเป็นพระเจ้า สอนลูกในทางที่ผิดจนทำให้ลูกๆต้องพบกับชะตากรรมที่น่าสลด\nชายผู้เป็นเศรษฐีขึ้นมาได้เพราะโกงวิชาเพื่อนสนิท เจ้าเล่ห์เพทุบาย ใช้ลูกเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ จิตใจโหดเหี้ยมพยายามจะฆ่าวิเศษเพื่อปิดปาก แต่กรรมตามทันพลาดตกบันไดจนกลายเป็นอัมพาต เป็นคนรักจริงตกหลุมรักลาลิตสาวคราวลูก แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อโดนวิเศษแย่งคนรักไปจนทำให้เส้นโลหิตแตกตาย\nหัวหน้าคนงานในไร่ดอยเดือน เป็นคนสนิทของดวงเดือน เป็นคนที่วิเศษให้ความนับถือเพราะเป็นคนสอนหมัดมวยให้กับวิเศษ นิสัยจริงใจ พูดตรงไปตรงมาเสแสร้งแกล้งทำไม่เป็นซื่อสัตย์ต่อคนที่เป็นนาย ยอมแลกด้วยชีวิตได้ รักลูกรักเมีย พูดน้อย ทำงานเก่งทรหดอดทน \nคนงานในไร่ดอยเดือน สาววัยรุ่นในคณะลิเก แต่งงานกับผวนวัยคราวพ่อตั้งแต่วัยแรกแย้มเลยมีลูกเร็ว(หลง) พูดเก่ง สู้คน จริงใจ ขี้สงสาร พร้อมปกป้องถ้าคบใครเป็นเพื่อน ชอบอ้อนผวนเพราะรู้ว่าผวนขี้อายทื่อๆไม่โรแมนติก\nลูกจ้างในไร่ดอยเดือน เป็นพี่เลี้ยงเอิงเอย และเป็นคนของดวงเดือนภรรยาเก่าของวิเศษที่เสียชีวิตไปแล้ว วรรณามีนิสัยใจคอไม่ซับซ้อน นิสัยบ้านๆ รักเอิงเอยจริง และพร้อมจะรักทุกคนที่รักเอิงเอย ดังนั้นวรรณาจึงดีกับวิเศษ แต่ไม่ชอบลาลิต",
"ภาพยนตร์สั้น ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย ถูกสร้างโดยสตูดิโอทริกเกอร์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Young Animator Training Project's Anime Mirai 2013 ซึ่งเป็นผู้ให้เงินทุนแก่นักอะนิเมเตอร์รุ่นเยาว์ ควบคู่ไปกับภาพยนตร์สั้นเรื่องอื่น ๆ ของ Madhouse, Zexcs และ Gonzo[13] ภาพยนตร์สั้นสร้างและกำกับโดย โย โยชินาริ เขียนบทโดย Masahiko Otsuka และประพันธ์เพลงประกอบโดย Michiru Ōshima ภาพยนตร์สั้นเข้าฉายพร้อมกับภาพยนตร์สั้นเรื่องอื่น ๆ ของงาน Anime Mirai ในโรงภาพยนตร์ 14 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 2 มีนาคม 2013[14] สตูดิโอทริกเกอร์ได้นำภาพยนตร์สั้นอัปโหลดลงเว็บไซต์ Niconico และอัปโหลดภาพยนตร์สั้นพร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษลงเว็บไซต์ยูทูบ และ Crunchyroll ในวันที่ 19 เมษายน 2013[15] โดยในยูทูบมียอดผู้เข้าชมมากกว่า 850,000 ครั้งก่อนที่จะไม่สามารถเข้าดูได้ในเดือน สิงหาคม 2013 เพื่อวางจำหน่ายแผ่นบลูเรย์[16] หลังจากนั้นภาพยนตร์สั้นได้เปิดตัวแผ่นบลูเรย์ทั่วภูมิภาคในวันที่ 24 ตุลาคม 2013[17][18][19]",
"โดยปกติแล้ว ป. อินทรปาลิต เป็นผู้ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากใครง่าย ๆ หากด้วยความเอ็นดูน้องภรรยาที่ ป. อินทรปาลิต เคยอุปถัมภ์มาตั้งแต่เยาว์วัย จึงยอมรับการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทิตานั้น โดยได้ย้ายไปอยู่ ณ บ้านหลังดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2511 อย่างไรก็ดี ป. อินทรปาลิต เป็นผู้มีทิษฐิในการยืนอยู่เป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง แม้จะเจ็บป่วยสักเพียงไรก็ยังสามารถหารายได้จากการเขียนหนังสือเลี้ยงครอบครัว อาจจะกล่าวได้ว่าตราบจนลมหายใจครั้งสุดท้าย โดยปราณีผู้เป็นภรรยาได้รับเงินค่าเรื่องจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ในตอนเช้าของวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2511 และเมื่อเวลา 18.15 น. ของวันเดียวกัน ป. อินทรปาลิต ก็ได้ถึงแก่กรรมโดยสงบด้วยอาการหัวใจวาย จะมีใครทราบล่วงหน้าก็หาไม่ รวมสิริอายุได้ 58 ปี",
"กระแสฟีเวอร์ของเกมออนไลน์บนมือถืออย่าง 'คาระโก' ที่จะให้ผู้เล่นได้ตามจับคาแรคเตอร์เพื่อนำมาถ่ายคลิปทำภารกิจ เก็บยอดวิวแล้วนำไปสุ่มกาชาปองหาของแรร์กำลังฮอตฮิตในหมู่วัยรุ่นโดยเฉพาะเด็กนักเรียนของ 'โรงเรียนนิศาพาณิชย์' ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มของ 'ลัลทริมา' และ 'การิน' เองก็ด้วยแต่อยู่ดี ๆ ก็มีคาแรคเตอร์ประหลาดที่ชื่อว่า 'หนูสี่ตา' โผล่ขึ้นมาพร้อมกับคลิปศพ หากใครไม่ส่งต่อคลิปนั้นจะโดนคำสาป แต่ถ้าหากใครทำตามภารกิจที่มันบอก จะสามารถขอสิ่งที่ปรารถนาได้ 1 อย่างแต่ 'การิน' กลับรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอาถรรพ์ที่โชยออกมาจากเรื่องนี้ งานนี้น่าสนุกอีกเหมือนเดิม! เมื่อเพื่อนในกลุ่มของวาสินีเกิดเสียชีวิตในสภาพสยดสยอง และมัณฑินี เพื่อนสนิทของลัลทริมาถูกดึงเข้าสู่พิธีอาถรรพ์ครั้งใหม่ที่เต็มด้วยมิตรภาพ และการหลอกลวง สุดท้ายแล้วเป้าหมายของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้คือใครหรืออะไรกันแน่",
"การปรากฏตัวในอะนิเมเรื่องอื่นที่มีตัวละครจาก ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย และ Inferno Cop แสดงครั้งแรกในงาน AnimeNEXT 2015 ในวันที่ 13 มิถุนายน 2015 และนำเสนออีกครั้งในงาน Anime Expo 2015 ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2015[44] ทั้งอักโกะ (ในตอนที่ 13) และ ซูซี่ (ตอนที่ 8) รับบทเป็นแขกรับเชิญในซีรีส์อนิเมะของสตูดิโอทริกเกอร์ เรื่อง Space Patrol Luluco ในปี 2016",
"อย่างที่ทราบดี ซิน คารา ได้เปิดตัวครั้งแรกใน รอว์หลังศึก เรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27 จบเพียงแค่วันเดียว โดยสถิติเขาคือ ชนะติดต่อ โดยยังไม่เคยแพ้ใคร 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ชาโว เกอร์เรโร ก็ออกมาบรรยาย ตอนที่ซิน คารา ปล้ำ ซึ่งก็มีปากเสียงกันเล็กน้อย ต่อมา ซิน คารา จะต้องเจอกับ แดเนียล ไบรอัน ไบรอันกำลังจะปีนขึ้นจากข้างบน แต่ ชาโว ที่มานั่งดูข้างล่างด้วย ก็ช่วย โดยการดึงขา ไบรอัน และทำให้ ซิน คารา ชนะ แต่พอไม่นานซักพักหลัง ซิน คารา ดูภาพ รีเพลย์จาก มอนิเตอร์ ก็เห็นว่า ชาโว เป็นคนมาก่อกวนในแมทซ์ และไม่พอใจเลย ชาโว ออกไป และถัดมาอีกเช่นเคย ชาโวออกมา เจอกับ ไบรอัน โดยบอกว่า เขาจะชนะ ภายใน 5 นาที แต่ทำไม่ได้ ซิน คารา จึงออกมาเล่นชาโว เป็นไปได้ว่าทั้งคู่จะต้องเจอกันใน โอเวอร์ เดอะ ลิมิต ปีนี้",
"ในปีต่อมา พ.ศ. 2541 สินธนา ได้สิทธฺ์ลงแข่งขันในฟุตบอลระดับทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกในรายการ เอเชียนคัพวินเนอร์คัพ (ปัจจุบันรายการนี้ได้ถูกรวมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก แล้ว) ในฐานะแชมป์ เอฟเอคัพ ของไทย โดยทีมตกรอบสองจากการพบกับ คะชิมะ แอนต์เลอร์ส ยอดทีมจากญี่ปุ่น ส่วนผลงานในลีก (ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาเป็น \"พรีเมียร์ลีก\" {คาลเท็กซ์พรีเมียร์ลีก}) ก็ยังคงดีอย่างต่อเนื่อง เมื่อทีมสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จในฤดูกาลที่ต้องขับเขี้ยวกันจนถึงวินาทีสุดท้าย โดย สินธนา ทำแต้มแซงหน้า ทหารอากาศ ขึ้นคว้าแชมป์ จากประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 92 ของ เศกสรรค์ ปิตุรัตน์ ในเกมนัดสุดท้ายของฤดูกาลกับ สโมสรบีอีซี เทโรศาสน หลังจบเกมในวันนั้น มนตรี สุวรรณน้อย ผู้ก่อตั้งทีมซึ่งดำรงตำแหน่งประธานสโมสรในขณะนั้น ได้ให้สัมภาษณ์ด้วยความดีใจว่า ความฝันของเขาที่ต้องการจะเป็นแชมป์ประเทศไทยตั้งแต่ในวันที่ก่อตั้งทีมขึ้นมาได้กลายเป็นความจริงแล้ว นอกจากนั้น ทีมยังสามารถป้องกันแชมป์ ถ้วย ก เอาไว้ได้อีกสมัยในปีเดียวกัน นับเป็นช่วงเวลาที่ สินธนา รุ่งเรืองสุดขีด",
"สื่อมวลชนในญี่ปุ่นสมัยนั้น เรียกเธอว่า \"ผู้หญิงในอุดมคติ\" เนื่องจากบทบาทที่เธอได้รับแสดงนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นบทหญิงสาวที่มีจิตใจดีงามเป็นเสียส่วนใหญ่ และเป็นตัวแทนของนางเอกในยุค 1950s ของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ญี่ปุ่นเลยทีเดียว แต่ภายในปี 1962 เธอก็เลิกงานแสดงทั้งหมด โดยไม่มีใครทราบสาเหตว่าเธอออกจากวงการเพราะว่าอะไร และหันไปใช้ชีวิตเงียบ ๆ ในคามากูระ โดยที่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนและไม่ยอมให้ใครถ่ายรูปอีกหลังจากนั้น",
"มารางัล นา ดาลิต นัง คาตากาลูกัน () คือชื่อเพลงชาติของสาธารณรัฐตากาล็อก ในสมัยรัฐบาลของอันเดรส โบนีฟาซีโอ ทำนองและเนื้อร้องประพันธ์ขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1896 โดย Julio Nakpil คำว่า \"มารางัล นา ดาลิต นัง คาตากาลูกัน\" ในภาษาตากาล็อกมีความหมายว่า \"เพลงสรรเสริญแห่งชาติตากาล็อก\" (Honorable Hymn of the Tagalog Nation)",
"แผนที่ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ใครขยับไปทางไหนหรืออะไรอยู่ที่ไหนในฮอกวอตส์ แฮร์รี่ได้มาจากสองพี่น้องเฟร็ดและจอร์จ วีสลีย์ซึ่งขโมยมาจากห้องทำงานของฟิลช์ ถูกสร้างขึ้นโดย จันทร์เจ้า เขาแหลม เท้าปุย และ หางหนอน เพื่อช่วยในการกลายร่างมนุษย์หมาป่าของรีมัส ลูปิน ในสมัยที่พ่อของแฮร์รี่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนฮอกวอตส์ ในรูปปกติจะอยู่ในรูปกระดาษเปล่า ถ้าต้องการดูให้ใช้ไม้กายสิทธฺ์แล้วพูดว่า \"ข้าขอสาบานอย่างจริงจังว่าข้า นั้นหาความดีมิได้\" และเมื่อใช้เสร็จจะต้องซ่อนแผนที่โดยการใช้ไม้กายสิทธ์แตะที่แผนที่แล้วพูด ว่า \"แผนลวงสำเร็จแล้ว\" ในแฮรี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งคุกอัซคาบัน แฮร์รี่ได้เจอชื่อของปีเตอร์ เพ็ตติกกรูว์ ซึ่งเชื่อว่าตายไปแล้วบนแผนที่นี้ ต่อมา ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี แฮร์รี่ได้เจอชื่อของบาร์ทีเมียส เคร้าช์ เจ้าหน้าที่กระทรวงเวทมนตร์ซึ่งเป็นคณะกรรมการในการประลองไตรภาคีกำลังพยายามเข้าไปค้นห้องคุกใต้ดินของสเนป (แท้จริงแล้วเป็นลูกชายของบาร์ทีเมียส เคร้าช์ซึ่งมีชื่อเหมือนกัน รู้จักกันทั่วไปด้วยชื่อ บาร์ทีเมียส เคร้าช์ จูเนียร์) แล้วแฮร์รี่ก็ตามไปดูด้วยผ้าคลุมล่องหน เกือบถูกสเนปจับ โชคดีที่อลาสเตอร์มู้ดดีช่วยไว้ได้ และเขาก็ประทับใจแผนที่ตัวกวน จึงขอยืมใช้จากแฮร์รี่มา",
"จุดกำเนิดของชาวคาไรต์ที่มาอยู่ในไครเมียยังไม่แน่นอน เพราะขาดหลักฐานที่แน่ชัด เอกสารส่วนใหญ่ระบุถึงความสัมพันธ์ระหว่างชาวคาไรต์กับชุมชนอื่นระหว่างพุทธศตวรรษที่ 22-24 เอกสารส่วนใหญ่ระบุถึงชุมชนชาวคาไรต์ที่ถูกเผาเมื่อพ.ศ. 2279 ระหว่างที่รัสเซียรุกรานรัฐข่านตาตาร์ นักวิชาการบางส่วนเสนอว่าชาวคาไรต์เป็นลูกหลานของพ่อค้าที่เข้ามาในไครเมียตั้งแต่สมัยจักรวรรดิไบแซนไทน์และได้พัฒนาภาษาของตนที่เป็นภาษากลุ่มเตอร์กิกในช่วงที่อยู่ในไครเมียนี้เองมีเอกสารเกี่ยวกับการอพยพของชาวคาไรต์จากอิสตันบูลไปยังไครเมียซึ่งบันทึกโดยชาวยิวในอิสตันบูลเมื่อ พ.ศ. 1746 การก่อตั้งชุมชนพ่อค้าในไครเมียน่าจะเริ่มต้นขึ้นระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-19โดยกลุ่มพ่อค้าที่ติดต่อระหว่างไครเมีย เอเชียกลางและจีน",
"ในปี พ.ศ. 2435 โจเซฟ พูลิตเซอร์ได้เสนอเงินบริจาคแก่อธิการบดี เซท โลว์ เพื่อจัดตั้งเป็นเงินทุนก่อตั้งสถาบันการศึกษาวิชาการหนังสือพิมพ์แห่งแรกของโลกขึ้น แต่ในครั้งนั้นมหาวิทยาลัยได้บอกปัดข้อเสนอการรับเงินกองทุนดังกล่าวเนื่องจากการมีชื่อเสียงในทางอื้อฉาวของพูลิตเซอร์ อย่างไรก็ดี ในปี พ.ศ. 2445 อธิการบดีคนใหม่คือ\"นิโคลัส เมอรเรย์ บัทเลอร์\"ได้แสดงทีท่าตอบตกลงข้อเสนอในการจัดตั้งสาขาวิชาใหม่และเงินทุนก่อตั้งนี้ แต่ก็ยังไม่เป็นผลจนกระทั่งหลังการเสียชีวิตของพูลิตเซอร์ไปแล้ว ฝันของเขาจึงได้เป็นจริง พูลิตเซอร์ได้มอบเงินจำนวน 2,000,000 เหรียญโดยเขียนไว้ในพินัยกรรมซึ่งนำไปสู่การก่อตั้ง \"บัณฑิต\"วิทยาลัยวิชาการหนังสือพิมพ์แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย\"\" ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2445 แต่ขณะนั้น มหาวิทยาลัยมิสซูรี-โคลัมเบียก็ได้ก่อตั้ง \"คณะวิชาการหนังสือพิมพ์แห่งมิสซูรี\" ไปก่อนแล้วโดยการสนับสนุนของพูลิตเซอร์เอง ",
"นอกจากนี้ ในปี 2012 สครีปคายังเคยบรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์อนิเมะสั้นเรื่อง \"ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย\"",
"สโมสรก่อตั้งในปี ค.ศ. 1951 และเป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งอาเซอร์ไบจานพรีเมียร์ลีกในปี ค.ศ. 1992 หนึ่งฤดูกาลถัดมา พวกเขาคว้าแชมป์ลีกในประเทศสมัยแรก กลายเป็นสโมสรแรกที่มิได้ตั้งอยู่ในบากูที่สามารถคว้าแชมป์ลีกได้ คาราบักเป็น 1 ใน 2 สโมสรของอาเซอร์ไบจาน ร่วมกับเนฟต์ซิ พีเอฟเค ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกทุกฤดูกาล",
"เพอร์วา ฮาเอนเอล () หรือในชื่อเต็มว่า เพอร์วาเฮอร์วาตสกานอกอเมตนาลีกา () เป็นลีกสูงสุดของฟุตบอลโครเอเชีย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2535 แชมป์ของลีกจะได้เข้าไปเล่นในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ดีนาโมซาเกร็บเป็นแชมป์ในฤดูกาลล่าสุด และยังเป็นแชมป์ติดต่อกัน 10 สมัยแล้ว และยังเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดในลีกด้วยแชมป์ 17 สมัย ตามด้วยไฮดูกสปลิต (Hajduk Split) แชมป์ 6 สมัย",
"จนกระทั่งมีการตรากฎหมายประกันสุขภาพแห่งชาติขึ้นในปี ค.ศ. 1995 ระบบการดูแลสุขภาพของอิสราเอลขึ้นอยู่กับชุดของกองทุนป่วยไข้ที่ดำเนินการโดยไม่ขึ้นกับใคร ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะคูปัตโฮลิม สำหรับคูปัตโฮลิมที่ใหญ่ที่สุดคือบริการสุขภาพคลาลิต ซึ่งเป็นเจ้าของโดยฮิสตาดรุต แรกเริ่มเดิมทีมีคูปัตโฮลิมอื่น ๆ อีกหกกองทุน แม้ว่าจะลดจำนวนเหลือเพียงสี่หลังจากที่มีสองกองทุนรวมเข้าด้วยกัน ที่นั่นมีโรงพยาบาลของรัฐบาลเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีโรงพยาบาล 29 แห่งที่ดำเนินการโดยรัฐบาลในปี ค.ศ. 1987 คลาลิตเป็นเจ้าของโรงพยาบาลจำนวนมาก เช่นเดียวกับคลินิกในแทบทุกเมือง, ตัวเมือง, หมู่บ้าน และคิบบุตซ์ มีองค์กรอื่น ๆ ที่ดูแลรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์ของตัวเองบางส่วนและทุนการรักษาตัวในโรงพยาบาลของผู้รับบริการในโรงพยาบาลรัฐบาล สำหรับการประกันสุขภาพ ผู้คนต้องเสียค่าเบี้ยประกันซึ่งแตกต่างกันไปตามรายได้ ส่วนรัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กองทุนสุขภาพเช่นเดียวกัน ในที่สุด ก็ได้มีแพทย์เอกชนอยู่บางส่วนและโรงพยาบาลเอกชนเพียงไม่กี่แห่ง รวมทั้งมีบางแผนประกันสุขภาพที่มีราคาแพงมากที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพส่วนตัว ระดับความคุ้มครองสุขภาพเอื้ออำนวยแตกต่างกันไปในหมู่คูปัตโฮลิม นอกจากนี้ บริการสุขภาพคลาลิตเป็นกองทุนเดียวที่ไม่จำกัดการเข้าสมาชิกใหม่ตามอายุ, เงื่อนไขที่มีอยู่ก่อน หรือปัจจัยอื่น ๆ และสมาชิกในฮิสตาดรุตเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมีก่อนสำหรับสมาชิกร่วมกับคลาลิต นั่นหมายความว่าคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมดังกล่าวและไม่สามารถเข้าร่วมโครงการประกันอื่นได้จะไม่มีประกันสุขภาพ ถึงกระนั้น กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของประชากรเป็นผู้มีประกัน",
"คลิปช์ () เป็นเครื่องเสียงระดับสูงจากสหรัฐอเมริกา บริษัทก่อตั้งในเมืองโฮป รัฐอาร์คันซอ โดย พอล คลิปช์ ในชื่อ คลิปช์แอนด์แอซโซซิเอตส์ (Klipsch and Associates) ในปี พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) โดยในปัจจุบันสำนักงานใหญ่ย้ายมาอยู่ที่เมืองอินเดียแนโพลิส ในรัฐอินดีแอนา สินค้าหลักของคลิปช์คือ ลำโพงเครื่องเสียงที่ใช้ตามบ้าน",
"ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย ฉบับอนิเมะโทรทัศน์ได้รับการประกาศในวันที่ 24 มิถุนายน 2016 หลังจากที่อนิเมะจากค่ายเดียวกันเรื่อง Space Patrol Luluco ออกอากาศเป็นตอนสุดท้าย[31] อนิเมะโทรทัศน์ออกอากาศครั้งแรกในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม ถึงวันที่ 26 มิถุนายน 2017[32][33] โดยตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึงตอนที่ 13 ใช้เพลงเปิดชื่อ \"Shiny Ray\" ของ YURiKA และเพลงปิดคือ \"Hoshi o Tadoreba\" (星を辿れば If You Follow the Stars) ของ Yuiko Ōhara[34] และตั้งแต่ตอนที่ 14 ถึงตอนที่ 24 ใช้เพลงเปิดชื่อ \"Mind Conductor\" ของ YURiKA และเพลงปิดคือ \"Tōmei na Tsubasa\" (透明な翼 Invisible Wings) ของ Ōhara[35] อนิเมะโทรทัศน์ได้รับการปล่อยออกมาในรูปแบบ BD/DVD ทั้งหมด 9 ชุด[36] และตอนในฤดูกาลแรก 13 ตอนได้เข้าฉายที่เน็ตฟลิกซ์พร้อมเสียงพากย์ภาษาอังกฤษทั่วโลกในวันที่ 30 มิถุนายน 2017[37][38] ส่วนที่เหลืออีก 12 ตอนในฤดูกาลสุดท้ายของอนิเมะนี้เข้าฉายที่เน็ตฟลิกซ์ในวันที่ 15 สิงหาคม 2017[6]",
"วิดีโอเกมได้รับการพัฒนาโดย A+ Games และจัดจำหน่ายโดย Bandai Namco Entertainment ในชื่อ ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย: เชมเบอร์ออฟไทม์ (リトルウィッチアカデミア 時の魔法と七不思議 Ritoru Witchi Akademia: Toki no Mahō to Nana Fushigi, lit. Little Witch Academia: The Magic of Time and the Seven Wonders) โดยลงไว้ให้กับเพลย์สเตชัน 4 และวิดีโอเกมวางจำหน่ายครั้งแรกที่ญี่ปุ่นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2017 และวางจำหน่ายทั่วโลกสำหรับไมโครซอฟท์ วินโดวส์ ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2561[40][41][42] ส่วนโบนัสเกม Madō Senshi Gran Sharion (魔導戦士グランシャリオン Magical Warrior Gran Sharion) จะมีให้บริการในญี่ปุ่นเป็นโบนัสเกมจากการสั่งซื้อ[43]",
"กาลิตตาแอร์ โกเรียนแอร์คาร์โก คาเธย์แปซิฟิก คาร์โก 360 คาร์โกลักซ์ เจมินิแอร์คาร์โก เจเอแอลคาร์โก ไชน่าเซาท์เทิร์น ไชน่าอิสเทิร์น ไชน่าแอร์ไลน์ ดีเอชแอล นิปปอนคาร์โกแอร์ไลน์ โพลาร์แอร์คาร์โก เฟเดอรัลเอ็กซ์เพรส มาร์ตินแอร์ ยูพีเอส ลุฟต์ฮันซาคาร์โก สิงคโปร์แอร์ไลน์คาร์โก แอลอิตาเลีย อีวีเอแอร์ เอเชียนา เอ็นดับเบิลยูคาร์โก เอเวอร์กรีน เอเอ็นเอคาร์โก แอตลาสแอร์ แอร์ไชน่า แอร์ฟรานซ์ แอโรมเอ็กซ์เพรส",
"คาซัคสถานพรีเมียร์ลีก () เป็นลีกฟุตบอลสูงสุดของประเทศคาซัคสถาน ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1992",
"เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเซอร์ชาร์ลส ลิตตัน (เดวิด นิเวน) บุคคลระดับสูงที่คนทั่วไปต่างรู้จัก แต่ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเขาก็คือ จอมโจรแฟนธ่อม หัวขโมยอันดับชื่อก้องที่เมื่อเล็งของชิ้นไหนแล้วต้องได้ทุกครั้งไป และล่าสุดสิ่งของที่เขาหมายตาไว้ก็คือ เพชรพิงค์ แพนเธอร์ (เป็นเพชรที่มีตำหนิเป็นรูปเสือสีชมพูอยู่ข้างใน) ซึ่งอยู่ในความครอบครองของเจ้าหญิงดาล่า (เคลาเดีย คาร์ดินัล) ผู้เลอโฉม ขณะเดียวกันสารวัตรจ๊าค คลูโซ (ปีเตอร์ เซลเลอร์ส) ซึ่งคอยตามล่าแฟนธ่อมก็มั่นใจว่ามันจะต้องขโมยเพชรเม็ดนี้แน่ๆ เขาก็เลยคอยจับตาดูเพชรเม็ดนี้อยู่ตลอดเช่นกัน ซึ่งมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกก็คือ ซีโมน (คาปูชีน) ภรรยาของคลูโซ และ จอร์จ ลิตตัน (โรเบิร์ต แวกเนอร์) หลานของเซอร์ชาร์ลสอัลบั้มดนตรีได้จัดจำหน่ายโดย RCA Victor และดนตรีได้ประพันธ์โดย เฮนรี แมนซินี ในปี ค.ศ. 2005 ดนตรีในเรื่องนี้ได้รับการยกย่องโดยขึ้นอันดับที่ 20 ในการจัดอันดับของ สถาบันภาพยนตร์อเมริกัน หรือ AFI ว่าเป็น 1 ใน 25 ดนตรีประกอบภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดNotes",
"สโมสฟุตบอลเซนิตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ เซนิตเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เป็นสโมสรฟุตบอลใน ประเทศรัสเซีย ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1925 ในเมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยเล่นในลีก รัสเซียน พรีเมียร์ลีก ซึ่งสโมสรฟุตบอลแห่งนี้เป็นสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากในรัสเซียและมีแฟนบอลเยอะที่สุดในประเทศ ซึ่งสโมสรแห่งนี้ประสบความสำเร็จหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นบอลถ้วย,บอลลีก และ บอลถ้วยในยุโรป ปัจจุบันอยู่ในการคุมทีมของ เซอร์เก้ เซมัค",
"ลิตเทิลวิตช์แอคาดีเมีย ดำเนินเรื่องไปที่สถาบันเวทมนตร์ลูนาโนวา (Luna Nova Magical Academy(ルーナノヴァ魔法学校,Rūna Nova Mahō Gakkō)) ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับหญิงสาวที่ต้องการฝึกฝนเพื่อเป็นแม่มด โดยมีหญิงสาวชื่อคาการิ อาสึโกะ หรือ อักโกะ ได้รับแรงบันดาลใจจากแม่มดชื่อ ไซน์นี ชาริออท ในการเข้าเรียนสถานบันเวทมนตร์แห่งนี้ ทว่าเธอไม่มีพลังเวทมนตร์เลยจึงต้องดิ้นรนอย่างหนัก ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเธอค้นพบกับ ไซน์นีร็อด พลังเวทมนตร์ที่เป็นของตกทอดมาจาก ชาริออท"
] |
วอลเลย์บอล ก่อตั้งครั้งแรกที่ชาติใด ? | [
"กีฬาวอลเลย์บอลถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1896 โดยนายวิลเลียม จี. มอร์แกน ผู้อำนวยการฝ่ายพลศึกษาของสมาคม Y.M.C.A. เมืองฮอลโยค รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศอเมริกา ซึ่งได้เกิดขึ้นเพียง 1 ปี ก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสมัยใหม่ ครั้งที่ 1 ณ กรุงเอเธนส์ โดยเขามีความคิดที่ต้องการให้มีกีฬาสำหรับเล่นในช่วงฤดูหนาวแทนกีฬากลางแจ้งเพื่อออกกำลังกายพักผ่อนหย่อนใจยามหิมะตก"
] | [
"วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเคนยา เป็นตัวแทนของสาธารณรัฐเคนยา ในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ รวมถึงนัดกระชับมิตร ปัจจุบันสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ จัดอันดับทีมนี้ให้อยู่ลำดับที่ 13 และนับเป็นทีมอันดับ 1 ของแอฟริกา โดยครั้งล่าสุดที่แข่งขันกับวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย เป็นการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเวิลด์คัพ 2007 โดยทีมไทยเป็นฝ่ายชนะไป 3-2 เซต",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติโรมาเนีย () เป็นทีมชาติวอลเลย์บอลของประเทศโรมาเนีย ถูกควบคุมโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลโรมาเนียและใช้เวลาส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลนานาชาติ ผลงานที่น่าทึ่งของทีมคือ ผ่านเข้าสู่รอบ4ทีมสุดท้าย ในการแข่งขันวอลเลย์บอลชายยูโรเปี้ยนลีก 2010 ผลการแข่งขันในปีต่อไปนอกจากนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก",
"ตั้งแต่ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติเป็นครั้งแรกในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง (เซียพเกมส์) ครั้งที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2502 จนถึงครั้งที่ 8 ทีมชายได้เหรียญทองเพียงครั้งเดียวในการแข่งขันครั้งที่ 1 แต่ยังได้เหรียญเงินและทองแดง ทุกครั้ง ยกเว้นครั้งที่ 5 ที่ไม่ได้ส่งแข่ง และครั้งที่ 7 ที่ไม่ได้เหรียญใดเลย ส่วนทีมหญิงมีโอกาสได้เหรียญทองในการแข่งขันครั้งที่ 4 และ 8 ซึ่งจัดการแข่งขันที่กรุงเทพฯ และในการแข่งขันครั้งอื่น ๆ ได้เหรียญเงิน หรือทองแดงทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนชื่อการแข่งขันจากกีฬาแหลมทอง (เซียพเกมส์) เป็นซีเกมส์ (Southeast Asian Games) ในการแข่งขันครั้งที่ 9 ทีมชาย-หญิง ยังคงได้หรียญทองแดงส่วนในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพทั้ง 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 5 ปี พ.ศ. 2509 ครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2513 และ ครั้งที่ 8 ปี พ.ศ. 2521 ทีมวอลเลย์บอลไม่ประสบผลสำเร็จเพียงเข้าร่วมการแข่งขันในฐานะเจ้าภาพเท่านั้น",
"สหพันธ์วอลเลย์บอลสาธารณรัฐคาซัคสถาน (; ) เป็นหน่วยงานสำหรับกีฬาวอลเลย์บอลในประเทศคาซัคสถาน ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1992 และเป็นสมาชิกของเอฟไอวีบี นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกของสมาพันธ์วอลเลย์บอลเอเชีย สหพันธ์ที่หน้ารับผิดชอบดูแลวอลเลย์บอลชายทีมชาติคาซัคสถาน และวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติคาซัคสถาน",
"โทเรย์แอร์โรส์ (; ) เป็นทีมวอลเลย์บอลหญิง ซึ่งตั้งอยู่ ณ โอสึ จังหวัดชิงะ ประเทศญี่ปุ่น ทีมนี้เข้าแข่งขันในวี.พรีเมียร์ลีก ซึ่งสโมสรแห่งนี้ได้รับการก่อตั้งใน ค.ศ. 2000 โดยมีเจ้าของทีมคือบริษัทข้ามชาติโทเรย์อินดัสทรีส์ และหมายเลขเสื้อของทีมจะเรียงตามลำดับอายุ",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติฟิลิปปินส์ () ทีมนี้ได้รับการบริหารโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลฟิลิปปินส์ เป็นทีมชาติวอลเลย์บอลของประเทศฟิลิปปินส์ และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติอิรัก () เป็นทีมวอลเลย์บอลชายของประเทศอิรัก ทีมนี้ได้รับการบริหารโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลอิรัก และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ",
"วอลเลย์บอลหญิงอินเตอร์เนชันแนลวีทีวีคัพ () หรือเรียกสั้นๆว่า วีทีวีคัพ (\"VTV Cup\") เป็นการแข่งวอลเลย์บอลหญิงนานาชาติ จัดขึ้นโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลเวียดนาม และได้รับการสนับสนุนโดยโทรทัศน์เวียดนาม การแข่งขันก่อตั้งขึ้นในปี 2004",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติมาซิโดเนีย () เป็นทีมชาติวอลเลย์บอลของสาธารณรัฐมาซิโดเนีย และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลนานาชาติ",
"วอลเลย์บอลหญิงอินเตอร์เนชันแนลวีทีวี9 บิ่ญเดี่ยนคัพ () หรือเรียกสั้นๆว่า วีทีวี บิ่ญเดี่ยนคัพ (\"\") เป็นการแข่งวอลเลย์บอลหญิงนานาชาติ จัดขึ้นโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลเวียดนาม และได้รับการสนับสนุนโดยโทรทัศน์เวียดนาม ทีวีที9 และบิ่ญเดี่ยนล็องอาน การแข่งขันก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2006",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติเลบานอน () เป็นทีมวอลเลย์บอลชายของประเทศเลบานอน ทีมนี้ได้รับการบริหารโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลเลบานอน และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ",
"สโมสรวอลเลย์บอลทรีบรอดแบนด์ นครนนท์ เป็นสโมสรวอลเลย์บอลในประเทศไทย ซึ่งเป็นสโมสรที่สามารถเป็นแชมป์ไทยแลนด์ลีกในฤดูกาลแรกที่ก่อตั้งสโมสร ในฤดูกาล 2011-2012 และรองแชมป์ในฤดูกาล 2012-2013 เมื่อปีก่อนเพิ่งได้รองแชมป์วอลเลย์บอลไทยเดนมาร์คซูเปอร์ลีก ในฤดูกาลนี้สโมสรได้ผู้เล่นทีมชาติอย่าง ฑิชาญา บุญเลิศ และ พิมพิชยา ก๊กรัมย์ เป็นผู้เล่นหลัก\"ข้อมูล ณ เดือนตุลาคม พ.ศ. 2561\"",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติคูเวต () เป็นทีมวอลเลย์บอลชายของประเทศคูเวต ทีมนี้ได้รับการบริหารโดยสมาคมวอลเลย์บอลคูเวต และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติเช็กเกีย เป็นทีมชาติวอลเลย์บอลของประเทศเช็กเกีย และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลนานาชาติ ",
"สโมสรฟุตบอลได้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1993 ใน ค.ศ. 1996 สโมสรนี้ชนะรายการไนโรบีโพรวินเชียลลีก และได้รับการสนับสนุนเข้าสู่รายการเนชั่นไวด์ลีก และสองปีถัดมาก็ชนะรายการเคนยันพรีเมียร์ลีกในส่วนของ KCB รักบี้ ได้ก่อตั้งขึ้นใน ค.ศ. 1989 ขึ้นตามที่ทีมเคนยันเบรเวอรีส์ ได้แยกย้ายไปในปีนั้นทีมวอลเลย์บอลของ KCB มีทั้งในส่วนของทีมชายและทีมหญิง ในรายการ 2007 FIVB วีเมนส์เวิลด์คัพ สี่ผู้เล่นของ KCB เล่นให้กับทีมชาติเคนยา",
"วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติฟิลิปปินส์ () ทีมนี้ได้รับการบริหารโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลฟิลิปปินส์ เป็นทีมชาติวอลเลย์บอลของประเทศฟิลิปปินส์ และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ",
"วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติบราซิล () เป็นทีมชาติวอลเลย์บอลของประเทศบราซิล ทีมนี้ได้รับการบริหารโดย\"สมาพันธ์วอลเลย์บอลบราซิล\" (เซเบเว) และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ เมื่อการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลในโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 สิ้นสุดลง ทีมนี้ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับสองของโลกโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ทีมนี้ยังเป็นแชมป์ล่าสุดของรายการวอลเลย์บอลเวิลด์กรังด์ปรีซ์ (โดยครองแชมป์เป็นสมัยที่เก้าในปี ค.ศ. 2013) รวมถึงได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่กรุงปักกิ่ง และโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ที่กรุงลอนดอน ใน ค.ศ. 2013 ทีมชาติบราซิลได้เข้าแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเวิลด์แกรนด์แชมป์เปี้ยนคัพ 2013 ในฐานะแชมป์จากรายการวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์อเมริกาใต้",
"ทีมวอลเลย์บอลหญิงของไทยได้พัฒนาการเล่นมาโดยตลอดจนก้าวขึ้นเป็นทีมระดับแนวหน้าของทวีปเอเชีย โดยคว้าอันดับ 3 การแข่งขัน-วอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชียได้ 2 ครั้ง ในปี ค.ศ. 2001 และ ค.ศ. 2007 ก่อนสร้างประวัติศาสตร์เมื่อสามารถเอาชนะทีมชาติจีน 3-1 เซต เป็นแชมป์ทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกในการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชียในปี ค.ศ. 2009 ที่สนามเกวิ่นเงือ ประเทศเวียดนาม ทำให้ได้เป็นตัวแทนทวีปเอเชียไปแข่งขันวอลเลย์บอลเวิลด์แกรนด์แชมเปียนคัพในปี ค.ศ. 2009 จากนั้นในปี ค.ศ. 2012 สามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้อีกครั้ง เมื่อสามารถคว้าแชมป์วอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชียนคัพมาครองเป็นครั้งแรกได้สำเร็จ หลังจากเอาชนะทีมชาติจีนได้อีกครั้ง 3-1 เซต ที่ประเทศคาซัคสถาน ต่อมาในปี ค.ศ. 2013 สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญ ในการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศไทย เมื่อสามารถคว้าแชมป์ในการแข่งขันรายการนี้ได้อีกครั้ง หลังเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่น 3-0 เซตในรอบชิงชนะเลิศ นับเป็นการคว้าแชมป์เอเชียครั้งที่ 2 โดยเป็นการคว้าแชมป์ในประเทศไทยได้เป็นครั้งแรกอีกด้วย จากการคว้าแชมป์ทำให้ได้สิทธิ์ไปแข่งขันวอลเลย์บอลเวิลด์แกรนด์แชมป์เปี้ยนคัพที่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง ในฐานะแชมป์ของทวีปเอเชีย โดยสร้างผลงานคว้าอันดับ 5 มาครอง ต่อมาในปี 2014 วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยได้สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้ง โดยการเอาชนะทีมชาติญี่ปุ่นได้ 3-0เซต ในรอบชิงอันดับที่สาม ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์2014 ที่อินช็อน ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเหรียญทองแดงประวัติศาสตร์ของทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยอีกด้วย และในปี 2018 ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย ก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งในการผ่านเข้าชิงเหรียญทอง ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ 2018 ที่ ประเทศอินโดนีเซีย แม้สุดท้ายจะพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติจีนแต่ก็เป็นเหรียญเงินครั้งแรกสำหรับกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ผลการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย พ.ศ. 2561",
"สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย (English: Thailand Volleyball Association) เป็นองค์กรกีฬาระดับชาติ สำหรับบริหารกีฬาวอลเลย์บอลในประเทศไทย และเป็นสมาชิกของสมาพันธ์วอลเลย์บอลเอเชีย และสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ สมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยรับผิดชอบในการจัดการแข่งขันกีฬาวอลเลย์บอลทั้งวอลเลย์บอลในร่มและวอลเลย์บอลชายหาด รวมทั้งให้การสนับสนุนวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ทั้ง ทีมชาย และ ทีมหญิง สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร",
"พ.ศ. 2557 จุฑารัตน์ได้เป็นหนึ่งในผู้รับการคัดเลือกเข้าร่วมทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ในการแข่งขันวีทีวีอินเตอร์เนชันแนลคัพ 2014 ที่ประเทศเวียดนาม โดยในวันที่ 17 พฤษภาคม เธอได้มีส่วนช่วยให้ทีมชาติไทยเป็นฝ่ายชนะวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเวียดนามทั้ง 3 เซต และในปีเดียวกันนี้ เว็บไซต์ทางการของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ ยังได้มีการเผยถึงชื่อของเธอ ในฐานะหนึ่งในผู้ทำหน้าที่ร่วมกับทีมชาติไทย ในการแข่งขันวอลเลย์บอลเวิลด์กรังด์ปรีซ์ 2014 ที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงเป็นหนึ่งในผู้ได้รับการเรียกตัวจากเกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ในการทำหน้าที่ให้แก่ทีมชาติไทย โดยเตรียมให้เธอเข้าร่วมการแข่งขันรายการใดรายการหนึ่ง ระหว่างวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2014 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศอิตาลี กับวอลเลย์บอลในเอเชียนเกมส์ 2014 ที่จัดขึ้น ณ ประเทศเกาหลีใต้",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติฮังการี () เป็นทีมวอลเลย์บอลชายของประเทศฮังการี ทีมนี้ได้รับการบริหารโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลฮังการี และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ",
"ค.ศ. 1947 ยุทะกะ มะเอะดะ ได้จัดพิมพ์นิตยสารของสมาคมกีฬาวอลเลย์บอลแห่งประเทศญี่ปุ่น ครั้งแรกในชื่อ \"VOLLEYBALL (วอลเลย์บอล)\" ซึ่งตรงกับปีที่มีการก่อตั้งสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ และตั้งแต่ ค.ศ. 1973 นิตยสารนี้ได้เป็นสื่อสิ่งพิมพ์เพียงรายการเดียวที่มีอยู่ของนิฮงบุนกะพับลิชชิง โดยเป็นนิตยสารวอลเลย์บอลที่มีประวัติความเป็นมายาวนานที่สุด และยังคงดำเนินเคียงคู่ร่วมกับประวัติศาสตร์ของวอลเลย์บอลในประเทศญี่ปุ่น",
"ในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป 30 ครั้ง มีชาติที่ชนะในการแข่งขัน 8 ชาติ ทีมชาติรัสเซีย ชนะ 19 ครั้ง (13 ครั้ง ในฐานะสหภาพโซเวียต) และทีมชาติอื่นที่ชนะการแข่งขันคือทีมชาติเยอรมนี (ในฐานะ [[วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเยอรมนีตะวันออก|ทีมชาติเยอรมนีตะวันออก]) [[วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติอิตาลี|ทีมชาติอิตาลี]] [[วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติโปแลนด์|ทีมชาติโปแลนด์]] และ[[วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเซอร์เบีย|ทีมชาติเซอร์เบีย]] ชนะ 2 ครั้ง; และ[[วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติบัลแกเรีย|ทีมชาติบัลแกเรีย]] [[วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเช็กเกีย|ทีมชาติเช็กเกีย]] (ในฐานะ[[วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเชโกสโลวาเกีย|ทีมชาติเชโกสโลวาเกีย]]) และ[[วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติเนเธอร์แลนด์|เนเธอร์แลนด์]] ชนะ 1 ครั้ง",
"ประเทศอัฟกานิสถาน - ก่อตั้งโดยสนธิสัญญาอังกฤษ-อัฟกัน ค.ศ. 1919 จากสหราชอาณาจักร เป็นเอกราชและเป็นที่ยอมรับในปี 1919 ประเทศจีน - ในอดีตคือ จักรวรรดิชิง ประเทศภูฏาน - ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใดในทางปฏิบัติ ประเทศอิหร่าน - ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใดในทางปฏิบัติ แต่ก็ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของอังกฤษและรัสเซีย ประเทศอิรัก - ก่อตั้งโดยสนธิสัญญาอังกฤษ-อิรัก (1930) จากสหราชอาณาจักรในปี 1930 เป็นเอกราชและเป็นที่ยอมรับในปี 1932 ประเทศญี่ปุ่น - เป็นประเทศมหาอำนาจ ประเทศเกาหลี - เป็นรัฐเอกราช แต่ถูกบุกยึดครองโดยญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ประเทศมองโกเลีย - ประกาศเอกราชจากจีน ในปี พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) ประเทศเนปาล - ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใดในทางปฏิบัติ ประเทศไทย - ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใดในทางปฏิบัติ แต่ก็ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของอังกฤษและฝรั่งเศส ประเทศซาอุดิอาระเบีย - ก่อตั้งขึ้นในปี 1932 จากการรวมอาณาจักรและดินแดนต่างๆในพื้นที่ของประเทศในปัจจุบันและดินแดนที่ใกล้เคียงในระหว่างปี 1902 ถึง 1916 ประเทศตุรกี - สืบทอดจักรวรรดิออตโตมันในปี 1923",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติเนเธอร์แลนด์ () เป็นทีมวอลเลย์บอลชายของประเทศเนเธอร์แลนด์ ทีมนี้ได้รับการบริหารโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลเนเธอร์แลนด์ และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ",
"อุดมพร พลศักดิ์ นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย สุริยา ปราสาทหินพิมาย นักมวยสากลทีมชาติไทย สมจิตร จงจอหอ นักมวยสากลทีมชาติไทย เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร อดีตนักกีฬาวอลเล่ย์บอลชายทีมชาติไทย / ผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย พัชรี แสงเมือง อดีตกัปตันทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ กัปตันทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย วณิชยา หล่วงทองหลาง นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ปิยะมาศ ค่อยจะโป๊ะ อดีตนักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย หัตถยา บำรุงสุข นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย จรัสพร บรรดาศักดิ์ นักวอลเลย์บอลทีมชาติไทย หนึ่งนัดดา วรรณสุข นักกีฬาเทนนิส อานนท์ สังข์สระน้อย นักฟุตบอลทีมชาติไทย พร้อมพงศ์ กลางสำโรง นักฟุตบอล ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน นักฟุตบอล อานนท์ นานอก นักฟุตบอล อำนาจ นาคแก้ว ผู้ฝึกสอนกีฬามินิรักบี้ระดับประถมศึกษา รุ่งรัตน์ ภูมิจันทึก นักฟุตบอล อุทุมพร เลี่ยมรัตน์ นักรักบี้หญิงทีมชาติไทย รัตนาพร ปักการะภา นักยกน้ำหนัก เหรียญทองโอลิมปิกเยาวชน 2014 วุฒิชัย สุขศาลา นักวอลเลย์บอล จังหวัดนครราชสีมา",
"ในแผนของสหพันธ์วอลเลย์บอลระหว่างประเทศ ค.ศ. 2001 สหพันธ์วอลเลย์บอลเอเชียเป็นองค์กรแรกที่ได้รับการก่อตั้งห้าสมาคมในการประชุมสมัชชาครั้งที่ 10 เมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 1993 ก่อนครบวาระหนึ่งร้อยปีของสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ\nสมาคมวอลเลย์บอลต่อไปนี้เป็นสมาชิกของสมาพันธ์",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติเซอร์เบีย () เป็นทีมวอลเลย์บอลชายของประเทศเซอร์เบีย ทีมนี้ได้รับการบริหารโดยสหพันธ์วอลเลย์บอลเซอร์เบีย และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ",
"ทีมชาติต่อไปนี้ได้รับการยืนยันในการเข้าร่วมแข่งขันการแข่งขันในครั้งนี้เป็นการแข่งแบบพบกันหมด แต่ละทีมจะต้องแข่งขันทั้งหมด 5 แมตช์ ทีมใดที่มีคะแนนสูงที่สุดจากการแข่งขันที่แข่งมา จะเป็นทีมชนะเลิศในการแข่งขันครั้งนี้",
"วอลเลย์บอลชายทีมชาติฝรั่งเศส () เป็นทีมชาติวอลเลย์บอลของประเทศฝรั่งเศส และเป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติ"
] |
สิงห์ผจญเพลิง เป็นผลงานการ์ตูนของมาซาฮิโตะ โซดะ ที่วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อใด ? | [
"สิงห์ผจญเพลิง () (English: Firefighter! Daigo of Fire Company M) เป็นผลงานการ์ตูนแนวดุเดือดผจญภัย ของ มาซาฮิโตะ โซดะ นักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่น ผู้เขียนเรื่อง สิงห์นักปั่น และ ซูบารุ เต้นสุดฝัน เนื้อเรื่องเล่าถึงการทำงานของตัวเอกชื่ออาซาฮินะ ไดโกะซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ที่ต้องทำงานในสถานการณ์อุบัติภัยต่างๆ พร้อมกับแสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ พัฒนาการและความเติบโตทางจิตใจของตัวเอก เดิมทีเรื่องสิงห์ผจญเพลิง เป็นการ์ตูนรายสัปดาห์ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ โชงะกุกัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 และเรียบเรียงใหม่เป็นฉบับรวมเล่มทั้งหมด 20 เล่มด้วยกัน หลังจากนั้นได้แพร่หลายเข้ามายังประเทศไทย โดยผู้ซื้อลิขสิทธิ์สำหรับตีพิมพ์เรื่องนี้ในประเทศไทย ได้แก่ สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ โดยจัดพิมพ์จำหน่ายเป็นฉบับรวมเล่ม 20 เล่ม เช่นเดียวกับต้นฉบับจากญี่ปุ่น โดยการตีพิมพ์ยังมีลักษณะกลับภาพซ้าย-ขวา เพื่อให้การเปิดหนังสือเป็นไปตามแบบสากลนิยมคือเปิดจากขวามาซ้าย ซึ่งผิดกับต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นที่ตีพิมพ์สำหรับเปิดหน้ากระดาษจากซ้ายไปขวา ต่อมาได้มีการดัดแปลงเนื้อเรื่อง ผลิตเป็นโอวีเอโดยซันไรส์ และละครโทรทัศน์ออกอากาศที่ประเทศญี่ปุ่นทางช่องฟูจิ ทีวี"
] | [
"เดอะเคิร์สออฟมังกี้ไอแลนด์ (, แปลตามรูปศัพท์ว่า \"คำสาปแห่งมังกี้ไอแลนด์\") เป็นเกมแนวผจญภัยที่ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัทลูคัสอาร์ต และเป็นเกมลำดับที่สามในเกมชุด\"มังกี้ไอแลนด์\" ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2540 เป็นภาคต่อของ \"เดอะซีเคร็ทออฟมังกี้ไอแลนด์\" และ \"\" ซึ่งต่างก็เป็นเกมผจญภัยประสบความสำเร็จทั้งคู่ เกมนี้เป็นเกมลำดับที่ 12 และเป็นเกมสุดท้ายของลูคัสอาร์ตเกมส์ ที่ใช้เอนจิ้น SCUMM ซึ่งได้รับการพัฒนาอย่างมากในการใช้ครั้งสุดท้ายนี้ ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยเอนจิ้น GrimE ในภาคต่อคือ \"เอสเคปฟรอมมังกี้ไอแลนด์\" และภาคนี้ยังเป็นภาคแรกที่มีการให้เสียงพากย์ตัวละคร และมีรูปแบบงานภาพที่ดูเป็นการ์ตูนมากกว่าภาคก่อนๆ",
"ซานะดะ ซาเอมอนโนะสุเกะ ยูคิมุระ () ตัวละครการ์ตูนจาก ซามูไรดีปเปอร์เคียว ซึ่งชื่อนำมาจากแม่ทัพ ซานะดะ ยูคิมุระ ที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น บทบาทในการ์ตูนเรื่องซามูไรดีปเปอร์เคียวนั้นคือ ภายหลังจากที่แพ้สงครามที่ทุ่งเซะกิงะฮะระแล้ว ก็ได้หลบหนีไปยังภูเขาคุโดะ และวางแผนลอบสังหารโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ เสมอ แต่ไม่เคยได้ลงมือ ยูคิมุระเดินทางไปกับพวกเคียวเพื่อที่จะปราบตระกูลมิบุและโอดะ โนะบุนะงะ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการครองแผ่นดินมากขึ้น",
"เช่นเดียวกับผีญี่ปุ่นอื่น ๆ ฮิโตะดะมะได้ถูกอ้างถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยของญี่ปุ่นหลายอย่าง เช่น การ์ตูนอาทิ \"อินุยาฉะ\", \"ชาแมนคิง\", \"โปเกมอน\" ภาพยนตร์และซีรีส์เรื่องต่าง ๆ",
"A แชนแนล สี่แสบซ่า บ้าขั้นเอ () เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นประเภทสี่ช่องจบ โดย บีบี คุโรดะ ตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนเซเน็น ชื่อ มังงะ ไทม์ คิราระ คารัต และได้รวมเล่ม และวางจำหน่ายเมื่อ 26 ธันวาคม 2552 โดยสำนักพิมพ์โฮบุงฉะ ในส่วนของ อะนิเมะ ถ่ายทำขึ้นโดย โกคุมิ สตูดิโอ และฉายในญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 8 เมษายน 2554 - 24 มิถุนายน 2554 จำนวนทั้งสิ้น 12 ตอน และในส่วนของ โอวีเอ ได้ออกจำหน่ายในวันที่ 21 มีนาคม 2555 โดยวางจำหน่ายในรูปแบบ บลูเรย์ และ ดีวีดี จำนวน 2 ตอน ",
"เพลงเปิดเพลงแรกสำหรับ \"เนตรเพลิงชานะ II\" ก็คือเพลง \"จอนท์\" ร้องโดย [[มามิ คาวาดะ]] ใช้เป็นเพลงเปิดตั้งแต่ตอนที่ 1 ถึง ตอนที่ 15 โดย[[ซิงเกิล]] วางจำหน่ายเมื่อวันที่ [[31 ตุลาคม]] [[พ.ศ. 2550|2007]] เพลงปิดเพลงแรกคือเพลง \"ไทรแองเกิล\" ร้องโดย มามิ คาวาดะ ใช้เป็นเพลงปิด 15 ตอนแรก เพลงเปิดเพลงที่สองคือเพลง \"เบลซ\" ร้องโดย โคโตโกะ และ เพลงปิดเพลงที่สองคือเพลง \"โซซีโอเมไทร\" ร้องโดย โคโตโกะ และเพลงปิดเพลงที่สามในตอนที่ 24 คือเพลง \"sense\" ร้องโดย มามิ คาวาดะ",
"เจ้าหญิงโนบูโกะ พระชายาในเจ้าชายโทโมฮิโตะ () มีพระนามเดิมว่า โนบูโกะ อาโซ () เป็นพระชายาหม้ายของเจ้าชายโทโมฮิโตะแห่งมิกาซะ เป็นหลานสาวของชิเงรุ โยชิดะและเป็นน้องสาวของทาโร อาโซอดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น",
"ฮิการุ อูตาดะเกิดในเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาจากพ่อแม่ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงในอุตสาหกรรมเพลงของญี่ปุ่น พ่อของเธอชื่อ อูตาดะ เทรุซาเนะ () ทำงานเป็นโปรดิวเซอร์เพลงอยู่ในเมืองนิวยอร์ก แม่ ชื่อ อาเบะ จุนโกะ () อดีตเคยเป็นนักร้องชื่อดังคนหนึ่งปี ค.ศ. 1970 - ค.ศ. 1979 ชื่อในวงการเธอ คือ ฟูจิ เคโกะ () ตาและยายเป็นนักร้องเพลงญี่ปุ่นโบราณ (โรเคียวคุ) และ เพลงมินโย ร้องเพลงอยู่ทั่วฮอกไกโด และโฮโตคุ อูตาดะมีผลงานการบันทึกเสียงกับแม่ครั้งแรกเมื่อมีอายุได้ 12 ปี และวางจำหน่ายผลงานเพลงในชื่อ ยูทรี (หมายความว่า อูตาดะหมายเลข 3) จนกระทั่ง ค.ศ. 1996 เธอได้เริ่มทำงานเพลงเดี่ยวชื่อ \"ไอว์บี สตรองเกอร์\" ซึ่งเป็นผลงานเพลงแรกที่เธอได้แต่งเนื้อร้องขึ้นเอง โดยมีนามปากกาว่า \"คิวบิกยู\" แต่ผลงานไม่ได้ถูกวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใด จนสร้างความไม่แน่ใจในการทำงานเพลงของเธอ แต่ในที่สุด โครสทูยู ซิงเกิลเปิดตัวของเธอก็ได้วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1997 และได้วางจำหน่ายอัลบั้มเปิดตัวอย่าง \"พรีเชียส\" ในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1998 และวางจำหน่ายซ้ำอีกครั้งเมื่อ 31 มีนาคม ค.ศ. 1999 โดยยอดวางจำหน่ายอยู่ที่ 702,060 แผ่น",
"การ์ตูนเรื่องสิงห์ผจญเพลิง ได้รับรางวัลโชงะกุกัง มังงะ อวอร์ด ประเภทการ์ตูนโชเน็น ในปี พ.ศ. 2540 [1]",
"ผลงานอัลบั้มคาแร็คเตอร์ทั้ง 13 อัลบั้มนั้นเป็นผลงานของ นักพากย์ ที่ให้เสียงกับตัวละครในอะนิเมะ เรื่อง \"ลัคกี้ สตาร์\" ซึ่งไม่ใช่แต่เฉพาะตัวละครหลักเท่านั้นที่มีอัลบั้มคาแร็คเตอร์ แม้แต่ตัวประกอบก็ยังมีด้วย ซึ่งอัลบั้มทั้ง 12 ชุดนั้นประกอบไปด้วย ซีดีคาแร็คเตอร์ 4 แผ่นแรกวางจำหน่ายในวันที่ 5 กันยายน 2007 ซึ่งร้องโดยนักพากย์ตัวละครหลักทั้ง 4 คนในแต่ละแผ่น อายะ ฮิราโนะ เป็น โคนาตะ, คาโต้ เอมิริ เป็น คางามิ, ฟุคุฮาระ คาโอริ เป็น สึคาสะ และ เอนโด อายะ เป็น มิยูกิ ต่อมาได้มีซีดีคาแร็คเตอร์ออกตามมาอีก 4 แผ่นในวันที่ 26 กันยายน 2007 ซึ่งร้องโดยนักพากย์ตัวละครรองอีก 4 คนในแต่ละตัวละคร ฮาเซงาวะ ชิซุกะ เป็น ยูทากะ, จิฮาระ มิโนริ เป็น มินามิ, ชิมิซึ คาโอริ เป็น ฮิโยริ และ ซาซากิ โนโซมิ เป็น แพทริเซีย สำหรับซีดีคาแร็คเตอร์อีกสองแผ่นนั้นได้วางจำหน่ายในวันที่ 24 ตุลาคม 2007 แผ่นหนึ่งจะเป็น ดูเอท ของนักพากย์สองคนคือ มิซุฮาระ คาโอรุ เป็น คุซาคาเบะ มิซาโอะ และ ไอซาวะ ไม เป็น มิเนะงิชิ อายาโนะ และอีกแผ่นหนึ่งจะเป็น ทริโอ ของ อายะ ฮิราโนะ, ฮาเซงาวะ ชิซุกะ และ จิฮาระ มิโนริ เป็น โคนาตะ, ยูทากะ และ มินามิ นอกจากนั้นยังมีซีดีคาแร็คเตอร์ดูเอทอีก 2 แผ่นวางจำหน่ายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2007 ซึ่งแผ่นแรกเป็นของ ฮิโรคาซุ ฮิระมัตสึ เป็น อิซึมิ โซจิโร่ และ สุมิ ชิมาโมโตะ เป็น อิซึมิ คานาตะ และอีกแผ่นจะเป็นของ นิชิฮาระ ซาโอริ เป็น นารุมิ ยุย และ มาเอดะ โคโนมิ เป็น คุโรอิ นานาโกะ ส่วนซิงเกิลสุดท้ายเป็นซิงเกิลเดี่ยวของ คุซาคาเบะ มิซาโอะ ร้องโดย มิซุฮาระ คาโอรุ",
"ในการปฏิบัติงานหลายๆครั้ง ไดโกะต้องผ่านเหตุการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย จนครั้งหนึ่งหลังจากที่เขาพบกับประสบการณ์เฉียดตายภายในกองเพลิง มันก่อเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นในใจเป็นอย่างยิ่ง จนถึงขั้นทำให้คิดลาออกจากงาน แต่ในที่สุด หัวหน้าโกมิ ก็ได้มอบพลังให้แก่เขา คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ แต่แฝงไว้ด้วยความหมายอันยิ่งใหญ่ ช่วยให้เขาได้ฝ่าฟันอุปสรรคภายในจิตใจขึ้นไปได้อีกครั้ง",
"เป็นบทที่รู้จักกันโดยทั่วไป และวางจำหน่ายในแบบมังงะและถูกทำเป็นอนิเมะ เรื่องย่อคือ ทาคานาชิ โซตะ ชายหนุ่มผู้ที่ชอบสิ่งของเล็กๆเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งลูกแมว เด็กน้อย ไม่เว้นแม้แต่ ไรน้ำ ที่ต้องมาทำงานพิเศษในร้านอาหาร วักนาเรีย (Wagnaria) ตามคำเชิญชวนของ ทาเนะชิมะ โปปุระ ซึ่งเป็นรุ่นพี่โรงเรียนเดียวกับเขา แต่ตัวเล็กกว่าเขามาก แล้วด้วยความนิยมชมชอบของเขา เขาจึงตกลงทำงานพิเศษในร้านอาหารแห่งนี้ และต้องมาพบกับผู้ร่วมงานที่มีพฤติกรรมสุดแสนประหลาดกว่าคนทั่วไปนั่นเอง\n\"เวิร์กกิ้ง!!\" ปรากฏเนื้อหาการ์ตูนให้อ่านครั้งแรก บน เว็บไซด์อ่านการ์ตูนออนไลน์ ซึ่งวาดขึ้นโดย ทาคาทสึ คาริโนะ โดยตั้งชื่อเรื่องว่า Working!! โดยมีลักษณะเป็นเรื่องแบบ การ์ตูนสี่ช่องจบ หรือ 4Koma () เริ่มตีพิมพ์ลงในนิตยสารการ์ตูนเมื่อเดือน มกราคม พ.ศ. 2548 ชื่อว่า Young Gangan ของสำนักพิมพ์ Square Enix ซึ่งร้านอาหารในการ์ตูนเรื่องนี้ที่อยู่บนเว็บไซด์อ่านการ์ตูนออนไลน์ กับ ในนิตยสารนั้นเรียกชื่อร้านเหมือนกัน คือ \"วากานาเรีย\" และหลังจากตีพิมพ์ในนิตยสารการ์ตูน ในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 การ์ตูนดังกล่าวได้รวมเล่มเป็นหนังสือเล่มแรก จนถึงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2553 มีมาทั้งหมดแล้ว 7 เล่ม ซึ่งวางขายอยู่ในญี่ปุ่น\nทาคาทสึ นั้นได้เริ่มเขียนการ์ตูน Working!! เป็นรายปักษ์ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา เผยแพร่ บนเว็บไซด์หลักของอนิเมะ เพื่อเป็นการฉลองที่การ์ตูนเรื่อง Working!! ได้ถูกนำมาทำเป็น อนิเมะ\nSquare Enix ได้ทำการออก ดราม่าซีดี ออกมาทั้งหมด 3 แผ่น โดยใช้ชื่อว่า \"Young Gangan Book In CD Working!!\" ซึ่งเขียนบทโดย มุไค โชโกะ โดยที่ตอนแรก ได้ออกวางจำหน่ายเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2550 ซึ่งมาพร้อมกับ หนังสือจำนวน 96 หน้า พร้อมกับการ์ตูนแถม ซึ่งมีอยู่ในบทด้วย ส่วนตอนที่ 2 และ 3 ได้ออกวางขายเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2551 และ 25 มีนาคม พ.ศ. 2552 ตามลำดับ พร้อมกับหนังสือแถมมาด้วย",
"แม้การวางระบบป้องกันอุบัติภัยจะได้ผลดีขึ้น แต่อัคคีภัย และอุบัติภัยก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกหนทุกแห่งในโลก ไดโกะช่วยคนมามากมาย แต่ทุกครั้งเค้าทำลงไปด้วยจิตใต้สำนึกเพื่อช่วยตนเองให้รอดทั้งนั้น ทว่าในเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของไดโกะอีกครั้งหนึ่ง อุบัติภัยไฟป่าในประเทศอินโดนีเซีย ณ ที่แห่งนั้น ไดโกะได้เปลี่ยนไป เมื่อเขาต้องทำทุกวิถีทาง ละทิ้งหน้าที่ประจำ ขโมยอุปกรณ์ดับเพลิงของสถานี หนีออกนอกประเทศ เพื่อเดินทางไปยังอินโดนีเซีย ทั้งหมดทั้งสิ้น เพื่อไปช่วย โอจิไอ ชิซูกะ คนรักของเขาที่ตกอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิงแห่งเกาะสุมาตรานั่นเอง",
"คันดะ เค (神田恵)เจ้าหน้าที่กู้ภัยพิเศษ ที่ได้รับกานกล่าวขานกันว่ามีความสามารถดีเยี่ยมเป็นมือหนึ่งของหน่วยงาน ทั้งในด้านร่างกาย สภาพจิตใจ ทักษะความรู้ต่างๆ เขาเคยร่วมปฏิบัติงานกับไดโกะตั้งแต่ที่ไดโกะยังไม่บรรจุเข้าเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยพิเศษ ภายหลังเมื่อไดโกะเข้าสังกัดแล้ว เขายังเป็นหัวหน้าหน่วยที่ดูแลไดโกะอีกด้วย",
"สิงห์ผจญเพลิง ได้รับการดัดแปลงเนื้อเรื่องเพื่อทำละครโทรทัศน์ ใช้ชื่อเรื่องว่า ไฟร์บอยส์ (Fire Boys) ออกอากาศทางช่อง ฟูจิทีวี (Fuji TV) ออกอากาศทุกวันอังคารเวลา 21.00 น. ตั้งแต่ 6 มกราคม ถึง 16 มีนาคม พ.ศ. 2547 รวมทั้งสิ้น 11 ตอน",
"เซโอะ เคยเป็นผู้ช่วยให้แก่ สึกาสะ โอชิมะ และเป็นลูกศิษย์ของ ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ และ มาซาฮิโตะ โซดะ",
"อาซาฮินะ ไดโกะ (朝比奈大吾)ตัวเอกของเรื่อง มีนิสัยมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว มีความกระตือรือร้น ออกจะติดมุทะลุในบางครั้ง ตัดสินใจเข้าโรงเรียนนักดับเพลิงหลังจบจากระดับมัธยมปลาย เพื่อทำตามความใฝ่ฝันของตนเอง ทั้งนี้เพราะตอนสมัยเด็ก ไดโกะเคยติดอยู่ในบ้านที่มีเพลิงไหม้กับสุนัขคู่ใจ โดยรอดจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้เพราะนักดับเพลิงเข้าไปช่วยไว้ทัน ทำให้ไดโกะอยากเป็นนักดับเพลิงมาตั้งแต่นั้น เมื่อเข้าทำงานก็สังกัดสถานเมดากะฮามะ",
"อะคา โนะ เซอิจาคุ () เป็นซิงเกิลที่ร้องโดย โยโกะ อิชิดะ วางจำหน่ายวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2006 ที่ญี่ปุ่น โดย Geneon โดยเพลง อะคา โนะ เซอิจาคุ เป็นเพลงปิดเพลงที่สองของอะนิเมะเรื่องเนตรเพลิงชานะจอนท์ (Joint) เป็นซิงเกิลที่ร้องโดย มามิ คาวาดะ วางจำหน่ายวันที่ 31 ตุลาคม 2007 ที่ญี่ปุ่น โดย Geneonโดยเพลง \"จอนท์\" เป็นเพลงเปิดเพลงแรกของอะนิเมะเรื่องเนตรเพลิงชานะ ภาค 2 และเพลง \"ไทรแองเกิล\" ในอัลบั้มนี้ก็ใช้เป็นเพลงปิดเพลงแรกของเรื่องนี้ด้วย",
"ดราม่า ซีดี ลัคกี้ ☆ สตาร์ () คือ ดราม่า ซีดี ของการ์ตูนเรื่อง \"ลัคกี้ ☆ สตาร์\" วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 24 สิงหาคม 2006 ใน ญี่ปุ่น.\nลัคกี้ ☆ สตาร์ ดราม่า ซีดี () คือ ดราม่า ซีดี ชุดที่ 2 ของการ์ตูนเรื่อง \"ลัคกี้ ☆ สตาร์\" วางจำหน่ายในวันที่ 27 สิงหาคม 2008อัลบั้มคาแร็คเตอร์ของ ลัคกี้ สตาร์ ทั้ง 12 อัลบั้มประกอบไปด้วย ซีดีคาแร็คเตอร์ 4 แผ่นแรกวางจำหน่ายในวันที่ 5 กันยายน 2007 ซึ่งร้องโดยนักพากย์ตัวละครหลักทั้ง 4 คนในแต่ละแผ่น อายะ ฮิราโนะ เป็น โคนาตะ, คาโต้ เอมิริ เป็น คางามิ, ฟุคุฮาระ คาโอริ เป็น สึคาสะ และ เอนโด อายะ เป็น มิยูกิ ต่อมาได้มีซีดีคาแร็คเตอร์ออกตามมาอีก 4 แผ่นในวันที่ 26 กันยายน 2007 ซึ่งร้องโดยนักพากย์ตัวละครรองอีก 4 คนในแต่ละตัวละคร ฮาเซงาวะ ชิซุกะ เป็น ยูทากะ, ชิฮาระ มิโนริ เป็น มินามิ, ชิมิซึ คาโอริ เป็น ฮิโยริ และ ซาซากิ โนโซมิ เป็น แพทริเซีย สำหรับซีดีคาแร็คเตอร์อีกสองแผ่นนั้นได้วางจำหน่ายในวันที่ 24 ตุลาคม 2007 แผ่นหนึ่งจะเป็น ดูเอท ของนักพากย์สองคนคือ มิซุฮาระ คาโอรุ เป็น คุซาคาเบะ มิซาโอะ และ ไอซาวะ ไม เป็น มิเนะงิชิ อายาโนะ และอีกแผ่นหนึ่งจะเป็น ทริโอ ของ อายะ ฮิราโนะ, ฮาเซงาวะ ชิซุกะ และ ชิฮาระ มิโนริ เป็น โคนาตะ, ยูทากะ และ มินามิ นอกจากนั้นยังมีซีดีคาแร็คเตอร์ดูเอทอีก 2 แผ่นวางจำหน่ายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2007 ซึ่งแผ่นแรกเป็นของ ฮิโรคาซุ ฮิระมัตสึ เป็น อิซึมิ โซจิโร่ และ สุมิ ชิมาโมโตะ เป็น อิซึมิ คานาตะ และอีกแผ่นจะเป็นของ นิชิฮาระ ซาโอริ เป็น นารุมิ ยุย และ มาเอดะ โคโนมิ เป็น คุโรอิ นานาโกะ",
"หมวดหมู่:การ์ตูนญี่ปุ่น หมวดหมู่:การ์ตูนญี่ปุ่นแนวโชเน็ง หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ญี่ปุ่น",
"เมื่อไดโกะกลับมามีกำลังใจในการทำงาน เหตุการณ์ต่างๆ ดูเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี เมื่อกรมดับเพลิงมีแผนขยายกำลังรับมืออุบัติภัย ซึ่งรวมถึงการซื้อเฮลิคอปเตอร์สำหรับดับเพลิงลำใหม่ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวหายไประหว่างทดสอบการบิน ทุกคนต่างอลหม่านกับการตามหาเฮลิคอปเตอร์ กระทั่งในท้ายที่สุดไดโกะก็เป็นผู้คนพบสิ่งที่ทุกคนตามหา",
"ซาดะฮารุ () เป็นตัวละครหลักในหนังสือการ์ตูนและภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องกินทามะ ผลงานของฮิเดอากิ โซราจิ \nซาดะฮารุเป็นอินุงามิ มีลักษณะสุนัขขนาดใหญ่และมีขนสีขาว เดิมมีมิโกะสองพี่น้องคือโมเนะและอาเนะเป็นเจ้าของ แต่เนื่องจากความที่ตัวมันมีขนาดใหญ่ทำให้สิ้นเปลืองค่าอาหารและค่าเลี้ยงดู อาเนะและโมเนะจึงได้ตัดสินใจนำซาดะฮารุไปทิ้งไว้ใต้บันไดทางขึ้นร้านกินจังรับจ้างสารพัด เพื่อให้คนของร้านรับจ้างสารพัดนำไปเลี้ยงดู คางุระซึ่งกำลังจะเข้าร้านได้พบซาดะฮารุที่ใต้บันไดจึงเกิดถูกใจจึงรับเลี้ยงดูในร้านรับจ้างสารพัด ตอนแรกกินโทกิไม่พอใจที่คางุระนำซาดะฮารุมาเลี้ยง แต่ภายหลังก็ยอมรับซาดะฮารุให้อาศัยในร้านรับจ้างสารพัดได้",
"สิงห์นักปั่น () เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นวาดโดย มาซาฮิโตะ โซดะ \nเป็นเรื่องของเด็กชายที่รักจักรยานเป็นชีวิตจิตใจ โนโนมูระ เทรุ ซึ่งเพิ่งได้รถจักรยานคันแรกในชีวิต แต่กลับต้องย้ายมาอยู่ \"เมืองแห่งเนิน\" ที่ไม่มีใครใช้จักรยาน แล้วจุดเริ่มต้นของตำนานก็เริ่มขึ้น ณ ที่แห่งนั้น โดยโนโนมูระได้พยายามขึ้น \"เนินที่2\" ซึ่งเป็นเนินที่สูงเป็นอันดับ 2 ของเมืองแห่งเนิน ตั้งแต่วันแรกที่มาถึง โดยในการขึ้นครั้งแรกนั้นเทรุไม่สามารถผ่านเนินที่2 ได้ และในวันถัดมาเทรุได้นำจักรยานคู่ใจไปหยอดน้ำมันที่ร้านจักรยานซึ่งมีเพียงร้านเดียวในเมืองแห่งเนิน และด้วยแรงกระตุ้นจากพี่สาว โนโนมูระ ซายูริเทรุก็สามารถพิชิตเนินที่ 2 ได้สำเร็จ หลังจากนั้นเทรุก็พิชิตได้ทุกเนินในเมืองแห่งเนิน ก่อนจบ ม.ต้น เทรุก็ได้พบว่ามีนักปั่จักรยานคนอื่นที่เร็วกว่าเขาในทางขึ้นเนิน นั่นคือยูตะ(คู่แข่งและเพื่อนสนิท)ที่มีจุดบกพร่องคือการขึ้นเนิน ก็ทำให้เทรุได้รู้ว่า โลกนี้มีเนินที่ใหญ่กว่าเนินที่หนึ่ง และได้ออกสู่โลกกว้าง",
"ในขณะที่ มาซามิ คุรุมาดะ กำลังวางเค้าโครงเนื้อเรื่องของผลงานเรื่องใหม่อยู่ เขาก็ได้พบภาพของ \"ฝนดาวตกสิงโต\" เข้า ฝนดาวตกจำนวนมหาศาลที่ตกลงมาจากท้องฟ้านั้น ดูคล้ายกับลักษณะของเซนต์มาก คุรุมาดะจึงคิดจะออกแบบให้ตัวเอกของเรื่องเป็นราศีสิงห์ แต่หลังจากได้ค้นข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม เขาก็พบกลุ่มดาวม้าบิน ซึ่งม้าบินหรือเพกาซัสที่กำลังอยู่ในท่าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ตรงกับภาพลักษณ์ของตัวเอกที่คุรุมาดะกำหนดเอาไว้เป็นอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจเลือกเพกาซัสให้เป็นกลุ่มดาวประจำตัวเอก และนำลักษณะของฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโต (Leonids) มาเป็นต้นแบบของท่าไม้ตายของตัวเอก แล้วคุรุมาดะก็ตั้งชื่อให้กับตัวเอกของเรื่องว่า \"เซย์ย่า\"[1]",
"ไทจิ ซาวาดะ มีผลงานเพลงร่วมกับวง ดีเมนเชีย เป็นแผ่นเสียงซิงเกิล ประกอบด้วยเพลง Brain Breaker และ Executioner ออกวางจำหน่ายในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1984 และแผ่นเสียงบันทึกการแสดงสด Dementia Live ! กับค่าย Rock House Explosion ออกวางจำหน่ายในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1985 ผลิตจำนวนจำกัด 1 พันแผ่น ก่อนที่จะขอแยกออกจากวงไปในเวลาต่อมา",
"ฮิโชคุ โนะ โซระ () เป็นซิงเกิลที่ร้องโดย มามิ คาวาดะ วางจำหน่ายวันที่ 9 พฤศจิกายน 2005 ที่ญี่ปุ่น โดย Geneon โดยเพลง ฮิโชคุ โนะ โซระ เป็นเพลงเปิดเพลงแรกของอะนิเมะเรื่องเนตรเพลิงชานะ",
"สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีสาขาภาษาญี่ปุ่นและวรรณกรรม คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยกากูชูอิง เมื่อ พ.ศ. 2535 ต่อมาทรงเป็นผู้ช่วยนักวิจัย (research associate) ของสถาบันปักษีวิทยายามาชินะ (Yamashina Institute for Ornithology) ซึ่งเธอได้รับการยอมรับว่ามีความเชี่ยวชาญการศึกษาเรื่องวงศ์นกกระเต็นน้อยเป็นอย่างยิ่ง ปี พ.ศ. 2541 เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักวิจัยประจำสถาบันดังกล่าว และมีผลงานวิชาการเกี่ยวกับนกและการศึกษาเรื่องอื่น ๆ ออกมา\n30 ธันวาคม พ.ศ. 2547 สำนักพระราชวังได้ประกาศแถลงการณ์ได้มีพิธีหมั้นระหว่างเจ้าหญิงซายาโกะกับโยชิกิ คูโรดะ (, ; 17 เมษายน พ.ศ. 2506) นักวางผังเมืองโตเกียว พระสหายคนสนิทของเจ้าชายฟูมิฮิโตะ เจ้าชายอากิชิโนะ พระราชพิธีเสกสมรสถูกจัดขึ้นในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ณ โรงแรมอิมพีเรียล กรุงโตเกียว เจ้าหญิงซายาโกะจำต้องลาออกจากฐานันดรศักดิ์เพื่อเสกสมรส ถือเป็นการเสกสมรสระหว่างเจ้านายกับสามัญชนที่มิได้สืบสันดานจากชนชั้นมูลนายในรอบ 40 ปี และถือเป็นเจ้านายพระองค์ที่หกที่ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์หลังมีการประกาศใช้กฎมนเทียรบาลเมื่อปี พ.ศ. 2490 โดยเจ้านายที่ทรงลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปก่อนหน้านี้คือเจ้าหญิงมาซาโกะแห่งมิกาซะ พระญาติกาของพระองค์ในปี พ.ศ. 2526",
"เจ้าหญิงโคโนเอะ โยชิโกะ (ญี่ปุ่น: 近衛温子) เป็นธิดาใน เจ้าชายฟูมิมาโระ โคโนเอะ และ เจ้าหญิงชิโยโกะ โคโนเอะ สมรสกับ โฮโซกาวะ โมริซาดะ ผู้นำตระกูลโฮโซคาว่า และไดเมียวแห่งคุมาโมโตะ ทั้งสองมีบุตร 1 คนคือ โฮโซกาวะ โมโรฮิโตะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนที่ 79",
"\"สิงห์ผจญเพลิง\" ได้รับการถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์การ์ตูน โดยมีชื่อเรื่องเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า เมกุมิ โนะ ไดโกะ (め組の大吾) และชื่อภาษาอังกฤษคือ ไฟร์ไฟเตอร์ ไดโกะ (Fire Fighter Daigo) เป็นภาพยนตร์ความยาว 45 นาที ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 โดยเนื้อหาในภาพยนตร์เล่าเรื่องตั้งแต่ไดโกะเพิ่งเข้าทำงานที่สถานีดับเพลิงหน่วยเมดากะฮามะ จนกระทั่งเหตุการณ์ขับรถดับเพลิงชนกำแพง",
"ผู้ผลิต ซันไรส์ ผู้จัดจำหน่าย โตโฮ ผู้กำกับ ซึสึมุ นิชิซาวา, Nishizawa Susumu (西澤 晋) กำกับภาพ ชิราอิ ฮิซาโอะ, Shirai Hisao (白井 久男) ดนตรีประกอบ ฮามากุจิ ชิโร, Hamaguchi Shiro (浜口 史郎) สกรีนเพลย์ อินาริ อากิฮิโกะ, Inari Akihiko (稲荷 昭彦)"
] |
เพศหญิงจะมีการตกไข่เดือนละกี่ครั้ง? | [
"ประจำเดือน (English: Menstruation) หรือมักนิยมเรียกกันว่า เมนส์ หรือ ระดู และ รอบเดือน เป็นเลือดที่เกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก มีฮอร์โมนสองชนิดคือ เอสโตรเจน และ โปรเจสเตอโรน (progesterone) ควบคุมการสร้างและหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งระดับฮอร์โมนทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กับการตกไข่จากรังไข่ โดยแต่ละรอบเดือนจะมีช่วงเวลาประมาณ 26-30 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทำให้ประจำเดือน เกิดขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง โดยมีรายงานว่า 80 เปอเซนต์ของผู้หญิงมีอาการแสดงก่อนจะมีประจำเดือน[1] มีอาการดังนี้ เจ็บบริเวณหน้าอก, ตัวบวม, เหนื่อยง่าย, ขี้หงุดหงิด และอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย[2]"
] | [
"การสืบพันธุ์ของมนุษย์เกิดขึ้นแบบปฏิสนธิภายในโดยการร่วมเพศ ในกระบวนการดังกล่าวองคชาตของเพศชายจะสอดใส่ในช่องคลอดของเพศหญิงจนกระทั่งเพศชายหลั่งน้ำอสุจิซึ่งประกอบด้วยอสุจิประมาณ 70 ล้านตัวเข้าไปในช่องคลอดของเพศหญิง อสุจิซึ่งเป็นเซลล์สืบพันธุ์เพศชายจำนวนมากจะเคลื่อนที่ผ่านช่องคลอดและปากมดลูกเข้าไปในมดลูกหรือท่อนำไข่เพื่อปฏิสนธิกับไข่ หลังการปฏิสนธิและฝังตัวจะเกิดการตั้งครรภ์ของทารกในครรภ์ขึ้นภายในมดลูกของเพศหญิงซึ่งใช้เวลาประมาณ 9 เดือน การตั้งครรภ์จะสิ้นสุดลงเมื่อทารกคลอด การคลอดนั้นต้องอาศัยการบีบตัวของกล้ามเนื้อมดลูก การเปิดออกของปากมดลูก แล้วทารกจึงจะผ่านออกมาทางช่องคลอดได้ ทารกนั้นจะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องอาศัยการดูแลจากผู้ปกครองเป็นเวลาหลายปี หนึ่งในการดูแลดังกล่าวคือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ซึ่งต้องอาศัยต่อมน้ำนมที่อยู่ภายในเต้านมของเพศหญิง",
"กินซากสัตว์เป็นอาหาร ทำรังในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ทำรังบนยอดไม้สูง เคยพบทำรังบนยอดต้นมะพร้าว วางไข่ครั้งละ 1 ฟอง ทั้งสองเพศช่วยกันทำรังและกกไข่ ",
"ใน พ.ศ. 2448 นักนรีเวชวิทยาชาวดัช Theodoor Hendrik van de Velde แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงตกไข่เพียงหนึ่งครั้งต่อรอบประจำเดือน ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 นักนรีเวชวิทยาชาวญี่ปุ่น Kyusaku Ogino และ Hermann Knaus ชาวออสเตรีย ต่างค้นพบว่าการตกไข่เกิดขึ้นประมาณ 14 วันก่อนประจำเดือนรอบต่อไป Ogino ใช้การค้นพบของเขาเพื่อพัฒนาสูตรสำหรับช่วยเหลือผู้หญิงที่มีลูกยาก โดยให้คำนวนเวลาในการมีเพศสัมพันธ์เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 แพทย์โรมันคาทอลิกจากเนเธอร์แลนด์ ใช้การค้พบนี้เพื่อสร้างวิธีเพื่อ\"หลีกเลี่ยง \"การตั้งครรภ์",
"ตัวผู้และตัวเมียคล้ายกัน มีขายาว คอยาว ปากใหญ่ส่วนกลางของปากห่างออกเพื่อคาบหอยโข่งซึ่งกลมลื่นได้ ขนตามตัวมีสีขาวมอ ๆ หางมีสีดำแกมน้ำเงิน ขนปลายปีกมีสีเหมือนและเป็นแถบสีดำ นกปากห่างมีลำตัวยาว 32 นิ้ว ชอบอยู่เป็นฝูง ทำรังบนต้นไม้ ทำรังด้วยเรียวไม้แบบนกยางหรือรังกา ออกไข่ครั้งละ 2-4 ฟอง ตัวผู้และตัวเมียจะผลัดกันกกไข่ ในการผสมพันธุ์ เวลาตัวผู้ขึ้นทับตัวเมียนั้น นกตัวผู้จะใช้เท้าจับขอบปีกหน้าของตัวเมียไว้แน่น ทั้งสองตัวจะกระพือปีกช่วยการทรงตัว ตัวผู้จะแกว่งปากของมันให้กระทบกับปากของตัวเมียอยู่ตลอดเวลาที่ทำการทับ ลูกนกเมื่อออกจากไข่ใหม่ ๆ จะไม่มีขน หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีขนปุยขาว ๆ คลุม อีกราวเกือบ 2 เดือนก็มีปีกหางแข็งแรงแล้วก็เริ่มหัดบิน ",
"นี่เป็นเรื่องที่อาจสัมพันธ์กับสมมติฐานการเปลี่ยนแปลงเหตุการตกไข่ (ovulatory shift hypothesis)[48] ที่อ้างว่า ผู้ชายปรับตัวให้ตอบสนองต่อวงจรการตกไข่ของหญิงโดยจะรู้ว่า เมื่อไรหญิงเจริญพันธุ์มากที่สุด และผู้หญิงจะสืบหาผู้ชายที่ชอบใจเมื่อถึงจุดที่เจริญพันธุ์มากที่สุด ซึ่งฮอร์โมนอาจเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรมของทั้งสอง ชายที่มีขีดเริ่มเปลี่ยนอารมณ์เพศต่ำกว่ามีโอกาสใส่ใจในเรื่องเพศสูงกว่า และเทสโทสเตอโรนอาจทำงานโดยเพิ่มความใส่ใจในสิ่งเร้าที่อยู่ในประเด็น[49]",
"เพศหญิง (♀) หรือเพศเมีย () คือเพศหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ที่ผลิตเซลล์สืบพันธุ์ที่เรียกว่า เซลล์ไข่ โดยเซลล์ไข่สามารถรวมกับเซลล์สืบพันธุ์ของเพศชายที่เรียกว่า อสุจิ เกิดขั้นตอนที่เรียกว่าการผสมพันธุ์ เพศหญิงไม่สามารถสืบพันธุ์ได้โดยปราศจากการเข้าถึงอสุจิของเพศชายอย่างน้อย 1 เซลล์ แต่สิ่งมีชีวิตบางอย่างสามารถสืบพันธุ์ได้โดยอาศัยการสืบพันธุ์หรือไม่อาศัยการสืบพันธุ์ แต่ละสปีชีส์ไม่ได้มีระบบทางเพศที่เหมือนกัน ในมนุษย์และในสัตว์ส่วนใหญ่ การสืบพันธุ์ถือเป็นกลไกทางพันธุกรรมแต่ในบางสปีชีส์แล้วสามารถเกิดในจากทางด้านสังคม สิ่งแวดล้อมและปัจจัยอื่น",
"ไก่ฟ้าสีทอง สามารถแยกแยะเพศออกได้เมื่อมีอายุ 3 เดือน ดูความแตกต่างที่วงแหวนของดวงตา ส่วนสีขนจะค่อย ๆ ขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งตัวเต็มวัย เฉลี่ยประมาณ 1.5-2 ปี จึงจะมีสีเหมือนกับไก่ตัวเต็มวัย โตเต็มวัยเมื่อมีอายุได้ 2 ปี ออกลูกในช่วงฤดูร้อนเพียงปีละครั้ง ช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม ออกไข่ครั้งละ 5-6 ฟอง ใช้เวลาฟักประมาณ 21-23 วัน",
"เพศชาย (♂) หรือเพศผู้ คือเพศหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ที่ผลิตเซลล์สืบพันธุ์ขนาดเล็กที่เรียกว่า อสุจิ โดยตัวอสุจิสามารถรวมกับเซลล์สืบพันธุ์ของเพศหญิงที่เรียกว่า เซลล์ไข่ เกิดขั้นตอนที่เรียกว่า การผสมพันธุ์ เพศชายไม่สามารถสืบพันธุ์ได้โดยปราศจากการเข้าถึงเซลล์ไข่ของเพศหญิงอย่างน้อย 1 เซลล์ แต่สิ่งมีชีวิตบางอย่างสามารถสืบพันธุ์ได้โดยอาศัยการสืบพันธุ์หรือไม่อาศัยการสืบพันธุ์ แต่ละสปีชีส์ไม่ได้มีระบบทางเพศที่เหมือนกัน ในมนุษย์และในสัตว์ส่วนใหญ่ การสืบพันธุ์ถือเป็นกลไกทางพันธุกรรมแต่ในบางสปีชีส์แล้วสามารถเกิดในจากทางด้านสังคม สิ่งแวดล้อมและปัจจัยอื่น",
"แฝดติดกัน () คือ แฝดร่วมไข่ซึ่งมีร่างกายติดกันมาแต่กำเนิด แฝดติดกันมีโอกาสในการเกิดตั้งแต่ 1 ใน 50,000 คน ถึง 1 ใน 200,000 คน โดยพบมากในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้และแอฟริกา ประมาณครึ่งหนึ่งของแฝดติดกันเสียชีวิตตั้งแต่ตอนคลอด และอีกส่วนหนึ่งรอดชีวิตจากการคลอดแต่มีความผิดปกติทางร่างกาย โอกาสรอดชีวิตโดยรวมของแฝดติดกันมีประมาณร้อยละ 25 ประมาณร้อยละ 70 - 75 ของแฝดติดกันเป็นเพศหญิง",
"ระดับเทสโทสเตอโรนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศของชาย จะขึ้นอยู่ว่าได้กลิ่นหญิงที่ตกไข่หรือหญิงที่ไม่ตกไข่ ชายที่ได้กลิ่นหญิงผู้กำลังตกไข่จะธำรงระดับเทสโทสเตอโรนสม่ำเสมอในระดับที่สูงกว่าชายที่ได้กลิ่นหญิงที่ไม่ตกไข่ ดังนั้น ทั้งระดับเทสโทสเตอโรนและอารมณ์เพศของชาย จะขึ้นอยู่กับวงจรทางฮอร์โมนของหญิง[47]",
"พบว่าหลินฮุ่ย มีอาการเป็นสัดเกิดขึ้น ทีมพี่เลี้ยงเริ่มสังเกตเห็นการบวมของอวัยวะเพศในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 และมีการบวมอย่างต่อเนื่องจนขยายขนาดชัดเจนว่าเป็นสีชมพู เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2556 จากนั้นก็เริ่มมีพฤติกรรมที่แสดงถึงการเป็นสัดคือ เดินวนไปมา กินอาหารลดลง ไม่สนใจแอปเปิ้ล แครอท และอาหารเสริม ทีมงานเริ่มพบพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงในวันที่ 23 - 24 กันยายน และเริ่มพบพฤติกรรมการร้องเสียงสูง ซึ่งมักพบในช่วงใกล้วันตกไข่เพิ่มด้วย และเมื่อตรวจดูฮอร์โมนเอสโตรเจนก็พบว่ามีค่าสูงขึ้น มีการเริ่มเอาอวัยวะเพศถูกับกำแพง ต้นไม้และขอนไม้ เพื่อให้แพนด้าช่วงช่วงสนใจ ดังนั้นทางทีมวิจัยคาดการว่าอาจจะตกไข่ในช่วงระหว่างวันที่ 28 - 30 กันยายน",
"มีคำสอนของเขาไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ถูกบันทึกลงในหนังสือดาเบสตาน-เอ มาซาเฮบความว่า: เขาห้ามการกินสุกรและเหล้า ขอพรต่อพระเจ้าทุกวัน วันละสามครั้ง โดยหันไปทางไหนก็ได้ ถือศีลอดตอนกลางคืนในช่วงเดือนรอมฎอน และไม่มีการขลิบปลายอวัยวะเพศ",
"ปลาฉลามหัวค้อนจะออกลูกเป็นตัว ตกคราวละ 4-37 ตัว โดยการผสมพันธุ์จะเกิดก่อนที่ตัวเมียจะตกไข่นานถึง 2 เดือน ปลาตัวเมียจะเก็บน้ำเชื้อของตัวผู้ไว้ในต่อมสร้างเปลือกไข่ ซึ่งไข่จะเจริญมาจากรังไข่ข้างขวาซึ่งจะทำหน้าที่เพียงข้างเดียว ตัวอ่อนในมดลูกจะได้รับอาหารและออกซิเจนจากถุงไข่แดงและพู่เหงือก ซึ่งจะหายไปเมื่อโตขึ้น",
"ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2554 มูลนิธิวิกิมีเดียเริ่มทำแบบสำรวจครึ่งปีวิกิมีเดีย ผลชี้ว่า 9% ของผู้แก้ไขวิกิพีเดียเป็นผู้หญิง และรายงานว่า \"ตรงข้ามกับมุมมองของบางคน ข้อมูลของพวกเราชี้ว่าผู้แก้ไขหญิงเพียงไม่กี่คนรู้สึกว่าพวกเขาถูกคุกคาม และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้สึกว่าวิกิพีเดียเป็นสิ่งแวดล้อมที่มีรูปแบบทางเพศ (sexualized environment)\" อย่างไรก็ตามบทความวิจัยใน International Symposium on Wikis and Open Collaboration ของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 พบหลักฐานที่เสนอว่าวิกิพีเดียอาจมี \"วัฒนธรรม\" ที่อาจต่อต้านการมีส่วนร่วมของผู้หญิง\"",
"ตัวให้จะเป็นแม่พันธุ์ที่คัดเลือกไว้ ซึ่งสัตว์บางประเภท เช่นโค กระบือ จะตกไข่ครั้งละ 1 ใบ แต่ถ้าต้องการให้ตกไข่มากขึ้น ก็ต้องใช้ฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่ให้สร้างไข่ได้มากกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้แม่พันธุ์มีไข่ตกมากกว่าครั้งละ 1 ใบ เมื่อแม่พันธุ์สามารถตกไข่ได้ครั้งละหลายใบ ก็จะมีโอกาสผสมเป็นตัวอ่อนได้หลายตัวในคราวเดียวกัน",
"1. สร้างไข่สุกเดือนละ 1 เซลล์ โดยมีการตกไข่ (Ovulation) ทุกๆ 28 วัน โดยเริ่มจากรังไข่ซ้ายก่อนแล้วสลับด้วยรังไข่ขวา ในเด็กหญิงแรกเกิดมีไข่ในรังไข่ ประมาณ 5 แสนเซลล์ แต่ไข่ที่สุกและสามารถตกไข่ได้ประมาณ 400 เซลล์ เท่านั้น ที่เหลือจะฝ่อไป",
"ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน โดยรังวางไข่ของนกเค้าจุด จะใช้โพรงธรรมชาติหรือโพรงที่สัตว์อื่นทำไว้ หรือรอยแตกรอยแยกในตึก, เจดีย์, ซอกหลังคาตามอาคารเป็นรัง อาจหาหญ้าหรือขนนกมารองพื้นรัง แต่ส่วนมากจะวางไข่กับพื้นเปล่าเลย วางไข่ครั้งละ3-5ฟอง ไข่มีลักษณะกลม ขนาด 37x27 มิลลิเมตร เปลือกไข่สีขาวเป็นมันเล็กน้อย นกทั้งสองเพศช่วยกันกกไข่ เช่นเดียวกับนกเค้าแมวชนิดอื่น ๆ นกเค้าจุดจะกกไข่ทันทีตั้งแต่วางไข่ฟองแรก ลูกนกในรังจึงมีขนาดแตกต่างกันมาก เพราะออกจากไข่ไม่พร้อมกัน ใช้เวลาเลี้ยงลูกนกประมาณ 35-40วัน ลูกนกจะสามารถออกมานอกรังได้ ",
"อาหารได้แก่ปลาชนิดต่าง ๆ ที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป โดยใช้ปากแทงทะลุตัวปลา จากนั้นจะชูหัวและลำคอขึ้นเหนือน้ำ โยนปลาขึ้นไปในอากาศพร้อมกับอ้าปากรับ แล้วกลืนเข้าไปทั้งตัว แต่ถ้าปลาตัวใหญ่เกินไปก็อาจจะนำขึ้นมากินบนกิ่งไม้ นกอ้ายงั่วผสมพันธุ์ในช่วงฤดูฝนหรือระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม ทำรังรวมกันเป็นกลุ่มตามต้นไม้สูง (ไม่ต่ำกว่า 20 เมตร) รังเป็นแบบง่าย ๆ ใช้กิ่งไม้มาวางซ้อนกันตามง่ามไม้ขนาดใหญ่ รังมีไข่ 3-5 ฟอง ทั้งสองคู่ผลัดกันฟักไข่ เนื่องจากนกอ้ายงั่ววางไข่ครั้งละไม่กี่ฟอง จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกศัตรูของนกอ้ายงั่ว เช่น งู, หนู และนกล่าเหยื่อ ชนิดต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง รวมทั้งการรบกวนของมนุษย์ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญอย่างยิ่งต่อการสูญพันธุ์",
"การผ่าตัดทำหมันหญิง หรือ การผูกท่อนำไข่ () เป็นหัตถการทางการแพทย์อย่างหนึ่ง ทำเพื่อให้สตรีเป็นหมัน โดยการทำให้ท่อนำไข่ตัน หรือขาดออกจากกัน ซึ่งจะทำให้ไข่ไม่สามารถจะได้รับการปฏิสนธิได้ ถือเป็นการคุมกำเนิดด้วยการทำหมันถาวรชนิดหนึ่ง หลังการทำหมันนี้ ผู้รับการผ่าตัดจะมีการสร้างฮอร์โมน ความต้องการทางเพศ และรอบเดือนเป็นปกติ\nการผูกท่อนำไข่ให้ประสิทธิภาพอยู่ที่ประมาณ 99% ในปีแรก ส่วนในปีหลังจากนั้นประสิทธิภาพจะลดลง เนื่องจากมีโอกาสที่ท่อนำไข่ที่ถูกตัดแล้วเกิดเชื่อมต่อกัน ได้เอง หรือท่อนำไข่ที่ตัดเกิดทำตัวเองให้เป็นรูขึ้นมาได้เอง ทำให้เกิดการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจได้ การตรวจหาว่าท่อนำไข่เกิดเชื่อมกันเองแล้วหรือไม่นั้นทำได้ยาก นอกจากจะเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วเท่านั้นจึงจะทราบ",
"เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่วิ่งได้เร็วมาก โดยจะอาศัยอยู่ในรูไม่โผล่หน้ามาให้เห็น พฤติกรรมในการเข้าออกรูสามารถนำไปพยากรณ์การตกของฝนได้ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น เพราะเป็นสัตว์ที่จะอาศัยอยู่ในที่แห้ง จึงไวต่อสภาพอากาศ ออกหากินเวลากลางวันที่มีอากาศแจ่มใสแดดไม่จัด ในช่วงแดดจัดจะพักผ่อนอยู่ในรู อาหารหลัก ได้แก่ แมลงชนิดต่าง ๆ อาศัยอยู่รูละตัวอาจจะอยู่ใกล้ ๆ กัน มีการผสมพันธุ์ในช่วงฤดูร้อนจนถึงฤดูฝน และวางไข่หมกดินครั้งละ 6-8 ฟอง ไข่มีลักษณะยาวรี สีขาว เปลือกเหนียวนิ่ม และเริ่มวางไข่ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อนประมาณ 5-6 วัน ลูกวัยอ่อนต้องพึงพาอาศัยแม่ในการเลี้ยงดู",
"เต่าบึงจุด เป็นเต่าขนาดเล็ก ขนาดโตเต็มที่ไม่เกิน 1 ฟุต มีลักษณะเด่น คือ ทั้งตัวและกระดองมีสีคล้ำเช่น สีดำ หรือสีน้ำตาลเข้ม ตามหัวลำตัวและกระดองมีจุดกลมสีเหลืองหรือสีขาวกระจายอยู่ทั่ว ขนาดของเพศผู้โตเต็มที่ไม่เกิน 11–12 นิ้ว และ เพศเมียมีขนาดเล็กกว่าเพศผู้ ขนาด 7–8 นิ้ว มีฤดูผสมพันธุ์ ปีละ 2 ครั้ง ในช่วงเดือนมกราคม และ เดือนกรกฎาคม ออกไข่ครั้งละ 6–10 ฟอง ระยะฟักไข่ 60–65 วัน อายุยืนประมาณ 15–20 ปี เป็นเต่าที่พบแพร่กระจายพันธุ์ในแหล่งน้ำจืดของอนุทวีปอินเดีย เช่น อินเดีย, บังกลาเทศ, ปากีสถาน\nเต่าบึงจุด เป็นเต่าที่นิยมเลี้ยงกันเป็นสัตว์เลี้ยง โดยเชื่อว่าทำให้ผู้เลี้ยงได้มีชีวิตที่ยืนยาว มีความอยู่เย็นเป็นสุข ทำให้มีสนนราคาซื้อขายที่แพงมาก โดยเต่าขนาดเล็กมีราคาประมาณ 4,000 บาท และเต่าขนาดใหญ่ถึง 10,000 บาท ",
"ส่วนใหญ่แล้วปะการังจะสืบพันธุ์แบบใช้เพศ โดยประมาณแล้วร้อยละ 25 จะเป็นปะการังที่สร้างแนวปะการังที่โคโลนีหนึ่งๆจะประกอบไปด้วยเพศเดี่ยว ส่วนที่เหลือจะเป็นโคโลนีชนิดที่มีสองเพศ[9]ประมาณร้อยละ 75 ของปะการังชนิดที่สร้างแนวปะการังที่ตัวอ่อนเกิดจากการปฏิสนธิภายนอกโคโลนีแม่ โดยการปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ (ไข่และสเปิร์ม) ออกไปสู่มวลน้ำทะเลแพร่กระจายไปได้ระยะทางไกล ๆ เมื่อเซลล์สืบพันธุ์หลอมรวมกันในระหว่างการปฏิสนธิจะเกิดเป็นตัวอ่อนขนาดจิ๋วที่เรียกว่าพลานูลาซึ่งปรกติแล้วจะเป็นรูปวงรีและมีสีชมพู ในปีหนึ่งๆโคโลนีของปะการังขนาดย่อมๆสามารถจะสร้างตัวอ่อนเหล่านี้ได้หลายพันตัวที่มากเพียงพอที่มีโอกาสจะเกิดเป็นโคโลนีใหม่เพิ่มขึ้นสักหนึ่งโคโลนี[10] ตัวอ่อนปะการังหนึ่ง ๆ จะว่ายน้ำไปหาแสงสว่างที่บริเวณผิวน้ำแล้วลอยไปตามกระแสน้ำและเจริญเติบโตในช่วงระยะเวลาหนึ่งจึงว่ายน้ำกลับลงไปหาพื้นผิวที่มันสามารถเกาะยึดและสร้างโคโลนีใหม่ได้ กระบวนการนี้มีหลายขั้นตอนและมีอัตราการล้มเหลวสูง กล่าวคือเซลล์สืบพันธุ์นับเป็นล้าน ๆ ที่โคโลนีหนึ่ง ๆ ปล่อยออกไปจะมีโอกาสรอดเกิดเป็นโคโลนีใหม่ ๆ ได้เพียง 2 หรือ 3 โคโลนีเท่านั้น ช่วงระยะเวลาตั้งแต่วางไข่ไปจนถึงเกิดเป็นโคโลนีใหม่นี้ปรกติแล้วจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 หรือ 3 วัน แต่ก็สามารถยาวนานออกไปได้ถึง 2 เดือนทีเดียว[11] ตัวอ่อนหนึ่งๆจะเจริญเติบโตอยู่ในโพลิฟแล้วท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นหัวปะการังโดยการแบ่งตัวเองแบบไม่ใช้เพศและเจริญเติบโตสร้างโพลิฟใหม่ ๆ ปะการังอีกกลุ่มหนึ่งจะเกิดการปฏิสนธิภายในโคโลนีแม่คือบรรดาปะการังทั้งหลายที่ไม่ใช่ปะการังหินชนิดที่สร้างแนวปะการัง ปะการังกลุ่มนี้จะปล่อยอสุจิไปทำการปฏิสนธิกับไข่ เจริญเติบโตใหญ่ขึ้นเป็นตัวอ่อนแล้วท้ายสุดก็ถูกปล่อยออกไปสร้างโคโลนีใหม่[7] ตัวอ่อนจะเจริญเติบโตในโพลิฟของปะการังแล้วเกิดเป็นหัวปะการังโดยการแบ่งตัวเองแบบไม่อาศัยเพศแล้วเติบโตด้วยการสร้างโพลิฟใหม่ๆ",
"2. สร้างฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโทรเจน ควบคุมลักษณะต่างๆ ของเพศหญิง เช่น การตกไข่ สะโพกผาย เสียงแหลม และ โปรเจสเตอโรน ทำหน้าที่กระตุ้นมดลูกให้เตรียมรับไข่",
"ในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 2006 เว็บไซต์อย่างยูทูบ ได้กลายเป็นเว็บไซต์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในเวิลด์ไวด์เว็บ ซึ่งมีวิดีทัศน์ที่ถูกอัปโหลดมากถึง 65,000 วิดีทัศน์ ในเดือนกรกฎาคม ยูทูบมีผู้เข้าชมเฉลี่ยแล้วได้ถึง 100 ล้านครั้งต่อวัน เว็บไวต์ยังติดอันดับที่ 15 ของเว็บไซต์ที่มียอดผู้เข้าชมเป็นอย่างมากที่สุดในโลก จัดอันดับโดย อเล็กสาร์ ซึ่งทำให้มีมายสเปกตกอันดับมา ยูทูบเป็นเว็ปไซต์ที่มีผู้เข้าชม 20 ล้านคนต่อเดือนตามการบันทึกของเนลสัน/เน็ตแรงติงก์ โดยแยกออกมาเป็นผู้ชมเพศหญิง ร้อยละ 44 และเพศชาย ร้อยละ 56 โดยอยู่ในช่วงอายุประมาณ 12-17 ปีที่เข้าเว็ปไซต์มากที่สุดในยูทูบ ความเด่นของยูทูบคือการตลาดที่เป็นรูปธรรม เว็ปไซต์ Hitwise.com ได้กล่าวว่า ยูทูบได้ทำการตลาดวิดีทัศน์ออนไลน์ในสหราชอาณาจักรถึง ร้อยละ 64",
"ความแตกต่างที่สำคัญทางกายภาพอีกอย่างหนึ่งทางเพศของมนุษย์ก็คือ การมีช่วงตกไข่ที่ซ่อนเร้นในเพศหญิง[106] คือมนุษย์เป็นเอปประเภทเดียวที่เพศหญิงตั้งครรภ์ได้ตลอดทั้งปี โดยไม่มีสัญญาณพิเศษที่แสดงออกทางร่างกาย (เช่นความบวมขึ้นของอวัยวะเพศเมื่ออยู่ในช่วงตกไข่) แม้ว่าจะมีงานวิจัยเร็ว ๆ นี้ที่แสดงว่า หญิงมักจะมักมีความคิดและอารมณ์ทางเพศเพิ่มขึ้นก่อนที่จะตกไข่[110]",
"หมึกทั้งสองเพศจะว่ายนน้ำคลอเคลียกันไปมา อาจะสลับเปลี่ยนสีลำตัวไปด้วยอย่างรวดเร็ว \nจากนั้นจะหันหน้ามาแนบชิดกันแล้วใช้หนวดโอบกอดสอดประสาน\nหมึกกระดองเพศผู้จะใช้หนวดยาวคู่พิเศษล้วงเอาถุงสเปิร์มในลำตัวสอดเข้าไป \nเก็บไว้ในลำตัวของหมึกเพศเมียเพื่อผสมกับไข่ หมึกกระดองจับคู่กันราว 1 สัปดาห์ \nหลังจากนั้นหมึกเพศเมียก็เริ่มวางไข่ โดยใช้หนวดนำไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจากภายในออกมาค่อยๆ\nบรรจงยื่นไปวางติดกับวัสดุใต้นเประเภทต่างๆ เช่น หินหรือปะการังหรือกัลปังหา \nจำนวนไข่ที่วางครั้งหนึ่งอาจมีมากถึง 900-2,700 ฟอง ซึ่งหมึกเพศเมียต้องใช้เวลายาวนานหลายวัน \nในขณะที่หมึกเพศผู้ก็จะว่ายคลอเคลียไม่จากไปไหน\nเพื่อคอยป้องกันภัยและป้องกันหมึกกระดองเพศผู้ตัวอื่นด้วยที่อาจมาชิงผสมพันธุ์กับเพศเมียตัดหน้า\nเมื่อวางไข่เสร็จแล้ว หมึกเพศเมียจะวนเวียนเฝ้าไข่อยู่แถวนั้น \nจนร่างกายอ่อนเพลียเรี่ยวแรงลดน้อยถอยลงไปทีละน้อยๆ น้ำหนักตัวจะค่อยๆ \nลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงแก่ความตายในที่สุด\nการแพร่กระจาย",
"สำหรับมนุษย์ เพศสภาพมีหน้าที่ทางสังคมที่สำคัญในการสร้างความใกล้ชิดทางกาย พันธะและลำดับชั้นระหว่างปัจเจกบุคคล นอกเหนือไปจากการประกันการสืบพันธุ์ทางชีววิทยา มนุษย์และลิงโบโนโบเป็นไพรเมตเพียงสองสปีชีส์ที่มีเพศสัมพันธ์นอกภาวะเจริญพันธุ์ตามช่วงเวลาของหญิงหรือตัวเมียบ่อยครั้ง และยังมักมีกิจกรรมทางเพศเพื่อความพึงพอใจและความสนุกสนานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งพบได้น้อยมากในสัตว์ชนิดอื่น ความสำคัญของเพศสภาพในมนุษย์สะท้อนออกมาในลักษณะทางกายภาพจำนวนหนึ่ง เช่น การซ่อนการตกไข่ วิวัฒนาการของถุงอัณฑะและองคชาตภายนอก ซึ่งมีการเสนอว่าเพื่อการแข่งขันของสเปิร์ม การขาดท่อนกระดูกในอวัยวะเพศ (baculum) ลักษณะทุติยภูมิทางเพศที่ถาวร และการก่อพันธะคู่ (pair bond) โดยยึดความดึงดูดทางเพศเป็นโครงสร้างสังคมพื้นฐาน มนุษย์หญิงไม่มีสัญญาณการตกไข่ที่ชัดเจนหรือสังเกตได้ ต่างจากไพรเมตอื่นที่แสดงการตกมัน (estrus) ผ่านสัญญาณที่สังเกตได้ บวกกับการมีความต้องการทางเพศนอกภาวะเจริญพันธุ์ตามช่วงเวลา การปรับตัวนี้บ่งชี้ว่า ความหมายของเพศสภาพในมนุษย์นั้นคล้ายคลึงกับที่พบในลิงโบโนโบ และพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์อันซับซ้อนมีประวัติศาสตร์วิวัฒนาการมาอย่างยาวนาน[107]",
"การสร้างเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียในสัตว์ (oogenesis) เป็นการสร้างเซลล์ไข่ เกิดในรังไข่ ซึ่งมีเซลล์เริ่มต้นเรียกprimary oocyte ซึ่งจะเพิ่มจำนวนตัวเองด้วยการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิส เมื่อเซลล์นี้เริ่มแบ่งตัวแบบไมโอซิส จะค้างอยู่ที่ระยะโพรเฟส I จนกระทั่งได้รับฮอร์โมน FSH จึงแบ่งตัวต่อจนสิ้นสุดไมโอซิส I ได้ 2 เซลล์ขนาดไม่เท่ากัน เซลล์ที่มีขนาดใหญ่เรียกว่า secondary oocyte เซลล์ที่มีขนาดเล็กเรียกว่า first polar body secondary oocyte จะแบ่งตัวต่อไปจนถึงระยะเมตาเฟส II แล้วค้างไว้จนกระทั่งตกไข่ เมื่อไข่ตกแล้วถ้าไม่ได้รับการผสม เซลล์ไข่จะฝ่อไป ถ้าได้รับการผสม secondary oocyteจะแบ่งตัวต่อจนสิ้นสุดไมโอซิส II ได้เซลล์ไข่กับ second polar body หลังจากนั้นเซลล์ไข่จะปฏิสนธิกับสเปิร์มได้ไซโกต",
"ร่างกายหญิงยังผ่านการเปลี่ยนแปลงเพื่อเตรียมการปฏิสนธิที่กำลังเกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มระยะมีประจำเดือนก่อนแล้ว รวมถึงการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนกระตุ้นถุงน้อย (follicle stimulating hormone) ซึ่งกระตุ้นการสร้างถุงน้อย และการสร้างเซลล์ไข่ตามลำดับ เพื่อให้ได้เซลล์ไข่ที่เจริญเต็มที่ หรือคือเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิง การปฏิสนธิคือเหตุการณ์ที่เซลล์ไข่รวมกับเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย คือ ตัวอสุจิ หลังจุดปฏิสนธิ ผลิตภัณฑ์ของเซลล์สืบพันธุ์เพศหญิงและชายที่รวมกันเรียก ไซโกตหรือไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว การรวมเซลล์สืบพันธุ์เพศชายและหญิงปกติเกิดขึ้นหลังการร่วมเพศ ซึ่งเป็นผลให้เกิดการตั้งครรภ์เกิดเอง แต่ยังเกิดได้จากเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ เช่น การใส่เชื้ออสุจิเทียมและการปฏิสนธินอกกาย ซึ่งอาจทำโดยเป็นทางเลือกสมัครใจหรือเนื่องจากเป็นหมัน",
"ระบบสืบพันธุ์ของโมโนทรีม ในเพศผู้จะมีลักษณะคล้ายของสัตว์ที่มีรกในครรภ์ มีข้อแตกต่างประการเดียว คือ โมโนทรีมไม่มีถุงอัณฑะ เพราะลูกอัณฑะฝังอยู่ในช่องท้อง บริเวณใกล้ไต ระบบสืบพันธุ์ของโมโนทรีมเพศเมียมีความแตกต่างจากของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีรกในครรภ์มาก โมโนทรีมมีรังไข่คล้ายของนกหรือสัตว์เลื้อยคลาน ในตุ่นปากเป็ดตัวเมีย แม้จะมีรังไข่สองข้าง แต่ทำงานได้เฉพาะข้างซ้ายข้างเดียว ซึ่งเป็นลักษณะที่คล้ายกับของนก ส่วนอีคิดนามีรังไข่ที่ทำงานได้ทั้งสองข้าง แต่โดยปกติจะผลิตไข่ออกมาแค่ครั้งละหนึ่งใบเท่านั้น ก่อนโมโนทรีมวางไข่ ไข่ของมันจะอยู่ในท้องแม่ระยะหนึ่งก่อน นานประมาณเกือบหนึ่งเดือน อีคิดนามีถุงหน้าท้องคล้ายของสัตว์จำพวกจิงโจ้ เพื่อใช้เป็นที่กกไข่และเลี้ยงพักเกิ้ล (puggle - ลูกอ่อนของโมโนทรีม) "
] |
พ.ศ. 2501 ใครดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ? | [
"พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (พ.ศ. 2489-2559) นายกรัฐมนตรี: จอมพลถนอม กิตติขจร (มกราคม-ตุลาคม)"
] | [
"จากนั้นตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 จนถึงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2502 คณะปฏิวัติได้มีประกาศคณะปฏิวัติออกมาทั้งหมด 57 ฉบับ มีสภาร่างรัฐธรรมนูญมาจากการแต่งตั้งไม่ใช่เลือกตั้ง มีการประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 ซึ่งมีเพียงสั้น ๆ 20 มาตราเท่านั้น ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2502 ก็มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเพียง 14 คนเท่านั้น โดยไม่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ",
"ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2501 พลโทถนอม กิตติขจร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของราชอาณาจักรไทย ตามมติสภาผู้แทนราษฎร",
"โชติ คุณะเกษม ได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 - 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ และพ้นจากตำแหน่งเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2502 นอกจากนี้ยังเคยได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร",
"รัฐประหาร 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 เกิดขึ้นหลังจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหารในปี พ.ศ. 2500 ล้มรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม แล้วได้มอบหมายให้พจน์ สารสิน เอกอัครราชทูตไทยประจำ สหรัฐอเมริกา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเพื่อจัดการเลือกตั้ง มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2500 ต่อมา วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2501 พลโท ถนอม กิตติขจร จึงขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี",
"ภายหลังกัมพูชาได้รับเอกราช เจ้านโรดมสีหนุ กษัตริย์กัมพูชาสละราชสมบัติเข้าสู่การเมือง ได้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และประกาศเรียกร้องให้ไทยคืนปราสาทพระวิหาร และไทยไม่ยอมรับ เจ้านโรดมประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501 และในปีต่อมา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2502 เจ้านโรดมสีหนุได้ฟ้องร้องต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือศาลโลก ให้ไทยคืนปราสาทพระวิหาร ฝ่ายไทยต่อสู้คดีโดยมี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช กับคณะรวม 13 คน เป็นทนายฝ่ายไทย และฝ่ายกัมพูชามีนายดีน แอจิสัน เนติบัณฑิตแห่งศาลสูงสุด อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เป็นหัวหน้าคณะ กับพวกอีกรวม 9 คน",
"จอมพลถนอม กิตติขจร ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลของจอมพล แปลก พิบูลสงคราม และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลของนายพจน์ สารสิน สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติให้จอมพลถนอมดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2501 แต่บริหารประเทศแค่ 9 เดือนเศษก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อจอมพลสฤษดิ์ ถึงแก่อสัญกรรม จอมพล ถนอม กิตติขจร ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงระยะเวลาที่จอมพล ถนอม กิตติขจร บริหารประเทศได้สร้างทางหลวงสายต่าง ๆ ทั่วประเทศหลายสาย สร้างเขื่อน อาทิ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนอุบลรัตน์ นอกจากนี้ท่านยังได้ทำการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยทัดเทียมกับนานาประเทศ และในปี พ.ศ. 2508 ได้ส่งทหารไปร่วมรบในสงครามเวียดนามด้วย",
"คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล แปลก พิบูลสงคราม ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กให้ จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน",
"เอก ยิ อึน (Ek Yi Oun) เกิดเมื่อ พ.ศ. 2453 เป็นนักการเมืองกัมพูชาที่สังกัดพรรคสังคม และได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาระหว่างวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2501 จนถึง 17 มกราคม พ.ศ. 2501 หลังจากที่ซิม วาร์ออกจากตำแหน่งเพราะปัญหาทางเศรษฐกิจ เขาดำรงตำแหน่งได้เพียง 6 วันเท่านั้น ผู้ดำรงต่อจากเขาคือเพ็ญ โนต ไม่ปรากฏว่าเขาเสียชีวิตเมื่อใด",
"ปี พ.ศ. 2537 ทักษิณเข้าสู่วงการเมืองสังกัดพรรคพลังธรรม โดยการชักนำของพลตรี จำลอง ศรีเมือง ต่อมาก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ในปี 2541 หลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 ซึ่งพรรคไทยรักไทยได้รับเสียงข้างมากในสภา จึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยแรก ทักษิณใช้หนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ก่อนกำหนดเดิม[3] และดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อลดความยากจนในชนบท โดยสามารถลดความยากจนได้ถึงครึ่งหนึ่งภายในสี่ปี[4][5] ริเริ่มระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นครั้งแรกของประเทศ[6] ตลอดจนการกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งทั้งหมดช่วยให้เขามีความนิยมอย่างสูง[7] ทักษิณเริ่มดำเนินโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนานใหญ่ รวมทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หนี้สาธารณะลดลงจากร้อยละ 57 ของจีดีพีในเดือนมกราคม 2544 เหลือร้อยละ 41 ในเดือนกันยายน 2549[8][9] รวมทั้งระดับการฉ้อราษฎร์บังหลวงลดลง โดยดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ เพิ่มขึ้นจาก 3.2 เป็น 3.8 ระหว่างปี 2544 และ 2549[10] ทักษิณดำรงตำแหน่งจนครบวาระสี่ปี เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งดำรงตำแหน่งจนครบวาระคนแรก และจากผลการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 ทำให้ทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง ด้วยคะแนนเสียงสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์[11][12]",
"เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2501 พระประกาศสหกรณ์ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสหกรณ์ในรัฐบาลพลโท ถนอม กิตติขจร และดำรงตำแหน่งต่อมาจนถึงรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2506 ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติเพิ่มอีกสองตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งไปเมื่อ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ถึงแก่อสัญกรรม ต่อมาในวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติในรัฐบาลพลเอก ถนอม กิตติขจร วันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2507 ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และพ้นจากตำแหน่งไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2512",
"นายมีชัย ได้รับการดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี ในระหว่างวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ถึง 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย และ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีนานที่สุดของประเทศไทย",
"พลตำรวจเอก นายกองใหญ่ ดร.ชิดชัย วรรณสถิตย์ (เกิด 13 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ที่จังหวัดอุบลราชธานี) อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี (คนที่ 1) สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งเนื่องจาก รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ในอดีตได้รับราชการเป็นรองผู้บัญชาการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2548 ได้รับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และยังเคยดำรงตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีด้วย\nพล.ต.อ.ชิดชัย เข้ารับตำแหน่งเมื่อ วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2548 เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อมาในวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2548 ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2548 ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549",
"นายกษิต ภิรมย์ เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศที่ได้รับความเชื่อถือจาก นายชวน หลีกภัย อย่างต่อเนื่อง\nปี 2537 นายกษิต ขณะดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ จาการ์ตาได้ต้อนรับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชิณวัตร ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หลังจากนั้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ได้ติดต่อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นทางการเมืองกับ\nนายกษิต จนกระทั่งมีความสนิทสนมคุ้นเคยกัน เมื่อพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2544 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจึงได้ให้นายกษิต ที่ขณะนั้นดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวงเพื่อไปช่วยราชการที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี\nต่อมาเมื่อพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการบริหารราชการที่แตกต่างจากที่ได้เคยหารือกันไว้ ได้สัมผัสกับวิธีคิดและวิธีทำงานของพ.ต.ท. ดร.ทักษิณ อย่างใกล้ชิด นายกษิต ภิรมย์ จึงเริ่มออกห่างจาก พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ และในเดือน พฤศจิกายน 2544 ได้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น",
"ประสิทธิ์ เคยดำรงตำแหน่งประธานสภาเทศบาลเมืองสงขลา ก่อนที่จะได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา และได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร รวม 2 สมัย และหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมสหภาพรัฐสภา ณ กรุงริโอเดอแจไนโร ประเทศบราซิล เมื่อปี พ.ศ. 2501 ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา เมื่อปี พ.ศ. 2511-2514 รวมทั้งได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (จอมพล ถนอม กิตติขจร) รวม 2 ครั้ง",
"จอมพลถนอม กิตติขจร เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 4 สมัย (รวมในสมัยเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติตัวเองด้วยเป็นสมัยที่ 3) สมัยแรกเป็นนายกในระยะเวลาสั้น ๆ หลังการรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ในปี พ.ศ. 2501 สมัยที่สองถึงสี่หลังจากจอมพลสฤษดิ์ถึงแก่อสัญกรรม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของจอมพลถนอมจึงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของเผด็จการทหาร ถึงแม้ว่า ได้รับพระราชทานปฐมจุลจอมเกล้า และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดีชั้นที่ 1 เสนางคบดี ซึ่งเปรียบเสมือนสายสะพายแห่งความกล้าหาญ พร้อมกันนี้ยังได้เครื่องราชอิสริยาภรณ์อีกกว่า 30 รายการ ซึ่งถือว่าเป็นการจบชีวิตของนายทหารยศจอมพลคนสุดท้ายของกองทัพไทย",
"25 มกราคม - มีการเปิดสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก อย่างเป็นทางการ 1 กุมภาพันธ์ – อียิปต์และซีเรียร่วมก่อตั้งสหสาธารณรัฐอาหรับ 6 กุมภาพันธ์ - เกิดเหตุโศกนาฏกรรมมิวนิก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 23 คน ซึ่ง 8 ใน 23 ของผู้เสียชีวิต เป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 27 มีนาคม – นิคีตา ครุชชอฟ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียต 12 พฤษภาคม – สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ก่อตั้งศูนย์บัญชาการนอแร็ด เพื่อป้องกันการโจมตีทวีปอเมริกาเหนือทางอากาศและอวกาศ 21 พฤษภาคม - เจ้าน้อยซอหยั่นต๊ะ ตั้งกลุ่มหนุ่มศึกหาญ ซึ่งเป็นกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่กลุ่มแรก 15 พฤษภาคม – สหภาพโซเวียตส่งยานสปุตนิก 3 ขึ้นสู่อวกาศ 18 พฤษภาคม – เครื่องบินขับไล่ F-104 Starfighter ทำสถิติโลกด้วยความเร็ว 1,404.19 ไมล์ต่อชั่วโมง 14 กรกฎาคม – การปฏิวัติอิรัก: กลุ่มผู้รักชาติแห่งอาหรับได้โค่นระบอบกษัตริย์ในประเทศอิรัก และอับดุล คาริม คัซเซ็มได้ขึ้นเป็นผู้นำอิรักคนใหม่ 1 สิงหาคม - รวมการไฟฟ้ากรุงเทพกับการไฟฟ้าหลวงสามเสนเข้าด้วยกันเป็น การไฟฟ้านครหลวง 20 ตุลาคม – รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2501: จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำการรัฐประหารอำนาจของ พล.ท.ถนอม กิตติขจร โดยตกลงไว้ล่วงหน้าก่อน",
"การดำเนินงานด้านวัฒนธรรมของชาติ มีการพัฒนาปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงมาหลายยุคสมัย รูปแบบของหน่วยงานเริ่มจากกองวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรมแห่งชาติและจัดตั้งเป็นกระทรวงวัฒนธรรมเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2495 โดยจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย ใน พ.ศ. 2501 เนื่องจากสภาวะผันแปรทางการเมือง กระทรวงวัฒนธรรมจึงถูกยุบเลิกตามพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม โดยโอนย้ายไปสังกัดกระทรวงศึกษาธิการและอื่นๆ",
"อัญชลี ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ในการเลือกตั้งโดยตรงเป็นครั้งแรกของประเทศไทย จนกระทั่งหมดวาระการดำรงตำแหน่ง จึงได้กลับเข้ามามีบทบาทในการเมืองระดับชาติอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2552 เธอได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง และต่อมาในปี พ.ศ. 2554 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แทน กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ที่ลาออก เธอนับเป็นสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรีของไทย",
"ในปี พ.ศ. 2501 ชื่น ระวิวรรณ ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ประจำกระทรวง ในรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร จนกระทั่งในเดือนเมษายนของปีเดียวกันถูกปรับไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ซึ่งมีนายวิบูลย์ ธรรมบุตร เป็นรัฐมนตรีว่าการฯ และสิ้นสุดลง เพราะนายกรัฐมนตรีกราบถวายบังคมลาออก เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 และในวันนั้นเองได้มีคณะปฏิวัติอันมี จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้า ทำการยึดอำนาจการปกครองประเทศ และสถาบันทั้งหลายอยู่ในความควบคุมของคณะปฏิวัติตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป",
"1 ปีผ่านไป ของการเป็นจักรพรรดิ พระองค์ได้รับคำแนะนำของเจ้าชายเฟลิกซ์แห่งชวาร์เซ็นเบิร์ก นายกรัฐมนตรีของออสเตรีย ซึ่งแนะนำให้พระองค์ทรงระมัดระวัง ที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทหารได้เข้าจับกุมชาวฮังการีกลุ่มหนึ่งซึ่งก่อการกบฏ โดยมุ่งหมายที่จะล้มล้างและโจมตีราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ทำให้พระองค์ทรงได้เผชิญหน้าทำสงครามกับสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์โล อัลเบอร์โตแห่งซาร์ดิเนีย ซึ่งทรงชวนฮังการีมาเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรซาร์ดิเนีย เมื่อจักรพรรดิทรงทราบ พระองค์จึงทรงทำสงครามกับซาร์ดิเนียในสมรภูมิคัสโตซ่า เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2392 ผลของสงครามครั้งนี้คือ ฝ่ายออสเตรียเป็นฝ่ายชนะ และกษัตริย์แห่งซาร์ดิเนียสิ้นพระชนม์ในสมรภูมิรบด้วย เมื่อเสร็จสิ้นสงครามแล้ว พระองค์ก็ยังทรงต้องสะสางปัญหาทั้งหมดในจักรวรรดิ คือ การปฏิวัติในฮังการีเมื่อปีค.ศ. 1848 ซึ่งชาวแม็กยาร์ (ฮังการี) ได้เรียกร้องเอกราชจากออสเตรีย พระองค์จึงทรงเจรจากับผู้นำปฏิวัติให้มั่นใจในระบอบการปกครองของพระองค์ ซึ่งผลจากการเจรจาก็คือ ฮังการียอมสลายการปฏิวัติและจงรักภักดีต่อพระองค์และพระราชวงศ์ แต่ปัญหาใหม่ก็มาคือ ปรัสเซียได้กีดกันออสเตรียไม่ให้ร่วมสมาชิกสหพันธรัฐเยอรมัน (German Ferderation) ซึ่งปรัสเซียเป็นผู้นำ ซึ่งการกีดกันไม่ให้ออสเตรียเป็นสมาชิกนี้ มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของออสเตรียและประเทศอื่นๆด้วย แต่ออสเตรียก็ยังเป็นสมาชิกสมาพันธรัฐเยอรมัน (German Confederation) โดยเมื่อพ.ศ. 2395 เจ้าชายชวาร์เซ็นเบิร์ก นายกรัฐมนตรีออสเตรียถึงแก่อสัญกรรม และไม่มีใครมาดำรงตำแหน่งแทน และไม่สามารถหาคนอื่นมาดำรงตำแหน่งแทนได้ พระองค์จึงทรงเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียเอง โดยต่อจากนี้ไปพระองค์จะทรงมีส่วนร่วมทางการเมืองทั้งหมด...",
"หลังจากจบการศึกษาในฝรั่งเศส นายร้อยโทแปลกได้กลับมารับราชการ ในปี พ.ศ. 2470 นายร้อยโทแปลกได้เดินทางกลับเข้าประเทศไทยและเข้าประจำสังกัดเดิมและได้รับเลื่อนยศเป็น \"ร้อยเอก\" ปีถัดมาย้ายไปดำรงตำแหน่ง \"หัวหน้ากองตรวจอากาศสำหรับใช้ทดลอง กรมจเรทหารปืนใหญ่\" เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พันตรี หลวงพิบูลสงครามได้เข้าร่วมกับคณะราษฎร ในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยเป็นกำลังสำคัญในสายทหารบก และเมื่อปี พ.ศ. 2477 ท่านได้เลื่อนยศเป็นพันเอก และดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก ครั้นเมื่อ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2481 ท่านได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต่อจากพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา โดยการลงมติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และในช่วงที่ดำรงตำแหน่งก็ได้เลื่อนยศเป็นพลตรี และเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 ภายหลังจากที่กองทัพไทยมีชัยชนะต่ออินโดจีนฝรั่งเศส คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล) ได้ประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ แก่พลตรีหลวงพิบูลสงคราม[1] ในเวลาต่อมาเมื่อรัฐบาลจะยกเลิกบรรดาศักดิ์ไทย หลวงพิบูลสงครามในฐานะนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีชุดที่ 9 จึงลาออกจากบรรดาศักดิ์ โดยหลวงพิบูลสงครามเลือกใช้ราชทินนามเป็นนามสกุล ใช้ว่า จอมพลแปลก พิบูลสงคราม[6] ต่อมาหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้ว จอมพล ป. เริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเป็นแกนนำในการรัฐประหาร 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 และเป็นผู้บัญชาการกองกำลังผสม ในการปราบกบฏบวรเดช เมื่อปี พ.ศ. 2476 จนได้รับความไว้วางใจ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายกรัฐมนตรีไทยในเวลาต่อมา",
"ภายหลังการรัฐประหาร พ.ศ. 2501 และจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รัฐบาลได้พยายามที่จะปฏิรูประบบการบริหารนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการคลัง",
"การจัดตั้งรัฐบาล จอมพล สฤษดิ์ ได้แนะนำให้ พลโท ถนอม กิตติขจร รองหัวหน้าพรรคพรรคชาติสังคม ร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ๆ จัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา โดย พลโท ถนอม กิตติขจร ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งแรก ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2501 โดยมีบุคคลสำคัญบางคนที่ได้รับตำแหน่งในรัฐบาลชุดนี้ ได้แก่ พลโท ประภาส จารุเสถียร เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ",
"ในช่วงพระองค์ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรียาวนานจนถึงประมุขแห่งรัฐช่วงแรก เพื่อนโยบายชาตินิยมและคะแนนเสียงของพระองค์ จึงได้มียกประเด็นกรณีพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก รอยต่อของจังหวัดพระวิหาร และจังหวัดศรีสะเกษของไทย กัมพูชาได้ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (หรือ ศาลโลก) อ้างกรรมสิทธิเหนือเขาพระวิหารเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2502 และศาลโลกได้ตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา\nระหว่างนั้น กัมพูชาได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูตของไทย ในปลายปี พ.ศ. 2501 แต่เมื่อต้นปี พ.ศ. 2502 ก็กลับมามีความสัมพันธ์กันใหม่ ก่อนที่จะตัดความสัมพันธ์อีกครั้งในวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2504",
"นอกจากนี้ นายอิศรา ได้รับเลือกให้เป็น นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน (พ.ศ. 2499, พ.ศ. 2500 และ พ.ศ. 2501) และยังเป็นผู้ริเริ่มเปลี่ยนแปลงการจัดหน้าหนังสือพิมพ์ จากหน้าละ 7 คอลัมน์ เป็น 8 คอลัมน์ อีกด้วย\nเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2512 สมาคมหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย, สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย และ สมาคมหนังข่าวแห่งประเทศไทย ได้ประชุมร่วมกัน และมีมติให้จัดตั้ง “มูลนิธิ อิศรา อมันตกุล” เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่นายอิศรา จดทะเบียนก่อตั้ง เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 โดยมี นายสนิท เอกชัย เป็นประธานมูลนิธิฯ คนแรก",
"ในปี พ.ศ. 2517 พลเอกชาติชาย ได้ร่วมกับ พลตรีประมาณ อดิเรกสาร ผู้มีศักดิ์เป็นพี่เขย และ พลตรีศิริ สิริโยธิน ก่อตั้ง พรรคชาติไทย ขึ้น โดยมี พลตรีประมาณ อดิเรกสาร เป็นหัวหน้าพรรค และต่อมาในปี พ.ศ. 2529 พลเอกชาติชายขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 2 สามารถนำพรรคชาติไทย ชนะการเลือกตั้งได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งในปี พ.ศ. 2531 ในชั้นต้นมีการทาบทาม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ต่อเป็นสมัยที่ 4 แต่พลเอกเปรมปฏิเสธ และประกาศวางมือทางการเมือง พลเอกชาติชายจึงได้รับการสนับสนุน ให้ดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ 17 ของประเทศไทย",
"แกนนำของพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งมาเป็นลำดับแรก 5 พรรคประกอบไปด้วย ชาติไทย , กิจสังคม , ประชาธิปัตย์ , รวมไทย และ ประชากรไทย ได้หารือกันถึงการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งหมดมีความเห็นตรงกันว่า พล.อ.เปรม มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ จึงเข้าพบกับ พล.อ.เปรม ถึงบ้านสี่เสาเทเวศร์ ซึ่งเป็นบ้านพัก ในเวลาค่ำของวันที่ 27 กรกฎาคม แต่ พล.อ.เปรมได้ปฏิเสธที่จะดำรงตำแหน่งต่อ โดยให้เหตุผลว่า ระยะเวลารวมทั้งหมด 8 ปี 5 เดือน ที่ตนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นเพียงพอแล้ว อีกทั้งบ้านเมืองก็มีเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจในระดับที่น่าพึงพอใจ พล.อ.ชาติชาย ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด จึงขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศไทย โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ปีเดียวกัน และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ปีเดียวกัน",
"เมื่อเดินทางถึงประเทศไทยชาตรีได้เข้าทำงานที่บริษัท เอเชียทรัสต์ เมื่อ พ.ศ. 2501 และเข้าทำงานที่ธนาคารกรุงเทพเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2502 โดยเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนที่ 4 ของธนาคารกรุงเทพสืบต่อจากนาย บุญชู โรจนเสถียร เมื่อ พ.ศ. 2523 โดยดำรงตำแหน่งนี้นานถึง 12 ปีก่อนจะส่งต่อตำแหน่งให้กับนาย ชาติศิริ โสภณพนิช ผู้เป็นบุตรชายคนโตเมื่อ พ.ศ. 2535 และได้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานและประธานกรรมการเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันนอกจากนี้นายชาตรียังได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ",
"ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยที่มีอายุน้อยที่สุด (จนถึงปัจจุบัน) โดยดำรงตำแหน่งในครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 40 ปี 4 เดือน 17 วัน นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีอายุมากที่สุด (ในช่วงเวลานั้น) โดยดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2519 ด้วยอายุถึง 71 ปี 3 เดือน 25 วัน เป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวาระที่มีช่วงเวลาห่างกันนานที่สุด คือ 30 ปี ระหว่างการดำรงตำแหน่งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2488 และดำรงตำแหน่งครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2518 เป็นผู้นำคณะรัฐบาลที่มีอายุรัฐบาลสั้นที่สุด คือ 11 วัน ในคณะรัฐมนตรีคณะที่ 38 ระหว่างวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2519 จนถึงวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 คณะรัฐมนตรีคณะที่ 35 ที่มี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยังเป็นคณะรัฐมนตรีคณะแรกและคณะเดียวจนถึงปัจจุบันนี้ ที่ต้องลาออกเพราะไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎรในการแถลงนโยบาย เป็นพลเรือนคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม[2] เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรคนแรกอย่างเป็นทางการ",
"หลังจากที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม เปลี่ยนชื่อประเทศจากสยามเป็นไทย ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายทวี บุณยเกตุ ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2488 ให้เรียกชื่อประเทศว่า สยาม เช่นเดิม แต่เมื่อจอมพล ป. กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2490 จึงได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ประเทศไทย อีกครั้ง และใช้ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน"
] |
เตียงนางไม้ เป็นละครโทรทัศน์ไทย ที่ออกอากาศครั้งแรกเมื่อใด ? | [
"เตียงนางไม้ เป็นละครโทรทัศน์ไทย แนว โรแมนติก-คอมเมดี-แฟนตาซี-ดราม่า สร้างโดย บริษัท รักละคร จำกัด โดยผู้จัด พลังธรรม กล่อมทองสุข สร้างจากบทประพันธ์โดย เจิด จินตนา, บทโทรทัศน์ พลพล พงษ์แพทย์ กำกับการแสดงโดย ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ นำแสดงโดย ฐากูร การทิพย์,อิษยา ฮอสุวรรณ,เชตชวิน ชูประทุม, ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์ ,เบญจวรรณ อาร์ดเนอร์, ยิ่งยง ยอดบัวงาม, ดีใจ ดีดีดี และนักแสดงอืนๆอีกมากมาย เริ่มออกอากาศตอนแรกวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2560-10 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ต่อจากละคร นาคี ซึ่งช่อง 3 นำมารีรัน [1] [2] [3] [4] [5]"
] | [
"ทศกัณฐ์ () เป็นละครโทรทัศน์อินเดียที่กล่าวถึงประวัติของพญาทศกัณฐ์ ออกอากาศทางช่อง Zee TV ในอินเดีย ต่อมาสหมงคลฟิล์มได้ซื้อลิขสิทธิ์ แล้วก็นำมาออกอากาศทางช่อง มงคลแชนแนล ในประเทศไทย โดยมีทีมพากย์พันธมิตรใให้เสียงพากย์ภาษาไทย นำแสดงโดย นาเรนดร้า จา, ปาราส ออโรรา รับบทเป็น พญาทศกัณฐ์ ซึ่งละครเรื่องนี้ออกอากาศต่อจากละครโทรทัศน์เรื่อง พระศิวะ ที่อวสานลงไป",
"นางไม้สาวประจำต้นสักทอง อายุ 500 ปี อดีตเป็นนางไม้สาวสวยดาวเด่นประจำป่า มีหน้าที่ปกปักรักษาต้นสักทองซึ่งเป็นที่อาศัยของเธอ และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ คุ้มครองสัตว์ป่า ให้ปลอดภัยจากอันตราย วนากลัวไฟเป็นที่สุดเพราะไฟสามารถทำลายทุกอย่างได้ในพริบตาเดียว เธอไม่สามารถอ่านใจผู้อื่นและไม่สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ วนาจำต้องย้ายมาอาศัยอยู่ในเตียงไม้เพราะไม้สักทองที่อยู่ของเธอ ถูกตัดและแปรรูปเป็นเตียงหลังนี้ วนาเป็นนางไม้ที่สดใสร่าเริง ขี้เล่น รักสนุก ชอบแกล้ง เธอเป็นคนรักความถูกต้อง ทนเห็นคนทำลายธรรมชาติและรังแกสัตว์ไม่ได้ ด้วยเหตุที่มีหน้าที่รักษาต้นไม้และสัตว์ป่า วนาจึงชอบช่วยเหลือผู้อื่น ใจดี มีเมตตาเคยชินกับการสอนและให้ข้อคิดกับทุกคน และด้วยเหตุที่ไม่เคยชินกับสังคมมนุษย์มาก่อน วนาจึงเป็นคนซื่อ ไร้เดียงสา อ่อนต่อโลก อยากรู้อยากเห็น สนใจใฝ่รู้ทุกสิ่งที่เป็นของแปลกใหม่สำหรับเธอ วนายึดมั่นในกฎของนางไม้ที่ต้องมีหัวใจบริสุทธิ์ ห้ามมีความรัก วนาจึงไม่เคยมีประสบการณ์ความรักระหว่างเพศมาก่อนเลย วนาปรารถนาให้มนุษย์เลิกเบียดเบียนชีวิตสัตว์ และช่วยกันดูแลป่าไม้ให้สมบูรณ์ วนาเป็นตัวแทน ของคนที่มีความรักบริสุทธิ์ ปรารถนาดีต่อคนรักอย่างแท้จริง",
"นาคิน (อังกฤษ: Naagin) เป็นละครโทรทัศน์อินเดียที่ออกอากาศทางช่อง Colour TV ในอินเดีย ต่อมา ช่อง 3 ได้ซื้อลิขสิทธิ์จากบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) (JKN Global Media Public Company Limited) แล้วก็นำมาออกอากาศทางช่อง ช่อง 3 ในประเทศไทย นำแสดงโดย คินชุก มาฮาจาน, โมนี รอย ซึ่งละครเรื่องนี้ออกอากาศต่อจากละครโทรทัศน์เรื่อง บูเช็คเทียน ที่ย้ายเวลาออกอากาศไป และเมื่อละครเรื่องนี้จบลง ละครเรื่องต่อไปที่ออกอากาศต่อคือ มหากาลี เทวีพิทักษ์โลก",
"เรื่องราวเกิดขึ้นในสมัย สงคราม จีน-อยุธยา ใน พ.ศ. 2101 - พ.ศ. 2102 เป็นการขัดแย้งระหว่างราชวงศ์สุพรรณภูมิ กับราชวงศ์หมิง เมื่อนักการทูตอยุธยาไปถวายเครื่องราชบรรณาการแก่จักรพรรดิเจิ้งถง เมื่อกำลังเดินทางไปได้มีกลุ่มโจรกลุ่มหนึ่งดักปล้นระหว่างทาง ซึ่งในนั้นมี เจ้าชายของราชวงศ์หมิงอยู่ด้วย จึงทำให้เสียขบวน และทำให้พระองค์ท่านสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูจักรพรรดิเจิ้งถง พระองค์ทรงกริ้วมาก จึงได้ส่งเรื่องไปถึงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิด้วยข้อเรียกร้อง 2 ประการคือ 1.ฝ่ายอยุธยาจะต้องจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายเป็นเงิน 1,000,000 หยวน (3,000,000 บาทในปัจจุบัน) 2.หรืออยุธยาจะยอมยกเมืองเชียงรายให้แก่จีน ซึ่งสมเด็จพระมหาจักรพรรดิปฏิเสธทั้ง 2 ข้อ โดนให้เหตุผลว่าอยุธยาไม่เป็นฝ่ายผิด เพราะการปล้นครั้งนี้เกิดขึ้นในดินแดนมณฑลยูนนานของจีน จึงทำให้วันที่ 21 เมษยน พ.ศ2101 ราชวงศ์หมิงจึงประกาศสงครามใน อาณาจักรอยุธยา ผลก็คือฝ่ายอยุธยาไม่สามารถต้านทานกองทัพราชวงศ์หมิงได้ จึงแลกเปลี่ยนเชลยศึกของกันและกัน และ กล้า คือหนึ่งในทหารที่เป็นเชลย กล้าจึงจำต้องเอาตัวรอดออกมาให้ได้\nตั้งแต่วันที่ 2 - 3 , 9 - 10 , 16 - 17 , 23 - 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ทางสถานีมีความจำเป็นที่จะต้องงดการออกอากาศละครเรื่องเงาอาถรรพ์ออกไปในช่วงวันดังกล่าว เนื่องมาจากตลอดทั้งเดือนตุลาคมทางสถานีได้รับคำสั่งให้งดการออกอากาศละครโทรทัศน์หรือรายการโทรทัศน์ที่สื่อถึงความบันเทิงรื่นเริงใจเนื่องมาจากงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี) ที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 25 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ซึ่งได้รับคำสั่งและแนวทางในการออกอากาศรายการโทรทัศน์รวมไปถึงสื่อโฆษณาต่างๆ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ไทยทุกสถานี จากสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) โดยกำหนดการออกอากาศละครเรื่องนี้จะกลับมาออกอากาศตามปกติในวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป โดยช่อง 8 จะนำละครเรื่องเชลยศึก (ละครโทรทัศน์ไทย) มารีรันออกอากาศแทน ถึงวันที่ 1-12 ตุลาคม พ.ศ. 2560 ออกอากาศทุกวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 18.50 น. แทนละครเรื่องเงาอาถรรพ์ และ ละครเรื่องใจลวง",
"หมายเหตุ : เรียงตามลำดับตามตัวอักษรพยัญชนะไทย บางละครอาจมีการเปลี่ยนแปลงตัวนักแสดงได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของบทบาทและตัวผู้แสดง และจะปรากฏชื่อนักแสดงในรายชื่อนี้เพียงบทสำคัญ และในกรณีที่เป็นละครโทรทัศน์ในรูปแบบละครชุด ถ้าเรื่องใดได้มีการออกอากาศแล้ว จะคงเหลือเพียงชื่อเรื่องที่ยังไม่ได้ออกอากาศ",
"หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทย หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่อง 3 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2559 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ไทยที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2559 หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทยที่ออกอากาศตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559",
"หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทย หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทยที่ออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560 หมวดหมู่:ละครชุด หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่องจีเอ็มเอ็ม 25 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2559 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560",
"นาคิน () เป็นละครโทรทัศน์อินเดียที่ออกอากาศทางช่อง Zee TV ในอินเดีย ต่อมาสหมงคลฟิล์มได้ซื้อลิขสิทธิ์ แล้วก็นำมาออกอากาศทางช่อง มงคลแชนแนล ในประเทศไทย โดยมีทีมพากย์พันธมิตรให้เสียงพากย์ภาษาไทย นำแสดงโดย ซาชิน ชอร์ฟฟ, ซายันตานี โกช ซึ่งละครเรื่องนี้ออกอากาศต่อจากละครโทรทัศน์เรื่อง ทศกัณฐ์ ที่อวสานลงไป",
"หลังจากที่ประเทศไทยเปิดสถานีช่อง 4 บางขุนพรหม ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์แห่งแรก หลังจากนั้น 2 เดือนจึงมีละครโทรทัศน์เรื่องแรก คือ เรื่อง สุริยานีไม่ยอมแต่งงาน ของนายรำคาญ (ประหยัด ศ. นาคะนาท) นำแสดงโดย หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ โชติ สโมสร และ นวลละออ ทองเนื้อดี [1] ออกอากาศเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2499 ละครโทรทัศน์ในยุคนี้เป็นการแสดงสด ส่วนละครพูดที่แต่งขึ้นใหม่สำหรับแสดงทางโทรทัศน์โดยเฉพาะ เป็นละครสั้นจบในตอน เนื่องจากห้องส่ง (สตูดิโอ) มีขนาดเล็ก จึงจำเป็นต้องใช้ฉากจำกัด นอกจากนี้นักแสดงยังจำบทละครไม่ได้ จึงต้องมีการบอกบทขณะแสดงด้วย ในปีแรก ๆ มีละครโทรทัศน์เพียง 6 เรื่อง อีก 5 เรื่องได้แก่ กระสุนอาฆาต (ออกอากาศเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2499) ,ดึกเสียแล้ว (ออกอากาศเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2499), น้ำสาบาน (ออกอากาศเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2499), ศัตรูลับของสลยา (ออกอากาศเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2499) และ ง่ายนิดเดียว (ออกอากาศเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2499)[2]",
"หมวดหมู่:งานเขียนของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช หมวดหมู่:วรรณกรรมในปี พ.ศ. 2496 หมวดหมู่:นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ หมวดหมู่:นวนิยายไทย หมวดหมู่:หนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน หมวดหมู่:วรรณกรรมที่สร้างเป็นละครโทรทัศน์ หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทย หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่อง 3 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่อง 5 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่อง 9-โมเดิร์นไนน์ทีวี หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่องพีพีทีวี หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2504 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2517 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2523 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2534 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2546 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2559",
"ระย้า เป็นละครโทรทัศน์จากภาพยนตร์แนวแอ็คชั่น-ดราม่า บทประพันธ์ของ สด กูรมะโรหิต บทโทรทัศน์โดย ทรนง ศรีเชื้อ กำกับการแสดงโดย ฉลอง ภักดีวิจิตร ผลิตโดย บริษัท บางกอก ออดิโอ วิชั่น จำกัด ออกอากาศทุกวันศุกร์–อาทิตย์ เวลา 20.30 - 22.15 น. ทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 นำแสดงโดย พีท ทองเจือ, กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ และนักแสดงชั้นนำอีกมากมาย เริ่มตอนแรกวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2541–18 เมษายน พ.ศ. 2541 ละครสามารถทำเรตติ้งสูงถึง 25 ซึ่งไม่เคยมีละครแอ็กชั่นเรื่องใดทำได้สูงเท่านี้มาก่อนและครั้งที่2กำกับการแสดงบุญจิรา ภักดีวิจิตรผลิตโดยบริษัท อาหลองนิวไลน์ จำกัดสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3",
"หมวดหมู่:ภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ไทย หมวดหมู่:ละครชุด หมวดหมู่:รายชื่อรายการที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทยที่ออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560 หมวดหมู่:ละครที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2560",
"หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทย หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทยที่ออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560 หมวดหมู่:ซิตคอมไทย หมวดหมู่:ละครที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2560 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่องวัน หมวดหมู่:เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ไทยที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2559 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่ยุติการออกอากาศในปี พ.ศ. 2560",
"อนึ่ง นอกจากจะมีละครไทย ที่ช่อง 8 ผลิตแล้ว ช่อง 8 ยังมีละครชุดจากต่างประเทศ มาออกอากาศเพิ่ม เมื่อเดือนตุลาคม 2557 ในส่วนของละครชุดจากเกาหลี ช่อง 8 ได้เริ่มออกอากาศละครชุดจากเกาหลี เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม 2559 จนถึงปัจจุบัน ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2559 ช่อง 8 เริ่มนำละครชุดจากเกาหลีเรื่องแรก มาออกอากาศพร้อมกันกับประเทศเกาหลีใต้ ในเรื่อง Uncontrollably Fond หยุดหัวใจไว้ลุ้นรัก นับเป็นประวัติศาสตร์วงการละครชุดจากเกาหลีในประเทศไทย ที่ออกอากาศครั้งแรก พร้อมกันกับประเทศเกาหลีใต้ ออกอากาศ วันศุกร์ - วันอาทิตย์ เวลา 09.00 - 10.00 น.",
"ปัจจุบันคลาวเดีย ได้สมรสแล้วกับอรรคพร วิจิตรานนท์ โดยได้รับพระราชทานน้ำสังข์จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2549 และได้เข้าสู่ประตูวิวาห์เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม โดยได้ทำพิธีหมั้นหมายกันไปในช่วงเช้า ควบด้วยจัดงานเลี้ยงฉลองสมรสพระราชทานในตอนค่ำ ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ โรงแรมพลาซ่าแอทธินี โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุทรงมาเป็นประธานพิธีมงคลสมรสพระราชทานครั้งนี้ แต่หลังจากแต่งงานได้ 3 ปีกว่าก็หย่าร้างกันละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3\nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5\nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7\nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางทรูโฟร์ยู\nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางจีเอ็มเอ็ม 25\nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางพีพีทีวี\nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางช่องไอทีวี\nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางช่องไลน์ทีวี",
"อิษยา ฮอสุวรรณ รับบท วนา/นางไม้วนา",
"\"สำหรับรายชื่อละครโทรทัศน์ของสถานีฯในยุคปัจจุบัน ดูรายละเอียดที่ รายชื่อละครโทรทัศน์ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (หรือ รายชื่อรายการที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส#ละครไทยพีบีเอส)\"\nไอทีวี เป็นสถานีโทรทัศน์ที่มีรายการต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงละครที่มีมากมายหลายเรื่องและหลายช่วงเวลา โดยส่วนใหญ่จะเป็นละครจากต่างประเทศ แต่ทางสถานีก็ได้มีนโยบายที่จะผลิตละครไทยออกมาภายใต้ชื่อโครงการ ละครไทยไอทีวี โดยเริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2544 และยังได้มีการจัดตั้งทีมงานดูแลและส่งเสริมการออกอากาศละครทางสถานีฯในชื่อ\"ทีมงานละครไทย ไอทีวี\" จนกระทั่งถึงเมื่อต้นปี 2551(ยุคของ สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี) นอกจากนี้ตั้งแต่ปี 2546 ยังได้เพิ่มช่วง ละครเด็ด11โมง โดยเป็นการนำละครที่เคยออกอากาศไปแล้วนำกลับมาออกอากาศใหม่อีกครั้ง",
"ทั้งนี้ ได้ออกอากาศกลับมาอีกครั้งหนึ่งทางสถานีฯ ของโทรทัศน์ไทย ที่มีมากมายหลายเรื่องและหลายช่วงเวลา เมื่อมีละครเรื่องหนึ่งจบหรืออวสานไปก็จะมีละครเรื่องใหม่มาออกอากาศแทน โดยละครแต่ละเรื่องจะมีนักแสดงนำ และบทละครที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ เคยออกอากาศละครในยุคสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม (พ.ศ. 2498-2519) , สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 บางลำพู (พ.ศ. 2513-2520) , สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 9 อ.ส.ม.ท. (พ.ศ. 2520-2542 และ 2544-2545 มีละครชุดเรื่องแรกของกันตนา คือ \"ซีรีส์ซีไรท์\") และสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี (พ.ศ. 2545-2557) กำลังจะเริ่มออกอากาศได้นำกลับมาใหม่อีกครั้ง เมื่อเร็วๆ นี้",
"เตียงนางไม้ ได้มีการถ่ายทำผ่านฉากบลูสกรีนโดยผ่านการใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ กราฟิก (Computer Graphic) จากทีมงาน FatCat VFX ที่สร้างผลงานด้านกราฟิกจากละครช่อง 3 มาแล้วหลายเรื่อง อาทิ รากบุญ, มณีสวาท, บุรำปรัมปรา, นาคี ฯลฯ โดยทีมงานได้เข้ามาช่วยเสริมสร้างปีกของนางไม้วนา , ตัวกระรอกซึ่งในเรื่องเป็นเพื่อนรักของนางเอกรวมไปถึงสัตว์ประหลาดตัวอื่น ๆ อย่างผียักษ์ขึ้นมาให้เนียนและมีความสมจริงมากที่สุดซึ่งตัวผียักษ์นั้นได้นำเทคนิคแอนิเมชันมาใช้เป็นครั้งแรก [6]",
"สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เป็นช่องโทรทัศน์ที่มีรายการต่าง ๆ มากมาย รวมไปถึงละครที่มีมากมายหลายเรื่องและหลายช่วงเวลา เมื่อมีละครเรื่องหนึ่งจบหรืออวสานไปก็จะมีละครเรื่องใหม่มาออกอากาศแทน โดยละครแต่ละเรื่องจะมีนักแสดงนำและบทละครที่แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ ละครทางช่อง 3 ที่อวสานไปเมื่อประมาณ 1 ปี ถึง 3 ปีที่แล้ว จะถูกนำมาออกอากาศอีกครั้งในช่วงเวลาตอนบ่ายในวันจันทร์ถึงศุกร์ด้วย\nต่อไปนี้เป็นรายชื่อละครโทรทัศน์ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 ถึงปัจจุบัน ส่วนละครตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2539 จะถูกซ่อนทั้งหมดในบทความเนื่องจากบทความนี้ยาวมากๆ อาจทำให้ไม่สะดวกต่อการอ่านบทความ",
"ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3\nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่องวัน\nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทาง จีเอ็มเอ็ม 25",
"กนกลายโบตั๋น เป็นละครโทรทัศน์ไทย แนว ดราม่า , พีเรียด สร้างจากบทประพันธ์โดย ศรีฟ้า ลดาวัลย์ ครั้งโดยครั้งแรก ถูกนำมาสร้างเป็นละคร ในปี พ.ศ. 2533 โดยผู้จัดของ สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ผู้ลิขสิทธิ์นวนิยายในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับสถานีช่อง 7 แต่อย่างใด โดยทาง สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ออกทุนว่าจ้างทีมผลิต ดาราวิดีโอ เขียนบทโทรทัศน์โดย ศัลยา กำกับการแสดงโดย มานพ สัมมาบัติ ออกอากาศทาง สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 นำแสดงโดย นพพล โกมารชุน , ปรียานุช ปานประดับ , ดวงดาว จารุจินดา , สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์ , พิราวรรณ ประสพศาสตร์ โดยเริ่มออกอากาศตอนแรกวันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2533 - 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534",
"เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ เป็นละครโทรทัศน์ภาคต่อจากเรื่องเหนือเมฆในปี พ.ศ. 2553 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ประพันธ์โดย คฑาหัสต์ บุษปะเกศ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2555 มีกำหนดเดิมที่จะจบในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556 ทว่าในวันที่ 4 มกราคม สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้ออกมาประกาศถึงการยุติการออกอากาศอย่างฉับพลัน โดยนำละครเรื่องแรงปรารถนาเข้าออกอากาศแทน โดยให้เหตุผลว่า \"มีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสมกับการออกอากาศ\" ทำให้ละครเรื่องนี้กลายเป็นละครที่ไม่มีตอนจบออกอากาศ",
"หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทย หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่อง 5 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่องวัน หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2541 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560 หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทยที่ออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560",
"ในปี พ.ศ. 2556 ผู้บริหารของช่อง 3 ตัดสินใจยุติการออกอากาศละคร เหนือเมฆ 2 มือปราบจอมขมังเวทย์ โดยระบุว่ามีเนื้อหาตอนใดที่ไม่เหมาะสม หรือน่าจะเข้าข่ายละเมิดมาตรา 37 ของ พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ที่เขียนไว้ว่า \"ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีการกระทำซึ่งเข้าลักษณะลามกอนาจาร หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจหรือสุขภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง\"[46] และเนื่องจากละครเรื่องนี้มีเค้าโครงระบุถึงการเมืองและการคอร์รัปชั่นของนักการเมือง จึงมีกระแสข่าวออกมาเป็นจำนวนมากว่านักการเมืองรายหนึ่งสั่งให้ยุติการออกอากาศในทันที[47][48] ต่อมาในปีเดียวกัน ละครเรื่อง แผนร้ายพ่ายรัก ที่เนื้อบางส่วนเกี่ยวโยงธุรกิจเชิงเกษตรกรรมทุจริตโกงกินชาวบ้าน มีการดูดเสียงบริษัทที่สมมติขึ้น ชื่อว่า บริษัท UF[49]",
"[[หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทย]]\n[[หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2534]]\n[[หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่ยุติการออกอากาศในปี พ.ศ. 2534]]\n[[หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2553]]\n[[หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่ยุติการออกอากาศในปี พ.ศ. 2553]]\n[[หมวดหมู่:นวนิยายไทย]]\n[[หมวดหมู่:วรรณกรรมที่สร้างเป็นละครโทรทัศน์]]\n[[หมวดหมู่:ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2496]]",
"ละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 \nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 \nละครโทรทัศน์ทั้งหมดด้านล่างนี้ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์",
"หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทย หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ช่อง 3 หมวดหมู่:ละครที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2560 หมวดหมู่:รายการโทรทัศน์ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560 หมวดหมู่:ละครโทรทัศน์ไทยที่ออกอากาศตั้งแต่ พ.ศ. 2560",
"เป็นเรื่องราวความรักของเซลล์แมนขายเฟอร์นิเจอร์ (ป๊อบ-ฐากูร) ที่จะต้องมาอยู่รวมห้องกับนางไม้วนา (อุ้ม-อิษยา) ที่สิงสถิตอยู่ในเตียงไม้… เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป"
] |
โทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของโลกมีน้ำหนักเท่าไหร่? | [
"โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงใน พ.ศ. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรลา เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 1.1 กิโลกรัม[1] ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2543 ที่มีจำนวน 12.4 ล้านคน[2] มาเป็น 4,600 ล้านคน[3]"
] | [
"เนื่องจากราคาที่ต่ำและการปรับแต่งได้หลากหลาย ลินุกซ์ถูกนำมาใช้ในระบบฝังตัว เช่นเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ ลินุกซ์เป็นคู่แข่งที่สำคัญของ ซิมเบียนโอเอส ซึ่งใช้ในโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก และใช้แทนวินโดวส์ซีอี และปาล์มโอเอส บนเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา เครื่องบันทึกวิดีโอก็ใช้ลินุกซ์ที่ดัดแปลงเป็นพิเศษ ไฟร์วอลล์และเราเตอร์หลายรุ่น เช่นของ Linksys ใช้ลินุกซ์และขีดความสามารถเรื่องทางเครือข่ายของมัน",
"เอ็มเอ็มเอสนั้นรองรับการส่งรูปภาพสี ภาพเคลื่อนไหว หรือเสียงจากโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง โดยที่โทรศัพท์มือถือเครื่องของผู้รับนั้น จะต้องสามารถรับเอ็มเอ็มเอสรองรับการใช้จีพีอาร์เอสและถ้ายิ่งเป็นเอ็ดจ์ก็จะสามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้น และก่อนที่จะรับ-ส่งเอ็มเอ็มเอสได้นั้น จะต้องตั้งค่าโทรศัพท์และขอเปิดใช้บริการเอ็มเอ็มเอสและจีพีอาร์เอสจากผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือก่อนด้วย เอ็มเอ็มเอสนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าเอสเอ็มเอส และถ้าขนาดไฟล์ใหญ่เกินไป ก็จะไม่สามารถส่งได้ จำเป็นจะต้องมีการปรับขนาดให้เล็กลง ซึ่งโดยปกติจะมีอัตราค่าบริการที่แพงกว่าเอสเอ็มเอสแล้วแต่ผู้ให้บริการ ดังนั้นเอ็มเอ็มเอสจึงเป็นการส่งข้อมูลอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งคล้าย ๆ กับ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือ บลูทูท เพียงแต่ทั้งสองอย่างนี้ จะไม่มีค่าใช้จ่ายเท่านั้นเอง ก็แล้วแต่เรา ว่าจะเลือกแบบไหน",
"เมื่อสิ้นปี 2009 ผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์พื้นฐานทั่วโลกมียอดรวมเกือบ 6 พันล้าน เป็นโทรศัพท์พื้นฐาน 1.26 พันล้าน และ 4.6 พันล้าน สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่",
"โนเกีย 3310 ออกแบบมาเพื่อให้มีขนาดกะทัดรัด ขอบสี่เหลี่ยมโค้งมนทำให้ถือได้ง่ายบนฝ่ามือ แต่ค่อนข้างมีน้ำหนักคือ 133 กรัม จอแสดงผลเป็นจอภาพผลึกเหลวสีเดียวขนาด 84×48 พิกเซล มีปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ด้านข้างซึ่งสามารถกดได้ด้วยนิ้วโป้งขณะถือ (ด้วยมือขวา) ปุ่มใหญ่ตรงกลางใต้จอแสดงผลเป็นการทำงานหลักซึ่งขึ้นอยู่กับคำสั่งที่ปรากฏบนหน้าจอ ปุ่ม \"C\" ใช้สำหรับย้อนกลับหรือลบตัวอักษรที่พิมพ์ ปุ่มขึ้นและลงใช้สำหรับการเลือกคำสั่งหรือย้ายตำแหน่งพิมพ์ข้อความ ปุ่มเปิดปิดโทรศัพท์เป็นปุ่มสีดำอยู่ที่ด้านบนสุดของเครื่อง ส่วนด้านล่างใช้สำหรับต่อกับหม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรีและต่อกับอุปกรณ์พิเศษอื่นๆ สามารถใช้ได้นานเกินมากกว่า 7 วัน",
"ในปีพ.ศ.2554 แบล็คเบอร์รี่ กินส่วนแบ่งตลาด โทรศัพท์มือถือ ทั่วโลกได้ 3% กลายเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออันดับ 6 ของโลก ระบบอินเทอร์เน็ตของแบล็คเบอร์รี่เปิดให้บริการใน 91 ประเทศ ภายใต้ผู้ให้บริการเครือข่ายกว่า 500 ราย ในเดือนกันยายน พ.ศ.2555 มีผู้ใช้แบล็คเบอร์รี่ถึง 80 ล้านเครื่องทั่วโลก ในปีพ.ศ.2554 ผู้คนกลุ่มประเทศแคริบเบียนและละตินอเมริกาใช้แบล็คเบอร์รี่มากที่สุด คิดเป็น 45% ของจำนวนเครื่องแบล็คเบอร์รี่ทั่วโลก ",
"มนุษย์เริ่มรู้จักการใช้ชิป มีการสร้างอุปกรณ์อิเลคทรอนิคมากมาย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ จรวด เรือดำน้ำ อุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ มีการใช้คลื่นสัญญาณโทรศัพท์ และกระจายไปทั่วโลก แต่ก็ยังไม่ทั่วถึงและเท่ากันทั่วประเทศ โดยเฉพาะ ประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา ที่มีนักประดิษฐ์มากกว่าและมีความพร้อม ได้รับการสนับสนุนจากทางรัฐบาลทำให้เกิดความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็นการทำงานแบบองค์กร หรือรูปแบบทีมนั่นเอง",
"โทรศัพท์มือถือมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในเครือข่ายโทรศัพท์ สมาชิกโทรศัพท์มือถือในขณะนี้มีจำนวนมากกว่าสมาชิกพื้นฐานอยู่กับที่ในหลายตลาด ยอดขายของโทรศัพท์มือถือในปี 2012 รวม 1,495 ล้านเครื่อง โดยแบ่งเป็นประเทศในแอฟริกา 56 ล้าน, เอเซีย/แปซิฟิก 652 ล้าน, ทวีปอเมริกา 358 ล้าน และยุโรป 366 ล้าน[31] โทรศัพท์เหล่านี้จะได้รับการบริการโดยระบบเสียงที่มีเนื้อหาและมีการส่งแบบดิจิทัล เช่น GSM หรือ W- CDMA ที่มีการตลาดจำนวนมากเลือกที่จะลดลงของระบบอนาล็อก เช่น AMPS",
"โนเกีย 3310 () เป็นโทรศัพท์มือถือในระบบเครือข่ายย่านความถี่คู่(dual band) GSM900/1800 เปิดตัวเป็นครั้งแรกในไตรมาสที่สี่ของพ.ศ. 2543 โดยมาแทนที่โนเกีย 3210 ที่เป็นที่นิยมมาก่อนหน้านั้น โดยโทรศัพท์รุ่นนี้ประสบความสำเร็จในเรื่องของยอดขายเป็นอันมาก เป็นโทรศัพท์รุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งด้วยยอดขาย 126 ล้านเครื่องทั่วโลก รุ่นข้างเคียงอื่นๆ ที่ออกตามแบบ 3310 ประกอบไปด้วย โนเกีย 3315, 3320, 3330, 3350, 3360, 3390 และ 3395 ",
"คอมพิวเตอร์ในสมัยใหม่นี้ผลิตขึ้นโดยใช้วงจรรวม หรือวงจรไอซี (Integrated circuit) โดยมีความจุมากกว่าสมัยก่อนล้านถึงพันล้านเท่า และขนาดของตัวเครื่องใช้พื้นที่เพียงเศษส่วนเล็กน้อยเท่านั้น คอมพิวเตอร์อย่างง่ายมีขนาดเล็กพอที่จะถูกบรรจุไว้ในอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์มือถือนี้ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาดเล็ก และหากจะมีคนพูดถึงคำว่า \"คอมพิวเตอร์\" มักจะหมายถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของยุคสารสนเทศ อย่างไรก็ดี ยังมีคอมพิวเตอร์ชนิดฝังอีกมากมายที่พบได้ตั้งแต่ในเครื่องเล่นเอ็มพีสามจนถึงเครื่องบินบังคับ และของเล่นชนิดต่าง ๆ จนถึงหุ่นยนต์อุตสาหกรรม",
"แอร์คาร์ด () คือ อุปกรณ์โมเด็มอย่างหนึ่งที่ใช้เพื่อเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ (Desktop หรือ Laptop) ของเราเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายความเร็วสูงโดยผ่านโครงข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในขณะที่เราเชื่อมต่อเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตไปแล้วยังสามารถใช้โทรศัพท์โทร.เข้า-ออกได้ในเวลาเดียวกัน เพราะระบบมีการใช้ช่องสัญญาณคนละช่องสัญญาณกัน แต่ใช้ Cellsite เดียวกัน หรือทำหน้าที่เป็นแฟ็กซ์ไร้สายได้ด้วย ดังนั้นไม่ว่าเราจะนั่งรถ ลงเรือ หรืออยู่ที่ไหนขอมีเพียงสัญญาณโทรศัพท์มือถือก็ใช้งานได้ทั้งนั้น เหมาะสำหรับใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ทั้ง PC Notebook Laptop เพื่อเข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตแบบไร้สายความเร็วสูง โดยผ่านโครงข่ายสัญญาโทรศัพทืมือถือที่ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า GPRSและEDGE ในปัจจุบัน",
"บรอดแบนด์เคลื่อนที่เป็นศัพท์ทางการตลาดสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านเสาโทรศัพท์มือถือไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์, ไปโทรศัพท์มือถือ (เรียกว่า \"เซลล์โฟน\" ในอเมริกาเหนือและแอฟริกาใต้) และไปอุปกรณ์ดิจิทัลอื่น ๆ ที่ใช้โมเด็มแบบพกพา. บริการบางอย่างของโทรศัพท์มือถือช่วยให้อุปกรณ์มากกว่าหนึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้การเชื่อมต่อแบบเซลลูลาร์เซลล์เดียวโดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า tethering โมเด็มอาจจะถูกสร้างไว้ในคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป, ในแท็บเล็ต, ในโทรศัพท์มือถือและในอุปกรณ์อื่น ๆ หรืออาจเพิ่มเข้าไปในอุปกรณ์บางอย่างที่ใช้คาร์ดในเครื่องพีซี, โมเด็ม USB และที่ USB sticks หรือ dongles หรือโมเด็มไร้สายแยกส่วน",
"ในปี 2554 ยอดขายโทรศัพท์มือถือในสหรัฐอเมริกา 60% เป็นฟีเจอร์โฟน และยอดขายโทรศัพท์มือถือทั่วโลก 70% เป็นฟีเจอร์โฟน",
"โทรศัพท์เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ช่วยร่นระยะเวลา ระยะทางในการสื่อสารของคนยุคปัจจุบัน เป็นเทคโนโลยีที่สร้างประโยชน์ได้มากต่อการพัฒนาความก้าวหน้าในด้านต่างๆของโลก ซึ่งปัจจุบันโทรศัพท์มือถือมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมาก ด้วยความบันเทิงหลากหลายที่เป็นจุดขายดึงดูดวัยรุ่นยุคปัจจุบันที่ดำเนินชีวิตอยู่กับเทคโนโลยี ทำให้เครื่องมือสื่อสารชนิดนี้มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต วัยรุ่นมักนำความสามารถทุกอย่างที่โทรศัพท์มือถือทำได้มาประยุกต์ในทางที่เสื่อมมากกว่าทางสร้างสรรค์ โทรศัพท์มือถือมีอิทธิพลต่ออารมณ์ให้เป็นคนขาดความอดทน ใจร้อน ขาดความรอบคอบ อารมณ์รุนแรง มีอิทธิพลในการใช้เงินของวัยรุ่น เนื่องจากวัยรุ่นมีความต้องการที่จะเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่ให้อินเทรนด์ อยู่เสมอ มีอิทธิพลต่อการศึกษาและการพัฒนาความรู้ นอกจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำลายเซลล์สมองให้ด้อยพัฒนาแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพและลดสมาธิในการเรียน ด้านการแก้ไขพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์ของวัยรุ่น คือวัยรุ่นควรตระหนักถึงข้อดีข้อเสียให้มาก ปรับเปลี่ยนการใช้โทรศัพท์ให้เหมาะสม เพราะกลุ่มวัยรุ่นเป็นกลุ่มประเมินสำคัญที่บ่งบอกถึงความก้าวหน้าของประเทศได้..... อ่านต่อได้ที่:",
" เพื่อให้เครื่องแล็ปทอปมีความคล่องตัวในการใช้งานได้ขณะที่ผู้ใช้ไม่ได้นั่งทำงานกับที่ จึงออกแบบให้สามารถหมุนจอภาพได้ 180 องศา และพับจอภาพลงปิดตัวเครื่องฯ และแป้นพิมพืโดยมีจอภาพหันออกทางด้านบนสภาพเหมือนตอนปิดฝาปิดเครื่อง จอภาพเป็นแบบสัมผัส (touch screen) ใช้รับคำสั่งจากผู้ใช้จากเขียนด้วยปากกา (stylus pen) หรือนิ้วสัมผัส แทนการใช้แป้นพิมพ์และเมาส์ เกิดความคล่องตัวขณะใช้งานที่อาจต้องเคลื่อนที่ตัวเครื่องตลอดเวลา ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้ notebook\nเป็นคอมพิวเตอร์มือถือ (hand held) ขนาดเท่าโทรศัพท์มือถือ ใช้โปรแกรมระบบปฏิบัติการ ios Mobile หรืออาจใช้โปรแกรมทางเลือกอื่นเช่น NetBSD หรือ Linux เครื่องมีขีดความสามารถใกล้เคียงกับ desktop PC ยังมีอุปกรณ์เสริมเช่น , barcode leister city, leister และ",
"หลังจากการวางขายเอชทีซี วัน ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในทางด้านดีมากเป็นส่วนใหญ่ โดยในงานโมบายล์เวิลด์คองเกรส วัน ได้รับรางวัล \"อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ยอดเยี่ยม\" (Best New Mobile Device) ซึ่งเป็นรางวัลจากจีเอสเอ็มเอ (GSMA) อีกทั้งยังได้รับรางวัล \"โทรศัพท์มือถือยอดเยี่ยม\" (Best Phone) และ \"โทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุด\" (Best in Show) จากเทคเรดาร์ วอลต์ มอสส์เบิร์ก นักข่าวจากเดอะวอลล์สตรีตเจอร์นัล ได้วิพากษ์วิจารณ์เอชทีซี วัน ว่ามีความชื่นชอบเป็นพิเศษ มากกว่าซัมซุง กาแลคซีเอส 4 และยังดูดีในเรื่องของวัสดุที่เป็นอะลูมิเนียม ซึ่งดูดีกว่ากาแลคซีเอส 4 ที่ใช้วัสดุเครื่องเป็นพลาสติก",
"ความวิตกกังวลจะถูกกระตุ้นจากการทำมือถือหาย สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีหรือแบตเตอรี่หมด อาการของโรครวมไปถึงการใช้มือถือมากเพื่อกันตัวเองจากการสนทนากับผู้อื่น และมีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตมากกว่าหนึ่งเครื่อง พกสายชาร์จตลอดเวลาและกังวลว่ามือถือจะหาย อาการอาจรวมไปถึงการลดการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นแบบต่อหน้าและชอบการสื่อสายผ่านเทคโนโลยี ไม่ปิดมือถือเวลานอนทั้งยังวางไว้ใกล้มือตลอดเวลา คอยเช็คมือถือตลอดเพื่อไม่ให้พลาดการรับสายหรือข้อความ โนโมโฟเบียอาจส่งผลให้เกิดการอาการเจ็บศอก มือ และคอเนื่องจากใช้มือถือบ่อย ๆ",
"เครื่องดื่มเบียร์ช้าง (1 เมษายน 2546 - กันยายน 2546) แชมพูซันซิล (ตุลาคม 2546 - 2547) เครือข่ายโทรศัพท์มือถือออเรนจ์ (2547 - 2549) เครือข่ายโทรศัพท์มือถือทรูมูฟ (2549 - 2553) เครือข่ายโทรศัพท์มือถือทรูมูฟ เอช (2553 - 2554)",
"เอ็นเกจ () เป็นชื่อของโทรศัพท์มือถือรุ่นหนึ่งในอดีต หรือชื่อของบริการเกมในโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันของบริษัทโนเกีย ซึ่งสำหรับตัวเครื่องในยุคเริ่มต้นนั้นได้เริ่มมีการจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2546 โดยได้ออกวางจำหน่ายเพื่อให้แตกต่างจากเกมบอยแอดวานซ์ของบริษัทนินเทนโดในด้านของการที่เป็นเครื่องเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถืออย่างเต็มรูปแบบ แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นเนื่องมาจากปุ่มต่างๆที่อยู่บนเครื่องนั้นถูกมองว่าเหมาะสมกับการโทรศัพท์มากกว่าการเล่นเกม และอีกประการหนึ่งก็คือตัวเครื่องในรุ่นแรกนั้นถูกมองว่ามีลักษณะคล้ายกับอาหารของชาวเม็กซิกันที่มีชื่อว่า\"ทาโก้\"",
"บริษัทเอ็นทีทีโดโคโม (NTT DoCoMo) ได้พัฒนาให้เล่นได้บนโทรศัพท์มือถือซึ่งใช้บริการอิสระในการเข้าถึงสื่อประสมบนโทรศัพท์มือถือ (Freedom of Mobile Multimedia Access) หรือโฟมา (FOMA) แล้วส่งให้บริษัทโพรโตไทป์จัดจำหน่ายผ่านบริษัทวิชวลอาตส์มอตโต (Visual Art's Motto) ในเครือบริษัทวิชวลอาตส์ ตั้งแต่ปลายปี 2550 ครั้นแล้ว จึงจำหน่ายฉบับเล่นบนโทรศัพท์มือถือระบบซอฟต์แบงก์ 3จี (SoftBank 3G) ตั้งแต่เดือนมกราคม 2551 และฉบับเล่นกับเครื่องเพลย์สเตชันแบบพกพา ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2551 ซึ่งเพิ่มส่วนเสริมจากฉบับ \"แคลนนาดฟูลวอยซ์\" เข้าไปด้วย ทั้งนี้ ฉบับที่ใช้เล่นกับเครื่องเพลย์สเตชันแบบพกพาและเอกซ์บอกซ์ 360 ฉบับจำกัดนั้น แถมซีดีละครสั้นห้าเรื่องไม่ต่อเนื่องกัน โดยซีดีละครที่มาในฉบับเล่นกับเครื่องเพลย์สเตชันแบบพกพานั้นแตกต่างจากที่มาในฉบับเล่นกับเอกซ์บอกซ์ 360",
"ในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 โอเพนแฮนด์เซตอัลไลแอนซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรในด้านเทคโนโลยี ซึ่งรวมไปด้วยกูเกิล กับผู้ผลิตอุปกรณ์เช่น เอชทีซี, โซนี่ และ ซัมซุง รวมไปถึงผู้ให้บริการเครือข่ายเช่น สปรินต์ เน็กเทล และ ทีโมบายล์ และบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์เช่น ควอล์คอมม์ และ เท็กซัสอินสตรูเมนส์ ได้เปิดเผยในเป้าหมายเพื่อการพัฒนาโทรศัพท์มือถือที่มีมาตรฐานเปิด ในวันเดียวกัน แอนดรอยด์ได้เปิดตัวสินค้าชิ้นแรก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโทรศัพท์มือถือ สร้างบนลินุกซ์ เคอร์เนล 2.6 ส่วนโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์คือเอชทีซี ดรีม เปิดตัวเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2551",
"เอทีแอนด์ที อิงค์ () เป็นบริษัทข้ามชาติด้านโทรคมนาคมของสหรัฐอเมริกา มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองแดลลัส รัฐเทกซัส เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่เป็นอันดับสองและโทรศัพท์คู่สายใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่เป็นอันดับ 18 ของโลกตามฐานลูกค้าในปี 2015 โดยมีฐานลูกค้าในมือกว่า 126.4 ล้านคน บริษัทได้รับการจัดอันดับในปี 2014 ให้เป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 24 ของโลก",
"ตามกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกานั้นควบคุมการรั่วไหลของคลื่นไมโครเวฟให้มีได้ไม่เกิน 1 mW/cm ที่ 5 cm จากเตาอบใหม่ (เตาอบเก่านั้นให้มีได้ 5 เท่า) โดยปกติแล้วโอกาสที่เตาอบไมโครเวฟจะมีคลื่นรั่วออกมาเกินจากปริมาณที่กำหนดนี้จะมีน้อยมาก เพราะตัวเครื่องจะทำด้วยโลหะแล้วต่อลงกราวด์น ลองเปรียบเทียบกับ โทรศัพท์มือถือ () GSM ซึ่งแผ่คลื่นถึง 1 W ที่ 1800 MHz ซึ่งเท่ากับ 2 mW/cm ที่ 5 cm ซึ่งอันตรายจากคลื่นจากโทรศัพท์มือถือนี้ ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัด และยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่",
"บริษัทแอลจี อิเล็คทรอนิกส์ () หรือที่เรียกกันทั่วไปสั้น ๆ ว่า แอลจี (LG) เป็นบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ในเกาหลีใต้ รองจากซัมซุง, ฮุนได และ กลุ่มเอสเค. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Yeouido-dong, ในโซล, ประเทศเกาหลีใต้. แอลจีประกอบธุรกิจใน 4 ส่วนด้วยกัน คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่, ความบันเทิงภายในบ้าน, เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน, เครื่องปรับอากาศ และการประหยัดพลังงาน แอลจีเป็นบริษัทผลิตโทรทัศน์ขนาดใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลก (ซัมซุงครองอับดับหนึ่ง) และยังเป็นบริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือที่มียอดขายมากที่สุดอันดับห้า ในไตรมาสที่สอง ในปี พ.ศ. 2555 อีกด้วย",
"เอสเอ็มเอส (SMS) หรือ บริการข้อความสั้น หรือ บริการสารสั้น () เป็นบริการการสื่อสารอย่างหนึ่ง\nที่ให้ผู้ใช้งานสามารถส่งข้อความสั้นๆ ไปยังอุปกรณ์สื่อสารอีกเครื่องหนึ่งได้ พบใช้ในโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์มือถือ หรือโทรศัพท์พื้นฐานบางระบบ",
"ปัจจุบันธุรกิจของซัมซุง แบ่งออกเป็น 4 หน่วยใหญ่ ๆ คือ เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องใช้สำนักงาน โทรศัพท์มือถือ และส่วนประกอบหลัก ๆ ที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ดิจิตอลที่เป็นนวัตกรรมล่าสุดของโลกในศตวรรษ 21 มีฐานการผลิต 25 แห่ง,บริษัทสาขาตลาด 36 แห่ง, สำนักงานย่อย 23 แห่ง ที่ประจำอยู่ใน 46 ประเทศทั่วโลก และกระจายอยู่ทั้ง 7 ทวีป คือ อเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียกลาง จีน CIS และละตินอเมริกา",
"น้ำหนักของไอแพดรุ่นแรกแตกต่างตามประเภทของภาวะเชื่อมต่อ โดยรูปแบบวายฟายอย่างเดียวจะหนัก 1.5 ปอนด์ (680 กรัม) ในขณะที่รุ่นวายฟายและสัญญาณโทรศัพท์มือถือ จะหนัก 1.6 ปอนด์ (730 กรัม)[1] แต่ขนาดของไอแพดมีพิสัยทุกด้านรวมเท่ากัน วัดได้ 9.56×7.47×0.50 นิ้ว (243×190×13 มิลลิเมตร)[1]",
"บริษัทโซนี่ อิริคสัน นั้นก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2001 โดยการร่วมมือกันของบริษัทโซนี่ และ บริษัทอิริคสัน ต่างถือหุ้นเท่ากันฝ่ายละ 50% โดยมีปัจจัยที่ทำให้ทั้งสองบริษัทมาลงทุนร่วมกันก็คือการที่ต่างฝ่ายต่างมีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญในสายการผลิตของตนเป็นพิเศษต่างกันไป ทางโซนี่นั้นเชี่ยวชาญในเรื่องของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนอิริคสันเชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยีการสื่อสารและมีผลิตภัณฑ์หลักคือโทรศัพท์มือถือ โดยผลิตภัณฑ์แรกของบริษัทถูกเปิดตัวในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ. 2002",
"AirCard คือ โมเด็มอย่างหนึ่งที่ใช้เพื่อเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่โลกอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย โดยใช้สัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีการเชื่อมสัญญาณเข้ากับ Cellsite ของเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ทำให้เล่นเน็ตที่ไหนก็ได้ที่มีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ",
"เอดจ์ () หรือ อีจีพีอาร์เอส () เป็นระบบอินเทอร์เน็ตไร้สาย 2.75G ในเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เป็นเทคโนโลยีตามมาตรฐานสากลที่กำหนดโดย ITU (International Telecommunications Union) คล้ายกับระบบจีพีอาร์เอส แต่มีความเร็วที่สูงกว่าคือที่ประมาณ 200-300 Kbps ซึ่งสูงกว่าจีพีอาร์เอสสี่เท่า แต่ในบางพื้นที่ถ้าหากใช้เอดจ์ไม่ได้ โทรศัพท์ก็จะเปลี่ยนไปใช้จีพีอาร์เอสเอง ช่วยให้การรับส่งข้อมูลบนโทรศัพท์มือถือได้มากกว่าและรวดเร็วกว่า ทั้งการเข้า WAP และ WEB รับส่ง MMS, Video/Audio Streaming และ Interactive Gaming และเป็นก้าวสำคัญเพื่อการก้าวเข้าสู่ยุค 3G",
"การควบคุมระบบโทรมาตรและระบบการควบคุมการจราจร อุปกรณ์ควบคุมระยะไกลด้วยอินฟราเรดและอัลตราโซนิก วิทยุเคลื่อนที่ภาคพื้นมืออาชีพ LMR (Land Mobile Radio) และ วิทยุมือถือเฉพาะกิจ SMR (Specialized Mobile Radio) ที่ใช้โดยทั่วไปในธุรกิจ, อุตสาหกรรมและหน่วยงานความปลอดภัยสาธารณะ วิทยุสองทางผู้บริโภครวมทั้ง FRS (Family Radio Service) GMRS (General Mobile Radio Service) และวิทยุ Citizens band (\"CB\") วิทยุสมัครเล่น (แฮมวิทยุ) วิทยุ VHF สำหรับผู้บริโภคและมืออาชีพทางทะเล อุปกรณ์ Airband และวิทยุนำทางที่ใช้โดยนักบินและการควบคุมการจราจรทางอากาศ โทรศัพท์มือถือและวิทยุติดตามตัว: ให้การเชื่อมต่อสำหรับการใช้งานแบบพกพาและโทรศัพท์มือถือทั้งในส่วนบุคคลและธุรกิจ ระบบ Global Positioning System (GPS): ช่วยให้คนขับรถยนต์และรถบรรทุก, กัปตันของเรือและเรือและนักบินของเครื่องบินเพื่อยืนยันสถานที่ของพวกเขาที่ใดก็ได้บนโลก. อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ไร้สาย: เมาส์ไร้สายเป็นตัวอย่างที่พบโดยทั่วไป, แป้นพิมพ์และเครื่องพิมพ์ยังสามารถเชื่อมโยงไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านเทคโนโลยีไร้สายเช่น Wireless USB หรือ Bluetooth โทรศัพท์บ้านแบบ cordless: เป็นอุปกรณ์ที่จำกัดระยะการใช้ อย่าสับสนกับโทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ดาวเทียม: มีการออกอากาศจากดาวเทียมในวงโคจร บริการโดยทั่วไปจะใช้ดาวเทียมออกอากาศทางตรงที่จะให้สถานีโทรทัศน์หลายสถานีกับผู้ชม"
] |
บีทีเอสเป็นวงที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่เท่าไหร่? | [
"บีทีเอส (English: BTS) หรือ พังทันโซ-นย็อนดัน (Korean:방탄소년단;Hanja:防彈少年團) เป็นกลุ่มดนตรีชายเกาหลีใต้แนวเคป็อปและฮิปฮอป สังกัดบิกฮิตเอนเตอร์เทนเมนต์ ประกอบด้วยสมาชิกจำนวนเจ็ดคนคือ จิน, ชูกา, เจ-โฮป, แร็ปมอนสเตอร์, จีมิน, วี และจ็องกุก เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 2013"
] | [
"ที-สเกิ๊ต () มาร์, จอย, กิ๊ฟ วงดนตรีหญิงล้วนจากคีตา เรคคอร์ดส หรือ คีตา เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ เริ่มมีผลงานเพลงในปี พ.ศ. 2538 ออกอัลบั้มเพียงสองชุด เป็นที่รู้จักอย่างมากกับเพลง ไม่เท่าไหร่, เจ็บแทนได้ไหม, ฟ้องท่านเปา, เรื่องมันเศร้า, ปวดร้าว เป็นต้น",
"เอสเอ็มรุกกี้ (SM Rookies) เป็นกลุ่มพรีเดบิวต์โดยเอสเอ็มเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ประกอบด้วยเด็กฝึกหัดที่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวงไอดอล \nก่อตั้งในปี 2013 โดยสมาชิกหลายคนได้เปิดตัวในวงต่างๆ เช่น เรดเวลเวต เอ็นซีที",
"เคบีเอส เริ่มต้นก่อตั้งเป็น บริษัทกระจายเสียงคยองซอง(เจโอดีเค) ซึ่งก่อตั้งโดยรัฐบาลของญี่ปุ่นในเกาหลี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2470 นี่คือสถานีวิทยุแห่งที่สองที่เริ่มใช้รหัสที่ใช้อ้างถึงตัวผู้พูดในการสื่อสารทางวิทยุ HLKA ในปี 2490 ภายหลังการก่อตั้งสาธารณรัฐเกาหลี ก็ใช้สัญญาณว่า HL ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ภายหลังจากการทำการกระจายเสียงไปทั่วประเทศ สถานีวิทยุก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น สถานีการะจายเสียงกลางโซล เมื่อปี 2491 การออกอากาศทางโทรทัศน์ของ สถานีกระจายเสียงโซล ทีวี (เคบีเอส ทีวี) ได้เริ่มออกอากาศตั้งแต่ปี 2504 สถานะของสถานีเคบีเอสจากที่เป็นของรัฐบาลเป็นองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะ ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2516 สำนักงานใหญ่ของเคบีเอสที่ยออิโด เริ่มทำการก่อสร้างในปี 2519 ในปี 2522 สถานีวิทยุเคบีออกเริ่มออกอากาศผ่านระบบคลื่นเอฟเอ็ม แตกต่างจากองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพที่อื่นซึ่งไม่มีการรับโฆษณา นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมทางโทรทัศน์ รายได้ของช่องเคบีเอสก็มาจากการโฆษณา โดยเคบีเอสเริ่มรับโฆษณาตั้งแต่ปี 2523 จากการรวบรวมสถานีกระจายเสียงเอกชนซึ่งมีขนาดเล็กกว่าจากความอิสระในการตัดสินใจของรัฐบาล ชอน ดูฮวาน จากการยับยั้งเสรีภาพในการสื่อสาร ภายหลังจากการยุบรวมกับบริษัทกระจายเสียงทงยัง (ทีบีซี) ซึ่งส่วนหนึ่งในปัจจุบันเป็น เจทีบีซี และ ระบบการกระจายเสียงดง-เอ (ดีบีเอส) เคบีเอสได้ปล่อย เคบีเอส เรดิโอ 2 (เอเอ็ม/เอฟเอ็ม) และสถานีโทรทัศน์ เคบีเอส ทีวี 2 ในปี 2523 เช่นเดียวกับ เคบีเอสทีวี 3 และ เอฟเอ็มเพื่อการศึกษา ในปี 2524 ในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2523 เคบีเอส ทีวี 3 และเอฟเอ็มเพื่อการศึกษาได้แยกออกจาก เคบีเอส ไปในชื่อที่ว่า ระบบการกระจายเสียงเพื่อการศึกษา (อีบีเอส) ภายหลังจากการปรับปรุงใหม่เป็นระบบการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในปี 2537 ช่อง เคบีเอส 1 ก็ไม่มีการแสดงโฆษณาอีก ",
"เกิลส์เจเนอเรชัน-ทีทีเอส (, เป็นที่รู้จักในชื่อ ทีทีเอส, แททีซอ, หรือ เกิลส์เจเนอเรชัน-แททีซอ) คือกลุ่มย่อยกลุ่มแรกของวงเกิลส์เจเนอเรชัน ก่อตั้งโดยเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ ในปี 2012 สมาชิกได้แก่ แทย็อน, ทิฟฟานี และซอฮย็อน กลุ่มได้ออกอีพีทั้งหมดสามชุดคือ \"ทวิงเกิล\" (2012), \"ฮอลเลอร์\" (2014) และ \"เดียร์แซนตา\" (2015)",
"เอสคลับ () หรือ เอสคลับเซเวน () เป็นกลุ่มศิลปินป็อปสหราชอาณาจักร ก่อตั้งวงโดยอดีตผู้จัดการวงสไปซ์เกิลส์ ไซมอน ฟูลเลอร์ ประกอบด้วยสมาชิก ทีนา บาร์เรตต์, พอล แคตเตอร์โมล, จอน ลี, แบรดลีย์ แม็กอินทอช, โจ โอ'มีรา, ฮันนาห์ สเปียร์ริตต์ และราเชล สตีเวนส์ วงมีชื่อเสียงจากการแสดงในรายการซีรีส์ของตัวเองทางช่องซีบีบีซี ในรายการ \"Miami 7\" ในปี 1999 หลังจาก 4 ปีที่ทำงานด้วยกัน เอสคลับเซเวนมีซิงเกิลอันดับ 1 ในสหราชอาณาจักร 4 ซิงเกิล อัลบั้มอันดับ 1 อยู่ 1 อัลบั้ม นอกจากนี้ยังมีซิงเกิลอันดับ 1 ทั่วยุโรป มีซิงเกิลติดท็อป 10 ในสหรัฐอเมริกา เอเชีย ละตินอเมริกา และแอฟริกา พวกเขามีผลงานสตูดิโออัลบั้ม 4 ชุด มี 11 ซิงเกิล มียอดขายมากกว่า 17 ล้านชุดทั่วโลก อัลบั้มแรก \"S Club\" มีดนตรีแบบเพลงป็อปในยุคคริสต์ทศวรรษ 1990 คล้ายกับศิลปินอื่นในช่วงนั้น หลังจากนั้นแนวเพลงพวกเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปเริ่มผสมผสามเป็นเพลงแดนซ์มากขึ้นรวมถึงเพลงอาร์แอนด์บี ซึ่งมีมากในอัลบั้มชุดสุดท้ายของพวกเขาชุด \"Seeing Double\"",
"ได้ปิดสถานีโทรทัศน์ไอทีวีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2550 ได้เปิดสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวีเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2550 และปิดตัวลงเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 เวลา 00.08 น. ได้เปิดสถานีโทรทัศน์ทีพีบีเอส (ปัจจุบันใช้ชื่อว่าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2551 และเปิดทำการออกอากาศเป็นครั้งแรกอย่างเต็มรูปแบบโดยอยู่ภายใต้องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551 จัดรายการที่ให้ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลให้แก่ประชาชน คือ รายการสายตรงทำเนียบ และรายการ เปิดบ้านพิษณุโลก ออกอากาศทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย",
"เทกแดตรวมวงที่เมืองแมนเชสเตอร์ในปี 1990 พวกเขามียอดขายอัลบั้มและซิงเกิลรวมกว่า 30 ล้านก๊อปปี๊ระหว่างปี 1991 - 1996 ในระหว่างปี 1991 อันเป็นปีที่ซิงเกิลแรกของพวกเขาได้เผยแพร่สู่สาธารณชน จนกระทั่งถึงปี 1996 ที่พวกเขาแยกย้ายกันไปนั้น บีบีซีกล่าวถึงเทกแดตว่า \"เป็นวงดนตรีบริติชที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่วงเดอะบีทเทิลส์ อันเป็นที่รักของทั้งผู้สูงอายุ และวัยรุ่นโดยทั่วไป\" เพลงแนวแดนซ์ป๊อป และโซลของเทกแดตขึ้นชาร์ตมากมายในสหราชอาณาจักรในช่วงครึ่งทศวรรษแรกของคริสต์ทศวรรษที่ 1990 อัลบั้ม 2 ชุดที่ขายที่ที่ส่วนของพวกเขาคือ Everything Changes ซึ่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเมอร์คิวรีในปี 1994[1] และอัลบั้ม Greatest Hits ซึ่งออกจำหน่ายในปี 1996 โดยออลมิวสิกได้กล่าวไว้ว่า \"ณ เวลานี้พวกเขาคือซูเปอร์สตาร์ในยุโรป คำถามหลักๆไม่ใช่ต้องมุ่งประเด็นที่ทำอย่างไรถึงมีซิงเกิลยอดนิยม แต่ควรถามว่ามีซิงเกิลขึ้นสู่อันดับหนึ่งเท่าไหร่\"",
"อิทธิวัฒน์ เพียรเลิศ (20 มีนาคม พ.ศ. 2490 - 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560) วิศวกร และนักธุรกิจสื่อมัลติมีเดีย ในอดีตเคยเป็นนักจัดรายการวิทยุ ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทไนท์สปอต เป็นดีเจที่จัดรายการแบบสากลเป็นคนแรกของเมืองไทย และเป็นผู้สร้างวิทยุ 24 ชั่วโมงคลื่นแรก ก่อตั้งค่าย WEA Records Ltd., โซนีมิวสิก (ซีบีเอส) และบีเอ็มจีไทยแลนด์ ในประเทศไทย ต่อมาก่อตั้งบริษัทมีเดีย พลัส ทำงานด้านผลิตรายการวิทยุควบคู่ไปพร้อมกับงานจัดคอนเสิร์ตจากศิลปินต่างประเทศ อิทธิวัฒน์ บุกเบิกวงการเคเบิลทีวี ด้วยการผลิตรายการโทรทัศน์ 24 ชั่วโมงให้กับยูบีซีถึง 5 ช่อง ผลงานชิ้นเอกในยุคนี้ของคุณอิทธิวัฒน์คือการก่อตั้ง แชนแนลวีไทยแลนด์ นอกจากนั้นยังได้ก่อตั้งเอ็มทีวีไทยแลนด์ , วีเอชวัน และ เอฟทีวีไทยแลนด์ ",
"เข้าสู่วงการเพลง กิ๊ฟท์เป็นหนึ่งในศิลปินวง ที-สเกิ๊ต ประกอบสมาชิกคือ มาร์ อัสมา กฮาร์, กิ๊ฟท์ ธิติยา นพพงษากิจ และ จอย ดวงพร สนธิขันธ์ สังกัดคีตา เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ มีผลงาน 2 อัลบั้มเต็ม และ 1 อัลบั้มพิเศษ อัลบั้มชุดแรกภายใต้ชื่อ \"T-Skirt\" มีเพลงดังอย่าง ไม่เท่าไหร่, เจ็บแทนได้ไหม, เรื่องมันเศร้า และเพลง ฟ้องท่านเปา ",
"แต่ภายหลังที่ได้แชมป์โลกแล้ว เขาค้อไม่สามารถที่จะป้องกันตำแหน่งไว้ได้เลยแม้สักครั้งเดียว โดยป้องกันตำแหน่งครั้งแรกก็แพ้แตก \"ไอ้ผมม้า\" มูน ซัง กิล นักมวยเกาหลีใต้ ถึงโซล ประเทศของผู้ท้าชิง และเมื่อได้โอกาสแก้มือ แม้สามารถเอาชนะไปได้ ได้แชมป์โลกกลับคืน เมื่อต้องป้องกันตำแหน่งครั้งแรก ในสมัยที่ 2 แพ้ทีเคโอ หลุยส์ ซีโต้ เอสปิโนซา นักมวยชาวฟิลิปปินส์ ไปในยกแรก แบบไม่น่าเชื่อ เพราะการชกยังไม่ทันได้เริ่มขึ้นเท่าไหร่ เขาค้อ จู่ ๆ ก็ล้มลงบนเวทีเสียเฉย ๆ โดยไม่ได้ถูกหมัดของคู่ชก และกรรมการก็ได้โบกมือยุติการชกทันที ด้วยเวลาเพียง 2.13 นาทีของยกแรกเท่านั้น",
"เรดเวลเวดได้เปิดตัวซิงเกิ้ลดิจิตอลเป็นครั้งที่สองด้วยเพลง \"บีแนชเจอเรล\" และมิวสิควิดีโอในวันที่ 13 ตุลาคม 2014 ซึ่งรวมถึงท่อนแร็ปภายในเพลง โดยสมาชิกเอ็นซีที แทยง โดยเป็นการรีเมคเพลงอีกครั้งของวง SES ที่แต่งขึ้นปี 2000 ซึ่งเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปวงแรกของเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ มิวสิกวิดีโอสำหรับเพลงกำกับโดย Kwon Soon-wook และ Shim Jae-won ออกแบบท่าเต้นโดย Kyle Hanagami ซึ่งรูปแบบแบบท่าเต้นได้มีการเปิดเผยให้เห็นก่อนหน้านี้ในทีเซอร์ของ ไอรีน และ ซึลกิ ระหว่างที่เยังป็นส่วนหนึ่งของเอสเอ็มรุกกี้ โดยวงเริ่มโปรโมตในวันที่ 9 ตุลาคม ด้วยการปรากฏตัวครั้งแรกในรายการเพลง M Countdown เพลงขึ้นยอดสูงสุดในอันดับที่ 33 บน Gaon Digital Chart และอันดับ 6 ของ Billboard's World Digital Songs chart",
"บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ เป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย โดยบริษัทได้ก่อตั้ง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เพื่อเข้ารับสัมปทานโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร สายอ่อนนุช - หมอชิต \n(รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน) และสนามกีฬาแห่งชาติ - สาทร (รถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม) จากกรุงเทพมหานคร ซึ่งบริษัทได้ชำระหนี้สิ้นที่ผูกมัดกับโครงการทั้งหมดไปเมื่อ พ.ศ. 2553 และดำเนินการขายรายได้ในอนาคตเข้ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2556 ทำให้ปัจจุบันบริษัทอยู่ในสภาวะปลอดหนี้จากการลงทุนระบบขนส่งมวลชน",
"หลังจากที่เข้าร่วมอย่างไม่ค่อยเต็มในเท่าไหร่ เธอก็ค่อยๆเปลี่ยนไปและเต็มใจจะอยู่กับฝ่ายนี้ในท้ายที่สุด เธอประมือกับทีม X-Men เธอเคยลอบสังหาร วุฒิสมาชิกเคลลี่ ด้วยแต่ก็ถูกขัดขวางไว้โดยมนุษย์กลายพันธุ์ฝ่ายดีทุกครั้ง แต่ยิ่งเธอใช้พลังมากเท่าไหร่ จิตใจของโร้คก็ยิ่งแตกสลายมากขึ้นเท่านั้น จนถึงขั้นที่เธอต้องเข้าพบจิตแพทย์ ฟางเส้นสุดท้ายของเธอกับมิสทีคขาดสะบั้นลง เมื่อโร้คตาสว่างพบว่าแท้จริงแล้วนี่คือแผนร้าย ที่อีกฝ่ายตั้งใจหลอกใช้กันมาตลอด เธอจึงหันหน้าเข้าหาศาสตราจารย์ทเอ็กซ์ และพลพรรคเอ็กซ์ทีม ขอร้องให้เธอควบคุมพลังให้ได้เสียที",
"วันที่ 4 พฤษภาคม 2553 บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยการได้มาซึ่งหุ้นสามัญของบีทีเอสซี ร้อยละ 94.60 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบีทีเอสซี และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ทำให้ธุรกิจหลักของกลุ่มเปลี่ยนไปเป็นธุรกิจระบบขนส่งมวลชน",
"ในปี 2011 เอเคบีโฟร์ตีเอต ได้ก่อตั้งวงน้องสาวนอกประเทศญี่ปุ่นวงแรกในชื่อ เจเคทีโฟร์ตีเอต (JKT48) ซึ่งประจำอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ตามด้วยวงน้องสาวที่ประเทศจีน เอสเอ็นเอชโฟร์ตีเอต (SNH48) ประจำเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่ภายหลังเอเคบีได้ยกเลิกสัญญาไม่ให้เป็นวงน้องสาวอีกต่อไปตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2016 ซึ่งเอสเอ็นเอชก็ได้ประกาศเช่นกันว่าตนเองไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเอเคบีมาตั้งแต่แรกและไม่เคยทำสัญญาใด ๆ กับทางวงมาก่อน นอกจากนี้ วงยังได้ประกาศจัดตั้งวงน้องสาววงใหม่อีก 3 วงด้วยกันในเดือนมีนาคม 2016 ได้แก่บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต (BNK48) ประจำกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย, เอ็มเอ็นแอลโฟร์ตีเอต (MNL48) ประจำกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์, และทีพีอีโฟร์ตีเอต (TPE48) ประจำกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน",
"อัสมา กฮาร์ ชื่อเล่น มาร์ เป็นศิลปินชาวไทย และเป็นหนึ่งในศิลปิน วงที-สเกิ๊ต ภายใต้สังกัดคีตา เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ เจ้าของเพลงดังอย่าง ไม่เท่าไหร่, เจ็บแทนได้ไหม, ฟ้องท่านเปา, เรื่องมันเศร้า และเพลง ทักคนผิด เป็นต้น",
"รถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นระบบซึ่งดำเนินการแยกต่างหากจากรถไฟฟ้ามหานคร โดยเกิดขึ้นจากการอนุมัติของกรุงเทพมหานคร ในสมัยพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เนื่องจากขณะนั้นในกรุงเทพมหานคร ไม่มีระบบขนส่งมวลชนทางราง มีการศึกษาโครงการก่อสร้างระบบรถไฟฟ้าหลายระบบเช่น รถไฟฟ้าลาวาลิน แต่มีแนวโน้มไม่ได้รับการอนุมัติการก่อสร้างจาก คณะรัฐมนตรี ขณะที่การจราจรในกรุงเทพมหานคร ติดขัดอย่างหนัก เนื่องจากปริมาณรถยนต์ที่สะสมเพิ่มมากขึ้น เป็นผลมาจากการเปิดเสรีให้สามารถนำเข้ารถยนต์ใหม่จากต่างประเทศ ในรัฐบาล อานันท์ ปันยารชุน (ก่อนหน้านี้ การนำเข้ารถยนต์ใหม่จากต่างประเทศ ต้องเสียภาษีนำเข้าสูงถึงหลายเท่าของมูลค่ารถ)",
"อาร์เอ็มเกิดเมื่อ 12 กันยายน ค.ศ.1994 ที่เขตอิลซาน เกาหลีใต้ ก่อนจะเปิดตัวกับวงบีทีเอสนั้น อาร์เอ็มเคยเป็นแร็ปเปอร์ใต้ดินภายใต้ชื่อ \"รันช์แรนดา\" (Runch Randa) และเคยร่วมงานกับซิโค สมาชิกวง บล็อกบี ในขณะที่ทั้งคู่ยังเป็นแร็ปเปอร์ใต้ดิน",
"แพตสเตเดียมเริ่มก่อสร้างพร้อมกับการก่อตั้งทีมเมื่อปี 2510 โดยหน้าตาสนามนั้นเดิมเป็นสนามฟุตบอล(ไม่มีลู่วิ่ง) ซึ่งเหมือนสนามทีโอที, ลีโอสเตเดียม และธันเดอร์โดมที่เป็นสนามบอลเก่าแก่ โดยอัฒจันทร์ด้านแรกที่เรียกว่าโซน A สร้างสูงจึงทำให้ไม่ค่อยน่าชมการแข่งขันสักเท่าไหร่ เนื่องจากว่าการก่อสร้างต้องการให้ชั้นล่างเป็นฟิตเนส และห้องนักข่าว",
"ดับเบิลยูเอเอสพี-104บีได้รับการยอมรับจากนักวิจัยว่ามันเป็นหนึ่งหนึ่งในดาวเคราะห์นอกระบบที่ดำที่สุดเท่าที่ค้นพบ พ.ศ. 2561 นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคีลได้กล่าวว่าผิวของมันดูดซับแสงได้มากกว่า 97% เพราะมีโซเดียมและโพแทสเซียมจำนวนมากบนชั้นบรรยากาศ หนังสือพิมพ์หกหน้าที่แผยแพร่ในหอสมุดมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์อธิบายเกี่ยวกับดาวเคราะห์นอกระบบดวงนี้ว่า \"ดำกว่าถ่าน\" และเห็นด้วยกับคำที่ว่า \"หนึ่งในดาวเคราะห์ที่สะท้อนแสงน้อยที่สุดเท่าที่พบในปัจจุบัน\" มีการพิจารณาว่ามีดาวเคราะห์อีกสองดวงที่ดำกว่าดับเบิลยูเอเอสพี-104บี คือทีอาร์อีเอส-2บีและดับเบิลยูเอเอสพี-12บี แสงดาวของมันถูกนำไปเปรียบเทียบกับดับเบิลยูเอเอสพี-12บีเพราะดับเบิลยูเอเอสพี-12บีสามารถดูดซับแสงได้ 94%",
"6025 ออกจากวงในช่วงเดือนมีนาคม 1979 ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีและคิดว่าตนไม่เหมาะกับแนวเพลงนี้สักเท่าไหร่ ในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน , ทางวงได้ปล่อยซิงเกิ้ลของพวกเขาออกมา \"California Über Alles โดย Jello Biafra และ East Bay Ray ได้ก่อตั้งค่ายเพลงขึ้นมา independent label, Alternative Tentacles",
"คิม นัม-จุน (; เกิด 12 กันยายน ค.ศ. 1994) หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ อาร์เอ็ม (ก่อนหน้าชื่อ แร็ปมอนสเตอร์) เป็นแร็ปเปอร์ นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์เพลงชาวเกาหลีใต้ เขาเป็นแร็ปเปอร์หลักและหัวหน้าวง บีทีเอส ภายใต้สังกัดบิกฮิตเอนเตอร์เทนเมนต์ ในปี ค.ศ. 2015 เขาได้เปิดตัวมิกซ์เทปชุดแรกในชื่อ \"อาร์เอ็ม\" เขายังได้ร่วมงานกับศิลปินอื่นหลายซิงเกิล เช่น วาเล, วาร์เรนจี, แกโค, คริซซ์ กาลีโก, เอ็มเอฟบีทีวาย และไพร์เมอรี อีกด้วย ในฐานะที่เป็นนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์หลักคนหนึ่งของวงบีทีเอส เขามีเพลงมากกว่า 100 เพลงที่ได้รับการรับรองจากสมาคมลิขสิทธิ์เพลงเกาหลี",
"โตเกียวบรอดแคสติงซิสเตม หรือ สถานีโทรทัศน์โตเกียว และ สถานีวิทยุโตเกียว (; ) เป็นกลุ่มบริษัทประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2494 ปัจจุบัน TBS มีบริษัทแม่คือ โตเกียวบรอดแคสติงซิสเตมโฮลดิงส์ (; ) โดยมีบริษัทลูกคือ ทีบีเอสเรดิโอแอนด์คอมมิวนิเคชันส์ รับหน้าที่กระจายเสียงวิทยุภายใต้ชื่อ ทีบีเอสเรดิโอ (ความถี่เอเอ็ม 954 กิโลเฮิร์ตซ์ และเอฟเอ็ม 90.5 เมกะเฮิร์ตซ์) และ ทีบีเอสเทเลวิชัน รับหน้าที่แพร่ภาพสถานีโทรทัศน์ในเขตภูมิภาคคันโต (ช่อง 6)",
"สมัยนั้นนักร้องดังๆไม่ค่อยมีมากสักเท่าไหร่ การที่วงจันทร์ ไพโรจน์ ไปร้องที่ไหนก็ได้รับความสนใจจากแฟนเพลงทุกที่ จนกลายเป็นธรรมเนียมที่ทางเจ้าของงานที่จ้างวงไปแสดง จะต้องให้ค่าเหนื่อยกับเธอต่างหากอีก 500 บาท ทำให้ในการเดินสายแต่ละครั้ง วงจันทร์ ไพโรจน์ จะได้ค่าตัวรวมแล้วถึง 1,500 บาท",
"อนึ่ง กรุงเทพมหานคร ได้จัดการประชุมสอบถามความเห็นไปยังเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอสซี บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสกรุ๊ป บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เสียงจากเอกชนส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าควรให้กลุ่มบีทีเอสเป็นผู้รับสัมปทานแต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากการมอบโครงการให้เอกชนรายอื่นเข้ามาบริหาร เกรงว่าจะเกิดความเสี่ยงต่อการดำเนินการ และอาจทำให้การดำเนินการในอนาคตมีปัญหาตามมา",
"รักนิด ๆ คิดเท่าไหร่ เป็นละครโทรทัศน์แนวโรแมนติก-คอมเมดี้ บทประพันธ์ของ นุกูล บุญเอี่ยม, วัชระ ปานเอี่ยม บทโทรทัศน์โดย พิสุทธิ์ แพร่แสงเอี่ยม กำกับการแสดงโดย นุกูล บุญเอี่ยม ผลิตโดย บริษัท ทีวี ธันเดอร์ จำกัดออกอากาศทุกวันเสาร์–อาทิตย์ เวลา 11.00–11.45 น. ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 นำแสดงโดย เคลลี่ ธนะพัฒน์, น้ำฝน โกมลฐิติ และนักแสดงชั้นนำอีกมากมาย",
"เอสเคอีโฟร์ตีเอต (SKE48) เป็นวงน้องสาววงแรกของเอเคบีโฟร์ตีเอต ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 และมีโรงละครประจำวงที่นาโงยะ ส่วนเอสดีเอ็นโฟร์ตีเอต (SDN48), เอ็นเอ็มบีโฟร์ตีเอต (NMB48) ที่นัมบะ, และเอชเคทีโฟร์ตีเอต (HKT48) ที่ฮากาตะ ได้ก่อตั้งขึ้นภายในเวลาต่อมา หลังจากนั้น เอ็นจีทีโฟร์ตีเอต (NGT48) ก็ได้ก่อตั้งขึ้นเช่นกันในปี 2015 ที่นีงาตะ ส่วนเอสทียูโฟร์ตีเอต (STU48) วงน้องสาวล่าสุด ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2016 ในงานแข่งขันจังเก็น (เป่ายิงฉุบ) ประจำปี ซึ่งวงนี้มีสถานที่ตั้งโรงละครไม่เหมือนกับวงอื่น โดยจะตั้งอยู่บนเรือแทนที่จะอยู่ในเมือง นอกจากนี้เอเคบีโฟร์ตีเอตยังได้สร้าง \"วงคู่แข่งอย่างเป็นทางการ\" ในชื่อโนกิซากะโฟร์ตีซิกซ์ (Nogizaka46) และวงน้องสาวของวงดังกล่าวในชื่อเคยากิซากะโฟร์ตีซิกซ์ (Keyakizaka46) เช่นกัน",
"เริ่มมีผลงานเพลงตั้งแต่ปี 2538 โดยวงที-สเกิ๊ตนั้น ประกอบสมาชิก 3 คนด้วยกัน คือ อัสมา กฮาร (มาร์) ดวงพร สนธิขันธ์ (จอย) และ ธิติยา นพพงษากิจ (กิ๊ฟท์) มีผลงาน 2 อัลบั้มเต็ม และ 1 อัลบั้มพิเศษก่อนที่ทางค่ายคีตา เรคคอร์ดส จะปิดตัวลงไปเมื่อปี 2539 ผลงานเด่นคือเพลง ไม่เท่าไหร่, เจ็บแทนได้ไหม, ฟ้องท่านเปา, เรื่องมันเศร้า และเพลง ทักคนผิด เป็นต้น ผลงานอัลบั้มชุดแรกชื่อว่า \"T-Skirt\" ออกวางจำหน่ายกลางปี 2538 โดยรายชื่อเพลงมีดังนี้ 1.ไม่เท่าไหร่ 2.เจ็บแทนได้ไหม 3.เรื่องมันเศร้า 4.อย่าเล่นอย่างนี้ 5.ทักคนผิด 6.ฟ้องท่านเปา 7.วันที่ไม่เหงา 8.ทำให้เสร็จ 9.ซึ้ง ๆ หน่อย 10. เพื่อนกัน",
"เฟอร์รารี่ 599 จีทีโอ (Ferrari 599 GTO) เปิดตัวในวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2010 เป็นรุ่นจำกัดจำนวนเพียง 599 คันเท่านั้น นอกจากนี้ยังเคยได้รับการจัดอันดับให้เป็น รถวิ่งบนถนน ที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยการทดสอบที่สนามแข่งฟีโอราโน ใช้เวลาเพียง 1.24 นาที เท่านั้น ซึ่งเร็วกว่า เฟอร์รารี่ เอ็นโซ 599 จีทีโอ มีน้ำหนัก 1,605 กิโลกรัม ซึ่งเบากว่า จีทีบีทั่วๆไป รถสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 335 กม./ชม. (208 ไมล์/ชม.) และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ด้วยเวลาเพียง 3.35 วินาที \nเฟอร์รารี่ 599 เอสเอ อเพอร์ตา (Ferrari 599 SA Aperta) เป็นรุ่นเปิดประทุน ของ 599 โดยตัวเครื่องนำมาจาก 599 จีทีโอ รถได้เปิดตัวครั้งแรกที่งานปารีสมอเตอร์โชว์ ปี ค.ศ. 2012 โดยคำว่า \"เอสเอ\" เป็นการให้เกียรตินักออกแบบรถยนต์ทั้ง 2 บุคคล ได้แก่ Sergio Pininfarina และ Andrea Pininfarina จะมีเพียง 80 คันเท่านั้น ที่จะถูกจำหน่ายลงสู่ตลาด",
"มิวสิกวิดีโอนี้เผยแพร่ครั้งแรกในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557 ถ่ายที่สตูดิโอรัตนโกสินทร์ศก ย่านสี่พระยา โดยมี เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา มาเป็นนางมิวสิกวิดีโอนี้ เรื่องราวของกั้งแอบชอบเอสเธอร์มานาน แต่ก็ได้เก็บไว้ในใจ เพราะเอสเธอร์มีแฟนแล้ว จนวันนึงเอสเธอร์อกหัก กั้งเลยเข้าไปช่วยดูแล เพื่อช่วยให้เอสเธอร์ผ่านการออดิชั่นให้ได้ ในฉากของเอสเธอร์กำลังซ้อมเต้นอยู่คนเดียว แต่ว่าเต้นเท่าไหร่ ก็เต้นไม่ได้ซักที เพราะก็มีแต่ภาพแฟนเก่าตอนที่เคยเต้นด้วยกันเข้ามาในหัว กั้งมาเห็นเลยเข้าไปช่วยเป็นคู่เต้นให้เอสเธอร์แทน ก่อนถ่ายกั้งและเอสเธอร์ขอเวลานอกทวนท่ากับครูฝึกเพื่อความแม่นยำ กั้งและเอสเธอร์ก็โชว์ลีลาเต้นได้พริ้วสุดๆ แถมจังหวะที่ทั้งคู่ต้องยังจ้องตากันหวานเยิ้มก็ไม่สะดุด จนมาถึง กั้งเห็นความน่ารักของเอสเธอร์ ก็อดใจไม่ไหว เผลอตัวเผลอใจก้มลงจูบเอสเธอร์ งานนี้กั้งกลับเป็นฝ่ายตกม้าตายเพราะจู่ๆ ก็หลุดเขินสาวเอสเธอร์ขึ้นมาซะงั้น แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี"
] |
วิกตอเรียส์ซีเคร็ต ก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่? | [
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตนั้นถูกก่อตั้งขึ้นโดย รอย เรย์มอนด์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 1977[1] โดยวิกตอเรียส์ซีเคร็ตสาขาแรกได้ถือกำเนิดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก, แคลิฟอร์เนีย ต้นเหตุของการก่อตั้งวิกตอเรียส์ซีเคร็ต มาจากความรู้สึกเขินอายของรอยที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาเวลาที่เขาไปเลือกซื้อชุดชั้นในให้ภรรยาที่ห้างสรรพสินค้า นอกจากนั้นในช่วงปี 1970 ถึง 1980 ผู้หญิงอเมริกันในยุคนั้นจะชอบซื้อชุดชั้นในเป็นแพ็ค แพ็คละ3ชิ้นมาใส่ ซึ่งเป็นชุดชั้นในที่ไม่สวย เรียบ และดูล้าสมัย โดยชุดชั้นในที่มีลวดลายสวยงามหรือมีลูกไม้ จะเก็บเอาไว้ใส่ในเฉพาะโอกาสสำคัญหรือโอกาสพิเศษเช่นการไปฮันนีมูนเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว รอยจึงได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับตลาดชุดชั้นใน และได้กู้เงินจำนวนประมาณ 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ (40,000 ดอลลาร์กู้จากพ่อแม่ของเขา และอีก 40,000 ดอลลาร์กู้จากธนาคาร) เพื่อนำมาสร้างเป็น \"วิกตอเรียส์ซีเคร็ต\" ร้านชุดชั้นในที่มีความประสงค์ให้ผู้ชายหรือสามีที่ต้องมาซื้อชุดชั้นในให้ภรรยานั้นไม่มีความเขินอายและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น"
] | [
"เป็นประจำในทุกๆปี ที่วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะเลือกหนึ่งในนางฟ้าให้สวมใส่ \"แฟนตาซีบรา\" ซึ่งเป็นบราที่ทำจากอัญมณีต่างๆ ซึ่งแต่เดิมแฟนตาซีบราถูกผลิตขึ้นเพื่อถ่ายโฆษณาลงในแคตตาล็อกของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตเพียงเท่านั้น แต่ว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เป็นต้นมา แฟนตาซีบราก็ได้ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ด้วย โดยก่อนที่จะถึงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ในแต่ละปี วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะร่วมมือกับแบรนด์หรือนักออกแบบอัญมณีที่มีชื่อเสียง เพื่อทำการผลิตแฟนตาซีบรา ที่จะนำไปเป็นไฮไลท์สำคัญในแฟชั่นโชว์ของปีนั้นๆ",
"ในปี ค.ศ. 1982 วิกตอเรียส์ซีเคร็ตมีสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 6 สาขา และมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่จากความตั้งใจเดิมของรอยที่ต้องการจะเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าผู้ชายหรือสามีที่มาซื้อชุดชั้นในให้ภรรยานั้นเริ่มไม่ได้ผลตอบรับที่ดีเท่าที่ควร ทำให้บริษัทเริ่มมีปัญหาทางด้านการเงินและเสี่ยงจะล้มละลาย จนในที่สุดรอยก็ได้ตัดสินใจขายวิกตอเรียส์ซีเคร็ตให้กับ เลสลี เวกซ์เนอร์ จากบริษัทลิมิทิด ด้วยราคา 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2][3]",
"ในปี ค.ศ. 1985 ฮาวเวิร์ด กรอสส์ ได้เลื่อนจากตำแหน่งรองประธานกรรมการ ขึ้นสู่ตำแหน่งประธานกรรมการของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต[5]",
"ในปี ค.ศ. 1983 เลสลี เวกซ์เนอร์ ได้ทำการปรับปรุงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตในรูปโฉมใหม่ จากเดิมที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าผู้ชายหรือสามี มาเป็นกลุ่มลูกค้าผู้หญิง[4] ทั้งการออกแบบ สไตล์ และสีสันของชุดชั้นใน ที่มีการปรับเปลี่ยนให้ดูเซ็กซี่ มีรสนิยม ดูหรูหราในแบบยุโรป เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการดึงดูดความสนใจของกลุ่มลูกค้าผู้หญิง[4] อีกหนึ่งกลยุทธ์คือการโกหกสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต ที่ได้พิมพ์ระบุที่อยู่ลงไปในแค็ตตาล็อกว่าสำนักงานใหญ่นั้นอยู่ที่กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นที่อยู่หลอก ๆ เพราะความจริงแล้วสำนักงานใหญ่นั้นอยู่ที่เมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ[4] นอกจากนี้แล้ววิกตอเรียส์ซีเคร็ตยังได้ตกแต่งร้านใหม่ให้เป็นแบบอย่างอังกฤษในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ด้วย",
"ปี ค.ศ. 1999 ระหว่าง ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 33 วิกตอเรียส์ซีเคร็ต ประกาศนับถอยหลัง 72 ชั่วโมงสำหรับการออกอากาศทางอินเทอร์เน็ตของงานวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ ซึ่งส่งผลให้มีผู้ชมบนอินเทอร์เน็ตกว่า 2 ล้านคนในรายการ.[1] โดยการแสดงโชว์ออกอากาศบนเว็บไซต์ Broadcast.com[2][3]",
"บุคคลที่ได้เซ็นสัญญาเป็นนางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ตในปัจจุบัน ระบุในตารางด้านล่างนี้",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ 2014 (อังกฤษ: Victoria's Secret Fashion Show 2014) เป็นการแสดงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ประจำปีที่ได้รับการสนับสนุนจากวิกตอเรียส์ซีเคร็ต แบรนด์ชุดชั้นในและชุดนอน วิกตอเรียส์ซีเคร็ตใช้เพื่อเป็นการโปรโมตและทำการตลาดสินค้า โดยการแสดงมีนางแบบชั้นนำของโลก เช่น นางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต เช่น อาดรียานา ลีมา, อาเลซังดรา อังบรอซียู, คาร์ลี คลอสส์, ลินด์ซีย์ เอลลิงสัน, กันดิส สวาเนปุล, เดาท์เซน โครส์, ลิลี ออลดริดจ์, และเบฮาตี ปรินส์ลัว",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ (English: Victoria's Secret Fashion Show) เป็นงานแสดงแฟชั่นโชว์ประจำปีของแบรนด์ชุดชั้นในวิกตอเรียส์ซีเคร็ต เพื่อเป็นการใช้โปรโมตสินค้า โดยมีนางแบบชื่อดังจากทั่วโลกมาร่วมเดินแบบ อย่างนางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ตในปัจจุบัน คือ อาดรียานา ลีมา, เบฮาตี ปรินส์ลัว, ลิลี ออลดริดจ์, กันดิส สวาเนปุล, แจสมิน ทุกส์, โจเซฟีน สไครเวอร์, ซารา ซังไปยู, เทย์เลอร์ ฮิลล์, มาร์ธา ฮันต์, โรเม สไตรด์, ไลส์ รีเบย์รู, สเตลลา แม็กซ์เวลล์, และเอลซา ฮอสค์",
"นี่คือรายชื่อปัจจุบันและอดีตของ เหล่านางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต และนางแบบที่ได้ร่วมเดินในงาน วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ จากปี ค.ศ.1995",
"ในปี ค.ศ. 1999 วิกตอเรียส์ซีเคร็ตได้สร้างยี่ห้อย่อยขึ้นมา มีชื่อว่า \"บอดี้ บาย วิกตอเรีย\"[15]",
"ในปี ค.ศ. 2009 แฟชั่นโชว์จัดขึ้นที่เลกซิงตันอเวนิวอาร์โมรี ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นที่เดียวในครั้งสุดท้ายในปี ค.ศ. 2005 โชว์ในปี ค.ศ. 2009 นั้นเริ่มค้นหานางแบบหน้าใหม่ เรียกว่า \"วิกตอเรียส์ซีเคร็ต โมเดล เซิช\" เพื่อค้นหาวิกตอเรียส์ซีเคร็ต \"รันเวย์ แองเจิล\" และได้ผู้ชนะคือ ไคย์ลี บิซัตตี[14]",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ครั้งแรกถูกจัดขึ้นในปี ค.ศ. 1995 โดยวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ในช่วงปี ค.ศ. 1995 - ค.ศ. 1998 นั้นจะยังไม่มีการถ่ายทอดให้ผู้ชมทางบ้านได้ชม ต่อมาในช่วงปี ค.ศ. 1999 - ค.ศ. 2000 จึงได้มีการถ่ายทอดออนไลน์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต และในปี ค.ศ. 2001 จึงได้มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์จนถึงปัจจุบัน",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ 2017 () เป็นการแสดงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ประจำปีที่ได้รับการสนับสนุนจากวิกตอเรียส์ซีเคร็ต แบรนด์ชุดชั้นในและชุดนอน วิกตอเรียส์ซีเคร็ตใช้เพื่อเป็นการโปรโมตและทำการตลาดสินค้า โดยการแสดงมีนางแบบชั้นนำของโลก เช่น นางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต คือ ลิลี ออลดริดจ์, เอลซา ฮอสค์, เทย์เลอร์ ฮิลล์, มาร์ธา ฮันต์, อาดรียานา ลีมา, สเตลลา แม็กซ์เวลล์, ไลส์ รีเบย์รู, ซารา ซังไปยู, โจเซฟีน สไครเวอร์, โรเม สไตรด์, กันดิส สวาเนปุล, แจสมิน ทุกส์, อาเลซังดรา อังบรอซียูที่เดินแบบให้งานวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์เป็นครั้งสุดท้ายของเธอ และเบฮาตี ปรินส์ลัวพลาดการแสดงในครั้งนี้ เนื่องจากเธอตั้งครรภ์",
"ในปี ค.ศ. 1987 แค็ตตาล็อกของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตนั้นถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของ \"แค็ตตาล็อกที่ขายดีและได้รับความนิยม\"[8] ในปี ค.ศ. 1990, นักวิเคราะห์ได้ประเมินถึงยอดขายของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 4 ปีหลัง ว่าเกิดจากการถูกพูดถึงและแนะนำกันแบบปากต่อปาก นั่นจึงทำให้วิกตอเรียส์ซีเคร็ตได้รับการจัดให้เป็นยี่ห้อหนึ่งที่มีการเติบโตที่รวดเร็วที่สุดในวงการธุรกิจ[9]",
"ในปี ค.ศ. 2006 และ ค.ศ. 2007 ได้จัดขึ้นที่โรงละครโกดักที่ลอสแอนเจลิส เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแองเจิล ได้รับเกียรติให้มีดาวบน ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม ซึ่งอยู่ด้านนอกของโรงละครโกดัก[9][10] ปี ค.ศ. 2007 เหล่านางฟ้า ได้ร่วมเฉลิมฉลองในงาน วันครบรอบ 25 ปี วิกตอเรียส์ซีเคร็ต บนถนนหลวงฮอลลีวูด มีเหล่านางฟ้าที่มาร่วมงาน คือ ไฮดี คลูม, อาดรีอานา ลิมา, อเลสซานดรา แอมโบรซิโอ, คาโรลินา เคอร์โควา, เซลิต้า ออแบงส์, อีซาเบล โกลาร์ต, มาริสา มิลเลอร์, และ มิแรนดา เคอร์ และคนอื่นๆที่ปรากฏในปีนั้น[11]",
"ในปี ค.ศ. 1998 มีการรายงานว่าวิกตอเรียส์ซีเคร็ตนั้นมีส่วนแบ่งการตลาดกับยี่ห้อเครื่องแต่งกายอื่น ๆ อยู่ที่ประมาณ 14 เปอร์เซนต์ อย่างไรก็ตามในปีเดียวกัน วิกตอเรียส์ซีเคร็ตมีรายรับ 3,500 ล้านดอลลาร์ลหรัฐ จากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอาง[14]",
"ในช่วงต้นของคริสต์ทศวรรษ 1990 วิกตอเรียส์ซีเคร็ตต้องเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับช่องว่างในการบริหาร เมื่อฮาวเวิร์ด กรอสส์ ประธานกรรมการของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต ซึ่งเป็นผู้ที่พัฒนาวิกตอเรียส์ซีเคร็ตมาสู่การเป็นยี่ห้อชุดชั้นในแถวหน้า ได้ย้ายไปบริหารยี่ห้อที่ชื่อว่า แอลแบรนดส์ ซึ่งเป็นยี่ห้อย่อยของบริษัทลิมิทิด แต่ผลงานออกมาไม่เป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงกลายเป็นว่า ทั้งวิกตอเรียส์ซีเคร็ตและแอลแบรนดส์ต่างก็ประสบกับปัญหาด้วยกันทั้งคู่[10]",
"ในปี 2007 นางฟ้าของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต ได้ถูกรับเลือกเป็นหนึ่งใน \"100 บุคคลที่สวยงามที่สุดในโลก\" ในนิตยสารพีเพิล ของสหรัฐอเมริกา[30]",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตทำยอดขายในปีแรกได้ประมาณ 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากพอที่จะนำไปขยายสาขาเพิ่มได้อีกถึง 4 สาขา และได้มีการเปิดระบบรับสั่งสินค้าผ่านทางอีเมลขึ้นด้วย",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ เป็นแฟชั่นโชว์ประจำปีของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นโชว์ที่สำคัญและมีผู้รอชมทั่วโลก โดยวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์นั้นถูกจัดขึ้นเพื่อใช้ในในการโปรโมตสินค้าโดยเฉพาะชุดชั้นในของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต ซึ่งในแต่ละปีก็จะประกอบไปด้วยนางแบบชื่อดังระดับโลกที่เข้าร่วมเดินในแฟชั่นโชว์นี้",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ 2015 (อังกฤษ: Victoria's Secret Fashion Show 2015) เป็นการแสดงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ประจำปีที่ได้รับการสนับสนุนจากวิกตอเรียส์ซีเคร็ต แบรนด์ชุดชั้นในและชุดนอน วิกตอเรียส์ซีเคร็ตใช้เพื่อเป็นการโปรโมตและทำการตลาดสินค้า โดยการแสดงมีนางแบบชั้นนำของโลก เช่น นางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต คือ อาดรียานา ลีมา, อาเลซังดรา อังบรอซียู, กันดิส สวาเนปุล, ลิลี ออลดริดจ์, เบฮาตี ปรินส์ลัว, เอลซา ฮอสค์, ไลส์ รีเบย์รู, ซารา ซังไปยู, เจค จากาเชียค, เคท กริโกเรียวา, มาร์ธา ฮันต์, เทย์เลอร์ ฮิลล์, แจสมิน ทุกส์, โรเม สไตรด์, และสเตลลา แม็กซ์เวลล์",
"เป็นประจำในทุก ๆ ปี ที่วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะเลือกหนึ่งในนางฟ้าให้สวมใส่ \"แฟนตาซีบรา\" ซึ่งเป็นบราที่ทำจากอัญมณีต่าง ๆ ซึ่งแต่เดิมแฟนตาซีบราถูกผลิตขึ้นเพื่อถ่ายโฆษณาลงในแค็ตตาล็อกของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตเพียงเท่านั้น แต่ว่าตั้งแต่ปี ค.ศ. 2001 เป็นต้นมา แฟนตาซีบราก็ได้ถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ด้วย โดยก่อนที่จะถึงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ในแต่ละปี วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะร่วมมือกับแบรนด์หรือนักออกแบบอัญมณีที่มีชื่อเสียง เพื่อทำการผลิตแฟนตาซีบรา ที่จะนำไปเป็นไฮไลท์สำคัญในแฟชั่นโชว์ของปีนั้น ๆ",
"การแสดงแฟชั่นโชว์มักจะจัดอย่างหรูหรา กับชุดชั้นในที่ออกแบบให้ประณีต และเพลงที่แตกต่างกันจากนักร้องชั้นนำของโลก และการออกแบบตามธีมต่าง ๆ ที่แสดงโชว์ การแสดงนี้มักดึงดูดผู้ชมที่มีชื่อเสียงและนักบันเทิงหลายคน รวมถึงนักแสดงในทุก ๆ ปี ในแต่ละปีมีนางแบบชั้นนำของโลกยี่สิบถึงสี่สิบคน มาร่วมเดินแบบโชว์ รวมถึงนางแบบที่เซ็นสัญญากับบริษัท ซึ่งรู้จักกันในนามของ วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแองเจิล ซึ่งจะช่วยโปรโมตงานและสินค้า ปีกนางฟ้ายักษ์ที่สวมใส่โดยนางแบบ ตลอดจนปีกอื่น ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ และขนาด เช่น ปีกผีเสื้อ ปีกขนนกยูง หรือ ปีกปีศาจ ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์วิกตอเรียส์ซีเคร็ต",
"นิตยสาร เดอะนิวยอร์กไทมส์ ได้รายงานถึงการขยายตัวอย่างรวดเร็วของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต จาก 4 สาขาในปี ค.ศ. 1982 เพิ่มขึ้นเป็น 100 สาขาในปี ค.ศ. 1986 ซึ่งใช้เวลาเพียง 4 ปี โดยเหล่านักวิเคราะห์นั้นได้คาดการณ์ว่าวิกตอเรียส์ซีเคร็ตจะสามารถขยายสาขาได้เป็น 400 สาขา ภายในปี ค.ศ. 1988[6][7]",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ต (English: Victoria's Secret) เป็นยี่ห้อของชุดชั้นในสตรีและผลิตภัณฑ์ด้านความงามชื่อดังของสหรัฐอเมริกา มีชื่อเสียงจากการจัดแฟชั่นโชว์และแค็ตตาล็อกประจำปี ซึ่งประกอบไปด้วยนางแบบชื่อดังในวงการ",
"สิ่งหนึ่งที่ทำให้วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์มีผู้รอชมทั่วโลกนั่นก็คือการแสดงจากศิลปินชั้นนำระดับโลกที่ได้มาร่วมแสดงโชว์บนเวที อาทิ เลดี้กาก้า เทย์เลอร์ สวิฟต์, จัสติน บีเบอร์, เคที เพอร์รี, ริฮานนา, มารูนไฟฟ์, บรูโน มาร์ส, นิกกี มินาจ, เดอะวีกเอนด์, แบล็กอายด์พีส์, เอคอน, จัสติน ทิมเบอร์เลค, อัชเชอร์ และเจย์-ซี เป็นต้น และอีกส่วนที่เป็นสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้สำหรับวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์นั่นก็คือปีกที่สร้างสรรค์ออกมาให้นางแบบได้ใส่ประกอบชุดในทุก ๆ ปี โดยแต่ละปีกนั้นจะถูกออกแบบให้เข้ากับแต่ละโชว์หรือเซกเมนต์ต่างกันไป",
"\"นางฟ้า\" ของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต คือกลุ่มนางแบบที่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทและอยู่ในตำแหน่งพรีเซ็นเตอร์ของสินค้า นางฟ้าของวิกตอเรียส์ซีเคร็ตถูกก่อตั้งครั้งแรกในปี 1997 โดยมีดานิแอลา แป็ชโตวา, กาเริน มึลเดอร์, เฮเลนา คริสเตนเซน, สเตฟานี ซีมอร์ และไทรา แบงส์ เป็นนางแบบกลุ่มแรกที่เซ็นสัญญาเป็นนางฟ้าของวิกตอเรียส์ซีเคร็ต[29] และได้เปิดตัวบนรันเวย์ครั้งแรกในปี 1998 ซึ่งเป็นการจัดวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ครั้งที่ 4 โดยในครั้งนั้น เฮเลนา คริสเตนเซน ไม่สามารถมาร่วมเดินแบบได้ จึงให้แชนดรา นอร์ท สวมปีกเป็นนางฟ้าตัวแทน",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตได้เปิดตัว \"มิราเคิลบรา\" ซึ่งจำหน่ายในราคา 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีแรก แต่ก็ต้องเผชิญกับคู่แข่งนั่นคือซาร่า ลี จากยี่ห้อวอนเดอร์บรา ในปีต่อมา วิกตอเรียส์ซีเคร็ตจึงได้ใช้กลยุทธ์ใหม่นั่นคือการโฆษณาทางโทรทัศน์[13]",
"วิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ 2016 () เป็นการแสดงวิกตอเรียส์ซีเคร็ตแฟชั่นโชว์ประจำปีที่ได้รับการสนับสนุนจากวิกตอเรียส์ซีเคร็ต แบรนด์ชุดชั้นในและชุดนอน วิกตอเรียส์ซีเคร็ตใช้เพื่อเป็นการโปรโมตและทำการตลาดสินค้า โดยการแสดงมีนางแบบชั้นนำของโลก เช่น นางฟ้าวิกตอเรียส์ซีเคร็ต คือ ลิลี ออลดริดจ์, เอลซา ฮอสค์, เทย์เลอร์ ฮิลล์, มาร์ธา ฮันต์, อาดรียานา ลีมา, สเตลลา แม็กซ์เวลล์, ไลส์ รีเบย์รู, ซารา ซังไปยู, โจเซฟีน สไครเวอร์, โรเม สไตรด์, แจสมิน ทุกส์, และอาเลซังดรา อังบรอซียู ส่วนเบฮาตี ปรินส์ลัว และกันดิส สวาเนปุล พลาดการแสดงในครั้งนี้ เนื่องจากพวกเธอตั้งครรภ์ การแสดงยังให้ความสำคัญ PINK spokesmodels คือ ราเชล ฮิลเบิร์ต, ซูรี ทิบบี้, เกรซ เอลิซาเบธ"
] |
โรคเอดส์ สามารถรักษาได้หรือไม่? | [
"ปัจจุบันการรักษาผู้ป่วยเอดส์และผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถชะลอการดำเนินโรคได้ แต่ยังไม่มีหนทางรักษาให้หายขาด ไม่มีวัคซีนป้องกัน ยาต้านไวรัสสามารถลดอัตราการตายและภาวะทุพพลภาพได้ดี แต่ยาเหล่านี้ยังมีราคาแพง"
] | [
"นิยามหลักๆ ของเอดส์มีสองนิยาม ทั้งสองนิยามได้รับการกำหนดโดยซีดีซี (Centers for Disease Control and Prevention) โดยนิยามเดิมอาศัยโรคที่พบร่วมกับเอดส์ เช่น พยาธิสภาพของต่อมน้ำเหลือง (lymphadenopathy) ซึ่งเป็นโรคที่เคยใช้เป็นชื่อของไวรัสเอชไอวี[10][11] ในปี ค.ศ. 1993 ซีดีซีได้ขยายคำนิยามสำหรับโรคเอดส์ให้ครอบคลุมถึงผู้มีผลตรวจเอชไอวีเป็นบวกทุกคนที่มีระดับเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 น้อยกว่า 200 เซลล์ต่อไมโครลิตร หรือน้อยกว่า 14% ของเม็ดเลือดขาวลิมโฟไซต์ทั้งหมด[12] กรณีผู้ป่วยเอดส์รายใหม่ๆ ในประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ได้รับการวินิจฉัยโดยใช้นิยามนี้หรือนิยามเดิมปี ค.ศ. 1993 โดยคำวินิจฉัยเอดส์นั้นจะยังคงอยู่แม้ระดับ CD4 จะสูงกว่า 200 เซลล์ต่อไมโครลิตร หรือโรคที่พบร่วมกับเอดส์จะหายแล้ว หลังการรักษา",
"เจ้าหญิงไดอานาทรงเริ่มปฏิบัติพระกรณียกิจเพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจผู้ป่วยโรคเอดส์ตั้งแต่ พ.ศ. 2525[128] เป็นต้นมา ใน พ.ศ. 2532 เจ้าหญิงเสด็จฯ ไปทรงเปิดศูนย์บริการสุขภาพเพื่อผู้ป่วยโรคเอดส์แลนด์มาร์ก ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน[129][130] พระองค์ทรงไม่รังเกียจที่จะสัมผัสร่างกายผู้ป่วยเอดส์ ทั้งที่การแพทย์ในสมัยนั้นยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าโรคเอดส์สามารถติดต่อผ่านทางการสัมผัส[106][131][132] เจ้าหญิงจึงถือเป็นสมาชิกพระราชวงศ์อังกฤษพระองค์แรกที่ทรงสัมผัสผู้ป่วยโรคเอดส์[128] ทรงพยายามลบล้างความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์ โดยทรงกุมมือผู้ป่วยโรคเอดส์คนหนึ่งในระหว่างเสด็จฯ เยี่ยมโรงพยาบาลเมื่อ พ.ศ. 2530 ทรงมีรับสั่งในเวลาต่อมาว่า “ผู้ป่วยเชื้อเอชไอวีไม่ได้น่ากลัวอย่างหลายคนคิด เราสามารถจับมือและโอบกอดพวกเขาได้ สวรรค์เท่านั้นที่ทรงรู้ว่าพวกเขาต้องการ ยิ่งกว่านั้น เรายังสามารถอยู่อาศัยในบ้านเดียวกันร่วมกับผู้ป่วยได้ ทำงานในสถานที่เดียวกันได้ ตลอดทั้งใช้สนามเด็กเล่นและของเล่นร่วมกันได้อีกด้วย”[101][133][134] เจ้าหญิงไดอานาทรงไม่พอทัยเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถทรงไม่โปรดให้พระองค์ทรงงานการกุศลเกี่ยวผู้ป่วยเอดส์ พร้อมทั้งทรงแนะนำให้เจ้าหญิงเลือกปฏิบัติพระราชกิจที่ “น่าอภิรมย์” มากกว่านี้[128]",
"การป้องกันและรักษาโรคฉวยโอกาส ในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือป่วยด้วยโรคฉวยโอกาส (ที่สำคัญคือ หลายโรคป้องกันได้ และทุกโรครักษาได้) การรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี เพื่อลดปริมาณไวรัสในเลือดให้น้อยที่สุดและควบคุมปริมาณไวรัสให้อยู่ในระดับต่ำนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงขึ้น ลดโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคฉวยโอกาส",
"ตุลาคม พ.ศ. 2533 เจ้าหญิงเสด็จฯ ไปทรงเปิดแกรนด์มาส์เฮาส์ ซึ่งเป็นสถานสงเคราะห์เพื่อเยาวชนที่ป่วยด้วยโรคเอดส์ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา[135] และยังเคยเป็นองค์อุปถัมภ์กองทุนโลกเพื่อต่อสู้โรคเอดส์ พ.ศ. 2534 เจ้าหญิงเสด็จฯ ไปโรงพยาบาลมิดเดิลเซ็กส์ และได้ทรงกอดผู้ป่วยคนหนึ่งที่แผนกผู้ป่วยเอดส์ ซึ่งกลายเป็นภาพข่าวโด่งดังในเวลาต่อมา ระหว่างที่ทรงให้การอุปถัมภ์องค์การเทิร์นนิงพอยท์[101] ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านสาธารณสุข และใน พ.ศ. 2535 เจ้าหญิงทรงมีโอกาสเสด็จฯ ไปเยี่ยมชนโครงการของเทิร์นนิงพอยท์เพื่อผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีและและผู้ป่วยเอดส์[136] ต่อมาทรงริเริ่มการระดมทุนเพื่อสนับสนุนการค้นคว้าวิจัยเพื่อรักษาโรคเอดส์[17]",
"อินเตอร์เฟอรอน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเพื่อใช้กำจัดเชื้อก่อโรคโดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้อไวรัส รักษาโรคเอดส์ ",
"นอกจากนี้ กลูตาไธโอนช่วยให้ตับขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และยังนำมารักษาโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ข้ออักเสบ โรคพาร์กินสัน โรคตับ โรคไต โรคเอดส์ ภาวะเป็นหมันในเพศชาย และภาวะหูตึงจากเสียงดัง ผลข้างเคียงยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน",
"ในปีพ.ศ. 2551 Christine Maggiore นักเคลื่อนไหวคนหนึ่งเสียชีวิตลงด้วยวัย 52 ปี ขณะที่รับการรักษาจากแพทย์ด้วยโรคปอดบวม โดย Maggiore มีบุตรสองคน เธอเป็นผู้ก่อตั้งองค์กรเพื่อช่วยเหลือให้แม่ที่มีเชื้อเอชไอวีหลีกเลี่ยงการรับยาต้านไวรัสที่ลดความเสี่ยงของการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก หลักจากบุตรสาวอายุ 3 ปีได้เสียชีวิตลงจากโรคปอดบวมที่เกิดจากเอดส์ในปี พ.ศ. 2548 แล้ว Maggiore ก็ยังเชื่ออยู่ว่าเอชไอวีไม่ใช่สาเหตุของเอดส์ และเธอกับสามีคือ Robin Scovil ฟ้อง Los Angeles County ร่วมกับคนอื่นในนามของบุตรสาวเรื่องการละเมิดสิทธิของบุตรสาวของเธอด้วยการเปิดเผยผลการชันสูตรศพที่ระบุว่าบุตรสาวเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวข้องกับเอดส์ ผลการฟ้องศาลทำให้เขตปกครองต้องจ่าย Scovill เป็นเงิน 15,000 เหรียญในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 โดยไม่ยอมรับผิด คำตัดสินของเจ้าหน้าที่ชันสูตรศพของลอสแอลเจลิสว่า Eliza Jane Scovill เสียชีวิตจากโรคเอดส์ยังคงได้รับการยอมรับจากคณะลูกขุนอยู่",
"เป้าหมายทั่วไปของการรักษาโดยสูตรยา HAART คือการเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ลดภาวะแทรกซ้อน และลดจำนวนไวรัสเอชไอวีในกระแสเลือดให้อยู่ต่ำกว่าระดับที่ตรวจวัดได้ แต่ทั้งนี้ไม่สามารถรักษาผู้ป่วยให้หายจากการติดเชื้อเอชไอวีได้ เมื่อหยุดยาแล้วเชื้อเอชไอวีก็สามารถเพิ่มจำนวนกลับมาก่อโรคได้ และเชื้อที่เพิ่มจำนวนขึ้นมานี้มักดื้อต่อยาต้านไวรัส[46][47] ทั้งนี้เวลาที่ต้องใช้ในการกำจัดไวรัสให้หมดไปจากร่างกายด้วยการใช้ยาต้านไวรัสนั้นก็นานกว่าอายุขัยของคนปกติ[48] อย่างไรก็ดีผู้ติดเชื้อเอชไอวีหลายคนรู้สึกได้ถึงสุขภาพทั่วไปและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลดลงของอัตราการตายและอัตราการเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับเอชไอวี[49][50][51] ในขณะที่หากไม่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ผู้ป่วยจะมีการดำเนินโรคจากการติดเชื้อเอชไอวีไปยังการเป็นเอดส์ด้วยมัธยฐานระหว่าง 9-10 ปี และ median survival time หลังจากดำเนินเป็นโรคเอดส์แล้วที่ 9.2 เดือน[52] เชื่อกันว่าการรักษาด้วยยาต้านไวรัสสูตร HAART ทำให้เพิ่มอายุขัยได้ระหว่าง 4-12 ปี[53][54]",
"สำหรับผู้ป่วยกว่าครึ่งการใช้สูตรยา HAART นั้นได้ผลไม่เต็มที่ เนื่องจากผู้ป่วยทนผลข้างเคียงของยาไม่ได้ หรือได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสแบบไม่เต็มที่มาก่อน หรือติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ที่ดื้อต่อยาต้านไวรัส สาเหตุส่วนใหญ่ของการที่ผู้ป่วยได้ผลจากยาไม่เต็มที่ส่วนใหญ่มาจากการกินยาไม่ต่อเนื่องหรือไม่สม่ำเสมอ[55] สาเหตุของการกินยาไม่ต่อเนื่องหรือไม่สม่ำเสมอนั้นมีหลายอย่าง ส่วนใหญ่เป็นปัญหาทางจิตสังคมรวมถึงการขาดโอกาสเข้าถึงการรักษาพยาบาล การไม่มีปัจจัยสนับสนุนทางสังคม โรคทางจิตเวช และการใช้ยาอย่างไม่ถูกต้อง สูตรยา HAART นั้นบางครั้งซับซ้อนและใช้ยาก ลืมง่าย เนื่องจากมียาจำนวนมากที่ต้องกินบ่อยครั้ง[56][57][58] ผลข้างเคียงของยาก็สามารถทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถใช้ยาต้านไวรัสได้อย่างต่อเนื่อง ผลข้างเคียงเหล่านี้เช่น lipodystrophy (ไขมันเจริญผิดรูป), dyslipidemia (ไขมันในเลือดสูง), ท้องเสีย, ภาวะดื้ออินซูลิน, เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคทางหัวใจและหลอดเลือดและความผิดปกติแต่กำเนิด[59] นอกจากนั้นยาต้านไวรัสยังมีราคาแพง และผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่บนโลกยังไม่มีโอกาสเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขอีกด้วย",
"สำหรับอาการแทรกซ้อนที่สำคัญคือ อาการปวดเกิดขึ้นภายหลังจากผื่นหายหมดแล้ว มักเกิดกับผู้สูงอายุที่เป็นงูสวัดบริเวณประสาทสมองคู่ที่ 5 อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผื่น หรือโรคแทรกซ้อนทางตา เช่นตาอักเสบ เส้นประสาทตาอักเสบ หรือ แผลที่กระจกตา ในกรณีของผู้ป่วยที่ภูมิต้านทานต่ำ เช่น เป็นโรคเอดส์ หรือผู้ป่วยที่ได้รับยากดอิมมูน อาจมีการกระจายของผื่นทั่วตัวได้ แพทย์บางท่านอาจจะให้ยาฆ่าเชื้อไวรัสชนิดรับประทานเป็นเวลาประมาณ 5-10 วันร่วมด้วย ทั้งนี้ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาสำหรับการวินิจฉัยก่อนที่จะเกิดผื่นนั้น ยังไม่สามารถทำได้ ต้องรอให้ให้เกิดผื่นก่อนจึงจะสามารถวินิจฉัยได้",
"ความรุนแรงของโรค หรือ โอกาสรักษาหาย ขึ้นกับการรักษาควบคุมโรคเอดส์ ถ้าควบคุมโรคเอดส์ได้ มะเร็งคาโปซิ มักตอบสนองต่อการรักษาได้ดี แต่ถ้าควบคุมโรคเอดส์ไม่ได้ ก็มักควบคุมมะเร็งคาโปซิไม่ได้",
"ผลของข้อตกลงดังกล่าวทำให้ชาติสมาชิกองค์การค้าโลกสามารถผลิตหรือใช้ยาเพื่อประโยชน์ให้แก่ประชาชนของตนเอง หลายประเทศได้ดำเนินตามข้อตกลงนี้ เช่น แอฟริกาใต้ แซมเบีย ซิมบับเว กานา มาเลเซีย อินโดนีเซีย สวาซิแลนด์ สหรัฐอเมริกา ส่วนในประเทศไทยได้ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวในสมัยรัฐบาลของพลเอก สุรยุทธ จุลานนท์ ครั้งนั้นรัฐบาลไทยประกาศใช้กับยารักษาโรคมะเร็งและโรคเอดส์ มาในสมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้ทำการยกเลิกการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรในตัวยารักษามะเร็ง",
"เอดส์กลายเป็นโรคระบาดทั่วและสามารถพบการระบาดของชนิดย่อยได้หลายๆ ชนิด ปัจจัยหลักที่ช่วยในการแพร่กระจายของโรคคือการมีเพศสัมพันธ์และการติดต่อจากแม่สู่ลูกผ่านการคลอดหรือการให้นมบุตร[80] แม้ในปัจจุบันการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและยาต้านไวรัสจะทั่วถึงมากขึ้นก็ตาม การระบาดทั่วของเอดส์ก็ยังมีจำนวนผู้ป่วยที่ยังมีชีวิตอยู่สูงถึงประมาณ 2.1 ล้านคน (1.9-2.4 ล้าน) ในช่วงปี ค.ศ. 2007 ในจำนวนนี้ 330,000 คนเป็นผู้ป่วยเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี[62] Globally, an estimated 33.2million people lived with HIV in 2007, including 2.5million children. An estimated 2.5 million (range 1.8–4.1million) people were newly infected in 2007, including 420,000 children.[62]",
"ในปี พ.ศ. 2550 เว็บไซต์ aidstruth.org นำโดยนักวิจัยเรื่องเอชไอวีเพื่อต่อต้านคำอ้างของกลุ่มผู้มีแนวคิดปฏิเสธได้แสดงรายชื่อส่วนหนึ่งของผู้มีแนวคิดปฏิเสธเอดส์ที่เสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโรคเอดส์ ตัวอย่างเช่น นิตยสาร Continuum ซึ่งเคยปฏิเสธการมีอยู่ของเอชไอวีและเอดส์มาตลอดต้องปิดตัวลงหลังจากบรรณาธิการของนิตยสารต่างเสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับเอดส์ทั้งหมด ในทุกรายที่เสียชีวิตนั้น ชุมชนผู้มีแนวคิดปฏิเสธเอดส์ต่างลงความเห็นว่าเป็นการเสียชีวิตที่ไม่ทราบสาเหตุ หรือจากการใช้ยาบางอย่างโดยลับ หรือความเครียด แทนที่จะเป็นจากเอชไอวีหรือเอดส์ เช่นเดียวกันมีอดีตผู้คัดค้านที่มีเชื้อเอชไอวีหลายคนถูกขับออกจากชุมชนผู้มีแนวคิดปฏิเสธเอดส์หลังจากที่มีอาการของเอดส์และเข้ารับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส",
"จนกระทั่งตั้งแต่กลางปี ค.ศ. 1980 ก็ได้เกิดยาต้านไวรัสขึ้นมาเป็นสิบๆ ตัว จากความเจริญ\nก้าวหน้าทางการแพทย์สาขาพันธุศาสตร์ระดับโมเลกุลที่ทำให้เราเข้าใจโครงสร้างและการทำงานของเชื้อไวรัส ประกอบกับความกดดันทางการแพทย์ ที่จะต้องหาทางรักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องจากเชื้อไวรัสเอชไอวี (human immunodeficiency virus - HIV) ที่ทำให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือโรคเอดส์ (acquired immunodeficiency syndrome - AIDS) มีคนกล่าวว่าเราควรขอบคุณโรคเอดส์ เพราะมันกดดันเราอย่างมากให้ต้องพัฒนาเทคโนโลยีการต่อต้านไวรัส",
" ผู้ติดเชื้อเอดส์หรือผู้ป่วยเอดส์ ดูแลตนเองได้ ทำงานได้ตามปกติ เมื่อมีการเจ็บป่วย และมีอาการ เอดส์มากขึ้น จากที่เคยทำงานได้ก็จะเริ่มลดน้อยลง บางครั้งต้องหยุดงานบ่อย จนกระทั่งตกงานถูกไล่ออกจากงาน จากสภาพร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยต่องานอาชีพ ซึ่งสภาวะดังกล่าวที่เกิดขึ้น จะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตเนื่องจากไม่มีรายได้ที่ต้องเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว สภาวะของผู้ติดเชื้อเอดส์ เศร้าหมอง หดหู่ หมดหวัง สิ้นหวัง ท้อแท้ บางครั้งหรือบางคนอาจคิดทำร้ายตนเอง การฆ่าตัวตายในการจัดบริการต้องใช้เทคนิคในการพูดคุยกับผู้ติดเชื้อมากขึ้น ปัญหาได้กลายเป็นภาระของสังคมที่หลายฝ่ายต้องมาร่วมรับผิดชอบการจัดบริการแก่ผู้ป่วย การบริการสังคมสงเคราะห์ เป็นกลวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการแก้ไขปัญหา และฟื้นฟูสภาพทางกาย จิต สังคมของผู้ติดเชื้อเอดส์และครอบครัวได้ ทีมสุขภาพ ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือในการหาหนทางที่จะจัดบริการ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ ผู้ติดเชื้อเอดส์และครอบครัว อย่างมีประสิทธิภาพที่จะทำให้เขาเหล่านั้น สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุขและไม่เกิดความรู้สึกที่ถูกสังคมทอดทิ้ง สำหรับปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบ การแพร่ระบาดของโรคเอดส์ในครอบครัว ทำให้เด็กที่บิดามารดาติดเชื้อได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกเหนือจากการรักษาพยาบาลแล้ว โรงพยาบาลยังให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการสังคม เด็กกลุ่มนี้มีจำนวนหนึ่งที่ประสบปัญหาทางสังคม เด็กที่คลอดจากมารดาติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ที่มีผลกระทบต่อกระบวนการรักษาพยาบาลและคุณภาพชีวิต บทบาทที่สำคัญของนักสังคมสงเคราะห์ คือการพัฒนาเครือข่ายการช่วยเหลือทางสังคม เป็นการพัฒนาการและสนับสนุน การรวมกลุ่มคนที่มีจิตอาสาที่จะเข้าร่วมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนการดำเนินงานด้านเอดส์ที่เกี่ยวข้องกับมิติหลากหลาย กลุ่มคนเหล่านี้มาจากต่างองค์กร ต่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานเอดส์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานสาธารณสุข หน่วยงานปกครอง หน่วยงานศึกษา องค์กรพัฒนาเอกชน และอื่นๆ ดังนั้น การพัฒนาบุคลากรของเครือข่ายการช่วยเหลือทางสังคม จึงถือว่าเป็นภารกิจหนึ่งที่ต้องดำเนินการ",
"กรรมการบริหารมูลนิธิกองทุนการกุศลสมเด็จพระศรีนครินทรา บรมราชชนนี กรรมการในคณะอนุกรรมการประสานการปฏิบัติการแก้ปัญหาธุรกิจทางเพศ ของคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ (กสส.) กรรมการในคณะอนุกรรมการศึกษา อาชีพ และวัฒนธรรมของ กสส. กรรมการในคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ประสานการปฏิบัติการช่วยเหลือ โสเภณีเด็ก ของ กสส. กรรมการในคณะอนุกรรมการกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของ กสส. กรรมการในคณะอนุกรรมการ การมีส่วนร่วมในทางสังคมและการเมืองของ กสส. กรรมการในคณะกรรมการดำเนินการเกี่ยวกับบุคคลเร่ร่อนขอทาน กระทรวง แรงงานและสวัสดิการสังคม - คณะอนุกรรมการประสานกิจกรรมองค์กรเอกชน ในคณะกรรมการอำนวยการ รณรงค์วันป้องกันโรคเอดส์ สำนักนโยบายและแผน กระทรวงสาธารณสุข คณะอนุกรรมการด้านป้องกันควบคุมโรคเอดส์ และการจัดบริการในชุมชน (คณะที่ 1) ในคณะกรรมการประสานงานป้องกันและควบคุม โรคเอดส์ กระทรวง สาธารณสุข คณะอนุกรรมการด้านประสานงานภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับโรคเอดส์ (คณะที่ 8) ในคณะกรรมการประสานงานป้องกันและควบคุมโรคเอดส์ กระทรวงสาธารณสุข คณะอนุกรรมการด้านโรคเอดส์ ที่เกี่ยวกับแม่และเด็ก (คณะที่ 10)",
"แดนซ์4ไลฟ์ () เป็นความคิดริเริ่มระหว่างประเทศที่ระดมพลและรวมตัวกันของคนหนุ่มสาว (อายุ 13–19 ปี) ที่จะหยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคเอดส์ แดนซ์4ไลฟ์มีจุดมุ่งหมายให้มีเยาวชนหนึ่งล้านคนเข้าร่วมโครงการภายในปี ค.ศ. 2014 ในฐานะผู้ปลุกเร้าผู้นำโลกแบบเร่งด่วนในการรักษาสัญญาเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (เอ็มดีจี)แดนซ์4ไลฟ์ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2003 โดยสองนักการตลาดระหว่างประเทศ ซึ่งได้แก่ เดนนิส คาร์เพส และอิลโค ฟาน เดร์ ลินเด ผู้ต่อต้านผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเอชไอวี พวกเขาได้มอบความรักโดยการใช้ความเชี่ยวชาญด้านการค้าเพื่อแก้ไขปัญหาด้านนี้ในพื้นที่ต่าง ๆ โดยได้จินตนาการถึงโลกที่พร้อมใจกันผลักไสเอชไอวีและเอดส์ให้หมดไป ดังคำขวัญที่ว่า เริ่มต้นการเต้น, หยุดยั้งโรคเอดส์",
"การวิจัยใหม่ชี้ว่าอาจหยุดการติดเชื้อได้ถ้าตรวจพบตั้งแต่สัปดาห์แรกของการรับเชื้อแล้วรีบให้ยาต้านไวรัสทันที จะทำให้สามารถดักเชื้อไม่ให้ฝังตัวในเซลล์เพื่อขยายพันธุ์ในระยะยาวได้ และมีแนวโน้มที่จะรักษาได้หายขาดและหยุดยาต้านไวรัสได้ในอนาคต แต่ว่าผลการวิจัยนี้ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ [60] [61] และจริงๆ แล้วไม่ใช่การรักษาโรคเอดส์ แต่เป็นการรักษาการติดเชื้อเอชไอวี ยังไม่มีจุดใดในงานวิจัยที่บ่งชี้ว่าสามารถรักษาโรคเอดส์ที่หมายถึงภาวะติดเชื้อเอชไอวีจนมีภูมิคุ้มกันต่ำได้แต่อย่างใด",
"ปัจจุบันการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีทำได้โดยการให้ยาต้านไวรัสด้วยวิธี highly active antiretroviral therapy หรือ HAART[42] ซึ่งวิธีการรักษาแบบ HAART ที่ใช้ยา protease inhibitor ได้ใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1996 และได้ผลดีมากต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี[43] สูตรยาต้านไวรัสแบบ HAART ที่ดีที่สุดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้เป็นการผสมยาต้านไวรัสอย่างน้อยสามชนิดในกลุ่มยาต้านไวรัสอย่างน้อยสองกลุ่ม สูตรที่ใช้ทั่วไปประกอบด้วยยาในกลุ่ม nucleoside analogue reverse transcriptase inhibitor (NRTR หรือ NARTI) สองตัว ร่วมกับยาในกลุ่ม protease inhibitor หรือ non-nucleoside reverse transcriptase inhibitor (NNRTI) อย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งนี้เนื่องจากการดำเนินโรคของการติดเชื้อเอชไอวีในเด็กดำเนินไปอย่างรวดเร็วกว่าในผู้ใหญ่ และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการหลายอย่างก็ไม่สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ความเสี่ยงของการดำเนินโรคได้ในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็ก การรักษาที่แนะนำสำหรับเด็กจึงเป็นสูตรยาที่แรงกว่าในผู้ใหญ่[44] ในประเทศที่พัฒนาแล้วซึ่งมีการใช้สูตรยา HAART นั้น แพทย์จะเป็นผู้สั่งตรวจระดับ viral load, ความรวดเร็วในการลดจำนวนลงของเซลล์ CD4 และความพร้อมของผู้ป่วยในการเลือกรับการรักษา ก่อนที่จะเริ่มการรักษา[45]",
"หากไม่ได้รับการรักษาแล้วผู้ป่วยจะมี median survival time หลังติดเชื้อเอชไอวีจะอยู่ที่ประมาณ 9-11 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อเอชไอวีที่ได้รับ[62] และ median survival rate หลังจากได้รับการวินิจฉัยโรคเอดส์ในพื้นที่ที่ไม่มียารักษาอยู่ระหว่าง 6-19 เดือน ตามแต่ละการศึกษาวิจัย[63] ในพื้นที่ที่มายารักษาเข้าถึงได้ทั่วไปนั้นการใช้ยาต้านไวรัสแบบ HAART เป็นการรักษาการติดเชื้อเอชไอวีและเอดส์ที่ได้ผลและลดอัตราการตายจากโรคลงได้ 80% เพิ่มอายุขัยของผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้เป็นประมาณ 20 ปี[64]",
"โดยรวมแล้วเขามีสุขภาพดีในช่วงวัยเด็ก จนกระทั่งล้มป่วยขั้นรุนแรงด้วยโรคปอดบวม ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1984 และเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1984 ในขณะที่ดำเนินการเอาปอดออกบางส่วน ไวต์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเอดส์ สันนิษฐานว่าติดเชื้อจากการรักษาด้วยแฟกเตอร์ VIII ที่ปนเปื้อนด้วยเชื้อเอชไอวี ในสมัยนั้นสังคมมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเอดส์ไม่มาก นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบในช่วงต้นปีนั้นว่าเชื้อเอชไอวีเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ และเนื่องจากเอชไอวีเพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน เลือดสำรองจำนวนมากเป็นเลือดที่ติดเชื้อเพราะแพทย์ไม่รู้วิธีตรวจสอบเชื้อโรค และผู้บริจาคไม่รู้ตัวว่าพวกเขาติดเชื้อ ผู้ป่วยโรคเฮโมฟิเลียที่รับการรักษาด้วยปัจจัยการแข็งตัวของเลือดระหว่างปี 1979 ถึง 1984 เกือบ 90% ติดเชื้อเอชไอวี ในเวลานั้นการวินิจฉัยของไวต์ ค่า CD4 ของเขาตกลงไปที่ 25 (ค่าปกติอยู่ที่ประมาณ 1,200) แพทย์คาดว่าไวต์จะมีชีวิตอยู่ในอีกเพียง 6 เดือนเท่านั้น",
"แม้สมาชิกชุมชนผู้มีแนวคิดปฏิเสธเอดส์จะรวมตัวกันด้วยความเข้าใจร่วมกันคือการไม่เห็นด้วยว่าเอชไอวีเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ รายละเอียดของแนวคิดก็มีความแตกต่างกันอยู่มาก ผู้มีแนวปฏิเสธปฏิเสธจะอ้างข้อมูลหลายอย่าง เช่น เอชไอวีไม่มีจริง เอชไอวีไม่เคยได้รับการเพาะเชื้ออย่างเหมาะสม เอชไอวีไม่เป็นไปตาม[[สมมติฐานของโคช]] [[การตรวจเอชไอวี]]ไม่มีความแม่นยำ และแอนติบอดีต่อเอชไอวีสามารถป้องกันไวรัสไม่ให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้ สาเหตุอื่นของโรคเอดส์ที่มีการเสนอไว้มีหลายอย่างเช่น การใช้ยาเสพติด ภาวะทุพโภชนาการ รวมถึงตัว[[ยาต้านเรโทรไวรัส|ยาต้านไวรัส]]ที่ใช้รักษาโรคเองด้วย",
"แม้จะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสก็ตาม ผู้ติดเชื้อเอชไอวีอาจมีอาการทางระบบประสาท ภาวะกระดูกพรุน neuropathy มะเร็ง โรคไต และโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าภาวะเหล่านี้เกิดมาจากการติดเชื้อ เกิดจากภาวะแทรกซ้อน หรือเป็นผลข้างเคียงของการรักษา[72][73][74][75][76][77][59][78]",
"มีประชากรโลกประมาณ 500 ล้านคนป่วยเป็นตับอักเสบ บี หรือตับอักเสบ ซี หรือคิดเป็น 1 ใน 12 ของประชากรโลก หากไม่ได้รับการรักษา ตับอักเสบ บีหรือซีอาจนำไปสู่โรคตับแข็งหรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ รวมทั้งมะเร็งตับหรือตับล้มเหลว ขณะที่คนจำนวนมากกังวลว่า ตนจะติดโรคเอดส์มากกว่าตับอักเสบ แต่ในความเป็นจริง ทุกปีมีผู้เสียชีวิตจากตับอักเสบ บีหรือซี 1.5 ล้านคน ซึ่งมากกว่าเสียชีวิตจากเอชไอวี/เอดส์\nในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2553 วันตับอักเสบโลกได้รับการสนับสนุนทั่วโลกจากองค์การอนามัยโลก เป็นหนึ่งในสี่วันสร้างความตระหนักด้านสุขภาพ ร่วมกับมาลาเรีย วัณโรคและเอชไอวี/เอดส์",
"อัตราเฉลี่ยของประเทศไทยตั้งแต่รับเชื้อจนเริ่มป่วยใช้เวลา 7-10 ปี ในช่วงที่เรามีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกายแต่ไม่ป่วยเพราะเรายังมีภูมิคุ้มกันที่ยังควบคุม หรือจัดการกับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้ เรียกว่า เป็นผู้ติดเชื้อ และเมื่อภูมิคุ้มกันถูกทำลายเหลือจำนวนน้อย จนไม่สามารถควบคุม หรือจัดการกับเชื้อโรคบางอย่างได้ทำให้เราป่วยด้วยเชื้อโรคนั้น ๆ เรียกว่าเราเริ่มมี ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นผู้ป่วยเอดส์ โรคที่เราป่วยเนื่องจากภาวะภูมิบกพร่อง เรียกว่า โรคฉวยโอกาส",
"โลหะเงินในสภาพคอลลอยด์ - (คอลลอยด์, สารที่ประกอบด้วยอนุภาคของสารชนิดหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 10-7 - 10-4 เซนติเมตร กระจายอยู่ในตัวกลางอย่างถาวรและมองเห็นเป็นเนื้อเดียว เช่น หมอก น้ำนม เป็นต้น (ดู suspension ประกอบ) [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.]) เป็นของเหลวที่ประกอบด้วยสารแขวนลอยของอนุภาคเงิน วางตลาดเป็นยาสำหรับรักษาโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ Quackwatch ระบุว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเงินคอลลอยด์ยังไม่พบว่าปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพในการรักษาสภาพใดๆ[145] แคลเซียมปะการัง - เป็นอาหารเสริมที่น่าจะทำจากปะการังบดและได้รับการส่งเสริมด้วยการอวดอ้างว่ามันสามารถรักษาได้หลายโรครวมทั้งโรคมะเร็ง ที่ปรึกษาของผู้บริโภคที่ออกโดยศูนย์แห่งชาติเพื่อการผสมผสานและการแพทย์ทางเลือกกล่าวว่า \"ผู้บริโภคควรระมัดระวังว่าการอวดอ้างว่าแคลเซียมปะการังสามารถบำบัดหรือรักษาโรคมะเร็ง, โรคเส้นโลหิตตีบหลายเส้น, โรคลูปัส, โรคหัวใจ, หรือความดันโลหิตสูงไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่\"[146] การบำบัดแบบ Di Bella - เป็นค๊อกเทลของวิตามินและฮอร์โมนซึ่งเป็นยาที่คิดค้นโดย Luigi ดิเบลล่า (1912-2003) และส่งเสริมให้เป็นยารักษาโรคมะเร็ง อ้างถึงสมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน \"หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ไม่สนับสนุนการอวดอ้างที่ว่าการบำบัดแบบดิเบลล่ามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร็ง มันอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงและเป็นอันตราย ... [เหล่านี้] อาจรวมทั้งอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย, ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น, ความดันโลหิตต่ำ, ง่วงนอน, และมีอาการทางระบบประสาท \"[147] Dimethyl sulfoxide (หรือ DMSO) - สาร organosulfur ที่ได้รับการส่งเสริมในการรักษาโรคมะเร็งมาตั้งแต่ปี 1960s อ้างถึงสมาคมโรคมะเร็งอเมริกัน \"หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า DMSO มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคมะเร็งในมนุษย์\"[148] น้ำมันอีมู - เป็นน้ำมันที่ได้มาจากเนื้อเยื่อไขมันของนกอีมูและมีการส่งเสริมในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อ้างว่ามีความสามารถในการรักษาโรคได้หลากหลาย รวมทั้งมะเร็ง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ได้รับการกล่าวถึงโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐว่าเป็นตัวอย่างที่สำคัญของการ \"เฉือนออก\"[149] Gc-MAF (Gc protein-derived macrophage activating factor) - เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและได้รับการส่งเสริมให้เป็น \"การรักษาปาฏิหาริย์\" สำหรับโรคมะเร็งและโรคเอดส์ อ้างถึงการวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร \"ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่แสดงให้เห็นว่าการรักษามีความปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพ\"[150] ไฮดราซีนซัลเฟต - เป็นสารเคมีที่มีการส่งเสริม (บางครั้งให้เป็น \"การบำบัดเชื้อเพลิงจรวด\") สำหรับความสามารถที่ควรจะมีในการรักษามะเร็ง อ้างถึงการวิจัยโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร ถึงแม้จะมีหลักฐานบางอย่างว่าไฮดราซีนซัลเฟตอาจจะช่วยให้ผู้เป็นมะเร็งบางคนมีน้ำหนักขึ้น แต่\"ไม่มีหลักฐานว่ามันช่วยในการรักษาโรคมะเร็ง\"[151]",
"วัณโรคและโรคเอดส์ เป็นแนวร่วมมฤตยูที่สามารถเพิ่มผลกระทบให้มีโอกาสป่วยเป็นวัณโรคได้สูงกว่าผู้ที่ไม่ได้ติดเชื้อเอดส์ โดยผู้ติดเชื้อโรคเอดส์ จะมีผลกระทบต่อวัณโรค ทั้งในส่วนของการวินิจฉัยและการรักษา ซึ่งจะทำให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้นในด้านการรักษา ผู้ป่วยมักขาดยา กินยาไม่สม่ำเสมอ นำไปสู่การดื้อยา ทำให้มีอัตราการรักษาหายต่ำ และจะส่งผลให้อัตราการตายสูง นอกจากนี้ ยังพบอัตราการกลับเป็นวัณโรคซ้ำมากขึ้น รวมทั้ง นำเชื้อวัณโรคดื้อยาแพร่กระจายแก่ผู้อื่นได้ง่าย",
"ลามิวูดีน (Lamivudine) หรือมักเรียกว่า 3TC เป็นยาต้านรีโทรไวรัสชนิดหนึ่ง ใช้เพื่อต่อต้านเชื้อ HIV และรักษาโรคเอดส์ และยังเป็นยาทางเลือกหนึ่งเพื่อรักษาโรคตับอักเสบ บี ชนิดเรื้อรัง ยานี้มีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อทั้ง HIV-1 และ HIV-2 โดยทั่วไปมักใช้ยานี้ประกอบยาต้านรีโทรไวรัสตัวอื่นๆอาทิ ซิโดวูดีน หรืออะบาคาเวียร์ สามารถรับยานี้ได้โดยการรับประทานทั้งแบบเม็ดและเหลว"
] |
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เกิดที่ไหน? | [
"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เป็นพระโอรสในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 11 ปีฉลู ตรงกับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2468 ณ เมืองไฮเดลแบร์ก สาธารณรัฐไวมาร์ (ปัจจุบันคือประเทศเยอรมนี) ขณะที่สมเด็จพระราชชนกทรงศึกษาการแพทย์ที่ประเทศเยอรมนี โดยได้รับพระราชทานพระนามจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า หม่อมเจ้าอานันทมหิดล มหิดล หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล [3][4] โดยสมเด็จพระราชชนนีทรงออกพระนามเรียกพระองค์เป็นการลำลองว่า นันท [5] พระองค์ทรงมีสมเด็จพระเชษฐภคินี 1 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระอนุชา 1 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช"
] | [
"หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2539 ในโอกาสมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล เป็นพระปรมาภิไธยอันวิเศษตามแบบแผนโบราณราชประเพณีว่า",
"มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์",
"ต่อมาได้เข้ารับราชการในตำแหน่งต่างๆ เช่น ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ราชเลขาธิการในพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ",
"ในปี พ.ศ. 2481 คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ให้สำนักพระราชวังจัดสร้างพระราชลัญจกรประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลขึ้น ซึ่งเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (หม่อมราชวงศ์ปุ้ม มาลากุล) สมุหพระราชวัง ได้ปรับปรุงพระราชลัญจกรรูปพระโพธิสัตว์สวนดุสิต ที่เคยใช้ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มาใช้เป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์ โดยการสร้างพระราชลัญจกรนั้น ใช้แนวคิดจากพระบรมนามาภิไธยก่อนทรงราชย์ นั่นคือ \"อานันทมหิดล\" ซึ่งหมายถึง เป็นที่ยินดีแก่แผ่นดิน ดังนั้น จึงได้ใช้รูปพระโพธิสัตว์ ซึ่งมีหมายความเดียวกันว่า เป็นความยินดีและเป็นเดชยิ่งในพื้นพิภพ มาเป็นพระราชลัญจกรประจำพระองค์",
"โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวนหนึ่งแสนบาท สร้างอาคารเรียน 2 ชั้น 1 หลัง หอประชุม 1 หลังพร้อมบ้านพักครูอีก 20 หลัง และในวันที่ 19 กรกฎาคม 2519 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์เสด็จมาเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 8",
"การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลทำให้เกิดปัญหาในการเรียกขานพระนาม เนื่องจากพระองค์ยังไม่ได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามโบราณราชประเพณี แต่ต่อมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงพระอนุสรณ์คำนึงถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลว่ายังพอจะสนองพระเดชพระคุณให้สมพระเกียรติได้ ด้วยการเฉลิมพระปรมาภิไธยและถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์บางองค์ เช่น นพปฎลมหาเศวตฉัตร ซึ่งใช้กางกั้นพระบรมศพและพระบรมอัฐิ ในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2489 คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชจึงประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลขึ้นเป็น พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อดุลยเดชวิมลรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย[1]",
"สมเด็จกรมพระนโรดม สุทธารส สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2488 ตรงกับรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ (ครั้งแรก) ในราชอาณาจักรกัมพูชา และตรงกับรัชกาลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ในราชอาณาจักรไทย",
"พงศาวลีของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร 16. (=20) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย8. (=10) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว17. (=21) สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี4. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว18. สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์9. สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี19. หม่อมน้อย ศิริวงศ์ ณ อยุธยา2. สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก20. (=16) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย10. (=8) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว21. (=17) สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี5. สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า22. หลวงอาสาสำแดง (แตง สุจริตกุล)11. สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา23. ท้าวสุจริตธำรง (นาค สุจริตกุล)1. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร12. ชุ่ม ชูกระมล6. ชู ชูกระมล13.3. สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี14.7. คำ ชูกระมล15. ผา",
"รายพระนามพระมหากษัตริย์ไทย การสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ราชสกุลวงศ์ในราชวงศ์จักรี วันอานันทมหิดล.",
"อาคาร \"อปร\" และอาคารอานันทมหิดล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย",
"สวนหลวงพระราม 8 เป็นสวนสาธารณะเนื้อที่ประมาณ 35 ไร่ ติดแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณเชิงสะพานพระราม 8 เขตบางพลัด ฝั่งธนบุรี ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า \"สวนหลวงพระราม 8\" ณ สวนแห่งนี้ มีพระบรมราชานุสาวรีย์ที่ทางกรุงเทพมหานคร สร้างร่วมกับกรมศิลปากร ความสูงขนาด 3 เท่าของพระองค์จริง คือ ประมาณ 5.4 เมตร พระอิริยาบถทรงยืน ประดิษฐานบนแท่นที่ความสูงระดับเดียวกันกับราวสะพานพระราม 8 เพื่อเป็นสิริมงคลแก่สวนแห่งนี้ด้วย นอกจากนั้น บริเวณอาคารเฉลิมพระเกียรติข้างใต้พระบรมราชานุสาวรีย์ยังจัดให้มีห้องรวบรวมพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจขององค์รัชกาลที่ 8 เพื่อให้ประชาชนที่สนใจพระราชประวัติเข้าไปทรงศึกษาค้นคว้าเรื่องราว[28] พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และสวนหลวงพระราม 8 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2555[29]",
"วัดสุทัศนเทพวรารามถือเป็นวัดประจำรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เนื่องจากเป็นสถานที่ที่ประดิษฐานพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ ดังนั้น จึงมีการจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ขึ้น ณ บริเวณลานประทักษิณ ชั้นล่างมุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พระวิหารหลวง พระบรมรูปหล่อด้วยสำริด ขนาดเท่าพระองค์จริง ทรงฉลองพระองค์ชุดจอมทัพ ประทับยืน ประดิษฐานบนแท่นหินอ่อนยกพื้นสูง มีแผ่นทองเหลืองจารึกเกี่ยวกับกำหนดการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ เบื้องหลังเป็นแผ่นหินอ่อนวงโค้ง ประดิษฐานพระปรมาภิไธยย่อ \"อปร\" ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ[25]",
"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (20 กันยายน พ.ศ. 2468 – 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489) เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์ (ภายหลังดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) และหม่อมสังวาลย์ (ภายหลังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) มีพระเชษฐภคินีและพระอนุชาร่วมพระชนกชนนีอีก 2 พระองค์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช (ภายหลังทรงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช)",
"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลได้ทรงปฏิบัติพระราชกิจสำคัญน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น จึงมีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เช่น",
"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งกองทุนอานันทมหิดลขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2498 เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระองค์มีพระราชดำริที่จะพระราชทานทุนให้นักทรงศึกษาผู้มีความสามารถยอดเยี่ยม ไปทรงศึกษาต่อให้ถึงระดับความรู้ชั้นสูงสุดยังประเทศที่พัฒนาแล้ว เพื่อนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาประเทศชาติและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หลังจากนั้น ได้จัดตั้งขึ้นเป็น มูลนิธิอานันทมหิดล เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2502 เดิมทุนนี้จะพระราชทานให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาวิชาแพทยศาสตร์ แต่เมื่อความต้องการผู้เชี่ยวชาญในสาขาอื่น ๆ มีเพิ่มมากขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานทุนในสาขาอื่น ๆ ปัจจุบัน การพระราชทานทุนนั้นสามารถแบ่งออกเป็นแผนกต่าง ๆ ได้ ดังนี้ แผนกแพทยศาสตร์ แผนกวิทยาศาสตร์ แผนกวิศวกรรมศาสตร์ แผนกเกษตรศาสตร์ แผนกธรรมศาสตร์ แผนกอักษรศาสตร์ แผนกทันตแพทยศาสตร์ และแผนกสัตวแพทยศาสตร์ [6]",
"ภายในวัดสุทัศน์เทพวรารามเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และได้อัญเชิญ พระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ มาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีเมื่อ พ.ศ. 2493 และมีพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรในวันที่ 9 มิถุนายนของทุกปี",
"นอกจากนี้ ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขานพระปรมาภิไธยอย่างมัธยมว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดี พระอัฐมรามาธิบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร และอย่างสังเขปว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร",
"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระองค์ทรงเข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2475 เลขประจำพระองค์ 2329 หลังจากนั้นอีกเพียง 2 ปี พระองค์เจ้าอานันทมหิดลก็ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ครองสิริราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์ องค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทรงมีความผูกพันกับโรงเรียนเทพศิรินทร์มาโดยตลอด มีพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่ โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมาคมนักเรียนเก่าฯ ตลอดจนมวลหมู่ลูกแม่รำเพยทุกคน ซึ่ง พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์ มีขนาดเท่าพระองค์จริง ทรงฉลองพระองค์ชุดจอมทัพ ประทับยืน เช่นเดียวกับ พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ ด้วยพระองค์เอง",
"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการสร้างโรงพยาบาลในจังหวัดลพบุรี และพระราชทานนามโรงพยาบาลแห่งนี้ว่า โรงพยาบาลอานันทมหิดล[26] หลังจากการสร้างแล้วเสร็จ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงพยาบาลแห่งนี้เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2481 ดังนั้น คณะกรรมการโรงพยาบาลจึงได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ประดิษฐาน ณ หน้าตึกอำนวยการของโรงพยาบาล",
"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อดุลยเดชวิมลรามาธิบดี จุฬาลงกรณราชปรียวรนัดดา มหิตลานเรศวรางกูร ไอศูรยสันตติวงศวิสุทธ์ วรุตมขัตติยศักตอรรคอุดม จักรีบรมราชวงศนิวิฐ ทศพิธราชธรรมอุกฤษฎนิบุณ อดุลยกฤษฎาภินิหารรังสฤษฎ์ สุสาธิตบูรพาธิการ ไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ ธัญอรรคลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประณตบาทบงกชยุคล อเนกนิกรชนสโมสรสมมต ประสิทธิวรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปฎลเศวตฉัตราดิฉัตร สรรพรัฐทศทิศวิชิตไชย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวไศรย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ วิศิษฏศักตอัครนเรศรามาธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดี พระอัฐมรามาธิบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร [20]",
"พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ โรงพยาบาลอานันทมหิดล",
"พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย",
"วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2493 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินอัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ไปยังวัดสุทัศน์เทพวราราม และอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารบรรจุลงในหีบ พร้อมทั้งเคลื่อนหีบพระบรมราชสรีรางคารเข้าสู่พระพุทธบัลลังก์ พระศรีศากยมุนี พระประธานในพระวิหารหลวง วัดสุทัศน์เทพวราราม[19]",
"พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร สวรรคตเพราะต้องพระแสงปืนเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะเทือนต่อการเมืองไทยอย่างรุนแรง และนำไปสู่การเถลิงถวัลยราชสมบัติของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และการลดบทบาททางการเมืองของปรีดี พนมยงค์ ภายหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2490 โดยกลุ่มจอมพล ป. พิบูลสงคราม ทุกวันนี้กรณีดังกล่าวยังคงมีการถกเถียงกันอยู่และได้รับความสนใจในหมู่ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่ แต่ไม่เป็นประเด็นสาธารณะเพราะกรณีดังกล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยโดยตรง",
"พระบรมราชานุสาวรีย์ ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์",
"หม่อมเจ้าอานันทมหิดล มหิดล (20 กันยายน พ.ศ. 2468 - 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468) พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล (26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 - 2 มีนาคม พ.ศ. 2477) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล (2 มีนาคม พ.ศ. 2477 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2477) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (25 มีนาคม พ.ศ. 2477 - 11 สิงหาคม พ.ศ. 2489) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล อดุลยเดชวิมลรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย (11 สิงหาคม พ.ศ. 2489 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2539) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (8 มิถุนายน พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2559)",
"สืบเนื่องจากความไม่เพียงพอของแพทย์ รัฐบาลจึงมีนโยบายให้คณะแพทยศาสตร์ทุกแห่งผลิตแพทย์เพิ่ม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างตึกใหม่ เพื่อรองรับจำนวนนิสิตแพทย์ที่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 90 คนต่อปี โดยได้รับอนุมัติงบประมาณแผ่นดินประจำปี 2536 และในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทำหนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเชิญอักษรพระปรมาภิไธย \"อปร\" มาเป็นชื่ออาคาร เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ซึ่งได้พระราชทานกำเนิดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำนักราชเลขาธิการได้มีหนังสือลงวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2539 พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญอักษรพระปรมาภิไธย \"อปร\" เป็นชื่ออาคาร เมื่อดำเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงประกอบพิธีเปิดอาคารเมื่อวันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2546 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 8 อาคารดังกล่าวเป็นย่อมุม 8 มุม สูง 19 ชั้น บนยอดอาคารประดับอักษรพระปรมาภิไธย \"อปร\" ตั้งอยู่ริมถนนราชดำริ[31] นอกจากนี้ ภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ยังมีอาคารอานันทมหิดลอีกด้วย",
"ในวันอานันทมหิดล มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย พิธีถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ของนิสิตคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พิธีวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์, พิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ณ อาคารวชิรญาณวงศ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์, การจัดทำเข็มกลัดที่ระลึก, การจัดการแข่งขันตอบปัญหาวิชาการชีววิทยาและวิทยาศาสตร์การแพทย์ ชิงโล่พระราชทาน, การจัดงานเสวนาเนื่องสัปดาห์วันอานันทมหิดล และกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์อื่น ๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล",
"สืบเนื่องจากการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จพระราชดำเนินมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ณ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นประจำ จึงได้พระราชทานพระราชทรัพย์เพื่อเป็นทุนสำหรับบูรณปฏิสังขรณ์วัด และส่งเสริมการศึกษาของพระสงฆ์และสามเณรคณะกรรมการจึงได้จัดตั้งเป็น มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ขึ้นตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2518 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร[16][30]"
] |
สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ขึ้นเป็นราชินีวันที่เท่าไหร่ ? | [
"พันเอกหญิง สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี (20 ธันวาคม พ.ศ. 2447 — 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2527) เป็นพระอัครมเหสีเพียงพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระมเหสีพระองค์แรกตามแบบยุโรปและระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย หลังจากพระราชสวามีสละราชสมบัติเมื่อ พ.ศ. 2477 พระองค์ประทับอยู่ประเทศอังกฤษจวบจนพระราชสวามีเสด็จสวรรคต และเสด็จนิวัตกรุงเทพมหานครในปี พ.ศ. 2492 ตามคำกราบบังคมทูลเชิญของรัฐบาลในขณะนั้น"
] | [
"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ดังต่อไปนี้[30]",
"พ.ศ. 2476 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จสงขลา มาบำเพ็ญพระราชกุศลเฉลิมพระชนมพรรษา พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีพระบรมราชินีและพระบรมวงศานุวงส์ ข้าราชบริพาร ที่วิหารวัดมัชฌิมาวาส",
"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2447 เป็นพระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์ ต้นราชสกุลสวัสดิวัตน์ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา)[2] ส่วนพระมารดาคือหม่อมเจ้าอาภาพรรณี สวัสดิวัตน์[2] (ราชสกุลเดิม คัคณางค์) พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ภายหลังหม่อมเจ้าอาภาพรรณีได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาพรรณี[3]",
"รวบรวมสิ่งพิมพ์ที่ระลึกที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เช่น บัตรอวยพร สมุดบันทึก ปฏิทิน",
"ห้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ตั้งอยู่ ณ อาคารบรรณสาร ชั้นสอง ออกแบบตกแต่งด้วยรูปลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 7 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและให้บริการข้อมูลทางประวัติศาสตร์ระหว่างพ.ศ. 2468-2477 [18]",
"เมื่อหม่อมเจ้าประสบศรีจิรประวัติ ราชองครักษ์ประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี มียศที่พันตรี หม่อมเจ้าประสบศรีจิรประวัติทรงเป็นราชองครักษ์ที่ได้รับการไว้วางพระราชหฤทัยมาก และได้โดยเสด็จตามพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีไปทุกหนทุกแห่ง แม้กระทั่งเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปประมาณเจ็ดเดือนครึ่ง หม่อมเจ้าประสบศรีจิรประวัติก็ได้โดยเสด็จและคอยบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ไว้โดยตลอด",
"Media related to สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี at Wikimedia Commons",
"ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก การนี้พระองค์ได้สถาปนาหม่อมเจ้ารำไพพรรณี พระวรราชชายา ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี[10][11] ซึ่งนับเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีพระองค์แรกที่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินีในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก[12]",
"2 มี.ค. 2497 - 22 พ.ค. 2527 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 - องค์บรมราชูปถัมภิกาแห่งกองบรรเทาทุกข์และอนามัย [4] 6 เม.ย. 2497 - 12 ส.ค. 2499 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี - องค์บรมราชูปถัมภิกาแห่งอนุกาชาดไทย [5]",
"มีการจัดแสดงนิทรรศการพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระราชกรณียกิจทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้ความรู้ จัดแสดงสื่อมัลติมีเดียพระราชประวัติ พระเกียรติคุณพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้านศิลปวัฒนธรรมซึ่งได้รับรางวัลดีเด่นจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2544 การจัดแสดงตกแต่งด้วยศิลปะสถาปัตยกรรมย้อนยุคสมัยรัชกาลที่ 7",
"หม่อมเจ้ารำไพพรรณี สวัสดิวัตน์ (20 ธันวาคม พ.ศ. 2447 — 26 สิงหาคม พ.ศ. 2461) หม่อมเจ้ารำไพพรรณี พระชายาในสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา (26 สิงหาคม พ.ศ. 2461 — 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468) หม่อมเจ้ารำไพพรรณี พระวรราชชายา (26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 — 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469) สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี (25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2469 — 2 มีนาคม พ.ศ. 2477)",
"ในวันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2476 (นับศักราชตามเดิม)พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีฯ สู่ทวีปยุโรป[14] แต่ก็ยังมีการขัดแย้งเจรจาเกี่ยวกับการเมืองกับทางกรุงเทพมหานครสืบเนื่องกันอยู่ตลอดเวลา จนในที่สุด ก็มีการขัดแย้งกันระหว่างพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวกับรัฐบาล เช่นในเรื่องที่รัฐบาลได้แต่งตั้งพรรคพวกเข้าเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรประเภทที่สองและรัฐบาลไม่ได้ให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนอย่างเพียงพอ ไม่ตรงกับพระราชปณิธานอย่างแน่วแน่ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงแสดงความไม่เห็นพ้องกับคณะผู้บริหารประเทศด้วยการตัดสินพระราชหฤทัยทรงสละราชสมบัติในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 ขณะที่ยังประทับอยู่ในประเทศอังกฤษ ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี มีพระราชดำรัสถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า[15]",
"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีทรงจัดการเรื่องพระบรมศพและถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นการภายในเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ปีนั้น นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ซึ่งต้องทรงสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป",
"แต่เมื่อพระองค์เสด็จกลับมาพระตำหนัก วังศุโขทัย ซึ่งเคยเป็นที่ประทับได้กลับกลายเป็นของกระทรวงสาธารณสุขไปเสียแล้ว พระองค์จึงทรงต้องเสด็จไปประทับอยู่ในตำหนักของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก วังสระปทุมแทน เนื่องจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้เชิญเสด็จสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีไปอยู่ร่วมกับพระองค์ โดยทรงไปประทับอยู่ที่นั่นนานถึงสามปี ถึงได้เสด็จพระราชดำเนินกลับมาประทับที่พระตำหนักวังศุโขทัยอีกครั้ง",
"ในการนี้พระองค์ได้สถาปนาหม่อมเจ้ารำไพพรรณี พระวรราชชายา ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี[15][16] ซึ่งนับเป็นพระอัครมเหสีพระองค์แรกที่ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จพระบรมราชินีในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก[17]",
"พระราชินยานุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีตั้งอยู่ที่พระตำหนักสวนบ้านแก้วอนุสรณ์สถาน ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี มีขนาดครึ่งเท่าพระองค์จริง โดยได้รับพระบรมราชานุญาต ตามหนังสือ ที่ นร.0207/17124 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2542 โดยผู้ออกแบบคือนายสาโรจน์ จารักษ์และผู้หล่อคือ พท.นภดล สุวรรณสมบัติ[34]",
"ห้องพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี เป็นห้องสมุดและพิพิธภัณฑ์ ที่ตั้งอยู่ที่ อาคารบรรณสาร ชั้นสอง มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี\nเปิดดำเนินการตั้งแต่วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 โดยความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชและมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ด้วยเหตุผลสำคัญคือ",
"ตราไปรษณียากรที่ระลึก 100 ปี สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ 7 เป็นภาพพระสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ขอบภาพด้านล่างมีคำว่า \"๑๐๐ ปี สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ CENTENARY OF H.M. QUEEN RAMBHAI BARNI OF THE SEVENTHREIGN\" ออกจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2547[35]",
"สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี แม้จะมิได้มีพระนามร่วมในคณะเสรีไทยอย่างเป็นทางราชการ แต่ก็ได้พระราชทานพระกรุณาอุดหนุนจุนเจือกิจการของเสรีไทยในประเทศอังกฤษมาตลอด ซึ่งในขณะนั้นมีเสรีไทยทั้งหมดเพียง 36 คนในประเทศอังกฤษ",
"พงศาวลีของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี 16. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช8. (=24.) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย17. สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี4. (=12.) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว18. เงิน แซ่ตัน9. (=25.) สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี19. สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์2. สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์20.10. หลวงอาสาสำแดง (แตง)21.5. สมเด็จพระปิยมาวดี ศรีพัชรินทรมาตา22.11. ท้าวสุจริตธำรง (นาค สุจริตกุล)23.1. Main Page24. (=8.) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย12. (=4.) พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว25. (=9.) สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี6. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร26. พระยาราชสงคราม (อิน อินทรวิมล)13. เจ้าจอมมารดาพึ่ง27.3. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาพรรณี28.14. กิม29.7. หม่อมสุ่น คัคณางค์ ณ อยุธยา30.15. เต่า31.",
"หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประกาศที่จะทรงสละราชสมบัติแล้ว พระองค์พร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี และพระประยูรญาติสนิทบางพระองค์ จึงทรงย้ายที่ประทับจากใจกลางเมืองไปอยู่ในชนบทใกล้กรุงลอนดอน ทรงวางพระองค์เยี่ยงคหบดีชนบท ทรงจัดสวน เลี้ยงนกเลี้ยงปลา เสด็จประพาสทัศนศึกษาตามโบราณสถานต่าง ๆ เป็นต้น",
"เช่นเดียวกับหม่อมราชวงศ์กิติวัฒนา ปกมนตรี ซึ่งเคยพบกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี มาแล้ว แม้ว่าจะมีพระชนมายุสูง แต่ก็ยังคงสวยสดงดงาม มีพระพักตร์แจ่มใส พระฉวีขาวอมชมพู ความว่า[26]",
"ให้บริการสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีและเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องในรัชสมัย (พ.ศ. 2468-2477) นิทรรศการภาพ สื่อและสิ่งของ ฉายสื่อมัลติมีเดียที่เกี่ยวข้อง สิ่งพิมพ์ ให้ใช้สื่อโสตทัศน์ที่เกี่ยวข้อง",
"นอกจากนี้สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ยังทรงได้รับเครี่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ ดังต่อไปนี้",
"\"สมเด็จ [สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี] นั้นดูจะงามยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนอีก แต่งพระองค์อย่างสตรีชาวยุโรปโดยทรงเลือกได้อย่างเหมาะสม ซึ่งผู้หญิงไทยน้อยคนจะทำได้ดีเท่า \"แน่ละท่านมีเงินมากจะซื้ออะไรก็ได้\" แต่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วย การแต่งตัวสวยนั้นไม่อยู่แต่ที่เงินถึงมีมากเท่าใด ถ้าไม่มีความสามารถในทางเลือกแล้ว ก็แต่งกายเคอะอยู่ดี ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงไทยที่เมืองนอกที่งามเท่าหรือแต่งกายเก๋และสวยเท่าสมเด็จรำไพพรรณี\"",
"ในปี พ.ศ. 2492 รัฐบาลได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีเสด็จนิวัตกรุงเทพมหานคร พร้อมกับพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่ออัญเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ ณ ที่อันควรแก่พระบรมราชอิสริยยศในพระบรมมหาราชวัง",
"ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2468 นั้น พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องราชอิสริยยศราชูปโภคสำหรับตำแหน่งสมเด็จพระอัครมเหสีให้แก่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี โดยเครื่องราชอิสริยยศราชูปโภคเหล่านี้เป็นสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดสร้างขึ้นสำหรับพระราชทานให้แก่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประกอบด้วย[30]",
"พระราชประวัติสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 (เล่มใหญ่), หนังสืออนุสรณ์งานพระบรมศพทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์พระราชทานประชาชนในงานพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 ณ พระเมรุมาศท้องสนามหลวง วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2528",
"ส่วนสมเด็จพระศรีสุลาไลยและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีไม่นับว่าเป็นสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง เพราะมิเคยดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระราชินีมาก่อน แต่จัดเป็นเจ้าหญิงพระราชชนนี (princess mother) ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 6 ถูกลดพระยศเป็นสมเด็จพระวรราชชายาและมิได้ประสูติการพระราชโอรส จึงนับเป็นเจ้าหญิงพระชายา (princess consort) และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 นั้นไม่มีพระราชโอรสสืบราชสมบัติจึงมิได้สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง แต่เป็นสมเด็จพระราชินีวิธวา (queen dowager)"
] |
ล้านนากับล้านช้างคืออาณาจักรเดียวกันหรือไม่ ? | [
"ในรัชสมัยของพระเจ้าโพธิสารราช (พ.ศ. 2063 - พ.ศ. 2090) พระโพธิสารราชเจ้าขึ้นครองราชย์และรวบรวมแผ่นดินให้เกิดความเป็นปึกแผ่นประกาศยกเลิกไม่ให้ประชาชนนับถือผีสางให้มายึดมั่นในพระพุทธศาสนา ทรงสร้างวัดวาอารามต่างๆ มากมาย ให้การช่วยเหลือเวียดนามและเจริญสัมพันธไมตรีกับล้านนา (เชียงใหม่) ต่อมาเมื่อถึงปี พ.ศ. 2091 พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระโพธิสารราชเจ้าซึ่งประสูติกับพระมเหสีที่มีพระนามว่า “พระนางยอดคำทิพย์” (หรือเจ้านางหลวงคำผาย:พระธิดาในกษัตริย์ล้านนา) ได้ทรงขึ้นครองราชย์ทรงมีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในรัชสมัยของพระองค์เกิดศึกพม่ายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ พระองค์ทรงเล็งเห็นว่า กรุงสีสัตนาคนหุตล้านช้างร่มขาวหลวงพระบาง แห่งนี้ชัยภูมิไม่เหมาะสมที่จะตั้งเป็นเมืองหลวงอีกต่อไปเพราะอยู่ใกล้กับศัตรู เมื่อพวกพม่าตีเมืองเชียงใหม่ได้แล้วต่อไปภายภาคหน้าก็อาจยกทัพมารุกรานลาวล้านช้างก็เป็นได้ พระองค์จึงทรงย้ายเมืองหลวงจาก หลวงพระบาง มาสร้างเมืองนครเวียงจันทน์ และสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่โดยพระราชทานนามว่า กรุงศรีสัตตนาคะนะหุตล้านช้างร่มขาวเวียงจันทน์ นับได้ว่าเป็นรัชสมัยแห่งความรุ่งเรืองในด้านศิลปะและวรรณกรรมต่าง ๆ ในด้านพระพุทธศาสนา พระองค์ก็ได้ทรงประกาศห้ามให้มีการบูชาผีต่างๆ และทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยความเลื่อมใสอย่างยิ่ง โดยมีการรับอิทธิพลด้านพุทธศาสนามาจากอาณาจักรล้านนาซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับล้านช้างในเวลานั้นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการใช้อักษรธรรมล้านนาเป็นเครื่องมือศึกษาพระพุทธศาสนา (อักษรดังกล่าวนี้ได้พัฒนาเป็นอักษรธรรมล้านช้างในเวลาต่อมา)"
] | [
"อาณาจักรล้านช้าง (Lao: ອານາຈັກລ້ານຊ້າງ) เป็นอาณาจักรของชนชาติลาวซึ่งตั้งอยู่ในแถบลุ่มแม่น้ำโขง มีอาณาเขตอยู่ในบริเวณประเทศลาวทั้งหมด ตลอดจนพื้นที่บางส่วนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย โดยมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งการเมืองการปกครอง ด้านศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนพระพุทธศาสนา ที่มีพัฒนาการเคียงคู่มาพร้อมกันอาณาจักรอื่น ๆ ใกล้เคียง ทั้งล้านนา สยาม พม่า และเขมร",
"อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ เป็นอาณาจักรทางตอนกลางของประเทศลาว และ ภาคอีสานตอนบนของประเทศไทยในปัจจุบัน อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ครอบคลุม ภาคอีสานตอนบน แขวงเวียงจันทน์ นครหลวงเวียงจันทน์ กรุงเวียงจันทน์ซึ่งปัจจุบันเป็นเมืองหลวงของประเทศและบริเวณใกล้เคียง อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ติดกับอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง และอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ เมื่อถึง พ.ศ. 2436 อาณาจักรล้านช้างทั้ง 3 ส่วนจึงได้ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และได้รับเอกราชเป็นพระราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2496 รวมลาวอยู่ภายใต้อาณานิคมของฝรั่งเศสเป็นเวลา 60 ปี",
"ก่อนหน้านี้อาณาจักรล้านนามีความสัมพันธ์อันดีกับอาณาจักรล้านช้างและกลายเป็นรัฐเครือญาติกันผ่านการอภิเษกสมรสระหว่างนางยอดคำพระราชธิดาในพระเมืองเกษเกล้า กับพระยาโพธิสาลราชพระเจ้าล้านช้าง มีพระราชโอรสด้วยกันพระองค์หนึ่งคือเจ้าเชษฐวงษ์ ซึ่งต่อมาได้เป็นพระอุปโยวราช[17] เมื่อพระเมืองเกษเกล้าเสด็จสวรรคต ล้านนาเกิดกลียุคมีสงครามยาวนาน พระนางจิรประภาเทวีจึงเสวยราชย์ ช่วงนั้นได้เกิดกบฏชาวไทใหญ่และการรุกรานของอาณาจักรอยุธยา ทั้งขุนนางแห่งล้านนาเองก็มีอำนาจเหนือกษัตริย์เสียด้วย[4] ล้านช้างที่ขณะนั้นกำลังเจริญรุ่งเรืองสูงสุดจึงเข้าแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือล้านนาจนฝ่ายอยุธยาพ่ายแพ้ไป พระยาโพธิสาลราชในฐานะผู้ปกป้องล้านนาจึงมีความชอบยิ่งนัก ได้นำพระราชโอรสคือเจ้าเชษฐวงษ์ผู้เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของพญามังรายทางฝ่ายมารดาขึ้นครองล้านนา มหาเทวีจิรประภาจึงสละราชสมบัติให้พระอุปโยวราชครองราชย์ในปี พ.ศ. 2089[4] ทรงพระนาม<i data-parsoid='{\"dsr\":[6172,6198,2,2]}'>พระเป็นเจ้าอุปปโยวราชะ",
"ต่อมาเมื่อพระเมืองเกษเกล้าแห่งล้านนาเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2088 อาณาจักรล้านนาก็เกิดความวุ่นวายจากการสรรหาผู้เหมาะสมที่จะเสด็จขึ้นครองราชย์ เหล่าขุนนางแห่งล้านนาจึงได้อัญเชิญพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช พระราชโอรสของพระเจ้าโพธิสารและเจ้าหญิงเชื้อสายล้านนา ให้เสวยราชสมบัติปกครองอาณาจักรล้านนาในปี พ.ศ. 2089 เพื่ออาศัยอิทธิพลของอาณาจักรล้านช้างคานอำนาจกับอาณาจักรตองอูที่นับวันจะกล้าแข็งขึ้นเรื่อย ๆ",
"ในรัชสมัยของพระยาอุ่นเฮือน (พ.ศ. 1899 – 1916) และอีกสองรัชสมัยต่อมา คือในรัชสมัยของพระเจ้าสามแสนไทยไตรภูวนาถ (พ.ศ. 1916 – 1959) และพระยาล้านคำแดง (พ.ศ. 1959 – 1971) เป็นช่วงที่อาณาจักรล้านช้างปลอดจากการรุกรานจากภายนอก เนื่องด้วยการเสื่อมอำนาจลงของอาณาจักรเขมรเป็นสำคัญ อีกทั้งฝ่ายสุโขทัยที่เข้มแข็งขึ้นก็มุ่งอยู่กับการปราบปรามอำนาจของเขมรที่เคยมีเหนือดินแดนตน ทางอาณาจักรจามปาซึ่งเพิ่งพ่ายแพ้ต่อจักรวรรดิมองโกลก็ยังไม่เข้มแข็ง การแข่งขันกันสร้างเสริมความมั่นคงของสุโขทัยและล้านนาอันเป็นอาณาจักรที่ได้รับการสถาปนาขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้อาณาจักรล้านช้างก็ต้องพยายามเสริมสร้างความมั่นคงของตนด้วย โดยได้มีการจัดทำบัญชีไพร่พลและปฏิรูประบบราชการครั้งใหญ่ ซึ่งด้วยทรัพยากรอันอุดมสมบูรณ์ ก็ทำให้อาณาจักรล้านช้างมีความมั่นคงเป็นอย่างมาก",
"เมื่อพญามังรายมีอำนาจเหนือล้านนา ทรงแต่งตั้งให้ขุนมาครองนครลำปางสืบต่อมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนกระทั่งพระเจ้าบุเรงนองแห่งกรุงหงสาวดีได้กรีฑาทัพยึดล้านนาไว้ได้ทั้งหมด จึงสิ้นสุดยุคราชวงศ์มังรายในนครลำปาง ตลอดระยะที่พม่าได้ครอบครองอาณาจักรล้านนามาเป็นเวลา 200 ปีนั้น ได้กดขี่ข่มเหงชาวบ้านอย่างมากมาย จนเกิดกบฏหลายครั้ง จนกระทั่งหนานทิพย์ช้างได้ชัยชนะเหนือท้าวมหายศแห่งนครลำพูน(ซึ่งอยู่ในอำนาจของพม่า) และชาวเมืองพร้อมใจสถาปนาหนานทิพย์ช้างเป็นพระญาสุลวะฤๅไชยสงคราม และเริ่มต้นยุคราชวงศ์ทิพย์จักร หรือราชวงศ์เจ้าเจ็ดตนในนครลำปาง ลูกหลานของพระญาสุลวะฤๅไชยได้ให้ความร่วมมือกับกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ในการขจัดอิทธิพลพม่าออกจากอาณาจักรล้านนาได้ทั้งหมด และสิ้นสุดยุคประเทศราชของพม่าในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เชื้อสายเจ้าเจ็ดตนได้ครองนครลำปางจนถึง พ.ศ. 2465 ในสมัยเจ้าบุญวาทย์วงศ์มานิต",
"ในช่วงเวลานี้ตำนานของขุนบรม ได้ถูกเขียนบันทึกต้นฉบับไว้บนใบลานและมหากาพย์สังข์ศิลป์ชัยก็ได้ถูกบันทึกขึ้นด้วยเช่นกัน พุทธศาสนาเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติและเวียงจันทน์กลายเป็นเมืองสำคัญทางพุทธศาสนา อิทธิพลทางวัฒนธรรมนอกเหนือจากนี้ก็มาจาก ชาวมอญ และ ชาวเขมร การรวมล้านนาไทยเข้ากับอาณาจักรล้านช้างเกิดช่วงสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช () (ค.ศ. 1548–1572) นำไปสู่การพัฒนาสถาปัตยกรรมและศิลปะจำนวนมาก ในด้านศิลปะได้เลียนแบบศิลปะของล้านนา การรับเอาวัฒนธรรมล้านนามาใช้ในอาณาจักรล้านช้างรวมไปถึงวัฒนธรรมทางปัญญาด้วย เช่น หอสมุดของล้านนาถูกคัดลอก รวมทั้งวรรณกรรมทางศาสนามาก นี้อาจนำไปสู่การยอมรับหรืออาจนำมาประยุกต์ใช้ใหม่ของตัวเมืองที่มาจากภาษามอญ นำมาใช้ในอาณาจักรล้านช้างสำหรับงานเขียนด้านศาสนา",
"ครั้นในปี พ.ศ. 2090 พระยาโพธิสาลราชสวรรคตกะทันหัน พระเป็นเจ้าอุปปโยวราชะจึงเสด็จกลับไปครองราชย์ล้านช้างในปีนั้น ทรงพระนามว่า<i data-parsoid='{\"dsr\":[6324,6350,2,2]}'>สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช และได้นำมหาเทวีจิรประภาและพระแก้วมรกตไปล้านช้างด้วย อาณาจักรล้านนาจึงว่างกษัตริย์และเกิดการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างขุนนางกลุ่มต่าง ๆ ช่วงปี พ.ศ. 2091-2094 ล้านนาได้เข้าสู่กลียุคอีกครั้ง[4] สุดท้ายขุนนางล้านนามีมติว่าพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชคงไม่เสด็จกลับมาแล้ว จึงเห็นควรให้อัญเชิญพระเมกุฏิสุทธิวงศ์ เจ้านายเมืองนายผู้มีเชื้อสายแห่งราชวงศ์มังรายมาเสวยราชย์แทน[4] ซึ่งจากจารึกวัดเชียงสา จะพบว่าเนื้อหาเขียนว่าพระองค์อ้างสิทธิ์เหนือดินแดนล้านช้างเสียด้วย[2]",
"พระอุปภัยพุทธบวรไชยเชษฐาธิราช หรือที่รู้จักกันดีในพระนาม สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช (; ) ถือเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งของชาติลาว ทรงเป็นผู้นำแห่งอาณาจักรล้านช้าง ผู้สถาปนากรุงเวียงจันทน์ให้เป็นศูนย์กลางอารยธรรม และเป็นศูนย์รวมศิลปะวัฒนธรรมต่าง ๆ ของอาณาจักรล้านช้างเข้าไว้ด้วยกัน ประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าพระองค์เป็นพระญาติหรือพระนัดดาในพระนางจิรประภาเทวีเจ้านางหลวงแห่งอาณาจักรล้านนา",
"ในปี พ.ศ. 2250 อาณาจักรล้านช้างแตกเป็น3ฝ่าย คืออาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง, อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์, และอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ เมืองหลวงพระบางจึงกลับมามีอำนาจอีกครั้ง ไม่ขึ้นตรงต่ออาณาจักรลาวเวียงจันทน์และจำปาศักดิ์ และได้มีการซ่อมแซมวัดเชียงทองเรื่อยมาทุกๆรัชกาล จึงเกิดลวดลายที่มีเอกลักษณ์ต่างจากนครเวียงจันทน์และจำปาศักดิ์ วัดเชียงทองจึงถึงถือเป็นวัดประจำราชวงศ์ลาวหลวงพระบาง และเป็นสุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมลาวล้านช้าง มีลวดลายที่วิจิตรตระการตา",
"ครั้นต่อมาทางอาณาจักรล้านนาว่างกษัตริย์ปกครอง จึงได้อัญเชิญเจ้าไชยเชษโฐหรือเชษฐวังโส พระโอรสของพระเจ้าโพธิสาร ไปครองนครล้านนา เมื่อปี พ.ศ. 2089 ทรงครองราชเป็นกษัตย์เป็นพระองค์ที่ 15 เมื่อพระเจ้าโพธิสารเสด็จสวรรคต พ.ศ. 2090 ด้วยถูกช้างล้มทับขณะประพาสป่า ทรงกลับนครได้เพียง 3 สัปดาห์ก็สวรรคต เมื่อสวรรคตแล้ว พระโอรสทั้งหลายต่างแย่งชิงราชสมบัติกัน อาณาจักรล้านช้างได้แตกเป็น 2 ฝ่ายคืออาณาจักรฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ พระเจ้าไชยเชษโฐแห่งล้านนา จึงยกทัพตีกรุงล้านช้าง และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดบุปผาราม เชียงใหม่ รวมทั้งพระพุทธสิหิงค์และพระแก้วขาวไปด้วย เมื่อเสด็จถึงล้านช้าง ทรงยึดราชสมบัติจากเจ้าครองนครทั้งสองได้ ด้วยความเกรงกลัวของเจ้าครองนครทั้งสอง จึงทรงครองนครทั้งสองซึ่งเรียกว่า กรุงศรีสัตนาคตหุต พระองค์จึงขึ้นครองราชสมบัติ นับเป็นมหาราชองค์ที่ 2 ของลาว ที่ทรงพระปรีชาสามารถ ทรงพระนามว่า \"พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช\"",
"เนื่องจากในปีนั้นมีข้าศึกมาติดพันอยู่ตลอดมหาเทวีจิรประภาจึงได้ขอกำลังจากล้านช้างซึ่งเป็นอาณาจักรของพระเจ้าโพธิสารราช พระชามาดา (ลูกเขย) ของพระนางเอง ซึ่งอาณาจักรล้านช้างกำลังเจริญรุ่งเรือง ซึ่งการรวมกันของล้านช้างและล้านนา ได้สร้างความหวั่นวิตกต่อสมเด็จพระไชยราชาธิราช โดยเฉพาะการแทรกแซงล้านนา กองทัพกรุงศรีอยุธยาจึงได้ขึ้นมาปราบเชียงใหม่เป็นครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2089 โดยเฟอร์ดินานด์ เมนเดส ปินโต นักเดินทางชาวโปรตุเกสได้บันทึกไว้ว่า มีกำลังพล 400,000 คน เรือ 300 ลำ ช้าง 4,000 เชือก เกวียนสำหรับบรรทุกปืนใหญ่ 200 เล่ม และมีทหารรับจ้างโปรตุเกสไปร่วมรบด้วย 120 คน[note 2][11] ในครั้งนี้กรุงศรีอยุธยาสามารถตีเมืองลำพูนแตก แต่เชียงใหม่ก็ป้องกันตัวเองสำเร็จผลของสงครามคือกรุงศรีอยุธยาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ สมเด็จพระไชยราชาธิราชทรงต้องกระสุนปืนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทหารฝ่ายล้านนาและล้านช้างได้อาวุธยุทโธปกรณ์ ช้าง ม้า และเชลยศึกจำนวนมาก",
"ราชอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ คืออาณาจักรลาวล้านช้างที่ตั้งอยู่ทางต้นใต้ของประเทศลาวในปัจจุบัน ดำรงอยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2256 ถึง พ.ศ. 2489 เป็นเวลา 236 ปี อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ตกเป็นประเทศราชของไทยจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อฝรั่งเศสเข้ามาครอบครองบริเวณประเทศลาวทั้งหมด จำปาศักดิ์ถูกยุบรวมเข้ากับอาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง กลายมาเป็นราชอาณาจักรลาว เมื่อปี พ.ศ. 2489",
"ลำดับกษัตริย์ลาว ธรรมเนียมการปกครองของอาณาจักรล้านช้าง ประเทศลาว อาณาจักรล้านนา",
"ภายหลังเมื่อพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราชเสด็จสวรรคตแล้ว เชื้อพระวงศ์ลาวต่างก็แก่งแย่งราชสมบัติกัน จนอาณาจักรล้านช้างแตกแยกเป็น 3 ส่วนคือ อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ และอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ ต่างเป็นอิสระไม่ขึ้นแก่กัน และเพื่อชิงความเป็นใหญ่ต่างก็ขอสวามิภักดิ์ต่ออาณาจักรเพื่อนบ้าน เช่น ไทย พม่า เพื่อขอกำลังมาสยบอาณาจักรลาวด้วยกันในลักษณะนี้ ในที่สุดอาณาจักรลาวทั้ง 3 แห่งนี้จะตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรสยาม ในปี พ.ศ. 2321",
"ปัจจุบันพระพุทธเจ้าเก้าตื้อ ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดสวนดอก ซึ่งเป็นวัดสำคัญของล้านนา เนื่องจากในประวัติศาสตร์กล่าวว่าเป็นที่ตั้งของคณะสงฆ์ฝ่ายลังกาวงศ์ ที่พญากือนาได้ส่งราชทูตไปขอพระราชทานมาจากพระมหาธรรมราชาลิไท แห่งอาณาจักรสุโขทัย โดยพระมหาธรรมราชาที่ 1 ได้โปรดให้พระมหาสุมนเถระ นำตั้งมั่นเผยแพร่พระพุทธศาสนา ลัทธิลังกาวงศ์ยังอาณาจักรล้านนา ตามที่พระเจ้ากือนาทูลขอ พระมหาสุมนเถระได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาด้วยหนึ่งองค์ เมื่อพระมหาเถระเดินทางมาถึงล้านนา จึงได้ถวายพระบรมสารีริกธาตุแด่พระเจ้ากือนา ในครั้งนั้นพระบรมสารีริกธาตุได้แสดงปาฏิหาริย์ แบ่งออกเป็น 2 องค์ พระเจ้ากือนาได้มีพระราชศรัทธา โปรดให้สร้างอารามบุบผาราม เป็นที่จำพรรษาของพระมหาสุมนเถระ และสร้างพระสถูปเจดีย์ เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระบรมสารีริกธาตุอีกองค์หนึ่งนั้น ได้โปรดให้อัญเชิญขึ้นไว้บนหลังช้าง แล้วอธิษฐานเสี่ยงทายสถานที่สมควรจะประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุดังกล่าว ครั้งนั้นช้างมงคลได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เดินขึ้นไปบนดอยสุเทพ เมื่อถึงบนยอดดอยแล้ว ช้างได้คุกเข่าลงไม่ยอมเดินต่อ พระเจ้ากือนามหาธรรมิกราชจึงมีพระราชดำรัสให้สร้างพระบรมธาตุขึ้นบนดอยสุเทพ ซึ่งปัจจุบันคือ วัดพระธาตุดอยสุเทพ",
"ปีพ.ศ. 2042 ราชวงศ์มังรายแห่งอาณาจักรล้านนาเกิดว่างกษัตริย์ พระนางจิระประภามหาเทวีผู้เป็นพระอัครมเหสีในพระเมืองเกษเกล้า ได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์หญิงเพียง1ปี บ้านเมืองก็เกิดระส่ำระส่าย ถูกอาณาจักรรอบข้างรุกราน และในยุคที่บุเรงนองเป็นผู้ชนะ10ทิศ พระนางจิระประภาจึงเชื่อมสัมพันธ์กับอาณาจักรอยุธยา และอาณาจักรล้านช้างให้แน่นแฟ้น แต่พระองค์ครองราชย์ได้เพียง1ปีจึงสละราชบัลลังก์ และทูลเชิญพระไชยเชษฐาจากเมืองหลวงพระบางแห่งอาณาจักรล้านช้างลงมาปกครองแทน เนื่องจากพระนางยอดคำทิพย์พระอัครมเหสีในพระเจ้าโพธิสารราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง หรือผู้เป็นแม่ของพระไชยเชษฐา พระราชธิดาของพระนางจิระประภา จึงเห็นว่าหลานชายของตนมีสายเลือดล้านนา จึงให้มาปกครองเชียงใหม่ แต่พระไชยเชษฐาปกครองได้เพียง1ปี พระราชบิดาเกิดสวรรคตกระทันหัน พระไชยเชษฐาจึงต้องกลับไปเถลิงราชสมบัติครองราชย์ล้านนา พระองค์จึงอัญเชิญพระแก้วมรกตกับพระพุทธสิหิงค์จากเชียงใหม่กลับไปหลวงพระบางด้วย หลังจากนั้นพระองค์ก็เริ่มสร้างวัดเชียงทองขึ้นในใจกลางกรุงหลวงพระบาง ",
"ล้านนา หมายถึง ดินแดนที่มีนานับล้าน หรือมีที่นาเป็นจำนวนมาก คู่กับล้านช้าง คือดินแดนที่มีช้างนับล้านตัว เมื่อปี พ.ศ. 2530 คำว่า \"ล้านนา\" กับ \"ลานนา\" เป็นหัวข้อโต้เถียงกัน ซึ่งคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งมี ดร. ประเสริฐ ณ นคร เป็นประธาน ได้ให้ข้อยุติว่า \"ล้านนา\" เป็นคำที่ถูกต้อง และเป็นคำที่ใช้กันในวงวิชาการ[2]",
"แคว้นล้านนา แคว้นเชียงใหม่ อาณาจักรล้านช้าง",
"พระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางหล้าสร้อยเทวีแห่งนครเวียงจันทน์ เป็นพระราชนัดดา (หลาน) ในสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ ๒ (พระไชยองค์เว้) พระราชบิดาของพระองค์พระนามว่า เจ้าองค์ไชย ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ ๒ (พระไชยองค์เว้) พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างพระองค์ที่ ๓๖ และพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรเวียงจันทน์พระองค์ที่ ๑ ปฐมกษัตริย์ผู้สถาปนาราชวงศ์เวียงจันทน์ ฝ่ายพระมารดาของพระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) นั้นเป็นพระนัดดาในเจ้าผ้าขาว (เจ้าปะขาว) ผู้สร้างเมืองผ้าขาวและเมืองพันนา (เมืองพนาง) ในจังหวัดสกลนคร สมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ ๒ (พระไชยองค์เว้) ทรงเป็นพระราชนัดดา (หลานอา) ในพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างพระองค์ที่ ๓๒ และเป็นพระราชนัดดา (หลานปู่) ในพระเจ้าต่อนคำพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างพระองค์ที่ ๓๑ ฝ่ายเจ้าผ้าขาว (เจ้าปะขาว) นั้นทรงเป็นพระราชนัดดาในพระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์เช่นเดียวกัน ดังนั้น พระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) จึงเป็นเจ้าผู้ปกครองเมืองกาฬสินธุ์และเป็นเจ้านายฝ่ายหัวเมืองลาว-อีสานที่สืบเชื้อสายจากราชวงศ์เวียงจันทน์อีกสายหนึ่ง",
"ล้านนา เดิมเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองมาตั้งแต่พุทธศตวรรศที่ 19 มีอาณาเขตกว้างขวาง ในยุคทองของอาณาจักรล้านนานั้น มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไปจนถึง รัฐไทใหญ่, สิบสองปันนา, ล้านช้าง, พม่า และ สุโขทัย การขยายอำนาจของอาณาจักรล้านนาทำให้เกิดความขัดแย้งกับอาณาจักรอยุธยา จนเกิดสงครามกันหลายครั้ง ถึงแม้ยามล้านนาอ่อนแอ ก็ไม่เคยตกเป็นประเทศราชของอยุธยาอย่างแท้จริง",
"เมื่ออาณาจักรล้านช้างแตกเป็น 3 อาณาจักร แต่ละอาณาจักรต่างตั้งตนเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อกันและไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะกับหลวงพระบางและเวียงจันทน์แล้ว ทั้งสองอาณาจักรนี้ล้วนถือว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูเลยทีเดียว ต่างก็จ้องหาทางทำลายล้างต่อกันด้วยการอาศัยกำลังทหารพม่าที่มีอำนาจในล้านนาอยู่ตลอด",
"หลังจากนั้น พระเจ้าสามฝั่งแกนแห่งเชียงใหม่ทราบข่าวการค้นพบพระพุทธรูปนี้ จึงเชิญมาประดิษฐานที่เชียงใหม่ แต่ช้างทรงพระแก้วมรกตกลับไม่เดินทางไปยังเชียงใหม่ แต่ไปทางลำปางหากช้างนั้นมีพระแก้วมรกตอยู่บนหลังช้าง เชียงใหม่เห็นว่าลำปางก็อยู่ในอาณาจักรล้านนาจึงนำไปไว้ที่วัดพระแก้วดอนเต้า ถึงสมัยพระเจ้าติโลกราช ได้เชิญพระแก้วมรกตมายังเชียงใหม่ สร้างปราสาทประดิษฐานไว้แต่ถูกฟ้าผ่าหลายครั้ง ครั้นเมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งล้านช้างซึ่งเป็นญาติกับราชวงศ์ล้านนามาครองเมืองเชียงใหม่ เมื่อพระเจ้าไชยเชษฐาเสด็จกลับหลวงพระบาง ก็เชิญพระแก้วมรกตไปด้วยพร้อมกับพระพุทธสิหิงค์ ทางเชียงใหม่ขอคืนก็ได้แต่พระพุทธสิหิงค์ เมื่อล้านช้างย้ายเมืองหลวงจากหลวงพระบางมาเวียงจันทน์ก็เชิญพระแก้วมรกตลงมาด้วย ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง พระองค์ได้ทรงอัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบาง มาจากอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ (ลาว) ในครั้งนั้นประดิษฐานไว้ที่วัดอรุณราชวราราม ต่อมาเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรลงบุษบกในเรือพระที่นั่ง เสด็จข้ามฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มาประดิษฐานยังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จนถึงปัจจุบัน ส่วนพระบางได้คืนให้แก่ลาว",
"ราชอาณาจักรล้านช้าง ได้แตกออกเป็นอาณาจักรต่างๆ ได้แก่ อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์",
"สถานะทางการเมืองในช่วงต้นของพระเมืองเกษเกล้าเป็นที่ยอมรับทางการเมืองระหว่างรัฐ โดยเฉพาะอาณาจักรล้านช้าง ดังพบว่า พระเจ้าโพธิสารราช กษัตริย์แห่งล้านช้างได้ทูลขอ นางยอดคำ หรือ พระนางยอดคำทิพย์(เจ้านางหลวงคำผาย) ธิดาของพระเมืองเกศเกล้าเป็นพระอัครมเหสี เพื่อสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างสองอาณาจักร และผนึกกำลังตอบโต้การขยายตัวของอาณาจักรอยุธยา แต่อย่างไรก็ตามหลังจาก พ.ศ. 2077 ระบอบกษัตริย์และขุนนางของอาณาจักรล้านนาก็เสียสมดุล และเกิดเหตุการณ์การถอดพระองค์ออกจากราชสมบัติ การยกพระราชโอรสของพระองค์ครองราชย์ต่อและถูกลอบปลงพระชนม์ ต่อมาเมื่อพระองค์ครองราชย์อีกครั้งก่อนที่จะถูกลอบปลงพระชนม์ในท้ายที่สุด",
"ตลอดระยะเวลาเกือบ 100 ปีที่เมืองน่านอยู่ในครอบครองของอาณาจักรล้านนา ได้ค่อยๆ ซึมซับเอาศิลปวัฒนธรรมของล้านนามาไว้ในวิถีชีวิต โดยเฉพาะการรับเอาศิลปกรรมทางด้านศาสนา ปรากฏศิลปกรรมแบบล้านนาเข้ามาแทนที่ศิลปกรรมแบบสุโขทัยอย่างชัดเจน เช่น เจดีย์วัดพระธาตุแช่แห้ง เจดีย์วัดสวนตาล (มวลสารจากวัดสวนตาลใช้ทำพระสมเด็จจิตรลดา) เจดีย์วัดพระธาตุช้างค้ำ แม้จะเหลือส่วนฐานที่มีช้างล้อมรอบซึ่งเป็นลักษณะศิลปะแบบสุโขทัยอยู่ แต่ส่วนองค์เจดีย์ขึ้นไปถึงส่วนยอดเปลี่ยนเป็นศิลปกรรมแบบล้านนาไปจนหมดสิ้น ในระหว่างปี พ.ศ. 2103-2328 เมืองน่านได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าอยู่หลายครั้งและต้องเป็นเมืองร้างไร้ผู้คนถึง 2 ครา คือ ครั้งแรก ปี พ.ศ. 2247-2249 ครั้งที่ 2 ปี พ.ศ. 2321-2344",
"การที่ล้านช้างมีความสัมพันธ์กับล้านนาอย่างใกล้ชิดก็ด้วยเหตุผลด้านการเมืองเป็นหลัก กล่าวคือ ในขณะนั้นอาณาจักรล้านนาได้อ่อนแลลงจากการทำสงครามกับอาณาจักรอยุธยาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ภัยธรรมชาติ และความล้มเหลวในการรุกรานเมืองเชียงตุง เปิดช่องให้อาณาจักรข้างเคียงอย่างล้านนา ตองอู และอยุธยาสร้างอิทธิพลแทรกแซงภายในอาณาจักร โดยล้านช้างได้เข้าเกี่ยวดองกับล้านนาผ่านการเสกสมรสของเจ้านายในเครือญาติของทั้งสองฝ่าย",
"ต่อมาในปี พ.ศ. 2091 พระเจ้าโพธิสารราชทรงตกช้างระหว่างเสด็จประพาสคล้องช้างป่าและเสด็จสวรรคต เจ้าศรีวรวงษาราชกุมาร (เจ้ามหาอุปราชศรีวรวงษา) และเจ้ากิจธนวราธิราช (เจ้าท่าเรือ) ผู้เป็นพระราชโอรสองค์รองต่างพยายามจะขึ้นครองราชย์สมบัติเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ขุนนางล้านช้างจึงเชิญพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเสด็จกลับมานครหลวงพระบางเพื่อรับเถลิงถวัลยราชสมบัติระงับเหตุวุ่นวายที่จะเกิดขึ้น โดยพระองค์ยังได้เชิญพระแก้วมรกตซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของล้านนามาสถิต ณ นครหลวงพระบางด้วย ขุนนางแห่งล้านนาจึงถวายราชสมบัติกษัตริย์ล้านนาให้แก่พระเมกุฏิ เจ้านายล้านนาเชื้อสายมังรายจากเมืองนายขึ้นปกครองแทน",
"สวัสดีครับผมครูไปรท์จะมาสอนเรื่องล้านช้างครับ สมัยล้านช้างแตกพักพวก\nในสมัยนั้น อาณาจักรล้านช้าง ได้แบ่งเป็น 3 อาณาจักรมั้ง ได้แก่ หลวงพระบาง เวียงจันทน์ และ จำปาศักดิ์\nสาเหตุ เนื่องจากล้านช้างมีปัญหาภายในราชวัง ล้านช้างได้แตกพักพวก จึงเกิดมี 3 อาณาจักร ที่ขัดแย้งกัน ทำให้อาณาจักร ล้านช้างอ่อนกำลังลง\nพระเจ้าตากสินได้ท่า ก็เลยหาข้ออ้างทำศึกกับล้านช้าง การทำศึกเกิดขึ้นจากการทำศึก 2 ครั้ง ดังนี้ล้านช้างก็เลยกลายเป็นประเทศราชของไทย"
] |
อาสนวิหารอ็องกูแลม อยู่ในประเทศอะไร? | [
"อาสนวิหารอ็องกูแลม (French: Cathédrale d'Angoulême) หรือชื่อเต็มคือ อาสนวิหารนักบุญเปโตรแห่งอ็องกูแลม (Cathédrale Saint-Pierre d'Angoulême) เป็นอาสนวิหารโรมันคาทอลิก[1] ประจำมุขมณฑลอ็องกูแลม ตั้งอยู่ที่เมืองอ็องกูแลม ประเทศฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นแบบโรมาเนสก์ อาสนวิหารอ็องกูแลมซึ่งเป็นอาสนวิหารตัวอย่างโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ได้รับการสถาปนาเป็นอาสนวิหารในปี ค.ศ. 1017"
] | [
"กูลงเกิดที่เมืองอ็องกูแลม (Angoulême) ประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวที่มีฐานะดี มีบิดาชื่ออ็องรี กูลง ซึ่งเป็นผู้ตรวจการสวนหลวงในเมืองมงเปอลีเย มารดาของเขาชื่อแคทเทอรีน บาเช ซึ่งมาจากครอบครัวค้าขนสัตว์",
"หลุยส์ อองตวน ดยุกแห่งอ็องกูแลม () หรือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 19 แห่งฝรั่งเศส เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระเจ้าชาร์ลที่ 10 บางครั้งพระองค์ถือว่าเป็นพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสที่ถูกต้องตามกฎหมาย (พระเจ้าหลุยส์ที่ 19 แห่งฝรั่งเศสและนาวาร์) หลังจากที่พระเจ้าชาร์ลที่ 10 ทรงลงพระปรมาภิไธยสละราชสมบัติ และ 20 นาทีถัดมา พระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยสละราชสมบัติเช่นเดียวกัน ทำให้พระองค์กลายเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์",
"เจ้าชายโอโด ดยุกแห่งอ็องกูแลม ทรงอยู่ลำดับที่ 4 ในการสืบพระอิสริยยศ เคานต์แห่งปารีส ดยุกแห่งฝรั่เศส ต่อจากเจ้าชายจีนส์ ดยุกแห่งเวนมอนต์ พระเชษฐา และ เจ้าชายกัสตอน เจ้าชายโจเซฟ พระภาติยะ",
"ระหว่างปี ค.ศ. 1876 ถึง ปี ค.ศ. 1880 อาสนวิหารรูอ็องเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลก เมื่อปี ค.ศ. 1944 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 อาสนวิหารถูกระเบิดซึ่งเกือบทำลายหอกลาง",
"องค์ประกอบแบบตะวันออก (อาหรับ) ที่พบได้ตามสถาปัตยกรรมโดยรอบบริเวณเมืองนั้นเป็นที่แปลกประหลาดใจของผู้เข้าชมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหมือนกันอย่างน่าประหลาดใจระหว่างมัสยิด-อาสนวิหารกอร์โดบากับบริเวณวิหารคดของอาสนวิหารนี้ ซึ่งเป็นการก่อสร้างโดยใช้วัตถุดิบผสมระหว่างอิฐสีแดงและหินสีขาว (ที่พบในมัสยิด-อาสนวิหารกอร์โดบา) และของที่นี่ซึ่งเป็นหินภูเขาไฟสีดำและหินสีขาว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันกับศิลปะอาหรับกับประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี ",
"ซึ่งสถาปัตยกรรมรูปแบบนี้จะพบในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 12 ซึ่งเป็นการผสมผสานองค์ประกอบแบบกอทิก (โดยเฉพาะบริเวณเพดานโค้งสันแบบกอทิก) กับองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ของภาคตะวันตกของฝรั่งเศส (วิหารที่มีโดมเป็นองค์ประกอบเหมือนกับที่มหาวิหารอ็องกูแลม และมหาวิหารเปรีเกอ) ซึ่งยังรวมถึงลักษณะของบริเวณกลางโบสถ์ซึ่งประกอบด้วยทางเดินกลางเพียงแห่งเดียว (ไม่มีทางเดินข้าง) หรือมิฉะนั้นจะมีถึง 3 ทาง นอกจากนั้นยังพบว่าบริเวณสันเพดาน ที่มีลักษณะเกือบโค้งเป็นครึ่งวงกลมซึ่งทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ครีบยันลอยเป็นตัวรับน้ำหนัก",
"อาสนวิหารเลอปุย-อ็อง-เวอแล () เรียกชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระรับสารแห่งเลอปุย-อ็อง-เวอแล () เป็นอาสนวิหารในนิกายโรมันคาทอลิก เป็นที่ตั้งของมุขนายกประจำมุขมณฑลเลอปุย-อ็อง-เวอแล ตั้งอยู่ที่เมืองเลอปุย-อ็อง-เวอแล จังหวัดโอต-ลัวร์ แคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่แม่พระรับสาร และยังได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นบาซิลิกาเมื่อปีค.ศ. 1856 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 9",
"บางครั้งตำแหน่งของมุขนายกมหานครที่มีความสำคัญและความรับผิดชอบสูงและปริมุขนายกอื่นอยู่ในความรับผิดชอบก็จะเรียกว่า \"Primate\" เช่น บิชอปของอาสนวิหารแคนเทอร์เบอรีและอาสนวิหารยอร์กที่ประเทศอังกฤษ และอาสนวิหารรูอ็องที่ประเทศฝรั่งเศส แต่อาสนวิหารของ \"Primate\" ก็ยังคงเป็นอาสนวิหาร \"Metropolitical Cathedral\" มิได้เป็น \"Primatial Cathedral\" อย่างที่ตำแหน่งระบุไว้",
"อิซาเบลลากลายเป็นเคานเตสแห่งอ็องกูแลมด้วยสิทธิ์ของตนเมื่อ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1202 ในตอนที่พระองค์เป็นพระราชินีแห่งอังกฤษแล้ว การอภิเษกสมรสกับพระเจ้าจอห์นของพระองค์เกิดขึ้นเมื่อ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1200 ในอ็องกูแลม หนึ่งปีหลังพระเจ้าจอห์นประกาศให้การอภิเษกสมรสกับอิซาเบลลาแห่งกลอสเตอร์ของพระองค์เป็นโมฆะ พระองค์ได้รับการสวมมงกุฎราชินีในพิธีที่พิถีพิถันเมื่อ 8 ตุลาคม ที่เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ในลอนดอน อิซาเบลลาเดิมถูกหมั้นหมายกับฮิวจ์ที่ 9 เลอ บรัน เคานต์แห่งลูซินญ็อง บุตรชายของเคานต์แห่งลา มาร์ช ผลของความบุ่มบ่ามในการรับพระองค์เป็นพระมเหสีคนที่สองของจอห์น ทำให้พระเจ้าฟิลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศสริบดินแดนในฝรั่งเศสทั้งหมดของทั้งสอง และตามมาด้วยความขัดแย้ง",
"ลักษณะรูปทรงของอาสนวิหารก็ได้เปลี่ยนแปลงไปจากการซ่อมแซมและขยายตัวในช่วงหลายร้อยปีที่ตามมา เช่นหอระฆังที่ถูกทำลายไประหว่างสงครามศาสนาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 นอกจากนั้นก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างการบูรณปฏิสังขรณ์โดยปอล อาบาดีระหว่างปี ค.ศ. 1866–1885 ที่รวมทั้งการสร้างหอใหม่สองหอที่คลุมด้วยหลังคาทรงกรวย จะมีก็แต่มุขด้านตะวันตกหรือด้านหน้าเท่านั้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นสถาปัตยกรรมยุคกลาง",
"ผังอาสนวิหาร ด้านหน้าอาสนวิหาร หอนาฬิกาและมุขโค้งด้านสกัด ทางเดินกลาง หน้าบัน",
"อาสนวิหารปามีเย () หรือมีชื่อเต็มว่า อาสนวิหารนักบุญอ็องตอแน็งแห่งปามีเย () เป็นอาสนวิหารโรมันคาทอลิก อันเป็นที่ตั้งของมุขนายกประจำมุขมณฑลปามีเย กูเซอร็อง และมีร์ปัว ตั้งอยู่ที่เมืองปามีเย จังหวัดอาเรียฌ แคว้นอ็อกซีตานี ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญสำคัญประจำเมือง คือ นักบุญอ็องตอแน็ง",
"อิซาเบลลาแห่งอ็องกูแลม (ภาษาอังกฤษ: \"Isabella of Angoulême\", ภาษาฝรั่งเศส: \"Isabelle d'Angoulême;\" ค.ศ. 1186/1188 – 4 มิถุนายน ค.ศ. 1246) เป็นพระราชินีคู่สมรสแห่งอังกฤษในฐานะพระมเหสีคนที่สองของพระเจ้าจอห์น ตั้งแต่ ค.ศ. 1200 จนพระเจ้าจอห์นสิ้นพระชนม์ใน ค.ศ. 1216 พระองค์ยังเป็นเคานเตสแห่งอ็องกูแลมด้วยสิทธิ์ของตน ตั้งแต่ ค.ศ. 1202 จนถึง ค.ศ. 1246",
"พระองค์เป็นลูกสาวและทายาทคนเดียวของเอย์แมร์ ไตเลแฟร์ เคานต์แห่งอ็องกูแลม กับอลิซแห่งคูร์เตอเนย์ ที่เป็นพระขนิษฐาของปิแอร์ที่ 2 แห่งคูร์เตอเนย์ จักรพรรดิละตินแห่งคอนสแตนติโนเปิลและพระนัดดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 6 แห่งฝรั่งเศส",
"อาสนวิหารรูอ็อง () หรือชื่อทางการคือ อาสนวิหารแม่พระแห่งรูอ็อง () เป็นอาสนวิหารแบบกอทิก ตั้งอยู่ที่เมืองรูอ็อง ในจังหวัดแซน-มารีตีม แคว้นนอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส เป็นที่ตั้งของอัครมุขนายกแห่งอัครมุขมณฑลรูอ็อง และอาสนวิหารแห่งนี้ยังอยู่ในฐานะ \"Primatial Cathedral\" ในตำแหน่ง \"ไพรเมตแห่งนอร์ม็องดี\" ()",
"อ็องกูแลม หมวดหมู่:สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ หมวดหมู่:สถาปัตยกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 4 หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างในคริสต์ทศวรรษ 1110 หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างในจังหวัดชาร็องต์ หมวดหมู่:อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์แห่งฝรั่งเศส",
"อาสนวิหารแรกที่สร้างสร้างบนสถานที่เดิมเป็นศาสนสถานก่อนสมัยศาสนาคริสต์ ในอาสนวิหารอ็องกูแลมใช้เวลาสร้างทั้งหมดเริ่มสร้างเป็นครั้งแรกเมื่อปี ในคริสต์ศตวรรษที่ 4 วัดถูกทำลายเมื่อโคลวิสที่ 1 เข้ามายึดเมืองหลังจากยุทธการที่วูเย ในปี ค.ศ. 507 อาสนวิหารต่อมาได้รับการสถาปนาในปี ค.ศ. 560 แต่ก็มาถูกเผาโดยชาวไวกิงและนอร์มันราวสองร้อยปีต่อมา",
"อาสนวิหารเลอปุย-อ็อง-เวอแลได้ขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์เมื่อปี ค.ศ. 1862 รวมทั้งยังอยู่ในมรดกโลก โดยองค์การยูเนสโก โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางซานเตียโกเดกอมโปสเตลาในประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998",
"บริเวณร้องเพลงสวดครึ่งวงกลมขนามด้วยมุขขนาดเล็กสองมุขที่คลุมด้วยโดมครึ่งโดม",
"ภายในสิ่งก่อสร้างเป็นทางเดินกลางที่อยู่ภายใต้โดมสามโดม แขนกางเขนยาวจรดหอทางด้านเหนือและใต้ มุขตะวันออกเป็นชาเปลกระจายออกไปสี่ห้อง ตรงบริเวณจุดตัดระหว่างทางเดินกลางและแขนกางเขนเป็นโดมขนาดใหญ่ที่สร้างแทนโดมเดิมที่ถูกทำลายไประหว่างการถูกล้อมโดยกองกำลังฝ่ายโปรเตสแตนต์ในปี ค.ศ. 1568 เดิมแขนกางเขนส่องสว่างด้วยหอตะเกียง (lantern tower) สองหอ แต่ในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงหอเดียว (ปอล อาบาดี ได้ขยายต่อเติม และย้ายประติมากรรมของยุคกลางออกไป)",
"อาสนวิหารปัจจุบัน () ที่สร้างอย่างใหญ่โตเป็นแบบไบแซนไทน์-โรมาเนสก์สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1852 ถึงปี ค.ศ. 1896 บนสถานที่ที่เคยเป็นอาสนวิหารแห่งมาร์แซย์มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 โดยสถาปนิกเลอง โวดัวเย และอ็องรี-ฌัก แอ็สเปร็องดีเยอ (ค.ศ. 1829–1874) สิ่งก่อสร้างที่มีขนาดย่อมกว่าจากอาสนวิหารเดิม () ที่ยังคงตั้งอยู่เคียงข้างอาสนวิหารใหม่แต่ก็ถูกบดบังเพราะขนาดอันโอฬารของสิ่งก่อสร้างใหม่",
"อาสนวิหารกูต็องส์ () เรียกชื่อเต็มว่า อาสนวิหารแม่พระแห่งกูต็องส์ () เป็นอาสนวิหารในนิกายโรมันคาทอลิก เป็นที่ตั้งของมุขนายก ประจำมุขมณฑลกูต็องส์และอาวร็องช์ ตั้งอยู่ในเมืองกูต็องส์ จังหวัดม็องช์ ในแคว้นนอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่พระแม่มารี",
"ด้านหน้าของอาสนวิหารตกแต่งด้วยประติมากรรมถึงกว่า 70 รูปที่จัดเป็นสองหัวข้อ \"พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์\" และ \"การพิพากษาครั้งสุดท้าย\" ที่ผสานกันอย่างกลมกลืน พระเยซูปรากฏพระองค์ในกรอบมันดอร์ลา (mandorla) ขณะที่ทูตสวรรค์สององค์ชี้ให้สาวกเห็นมโนทัศน์ ใบหน้าของผู้ศรัทธาภายใต้ซุ้มโค้งต่างก็มองไปทางพระมหาไถ่ ขณะที่ผู้สร้างบาปถูกผลักเข้าไปตามซอกซุ้มโค้งให้ถูกลงโทษเป็นเหยื่อของซาตาน นอกจากสองหัวข้อนี้แล้วประติมากรก็ยังสร้างภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตประจำวันที่รวมทั้งการล่าสัตว์",
"อาสนวิหารสทราซบูร์เคยได้รับการบันทึกเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความสูงที่สุดในโลก ในช่วงปี ค.ศ. 1647 จนถึงปี ค.ศ. 1874 ด้วยความสูงถึง 142 เมตร ซึ่งในปัจจุบัน ถือเป็นวิหารที่สูงที่สุดอันดับที่หกของโลก และสูงที่สุดเป็นอันดับสองรองจากอาสนวิหารรูอ็อง และยังถือเป็นวิหารที่สูงที่สุดที่สร้างในยุคกลาง ที่ยังคงสภาพอยู่ในปัจจุบัน",
"อาสนวิหารที่สามสร้างขึ้นภาพใต้การอำนวยการของบิชอปกรีมออาร์ อธิการอารามแซ็ง-ปีแยร์แห่งบร็องโตม และได้รับเสกในปี ค.ศ. 1017 เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 ประชาชนเห็นพ้องกันว่าโบสถ์มีขนาดเล็กไปกว่าฐานะของเมือง การออกแบบอาสนวิหารใหม่ทำโดยบิชอปเฌราร์ที่ 2 ผู้เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งของฝรั่งเศสในยุคนั้นผู้เป็น ศาสตราจารย์ สมณทูตสี่พระองค์ และเป็นศิลปินผู้มีฝีมือด้วย งานสร้างอาสนวิหารเริ่มขึ้นราวปี ค.ศ. 1110 และสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1128",
"ต่อมาไม่นานก็ได้มีการบูรณะอีกโดยมุขนายกเรอโน เดอ มาร์ตีเญ และอูลแฌร์ และเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมากในสมัยของมุขนายกนอร์ม็อง เดอ ดูเอ และกีโยม เดอ โบมง โดยสองท่านหลังได้บูรณะโดยสร้างใหม่ในส่วนของบริเวณกลางโบสถ์ และมุขทางเข้าด้านหน้าอาสนวิหาร ซึ่งบริเวณกลางโบสถ์ที่เป็นโถงเดี่ยวนั้น (ไม่มีทางเดินข้าง) ต่อมาในภายหลังได้เป็นตัวอย่างสำคัญของการก่อสร้างอาสนวิหารอ็องกูแลมและแอบบีย์ฟงต์วโร ()",
"เจ้าชายโอโด ดยุกแห่งอ็องกูแลม ()\nเจ้าชายโอโด ดยุกแห่งอ็องกูแลม ประสูติเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2511 ณ ประเทศฝรั่งเศส ทรงเป็นพระบุตรและพระโอรสพระองค์สุดท้องใน เจ้าชายเฮนรี เคานต์แห่งปารีส (ประสูติ ค.ศ. 1933) และ ดัชเชสมาเรีย-เทเรซาแห่งเวือร์ทเทิมแบร์ค ซึ่งขณะพระองค์ประสูตินั้นพระบิดาและพระมารดาทรงหย่ากันแล้ว ",
"เจ้าหญิงมารี-เตแรซแห่งฝรั่งเศส () เป็นพระชายาในเจ้าชายหลุยส์ อ็องตวน ดยุกแห่งอ็องกูแลม เป็นพระราชธิดาในพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศสและพระนางมารี อ็องตัวแน็ต ได้เป็นสมเด็จพระราชินีแห่งฝรั่งเศสหลังจากที่พระเจ้าชาร์ลที่ 10 แห่งฝรั่งเศสสละราชสมบัติ เจ้าชายหลุยส์ อ็องตวน ดยุกแห่งอ็องกูแลม พระสวามีของพระองค์จึงได้ครองราชย์และเพียง 20 นาที ต่อมาพระองค์ก็ลงพระนามสละราชสมบัติ เป็นอันสิ้นสุดตำแหน่ง ",
"อาสนวิหารซาร์ลา () เรียกชื่อเต็มว่า อาสนวิหารนักบุญซาแซร์โดสแห่งซาร์ลา () ปัจจุบันมีฐานะเป็นโบสถ์ประจำเขตแพริช นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งในอดีตเคยมีฐานะเป็นอาสนวิหารประจำมุขมณฑลซาร์ลา ซึ่งต่อมาได้ถูกยุบรวมเป็นส่วนหนึ่งของมุขมณฑลอ็องกูแลม ตั้งแต่ปีค.ศ. 1801 เป็นต้นมา (ตามความตกลง ค.ศ. 1801) ซึ่งไม่นานต่อมาได้ยุบรวมเข้ากับมุขมณฑลเปรีเกอ ตั้งอยู่ที่เมืองซาร์ลา-ลา-กาเนดา จังหวัดดอร์ดอญ ในแคว้นนูแวลากีแตน ประเทศฝรั่งเศส สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่นักบุญซาแซร์โดสแห่งลีมอฌ"
] |
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มีกี่วิทยาเขตทั่วประเทศไทย ? | [
"มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในด้าน วิศวกรรมศาสตร์, วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, สถาปัตยกรรมศาสตร์ เดิมชื่อ วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตธนบุรี และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ตามลำดับ ปัจจุบันเปิดสอนใน 8 คณะ, 1 สถาบัน, 1 บัณฑิตวิทยาลัย และ 1 บัณฑิตวิทยาลัยร่วม โดยมีทั้งหลักสูตรปกติ และนานาชาติ ในระดับปริญญาตรี, โท และเอก ซึ่งมี 3 วิทยาเขต และ 1 อาคาร คือ วิทยาเขตบางมด, วิทยาเขตบางขุนเทียน, วิทยาเขตราชบุรี และอาคารเคเอ็กซ์ คลองสาน"
] | [
"การศึกษาในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า เริ่มต้นที่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2476 คณะเริ่มเปิดสอนหลักสูตรปริญญาบัณฑิต ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า ได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิร็อกกีเฟลเลอร์ โดยทางมูลนิธิ ได้ส่ง ดร.ชารล เอม.สัน. เกวอรฺต ชาวสวีเดน ซึ่งได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มาช่วยจัดหลักสูตรการสอน และเป็นหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้าไปด้วย ในปี พ.ศ. 2478 ก็มีผู้จบการศึกษาและเข้ารับพระราชทานปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า เป็นครั้งแรก จำนวน 12 คน ซึ่งต่อมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน และ ได้เปิดสอนหลักสูตรวิศวกรรมไฟฟ้าตามมาเป็นลำดับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้เปิดหลักสูตรระดับปริญญาเอก เป็นแห่งแรกของประเทศไทย",
"พ.ศ. 2514 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ได้รับการสถาปนาขึ้น เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2514 จากการรวม 1.วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี, 2.วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ และ 3.วิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี โดย วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี มีสถานะเป็นวิทยาเขต คือ \"สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตธนบุรี\" และเปลี่ยนจากหลักสูตรประกาศนียบัตรเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) มาเป็น หลักสูตรปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ หลักสูตร 5 ปี ใน 4 สาขา (โยธา,ไฟฟ้า,เครื่องกล,อุตสาหการ) และให้เลิกรับนักศึกษา สาขาวิชาสถาปัตยกรรม ใน สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตธนบุรี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2515 และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตธนบุรี ได้แบ่งการบริหารเป็น 7 ภาควิชา คือ",
"นักศึกษาแมคคาทรอนิกส์จะต้องผ่านหลักสูตรในหลายสาขา เช่นสำหรับในประเทศไทย สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ได้เปิดสอนในหลักสูตรวิศวกรรมเมคคาทรอนิกส์ ระดับปริญญาตรีเป็นแห่งแรก ส่วนมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ก็เปิดสอนเช่นกัน เช่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ",
"กีฬาเคมีสัมพันธ์ หรือ บอนดิ้งเกมส์ เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่าง ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้ชื่อว่า กีฬาแปดหลอด ด้วยความร่วมมือของนิสิตนักศึกษา ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จากแปดสถาบันการศึกษา ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ",
"คณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดตั้งขึ้นตามแผนพัฒนาระดับอุดมศึกษาครั้งที่ 7 (พ.ศ. 2535 - 2539) และได้รับการยกฐานะเป็นคณะ ในปี พ.ศ. 2539 โดยจัดการเรียนการสอนที่วิทยาเขตปราจีนบุรี ปัจจุบันเปิดสอนทั้งในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี หรือที่นิยมเรียกกันทั่วไปว่า\"เทคโนปราจีนฯ\" มีลำดับเหตุการณ์ดังนี้",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาล ก่อตั้งโดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในปี พ.ศ. 2502 ภายใต้ชื่อ \"โรงเรียนเทคนิคพระนครเหนือ\" หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า \"เทคนิคไทย-เยอรมัน\" ก่อนจะยกฐานะในปี พ.ศ. 2507 เป็น \"วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ\" และเป็น \"สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตพระนครเหนือ\" ในปี พ.ศ. 2514 ต่อมาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าทั้งสามวิทยาเขตได้รับการยกฐานะเป็น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ,สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในปี พ.ศ. 2529 โดยมีอำนาจบริหารอิสระจากกัน ซึ่งในปัจจุบันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือแบ่งออกเป็น 3 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตกรุงเทพมหานคร เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร, วิทยาเขตปราจีนบุรี อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี และวิทยาเขตระยอง อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เปิดทำการเรียนการสอนทั้งหมด 13 คณะ 2 วิทยาลัย 2 บัณฑิตวิทยาลัย ตั้งแต่ระดับประกาศณียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) ปริญญาตรี ปริญญาโท และ ปริญญาเอก ทั้งหลักสูตรภาษาไทย สองภาษา และนานาชาติ มีความโดดเด่นด้านวิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี",
"การจัดการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้เริ่มต้นมาจากแผนกวิชาแผนกหนึ่งในโรงเรียนเทคนิคพระนครเหนือ (หรือที่รู้จักในนาม\"เทคนิคไทย - เยอรมัน\") ต่อมาในปี พ.ศ. 2514 ซึ่งเป็นปีที่วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือและวิทยาลัยเทคนิคอีกสองแห่งได้เปลี่ยนฐานะมาเป็น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าที่ประกอบด้วย 3 วิทยาเขตคือ วิทยาเขตพระนครเหนือ วิทยาเขตธนบุรี และ วิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คณะวิศวกรรมศาสตร์จึงได้ถูกจัดตั้งอย่างเป็นทางการ",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ อยู่ในอันดับ 6 ของประเทศไทย ด้านความพึงพอใจของผู้จ้างงานทั่วโลก จากการจัดอันดับของ QS University Ranking Asia 2016\nและอยู่ในอันดับ 10 ของประเทศไทย จากการจัดอันดับของ Times Higher Education Asia 2019 ",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นหนึ่งในวิทยาเขตของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บริหารธุรกิจและการท่องเที่ยว ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี\nมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้จัดทำโครงการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาและกระจายฐานบริการระดับอุดมศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไปสู่จังหวัดปราจีนบุรีและภูมิภาคใกล้เคียงรวมทั้งดำเนินการวิจัยและพัฒนาการฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ แก่ชุมชนและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเดิมมหาวิทยาลัยฯ ได้วางแผนจัดทำโครงการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งคณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นที่เรียบร้อย ใน ปีพ.ศ.2535 แต่ต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่ดำเนินโครงการมาเป็นที่จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุในความดูแลของกองทัพบกซึ่งที่ดินที่ติดทางหลวงจังหวัดหมายเลข 3077 เส้นทางขึ้นเขาใหญ่ เลขที่ 129 หมู่ 6 ตำบลเนินหอม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 1,233 ไร่ และสำรองพื้นที่ใช้งานอีก 1,286 ไร่ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของทบวงมหาวิทยาลัยที่ให้มหาวิทยาลัยที่จะขยายวิทยาเขตแห่งใหม่ควรมีพื้นที่อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2,000 ไร่ ในปี พ.ศ.2538",
"สำหรับในประเทศไทยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนจะเปิดสอนวิชาชีพทางครุศาสตร์วิศวกรรมศาสตร์ มีเพียงสถาบันเทคโนโลยีพระเจ้าเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่เปิดสอนสาขาวิชาทางครุศาสตร์สถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ เพื่อผลิตนักวิชาการหรือครูวิชาชีพทางศิลปะและสถาปัตยกรรม ให้กับวิทยาลัยเพาะช่าง ช่างศิลป์ หรือ วิทยาลัยที่เปิดสอนวิชาชีพทางศิลปะ และสาขาวิชาทางครุศาสตร์เกษตร เพื่อผลิตนักวิชาการ นักการเกษตร ครูผู้สอนวิชาเกษตรระดับมัธยมศึกษาหรือครูวิชาชีพทางการเกษตร เพื่อป้อนให้กับวิทยาลัยเกษตรที่มีอยู่ทั่วประเทศ โดนทั้งสองสาขานี้ไม่มีในมหาวิทยาลัยอื่นๆอีก\nการจัดการศึกษาด้านครุศาสตร์อุตสาหกรรมในประเทศไทย เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2508 ในชื่อ \"คณะฝึกหัดครูเทคนิคชั้นสูง วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี\" ต่อมาเปลี่ยนชื่อจาก คณะฝึกหัดครูเทคนิคชั้นสูง วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี เป็น ภาควิชาครุศาสตร์ วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2513 และได้ยกฐานะเป็น คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2517 แบ่งออกเป็น 4 สาขาวิชา คือ สาขาวิชาเครื่องกล สาขาวิชาโยธา สาขาวิชาไฟฟ้า และสาขาวิชาอุตสาหการ (ปัจจุบันคือ คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี)",
"กีฬาคณิตศาสตร์สัมพันธ์แห่งประเทศไทย หรือ ยูเนียนเกมส์ เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่าง ภาควิชาคณิตศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ ด้วยความร่วมมือของนิสิตนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่าง ปัจจุบันมีถึง 15 สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี",
"พ.ศ. 2514 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ได้รับการสถาปนาขึ้น เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2514 จากการรวม วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี, วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ และวิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี โดย วิทยาลัยเทคนิคธนบุรี มีสถานะเป็นวิทยาเขต คือ \"สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตธนบุรี\" และเปลี่ยนจากหลักสูตรประกาศนียบัตรเทคนิคชั้นสูง (ปทส.) มาเป็น หลักสูตรปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ หลักสูตร 5 ปี ใน 4 สาขา (โยธา,ไฟฟ้า,เครื่องกล,อุตสาหการ) และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตธนบุรี ได้แบ่งการบริหารเป็น 7 ภาควิชา คือ ",
"สถาบันการอาชีวศีกษา (อังกฤษ: Vocational Education Institution) เป็นกลุ่มสถาบันรัฐในประเทศไทย สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2555 เพื่อเปิดการสอนหลักสูตรระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปว.ช.) ตาม ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปว.ส.) ตาม และปริญญาตรี (ทล.บ.) โดยใช้ในปี พ.ศ. 2495 กรมอาชีวศึกษาได้เริ่มจัดตั้ง วิทยาลัยเทคนิค 5 แห่งที่กรุงเทพ ต่อมาก็มีวิทยาลัยเทคนิคที่สงขลา นครราชสีมา เชียงใหม่ และธนบุรี ในช่วงปี พ.ศ. 2502 - 2512 โดยความช่วยเหลือจากประเทศเยอรมนี จึงมีการจัดตั้งโรงเรียนเทคนิคพระนครเหนือ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในปัจจุบัน) ความช่วยเหลือจากประเทศญี่ปุ่น ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกโทรคมนาคมนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี (สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในปัจจุบัน), ความช่วยเหลือจากประเทศเยอรมนี ในการจัดตั้งวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ในปัจจุบัน) และความช่วยเหลือจากประเทศออสเตรีย ในการจัดตั้ง โรงเรียนเทคนิคสัตหีบ จังหวัดชลบุรี สถานศึกษาหลายแห่งได้รับการพัฒนาและเปิดสอนจนถึงระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และในปี พ.ศ. 2512 วิทยาลัยพณิชยการพระนคร ได้รับการยกฐานะเป็น วิทยาลัย แห่งแรก จนถึงปี พ.ศ. 2522 กรมอาชีวศึกษามีวิทยาลัยอยู่ในสังกัด 159 แห่ง เมื่อมีพระราชบัญญัติ ปี พ.ศ. 2514 จึงมีการจัดตั้ง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า โดยรวมวิทยาลัยเทคนิคธนบุรี, วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ และวิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี ในสังกัดกรมอาชีวศึกษาไปรวมเป็นสถาบัน และเปิดการสอนถึงระดับปริญญาตรี และในช่วงปี พ.ศ. 2515 - 2522 ก็มีการเปลี่ยนแปลงสถานะของโรงเรียนอาชีวศึกษา โรงเรียนการช่าง และโรงเรียนเกษตรกรรมค่าง ๆ เป็นวิทยาลัย มีประกาศใช้หลักสูตร ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค (ปวท.) และหลักสูตรการศึกษาต่อเนื่องปริญญาตรี 2 ปี",
"ลักษณะกิจกรรม การแข่งขันกีฬาสากล กีฬาพื้นบ้านของไทย และการประกวดกองเชียร์ - ผู้นำเชียร์ เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และความสัมพันธ์อันดีแก่นิสิตสาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมของแต่ละสถาบัน มีสมาชิกทั้งหมด 14 สถาบัน ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยรามคำแหง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยนเรศวร โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า\nงานกีฬา-วิชาการจุลชีววิทยาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย หรือ Colony Games เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่าง ภาควิชาจุลชีววิทยา จากสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศ ได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกโดยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี และมีการหมุนเวียนการเป็นเจ้าภาพไปยังสถาบันต่าง ๆ",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับ 2 ของประเทศไทย ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ \nอันดับ 2 ของประเทศไทยในสาขาวิศวกรรมเครื่องกลการบินและอุตสาหการ\nอันดับ 4 ของประเทศไทยในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ \nอันดับ 5 ของประเทศไทยในสาขาวัสดุศาสตร์ \nและอันดับ 5 ของประเทศไทยในสาขาสถิติศาสตร์ ",
"สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ตามพระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้การศึกษา การค้นคว้าวิจัย และการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีเพื่อความก้าวหน้า ทางอุตสาหกรรม และ เศรษฐกิจของประเทศเดิมที สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พ.ศ. 2514 ด้วยการรวม วิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ และวิทยาลัยเทคนิคธนบุรี เข้าด้วยกัน โดยแต่ละแห่งมีฐานะเป็นวิทยาเขต วิทยาลัยโทรคมนาคมนนทบุรี เป็นสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าวิทยาเขตนนทบุรี และในปีเดียวกันนั้นได้ย้ายไปที่ อำเภอลาดกระบัง เป็นวิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง",
"กีฬา IE สัมพันธ์ เป็นการแข่งขันกีฬาของภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการหรือเรียกสั้นๆว่า IE (INDUSTRIAL ENGINEER)ทั้ง 21 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศโดยจะมีการจัดการแข่งขันขึ้นทุกๆปีและจะมีการหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพทุกปีโดยครั้งล่าสุดจัดที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครเป็นเจ้าภาพ (27/11/53)โดยครั้งล่าสุดเป็นการจัดครั้งที่สิบแล้ว และเจ้าภาพครั้งต่อไปคือ มหาวิทยาลัยมหิดล\nรายนามมหาวิทยาลัยที่ร่วมการแข่งขันได้แก่ จุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตรบางเขน เกษตรศรีราชา ราชมงคลธัญบุรี พระจอมเกล้าธนบุรี พระจอมเกล้าลาดกระบัง พระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหิดล ศิลปากร มศว ศรีปทุม รามคำแหง เทคโนโลยีมหานคร รังสิต สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร อีสเทอร์นเอเชีย ขอนแก่น เชียงใหม่ นเรศวร สยาม เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างชาว IE ทั่วประเทศ",
"Mechanical Engineering National Institute of Technology, NAGANO college. คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น คณะวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาลัยเทคนิคมาบตาพุด",
"คณะวิศวกรรมศาสตร์ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เป็น 1 ใน 8 ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย เรียงลำดับตามการก่อตั้งดังนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ",
"คณะบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมบริการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดตั้งขึ้นตามแผนพัฒนาระดับอุดมศึกษาครั้งที่ 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) และได้รับการยกฐานะเป็นคณะ ในปี พ.ศ. 2558 โดยแยกสาขาวิชาออกจาก คณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม และจัดการเรียนการสอนที่วิทยาเขตปราจีนบุรี ปัจจุบันเปิดสอนในระดับปริญญาตรี",
"คณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็น 1 ใน 8 ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศไทย เรียงลำดับตามการก่อตั้งดังนี้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ",
"คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม เดิมมีฐานะเป็นแผนกวิชาหนึ่ง สังกัดวิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ (ไทย-เยอรมัน) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ภายใต้ชื่อว่า Thai-German Technical Teacher College (TGTTC) และต่อมาเมื่อวิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ ได้ยกฐานะขึ้นเป็นสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตพระนครเหนือ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2514 และโอนมาสังกัดทบวงมหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2517 จึงได้ยกฐานะของคณะขึ้นเป็นคณะวิชา โดยใช้ชื่อว่า \"คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์\"",
"เป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ในประเทศไทยที่เก่าแก่เป็นอันดับที่ 3 ( โดยเรียงลำดับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่เก่าแก่ที่สุดของ ประเทศไทย ตามการก่อตั้งดังนี้ 1.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 3.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (บางมด) 4.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 5.มหาวิทยาลัยขอนแก่น 6.สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง 7.มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และ 8.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ )",
"การพักอาศัยและใช้ชีวิตของนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี มีลักษณะคล้ายกับนิสิตนักศึกษาอื่นในมหาวิทยาลัยรอบๆจังหวัดปราจีนบุรี โดยคนที่มีภูมิลำเนาหรือมีญาติพี่น้องอยู่ในจังหวัดปราจีนบุรี ก็จะพักอาศัยกับครอบครัวหรือบ้านคนรู้จัก หรืออาศัยในหอพักเอกชนบริเวณรอบ ๆ มหาวิทยาลัย สำหรับนักศึกษาที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด และกำลังศึกษาในชั้นปีที่ 1 ทางมหาวิทยาลัยบังคับให้นักศึกษาทุกคนพักอาศัยในหอพักมหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาลัยมีบริการหอพักสำหรับนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัย เปิดให้นักศึกษาเข้าพักตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 นักศึกษา บุคลากร และบุคคลทั่วไปสามารถเดินทางมายังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี ได้ดังนี้",
"คณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม ได้รับอนุมัติให้จัดตั้ง ในแผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาระยะที่ 7 พ.ศ. 2535 - พ.ศ. 2539 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2539 โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งคือ เป็นหน่วยงานจัดการศึกษาระดับคณะที่ผลิตนักเทคโนโลยีเพื่อสนองต่อการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือภาคธุรกิจที่ต้องการใช้เทคโนโลยีเฉพาะสาขา และความรู้ทางด้านการจัดการรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านการจัดการผลิตและการจัดการธุรกิจ ปีการศึกษา 2540 คณะได้ขยายการศึกษาไปจัดการศึกษาในพื้นที่วิทยาเขตสารสนเทศของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี เป็นคณะแรกคณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม ได้เปิดสอนนักศึกษาหลักสูตรระดับปริญญาตรี 7 หลักสูตร ปริญญาโท\n2 หลักสูตร รวม 6 หลักสูตร ดังนี้",
"วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือเป็นวิทยาลัยนานาชาติของมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2557 ในหลักสูตรสาขาวิชาการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจโลจิสติกส์ สาขาวิชาการบัญชีและสาขาวิชานิเทศศาสตร์และการบริหารการตลาดระหว่างประเทศ",
"รายชื่อเจ้าภาพ Relativity games ปี 2547 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2548 มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี ปี 2549 มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปี 2550 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปี 2551 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ปี 2552 สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ปี 2553 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปี 2554 มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตบางแสน จะจัดในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2554 (ยกเลิกเนื่องจากมหาอุทกภัยทั่วประเทศ)",
"มหาวิทยาลัยได้จัดรถสองแถวรับส่งนักศึกษาภายในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี จำนวน 1 คัน โดยวิ่งรับส่งนักศึกษาตั้งแต่เวลา 7.00 น. - 21.00 น. ในวันจันทร์ - เสาร์ และเวลา 7.00 น. - 18.00 น. ในวันอาทิตย์เป็นอาคารบรรณสารสนเทศ ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ ในบริเวณส่วนจัดการศึกษา ซึ่งต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงโปรดเกล้าให้ใช้นามอาคารว่า \"อาคารสิรินธร เป็นอาคารสูง 6 ชั้น เนื้อที่ 15,222 ตารางเมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 161,803,030.00 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 900 วัน โดยภายในอาคารสิรินธร จะเป็นที่ตั้งของสำนักหอสมุดกลาง วิทยาเขตปราจีนบุรี เพื่อให้บริการยืม - คืน หนังสือ วารสาร สื่อโสตทัศนศึกษา วิทยานิพนธ์ ปริญญานิพนธ์ ข้อมูลข่าวสารแก่อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่กำลังศึกษาอยู่ที่จังหวัดปราจีนบุรี\nตั้งอยู่บริเวณปากทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี เป็นอาคารปฏิบัติการการโรงแรม ซึ่งใช้ในการเรียนและฝึกทักษะในการปฏิบัติงานของนักศึกษา พร้อมทั้งได้เปิดให้บริการแก่บุคคลทั่วไป ที่มีความต้องการที่จะมาใช้บริการในด้านห้องพัก และจัดประชุมสัมมนาในงานต่างๆ โดยมีเจ้าหน้าที่ และ นักศึกษา ภาควิชาบริหารธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม คณะบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมบริการ ให้บริการบุคคลทั่วไป",
"คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นหน่วยงานระดับคณะ ในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เริ่มเปิดทำการเรียนการสอนเมื่อปี พ.ศ. 2507 ในชื่อวิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือ(เทคนิคไทย-เยอรมัน)ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2514 ซึ่งเป็นปีที่วิทยาลัยเทคนิคพระนครเหนือได้เปลี่ยนฐานะมาเป็น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตพระนครเหนือ คณะวิศวกรรมศาสตร์จึงได้ถูกจัดตั้งอย่างเป็นทางการ"
] |
ริสเพอริโดน ผลข้างเคียงที่สามัญรวมทั้งปัญหาการเคลื่อนไหว ความง่วง ปัญหาในการมองเห็น ท้องผูก และน้ำหนักเพิ่มใช่หรือไม่? | [
"ผลข้างเคียงที่สามัญรวมทั้งปัญหาการเคลื่อนไหว (extrapyramidal symptoms) ความง่วง ปัญหาในการมองเห็น ท้องผูก และน้ำหนักเพิ่ม[1][3] ผลข้างเคียงหนักอาจรวมความพิการทางการเคลื่อนไหวแบบถาวรคืออาการยึกยือเหตุยา (tardive dyskinesia) กลุ่มอาการร้ายจากยารักษาโรคจิต (neuroleptic malignant syndrome) โอกาสเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงขึ้น และภาวะเลือดมีน้ำตาลมาก (hyperglycemia)[1][2] ในผู้สูงอายุที่มีอาการโรคจิต (psychosis) เนื่องจากภาวะสมองเสื่อม อาจจะเพิ่มโอกาสเสียชีวิต ยังไม่ชัดเจนว่ายาปลอดภัยที่จะใช้ระหว่างมีครรภ์หรือไม่"
] | [
"อิริโทรมัยซินและยาปฏิชีวนะกลุ่ม macrolide บางอย่าง เป็นสารยับยั้ง CYP3A4 และยับยั้งการสลายดอมเพริโดน () และดังนั้น ก็อาจเพิ่มความเข้มข้นของดอมเพริโดนและผลข้างเคียงที่อาจเกิดของมัน\nนี่น่าเป็นห่วง เพราะยาทั้งสองอาจใช้รักษาอัมพฤกษ์กระเพาะอาหาร (gastroparesis)",
"ผู้สูงอายุที่มีอาการโรคจิต (psychosis) ที่สัมพันธ์กับภาวะสมองเสื่อม มีความเสี่ยงตายสูงกว่าถ้าได้ยาริสเพอริโดนเทียบกับคนที่ไม่ได้ การตายมักจะสัมพันธ์ปัญหาหรือการติดเชื้อทางหัวใจ[38]",
"เหตุผลสามัญที่สามก็คือ แม้จะเสี่ยง การปกครองโดยเสียงข้างมากก็ยังดีกว่าระบบอื่น ๆ และดีกว่าเผด็จการโดยคนกลุ่มน้อย\nอนึ่ง ปัญหาต่าง ๆ ดังกล่าวก็ล้วนสามารถเกิดในรัฐที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยได้ โดยมีปัญหาเพิ่มว่า คนกลุ่มน้อยสามารถกดขี่ข่มเหงคนส่วนมากได้",
"เทียบกับยาหลอก ยาลดพฤติกรรมปัญหาบางอย่างในเด็กโรคออทิซึม รวมทั้งความก้าวร้าว การทำร้ายตัวเอง ความงอแง และอารมณ์ที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว และหลักฐานที่แสดงประสิทธิผลดูเหมือนจะมากกว่าการรักษาด้วยยาอื่น ๆ[22] น้ำหนักเพิ่มเป็นผลที่ไม่พึงประสงค์ที่สำคัญอย่างหนึ่ง[23][24]",
"การกลั้นอุจจาระไว้ก็เป็นเหตุที่สามัญของท้องผูก\nเหตุผลที่อั้นไว้ก็อาจจะเป็นเพราะกลัวเจ็บ ไม่อยากใช้ห้องน้ำสาธารณะ หรือขี้เกียจ\nถ้าเด็กอั้นอุจจาระไว้ การให้กำลังใจ ให้น้ำดื่ม ให้ใยอาหาร และให้ยาระบาย อาจช่วยแก้ปัญหา\nการแก้ปัญหาตั้งแต่เนิ่นเป็นเรื่องสำคัญเพราะนี่อาจก่อแผลที่ทวารหนัก (anal fissure)",
"เพราะระงับการทำงานของหน่วยรับโดพามีนแบบดี2ในระบบประสาทกลาง ยาต้านหน่วยรับดี2 เช่น metoclopramide สามารถมีผลข้างเคียงอื่น ๆ รวมทั้งง่วงนอน, นั่งไม่ติดที่ (akathisia), , นอนไม่หลับ, อิดโรย, ล้า, อาการ extrapyramidal, dystonia\nอาการโรคพาร์คินสัน อาการยึกยือเหตุยาที่เกิดภายหลัง (tardive dyskinesia) และอารมณ์ซึมเศร้า\n\"แต่ดอมเพริโดนไม่เป็นเช่นนี้\" เพราะไม่เหมือนกับสารต้านหน่วยรับดี2อื่น ๆ มันสามารถข้ามตัวกั้นสมองจากระบบเลือดได้น้อยมาก และเพราะเหตุนี้ จึงไม่ค่อยมีผลข้างเคียงเหล่านี้",
"ริสเพอริโดนโดยหลักใช้รักษาโรคจิตเภท โรคอารมณ์สองขั้ว และความหงุดหงิดของคนไข้โรคออทิซึม[7]",
"ปัญหาทางเมแทบอลิซึมและต่อมไร้ท่อที่อาจทำให้ท้องผูกรวมทั้ง, ภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์, ภาวะฮอร์โมนพาราไทรอยด์สูงเกินในเลือด (hyperparathyroidism), porphyria, \nโรคไตเรื้อรัง, pan-hypopituitarism, โรคเบาหวาน, และซิสติก ไฟโบรซิส\nอาการท้องผูกยังสามัญในบุคคลที่มีโรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยน (muscular dystrophy) และ myotonic dystrophy\nโรคทั้งกายที่อาจมีอาการท้องผูกรวมทั้ง celiac disease และโรคหนังแข็ง",
"คโลนะเซแพม (Clonazepam) เป็นยากันชักและรักษาโรคตื่นตระหนก และความผิดปกติของการเคลื่อนไหวที่เรียกว่า อาการนั่งไม่ติดที่ (akathisia)[3] เป็นยากลุ่มเบ็นโซไดอาเซพีน ใช้โดยการรับประทาน[3] มีผลภายในหนึ่ง ชม. และอยู่นาน 6-12 ชม.[2] ผลข้างเคียงสามัญของยารวมทั้งง่วงนอน ร่างกายทำงานไม่ประสาน และกระวนกระวาย ถ้าใช้ในระยะยาว อาจมีผลเป็นการชินยา (tolerance) การติด และอาการขาดยาถ้าหยุดกะทันหัน[3] การติดยาเกิดขึ้นกับคน 1/3 ที่ใช้ยานานกว่า 4 อาทิตย์[4] ยาอาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงฆ่าตัวตายสำหรับคนไข้ที่มีอาการซึมเศร้า[3] ถ้าใช้ในระหว่างมีครรภ์อาจมีอันตรายต่อทารก[3] เป็นสารที่เข้ายึดกับตัวรับ GABAA ในระบบประสาทกลาง และเพิ่มผลของสารสื่อประสาท GABA[4]",
"ส่วนใหญ่แล้ว ทฤษฎีเกี่ยวกับความซับซ้อนในการคำนวณ จะสนใจกลุ่มของปัญหาการตัดสินใจ. ซึ่งปัญหาที่อยู่ในกลุ่มนี้ จะมีคำตอบเพียงสองแบบก็คือ \"ใช่\" และ \"ไม่ใช่\" ยกตัวอย่างเช่นปัญหาที่ถามว่าจำนวนหนึ่ง ๆ เป็นจำนวนเฉพาะหรือไม่. ปัญหาในกลุ่มนี้อาจมองได้อีกแบบหนึ่งก็คือ มองเป็น ภาษา ซึ่งเป็นเซตของสตริงความยาวจำกัด. สำหรับปัญหาการตัดสินใจปัญหาหนึ่ง เราอาจจะมองว่า มันคือภาษาที่มีสมาชิกในเซตเป็นตัวอย่างปัญหาทั้งหมดที่ให้คำตอบเป็น \"ใช่\".",
"ตัวรับโดพามีน - เป็นสารปฏิปักษ์ต่อตัวรับในตระกูล D1 (คือ D1 และ D5) บวกกับ D2 (คือ D2, D3 และ D4) ยามีฤทธิ์ยึดแบบแน่น ซึ่งหมายความว่ามีระยะครึ่งชีวิตนาน และเหมือนกับยารักษาโรคจิตอื่น ๆ ยายับยั้งวิถีประสาท mesolimbic pathway, prefrontal cortex limbic pathway, และ tuberoinfundibular pathway ในระบบประสาทกลาง ยาอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงแบบ extrapyramidal คือ อาการนั่งไม่ติดที่และสั่น ที่สัมพันธ์กับการลดการทำงานของระบบโดพามีนใน striatum อาจมีผลข้างเคียงทางเพศ คือ น้ำนมไหลที่ไม่เกี่ยวกับการคลอด ความเป็นหมัน เต้านมชายโต และถ้าใช้เป็นระยะยาว ลดความหนาแน่นของกระดูกที่สัมพันธ์กับการปล่อยฮอร์โมนโพรแลกติน (ที่ทำให้นมไหล) ที่เพิ่มขึ้น[40] ตัวรับเซโรโทนิน ฤทธิ์ของยาที่ตัวรับเหล่านี้อาจทำให้ยามีผลข้างเคียงแบบ extrapyramidal น้อยกว่า (ผ่าน 5-HT2A/2C receptors) เมื่อเทียบกับยา typical antipsychotics ยกตัวอย่างเช่น haloperidol ฤทธิ์เป็นปฏิปักษ์ต่อตัวรับ 5-HT2C อาจมีส่วนทำให้มีผลเป็นน้ำหนักเพิ่ม ตัวรับ Alpha α1 adrenergic เป็นฤทธิ์ที่ทำให้ความดันต่ำเมื่อยืน และอาจมีผลเป็นส่วนระงับประสาท (sedating)[40] ตัวรับ Alpha α2 adrenergic อาจเป็นเหตุให้มีผลข้างเคียงที่น้อยกว่าหรือมากกว่าทางอารมณ์และทางการรู้คิด[42] ตัวรับฮิสตามีน H1 ฤทธิ์อาจจะอธิบายการระงับประสาทและการลดความระมัดระวัง ซึ่งอาจทำให้ง่วงและน้ำหนักเพิ่ม[40]",
"ผู้ซึมเศร้าอาจรายงานอาการทางกายหลายอย่างรวมทั้งล้า ปวดศีรษะ และปัญหาการย่อยอาหาร ซึ่งเกณฑ์โรคซึมเศร้าขององค์การอนามัยโลก อาการทางกายเป็นปัญหานำมาที่พบมากที่สุดในประเทศที่กำลังพัฒนา[18] มักมีความอยากอาหารตามด้วยน้ำหนักลด แม้จะมีที่ความอยากอาหารและน้ำหนักเพิ่มขึ้นบ้าง[12] ครอบครัวและเพื่อนอาจสังเกตว่า ผู้ป่วยมีกายใจไม่สงบหรือง่วงงุนผิดปกติ[16] ส่วนผู้สูงอายุอาจมีอาการของการรู้อื่นที่เริ่มต้นไม่นานนี้ เช่น ขี้ลืม[14] และการเคลื่อนไหวช้าลงที่เห็นชัดขึ้น[19] โรคซึมเศร้าบ่อยครั้งเกิดร่วมกับโรคทางกายที่สามัญกับผู้สูงอายุ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคระบบหัวใจหลอดเลือด โรคพาร์คินสัน และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง[20]",
"ยาหลายอย่างมีผลข้างเคียงเป็นอาการท้องผูก\nรวมทั้ง (แต่ไม่จำกัดแค่) โอปิออยด์, ยาขับปัสสาวะ, ยาแก้ซึมเศร้า, สารต้านฮิสตามีน, ยาแก้เกร็ง, ยากันชัก, ยาแก้ซึมเศร้าแบบ tricyclic, ยาปรับการเต้นหัวใจ (antiarrythmic), beta-adrenoceptor antagonists, ยาแก้ท้องร่วง, 5-HT3 receptor antagonist เช่น ondansetron, และยาลดกรดที่เป็นอะลูมิเนียม\nแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์บางชนิด เช่น nifedipine และ verapamil สามารถทำให้ท้องผูกมากเนื่องจากการเคลื่อนไหวเอง (motility) ที่ผิดปกติของลำไส้ใหญ่ที่ไส้ตรงและไส้คด (rectosigmoid colon)\nอาหารเสริมเช่นแคลเซียมและธาตุเหล็กก็มีผลข้างเคียงเด่นอย่างหนึ่งเป็นอาการท้องผูก",
"Benzodiazepines เป็นยาระงับประสาทที่ช่วยให้นอนหลับ ที่ใช้ในการรักษา GAD และโรควิตกกังวลอื่น ๆ ด้วย[37] โดยแพทย์จะให้ Benzodiazepine สำหรับ GAD เพราะแสดงผลดีในระยะสั้น ยาจากกลุ่มนี้ที่นิยมก็คือ alprazolam, lorazepam, และคโลนะเซแพม แต่ว่า คณะกรรมการโรควิตกกังวลโลก (World Council of Anxiety) ไม่แนะนำให้ใช้ยาในระยะยาวเพราะว่าสัมพันธ์กับการดื้อยา ความพิการทางการเคลื่อนไหว ปัญหาทางการรู้คิดและความจำ การติดยาทางกายภาพ และอาการขาดยาเมื่อหยุดยา (benzodiazepine withdrawal syndrome)[47][48] ผลข้างเคียงรวมทั้งง่วงนอน ร่างกายทำงานไม่ประสาน และปัญหาการทรงตัว (equilibrioception)",
"ยาระงับอาการทางจิตมีประโยชน์ในการลดความก้าวร้าวและอาการทางจิตในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ที่มีปัญหาด้านพฤติกรรม แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ปัญหาการเคลื่อนไหวหรือการรู้ลดลง จึงไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยทุกราย และหากใช้ในระยะยาวอาจส่งผลเกี่ยวข้องกับการเพิ่มภาวะการตาย",
"โรคพาร์คินสันเป็นโรคเรื้อรังทางประสาท ที่ระดับโดพามีนซึ่งลดลงในสมองจะก่อสภาพแข็งเกร็ง (คือขยับตัวอย่างแข็ง ๆ) อาการสั่น และอาการอื่น ๆ \nทางเดินอาหารที่ทำงานได้ไม่ดี คลื่นไส้ และอาเจียน เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนไข้ เพราะยาที่ใช้เพื่อรักษาโรคนี้โดยมากเป็นยาทาน\nและยาเหล่านี้เช่น levodopa ก็ยังอาจทำให้คลื่นไส้โดยเป็นผลข้างเคียง\nอนึ่ง ยาแก้คลื่นไส้ เช่น metoclopramide ยังสามารถข้ามตัวกั้นสมองจากระบบเลือด (blood-brain barrier) จึงอาจทำให้อาการ extrapyramidal\nของโรคแย่ลง",
"องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) อนุมัติให้ใช้ยารักษาโรคจิตเภทในปี พ.ศ. 2536[45] ในปี 2550 เป็นยาเดียวที่อนุมัติให้รักษาโรคจิตเภทในเด็กอายุระหว่าง 13-17 ปี และอนุมัติให้ใช้รักษาโรคอารมณ์สองขั้วในเด็กอายุ 10-17 ปี เพิ่มจากยา lithium ที่ได้ใช้มาก่อน ในปี 2546 FDA อนุมัติให้ใช้รักษาระยะฟุ้งพล่าน (manic) หรือผสม (mixed) ที่สัมพันธ์กับโรคอารมณ์สองขั้วในระยะสั้น ในปี 2549 FDA อนุมัติให้ใช้บำบัดความหงุดหงิดในเด็กและวัยรุ่นที่มีโรคออทิซึม[46] โดยมีเหตุส่วนหนึ่งจากงานศึกษาในคนไข้โรคออทิซึมที่มีปัญหารุนแรงและคงยืนเกี่ยวกับความรุนแรง ความก้าวร้าว และการทำร้ายตัวเอง แต่ว่า ไม่แนะนำให้ใช้ยาในคนไข้ที่มีความก้าวร้าวขั้นเบาและพฤติกรรมที่ระเบิดขึ้นแต่ไม่คงยืน[47]",
"สำหรับโรคอารมณ์สองขั้ว ยารักษาโรคจิต (antipsychotic) รุ่นสองต่าง ๆ รวมทั้งริสเพอริโดนมีประสิทธิผลในการรักษาอาการฟุ้งพล่าน (mania) ไม่ว่าจะเป็นแบบฉับพลัน (acute) หรือเป็นความแย่ลงแบบผสม (mixed exacerbation) ของโรค[16][17][18] ในเด็กและวัยรุ่น ริสเพอริโดนอาจมีประสิทธิผลดีกว่า lithium หรือ divalproex แต่มีผลข้างเคียงทางเมแทบอลิซึมมากกว่า[19] ส่วนสำหรับการรักษาแบบดำรงสภาพ (maintenance) ยามีประสิทธิผลในการป้องกันคราวฟุ้งพล่าน (manic episode) แต่ไม่มีสำหรับคราวซึมเศร้า[20] ยาแบบฉีดที่มีฤทธิ์ยาวอาจมีข้อได้เปรียบกว่ายารักษาโรคจิตรุ่นแรกที่มีฤทธิ์ยาวอื่น ๆ เพราะว่าคนไข้ทนยาได้ดีกว่า (เพราะมีผล extrapyramidal effects น้อยกว่า) และเพราะว่า ยารักษาโรคจิตรุ่นแรกแบบฉีดที่มีฤทธิ์ยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความซึมเศร้า[21]",
"ผู้ที่มีภาวะนี้คือคนที่ทานยาแก้ซึมเศร้าอย่างน้อย 4 อาทิตย์และพึ่งหยุดยาเร็ว ๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นแบบทันทีทันใด แบบลดขนาดอย่างรวดเร็ว หรือว่าทุกครั้งที่ลดขนาดยาเมื่อกำลังค่อย ๆ ลดยา\nอาการที่สามัญทั่วไปรวมทั้งอาการคล้ายเป็นหวัด (อาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ปวดหัว เหงื่อออก) ปัญหาในการนอน (นอนไม่หลับ ฝันร้าย ง่วงนอนตลอด)\nปัญหาทางประสาทสัมผัสหรือการเคลื่อนไหวก็อาจมีได้รวมทั้งเซ สั่น หมุน เวียนหัว และการรู้สึกเหมือนถูกไฟช็อตในสมอง\nปัญหาทางอารมณ์รวมทั้ง ละเหี่ยใจ วิตกกังวล อยู่ไม่สุข และปัญหาทางการรู้คิด เช่น สับสน ตื่นตัวผิดปกติ",
"อาจมีอาการ ปากแห้ง คอแห้ง ไม่สบายท้อง ง่วงซึม ปวดหัว ใจสั่น วิงเวียน นอนไม่หลับ อ่อนล้า คลื่นไส้อาเจียน มีปัญหาการมอง ปัสสาวะยาก อยากอาหาร น้ำหนักเพิ่ม ผื่นขึ้น ถ้ามีปัญหาควรปรึกษาแพทย์\nAllerin Benadryl Decongestant Antussiaเก็บในภาชนะปิดสนิท กันแสงและความชื้นได้ พ้นมือเด็ก เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ส่วนยาน้ำ ไม่ควรเก็บไว้ในช่องแข็ง",
"ริสเพอริโดนจัดโดยสถิติว่าเป็นยา atypical antipsychotic ที่มีความชุกปัญหาการเคลื่อนไหว (Extrapyramidal symptoms) ต่ำเมื่อให้ในขนาดต่ำ โดยเป็นปฏิปักษ์ต่อระบบเซโรโทนิน (serotonin antagonism) มากกว่าระบบโดพามีน ยามีหมู่ทำหน้าที่ (functional group) คือ benzisoxazole และ piperidine เป็นส่วนโครงสร้างทางเคมี แม้ว่าจะไม่มีโครงสร้างของ butyrophenone แต่ยาก็พัฒนาขึ้นโดยใช้โครงสร้างของ benperidol และ ketanserin เป็นมูลฐาน และมีฤทธิ์ต่อตัวรับแบบ 5-HT (serotonin) ต่าง ๆ รวมทั้ง 5-HT2C ซึ่งสัมพันธ์กับการเพิ่มน้ำหนัก และ 5-HT2A ซึ่งสัมพันธ์กับฤทธิ์รักษาโรคจิตและบรรเทาผลข้างเคียงแบบ extrapyramidal ที่มักจะมีกับยาแบบ typical neuroleptic ต่าง ๆ[40]",
"ริสเพอริโดนเป็นยากลุ่ม atypical antipsychotic กลไกการออกฤทธิ์ของมันยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าเกี่ยวกับความเป็นปฏิปักษ์ต่อระบบโดพามีน (dopamine antagonist)[1]",
"อาการข้างเคียงทั่วไปของการใช้ยาไดแอซิแพมได้แก่ ง่วงนอน, มองไม่ชัด ส่วนอาการข้างเคียงระดับรุนแรงซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากนั้น ได้แก่ การฆ่าตัวตาย, หายใจลำบาก หากผู้ป่วยโรคลมชักใช้ยานี้บ่อยเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงจากอาการชัก การใช้ยานี้ในระยะยาวอาจก่อให้เกิดภาวะดื้อยาและเกิดอาการเสพติดยา การเลิกยาในทันทีเป็นอันตรายอย่างมากในผู้ป่วยที่ใช้ยาระยะยาว โดยจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการรู้คิดไปเป็นเวลากว่าครึ่งปี",
"ประโยชน์ของยาเพื่อรักษาแบบดำรงสภาพ (maintenance) มีข้อสรุปที่ต่าง ๆ กัน งานปริทัศน์เป็นระบบปี 2555 สรุปว่า มีหลักฐานที่หนักแน่นว่าริสเพอริโดนมีประสิทธิผลกว่ายาระงับอาการทางจิตรุ่นแรก ทั้งหมดยกเว้น haloperidol แต่หลักฐานที่สนับสนุนว่าดีกว่ายาหลอกไม่ชัดเจน[10] ส่วนงานทบทวนวรรณกรรมปี 2554 สรุปว่า ยามีประสิทธิผลป้องกันการเกิดขึ้นอีกของโรคมากกว่ายารักษาโรคจิตรุ่นแรกและรุ่นสองทังหมดยกเว้น olanzapine และ clozapine[11] ส่วนงานทบทวนแบบคอเครนปี 2553 พบประโยชน์เล็กน้อยในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกในการรักษาโรคจิตเภท แต่งานก็อ้างปัญหาด้วยว่ามีความเอนเอียง (bias) ว่ายามีประโยชน์[12]",
"อาการท้องผูกเป็นความผิดปกติทางเดินอาหารเรื้อรังซึ่งสามัญที่สุดในผู้ใหญ่\nคือเกิดกับประชากร 2-20% โดยขึ้นอยู่กับนิยามที่ใช้\nมันสามัญกว่าในหญิง ผู้สูงอายุ และเด็ก\nโดยเฉพาะท้องผูกที่ไม่มีสาเหตุ ซึ่งเกิดในหญิงมากกว่าชาย\nเหตุผลที่เกิดในผู้สูงอายุมากกว่าเชื่อว่า เพราะมีปัญหาสุขภาพต่าง ๆ มากขึ้นเหตุสูงอายุและออกกำลังน้อยลง",
"ผลข้างเคียงทั่วไปได้แก่ เจ็บตรงช่องท้อง, ท้องผูก, ง่วงนอน, อาเจียน และปากแห้ง ผลข้างเคียงร้ายแรงได้แก่ลำไส้ใหญ่พองตัวและเน่า สตรีให้นมบุตรสามารถใช้ยาชนิดนี้ได้ อย่างไรก็คาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ายานี้เหมาะสมต่อสตรีมีครรภ์หรือไม่ แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีประวัติในเชิงลบ",
"ผลข้างเคียงอื่นรวมทั้งฮีมาโทคริตสูงขึ้น ซึ่งอาจต้องรักษาด้วยการเจาะเส้นเลือดดำ (venipuncture) และอาจเพิ่มปัญหาภาวะหยุดหายใจขณะหลับ",
"คาร์บามาเซพีนและยาเสริมเอนไซม์ (enzyme inducer) อื่น ๆ อาจจะลดระดับริสเพอริโดนในน้ำเลือด[30] ดังนั้น ถ้ากำลังทานทั้งยาคาร์บามาเซพีนและริสเพอริโดน อาจจะต้องเพิ่มขนาดของริสเพอริโดน ซึ่งไม่ควรจะเกินกว่า 2 เท่าจากดั้งเดิม[23] ส่วนยาที่ยับยั้งเอนไซม์ CYP2D6 เช่นยากลุ่ม SSRI อาจเพิ่มระดับริสเพอริโดนในน้ำเลือด[30] เพราะริสเพอริโดนอาจทำให้ความดันโลหิตต่ำ จึงควรสอดส่องระมัดระวังถ้าคนไข้กำลังทานยาลดความดันเพื่อป้องกันความดันต่ำเกิน[23] มีรายงานว่าการใช้ริสเพอริโดนร่วมกับยากลุ่ม SSRI มีผลให้เกิดเซโรโทนินเป็นพิษ (serotonin syndrome)[31]",
"นักวิชาการบางท่านแนะนำให้จำกัดใช้ยานี้และยา aripiprazole ในบุคคลที่มีปัญหาพฤติกรรมมากที่สุดเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการของยาให้น้อยที่สุด[25] ส่วนหลักฐานประสิทธิภาพของยากับวัยรุ่นและผู้ใหญ่วัยต้นที่มีโรคออทิซิมชัดเจนน้อยกว่า[26]"
] |
บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต เป็นกลุ่มไอดอลหญิงของประเทศไทยที่มีต้นแบบมาจากประเทศใด ? | [
"บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต (English: BNK48) เป็นกลุ่มไอดอลหญิงของประเทศไทย และเป็นวงน้องสาวต่างประเทศลำดับที่ 2[โน้ต 1] ของกลุ่มไอดอลญี่ปุ่น เอเคบีโฟร์ตีเอต (AKB48) ภายใต้แนวคิดร่วมกันคือ \"ไอดอลที่คุณสามารถไปพบได้\" (idols you can meet)[1] ในสังกัด บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ออฟฟิศ[2][3] วงเริ่มเปิดรับสมัครสมาชิกครั้งแรกเมื่อกลางปี พ.ศ. 2559[4] และเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560 พร้อมกับซิงเกิลแรกในชื่อ อยากจะได้พบเธอ ด้วยสมาชิก 30 คน[5][6] ทั้งนี้ สมาชิกของวงนั้นมีจำนวนไม่แน่นอนเนื่องจากมีการเปิดรับสมาชิกรุ่นใหม่และมีการจบการศึกษาอยู่ตลอดเวลา ปัจจุบันวงมีสมาชิกทั้งหมด 51 คน[7]"
] | [
"หมวดหมู่:กลุ่มดนตรีสัญชาติไทย หมวดหมู่:กลุ่มดนตรีป็อปสัญชาติไทย หมวดหมู่:เกิร์ลกรุป หมวดหมู่:บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต หมวดหมู่:วงน้องสาวของเอเคบีโฟร์ตีเอต หมวดหมู่:กลุ่มดนตรีไทยในยุค 2010",
"ปัญสิกรณ์เข้าสู่วงการครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปี จากการเป็นนักแสดงในภาพยนตร์เรื่อง เมย์ไหน..ไฟแรงเฟร่อ ผลงานการกำกับของ ชยนพ บุญประกอบ จากค่ายจีทีเอช เมื่อปี พ.ศ. 2558 โดยเธอได้รับบทเป็นดาว ม.2 หนึ่งในแก๊งเชียร์ลีดเดอร์ดาวหกแฉก[82] ในปีต่อมา เธอได้ร่วมการออดิชัน และได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกรุ่นแรกของวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต และเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ในงานคอนเสิร์ต \"บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต วีวิชยู\" ทางวงได้ประกาศก่อตั้งทีมบีทรี (Team BⅢ) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกในวง 24 คน ซึ่งปัญสิกรณ์ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าทีม และมีรองหัวหน้าคือ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ[2][83]",
"ต่อมาวงได้เปิดตัวเพลง คุกกี้เสี่ยงทาย เป็นครั้งแรกในคอนเสิร์ต 2017: 411 Fandom Party in Bangkok ร่วมกับศิลปินไทย ผลิตโชค อายนบุตร และกลุ่มดนตรีเกาหลี ไอคอน ที่รอยัลพารากอนฮอลล์[33][34] ซึ่งเป็นเพลงหลักของซิงเกิลลำดับที่ 2 ในชื่อเดียวกันที่วางจำหน่ายในวันที่ 20 ธันวาคม[35][36] ซึ่งขายได้ 30,000 แผ่น[37] จากนั้นวงได้แสดงเพลงนี้อีกครั้งในงาน \"เจแปนเอกซ์โปอินไทยแลนด์ 2017\" เมื่อวันที่ 1 และ 3 กันยายน ร่วมกับกลุ่มดนตรีญี่ปุ่น เวิลด์ออเดอร์ (World Order) พร้อมกับเปิดตัวเพลงรองในซิงเกิล \"คุกกี้เสี่ยงทาย\" ชื่อเพลง \"บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต\"[38]",
"MNL48 (อ่านว่า เอ็มเอ็นแอลโฟร์ตีเอต) MNL ย่อมาจาก มะนิลา (Manila) ซึ่งเป็นชื่อเมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์ โดยเป็นกลุ่มไอดอลหญิงจากประเทศฟิลิปปินส์ และเป็นวงน้องสาวต่างประเทศลำดับที่ 5 ของ AKB48 ซึ่งมีการประกาศการก่อตั้งวงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559 ที่คอนเสิร์ตของ AKB48 รวมไปถึงวงน้องสาวอีกสองวง ได้แก่ TPE48 ประเทศไต้หวัน(ภายหลังได้ยุบวงและเปลี่ยนชื่อเป็น AKB48 Team TP) และ BNK48 ประเทศไทย",
"วิกทอรีบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต () เป็นรายการประเภทวาไรตี้โชว์ ผลิตรายการโดยบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โต๊ะกลมโทรทัศน์ จำกัด ร่วมกับบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ซึ่งผลิตในนาม บีเอ็นเคโปรดักชั่น ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 21:15 - 22:15 น. (โดยประมาณ) ทางช่องเวิร์คพอยท์ เริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 ถึงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2561",
"รินะ อิซึตะ () () เป็นอดีตสมาชิก รุ่นที่ 10 ทีม 4 ของวงไอดอลสาว เอเคบีโฟร์ตีเอต โดยเธอได้ประกาศว่าจะย้ายมาอยู่วงน้องสาวที่ประเทศไทยแทนซึ่งคือวง บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต เมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560",
"ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559 ในงานคอนเสิร์ตจบการศึกษาของ มินามิ ทากาฮาชิ สมาชิกวงเอเคบีโฟร์ตีเอต ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการถึงการก่อตั้งวงน้องสาวต่างประเทศของเอเคบีโฟร์ตีเอตวงใหม่อีกสามวงด้วยกัน ซึ่งได้แก่วงทีพีอีโฟร์ตีเอต (TPE48) ประเทศไต้หวัน (ปัจจุบันปิดตัวลงและตั้งเป็นทีมใหม่ในนาม AKB48 Team TP)[24], เอ็มเอ็นแอลโฟร์ตีเอต (MNL48) ประเทศฟิลิปปินส์ และบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต (BNK48) ประเทศไทย[25]",
"วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561 วงได้รับเชิญจากนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ไปประชาสัมพันธ์สถานีวิทยุของรัฐ ซึ่งมีผู้คนจำนวนหนึ่งมองว่าการกระทำนี้เป็นการหาเสียงจากสมาชิกวงในการเลือกตั้งของประเทศไทยที่กำลังจะถึง แต่วงได้ออกมาปฏิเสธในภายหลังว่ากิจกรรมนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองแต่อย่างใด[106]",
"จิรดาภา อินทจักร (เกิด 18 มกราคม พ.ศ. 2541) มีชื่อเล่นว่า ปูเป้ เกิดที่จังหวัดเชียงราย[23] ไอดอลหญิงชาวไทย สมาชิกวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต รุ่นที่ 1 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จ.เชียงราย ปัจจุบันศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปูเป้ได้รับเลือกเป็นเซ็มบัตสึในเพลง \"คุกกี้เสี่ยงทาย\", \"วันแรก\", \"ริเวอร์\" และ\"เธอคือ...เมโลดี้\" ได้รับเลือกเป็นสมาชิกทีมบีทรี โดยในทีมบีทรีสเตจที่ 1 อยู่ในยูนิตเพลง \"เพื่อนคนพิเศษ\"[84] นอกจากนี้ ปูเป้ยังได้รับเลือกให้เป็นเซ็นเตอร์ครั้งแรกในเพลง \"หมื่นเส้นทาง\" ซึ่งเป็นเพลงรองของซิงเกิลที่ 4 \"เธอคือ...เมโลดี้\" อีกด้วย",
"บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต เป็นกลุ่มไอดอลหญิงของประเทศไทย และเป็นวงน้องสาวของกลุ่มไอดอลญี่ปุ่นเอเคบีโฟร์ตีเอต มีสมาชิกทั้งหมด 51 คน โดยแบ่งออกเป็นสมาชิกทีมบีทรี (Team BIII) 22 คน และสมาชิกเค็งกีวเซ (เด็กฝึก) อีก 29 คน มีเฌอปราง อารีย์กุลเป็นหัวหน้าวง ซึ่งทำหน้าที่ดูแลภาพรวมของวง และมีปัญสิกรณ์ ติยะกร กับเจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ หัวหน้าและรองหัวหน้าทีมบีทรี คอยดูแลการแสดงต่าง ๆ ภายในโรงละครของวง",
"SHY48 (อ่านว่า เอสเอชวายโฟร์ตีเอต) เป็นกลุ่มไอดอลหญิงจากประเทศจีนประจำเมืองเสิ่นหยาง และเป็นวงน้องสาวลำดับที่ 3 ของกลุ่มไอดอลจีน SNH48 ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 สังกัด Shanghai Star48 Culture & Media Co. Ltd. ปัจจุบันทางวงมีสมาชิกทั้งหมด 54 คน โดยแบ่งออกเป็นสองทีม ได้แก่ ทีม SIII และ ทีม HIII",
"หมายเหตุ: สถานะทีม ณ วันวางจำหน่ายซิงเกิล สมาชิกที่ขึ้น \"ตัวหนา\" หมายถึงตำแหน่งเซ็นเตอร์ของเพลงนั้น ๆ \nในช่วงกลาง พ.ศ. 2560 บีเอ็นเคโฟร์ตีเอตได้นำเพลงไอตากัตตะไปทำเป็นฉบับภาษาไทยในชื่อ \"Aitakatta (อยากจะได้พบเธอ)\" โดยมี พงศ์จักร พิษฐานพร สมาชิกวงละอองฟอง เป็นโปรดิวเซอร์ เพลงนี้เปิดตัวครั้งแรกในงาน \"บีเอ็นเคโฟร์ตีเอตเดอะเดบิวต์\" เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พร้อมกับเพลงรองอีก 2 เพลง คือ \"Oogoe Diamond (ก็ชอบให้รู้ว่าชอบ)\" และ \"365 Nichi no Kamihikouki (365 วันกับเครื่องบินกระดาษ)\" นอกจากนี้ยังมีการประกาศสมาชิกเซ็มบัตสึจำนวน 16 คนสำหรับทั้ง 3 เพลงภายในงานนี้เช่นกัน",
"SDN48 (อ่านว่า เอสดีเอ็นโฟร์ตีเอต, ย่อมาจาก Saturday Night 48) เป็นกลุ่มไอดอลหญิงจากประเทศญี่ปุ่น และเป็นวงพี่สาวของกลุ่มไอดอลญี่ปุ่น AKB48 ซึ่งวงนี้ได้ก่อตั้งขึ้นในแนวคิด \"ไอดอลสำหรับผู้ใหญ่\" โดยที่มี คะโยะ โนะโระ อดีตสมาชิก AKB48 เป็นกัปตันวง ในเดือนพฤศจิกายน 2553 ทางวงได้เปิดตัวครั้งแรกกับซิงเกิล \"Gagaga\"",
"เอเคบีโฟร์ตีเอต ทีมทีพี () เป็นกลุ่มไอดอลหญิงสัญชาติไต้หวันในกลุ่มโฟร์ตีเอต อดีตใช้ชื่อวงว่า ทีพีอีโฟร์ตีเอตนับเป็นวงน้องสาวของเอเคบีโฟร์ตีเอตในต่างประเทศ ลำดับที่ 3 ต่อจากเจเคทีโฟร์ตีเอตของอินโดนีเซีย, และบีเอ็นเคโฟร์ตีเอตของไทย",
"NMB48 (อ่านว่า เอ็นเอ็มบีโฟร์ตีเอต) NMB ย่อมาจาก นัมบะ ซึ่งเป็นชื่อเขตหนึ่งในจังหวัดโอซาก้า เป็นกลุ่มไอดอลหญิงจากประเทศญี่ปุ่น และเป็นวงน้องสาวในญี่ปุ่นลำดับที่ 2 ของ AKB48 ต่อจาก SKE48 ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2554 ปัจจุบันมีเธียเตอร์เป็นของตัวเองที่ชั้นใต้ดินของตึก Yes-Namba ในย่านนัมบะ จังหวัดโอซาก้า",
"ก่อนที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการจัดตั้งวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอตในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2554 ยาซูชิ อากิโมโตะ ผู้ก่อตั้งแฟรนไชส์เอเคบีโฟร์ตีเอต ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารจีคิว (GQ)[21] และรายการทีวีวารัตเตะ อีโตโมะ[22] ของประเทศญี่ปุ่น ถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งวงน้องสาวนอกประเทศญี่ปุ่นต่อจากวงเจเคทีโฟร์ตีเอต (JKT48) ซึ่งประเทศที่เป็นไปได้ก็คือประเทศไต้หวันและประเทศไทย",
"SGO48 (อ่านว่า เอสจีโอโฟร์ตีเอต) ย่อมาจาก ไซ่ง่อน (เมืองโฮจิมินห์ซิตี้) ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งในประเทศเวียดนาม เป็นกลุ่มไอดอลหญิงจากประเทศเวียดนาม และเป็นวงน้องสาวต่างประเทศต่อจาก JKT48 BNK48 AKB48 team TP และ AKB48 team SH ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2561 โดยสีประจำวงคือสีดอกบัว",
"ในแต่ละตอน จะมีสมาชิกจากวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอตประมาณ 5-6 คน ซึ่งจะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนมาร่วมแข่งขันกันในแต่ละสัปดาห์และจะมีสมาชิก บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต มาเป็นแขกรับเชิญในบางตอน",
"ในปี 2011 เอเคบีโฟร์ตีเอต ได้ก่อตั้งวงน้องสาวนอกประเทศญี่ปุ่นวงแรกในชื่อ เจเคทีโฟร์ตีเอต (JKT48) ซึ่งประจำอยู่ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ตามด้วยวงน้องสาวที่ประเทศจีน เอสเอ็นเอชโฟร์ตีเอต (SNH48) ประจำเมืองเซี่ยงไฮ้ แต่ภายหลังเอเคบีได้ยกเลิกสัญญาไม่ให้เป็นวงน้องสาวอีกต่อไปตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2016 ซึ่งเอสเอ็นเอชก็ได้ประกาศเช่นกันว่าตนเองไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับเอเคบีมาตั้งแต่แรกและไม่เคยทำสัญญาใด ๆ กับทางวงมาก่อน นอกจากนี้ วงยังได้ประกาศจัดตั้งวงน้องสาววงใหม่อีก 3 วงด้วยกันในเดือนมีนาคม 2016 ได้แก่บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต (BNK48) ประจำกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย, เอ็มเอ็นแอลโฟร์ตีเอต (MNL48) ประจำกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์, และทีพีอีโฟร์ตีเอต (TPE48) ประจำกรุงไทเป ประเทศไต้หวัน",
"ช่วงปลายปี พ.ศ. 2556 โรส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอร์ปอเรชั่น แพ้การประมูลทีวีดิจิทัล หมวดหมู่เด็ก เยาวชน และครอบครัว ของกสทช. ทำให้บริษัทเดินหน้าทำงานเกี่ยวกับการดูแลศิลปินแทน จิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท โรส อาร์ทิสท์ แมเนจเม้นท์ (ปัจจุบัน) ได้ติดต่อเอเคเอส บริษัทที่จัดการและบริหารกลุ่มไอดอลญี่ปุ่นเอเคบีโฟร์ตีเอต เพื่อขอสิทธิ์มาทำวงน้องสาวในประเทศไทย[23]",
"เป็นการแข่นขันโดยแบ่งทีมเป็น 2 ฝ่าย คือทีม Victory Red (มี ภาคภูมิ จงมั่นวัฒนา เป็นโค้ช) และทีม Victory Blue (มี ปราโมทย์ ปาทาน เป็นโค้ช) โดยแต่ละทีมจะประกอบด้วยสมาชิกจากวงบีเอ็นเคโฟร์ตีเอตประมาณ 5-6 คน ซึ่งจะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนมาร่วมแข่งขันกันในแต่ละสัปดาห์ โดยในช่วงแรกของรายการจะมีการเปิดตัวไอคอนหรือดารารับเชิญของรายการ ซึ่งบางสัปดาห์จะให้สมาชิกทั้งสองทีม ร่วมกันทายว่าไอคอนประจำสัปดาห์นั้นเป็นใคร(ทีมไหนทายถูกจะได้รับ 1 คะแนน) หลังจากนั้นช่วงต่อมาก็จะเข้าสู่ช่วงเกมการแข่งขันต่าง ๆ ซึ่งจะแข่งขันอยู่ 2-3 เกม (บางสัปดาห์แข่งเพียง 1 เกม และช่วงก่อนหน้าแทนที่ด้วยช่วง แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ) โดยแต่ละเกมจะเป็นไปตามที่รายการและไอคอนประจำสัปดาห์กำหนดให้ ",
"เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม วงได้ออกจำหน่ายซิงเกิล \"เฮฟวีโรเทชัน\" (Heavy Rotation) มียอดจำหน่าย 880,760 แผ่น ต่อมาวันที่ 23 ตุลาคม วงเข้าร่วมงานเอเชียซองเฟสติวัล จัดขึ้นโดยมูลนิธิแลกเปลี่ยนกิจกรรมระหว่างประเทศ ที่สนามกีฬาโอลิมปิกแจมซิล ประเทศเกาหลีใต้ 4 วันถัดมาหลังจากนั้น วงได้ออกวางขายซิงเกิลที่ 18 \"บีกินเนอร์\" (Beginner) ด้วยยอดขาย 826,989 แผ่นในอาทิตย์แรก และได้รับตำแหน่งกลุ่มไอดอลหญิงที่มียอดขายอาทิตย์แรกสูงที่สุด ต่อมา สมาชิกวง มายุ วาตานาเบะ ปรากฏตัวในปกนิตยสารไอดอล \"อัพทูบอย\" ฉบับเดือนธันวาคม คู่กับไอริ ซูซูกิ สมาชิกวงคิวต์ ถือเป็นการร่วมงานครั้งแรกระหว่างเอเคบีโฟร์ตีเอตกับเฮลโล! พรอเจกต์",
"NGT48 (อ่านว่า เอ็นจีทีโฟร์ตีเอต) NGT ย่อมาจาก นีงะตะ ซึ่งเป็นชื่อเมืองของจังหวัดนีงะตะ เป็นกลุ่มไอดอลหญิงสัญชาติญี่ปุ่น และเป็นวงน้องสาวในประเทศลำดับที่ 4 ของ AKB48 ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2558 โดย ยะซุชิ อะกิโมะโตะ มีเธียเตอร์ตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า LoveLa2 ชั้น 4 เมืองนีงะตะ",
"SNH48 (อ่านว่า เอสเอ็นเอชโฟร์ตีเอต) SNH ย่อมาจากชื่อเมืองเซียงไฮ้ (Shanghai) ของประเทศจีน โดยเป็นกลุ่มไอดอลหญิงจากประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2012 สังกัด Shanghai Star48 Culture & Media Co. Ltd. โดยนำแนวคิดของ ยะซุชิ อะกิโมะโตะ ผู้ก่อตั้งแฟรนไชส์ เอเคบีโฟร์ตีเอต มาใช้ คือ \"ไอดอลที่คุณสามารถพบได้\" ทางจีนจึงได้ตกลงตั้งวงกลุ่มไอดอลหญิงขึ้นมาโดยร่วมมือกับทางญี่ปุ่นในชื่อ เอสเอ็นเอชโฟร์ตีเอต ซึ่งมีฐานะเป็นวงน้องสาวนอกประเทศญี่ปุ่นวงที่สองของ เอเคบีโฟร์ตีเอต ต่อจาก JKT48",
"GNZ48 (อ่านว่า จีเอ็นซีโฟร์ตีเอต) เป็นกลุ่มไอดอลหญิงจากประเทศจีนประจำกรุงกว่างโจว และเป็นวงน้องสาวของกลุ่มไอดอลจีน SNH48 ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2016 พร้อมกับวง BEJ48 สังกัด Shanghai Star48 Culture & Media Co. Ltd. ",
"บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต: เกิร์ลดอนต์คราย () เป็นภาพยนตร์ไทยแนวสารคดี ว่าด้วยเรื่องราวของบีเอ็นเคโฟร์ตีเอตตั้งแต่ก่อนเปิดตัววงจนถึงช่วงหลังได้รับชื่อเสียง กำกับโดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ผลิตโดย บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ออฟฟิศ และ แซลมอน เฮ้าส์ จัดจำหน่ายโดย จีดีเอช ห้าห้าเก้า นำแสดงโดยสมาชิกวงรุ่นที่หนึ่ง โดยมีงานฉายรอบสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ณ พารากอนซีนีเพล็กซ์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน และกำหนดฉายเป็นการทั่วไปตั้งแต่วันที่ 16 เดือนและปีเดียวกันเป็นต้นไป",
"เพลงนี้มีการคัฟเวอร์ใหม่โดยวงน้องสาวของเอเคบีโฟร์ตีเอตในภาษาของแต่ละประเทศที่วงนั้นตั้งอยู่ ได้แก่ฉบับภาษาอินโดนีเซีย จากเจเคทีโฟร์ตีเอต, ฉบับภาษาจีน จากเอสเอ็นเอชโฟร์ตีเอต ออกจำหน่ายใน พ.ศ. 2556, และฉบับภาษาไทย จากบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ออกจำหน่ายใน พ.ศ. 2560",
"JKT48 (อ่านว่า เจเคทีโฟร์ตีเอต) เป็นกลุ่มไอดอลหญิงจากประเทศอินโดนีเซีย และเป็นวงน้องสาวต่างประเทศลำดับแรกของ AKB48 ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2554 โดยการร่วมทุนระหว่าง AKS และ PT. Dentsu Inter Admark Media Group Indonesia ภายใต้แนวคิดร่วมกันคือ \"ไอดอลที่คุณสามารถพบได้\" มีการแสดงทุกวันที่เธียเตอร์ ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์การค้า fX Sudirman ชั้น 4 กรุงจาการ์ตา",
"BEJ48 (อ่านว่า บีอีเจโฟร์ตีเอต) เป็นกลุ่มไอดอลหญิงจากประเทศจีนประจำกรุงปักกิ่ง และเป็นวงน้องสาวของกลุ่มไอดอลจีน SNH48 ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2016 พร้อมกับวง GNZ48 สังกัด Shanghai Star48 Culture & Media Co. Ltd. "
] |
เกาะสมุยอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานีหรือไม่? | [
"อำเภอเกาะสมุย เป็นอำเภอที่มีสภาพเป็นหมู่เกาะในอ่าวไทยอยู่ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่ 1 ใน 3 เป็นที่ราบซึ่งล้อมรอบด้วยภูเขา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งทางฝั่งทะเลอ่าวไทย อำเภอเกาะสมุยมีพื้นที่ของเกาะต่าง ๆ รวมกันรวมประมาณ 252 ตารางกิโลเมตร เฉพาะตัวเกาะสมุยเองมีพื้นที่ประมาณ 228 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศไทยรองจากเกาะภูเก็ตและเกาะช้าง"
] | [
"จังหวัดสุราษฎร์ธานีตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกของภาคใต้ โดยมีสภาพภูมิประเทศที่หลากหลายทั้งที่ราบสูง ภูมิประเทศแบบภูเขา รวมทั้งที่ราบชายฝั่ง มีพื้นที่ครอบคลุมถึงในบริเวณอ่าวไทย ทั้งบริเวณที่เป็นทะเลและเป็นเกาะ เกาะในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กมากถึง 108 เกาะ นับว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองมาจากจังหวัดพังงาที่มี 155 เกาะ และจังหวัดภูเก็ตที่มี 154 เกาะ[2] เกาะขนาดใหญ่เป็นที่รู้จักเช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง เนื่องจากทำเลที่ตั้งจึงได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเกิดบริเวณทะเลอันดามันบ้างเป็นครั้งคราวเนื่องจากจะมีแนวเทือกเขาตะนาวศรี เทือกเขาภูเก็ต และเทือกเขานครศรีธรรมราช [3] แถบบริเวณจังหวัดระนอง จังหวัดชุมพร จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นแนวช่วยลดอิทธิพลของลมมรสุมดังกล่าว ในทางกลับกันพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีจะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือปกติจะมีแหล่งกำเนิดบริเวณทะเลจีนใต้และอ่าวไทย ทำให้จังหวัดสุราษฎร์ธานีมีช่วงฤดูฝนกินระยะเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคมจนถึงเดือนมกราคม",
"มิก้า ชูนวลศรี เกิดวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2532 ที่เมืองบริดเจนด์, เวลส์ สหราชอาณาจักร [1] มีพ่อชื่อ ชรินทร์ ชูนวลศรี เป็นอดีตนักฟุตบอลของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีแม่ชื่อเอเรียต[2] [3]เมื่ออายุได้ 1 ขวบพ่อของเขาได้พามาอยู่เมืองไทยที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี จนถึงอายุ 10 ขวบ จึงกลับไปที่เวลส์อีกครั้งหนึ่ง มิก้าเคยศึกษาที่ University of Glamorgan ในเซาธ์ เวลส์ แต่ย้ายมาอยู่เมืองไทยขณะเรียนได้ 2 ปี",
"อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี เทศบาลตำบลวัดประดู่ เทศบาลตำบลขุนทะเล อำเภอกาญจนดิษฐ์ เทศบาลตำบลกาญจนดิษฐ์ เทศบาลตำบลท่าทองใหม่ เทศบาลตำบลช้างซ้าย เทศบาลตำบลช้างขวา เทศบาลตำบลกรูด อำเภอดอนสัก เทศบาลเมืองดอนสัก อำเภอเกาะสมุย เทศบาลนครเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน เทศบาลตำบลเกาะพะงัน เทศบาลตำบลบ้านใต้ เทศบาลตำบลเพชรพะงัน เทศบาลตำบลเกาะเต่า อำเภอไชยา เทศบาลตำบลตลาดไชยา เทศบาลตำบลพุมเรียง เทศบาลตำบลเวียง อำเภอท่าชนะ เทศบาลตำบลท่าชนะ อำเภอคีรีรัฐนิคม เทศบาลตำบลท่าขนอน อำเภอบ้านตาขุน เทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลาน เทศบาลตำบลบ้านตาขุน อำเภอพนม เทศบาลตำบลพนม เทศบาลตำบลคลองชะอุ่น อำเภอท่าฉาง เทศบาลตำบลท่าฉาง อำเภอบ้านนาสาร เทศบาลเมืองนาสาร เทศบาลตำบลพรุพี เทศบาลตำบลคลองปราบ เทศบาลตำบลท่าชี เทศบาลตำบลควนศรี อำเภอบ้านนาเดิม เทศบาลตำบลบ้านนา อำเภอเคียนซา เทศบาลตำบลเคียนซา เทศบาลตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเวียงสระ เทศบาลตำบลเวียงสระ เทศบาลตำบลบ้านส้อง เทศบาลตำบลเขานิพันธ์ เทศบาลตำบลทุ่งหลวง เทศบาลตำบลเมืองเวียง อำเภอพระแสง เทศบาลตำบลบางสวรรค์ เทศบาลตำบลย่านดินแดง อำเภอพุนพิน เทศบาลเมืองท่าข้าม",
"ทน. สุราษฎร์ธานี ทน. เกาะสมุย ทม. ดอนสัก ทม. ท่าข้าม ทม. นาสาร",
"สำนักงานชุมพร (ชุมพร) สำนักงานพังงา (พังงาและระนอง) สำนักงานภูเก็ต (ภูเก็ต) สำนักงานกระบี่ (กระบี่) สำนักงานสุราษฎร์ธานี (สุราษฎร์ธานี ยกเว้นเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) สำนักงานเกาะสมุย (สุราษฎร์ธานี เฉพาะเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) สำนักงานนครศรีธรรมราช (นครศรีธรรมราชและพัทลุง) สำนักงานตรัง (ตรัง) สำนักงานหาดใหญ่ (สงขลาและสตูล) สำนักงานนราธิวาส (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา)",
"ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย หรือ สนามบินสมุย (English: Samui International Airport) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของเกาะสมุย อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย ประมาณ 23 กิโลเมตร ในพื้นที่ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ดำเนินการโดย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งยังเป็นท่าอากาศยานสำหรับนักท่องเที่ยว ที่มา เกาะพะงัน อีกด้วย โดยมีเที่ยวบินเข้าออกไปยังเมืองต่างๆมากมาย",
"อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่มีลักษณะเป็นหมู่เกาะในอ่าวไทยประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ 42 เกาะ ได้แก่ เกาะพะลวย เกาะวัวตาหลับ เกาะแม่เกาะ เกาะสามเส้า เกาะหินดับ เกาะนายพุด และเกาะไผ่ลวก เป็นต้น ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครอบคลุมพื้นที่ 102 ตารางกิโลเมตร เป็นพื้นน้ำประมาณ 84 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 82 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523",
"วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยว ได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นคณะที่ 6 ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เมื่อเดือนเมษายน 2548 ดำเนินการจัดการเรียนการสอน สำหรับนักศึกษาภาคปกติและนักศึกษา\nภาค กศ.บท. เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับประชาชนในท้องถิ่น ทั้งในมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยนานาชาติการท่องเที่ยวอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจัดการเรียนการสอนใน\nสาขาวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แขนงธุรกิจการบิน ให้แก่พนักงานของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่กรุงเทพมหานคร ตามข้อตกลงโครงการความร่วมมือทางวิชาการ\nและเทคโนโลยีระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) อีกด้วย",
"น้ำอุ่นในอ่าวไทยทำให้เกิดแนวปะการังที่สวยงาม โดยสถานที่ดำน้ำที่ได้รับความนิยม เช่น เกาะสมุย และเกาะเต่า ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี",
"ทิวเขานครศรีธรรมราช มีลักษณะตั้งเป็นแกนกลางของคาบสมุทรไทย (ภาคใต้ตอนกลาง) ทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ โดยเริ่มจากเกาะต่าง ๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือ เกาะเต่า เกาะนางยวน เกาะพงัน เกาะสมุย เกาะกะเต็น และมีบางส่วน ที่จมลงไปในทะเล เรียกส่วนนี้ว่า ช่องแคบสมุย โดยมาโผล่ขึ้นที่อำเภอดอนสัก เขตจังหวัดสุราษฎร์ธานีและอำเภอขนอม เขตจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดตรัง โดยทิวเขาที่ผ่านเขตจังหวัดพัทลุงและตรัง ถือเป็นที่กั้นเขตแดนระหว่าง 2 จังหวัดนี้ มักเรียกอีกชื่อว่า \"ทิวเขาบรรทัด\" จากนั้น แนวทิวเขาทอดยาวลงไปยังเขตแดนระหว่างจังหวัดสตูลกับประเทศมาเลเซีย โดยบรรจบกับทิวเขาสันกาลาคีรีที่ภูเขาซีนา จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นเขตแดนธรรมชาติระหว่างไทยกับมาเลเซีย",
"สมุย สมุย หมวดหมู่:เกาะสมุย หมวดหมู่:จังหวัดสุราษฎร์ธานี หมวดหมู่:สิ่งก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2532",
"อำเภอเกาะพะงัน ตั้งอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นอำเภอที่มีพื้นที่น้อยที่สุดของจังหวัด ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศตะวันออกประมาณ 100 กิโลเมตร ห่างจากอำเภอเกาะสมุยประมาณ 15 กิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะใหญ่ 2 เกาะ คือ เกาะพะงัน มีพื้นที่ 168 ตารางกิโลเมตร และเกาะเต่า มีพื้นที่ 25 ตารางกิโลเมตร (รวม 193 ตารางกิโลเมตร)",
"ไหหลำ (海南 ; ภาษาจีนกลาง: Hǎinán) เป็นชาวจีนที่อพยพมาจากเกาะไหหลำของจีน ชาวไหหลำจะมีเป็นจำนวนมากที่เกาะสมุย เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังปรากฏได้เห็นจากศาลเจ้าจีนหลายแห่งบนเกาะสมุย และ เกาะพะงัน มีหลักฐานการอพยพตั้งแต่สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา ซึ่งชาวจีนสามารถกลมกลืนกับชาวไทยได้ดี โดยส่วนมากมาจากตำบลบุ่นเชียว ชาวจีนกลุ่มนี้จะชำนาญทางด้านร้านอาหาร และโรงงาน",
"อุทยานแห่งชาติเขาสก อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น อุทยานแห่งชาติคลองพนม อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ-เกาะพะงัน",
"เกาะพะลวย อยู่ในหมู่ที่ 6 ของตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองรองจากเกาะวัวตาหลับซึ่งบางส่วนของเกาะอยู่ใน เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ประมาณครึ่งเกาะ เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2523 กรมอุทยาน ได้ประกาศหมู่เกาะอ่างทองเป็นอุทยานแห่งชาติ เป็นแห่งที่ 21 ของประเทศ ส่วนเหลือเป็นที่อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ",
"โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลกรุงเทพสุราษฎร์ โรงพยาบาลทักษิณ โรงพยาบาลศรีวิชัย โรงพยาบาลค่ายวิภาวดีรังสิต โรงพยาบาลกาญจนดิษฐ์ โรงพยาบาลไชยา โรงพยาบาลเกาะพะงัน โรงพยาบาลเกาะสมุย โรงพยาบาลกรุงเทพสมุย โรงพยาบาลสมุยอินเตอร์เนชั่นแนล โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเวียงสระ โรงพยาบาลบ้านนาสาร โรงพยาบาลคีรีรัฐนิคม โรงพยาบาลเคียนซา โรงพยาบาลชัยบุรี โรงพยาบาลดอนสัก โรงพยาบาลวิภาวดี โรงพยาบาลท่าชนะ โรงพยาบาลท่าฉาง โรงพยาบาลพุนพิน โรงพยาบาลกองบิน 7 โรงพยาบาลท่าโรงช้าง โรงพยาบาลพระแสง โรงพยาบาลบ้านตาขุน โรงพยาบาลบ้านนาเดิม โรงพยาบาลพนม",
"สันดอนเชื่อมเกาะเป็นสันทรายที่เกิดจากการพัดพาตะกอนทรายมาสะสมตัวบนสัณฐานโดยกระแสน้ำทะเลและคลื่น เกิดเป็นแนวยาวยื่นออกจากชายฝั่งทะเลออกไปเชื่อมกับเกาะขนาดเล็กในทะเล ตัวอย่างสันดอนเชื่อมเกาะในประเทศไทย ได้แก่ สันดอนเชื่อมเกาะเต่า สุราษฎร์ธานี สันดอนเชื่อมเกาะบริเวณอ่าวคุ้งกระเบน จันทบุรี และสันดอนเชื่อมเกาะยอบริเวณทะเลสาบสงขลา",
"เกาะพะลวยตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอำเภอเกาะสมุย อยู่ห่างจากเกาะสมุยประมาณ 20 กิโลเมตร หรืออยู่ห่างจากอำเภอดอนสักประมาณ 18 กิโลเมตร",
"โดยทะเลฝั่งอ่าวไทยนั้นมีชายฝั่งยาวประมาณ 156 กิโลเมตร โดยมีเกาะที่อยู่ภายใต้เขตการปกครองของจังหวัด ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า และหมู่เกาะอ่างทอง ซึ่งมีเกาะน้อยใหญ่อีกมากมาย จึงได้ชื่อว่าเมืองร้อยเกาะ เช่น เกาะนางยวน เกาะวัวตาหลับ เกาะแม่เกาะ",
"วิทยาลัยเทคนิคสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยสารพัดช่างสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยเทคโนโลยีสุราษฎร์พาณิชยการ วิทยาลัยเทคโนโลยีดอนบอสโกสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยเทคนิคกาญจนดิษฐ์ วิทยาลัยการอาชีพไชยา วิทยาลัยเทคโนโลยีสมุยบริหารธุรกิจ วิทยาลัยการอาชีพเวียงสระ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทศบาลเมืองนาสาร วิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวิชัยสุวรรณภูมิ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุราษฎร์ธานี วิทยาลัยอาชีวศึกษาภาวนาโพธิคุณ",
"เทศบาลนครเกาะสมุย เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประเภทเทศบาลนคร ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับการยกฐานะจากเทศบาลตำบลเกาะสมุยเป็นเทศบาลเมืองตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 และได้รับการยกฐานะจากเทศบาลเมืองเกาะสมุยเป็นเทศบาลนครเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555 เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งเดียวในอำเภอเกาะสมุย มีประชากรในปี พ.ศ. 2560 ประมาณ 67,000 คน มีพื้นที่ 228.7 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมอำเภอเกาะสมุยเกือบทั้งหมด ยกเว้นเพียงหมู่เกาะบางส่วนของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง",
"ศาลากลางจังหวัดสุราษฏร์ธานีถูกลอบวางระเบิด เมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2525 ประมาณเที่ยงถึงบ่ายโมง ซี่งเป็นเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนใจชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่สำคัญ เนื่องจากเหตุความขัดแย้งทางการเมือง ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานีเดิมตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำตาปีก่อนที่ย้ายไปในบริเวณสี่แยกแสงเพชร ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมือง [20] เรือยาวใหญ่ นาม \"เจ้าแม่ตาปี\" และเรือยาวกลาง นาม \"เจ้าแม่ธารทิพย์\" ชนะเลิศการแข่งขันเรือยาวชิงแชมป์ประเทศไทยถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในปี พ.ศ. 2525 พายุไต้ฝุ่นเกย์ถล่มจังหวัด การบินไทย เที่ยวบินที่ 261 ตกที่สนามบินสุราษฎร์ธานี การรื้อสัมปทานเรือข้ามฟากสุราษฏร์ธานีเกาะสมุย มติชาวสุราษฎร์ ห้ามปลุกเสกจตุคาม ณ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เหตุลอบวางระเบิดติดรถที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินภายในตัวศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย",
"อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอดอนสัก อำเภอเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน อำเภอไชยา อำเภอท่าชนะ อำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอบ้านตาขุน อำเภอพนม อำเภอท่าฉาง อำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอเคียนซา อำเภอเวียงสระ อำเภอพระแสง อำเภอพุนพิน อำเภอชัยบุรี อำเภอวิภาวดี",
"เกาะลำพู เป็นเกาะแม่น้ำในแม่น้ำตาปีและเป็นที่ราชพัสดุ เดิมทางจังหวัดเคยให้สัมปทานแก่เอกชนสร้างบังกาโล สร้างสวนอาหาร ต่อมาภายหลังหมดสัญญาทางจังหวัดได้พัฒนาและสร้างเป็นสวนสาธารณะเป็นที่ซึ่งมีสภาพแวดล้อมงดงามเหมาะแก่การพักผ่อนอย่างยิ่ง ประชาชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้มีโอกาสแวะเวียนมาใช้พื้นที่บริเวณนี้อยู่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งจะมีลานกิจกรรมและลานกีฬาและสันทนาการอยู่กลางเมืองสุราษฎร์ธานี โดยการเดินทาง เดิมต้องเดินทางทางเรือ แต่ปัจจุบันมีสะพานเชื่อมไปได้อย่างสะดวกสบายสามารถเห็นทิวทัศน์ริมเขื่อนแม่น้ำตาปีอีกด้วย",
"ทางหลวงสายนี้เริ่มต้นที่อำเภออ่าวลึก และตัดผ่านอำเภอปลายพระยา จากนั้นเข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่อำเภอพระแสง และผ่านอำเภอเคียนซา อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี และสิ้นสุดที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ มีความยาวทั้งสิ้น 133.172 กิโลเมตร โดยอยู่ในจังหวัดกระบี่ 37.2 กิโลเมตร และอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี 95.972 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเป็นถนนลาดยาง มีช่องจราจร 4 ช่องทาง ทิศทางละ 2 ช่องทาง คั่นด้วยคูกลางซึ่งมีความกว้าง 150 เมตร และมีเขตทางกว้าง 200 เมตรใน ปี พ.ศ. 2560 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้มีการศึกษาเพื่อเตรียมการก่อสร้างทางรถไฟ จากสถานีสุราษฎร์ธานี ถึงอำเภอดอนสัก โดยมีเส้นทางคู่ขนานไปกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 44 จากอำเภอบ้านนาเดิม ถึงท่าเรือดอนสัก เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางข้ามฟากไปยังเกาะสมุย เกาะพะงัน และบริเวณใกล้เคียงต่อไป",
"เซบูตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะเนโกรส ทางทิศตะวันตกของเกาะเลเตและเกาะโบโฮล ตัวจังหวัดประกอบด้วยเกาะเซบูและเกาะบริวารอีก 167 เกาะ ที่สำคัญได้แก่ เกาะมักตัน เกาะบันตายาน เกาะมาลาปาสกัว เกาะโอลังโก และหมู่เกาะคาโมเตส นครหนาแน่นอย่างเซบูซิตี, ลาปู-ลาปู และมันดาอูเว จัดเป็นนครอิสระที่ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของจังหวัด แต่จะถูกจัดรวมอยู่ในจังหวัดในเชิงภูมิศาสตร์และสถิติ",
"ท่าเทียบเรือนอน (ไปเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า) ท่าเทียบเรือนอนเฟอร์รี่ (ไปเกาะเต่า) ท่าเทียบเรือราชาเฟอร์รี่ ตำบลตลิ่งงาม ท่าเทียบเรือซีทรานเฟอร์รี่ (หน้าทอน) ท่าเทียบเรือเกาะสมุย (หน้าทอน) ท่าเรือหน้าพระลานแม่น้ำ (เรือลมพระยา) ท่าเทียบเรือบางรัก ท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ดอนสัก (แหลมทวด) ท่าเทียบเรือราชาเฟอร์รี่ ท่าเทียบเรือซีทรานเฟอร์รี่ ท่าเทียบเรือท้องศาลา ท่าเทียบเรือเกาะเต่า",
"ประชากรส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้มาประมาณ 8 รุ่น โดยอพยพมาจากส่วนต่าง ๆ ของประเทศ ส่วนใหญ่เป็นชาวอำเภอเกาะสมุย อำเภอดอนสัก อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอท่าฉาง อำเภอไชยา อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดชุมพร จังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น มีครัวเรือน 102 ครัวเรือน ประชากร 438 คน นับถือศาสนาพุทธ มีสำนักสงฆ์ 2 แห่ง เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเกาะพะลวย\nลักษณะการประกอบอาชีพ อาชีพของชาวเกาะพะลวยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพประมงขนาดเล็ก อาชีพหารังนกนางแอ่น อาชีพทำสวนยาง มีประมาณ 300 ไร่ อาชีพสวนมะพร้าว สวนผลไม้ อาชีพปศุสัตว์เลี้ยงโค ประมาณ 200 ตัว ",
"อุทยานแห่งชาติเขาหลวง มีเทือกเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาค ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา จังหวัดกระบี่ อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า จังหวัดพัทลุง อุทยานแห่งชาติศรีพังงา จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติน้ำตกโยง จังหวัดนครศรีธรรมราช อุทยานแห่งชาติเขาน้ำค้าง จังหวัดสงขลา อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง จังหวัดสุราษฎร์ธานี อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น จังหวัดสุราษฎร์ธานี อุทยานแห่งชาติบางลาง จังหวัดยะลา อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว จังหวัดระนอง อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส อุทยานแห่งชาติน้ำตกสี่ขีด จังหวัดนครศรีธรรมราช อุทยานแห่งชาติคลองพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล อุทยานแห่งชาติทะเลบัน จังหวัดสตูล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี อุทยานแห่งชาติพังงา จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติเกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง อุทยานแห่งชาติสิมิลัน จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติแหลมสน จังหวัดระนอง อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ อุทยานแห่งชาติหาดเภตรา จังหวัดสตูล อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ อุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จังหวัดกระบี่ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จังหวัดชุมพร อุทยานแห่งชาติกระบุรี จังหวัดระนอง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะทะเลใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช อุทยานแห่งชาติเขานัน จังหวัดนครศรีธรรมราช"
] |
หนึ่งทีมฟุตบอลประกอบด้วยผู้เล่นกี่คน ? | [
"จำนวนผู้เล่นแต่ละทีม ลงได้สูงสุด 11 คน หนึ่งในนั้นเป็นผู้รักษาประตู และแต่ละทีมประกอบด้วยผู้เล่นตัวจริงและตัวสำรอง ผู้เล่นตัวจริงจะเป็นผู้เล่นชุดแรกที่ลงสนาม ส่วนผู้เล่นตัวสำรองมีไว้เพื่อสับเปลี่ยนกับผู้เล่นตัวจริงในกรณีที่ผู้เล่นตัวจริงไม่สามารถเล่นได้หรือกรณีอื่นๆ ตามความเหมาะสมหรือตามแต่ดุลยพินิจของผู้จัดการทีม ( โดยการแข่งขันเพื่อจุดประสงค์ในการคว้าแชมป์จะเปลี่ยนได้ 3 คนเท่านั้น และเมื่อ 18 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา ฟีฟ่ามีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนตัวสำรองคนที่ 4 ได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่ถ้าเป็นการแข่งขันกระชับมิตรหรือเฉลิมฉลองสร้างความสัมพันธ์จะมีการเปลี่ยนตัวไม่จำกัด ) ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนามต้องมีไม่ต่ำกว่า 7 คน และไม่เกิน11คน และหนึ่งในนั้นจะต้องมีผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู 1 คน, ตัวสำรองสามารถมีได้ไม่เกิน 7 คน ถ้าเป็นการแข่งทั่วไป หรือเชื่อมความสัมพันธ์ สามารถกำหนดจำนวนตัวสำรองได้ โดยต้องแจ้งให้กรรมการทราบก่อนการแข่งขัน",
"ในกีฬาฟุตบอล หนึ่งทีมมีผู้เล่น 11 คน เป็นมีผู้รักษาประตู 1 คน และผู้เล่นตำแหน่งอื่นอีก 10 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่ทำหน้าที่ป้องกัน (กองหลัง) ผู้อยู่แดนกลาง (กองกลาง) และผู้บุก (กองหน้า) แล้วแต่ระบบแผนที่ใช้ โดยตำแหน่งเหล่านั้นจะบ่งบอกถึงหน้าที่และพื้นที่ในการเล่นของตำแหน่งนั้น ๆ ด้วย"
] | [
"เขาได้รับเลือกเป็นผู้เล่นยุโรปแห่งปี 2 ครั้ง เขาลงแข่งให้กับฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีตะวันตก 103 นัด ในฟุตบอลโลก 3 ครั้ง เขายังเป็นผู้เล่นคนเดียวที่เป็นกัปตันทีมและผู้จัดการทีมให้กับประเทศที่ชนะฟุตบอลโลก เขาได้ถ้วยฟุตบอลโลกในฐานะกัปตันทีมในปี 1974 และได้อีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีมชาติในฟุตบอลโลก 1990 และกับสโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิก เขาได้ถ้วยยุโรป 3 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 1974 ถึง 1976 และคัปวินเนอร์สคัปในปี ค.ศ. 1967 เบ็คเคินเบาเออร์เป็นผู้เล่นคนเดียวที่เป็นกัปตันทีมที่ชนะในถ้วยยุโรป 3 ครั้ง เขาเปลี่ยนมาเป็นผู้ฝึกสอนและประธานของสถาบัน และยังมีรายชื่ออยู่ในหอเกียรติยศฟุตบอลแห่งชาติ",
"ฟุตบอลทีมชาติตาฮีตี เป็นทีมฟุตบอลสัญชาติฝรั่งเศส และเป็นทีมตัวแทนของเฟรนช์พอลินีเชีย อยู่ภายใต้การควบคุมของสหพันธ์ฟุตบอลตาฮีเตียน ทีมประกอบด้วยผู้เล่นจากเฟรนช์พอลินีเชีย และได้เข้าร่วมสมาพันธ์ฟุตบอลโอเชียเนีย (OFC) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990",
"ในเกมฟุตบอลชายหาดหนึ่งเกม จะมีผู้ตัดสิน 4 คน โดย 2 คนจะอยู่ในสนาม อีกคนจะควบคุมการแข่งขันอยู่ข้างสนามและดูแลทีมของทั้งสองฝ่ายที่อยู่บนม้านั่งสำรอง และอีกคนจะทำการควบคุมเวลาการแข่งขันอยู่ข้างสนาม การฟาวล์ทุกครั้งจะถูกนับเป็นฟรีคิกโดยตรง(สามารถยิงเข้าประตูได้ทันที) โดยผู้เล่นที่ถูกทำฟาวล์จะเป็นคนเริ่มเล่นนอกเหนือจากจะมีการยกให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เป็นผู้เริ่มเล่น มีการให้ใบเหลืองสำหรับคาดโทษและใบแดงสำหรับไล่ออกจากสนามเหมือนฟุตบอล แต่ต่างกันตรงที่ถ้ามีผู้เล่นคนใดที่ได้รับใบเหลือง ผู้เล่นคนนั้นจะต้องออกจากสนามเป็นเวลา 2 นาที และทีมจะต้องเล่นต่อโดยที่ไม่มีผู้เล่นคนดังกล่าวอยู่ในทีม โดยส่งผู้เล่นคนอื่นลงมาแทนไม่ได้ เมื่อครบกำหนด 2 นาทีแล้ว ผู้เล่นที่ได้รับใบเหลืองจะสามารถลงสนามได้ตามปกติ แต่ถ้ามีผู้เล่นที่ได้รับใบแดง ผู้เล่นคนนั้นจะต้องออกจากสนามและไม่มีสิทธิ์กลับมาเล่นต่อในเวลาที่เหลืออีก และทีมจะต้องเล่นต่อโดยสามารถส่งผู้เล่นคนอื่นลงมาแทนผู้เล่นที่ได้รับใบแดงได้หลังจากครบกำหนด 2 นาที",
"เป็นการเล่นที่สามารถจัดแบบการแข่งขันได้ (Tournament) โดยการแข่งจะต้องแข่งเป็นทีมโดยผู้เล่นหนึ่งประกอบด้วยผู้เล่นสี่คน โดยในหนึ่งคู่การแข่งขัน (Match) จะประกอบด้วยเล่นสองทีม ทีมละสี่คน และใช้โต๊ะสองตัว ผู้เล่นทั้งสี่ในแต่ละทีมจะถูกกำหนดตำแหน่งเป็น เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก (North/South/East/West) โดยผู้เล่นตำแหน่งเหนือและใต้ของทีมหนึ่งจะต้องเล่นกับผู้เล่นตำแหน่งตะวันออกและตะวันตกของอีกทีมหนึ่ง หลังจากเล่นจบในแต่ละสำรับ ให้ทำการแจกไพ่ที่เหมือนกันทุกประการของโต๊ะนั้นไปยังอีกโต๊ะหนึ่ง ซึ่งการแจกนั้นจะได้อุปกรณ์ที่เรียกว่า \"บอร์ดไพ่\" เป็นตัวช่วยในการแข่งขัน ด้วยระบบนี้จะทำให้ผู้เล่นทิศเหนือและใต้ของทีมได้ไพ่ชุดเดียวกันกับทิศเหนือและใต้ของอีกทีมหนึ่ง\nการคิดคะแนนนั้นให้นำ ผลต่างคะแนนของทั้งสองโต๊ะมารวมกัน ส่วนต่างของคะแนนจะถูกนำมาเทียบกับตารางคะแนน IMP (International Match Point) อีกทีหนึ่ง\nในการแข่งคู่หนึ่งๆนั้นจะมีการไพ่มากกว่าหนึ่งสำรับ และทีมที่ได้คะแนน IMP มากกว่าจะเป็นผู้ชนะ",
"ทีมอยุธยาเอฟซี ทีมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 2 โซนภาคกลางในฤดูกาลปี 2559 \nผู้บริหารทีมอยุธยา เอฟซี ฤดูกาล 2559\nประธานสโมสร นายวิทยา บุรณศิริ \nรองประธานสโมสร ประกอบด้วย 1.นายนัทธี บ่อสุวรรณ 2.นายชาตรี อยู่ประเสริฐ 3.นายไตรรัตน์ จุรินทร\nผู้จัดการทีม นายยุทธนา ก้อนทอง \nผู้ช่วยผู้จัดการประกอบด้วย 1.นายอาวุธ ก้อนนาค 2.นายธนะวัฒน์ มงคลศิริโรจน์ 3.นายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์\nหัวหน้าผู้ฝึกสอน นายเทเวศน์ กมลสินธุ์\nสำหรับปีนี้ ท่านประธานสโมสร ท่านวิทยา บุรณศิริ วางเป้าหมายไว้อย่างหนักแน่นว่าปีนี้ต้องเลื่อนชั้น กลับไปเล่นใน ศึก ยามาฮ่าลีกวัน ให้ได้ในฤดูกาล 2560 และได้มีการเตรียมทีมอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวนักเตะที่มีทั้งแข้งไทยและแข้งนอกซึ่งแต่ละรายก็ผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี\nและได้ สนามฟุตบอลราชคราม สปอร์ต ซิตี้ บางไทร เป็นสนามเหย้า",
"ทีมอยุธยาเอฟซี ทีมฟุตบอลลีกดิวิชั่น 2 โซนภาคกลางในฤดูกาลปี 2559 \nผู้บริหารทีมอยุธยา เอฟซี ฤดูกาล 2559\nประธานสโมสร นายวิทยา บุรณศิริ \nรองประธานสโมสร ประกอบด้วย 1.นายนัทธี บ่อสุวรรณ 2.นายชาตรี อยู่ประเสริฐ 3.นายไตรรัตน์ จุรินทร\nผู้จัดการทีม นายยุทธนา ก้อนทอง \nผู้ช่วยผู้จัดการประกอบด้วย 1.นายอาวุธ ก้อนนาค 2.นายธนะวัฒน์ มงคลศิริโรจน์ 3.นายอาทิตย์ ภาคอินทรีย์\nหัวหน้าผู้ฝึกสอน นายเทเวศน์ กมลสินธุ์\nสำหรับปีนี้ ท่านประธานสโมสร ท่านวิทยา บุรณศิริ วางเป้าหมายไว้อย่างหนักแน่นว่าปีนี้ต้องเลื่อนชั้น กลับไปเล่นใน ศึก ยามาฮ่าลีกวัน ให้ได้ในฤดูกาล 2560 และได้มีการเตรียมทีมอย่างหนักไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวนักเตะที่มีทั้งแข้งไทยและแข้งนอกซึ่งแต่ละรายก็ผ่านการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี\nและได้ สนามฟุตบอลราชคราม สปอร์ต ซิตี้ บางไทร เป็นสนามเหย้า",
"นอกจากรางวัลรายบุคคลแล้ว ยังมีการจัดทีมโดยนำเอาผู้เล่นแต่ละตำแหน่งมารวมกัน ได้แก่ ทีมออล-เอ็นบีเอ (All-NBA), ทีมออล-ดีเฟนซีฟ (All-Defensive), และทีมออล-รูคกี (All-Rookie) โดยทีมออล-เอ็นบีเอ มีทั้งหมดสามทีม ทีมแรกประกอบด้วย การ์ด 2 คน, ฟอร์เวิร์ด 2 คน และ เซ็นเตอร์ 1 คนที่เก่งที่สุดในเอ็นบีเอ ส่วนทีมสองและทีมสามประกอบด้วยผู้เล่นทั้งห้าตำแหน่งนี้ที่เก่งรองลงมา ทีมออล-ดีเฟนซีฟ มีสองทีม ประกอบขึ้นจากนักบาสที่เก่งด้านเกมรับทีมละ 5 คน (โดยไม่มีการแบ่งตำแหน่งผู้เล่น) ส่วน ออล-รูกี ก็มีสองทีมเช่นเดียวกัน รวบรวมผู้เล่นหน้าใหม่ที่เก่งที่สุด 5 คน (ไม่มีการแบ่งตำแหน่งผู้เล่น)",
"ในปี ค.ศ. 1996 เกรสโปได้ย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลปาร์มาในประเทศอิตาลี ช่วงที่อยู่ปาร์มาก็ช่วยทำให้ได้รองแชมป์ลีกด้วยการยิงไป 12 ประตู จากการลงเล่น 27 นัด และในปี ค.ศ. 1999 ก็ช่วยให้ปาร์มาได้ดับเบิลแชมป์ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าคัพและอิตาเลียนคัพได้สำเร็จ ก่อนที่จะย้ายมาร่วมทีมลาซิโอในปี ค.ศ. 2000 ด้วยค่าตัวแพงเป็นสถิติโลก ซึ่งมีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่มีค่าตัวระดับนี้\nเกรสโปเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนหนึ่ง ในช่วงที่ย้ายทีมจากสโมสรฟุตบอลปาร์มามาที่สโมสรฟุตบอลลาซิโอ เป็นเงิน 37,000,000 ปอนด์ และเล่นให้กับสโมสรลาซิโออยู่เพียง 2 ฤดูกาล คือ ฤดูกาล 2000-2001 และ 2001-2002 โดยฤดูกาลแรกที่อยู่กับลาซิโอ เกรสโปก็ยิงได้ 26 ประตูและเป็นดาวซัลโวสูงสุดในกัลโชเซเรียอา แต่ลาซิโอได้เพียงแค่อันดับที่ 3 เท่านั้น ในฤดูกาล 2001-2002 เกรสโปบาดเจ็บอยู่พักหนึ่งและลงเล่นเป็นตัวจริงไม่กี่นัด ทำประตูได้ 14 ประตู ",
"เบสบอล - เมเจอร์ลีกเบสบอล: นิวยอร์กเป็นหนึ่งในไม่กี่เมืองของสหรัฐอเมริกาที่กีฬาเบสบอลดูเหมือนจะได้รับความนิยมมากกว่าอเมริกันฟุตบอล ทีมเบสบอลของนิวยอร์กมีอยู่ 2 ทีม ที่เล่นอยู่ในเมเจอร์ลีกเบสบอล (Major League Baseball หรือ MLB) คือ นิวยอร์ก แยงกีส์ และนิวยอร์ก เม็ตส์ (นิวยอร์กเป็นหนึ่งใน 5 เมืองใหญ่นอกเหนือจาก ชิคาโก วอชิงตัน บอลทิมอร์ ลอสแอนเจลิส และซานฟรานซิสโกเบย์ที่มีทีมเบสบอลอาชีพถึง 2 ทีมที่เล่นอยู่ในลีกสูงสุด) โดยที่แยงกีส์และเม็ตส์จะได้พบกัน 6 ครั้งในแต่ละฤดูกาล นิวยอร์ก แยงกีส์ เคยได้แชมป์เวิลด์ซีรีส์ มาแล้วถึง 26 ครั้ง และเป็นทีมที่คว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดอีกด้วย ขณะที่นิวยอร์ก เม็ตส์ เคยได้แชมป์ในรายการนี้ 2 ครั้ง นิวยอร์กยังเคยเป็นถิ่นของทีมนิวยอร์ก ไจแอนส์ (ปัจจุบันคือ ซานฟรานซิสโก ไจแอนส์) และบรูคลิน ดอร์จเจอร์ (ปัจจุบันคือ ลอสแอนเจลิส ดอร์จเจอร์) ก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะย้ายไปยังแคลิฟอร์เนีย ใน ค.ศ. 1958 นอกจากนั้นแล้วเมืองนี้ยังมีทีมเบสบอลอีก 2 ทีมที่เล่นอยู่ในไมเนอร์ลีกเบสบอล (Minor League Baseball) ด้วย คือ สแตตัน ไอส์แลนด์ แยงกีส์ และบรูคลิน ไซโคลน อเมริกันฟุตบอล - เอ็นเอฟแอล: อเมริกันฟุตบอลเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ตัวแทนเข้าไปแข่งขันในลีกอเมริกันฟุตบอล (National Football League หรือ NFL) ของนิวยอร์กมีอยู่ด้วยกัน 2 ทีม คือ นิวยอร์ก เจ็ตส์ และนิวยอร์ก ไจแอนส์ (ชื่อเป็นทางการคือ นิวยอร์ก ฟุตบอล ไจแอนส์ ) โดยใช้สนามไจแอนส์ สเตเดียม ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เป็นสนามเหย้าของทั้ง 2 ทีม ฮอกกี้ - เอ็นเฮชแอล: อีกหนึ่งชนิดกีฬาที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันอย่างฮอกกี้ ทีมนิวยอร์ก เรนเจอร์ เป็นตัวแทนของเมืองที่เข้าร่วมแข่งขันในลีกฮอกกี้อาชีพ (National Hockey League หรือ NHL) กับอีก 2 ทีมคือ นิวเจอร์ซีย์ เดวิล และนิวยอร์ก ไอแลนเดอร์ ที่เล่นอยู่ในลองไอแลนด์ ฟุตบอล - เมเจอร์ลีกซอกเกอร์: ทางด้านกีฬาฟุตบอล มีทีมเรด บูลล์ นิวยอร์ก เข้าร่วมในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ (Major League Soccer หรือ MLS) และใช้สนามไจแอนส์ สเตเดียม ในนิวเจอร์ซีย์เป็นสนามเหย้า บาสเกตบอล - เอ็นบีเอ: บาสเกตบอลมี ทีมนิวยอร์ นิกส์ ที่เล่นอยู่ในลีกบาสเกตบอลอาชีพ (National Basketball Association หรือ NBA) และทีมบาสเกตบอลหญิง นิวยอร์ก ลิเบอร์ตี ที่เล่นอยู่ในลีกบาสเกตบอลหญิงอาชีพ (WNBA) นิวยอร์กกับบาสเกตบอลมีจุดที่น่าสนใจอยู่ที่สนาม แต่สนามบาสเกตบอลที่สำคัญที่สุดในเมืองนี้ไม่ใช่สนามที่ทันสมัย หรือสนามที่ใหญ่โต แต่เป็นลานบาสเกตบอลที่มีชื่อว่า รัคเคอร์ พาร์ก (Rucker Park) ในเขตชุมชนฮาเล็ม โบโรห์แมนแฮตตัน นักกีฬาที่ได้ก้าวไปสู่การเล่นในระดับอาชีพหลายคน เคยใช้ลานแห่งนี้ในการฝึกฝนทักษะมาแล้ว ซึ่งก็รวมทั้งนักกีฬาบาสเกตบอลที่ได้ก้าวไปสู่การเล่นในเอ็นบีเอด้วย และรัคเคอร์ พาร์ก ยังเป็นสนามให้ผู้เล่นได้เลือกใช้เป็นลานประลองกันในเกม NBA Ballers, NBA Street, NBA Street Vol.2, NBA Street V3, NBA 2K7 และ NBA 2K8",
"กริดไอเอิร์นฟุตบอล () หรือเป็นที่รู้จักกันดีว่า นอร์ธอเมริกันฟุตบอล () หรือเรียกแค่ ฟุตบอล เป็นกีฬาฟุตบอลที่ส่วนใหญ่เล่นในสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ซึ่งใช้ทีมผู้เล่น 11 คนเป็นรูปแบบที่เล่นในสหรัฐอเมริกา และฟอร์มที่รู้จักกันดีที่สุดทั่วโลก ในขณะที่แคนาเดียนฟุตบอลมีทีมผู้เล่น 12 คน",
"นอกจากนี้ ผู้เล่นมังคละคนสุดท้าย คือปู่กี่ มีชำนะ เสียชีวิตไปเมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2540 (เสียชีวิตขณะอายุประมาณ 80 ปี) โดยปู่กี่มีเครื่องมังคละคือกลองยืน สำหรับเล่นเข้าวงเล็ก ๆ ศัพท์ภาษาปากเรียกว่า \"วงปี่พาทย์ฆ้องกลอง\" หรือ \"อังคละ\", \"มังคละ\" ประกอบด้วย กลองยืน 1 ใบ ฆ้อง 1 ลูก, ฉาบยืน 1, ฉาบหลอน 1, ฉิ่ง 1 และซอ สำหรับสีเพื่อเดินเพลงแทนปี่ ที่หาผู้เป่าในชุมชนไม่ได้ในช่วงหลัง (เดิมบ้านคุ้งตะเภามีหมอปี่หลายคน แต่ปัจจุบันเสียชีวิตหมดแล้ว) วงมังคละนี้ ใช้สำหรับแห่ในงานบุญต่าง ๆ และเล่นกันข้ามวันข้ามคืน ซึ่งกลองยืนนี้ ลูกหลานของท่านได้ถวายไว้เพื่อเก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นวัดคุ้งตะเภา สันนิษฐานว่า ปู่กี่ คือคนสุดท้ายที่สืบทอดการละเล่นมังคละของบ้านคุ้งตะเภา และในช่วงหลัง ปู่กี่หาผู้เข้าประสมวงตามนวภัณฑ์ไม่ได้ (เนื่องจากการเข้ามาแทนที่ความนิยมของกลองยาว) จึงกลายมาเป็นวงปี่กลองที่ใช้กลองเพียงลูกเดียว และใช้ซอสีแทนปี่ ซึ่งหาผู้เป่ายากในช่วงสุดท้าย ",
"พรีเมียร์ลีกอียิปต์ () เป็นลีกสโมสรฟุตบอลอาชีพและเป็นชั้นสูงสุดในฟุตบอลอียิปต์ ลีกประกอบด้วย 19 ทีมแข่งขันในระบบลีกเหย้าและเยือน ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ เอติซาลาดพรีเมียร์ลีกอียิปต์ (Etisalat Egyptian Premier League) หลังบริษัทสื่อสาร เอติซาลาด ลงนามข้อตกลงเป็นผู้สนับสนุนกับสหพันธ์ฟุตบอลอียิปต์ แต่ละทีมไม่ได้รับอนุญาตให้มีผู้เล่นต่างประเทศได้เกินสามคน",
"ฟุตบอลทีมชาติอินโดนีเซีย เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนจากประเทศอินโดนีเซีย ภายใต้การควบคุมของสมาคมฟุตบอลอินโดนีเซีย ทีมชาติอินโดนีเซียเป็นทีมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงไม่กี่ทีมที่เคยร่วมเล่นฟุตบอลโลก โดยเล่นในฟุตบอลโลก 1938 และยังไม่มีผลงานที่โดดเด่นในระดับเอเชีย ส่วนในระดับอาเซียน ทีมอินโดนีเซียได้อันดับรองชนะเลิศไทเกอร์คัพ 3 ครั้ง",
"ไทร่า ได้สร้างความตกตะลึงให้สาวๆ โดยได้บอกว่า การเรียกชื่อในสัปดาห์นี้ จะให้ ลา โทย่า เป็นผู้เลือกว่า ใครจะถูกเรียกคนที่เท่าไหร่ โดย ลอร่า ได้ถูกเรียกชื่อเป็นคนแรก เนื่องจากถ่ายภาพออกมาได้ดีที่สุด ตรงกันข้าม แองเจลีและลิซ่า ต้องกลายเป็น สองคนสุดท้ายอีกครั้ง ไทร่า จึงให้ ลา โทย่า ประกาศว่า ใครจะเป็นที่ถูกคัดออก ลา โทย่า กล่าวว่า พี่ชายของเธอ เป็นผู้ให้ความรัก และมักชอบช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ โดยทั้งสองสาว จะได้รับโอกาสอีกครั้ง และจะไม่มีใครถูกคัดออกในสัปดาห์นี้สาวๆถูกพาไปยังชายหาด เพื่อทำการแข่งขันประจำสัปดาห์ ซึ่งเป็นการแข่งขัน เพื่อการกุศล โดย สาวๆถูกแบ่งเป็น 2 ทีม ทีมละ 9 คนเพื่อแข่งขัน ฟุตบอลชายหาด และเพื่อเพิ่ม จำนวนผู้เล่น สาวๆที่ถูกคัดออดไปแล้วทั้ง บริททานี่ ชีน่า ไอซิส และ คามิลล์ ก็ได้ถูกเพิ่มเข้ามาในการแข่งขันด้วย สาวๆทั้งสองทีมได้ผู้เล่นจากทีม The NFL มาร่วมเล่นด้วย ทีมละ 2 คน ซึ่งทีมที่ชนะ จะได้เงิน 5000 ดอลลาร์ เพื่อบริจาคให้แก่ผู้เล่น ระหว่างการแข่งขัน ไนเจลได้เรียกให้สาวๆทุกคนทำการแข่งขันถ่ายภาพ ระหว่างแข่งฟุตบอล เพื่อชิงรางวัลของพวกเธอเอง ท้ายที่สุดแล้ว ทีมสีน้ำเงิน ซึ่งประกอบด้วย แอลลิสัน,แองเจลี,บีอังก้า,บรี และ ลอร่า เป็นผ่ายชนะ แต่การแข่งขันถ่ายภาพนั้น เคย์ล่า กลับเป็นผู้ชนะ และรางวัลที่เธอได้รับ คือ การถ่ายภาพ ขึ้นในเว็บไซต์ ของ ไทร่า โดยมี อังเดร ลีออน ทอลลีย์ เป็นผู้เลือกชุด และกำกับการถ่ายภาพ",
"ผู้เล่นคนที่ 12 () เป็นคำที่อธิบายถึงแฟนฟุตบอลในสนามฟุตบอลระหว่างการแข่งขันฟุตบอลหรืออเมริกันฟุตบอล คำนี้มีความหมายแตกต่างในกีฬาคริกเกต หมายถึงผู้เล่นสำรองคนแรกที่ได้ลงสนามหลังจากที่ผู้เล่นบาดเจ็บ ในกีฬาฟุตบอลซึ่งมีจำนวนผู้เล่นแข่งขันในสนาม 11 คนต่อทีม คำ ๆ นี้จึงแสดงถึงแฟนฟุตบอลที่พยายามช่วยทีม ส่วนในอเมริกันฟุตบอลคำนี้เป็นสัญลักษณ์และมีที่มาจากมหาวิทยาลัยเท็กซัสเอแอนด์เอ็ม ในปี ค.ศ. 1922",
"ในเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2549 ทีมชาติไทยชนะเลิศรายการแข่งขัน\"คิงส์คัพ ครั้งที่ 37\" ในสนามศุภชลาศัย ไม่กี่เดือนต่อมา ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 พวกเขาเข้าสู่รอบสุดท้ายอาเซียนฟุตบอลแชมเปียนชิพ 2007 ที่จัดขึ้นในประเทศไทย สินทวีชัยได้เป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งตลอดการแข่งขัน ยกเว้น 2 นัดสุดท้ายเมื่อผู้ฝึกสอนให้โอกาสกับผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์มากกว่าลงเล่น แต่อย่างไรก็ตามอาเซียนฟุตบอลแชมเปียนชิพเป็นการแข่งขันที่สร้างความประทับให้ให้กับกองเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทย ",
"ฮาร์กรีฟส์เกิดที่ประเทศแคนาดา โดยมีบิดาเป็นชาวเมืองโบลตัน ประเทศอังกฤษและมารดาเป็นชาวเวลส์ ทำให้เขาสามารถเลือกเล่นในระดับทีมชาติให้กับแคนาดา อังกฤษ หรือ เวลส์ ก็ได้ นอกจากนี้ฮาร์กรีฟส์ยังสามารถเลือกเล่นให้ทีมชาติเยอรมนีได้อีกด้วย เนื่องจากอยู่อาศัยในเยอรมนีเกินกว่าห้าปีในขณะที่เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค ทำให้เขามีสิทธิที่จะขอสัญชาติเยอรมนีและเล่นให้กับทีมชาติเยอรมนีเช่นกัน แต่ในท้ายที่สุดฮาร์กรีฟส์ได้ตัดสินใจที่จะเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ ซึ่งทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษคนแรกที่ไม่เคยเล่นในฟุตบอลลีกของประเทศอังกฤษมาก่อนเลยในขณะนั้น ฮาร์กรีฟส์นับเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษ โดยเฉพาะในฟุตบอลโลก ปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) ที่ประเทศเยอรมนี ฮาร์กรีฟส์เป็นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษเพียงคนเดียวที่ยิงลูกโทษเข้าในช่วงดวลจุดโทษตัดสิน ในรอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมชาติโปรตุเกส",
"ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016 ทีมชาติทั้ง 24 ทีมจะต้องส่งรายชื่อผู้เล่น 23 คน (โดยต้องมีผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู 3 คน) ก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 หรือ 10 วันก่อนนัดเปิดการแข่งขัน หากมีผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บหรือเหตุผลอื่นที่ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ สามารถที่จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ก่อนที่จะแข่งขันนัดแรก",
"แต่สโมสรฟุตบอลฮากกาไม่เคยพลาดที่จะร่วมเข้าแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนสคัพ แม้แต่ครั้งเดียว โดยสโมสรฟุตบอลฮากกา จะรวมเอานักเตะระดับถ้วย ก. ที่ไม่ติดทีมทีมควีนสคัพของสโมสรอื่น มารวมตัวกันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลฮากกา นักเตะของฮากกาบางคนโชว์ฟอร์มได้ดี ในฟุตบอลควีนส์ คัพ จนได้ติดทีมชาติร่วมแข่งขันฟุตบอล คิงสคัพก็มี เช่น ชาญชัย กันอริ (ฟุตบอลควีนสคัพ แข่งเดือนตุลาคม ฟุตบอลคิงสคัพ แข่งเดือนธันวาคม ปีเดียวกัน) มีครั้งหนึ่งที่สโมสรฮากกาได้ยกเอาทีมพนักงานยาสูบ (เล่นในถ้วย ค.) หรือทีมจังหวัดตราด (เล่นกีฬาเขต) มาเล่นฟุตบอลควีนส์ คัพ ในนามสโมสรฮากกา และทีมยาสูบทีมนี้สามารถ ปราบทีมถ้วย ก. จนผ่านถึงรอบรองชนะเลิศ นิตยสารฟุตบอลสยาม ยกย่องทีมยาสูบทีมนี้ว่า นักเตะบางคนมีความสามารถเล่นในระดับทีมชาติได้สบาย ๆ เช่น ผู้รักษาประตูสุริยา บุญเลิศ, ชาลี ภิรมย์ , อภิสิทธิ กันหสุต แต่ไม่ยอมเลื่อนชั้นขึ้นมาเพราะต้องการจะเล่นเพียงกีฬาเขต หรือกีฬาแห่งชาติ ในยุคปัจจุบัน เท่านั้นhttp://www.thailandsusu.com/webboard/index.php?topic=40472",
"ฮาร์ตคว้าแชมป์สกอตติชพรีเมียร์ชิป 4 สมัย ครั้งล่าสุดในฤดูกาล 1959–60 ทั้งยังเคยคว้าดับเบิลแชมป์ในปี ค.ศ. 1959 ที่พวกเขาชนะเลิศทั้งแชมป์ลีกและลีกคัพ นับเป็นเพียงสโมสรเดียวนอกเหนือจากโอลด์เฟิร์ม (เซลติกและเรนเจอส์) ที่สามารถคว้าดับเบิลแชมป์ได้ ช่วงที่สโมสรประสบความสำเร็จมากที่สุด คือช่วงของผู้จัดการทีม ทอมมี วอล์กเกอร์ ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1950-1960 ช่วงนั้นสโมสรคว้าแชมป์ถึง 7 รายการ และรองแชมป์อีก 5 รายการ ผู้เล่นที่สำคัญในยุคนั้นได้แก่ จิมมี วอร์ดฮอจ, วิลลี บอล์ด และอัลฟี คอนน์ ซึ่งรู้จักกันในชื่อ \"สามประสานผู้สร้างความวุ่นวาย\" (Terrible Trio) นับเป็นกองหน้าที่มีชื่อเสียง ประกอบด้วยปีกอย่างเดฟ แม็คเคย์ และจอห์น คัมมิง วอร์ดฮอจเป็นหนึ่งในสามผู้เล่นตัวรุกที่พาสโมสรคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 1957–58 ร่วมกับจิมมี เมอร์เรย์ และอเล็กซ์ ยัง สโมสรทำประตูในฤดูกาลนั้นมากถึง 132 ประตู ทำให้เป็นเพียงไม่กี่ทีมที่จบฤดูกาลด้วยผลต่างประตูมากกว่า 100 (+103)",
"ผู้เล่นในอเมริกันฟุตบอลตำแหน่งต่างๆ จะมีการเล่นที่เฉพาะเจาะจง โดยส่วนใหญ่แล้วผู้เล่นคนหนึ่งจะเล่นเฉพาะทีมรุก หรือทีมรับ เท่านั้น ไม่เล่นทั้งสองทีม\nกลุ่มของผู้เล่นที่มีหน้าที่ในเกี่ยวกับการเตะทั้งหลาย เรียกว่า ทีมพิเศษ หรือ สเปเชียลทีม () ผู้เล่นในทีมพิเศษนี้จะมี พันท์เตอร์ () (P) ซึ่งเป็นผู้เตะทิ้ง โดยเป็นการถือลูกเตะ และ คิกเกอร์ (kicker) หรืออาจเรียก เพลซคิกเกอร์ (placekicker) (K หรือ PK) เป็นผู้เตะเปลี่ยน และ ผู้เตะประตู ซึ่งเป็นการเตะลูกบอลจากการวางบนพื้นสนาม โดยวางบนอุปกรณ์ตั้งลูก และ การจับวางโดยเพื่อนร่วมทีม ตามลำดับ.",
"แต่ละทีมต้องส่งรายชื่อผู้เล่นเบื้องต้นในรอบแรก 30 คน จากนั้นส่งรายชื่อ 23 คนสุดท้ายจากรายชื่อผู้เล่นเบื้องต้น (ต้องมีผู้รักษาประตู 3 คน) ในการแข่งขันฟีฟ่าคอนเฟเดอเรชันส์คัพ 2017 ระหว่างวันที่ 17 มิถุนายน จนถึง 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2017 เป็นการเล่นประเดิมก่อนฟุตบอลโลก 2018 ทีมจะต้องส่งรายชื่อผู้เล่น 23 คน (โดยต้องมีผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู 3 คน) หากมีผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บหรือเหตุผลอื่นที่ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมแข่งขันได้ สามารถที่จะเปลี่ยนตัวผู้เล่นได้ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนที่จะแข่งขันนัดแรก ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยู่ในรายชื่อผู้เล่นเบื้องต้น",
"จากตำนานแห่งทีมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมัธยมต้นเทย์โคที่มีผู้เล่นสุดแข็งแกร่ง 5 คน พวกเขาได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ \"รุ่นปาฏิหาริย์\" หลังจากที่พวกเขาทั้ง 5 คน จบการศึกษาจากโรงเรียนนี้แล้ว ต่างแยกย้ายไปเรียนในโรงเรียนที่มีทีมบาสเกตบอลชั้นนำ\nแต่มีผู้รู้ไม่กี่คนว่าความจริงแล้วยังมีผู้เล่นอีกคนในทีม เขาเปรียบเสมือนเงาของทีม และเป็นสมาชิกคนที่ 6 ในทีมถูกขนานนามว่า \"ผู้เล่นมายาคนที่ 6\" ซึ่งได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายเซย์ริน",
"เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1969 นักเตะยูไนเต็ดหลายคนล่วงเข้าสู่วัยที่ต้องเลิกเล่น โฟล์ก แขวนสตั้ดในฤดูกาลถัดมาด้วยวัย 37 ปี เชย์ เบรนแนน และ บ๊อบบี้ ชาร์ลตันเข้าสู่วัย 30 ต้นๆ และ เดนิส ลอว์ ใกล้ฉลองวันเกิดครบ 30 ปีในอีกไม่กี่เดือน แต่ถึงอย่างไรก็ดี ทีมก็ยังประกอบด้วยนักเตะดาวรุ่งอีกหลายคน ไบรอัน คิดด์ โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจในวัยเพียง 20 ปี และนักเตะใหม่อย่างวิลลี่ มอร์แกน อดีตนักเตะที่ดึงมาจากเบิร์นลี่หลังจากได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ อเล็ก สเต็ปนี่ ในวัย 26 ปี สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในตำแหน่งผู้รักษาประตู หลังจากที่ยูไนเต็ดเซ็นสัญญาคว้าตัวมาจากเชลซี ตั้งแต่ 3 ปีก่อนหน้าเพื่อมาแทนแฮรรี่ เกร็กthree years earlier to replace Harry Gregg.",
"ชื่อจริงของมอนตะคือ ไรมอน ทาโร่ แต่เซนะอ่านผิดเป็น คิมินาริ มอนทาโร่ เลยได้ชื่อเล่นมอนตะมา ในภายหลังฮิรุม่าบอกว่า มอนตะย่อมาจาก โจ มอนตาน่า ซึ่งเป็นควอเตอร์แบคระดับพระกาฬของ NFL ทำให้เขาปักใจเชื่อและมักให้ทุกคนเรียกเขาว่ามอนตะ\n3 เด็กปี 1 ประกอบด้วย โทงาโน่ โชโซ จูมอนจิ คาซึกิ และ คุโรกิ โคจิ ในตอนเป็นนักเรียนหัวไม้ และถูกจับมาเล่นอเมริกันฟุตบอลแบบบังคับ (โดยโดนฮิรุม่าขู่ด้วยภาพเปลือย) แต่หลังจากถูกทีมไทโย สฟิงซ์ทำร้ายเพราะไปหาเรื่อง ทำให้ทั้งสามอยากเล่นอเมริกันฟุตบอลและอยากชนะ ทั้ง 3 เข้าร่วมเดธมาร์ชและเริ่มฝึกอเมริกันฟุตบอลขึ้นเรื่อยๆ ในบรรดา 3 คนนี้ จูมอนจิเป็นผู้นำมักมีบทบาทสำคัญในหลายๆตอน ส่วนโทงาโน่ชอบอ่านจัมป์และวาดการ์ตูน (วาดเก่งด้วย) ส่วนคุโรกิมีความสามารถในการเล่นเกมตู้ (ด้วยวิธีสกปรก) คำพูดติดปากของพวกเขาคือ \"ห๊ะ (โทงาโน่) หา (จูมอนจิ) ห๊าาาาาา (คุโรกิ)\"\nเด็กปี 1 เข้าชมรมมาพร้อม กับ จูมอนจิ คุโรกิ โทงาโน่ และ ยูคิมิตซึ เป็นคนที่มีพละกำลัง และพูดภาษาพาวเวอร์ฟูล (เข้าใจเฉพาะผู้ชายทรงพลัง) และเป็นลูกศิษย์ของคุริตะด้วย",
"ฟุตบอลโลก 2014 จากการจับฉลากสำหรับรอบที่ 2 ในการแข่งขันรอบคัดเลือกโซนเอเชีย เพื่อหาตัวแทนไปแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล โดยในรอบที่ 2 ทีมชาติไทยลงเล่นนัดแรกที่นิว ไอ-โมบาย สเตเดี้ยมชนะไป 1-0 และบุกไปเยือนด้วยผลเสมอ 2-2 สามารถเอาชนะปาเลสไตน์ ด้วยผลประตูรวม 3-2 โดยทีมชาติไทยถูกจับสลากให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับออสเตรเลีย, ซาอุดิอาระเบีย, และ โอมาน ในรอบแบ่งกลุ่มรอบแรก โดยทีมชาติไทยชุดนี้ วินฟรีด เชเฟอร์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนบอกว่ามีลุ้นกว่าทุกชุดของทีมชาติไทยที่จะผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น โดยเชเฟอร์ทำสิ่งที่โค้ชทีมชาติคนก่อนๆไม่เคยทำ เช่น ความขยันไปดูฟุตบอลลีกในประเทศทุกคู่ ความอดทน วางรากฐานให้ทีมชาติไทย และอีกมากมาย ซึ่งผลของการเข้มงวดกับการฝึกซ้อมเตรียมตัวลงแข่งขัน ทำให้ผลงานในการลงเล่นรอบคัดเลือกนัดแรก ที่บุกไปแพ้ออสเตรเลีย 1-2 ชนิดที่น่าจะเก็บคะแนนกลับบ้านได้ ก่อนที่ในเกมนัดต่อมาจะเอาชนะโอมาน 3-0 เรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับคืนมา และในเกมนัดที่สาม ซึ่งทีมชาติไทยสามารถเปิดราชมังคลากีฬาสถาน ยันเสมอซาอุดิอาระเบียได้สำเร็จด้วยสกอร์ 0-0 แม้แฟนบอลจะผิดหวังกับสกอร์ที่ออกมา เนื่องจากกระแส ณ ขณะนั้นที่มองว่าซาอุดิอาระเบียกำลังฟอร์มตก แต่หากไปดูสถิติการพบกันก่อนหน้านั้นที่ไทยแพ้ซาอุดิอาระเบีย 10 จาก 11 นัด ย่อมแสดงให้เห็นว่าเกมนี้ ทีมชาติไทยทำผลงานได้ตามเป้าหมายแล้ว การเก็บคะแนนได้ถึง 4 คะแนน จาก 3 นัด ในกลุ่มที่มีแต่ทีมเต็งเข้ารอบทั้งสิ้นนั้น ทำให้ทีมชาติไทยได้รับการจับตามองว่าจะสามารถสอดแทรกขึ้นมาแย่งตั๋วเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แต่ในเกมนัดที่สี่ ซึ่งถือว่าเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญต่อการผ่านเข้ารอบคัดเลือกต่อไป ไทยบุกไปแพ้ซาอุดิอาระเบีย 0-3 โดยในช่วงท้ายเกมส์ นักฟุตบอลทั้งสองทีมมีเหตุกระทบกระทั่งกันด้วย ทำให้เกมนัดที่ห้า ซึ่งไทยกลับมาเปิดสนามศุภชลาศัย พบออสเตรเลีย จึงถือว่ามีความหมายอย่างมาก โดยเกมการแข่งขัน ทีมชาติไทยเล่นได้เหนือกว่าออสเตรเลียเล็กน้อย แต่ไม่สามารถทำประตูออสเตรเลียได้ จนกระทั่งมาถูกทีมเยือนทำประตูในครึ่งหลัง เป็นผลให้ทีมชาติไทยแพ้ไปในที่สุด 0-1 โอกาสผ่านเข้าไปคัดเลือก 10 ทีมสุดท้ายเลือนลางเต็มที แต่หลังจบเกมนัดนั้น เพียงไม่กี่ขั้วโมง ทีมชาติไทยก็มีข่าวดีเมื่อโอมานสามารถบุกไปเสมอซาอุดิอาระเบีย 0-0 ทำให้ตารางคะแนนที่ออกมาหลังจบเกมนัดที่ห้า ออสเตรเลียผ่านเข้ารอบไปแล้ว แต่อีกสามทีมที่เหลือยังมีคะแนนเบียดกัน และยังมีโอกาสเข้ารอบ ด้วยกันทั้งหมด ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ทีมชาติไทยแพ้ทีมชาติโอมาน ไป 2 – 0 ขณะที่ออสเตรเลียชนะซาอุดิอาระเบียไป 4 – 2 ทีมชาติไทยตกรอบคัดเลือกโดยเป็นที่ 4 ของกลุ่ม เอเอฟซีรอบที่ 3: กลุ่ม ดี",
"ธีราทรเป็นผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดในไทยเวลานี้ โดยราวกลางเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2554 จากการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2014 โซนเอเชีย ระหว่างทีมชาติไทยกับทีมชาติซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเขาได้รับใบแดงให้ออกจากสนาม และในไม่กี่วัน ในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 26 ระหว่างทีมชาติไทย พบกับทีมชาติอินโดนีเซีย ธีราทรซึ่งถูกเรียกเข้าติดทีมชุดซีเกมส์ หลังตกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ก็ได้รับใบแดงอีกครั้งแต่เขาก็สามารถกับมาเล่นทีมชาติได้ในปัจจุบัน\nหลังจากนั้นในวันที่ 1 ธันวาคม ปีเดียวกัน ธีราทรซึ่งลงเล่นให้บุรีรัมย์ในไทยลีก ใช้เท้าเหยียบเข้าที่ท้องของคู่แข่ง ระหว่างพบกับสโมสรฟุตบอลโอสถสภา เอ็ม–150 สระบุรี ต่อมาเมื่อวันที่ 9-21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ธีราทรเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดบัวขวัญ จังหวัดนนทบุรี เพื่อตอบแทนบุญคุณบิดามารดา รวมทั้งเพื่อสงบจิตใจจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา นอกจากนี้เขายังเคยได้รับเลือกจากเกียรติศักดิ์ เสนาเมืองให้เป็นกัปตันทีมชาติชุดใหญ่เมื่อนัดเจอกับไต้หวัน และเขาเป็นที่โด่งดังในระดับเอเชียว่าเป็น 'อีซ้ายมหัศจรรย์'",
"โอเวอร์วอตช์ลีกออลสตาร์เกม 2018 เป็นการจัดการแข่งขันที่จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 26 สิงหาคม 2561 เกมการแข่งขันจะประกอบด้วยผู้เล่นดาวรุ่งจากทั้งดีวิชันแอตแลนติกและแปซิฟิก ในแต่ละทีมจะประกอบด้วยผู้เล่น 18 คน รวม 36 คน ผู้เล่นตัวจริงในแต่ละบัญชีรายชื่อจะถูกเลือกจากการลงคะแนนโดยแฟนคลับ ขณะที่ตัวสำรองจะถูกเลือกโดยผู้เล่นโอเวอร์วอตช์ลีก ผู้ฝึกสอน นักพากย์เกม และทีมงาน[19] ออลสตาร์เกมจะเป็นแบบ One full five map ที่ซึ่งผู้เล่นทั้ง 18 คนในแต่ละทีมจะต้องลงเล่นอย่างน้อยหนึ่งแผนที่"
] |
ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลมีอยู่ กี่แห่งทั่วประเทศ? | [
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (English: Rajamangala University of Technology) เป็นระบบมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทย สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ปัจจุบันมีอยู่ 9 แห่งทั่วประเทศ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2518 ในชื่อ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ต่อมาในปี พ.ศ. 2531 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อใหม่ว่า สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล และได้ยกสถานะเป็นมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2548"
] | [
"ตามการจัด อันดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย จาก สกอ. ในปี 2549 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ได้รับการจัดอันดับที่โดดเด่น ดังนี้ อันดับ 5 ในประเทศไทยในด้านการเกษตร - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี อันดับ 5 ในประเทศไทยในด้านการเรียนการสอน - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 27 (ราชมงคลตะวันออกเกมส์) เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก จังหวัดชลบุรี และสนามกีฬาสถาบันพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี",
"ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จำนวน 9 แห่งทั่วประเทศไทย ส่งผลให้วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพฯ ได้รับรวมเข้ากับสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตบพิตรพิมุข มหาเมฆ และวิทยาเขตพระนครใต้ จัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ปัจจุบันไม่มีสถานะเป็นวิทยาเขต",
"การจัดตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 แห่งทั่วประเทศ ในปี พ.ศ. 2548 ทำให้วิทยาเขตสุรินทร์ ได้โอนมาสังกัด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ดังเช่นปัจจุบัน",
"คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เดิมก่อตั้งในนาม \"คณะวิชาวิศวกรรมโยธาและคณะวิชาสถาปัตยกรรม\"สังกัด สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตศาลายา ตาม พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พุทธศักราช 2532 จากการยกฐานะสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลปรับเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศ ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พุทธศักราช 2548 สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตศาลายา ยุบรวมเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มีผลให้คณะวิชาวิศวกรรมโยธาและคณะวิชาสถาปัตยกรรมปรับเปลี่ยนเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ตามโครงสร้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2556 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น \"คณะวิศวกรรมศาสตร์\" มีการแยกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ ออกจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ และเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีดังต่อไปนี้",
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ในการพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี พร้อมกันกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอื่นๆ ทั่วประเทศ ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ถนนรังสิต-นครนายก ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 28 (ศรีวิชัยเกมส์) เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28 มกราคม - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จังหวัดสงขลา",
"ในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการจักตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลขึ้น 9 แห่งทั่วประเทศไทย รศ.ดร.อิสสรีย์ หรรษาจรูญโรจน์ จึงได้รับการแต่งตั้งให้รักษาการรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ และในปีเดียวกันจึงได้ผ่านการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์เป็นคนแรก",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 22 (ราชมงคลเกมส์ 48) เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 22 ถึง 29 มกราคม พ.ศ. 2549 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี",
"และจากนั้นตามด้วยการแสดงในชุดแรกมีชื่อว่า \"องค์อินทราอำนวยชัย\" การแสดงชุดที่ 2 ในชื่อชุด \"ศิลปะไทยในสยาม\" เป็นการแสดงศิลปะของแต่ละภาค เพื่อเป็นต้อนรับคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลที่เดินทางมาจากทุกภาคทั่วประเทศ และการแสดงชุดสุดท้าย มีชื่อว่า \"ดอกบัวสวรรค์งามมิ่งขวัญราชมงคล\" ซึ่งดอกบัวเป็นดอกไม้ประจำของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เป็นการแสดงถึงพลังสามัคคีของชาวราชมงคลทั้ง 9 แห่ง",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 29 (ราชมงคลธัญบุรีเกมส์) เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 2 - 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี",
"ราชมงคลเกมส์ ครั้งที่ 23 ประจำปีการศึกษา 2549 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3-9 กุมภาพันธ์ 2550 ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นการจัดการแข่งขันเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน (จัดแทนมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย เนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดภาคใต้) จัดการแข่งขันทั้งสิ้น 10 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ฟุตบอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล เซปักตะกร้อ ตะกร้อลอดห่วงสากล เปตอง กรีฑา ว่ายน้ำ ฟุตซอล และหมากล้อม ภายใต้ชื่อการแข่งขันมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล “ราชมงคลเกมส์’23 ธัญบุรี 2006” และมีความสำคัญประจำการแข่งขันว่า “ราชมงคลร่วมใจเป็นหนึ่ง” ในปีนี้เองที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระราชทานถ้วยรางวัลให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลที่ได้รับเหรียญทองสูงสุด คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 23 (ราชมงคลเกมส์ 23 ธัญบุรี 2006) เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 3 ถึง 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 24 (สาทรเกมส์) เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 11 ถึง 18 มีนาคม พ.ศ. 2551 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เขตสาทร กรุงเทพ",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล นับเป็นวิทยาเขตที่ 30 ของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลทั่วประเทศ ก่อตั้งเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2533 โดยเหตุผลสำคัญของการจัดตั้งวิทยาเขตวังไกลกังวล เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในศุภดิถีทรงเจริญพระชนมายุครบ 90 พรรษา และขยายการศึกษาระดับวิชาชีพชั้นสูงในพื้นที่โครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคใต้ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดระนอง และจังหวัดชุมพร ตามนโยบายรัฐบาลในขณะนั้น และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชานุญาตให้ใช้ที่ดินส่วนหนึ่งของโรงเรียนวังไกลกังวล จัดการศึกษา พร้อมทั้งพระราชทานชื่อใหม่ว่า วิทยาเขตวังไกลกังวล",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 26 (รัตนโกสินทร์เกมส์) เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 30 มกราคม ถึง 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ จังหวัดนครปฐม",
"ในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการยุบรวมหน่วยงานในสังกัดสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 แห่งทั่วประเทศ โดยวิทยาเขตศรีวิชัย ถูกจัดให้รวมอยู่ในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ต่อมาในปี พ.ศ. 2549 จึงได้มีประกาศกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย กระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2549 ให้จัดตั้งวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมและการจัดการขึ้นแทนวิทยาเขตศรีวิชัย ",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (อังกฤษ: Rajamangala University of Technology Isan) เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีที่จัดการเรียนการสอนในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ นครราชสีมา ขอนแก่น สกลนคร และสุรินทร์ โดยได้รับการยกฐานะจากวิทยาเขตในสังกัดสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล เป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จำนวน 9 แห่งทั่วประเทศไทย ",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 30 (อีสานเกมส์) เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 31 มกราคม - 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ณ สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา\nการแข่งขันกีฬาราชมงคลเกมส์ ครั้งที่ 30 (อีสานเกมส์) มีสัญลักษณ์ประจำการแข่งขันเป็นรูปคน\nแนวความคิดในการออกแบบตราสัญลักษณ์ ใช้องค์ประกอบในการสื่อความหมาย ซึ่งมีความหมายดังนี้",
"วินิจ โชติสว่าง เป็นอาจารย์ประจำวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา เคยได้รับแต่งตั้งเป็นคณบดีคณะเกษตรศาสตร์บางพระ และได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ในระหว่างปี พ.ศ. 2538-2542 ต่อมาหลังจากมีพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2548 จัดตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลขึ้น 9 แห่งทั่วประเทศไทย ดร.วินิจ จึงได้รับแต่งตั้งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 แต่ถึงแม้ว่าจะครบวาระลงในปี พ.ศ. 2552 แต่เนื่องจากปัญหาในการสรรหาอธิการบดี จึงทำให้ ดร.วินิจ โชติสว่าง ยังต้องรักษาราชการแทนในตำแหน่งต่อมาจนถึง พ.ศ. 2555",
"คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ เดิมก่อตั้งในนาม \"คณะวิชาวิศวกรรมโยธาและคณะวิชาสถาปัตยกรรม\"สังกัด สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตศาลายา ตาม พระราชบัญญัติสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พุทธศักราช 2532 จากการยกฐานะสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลปรับเปลี่ยนเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศ ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พุทธศักราช 2548 สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตศาลายา ยุบรวมเป็นมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ มีผลให้คณะวิชาวิศวกรรมโยธาและคณะวิชาสถาปัตยกรรมปรับเปลี่ยนเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ตามโครงสร้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 มีประกาศกฎกระทรวงจัดตั้งส่วนราชการในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ใหม่ โดยแยกคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ ออกจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ และเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีดังต่อไปนี้",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ได้รับการสถาปนาขึ้นในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 ซึ่งดูเหมือนจะเป็นมหาวิทยาลัยใหม่ในสายตาของคนทั่วไป แต่ความจริงแล้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนครมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน และจัดเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงและมีความเชี่ยวชาญด้านวิชาชีพมาเป็นเวลาช้านาน จากเดิมที่รวมอยู่กับสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลซึ่งเป็นสถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนสายวิชาชีพ อันประกอบด้วยวิทยาเขตต่าง ๆ มากกว่า 35 วิทยาเขตทั่วประเทศ และเมื่อมีการปรับเปลี่ยนสถานภาพจาก สถาบัน มาเป็น มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ. 2548 ก็ได้มีการรวมกลุ่มวิทยาเขตในสังกัดแยกออกเป็น 9 มหาวิทยาลัย และหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่แยกอิสระออกมา ก็คือ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร”",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 31 (พระนครเกมส์) เป็นการแข่งขันกีฬาระหว่างนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศไทย จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 7 กุมภาพันธ์ - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 ณ สนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ รังสิต ",
"ต่อมาในปี พ.ศ. 2548 ได้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล 9 แห่งทั่วประเทศ วิทยาเขตสุพรรณบุรี จึงได้โอนกิจการมาสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย หรือ \"ราชมงคลเกมส์ ครั้งที่ 25\" เป็นการแข่งขันกีฬาของนักศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั่วประเทศ ประจำปีการศึกษา 2551 จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในชื่อว่า \"ล้านนาเกมส์ ครั้งที่ 25\" มีพิธีเปิดในวันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552 โดยมี ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เป็นประธานในพิธีเปิด โดยนักกีฬาที่จุดคบเพลิง คือ นายดรัณภพ ประเสริฐชัย และ น.ส.เปรมฤทัย รอดผจญ นักกีฬาว่ายน้ำ ผู้แทนผู้ตัดสิน คือ นายชัยรัตน์ ศรีเพ็ชรดี ผู้ช่วยอธิการบดีสถาบันการพลศึกษา และมีพิธีปิดในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ซึ่งได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.นำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ทปอ.มทร.) เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขัน",
"ตั้งแต่ในปี พ.ศ. 2534 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ฯ มาพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่ง เป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ครั้งแรกถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้มีความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่างประเทศ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ดังนี้การจัดอันดับโดย เว็บโอเมตริกซ์ (Webometrics) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจของสถาบันต่าง ๆ ในการเผยแพร่ความรู้สู่เว็บไซต์ และเป็นความริเริ่มเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความรู้อย่างเปิดกว้าง (Open Access) ทั่วโลก โดยบ่งบอกถึงปริมาณและคุณภาพของสิ่งตีพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ของสถาบัน เพื่อใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น ๆ ในการประเมินผลงานวิจัยของสถาบัน ซึ่งทางเว็บโอเมตริกซ์ได้จัดอันดับปีละ 2 ครั้งในเดือนมกราคม และกรกฎาคม ล่าสุดเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อยู่ในอันดับที่ 3,124 ของโลก อันดับที่ 38 ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย เป็นการแข่งขันกีฬาระดับประเทศของนักศึกษาจากทั้ง 9 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล จัดขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเมื่อปี พ.ศ. 2552 จากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาดังกล่าวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ได้เป็นครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 7 สมัย คือ ระหว่างปี 2549 - 2551[21][22][23] และปี 2554 - 2557",
"มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ปัจจุบันมีจำนวน 9 แห่งทั่วประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกภาคของประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ จึงนับได้ว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เป็นอาณาจักรทางการศึกษาที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ซึ่งมีศักยภาพในการผลิตบัณฑิตมากว่าหลายหมื่นคนต่อปี เป็นเครื่องบงชี้ได้ว่า กลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล เน้นการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดแรงงานอย่างแท้จริง โดยที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ได้ดำรงภารกิจในการผลิตบัณฑิตที่อยู่บนพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และผลิตบัณทิตในสายวิชาชีพเพื่อออกมารับใช้ประเทศชาติ พัฒนาประเทศชาติมาเนิ่นนานกว่าสามทศวรรษแล้ว สมดังคำนิยามที่ให้ไว้กับบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ว่า “บัณฑิตนักปฏิบัติ”",
"กีฬามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลแห่งประเทศไทย เป็นการแข่งขันกีฬาระดับมหาวิทยาลัย ของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศ มีกำหนดจัดเป็นประจำทุกปี โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ"
] |
ศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชมีบุตรกี่คน? | [
"ชีวิตครอบครัวสมรสกับ ท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช มีบุตรชาย-หญิง 3 คน บุตรชาย ได้แก่ ม.ล.เสรี ปราโมช , ม.ล.อัศนี ปราโมช และ บุตรี ได้แก่ ม.ล.นียนา ปราโมช"
] | [
"ขุนทอง ได้รับตำแหน่งทางการเมืองสำคัญหลายตำแหน่ง อาทิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากนายกรัฐมนตรีลาออก และได้รับแต่งตั้งอีกสมัยหนึ่ง แต่ดำรงตำแหน่งเพียง 12 วัน และได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเพียงวันเดียวก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากการรัฐประหารของพลเรือเอก สงัด ชลออยู่",
"ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ดำเนินการจัดตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับนายควง อภัยวงศ์ ขึ้นในวันศุกร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2489 โดยชื่อ \"ประชาธิปัตย์\" นั้น ท่านเป็นผู้บัญญัติขึ้น โดยมีความหมายว่า \"ผู้บำเพ็ญประชาธิปไตย\" โดยมีจุดมุ่งหมายคือ ต่อต้านการกระทำอันเป็นเผด็จการไม่ว่าวิธีการใด ๆ โดยมีนายควง อภัยวงศ์ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นรองหัวหน้าพรรค ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ยุบพรรคก้าวหน้ามารวมกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเลขาธิการพรรค และนายชวลิต อภัยวงศ์ เป็นรองเลขาธิการพรรค",
"หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมชเป็นนายกรัฐมนตรีใน พ.ศ. 2488 และพลันฟื้นฟูชื่อ \"สยาม\" เป็นสัญลักษณ์แห่งการยุติระบอบชาตินิยมของจอมพลแปลก ทว่า เขาพบว่าตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่มีแต่ผู้ภักดีต่อปรีดีนั้นค่อนข้างไม่สุขสบาย นักการเมืองประชานิยมภาคอีสานอย่างเตียง ศิริขันธ์และผู้เลื่อนฐานะทางสังคมอย่างรวดเร็ว (upstart) ชาวกรุงเทพมหานคร เช่น สงวน ตุลารักษ์ ไม่ใช่คนแบบที่อภิชนหม่อมราชวงศ์เสนีย์ชอบร่วมงานด้วย พวกเขาจึงมองว่าหม่อมราชวงศ์เสนีย์เป็นอภิชนที่ไม่เคยสัมผัสความเป็นจริงทางการเมืองของประเทศไทยเลย",
"ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2518 เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518 พรรคสันติชนได้ ส.ส. เข้าสภาทั้งสิ้น 8 คน หลังการเลือกตั้ง หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 35 โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคเกษตรสังคม และพรรคแนวร่วมสังคมนิยม แต่ได้คะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 103 คน ไม่ถึงครึ่งของสภา (135 คน) และไม่ได้รับความไว้วางใจในการแถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร หม่อมราชวงศ์เสนีย์ จึงลาออกจากตำแหน่ง",
"ธรรมนูญ เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยช่วงสั้น ๆ ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ถึง 13 มีนาคม พ.ศ. 2518 ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช (คณะรัฐมนตรีคณะที่ 35 ของไทย) พ้นตำแหน่งพร้อมกับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะเนื่องจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช จากพรรคกิจสังคม ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยโดยพรรคกิจสังคมที่มีเพียง 18 เสียงเป็นแกนนำ",
"พรรคกิจสังคมลงเลือกตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 ได้ ส.ส.เพียง 18 คน แต่สร้างประวัติศาสตร์ ให้แก่วงการการเมืองไทยทันที ด้วยการสามารถ พลิกกลับเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แทนที่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้จำนวน ส.ส. สูงสุด โดยอภิปรายตอบโต้นโยบายของ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช จนในที่สุดสภามีมติไม่ให้นโยบายของรัฐบาลผ่าน พรรคประชาธิปัตย์ และ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการไม่ขอรับตำแหน่ง พรรคกิจสังคมโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช จึงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาเอง โดยร่วมกับพรรคเล็กพรรคน้อยต่างๆ รวมถึง 22 พรรค จัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา นับเป็นรัฐบาลที่มาจากพรรคผสม มากที่สุดในประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน โดยมีจุดเด่นเป็นนโยบายสาธารณะต่างๆ เช่น นโยบายเงินผันสู่ชนบท นโยบายให้รถเมล์วิ่งฟรี เป็นต้น",
"ศิษย์เก่าที่เป็นนักการเมืองได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) นายกรัฐมนตรีคนแรกของไทย, พันตรี ควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของไทย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนแรก, หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของไทย และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนแรก, ศาสตราจารย์ สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรีคนแรก นายกรัฐมนตรีคนที่ 12 ของไทย, พันเอก (พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน เป็นต้น",
"ในพ.ศ. 2518 พลเอก ทวิช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ต่อมาในพ.ศ. 2519 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ก่อนที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2519 สืบแทน พลเอก กฤษณ์ สีวะรา ซึ่งถึงแก่อนิจกรรรมอย่างกระทันหัน นอกนากนี้พลเอก ทวิช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ยังเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาในวุฒิสภาไทย ชุดที่ 3และวุฒิสภาไทย ชุดที่ 4",
"เกิดวันที่ 14 มิถุนายน 2513 เป็นบุตรชายคนกลางในจำนวนบุตร-ธิดาทั้ง 3 คน ของ หม่อมหลวงเสรี ปราโมช (บุตรชายคนโตของ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช) กับคุณหญิงทิพยวดี ปราโมช ณ อยุธยา จบการศึกษาทางด้านภาพยนตร์ จากประเทศอังกฤษ",
"หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ออกเดินทางจากสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2488 ถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 17 กันยายน และได้ดำเนินการเจรจาตกลงข้อสัญญาบางประการกับอังกฤษ ไทยได้ตกลงทำสัญญาที่เรียกว่า สัญญาความตกลงสมบูรณ์แบบ เพื่อเลิกสถานะสงคราม ระหว่างไทยกับสัมพันธมิตร ประกอบด้วยสัญญา 24 ข้อ จนแล้วเสร็จได้ทำบันทึกอย่างเป็นทางการลงวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2489 เป็นอันเสร็จภารกิจและ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ก็ได้ยื่นใบลาออกในวันนั้นทันที ในวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2489 หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการยกเลิกกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรที่ใช้มา 4 ปี 1 เดือน เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีต่อระหว่างวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2489 ถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2489",
"พลเรือเอก หม่อมหลวงอัศนี มีชื่อเล่นว่า \"ตุ้ย\" เป็นบุตรของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี และท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช ณ อยุธยา สมรสกับท่านผู้หญิงวราพร ปราโมช ณ อยุธยา (สกุลเดิม ชลวิจารณ์) มีบุตรทั้งหมด 5 คน ",
"ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2518 พรรคธรรมสังคม ได้รับเลือกตั้งในสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 45 ที่นั่ง เป็นลำดับที่ 2 รองจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งหลังเลือกตั้ง หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ได้รับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีไทย คณะที่ 35 โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคเกษตรสังคม และพรรคแนวร่วมสังคมนิยม แต่ได้คะแนนเสียงสนับสุนนเพียง 103 คน ไม่ถึงครึ่งของสภา (135 คน)",
"แผน ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อ พ.ศ. 2518 ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช จากนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากนายกรัฐมนตรีลาออก และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อีกสมัยหนึ่ง แต่ดำรงตำแหน่งเพียง 12 วัน และได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณเพียงวันเดียวก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากการรัฐประหารของพลเรือเอก สงัด ชลออยู่",
"หม่อมราชวงศ์พักตร์พริ้ง ทองใหญ่ สมรสกับหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เมื่อ พ.ศ. 2479 มีบุตร 2 คน เป็นธิดา 1 คน และบุรุษ 1 คนคือ หม่อมหลวงรองฤทธิ์ ปราโมช และหม่อมหลวงวิสุมิตรา ปราโมช ก่อนจะแยกทางกันในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามทั้งหม่อมราชวงศ์พักตร์พริ้ง และหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เอง ต่างก็ไม่ได้สมรสใหม่ โดยหม่อมราชวงศ์พักตร์พริ้งได้อาศัยอยู่กับหม่อมหลวงรองฤทธิ์ ที่บ้านซอยสวนพลู ซึ่งอยู่ติดกับบ้านของหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช โดยที่ผ่านมาก็ได้คอยดูแลทุกข์สุขกันอยู่เสมอ",
"ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ - นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ราชบัณฑิตและหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[294] ศาสตราจารย์กิตติคุณ นายแพทย์ประมวล วีรุตมเสน - ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ของประเทศไทย ศาสตราจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[295][296] หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช - นายกรัฐมนตรี คนที่ 6 ของประเทศไทย ผู้จัดตั้งจัดตั้งขบวนการเสรีไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอดีตนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[297] พระเจริญวิศวกรรม - ผู้วางรากฐานให้แก่วงการวิศวกรรมศาสตร์ของประเทศไทย",
"ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี การจัดตั้งรัฐบาลประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์ กับ พรรคเกษตรสังคม แต่เมื่อคณะรัฐบาลชุดนี้แถลงนโยบายเพื่อขอความไว้วางใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2518 ปรากฏว่าไม่ได้รับความไว้วางใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออกผลการหยั่งเสียงเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 ผลปรากฏว่า หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียง 133 ต่อ 50 โดย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคเกษตรสังคม พรรคพลังใหม่ พรรคกิจสังคม พรรคแนวร่วมสังคมนิยม พรรคอธิปัตย์ พรรคประชาธิปไตย และพรรคเกษตรกร",
"ศาสตราจารย์ (พิเศษ) หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช (26 พฤษภาคม พ.ศ. 2448 — 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2540) อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย 4 สมัย ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนเข้าสู่วงการเมือง เคยเป็นผู้พิพากษา และเคยดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตไทย ประจำสหรัฐอเมริกา มาก่อน",
"ศาสตราจารย์ (พิเศษ) หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้รับพระราชทานยศกองอาสารักษาดินแดนเป็น นายกองใหญ่[3]",
"ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 4 ครั้ง โดยในครั้งสุดท้ายได้เกิด เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ที่ตำรวจและกองกำลังติดอาวุธ เข้าปิดล้อม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีนักศึกษา และประชาชนหลายพันคนชุมนุมประท้วง การกลับประเทศไทยของ จอมพลถนอม กิตติขจร ที่ถูกประชาชนขับไล่ ออกจากประเทศไปเมื่อ 3 ปีก่อน ในวันเดียวกัน พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ได้จัดตั้ง คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน เข้ายึดอำนาจจาก รัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์",
"ศาสตราจารย์พิเศษ[1] พลตรี[2] หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช (20 เมษายน พ.ศ. 2454 – 9 ตุลาคม พ.ศ. 2538) เป็นนักปราชญ์ นักเขียน นักการเมือง และศิลปินแห่งชาติ นับเป็นปูชนียบุคคลท่านหนึ่งของไทย เป็นน้องชายแท้ ๆ ของ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี 4 สมัย สื่อมวลชนจึงนิยมเรียกทั้งคู่ว่า \"หม่อมพี่ หม่อมน้อง\" นอกจากนี้ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์และหม่อมราชวงศ์เสนีย์ยังมีพี่สาว คือ หม่อมราชวงศ์บุญรับ พินิจชนคดี ซึ่งสมรสกับ พลตำรวจเอก พระพินิจชนคดี (พินิจ อินทรทูต)",
"ลำดับสาแหรกของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช[7][8] 16. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก8. พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย17. สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี4. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าปราโมช กรมขุนวรจักรธรานุภาพ18. พระอินทรอากร (อิน ไกรฤกษ์)9. เจ้าจอมมารดาอัมพา19. ภรรยาชาวจีนไม่ปรากฏนาม2. พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ20. สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระอนุรักษ์เทเวศร์10.21.5. หม่อมราชวงศ์ดวงใจ ปราโมช22.11.23.1. หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช24. เจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค)12. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต บุนนาค)25. เจ้าคุณพระราชพันธุ์นวล6. เจ้าพระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษา (แพ บุนนาค)26.13. หงิม บุนนาค27.3. หม่อมแดง ปราโมช ณ อยุธยา28.14. เจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (บุญศรี บุรณศิริ)29.7. แหวว บุรณศิริ30. พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 5 (เจ้าอนุวงศ์)15. พัน บุรณศิริ31.",
"ต่อมาใน พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานที่ดินและอาคารแก่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบ อดีตอธิบดีกรมตำรวจพระนครบาล พระบิดาของหม่อมราชวงศ์ถ้วนเถ้านึก ปราโมช, หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช และได้สืบทอดเป็นกรรมสิทธิ์ของราชสกุลปราโมช คือ หม่อมหลวงอัศนี ปราโมช",
"หนังสือชีวลิขิต โดย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช",
"ภายหลังการถึงแก่อสัญกรรมของควง อภัยวงศ์ สามีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งพรรคมา ในปี พ.ศ. 2511 คุณหญิงเลขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในจังหวัดพระนคร แทนที่นายควง ผู้เป็นสามี ซึ่งผลปรากฏว่าได้รับเลือกตั้งไป ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงคนหน้าใหม่ในวงการการเมือง และต่อมาเมื่อมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ คุณหญิงเลขา อภัยวงศ์ ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกพรรคจำนวนหนึ่ง ให้เป็นรองหัวหน้าพรรค เพื่อแข่งขันกับหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ซึ่งยุติบทบาททางการเมืองไปนานแล้วตั้งแต่การรัฐประหาร พ.ศ. 2494 แต่กลุ่มผู้สนับสนุน หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช มีมากกว่า เนื่องจากเห็นว่า หม่อมราชวงศ์เสนีย์ เป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีผู้เจรจาถอนทหารอังกฤษออกจากประเทศไทยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งมีส่วนอย่างมากมิให้ไทยต้องกลายสภาพเป็นประเทศแพ้สงคราม เป็นผู้นำเสรีไทยในสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์มาพร้อมกับนายควง อภัยวงศ์ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช จึงได้เป็นหัวหน้าพรรคสืบต่อไป",
"พระพินิจชนคดีสมรสกับหม่อมหลวงอรุณ สนิทวงศ์ เป็นต้นสกุล \"อินทรทูต\" ซึ่งเป็นตระกูลชาวไทยเชื้อสายจีน ภายหลังเมื่อหม่อมหลวงอรุณ ถึงแกอนิจกรรมแล้วก็ได้มาสมรสกับ หม่อมราชวงศ์บุญรับ ปราโมช พี่สาวของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ",
"พรรคชาติไทยของพลตรี ประมาณ อดิเรกสาร ใช้คำขวัญ \"ขวาพิฆาตซ้าย\" ลงเลือกตั้งในเดือนเมษายน มีการฆ่าคน 30 ครั้งที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากทั้งพลเอกกฤษณ์ สีวะรา และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาคว้าที่นั่งในสภาได้ถึงร้อยละ 40 ทำให้หัวหน้าพรรค หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช กลับเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย พรรคกิจสังคมของ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กลับเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่พรรคฝ่ายซ้ายแทบไม่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาเลย พลเอกกฤษณ์เสียชีวิตอย่างไม่คาดฝันด้วยอาการหัวใจล้มเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2519 เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังได้รับเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาล หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และผู้ที่รับตำแหน่งแทน คือ พลเอก ทวิช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา สมาชิกพรรคพวกของพลตรีประมาณ อดิเรกสาร เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเลือกผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่เมื่อพลเอก บุญชัย บำรุงพงศ์ เกษียณในอีกห้าเดือนข้างหน้า ตำแหน่งนี้จึงสำคัญมาก ในเดือนสิงหาคม พลเอก ทวิช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา จัดการให้จอมพล ประภาส จารุเสถียร เดินทางกลับประเทศไทยช่วงสั้น ๆ เพื่อทดสอบมติมหาชน โดยอาศัยปฏิกิริยาดังกล่าว พลตรีประมาณ อดิเรกสาร ตัดสินใจนำจอมพลถนอม กิตติขจร กลับประเทศไทยด้วยหวังจุดชนวนการเดินขบวนประท้วงซึ่งอาจใช้เป็นข้ออ้างรัฐประหารได้ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช พยายามดักการคบคิดเพิ่มเติมโดยถอด พลเอก ทวิช เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา จากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สมัคร สุนทรเวช และ สมบุญ ศิริธร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้คบคิดรัฐประหาร วิจารณ์ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช อย่างรุนแรงในการเคลื่อนไหวนี้โดยการระเบิดอารมณ์ขัดระเบียบการของรัฐสภา นำมาสู่การปลด สมัคร สุนทรเวช และ สมบุญ ศิริธร ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2519",
"หลังจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 แล้ว คณะปฏิรูปการปกครองที่นำโดย พล.ร.อ.สงัด ชลออยู่ ต้องการจะให้ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป แต่ท่านได้ปฏิเสธ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช จึงได้วางมือจากการรับตำแหน่งทางการเมืองอย่างถาวร แต่ยังรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต่อไปอีกระยะ จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2522 จึงได้หัวหน้าคนใหม่ (พ.อ.ดร.ถนัด คอมันตร์) ชีวิตหลังจากนี้ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเอกมัย ใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือ และรวบรวมงานประพันธ์ต่าง ๆ ที่เคยแต่งไว้ก่อนหน้านี้และแต่งเพิ่มเติม เช่น ประชุมสารนิพนธ์, แปลกวีนิพนธ์, ชีวลิขิต เป็นต้น รวมทั้งการวาดรูป ทั้งรูปสีน้ำ สีน้ำมัน รูปสเก็ตซ์ เล่นดนตรี แต่งเพลงและปลูกไม้ดอก โดยเฉพาะกุหลาบ ซึ่งล้วนเป็นงานอดิเรกที่ทำเป็นประจำ และยังคงให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์บ้านเมืองเป็นระยะ ๆ รวมทั้งยังให้คำปรึกษากับพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่เป็นปูชนียบุคคลสำคัญในพรรคด้วย ซึ่งในปี พ.ศ. 2548 อันเป็นวาระครบรอบ 100 ปี ของท่าน ทางพรรคได้ก่อตั้ง มูลนิธิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ขึ้นตามเจตนารมณ์ของท่านและทายาท และให้ชื่ออาคารที่ทำการของพรรคหลังที่สองว่า อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช",
"ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยที่มีอายุน้อยที่สุด (จนถึงปัจจุบัน) โดยดำรงตำแหน่งในครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 40 ปี 4 เดือน 17 วัน นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่มีอายุมากที่สุด (ในช่วงเวลานั้น) โดยดำรงตำแหน่งครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2519 ด้วยอายุถึง 71 ปี 3 เดือน 25 วัน เป็นผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวาระที่มีช่วงเวลาห่างกันนานที่สุด คือ 30 ปี ระหว่างการดำรงตำแหน่งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2488 และดำรงตำแหน่งครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2518 เป็นผู้นำคณะรัฐบาลที่มีอายุรัฐบาลสั้นที่สุด คือ 11 วัน ในคณะรัฐมนตรีคณะที่ 38 ระหว่างวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2519 จนถึงวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 คณะรัฐมนตรีคณะที่ 35 ที่มี ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยังเป็นคณะรัฐมนตรีคณะแรกและคณะเดียวจนถึงปัจจุบันนี้ ที่ต้องลาออกเพราะไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎรในการแถลงนโยบาย เป็นพลเรือนคนแรกที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม[2] เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรคนแรกอย่างเป็นทางการ",
"หม่อมหลวงเสรี ปราโมช เกิดในปี พ.ศ. 2476 มีชื่อเล่นว่า \"ต้อย\" เป็นบุตรชายคนโต ของหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช และท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช (นามสกุลเดิม ศาลิคุปต์) ในจำนวนพี่น้องทั้งสิ้น 3 คน \nชีวิตส่วนตัวสมรสกับคุณหญิงทิพยวดี ปราโมช ณ อยุธยา (นามสกุลเดิม มาลากุล ณ อยุธยา บุตรสาวหม่อมหลวงปีกทิพย์ มาลากุล) ในปี พ.ศ. 2507 มีบุตรทั้งหมด 3 คน ซึ่งบุตรชายคนกลางเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดี คือ อชิตะ ปราโมช ณ อยุธยา เป็นนักร้อง นักดนตรีในสังกัดแกรมมี่ และมีบุตรชายอีกคนหนึ่งที่มิได้เกิดจากคุณหญิงทิพยวดี คือ คำรณ ปราโมช ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและบรรณาธิการนิตยสารอิมเมจ "
] |
ประเทศไทยเปลี่ยนเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อไหร่? | [
"การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475[1] เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์ไทยในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งมีผลทำให้ราชอาณาจักรสยามเปลี่ยนรูปแบบประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนรูปแบบการปกครองไปเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา เกิดขึ้นจากคณะนายทหารและพลเรือนที่ประกอบกัน เรียกตนเองว่า \"คณะราษฎร\" โดยเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์โลก ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองภายในประเทศ การปฏิวัติดังกล่าวทำให้ประเทศสยามมีรัฐธรรมนูญฉบับแรก"
] | [
"แม้ว่าจะไม่ใช่ส่วนของระบอบการปกครอง\nเสรีภาพทั้งส่วนบุคคลและทางเศรษฐกิจพอประมาณ ที่มีผลขยายจำนวนคนชั้นกลางจนกลายเป็นประชาสังคมที่เจริญรุ่งเรืองและแพร่ไปอย่างกว้างขวาง\nบ่อยครั้งมองว่า เป็นเงื่อนไขเบื้องต้นของประชาธิปไตยเสรีนิยม (Lipset 1959)\nในประเทศที่ไม่มีวัฒนธรรมประเพณีการปกครองโดยเสียงส่วนมาก การเลือกตั้งเสรีอย่างเดียวจะไม่พอให้เปลี่ยนจากระบอบเผด็จการไปเป็นประชาธิปไตย\nจะต้องมีทั้งการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมทางการเมืองที่ใหญ่กว่านั้น และการสร้างสถาบันเพื่อการปกครองแบบประชาธิปไตยอย่างค่อยเป็นค่อยไป \nมีประเทศตัวอย่างหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่นในลาตินอเมริกา ที่ดำรงระบอบประชาธิปไตยได้เพียงแค่ชั่วคราวหรืออย่างจำกัด จนกระทั่งวัฒนธรรมทั่วไปเปลี่ยนแปลงแล้วสร้างสภาวะที่ประชาธิปไตยสามารถเจริญงอกงามได้",
"การทำให้เป็นประชาธิปไตย\nหรือ การเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตย\nเป็นการเปลี่ยนระบอบการปกครองให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้น\nซึ่งอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างสำคัญไปในทางประชาธิปไตย\nการเปลี่ยนจากระบอบอำนาจนิยมไปเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ จากระบอบอำนาจนิยมไปเป็นกึ่งประชาธิปไตย หรือจากกึ่งประชาธิปไตย/อำนาจนิยมไปเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์\nซึ่งอาจมีผลเป็นความมั่นคงทางประชาธิปไตย (ดังที่สหราชอาณาจักรเป็นตัวอย่าง) หรืออาจจะกลับไปกลับมาบ่อย ๆ (ดังที่ อาร์เจนตินาเป็นตัวอย่าง)\nรูปแบบต่าง ๆ ของการเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยมักใช้อธิบายปรากฏการณ์ทางการเมืองอื่น ๆ เช่น ประเทศจะเริ่มทำสงครามหรือไม่ เศรษฐกิจจะเติบโตหรือไม่\nกระบวนการมีปัจจัยหลายอย่างรวมทั้งพัฒนาการทางเศรษฐกิจ ประวัติ และประชาสังคม\nผลสูงสุดของกระบวนการนี้ก็เพื่อประกันว่า ประชาชนจะมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง และมีส่วนตัดสินใจในระบอบการปกครอง",
"เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชสมบัติ พ.ศ. 2453 นั้นกลุ่มปัญญาชนต่างก็มุ่งหวังว่า พระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้เพราะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษซึ่งมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และคงได้ทรงเตรียมพระองค์ดังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสไว้ แต่ปรากฏว่ายังไม่มีพระราชดำริในเรื่องรัฐสภาและรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ในเวลาเดียวกันประเทศจีนมีการปฏิวัติล้มล้างราชวงศ์แมนจู เปลี่ยนการปกครองประเทศเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐเป็นผลสำเร็จ ทำให้ความคิดอยากจะได้ประชาธิปไตยมีมากขึ้น ประกอบกับความไม่พอใจในพระราชจริยาวัตรบางประการของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ จึงทำให้เกิดปฏิกิริยาที่จะล้มล้างระบอบการปกครอง",
"ผู้นำประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและคงยืนที่สุดก็คือเพริคลีส (Pericles)\nภายหลังการเสียชีวิตของเขา ระบอบประชาธิปไตยของชาวเอเธนส์ก็ถูกปฏิวัติเปลี่ยนเป็นคณาธิปไตยอย่างสั้น ๆ 2 ครั้งท้ายสงครามเพโลพอนนีเซียน\nแล้วต่อมาจึงฟื้นฟูอีกแม้จะเปลี่ยนไปภายใต้การปกครองของยูคลีดีส (Eucleides) ปี 403-402 ก่อน ค.ศ.\nเป็นช่วงที่ได้รายละเอียดเกี่ยวกับการปกครองมากที่สุด ไม่ใช่ได้ในช่วงการปกครองของเพริคลีส\nต่อมาจึงถูกระงับอีกในปี 322 ก่อน ค.ศ. ภายใต้การปกครองของชาวมาเซโดเนีย\nแม้ภายหลังสถาบันของชาวเอเธนส์จะกลับคืนมาอีก แต่ความเป็นประชาธิปไตยจริง ๆ ของระบอบก็เป็นเรื่องไม่ชัดเจน\nในปัจจุบัน รูปแบบบริสุทธิ์ของประชาธิปไตยโดยตรงมีอยู่เพียงแค่ในแคนทอนอัพเพินท์เซลล์อินเนอร์โรเดิน (Appenzell Innerrhoden) และแคนทอนกลารุส แห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ \nเทียบกับสมาพันธรัฐสวิสโดยรวมที่เป็นประชาธิปไตยกึ่งโดยตรง คือเป็นประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนที่มีกลไกทางประชาธิปไตยโดยตรงที่เข้มแข็ง\nความเป็นประชาธิปไตยโดยตรงของประเทศ จะบูรณาการด้วยโครงสร้างแบบสหพันธรัฐของรัฐบาลกลาง () \nเทียบกับประเทศตะวันตกโดยมากที่เป็นระบอบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน",
"ใน พ.ศ. 2474 ปรีดีเป็นคนแรกที่เริ่มสอนวิชากฎหมายปกครอง (Droit Administratif) กล่าวกันว่าวิชากฎหมายปกครองนี้ เป็นวิชาที่สร้างชื่อเสียงแก่ปรีดีเป็นอย่างมาก เพราะสาระของวิชานี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชากฎหมายมหาชน ซึ่งอธิบายถึงหลักการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยอันเป็นหัวใจของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่ประเทศไทยยังคงปกครองอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในขณะเดียวกัน ก็ได้อาศัยการสอนที่โรงเรียนดังกล่าว ปลุกจิตสำนึกนักศึกษาให้สนใจเป็นขั้น ๆ ถึงความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนระบบการปกครองจากระบบเดิมให้เป็นระบบราชาธิปไตยภายใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินประชาธิปไตย นอกจากนี้ยังได้เปิดอบรมทบทวนวิชากฎหมายที่บ้านถนนสีลมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์กับนักศึกษาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จึงมีลูกศิษย์ลูกหาเข้าร่วมเป็นสมาชิกและผู้สนับสนุนคณะราษฎรในเวลาต่อมาหลายคน",
"ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยแม้จะให้ถือเอามติฝ่ายเสียงข้างมากเป็น เกณฑ์ก็ตาม แต่หากละเลยหรือใช้อำนาจตามอำเภอใจกดขี่ข่มเหงฝ่ายเสียงข้างน้อยโดยไม่ฟังเหตุผลและขาดหลักประกันจนทำให้ฝ่ายเสียงข้างน้อยไม่มีที่อยู่ที่ยืนตามสมควรแล้วไซร้ จะถือว่าเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร หากแต่ก็จะกลับกลายเป็นระบอบเผด็จการฝ่ายข้างมาก ขัดแย้งต่อระบอบการปกครองของประเทศไปอย่างชัดแจ้ง",
"ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านไม่ได้มีรูปแบบตายตัว การนำไปใช้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละประเทศ สำหรับหลักการพื้นฐานในการที่จะสถาปนาความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านนั้นมีอยู่ 5 หลักการ ได้แก่ความขัดแย้งทางการเมืองอันเป็นเหตุให้มีการเดินขบวนและชุมนุมประท้วงของประชาชนหลายครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนมีการยึดอำนาจรัฐโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เรื่อยมาจนถึงการชุมนุมประท้วงในปี พ.ศ. 2551-พ.ศ. 2552 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ต่อต้านรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และต่อมาการชุมนุมในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ การชุมนุมของกลุ่มประชาชนเหล่านี้นำไปสู่การกล่าวหาและดำเนินคดีกับประชาชนจำนวนมาก ตลอดจนมีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ทรัพย์สินของทางราชการและเอกชนถูกเผาทำลาย ปรากฏการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายทั้งทางด้านความมั่นคง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และบั่นทอนความรู้สึกอันดีที่มีต่อกันของคนในประเทศ ทำให้มีการพูดถึงแนวคิดเกี่ยวกับหลักการความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านกันบ่อยครั้งในสังคมไทย",
"ในทางพฤตินัย ปัจจุบันประเทศไทยปกครองในระบอบเผด็จการทหาร คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบคุมอำนาจการปกครองประเทศเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ต่อมาในปี 2560 มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ในรัฐธรรมนูญดังกล่าว ระบุว่า ประเทศไทยมีรูปแบบรัฐเป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา หรือใช้ว่า ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยกำหนดรูปแบบองค์กรบริหารอำนาจทั้งสามส่วนดังนี้",
"ระบอบประชาธิปไตยอาจให้ข้อมูลเพื่อออกนโยบายได้ดีกว่า\nเพราะว่า ระบอบเผด็จการอาจเพิกเฉยข้อมูลที่ไม่ชอบใจได้ง่ายกว่า แม้ข้อมูลจะเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่ามีปัญหา\nระบอบประชาธิปไตยยังมีระเบียบการเปลี่ยนผู้นำหรือนโยบายซึ่งไร้ประสิทธิภาพ\nดังนั้น ในระบอบอัตตาธิปไตย ปัญหาอาจดำเนินไปได้ยาวกว่า และวิกฤติการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ อาจสามัญกว่า",
"ระบอบการปกครองของสวิตเซอร์แลนด์พิเศษกว่าประเทศประชาธิปไตยอื่น ๆ ในปัจจุบัน เพราะมีการดำเนินงานแบบประชาธิปไตยโดยตรงขนานกับประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน จึงมีการเรียกระบอบนี้ว่า ระบอบประชาธิปไตยกึ่งโดยตรง\nซึ่งให้อำนาจประชาชนเพื่อค้านกฎหมายที่ผ่านรัฐสภา และเพื่อเสนอการเปลี่ยนรัฐธรรมนูญได้ทุกเมื่อ\nในระดับสหพันธรัฐ อาจมีการลงคะแนนเสียงด้วยเหตุดังต่อไปนี้คือ",
"รัฐประหารของทหารในเอกวาดอร์ปี 2515 มีเหตุโดยมากจากความเกรงกลัวของอภิสิทธิชนว่า จะมีการปรับกระจายรายได้\nแต่ในปีเดียวกัน น้ำมันก็กลายเป็นแหล่งรายได้เพิ่มยิ่ง ๆ ขึ้นของประเทศ\nแม้รายได้ในช่วงแรกนั้นจะใช้เพื่องบประมาณทางทหาร แต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นในปี 2522 ต่อมาได้ดำเนินขนานกับการเปลี่ยนกลับไปเป็นประชาธิปไตยของประเทศอีก\nนักวิชาการจึงอ้างว่า การเปลี่ยนกลับไปเป็นประชาธิปไตยของเอกวาดอร์ มีเหตุจากการเพิ่มรายได้จากน้ำมันอย่างสำคัญ ซึ่งไม่เพียงเพิ่มงบประมาณของรัฐ แต่ยังลดความกลัวของอภิสิทธิชนว่า รายได้/ความมั่งคั่งของตนจะถูกปรับกระจายไปใช้เป็นงบประมาณของรัฐ\nการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติทำให้รัฐบาลสามารถออกนโยบายเกี่ยวกับราคาสินค้าและสินจ้าง ที่ให้ประโยชน์แก่ประชาชนโดยที่อภิสิทธิชนไม่มีผลกระทบ แล้วจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตของสถาบันประชาธิปไตยต่าง ๆ\nการเสียชีวิตของผู้เผด็จการ น้อยครั้งที่จะเปลี่ยนระบอบการปกครองให้เป็นประชาธิปไตย\nนักวิเคราะห์รายหนึ่งพบว่า \"ในบรรดาผู้เผด็จการ 79 ท่านที่ได้เสียชีวิตในอำนาจ (พ.ศ. 2489-2557)\nในกรณีโดยมาก (92%) ระบอบการปกครองก็ดำเนินต่อไปหลังจากการเสียชีวิต\"",
"พลเอก สนธิ บุญยรัตกลิน แถลงสาเหตุเมื่อวันที่ 21 กันยายน และให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูรัฐบาลระบอบประชาธิปไตยภายในหนึ่งปี อย่างไรก็ตาม คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขประกาศว่า หลังจากการเลือกตั้งและการตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยแล้ว คณะปฏิรูปการปกครองจะเปลี่ยนไปอยู่ในรูปแบบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งยังไม่มีการอธิบายบทบาทที่มีต่อการเมืองไทยในอนาคต[1]",
"ก่อนที่ราชอาณาจักรไทยจะมีรัฐธรรมนูญนั้น ราชอาณาจักรไทยมีการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์ไทยเชิงการเมืองการปกครอง เมื่อคณะราษฎร ซึ่งประกอบด้วยข้าราชการสายทหารบก ทหารเรือ และสายพลเรือน จำนวน 99 คน โดยมีพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นหัวหน้า ร่วมกันยึดอำนาจการปกครองประเทศจากพระมหากษัตริย์ เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย อันมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด และมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวประทับอยู่ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทรงตัดสินพระทัยที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยสงบ ดังความตามพระราชหัตถเลขา (ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ) ที่ทรงเขียนในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2475 ไม่ลงวันที่ พระราชทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ซึ่งได้แปลเป็นภาษาไทยในหนังสือเรื่อง เกิดวังปารุสก์ เล่ม 2 ความดังนี้[2]",
"ตั้งแต่ที่ตาอั้นกลับมาก็มีความคิดอย่างหนึ่งที่ทำให้แม่พลอยตกใจ ซึ่งก็คือความคิดเกี่ยวกับบ้านเมืองของตาอั้น ซึ่งก็คือความคิดเสรีนิยมและเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตยที่ได้ไปเรียนรู้ตอนไปเรียนเมืองนอก ในช่วงนั้นผู้คนก็ต่างพูดกันเรื่องเกี่ยวกับคำทำนายที่ว่าพระมหากษัตริย์จะสิ้นพระราชอำนาจ หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศไทยก็ได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย",
"ความคิดและความเคลื่อนไหวเพื่อการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย มีมาจากประชาชนในยุโรป และสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 23 การปกครองของอังกฤษซึ่งค่อย ๆ ดำเนินไปสู่ระบบรัฐสภาแห่งเสรีประชาธิปไตย โดยไม่ต้องมีการปฏิวัติเสียเลือดเนื้อ การเรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองของสหรัฐอเมริกาจากอังกฤษใน พ.ศ. 2319 (ค.ศ. 1776) และการปฏิวัติฝรั่งเศสใน พ.ศ. 2332 (ค.ศ. 1789) หลังจากนั้นความคิดแบบประชาธิปไตยก็แพร่ขยายไปยังประเทศต่าง ๆ ประเทศไทยก็ได้รับแนวความคิดเรื่องการปกครองประเทศระบอบประชาธิปไตย ด้วยการติดต่อกับประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกา",
"นักวิชาการคู่หนึ่งอ้างว่า ความสัมพันธ์ของความเท่าเทียมกันทางสังคมกับการเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องซับซ้อน ประชาชนจะมีแรงจูงใจเพื่อกบฏน้อยกว่าในสังคมที่เท่าเทียมกัน ดังนั้น การเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยก็จะมีโอกาสน้อยกว่า\nเทียบกับสังคมที่ไม่เท่าเทียมกันแบบสุดโต่ง (เช่น แอฟริกาใต้ภายใต้ระบบการถือผิว) การจัดสรรปันส่วนของทั้งความมั่งคั่งและอำนาจภายใต้ระบอบประชาธิปไตยจะเป็นผลร้ายต่ออภิสิทธิชน พวกเขาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง\nส่วนในประเทศที่อยู่ตรงกลาง ๆ ที่ไม่สุดโต่ง การเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยจะมีโอกาสสูงกว่า โดยอภิสิทธิชนจะยอมให้เพราะ (1) พิจารณาว่าการกบฏอาจเป็นไปได้ (2) ราคาของการยินยอมไม่สูงเกินไป\nความคาดหวังเช่นนี้เข้ากับหลักฐานการทดลองที่แสดงว่า ประชาธิปไตยจะเสถียรภาพกว่าในสังคมที่เท่าเทียมกัน",
"มีหน้าที่ อ่าน แถลงการณ์ คำสั่ง และ ประกาศ ต่างๆ ของ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ออกอากาศ เป็น รายการพิเศษ ทาง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยมี สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นแม่ข่าย มีรายนามดังต่อไปนี้เดิม คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Council for Democratic Reform under Constitutional Monarchy (อักษรย่อ CDRM) ต่อมาได้ตัดคำว่า \"under Constitutional Monarchy\" ออก เพื่อไม่ให้สื่อต่างประเทศนำไปตีความว่า คณะปฏิรูปฯ เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็น Council for Democratic Reform (อักษรย่อ CDR) โดยยังคงใช้ชื่อภาษาไทยตามเดิม ",
"อย่างไรก็ดี แนวคิดเกี่ยวกับความยุติธรรมในการเปลี่ยนผ่าน ได้ถูกนำมาสู่การถกเถียงกันอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่งจากกระแสของการที่ประเทศต่างๆ จำนวนมากที่เคยเป็นประเทศที่ใช้ระบอบเผด็จการได้กลายมาเป็นประเทศประชาธิปไตยในช่วงหลังสงครามเย็น เนื่องจากแต่ละประเทศที่เคยปกครองระบอบเผด็จการมักจะมีอดีตหรือประวัติศาสตร์ที่ผู้นำหรือรัฐบาลใช้กำลังปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงมาสู่ระบอบประชาธิปไตยก็ได้มีการรื้อฟื้นหรือสอบสวนถึงเหตุการณ์ต่างๆภายในอดีตกันอย่างมากมาย ซึ่งพวกนักทฤษฎีประชาธิปไตยหลายคนอย่างเช่น ฮันติงตัน (Samuel Huntington) ก็ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ตัวชี้วัดหนึ่งที่ประเทศต่างๆ จะเป็นประชาธิปไตยได้นั้นจำเป็นที่จะต้องมีการวางรากฐานเรื่องสิทธิมนุษยชนให้ยั่งยืน และการที่จะทำให้สิทธิมนุษยชนยั่งยืนได้รัฐก็จำเป็นจะต้องจัดการกับอดีตที่โหดร้ายและหาคนมาลงโทษเสียก่อน",
"สำหรับที่มานั้น วลีที่ว่า \"ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข\" เพิ่งจะมีขึ้นในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2492 โดยบัญญัติไว้ในมาตรา 2 ความว่า \"ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข\" ทั้งนี้ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่ ได้ให้ความเห็นไว้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวร่างขึ้นภายใต้อิทธิพลของพลังอนุรักษนิยม ซึ่งขณะนั้นมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแทนทางการเมืองที่สำคัญ แต่การปรากฏขึ้นครั้งแรกนี้ ยังไม่ได้ยืนยันความเป็นชื่อเฉพาะของระบอบการปกครองแต่อย่างใด หากแต่การปรากฏขึ้นซ้ำในภายหลัง คือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2511 และ พ.ศ. 2519 เป็นสองฉบับแรกที่ยืนยันความชอบธรรมของ \"ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข\"สมศักดิ์ได้ให้ความเห็นไว้อีกว่า หน้าที่ (function) ของการยืนยันในสองฉบับมีความต่างกัน โดยฉบับ พ.ศ. 2511 เพื่อต่อต้านการเมืองและพรรคการเมืองสมัยใหม่ที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้น และฉบับ พ.ศ. 2519 เพื่อต่อต้านฝ่ายซ้าย",
"เทศบาลนครนนทบุรีมีอาณาเขตครอบคลุม 5 ตำบลของอำเภอเมืองนนทบุรี ได้แก่ ตำบลสวนใหญ่, ตำบลตลาดขวัญ, ตำบลบางเขน, ตำบลบางกระสอ และตำบลท่าทราย มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 38.90 ตารางกิโลเมตรความหมายของดวงตราของเทศบาลนครนนทบุรี เป็นรูปพานรัฐธรรมนูญเพราะได้พิจารณาเห็นว่าเทศบาลมีกำเนิดขึ้นในประเทศไทย เมื่อประเทศไทยได้เปลี่ยนระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตย เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2475 เทศบาลจึงได้กำหนดตราเป็นรูปพานรัฐธรรมนูญ มิใช่แต่แสดงว่าเทศบาลเกิดขึ้นได้เพราะมีการปกครองตามรัฐธรรมนูญเท่านั้น แต่ยังได้แสดงถึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย",
"ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน (Transitional Justice) เป็นการผสานแนวคิดสองประการเข้าด้วยกัน คือ \"การเปลี่ยนผ่าน\" (transition) กับ \"ความยุติธรรม\" (justice) โดยการเปลี่ยนผ่าน คือ สภาวะที่สังคมได้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงระบอบทางการเมือง (political transformation/regime change) จากรูปแบบหนึ่งไปสู่รูปแบบใหม่อย่างมีนัยสำคัญ เช่น จากระบอบอำนาจนิยม (authoritarian) หรือการปกครองแบบกดขี่ (repressive rule) ไปสู่ระบอบประชาธิปไตย (democracy) หรือใช้ในความหมายของการเปลี่ยนผ่านจากความขัดแย้งของคนในสังคมไปสู่สันติภาพและความมั่นคง ความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน จะหมายรวมถึง กระบวนการที่รัฐใช้ในการค้นหาความจริงจากการที่บุคคลหรือองค์กรของรัฐ หรือ องค์กรที่รัฐให้การสนับสนุนใช้กำลังเข้าสังหารหรือก่อความรุนแรงต่อพลเมืองของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นในรูปของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสังหารหมู่ การทรมาน การลักพาตัว (Kurian, 2011: 1679-1680) อย่างไรก็ตาม การค้นหาความจริงดังกล่าวจะเกิดขึ้นภายหลังที่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเก่ามาสู่รัฐบาลใหม่ หรือ เปลี่ยนจากรัฐบาลในระบอบเผด็จการมาสู่ระบอบประชาธิปไตย สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากรัฐบาลเก่าเป็นผู้ใช้ความรุนแรงจึงไม่มีความจำเป็นที่จะค้นหาความผิดที่ตนเองเป็นผู้กระทำ หรือในบางครั้งรัฐบาลเก่าก็พยายามที่จะตั้งกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อทำการฟอกตัวให้กับรัฐบาลเอง ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยของ อิดี้ อามิน (Idi Amin) ผู้นำของยูกานดาที่ใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามประชาชน แต่เมื่อมีการกดดันจากนานาชาติ อิดี้ อามิน ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไร ด้วยเหตุนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลมาสู่รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลใหม่จึงจำเป็นต้องมีภาระในการที่จะตรวจสอบเหตุการณ์ย้อนหลัง การตรวจสอบดังกล่าวจะเป็นการสถาปนาความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน คือเปลี่ยนจากระบอบหนึ่งมาเป็นอีกระบอบหนึ่ง หรือเปลี่ยนจากรัฐบาลที่โหดร้ายมาสู่รัฐบาลอื่นๆ (ประจักษ์, 2533) ซึ่งบางครั้งในกระบวนการตรวจสอบย้อนหลังดังกล่าวก็อาจนำไปสู่การจัดให้มีการนิรโทษกรรมทางการเมืองขึ้นก็เป็นได้ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสามารถทำให้กระบวนการเปลี่ยนผ่านของประเทศนั้นสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น และสมานฉันท์ ",
"ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข () เป็นชื่อเรียกระบอบการปกครองในประเทศไทย ที่รวมเอาทั้งรูปแบบการปกครอง (form of government) ประเภทประชาธิปไตยโดยมีรัฐสภา (parliamentary democracy) กับรูปแบบรัฐ (form of state) ) ไว้ในคำเดียวกัน ",
"เอธิโอปียปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข แบ่งการปกครองเป็น 9รัฐ และ2เขตเป็นการปกครองพิเศษ ได้แก่ อาดดิสอาบาบาและเขตปกครองพิเศษ ไดร์ดาวา\nแม้เดิมเอธิโอเปียระบอบกษัตริย์ ในปี 2517 มีการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลและโค่นล้มระบอบกษัตริย์ในปีต่อมาจากนั้นได้ปกครองประเทศด้วยสังคมนิยมและเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยในปี พศ 2534 แต่อย่างนั้นก็ยังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองอยู่เสมอ โดยรัฐบาลถูกกล่าวหาจากฝ่ายค้านว่าทุจริตการเลือกตั้งประเทศเอธิโอเปียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 9 เขตบริหาร (administrative countries-\"kililoch\") แบ่งย่อยออกมาเป็น 68 เขต และ 2 นครอิสระ (chartered cities-\"astedader akababiwoch\") ได้แก่",
"ประเทศไทย มีชื่ออย่างเป็นทางราชการว่า ราชอาณาจักรไทย เป็นรัฐชาติอันตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดิมมีชื่อว่า \"สยาม\" รัฐบาลประกาศเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2482 ประเทศไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 50 ของโลก มีเนื้อที่ 513,120 ตารางกิโลเมตร[1] และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก คือ ประมาณ 68 ล้านคน กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางการบริหารราชการแผ่นดินและนครใหญ่สุดของประเทศ และการปกครองส่วนภูมิภาค จัดระเบียบเป็น 76 จังหวัด[2] แม้จะมีการสถาปนาระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยระบบรัฐสภาในปี 2475 แต่กองทัพยังมีบทบาทในการเมืองไทยสูง ล่าสุด เกิดรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และมีการปกครองแบบเผด็จการทหารนับแต่นั้น",
"สำหรับประเทศไทย คำว่าประชาธิปไตยแบบไม่เสรีถูกนำมาใช้อธิบายการเมืองไทยในช่วงประชาธิปไตยครึ่งใบ ประมาณปี พ.ศ. 2523-31 และอธิบายการเมืองไทยยุคธนาธิปไตย (money politics) รวมไปจนถึงหลังปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา โดยเกษียร เตชะพีระ (2551) กล่าวถึงประชาธิปไตยแบบไม่เสรีไว้ว่า ในทวีปละตินอเมริกา แอฟริกาและเอเชียหลายประเทศ บางทีก็เรียกว่า \"ระบอบเลือกตั้งธิปไตย\" (electocracy - electocrats) หรือเรียกผู้กุมอำนาจในระบอบนี้ว่า “democratators” หรือ \"จอมบงการประชาธิปไตย\" จนกระทั่งระบอบประชาธิปไตยไม่เสรีถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น \"the fallacy of electoralism\" เป็นรูปแบบการเมืองที่เน้นการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว โดยเน้นหลักความเสมอภาคและอำนาจอธิปไตยของประชาชนผ่านการเลือกตั้งและพรรคการเมืองโดดๆ ด้านเดียว แต่ละเลยหรือล่วงละเมิดหลักสิทธิเสรีภาพและหลักนิติธรรมไปเสีย เข้าทำนอง elections = democracy ไป",
"รัฐธรรมนูญนิยม มีหลายความหมาย โดยส่วนใหญ่แล้วมักหมายถึงกลุ่มของแนวความคิด ทัศนคติ และรูปแบบพฤติกรรมที่สาธยายเกี่ยวกับหลักการที่การใช้อำนาจของรัฐมาจากกฎหมายสูงสุดและถูกจำกัดอำนาจด้วยกฎหมายสูงสุด \nรัฐธรรมนูญนิยม นิยาม รัฐธรรมนูญนิยม หรือ ระบอบรัฐธรรมนูญ (Constitutionalism) หมายถึง ความเชื่อทางปรัชญาความคิดที่นิยมหลักการปกครองรัฐด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ เป็นแนวความคิดที่มุ่งหมายจะใช้รัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษร (written constitution) เป็นหลักในการกำหนดรูปแบบ กลไก และสถาบันทางการเมืองการปกครองต่างๆ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานของการบริหารงานภาครัฐในฐานะที่เป็นกฎหมายสูงสุด (อมร จันทรสมบูรณ์, 2537: 9; Alexander, 1999: 16; Bellamy, 2007: 4-5; Sartori, 1962: 3) ที่มา แนวคิดนี้เริ่มก่อตัวขึ้นครั้งแรกในประเทศตะวันตก ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อต่อต้าน คัดค้านรูปแบบการเมืองการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (absolutism) ของประเทศส่วนใหญ่ในยุโรปขณะนั้น จนมาปรากฏชัดเจนขึ้นหลังจากการประชุมเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1787 (McIlwain, 1977: 17) ซึ่งทำให้แนวคิดเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นปรากฏชัดเจนขึ้นเป็นครั้งแรก ดังนั้น แนวคิดเรื่องลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมนี้เมื่อเกิดขึ้นในขั้นต้น จึงไม่ได้มีความหมายกลางๆ แต่อย่างใด หากแต่มีความหมายที่โน้มเอียงไปในด้านการจำกัดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในขณะนั้น และเน้นหนักในการพยายามสร้างสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของพลเมืองภายในรัฐ โดยเรียกร้องให้มีการนำสิ่งที่เรียกว่า “รัฐธรรมนูญ” มาใช้เป็นหลักในการวางกรอบของประเด็นดังกล่าว จากลักษณะข้างต้นจึงทำให้ลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมในประเทศตะวันตกนั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตยไปในที่สุด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สำหรับประเทศตะวันตกแล้ว หากจะมีรัฐธรรมนูญก็ควรจะต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยนั่นเอง (Bellamy, 2007: 93) ท่ามกลางกระแสเสรีประชาธิปไตยซึ่งยังคงเป็นกระแสหลักของประเทศส่วนใหญ่ในตะวันตก จึงได้ทำให้คำว่าลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมในปัจจุบันกลับกลายเป็นสิ่งที่มีความหมายกลางๆ ที่มองรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือทางกฎหมายอย่างหนึ่ง ที่จะนำมาใช้วางโครงสร้างสถาบันทางการเมืองการปกครอง กำหนดแหล่งที่มาของอำนาจ การเข้าสู่อำนาจ และการใช้อำนาจของผู้ปกครองในทุกๆ ระบอบการปกครอง (McIlwain, 1977) โดยมิได้จำกัดอยู่แต่เพียงระบอบประชาธิปไตยอีกต่อไป ดังจะเห็นได้จากในปัจจุบันนี้รัฐสมัยใหม่ “ทุกรัฐ” ในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศเสรีประชาธิปไตยหรือไม่ ต่างก็ล้วนแล้วแต่ยึดรูปแบบการปกครองของระบอบรัฐธรรมนูญนิยม (constitutionalism) ทั้งสิ้น กล่าวคือ ทุกๆ รัฐต่างก็มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการจัดวางอำนาจและโครงสร้างทางการเมืองของประเทศนั้นๆ (เสน่ห์, 2540: 17) โดยปัจจุบัน (พ.ศ. 2556) ประเทศที่สหประชาชาติให้การรับรองนั้นมีทั้งสิ้น 196 ประเทศ (แต่เป็นสมาชิกสหประชาชาติเพียง 193 ประเทศ) ในขณะที่รัฐธรรมนูญที่เป็นทางการที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในโลกนี้มีทั้งสิ้นกว่า 203 ฉบับ ทั้งนี้เพราะในรัฐโพ้นทะเลบางแห่งอย่างเช่น หมู่เกาะบริติช เวอร์จิน (British Virgin Islands or BVI) ของอังกฤษ หรือ เกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์กนั้นต่างก็เป็นรัฐที่มีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเองในฐานะเป็นดินแดนที่มีการปกครองตนเอง แม้ว่าอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (absolute territorial sovereignty) นั้นจะเป็นของประเทศเจ้าเอกราชก็ตาม ตัวอย่างการนำไปใช้ในประเทศไทย ประเทศไทยเองก็รับเอาลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมนี้เข้ามาใช้อย่างเป็นทางการภายหลังจากการเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับแรกของคณะราษฎร แม้ว่าขบวนการในการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นจะสามารถสร้างระบอบรัฐธรรมนูญขึ้นในประเทศไทยได้ แต่ผลจากการที่การเปลี่ยนแปลงการปกครองเกิดจากการต่อสู้กันเฉพาะภายในกลุ่มชนชั้นนำบางส่วนของไทย ประกอบกับประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ถึงขนาดที่มีคนเข้าใจว่า “รัฐธรรมนูญ” เป็นชื่อของลูกชายนายทหารผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง คือ พระยาพหลพลพยุหเสนา (ปรีดี, 2543) ทั้งนี้ก็เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือต่อสู้บนพื้นฐานของความเข้าใจในสิทธิเสรีภาพและการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญ อันจะเป็นเครื่องมือในการสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมและเป็นตัวแทนอำนาจอธิปไตยของปวงชน ดังเช่นที่ประชาชนชาติตะวันตกได้ต่อสู้ด้วยความยากลำเค็ญเพื่อก่อร่างสร้างระบอบรัฐธรรมนูญในประเทศของพวกเขา ดังนั้น ระบอบรัฐธรรมนูญของไทยที่เกิดขึ้นภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 จึงสามารถก่อรูปได้ก็แต่เพียงหลักการในการจำกัดอำนาจผู้ปกครอง คือ พระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และทำให้แหล่งที่มาของอำนาจต้องอ้างอิงกับประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้ตามหลักการทุกประการ แต่จากการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้มากนักจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถเชื่อมโยงจิตสำนึกให้เข้ากับรัฐธรรมนูญได้ แม้จะมีบทบัญญัติถึงหน้าที่ในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญไว้ในรัฐธรรมนูญก็ตาม จุดนี้เองที่ทำให้ประชาชนไม่ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญ และทำให้รัฐธรรมนูญขาดความศักดิ์สิทธิ์ กฎหมายรัฐธรรมนูญไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 จึงกลายเป็นผลลัพธ์และการรอมชอมจากการต่อสู้ของกลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองกลุ่มต่างๆ ของไทย ซึ่งสามารถถูกฉีกทิ้งและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นมาแทนในภายหลังได้อย่างง่ายดาย (เสน่ห์, 2540: 31-35) อย่างไรก็ดี หลังจากเหตุการณ์การเรียกร้องให้มีการใช้รัฐธรรมนูญในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2516 ของขบวนการนิสิตนักศึกษาไทย ได้แสดงให้เห็นถึงจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเฉพาะในแง่ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนว่า คนส่วนหนึ่งของสังคมได้เริ่มตระหนักรู้และเข้าใจความสำคัญของรัฐธรรมนูญในฐานะที่เป็นตัวแทนอำนาจอธิปไตยสูงสุดของปวงชน และเป็นเครื่องมือที่จะนำไปใช้จำกัดอำนาจของผู้ปกครองจากการใช้อำนาจอันมิชอบ (abuse of power) ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถมีเสรีภาพและความเสมอภาคเท่าเทียมที่ถูกรับรองไว้ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญได้อย่างถ้วนหน้า ซึ่งเป็นแก่นของระบอบรัฐธรรมนูญนั่นเอง (เสน่ห์, 2540: 316) จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมเริ่มเข้ามามีบทบาทในการเมืองไทย ในฐานะที่เป็นแนวคิดที่จะสร้างกลไกทางกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีลักษณะเป็นประชาธิปไตย คือ จำกัดอำนาจผู้ปกครอง และสร้างเสรีภาพให้แก่พลเมืองให้มากที่สุด จึงทำให้แนวคิดนี้เติบโตออกไปจากเดิมมาก แม้ช่วงเวลาหลังจากการเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับยุคที่รัฐธรรมนูญมีลักษณะที่เป็นประชาธิปไตยเพียงครึ่งใบก็ตาม และด้วยกระแสลัทธิรัฐธรรมนูญนิยมที่เติบโตขึ้นจึงทำให้ท้ายที่สุดในปี พ.ศ. 2540 ประเทศไทยก็สามารถประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่ได้ชื่อว่าประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยกร่าง และจัดทำรัฐธรรมนูญมากที่สุดฉบับหนึ่ง ซึ่งถึงแม้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวจะสามารถนำมาบังคับใช้ได้แค่เพียง 9 ปีก่อนจะเกิดการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 แต่จะเห็นได้ว่าการฉีกรัฐธรรมนูญของคณะทหารในครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อนๆ เพราะครั้งนี้ได้เกิดกระแสต่อต้านคณะรัฐประหารที่ทำลายรัฐธรรมนูญเป็นอย่างมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีของประเทศไทยที่ประชาชนเริ่มผูกโยงความสำคัญของตัวรัฐธรรมนูญเข้ากับการมีอยู่ของสิทธิและเสรีภาพของตนที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากกว่าเพียงแค่ตัวอักษรที่จารึกไว้ในกระดาษ หากแต่เป็นเจตนารมณ์ของตัวรัฐธรรมนูญที่คอยปกป้องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนอันเป็นปัจจัยพื้นฐานของรัฐธรรมนูญทุกรัฐธรรมนูญในระบอบรัฐธรรมนูญ (every constitutionalism’s constitution) นั้นพึงมี\nความหมายของรัฐธรรมนูญที่ได้รับการยอมรับของโลก เป็นความหมายที่ เดวิด เฟลล์แมน เมธีด้านรัฐศาสตร์และรัฐธรรมนูญแห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน ได้อธิบายไว้ว่า",
"ประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาให้กำลังใจทหารที่จุดต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณกองบัญชาการกองทัพบก หลังการยึดอำนาจของคณะปฏิรูปฯ โดยแสดงความชื่นชมเหล่าทหาร ด้วยการมอบดอกไม้ ส่งยิ้ม ถ่ายรูปด้วย กระทั่งมีการพ่นสีข้อความว่า \"พล.อ.สนธิ วีรบุรุษชาวไทย\" และ \"กองทัพเพื่อประชาชน\" บนตัวถังรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 เป็นต้น นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนหนึ่ง ในบริเวณถนนราชดำเนินให้สัมภาษณ์ว่าไม่ตื่นตะหนก และร่วมถ่ายรูปกับทหารและรถถัง (ซึ่งประดับด้วยดอกไม้ที่ประชาชนมอบให้) เป็นที่ระลึก หรือมอบน้ำ อาหาร ให้แก่ทหารด้วย[20] หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวชื่นชมว่า \"จากที่ดูภาพในซีเอ็นเอ็น เป็นการยึดอำนาจที่เรียบร้อยที่สุด ไม่มีเสียเลือดเสียเนื้อ เราก็รู้สึกสบายใจว่ามันคงไม่กระทบความเชื่อมั่น เพราะการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ประชาชนยอมรับ ขณะที่ต่างชาติก็รู้สึก ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุน\"[21] สวนดุสิตโพลสอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 2,019 คน ในวันที่ 20 กันยายน 49 พบว่า 83.98% เห็นด้วยกับรัฐประหาร เนื่องจากเห็นว่าการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนประชาชนที่ไม่เห็นด้วย มีความเห็นว่าภาพลักษณ์ของประเทศอาจตกต่ำลง[22] ผลสำรวจแตกต่างจากโพลสำรวจการเลือกตั้งเดือนตุลาคม พ.ศ. 2549 ซึ่งมีผู้สนับสนุนพรรคไทยรักไทยถึง 49%[23] กลุ่มนักธุรกิจทั่วประเทศแสดงความคิดเห็นโดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปฏิรูปการปกครองครั้งนี้ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจกระทบบ้างแต่ชั่วคราว และจะสยบความวุ่นวายของประเทศ[24] นายแพทย์พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ประธานชมรมแพทย์ชนบท เห็นด้วยต่อการยึดอำนาจ เนื่องจากประเทศมีปัญหาจากผู้นำที่ไม่ชอบธรรม และบริหารด้วยระบอบเผด็จการประชาธิปไตย จึงควรหยุดระบอบเผด็จการนั้น เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศน้อยที่สุด การปฏิรูปฯ ครั้งนี้เป็นการดีที่ไม่เสียเลือดเนื้อ[24] สมภพ บุนนาค แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จังหวัดขอนแก่น กล่าวเห็นชอบกับ คปค.ว่า \"การยึดอำนาจของ คปค.ครั้งนี้ แม้จะขัดกับหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นชอบ เพราะเป็นการปลดล็อกปมปัญหาของชาติ เพื่อสะสางอุปสรรคสังคมการเมืองให้สามารถเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง การต่อสู้ของภาคประชาชนที่ผ่านมาเพื่อล้มระบอบทักษิณ ไม่สามารถผ่าทางตันได้ จำเป็นที่ทหารต้องเข้ามาจัดการหาทางออกให้ อย่างไรก็ตาม ภาคประชาชนต้องติดตามต่อว่า ภายหลัง เข้ามาแก้ปัญหาของ คปค.ครั้งนี้จะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เร็ว ตามที่หัวหน้าคณะฯได้ประกาศไว้หรือไม่\" และแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า อาจมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหารของ คปค.ว่า \"กลุ่มบุคคลกลุ่มนี้ไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ประชาธิปไตยไม่ได้มีความหมายเพียงแค่ว่าประชาชนใช้สิทธิหย่อนบัตรเลือกตั้งแล้วก็จบ มีบริบทแวดล้อมหลายประการที่ประกอบเป็นระบอบประชาธิปไตย\"[25]",
"\"การเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย\" หรือ \"การฟื้นฟูราชวงศ์บูร์บงครั้งใหม่\" เป็นยุคที่ประเทศสเปนกำลังปรับเปลี่ยนจากความเป็นรัฐเผด็จการไปสู่ความเป็นรัฐเสรีประชาธิปไตย โดยทั่วไปถือว่าการเปลี่ยนผ่านนี้เกิดขึ้นหลังจากนายพลฟรังโกถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1975 ส่วนการสิ้นสุดกระบวนการอย่างสมบูรณ์ก็ถือเอาชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคแรงงานสังคมนิยมสเปน (\"PSOE\") เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1982 เป็นสัญญาณบ่งบอก",
"ประชาธิปไตยที่ไม่เสรี (Illiberal Democracy) หมายถึงรูปแบบประชาธิปไตยที่แม้จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่สิทธิพลเมือง (civil liberties) ของประชาชนมักถูกจำกัด ละเมิด หรือไม่ได้รับความคุ้มครอง มีการปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูล สื่อถูกควบคุม และการแสดงความคิดเห็นของประชาชนอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดจากรัฐ นอกจากนี้ในระบอบประชาธิปไตยที่ไม่เสรี กระบวนการเลือกตั้งมักไม่เป็นไปตามหลักการเลือกตั้งในระบอบเสรีประชาธิปไตย ที่เน้นความโปร่งใส (transparency) เป็นอิสระ (free) จากการครอบงำโดยผู้กุมอำนาจรัฐหรืออำนาจอื่นใด การแข่งขันเลือกตั้งให้ความเป็นธรรม (fair) กับผู้แข่งขันและผู้สนับสนุนทุกฝ่าย และประกันความลับของผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง (secret ballot) ระบอบประชาธิปไตยที่ไม่เสรีมักเกิดขึ้นในสังคมที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากระบอบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไปสู่การเป็นประชาธิปไตย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา (developing country) หรือประเทศประชาธิปไตยใหม่ (new democracies) แต่บางครั้งประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศก็อาจมีมิติของประชาธิปไตยที่ไม่เสรีปรากฏให้เห็นได้ด้วยเช่นกัน อาทิ ในสิงคโปร์ที่มีการเลือกตั้งที่สร้างกติกาปิดกั้นการแข่งขัน กีดกันผู้สมัครฝ่ายค้าน ไม่ประกันความลับของผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง และการจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชนในการแสดงความคิดเห็น (Zakaria, 1997: 22-43)"
] |
ในสมองมีเส้นประสาทหรือไม่ ? | [
"ประสาทสมอง (English: cranial nerve หรือ cerebral nerve) เป็นเส้นประสาทที่เกิดจากสมองและก้านสมองโดยตรง ตรงข้ามกับประสาทไขสันหลังซึ่งเกิดจากไขสันหลังหลายปล้อง ประสาทสมองเป็นทางเชื่อมของสารสนเทศระหว่างสมองและหลายบริเวณ ส่วนใหญ่คือศีรษะและคอ"
] | [
"ประสาทสมองเป็นองค์ประกอบของระบบประสาทนอกส่วนกลาง โดยยกเว้นประสาทสมองเส้นที่ 2 (ประสาทตา) ซึ่งมิใช่ประสาทส่วนปลายแท้จริงแต่เป็นลำเส้นใยประสาทของไดเอนเซฟาลอน (diencephalon) เชื่อมจอตากับนิวเคลียสงอคล้ายเข่าข้าง (lateral geniculate nucleus) ฉะนั้น ทั้งประสาทตาและจอตาเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทส่วนกลาง แกนประสาทนำออกของประสาทอีกสิบสองเส้นที่เหลือทอดออกจากสมองและถือเป็นส่วนหนึ่งของระบบประสาทนอกส่วนกลาง ปมประสาทกลางของประสาทสมองหรือนิวเคลียสประสาทสมองกำเนิดในระบบประสาทส่วนกลาง ส่วนมากในก้านสมอง",
"Blind spot หรือจุดบอด คือจุดที่ไม่มีเซลล์รับภาพแม้จะมีแสงเข้ามายังเรตินาก็ตาม เพราะพื้นที่นี้เจ้า CNII เส้นประสาทสมองคู่ที่2 มันใช้ไปในการแทงเข้ามาจากชั้นนอกเพื่อรับข้อมูล (sensory) จากการรับแสงของเรตินานั้นเอง จุดBlind spot จะเยื้องเข้ามาด้านติดจมูกหน่อยๆของลูกตาทั้งสองครับ\nเส้นประสาทที่ออกจากจุดบอดก็คือแอกซอน (axon) ของเซลล์แกงเกลียน (ganglion cells) ที่อยู่บนเรตินา โดยแอกซอนนี้จะไปรวมกันทะลุผ่านตาขาวเป็นเส้นประสาทการมองเห็น หรือ เส้นประสาทออพติค ซึ่งเป็นเส้นประสาทสมองคู่ที่ 2 และจุดบอดยังเป็นทางออกของเส้นเลือดที่มีชื่อว่า central retinal vein กับ central retinal artery ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่มาเลี้ยงเรตินา อีกด้วย จึงทำให้บริเวณนี้ไม่พบเซลล์รับแสงทั้งโคนเซลล์และรอดเซลล์ เมื่อแสงมาตกกระทบจึงไม่มีตัวแปลสัญญาณแสงเป็นสัญญาณประสาท ทำให้ไม่สามารถมองเห็นภาพได้",
"รีเฟล็กซ์กระจกตา[1] (Corneal reflex) เป็นการทดสอบการทำงานของเส้นประสาทสมองเส้นที่ 5 และ 7 โดยใยประสาทนำเข้านั้นคือใยประสาทรับความรู้สึกทั่วไปของเส้นประสาทไทรเจมินัล ส่วนใยประสาทขาออกคือเส้นประสาทเฟเชียล เมื่อมีการกระตุ้นบริเวณกระจกตาข้างหนึ่งโดยสิ่งแปลกปลอมหรือการสัมผัสจะทำให้มีการกะพริบตาทั้งสองข้างพร้อมกัน กลไกนี้เกิดจากการเส้นประสาทเฟเชียลควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อแสดงสีหน้ามัดหนึ่ง ชื่อว่ากล้ามเนื้อหลับตา[1] (Orbicularis oculi) ทำหน้าที่กะพริบตา",
"เส้นประสาทสมองทั้ง 12 คู่สามารถเรียกเป็นชื่อย่อโดยใช้คำว่า \"Cranial nerve\" หรือ \"CN\" แล้วตามด้วยเลขโรมันแสดงลำดับที่ของเส้นประสาทคู่นั้น ลำดับที่จะเรียงตามตำแหน่งของนิวเคลียสในก้านสมอง เช่น เส้นประสาทสมองเส้นที่ 3 (CN III หรือ เส้นประสาทกล้ามเนื้อตา) ออกจากก้านสมองในตำแหน่งที่สูงกว่าเส้นประสาทสมองเส้นที่ 12 (CN XII หรือ เส้นประสาทกล้ามเนื้อลิ้น) เพราะจุดเริ่มต้นของเส้นประสาทสมองเส้นที่ 12 จะอยู่ต่ำกว่าของเส้นประสาทสมองเส้นอื่นๆ",
"เส้นประสาทสมองหลายเส้นวิ่งไปยังส่วนต่าง ๆ ของหู รวมทั้งประสาทสมองเส้นที่ 5 (trigeminal) เส้นที่ 7 (facial) เส้นที่ 9 (glossopharyngeal) เส้นที่ 10 (vagus) และเส้นประสาทคอระดับ C2-C3 (great auricular nerve)\nแต่เส้นประสาทเหล่านี้ก็ยังดำเนินไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอีกด้วยเริ่มตั้งแต่ปาก จนไปถึงหน้าอกและท้อง\nดังนั้น ความระคายเคืองต่อเส้นประสาทเหล่านี้เพราะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอาจทำให้เจ็บหู\nซึ่งเป็นอาการปวดต่างที่อย่างหนึ่ง\nการระคายเคืองที่ประสาทสมองเส้นที่ 5 ซึ่งทำให้สามารถรู้สึกที่ใบหน้าและควบคุมกล้ามเนื้อต่าง ๆ เพื่อกัดและเคี้ยวเป็นต้น เป็นเหตุสามัญที่สุดของการเจ็บหูต่างที่",
"เส้นประสาทของระบบ (ดูส่วนหนึ่งในรูป) ซึ่งเป็นสาขาของเส้นประสาท vestibulocochlear หรือเส้นประสาทสมองเส้นที่ 8 มีปลายรับสัญญาณจากฐานเซลล์ขนในหลอดกึ่งวงกลมและใน olithic organs มีตัวเซลล์ประสาทสองขั้ว ที่ vestibular ganglia หรือ Scarpa's ganglia ในช่องหู และส่งแอกซอนไปเชื่อมกับไซแนปส์ที่คอมเพล็กซ์นิวเคลียสประสาท vestibular nuclei 4 อันในซีกร่างกายเดียวกัน (คือ medial, lateral, superior, และ descending) ซึ่งอยู่ที่ด้านหลัง (dorsal) ของพอนส์และเมดัลลาในก้านสมอง\nโดยนิวเคลียสประสาทแต่ละข้างของก้านสมองยังได้รับข้อมูลจากนิวเคลียสของซีกตรงข้าม จากสมองน้อย จากระบบการเห็น และจากระบบรับความรู้สึกทางกาย และส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวและตำแหน่งของร่างกายไปยังส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้",
"ประสาทไขสันหลังลงไปถึงกระดูกสันหลังส่วนคอที่หนึ่ง และประสาทสมองบทบาทสัมพันธ์กันเหนือระดับนี้ ประสาทสมองมีเป็นคู่และอยู่ทั้งสองข้าง ประสาทสมองในมนุษย์มีสิบสองหรือสิบสามเส้นแล้วแต่แหล่งที่มา ซึ่งกำหนดชื่อด้วยตัวเลขโรมัน I–XII และมีการกำหนดเลขศูนย์ให้ประสาทสมองเส้นที่ 0 (หรือประสาทปลาย) ตามลำดับที่มีจุดกำเนิดจากสมองส่วนหน้าไปถึงด้านหลังของสมองและก้านสมอง",
"เส้นประสาทกล้ามเนื้อตา หรือ เส้นประสาทสมองเส้นที่ 3 () เป็นเส้นประสาทสมองเส้นหนึ่งจากจำนวนทั้งหมด 12 คู่ ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของตา การหรี่ม่านตา และช่วยในการลืมตา (นอกจากนี้ยังมีเส้นประสาทสมองเส้นที่ 4 และ 6 ที่มีส่วนในการควบคุมการเคลื่อนไหวของตา)",
"ฆานประสาท หรือ ประสาทรับกลิ่น หรือ ประสาทสมองเส้นที่ 1 หรือ เส้นประสาทโอลแฟ็กทอรี () เป็นเส้นประสาทสมองคู่แรกจากทั้งหมด 12 คู่ เซลล์ประสาทรับรู้กลิ่นของเส้นประสาทนี้อยู่ในเยื่อเมือกรับกลิ่น (olfactory mucosa) ที่อยู่ด้านบนของโพรงจมูก เส้นประสาทรับกลิ่นประกอบด้วยใยประสาทรับความรู้สึกที่มาจากเซลล์เนื้อเยื่อบุผิวรับกลิ่น (olfactory epithelium) ไปยังออลแฟคทอรี บัลบ์ (olfactory bulb) โดยผ่านรูเปิดเล็กๆ จำนวนมากที่มีลักษณะเหมือนตะแกรงที่เรียกว่า แผ่นคริบิฟอร์ม ของกระดูกเอทมอยด์",
"ภาวะอัมพาตแบบเบลล์ () เป็นอาการอัมพาตของใบหน้าชนิดหนึ่งทำให้มีการทำงานผิดปกติของเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 (เส้นประสาทเฟเชียล) จนควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ โรคหรือภาวะที่ทำให้มีใบหน้าชาเช่นนี้มีอีกหลายโรค ตั้งแต่เนื้องอกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง โรคไลม์ และอื่นๆ แต่หากไม่พบภาวะซึ่งเป็นสาเหตุได้จะถือว่าภาวะใบหน้าเป็นอัมพาตนั้นเกิดจากภาวะอัมพาตแบบเบลล์ ภาวะนี้ได้ชื่อตามนักกายวิภาคศาสตร์ชาวสก็อตชื่อชาร์ลส์ เบลล์ ซึ่งได้บรรยายภาวะนี้เอาไว้เป็นครั้งแรก อัมพาตแบบเบลล์เป็นโรคของเส้นประสาทเส้นเดียว (mononeuropathy) ที่พบบ่อยที่สุด และเป็นสาเหตุของภาวะเส้นประสาทเฟเชียลเป็นอัมพาตเฉียบพลันที่พบบ่อยที่สุดด้วย",
"ระหว่างฐานซีรีบรัมทั้งสองมีแอ่งเรียกว่า อินเตอร์พีดังคิวลาร์ ฟอซซา (interpeduncular fossa) เป็นแอ่งที่เต็มไปด้วยน้ำหล่อสมองไขสันหลัง บริเวณนี้มีเส้นประสาทกล้ามเนื้อตา (oculomotor nerve) ออกมาจากระหว่างฐานซีรีบรัม เส้นประสาทนี้ทำหน้าที่หดรูม่านตาและกลอกตา นอกจากนี้บริเวณนี้จะเห็นเส้นประสาททรอเคลียร์วิ่งโอบรอบด้านนอกของซีรีบรัล พีดังเคิล",
"ปุ่มล้อมด้วยกำแพงได้เส้นประสาทรับรสจากประสาทสมองเส้นที่ 9 (เส้นประสาทลิ้นคอหอย) แม้จะอยู่หน้า sulcus terminalis\nเพราะลิ้นที่อยู่ด้านหน้า 2/3 ที่เหลือ จะได้เส้นประสาทจากสาขา chorda tympani ของประสาทสมองเส้นที่ 7 (เส้นประสาทเฟเชียล) ซึ่งกระจายอยู่ร่วมกันกับสาขาประสาทลิ้น (lingual nerve) ของประสาทสมองเส้นที่ 5 (ประสาทไทรเจมินัล)",
"เส้นประสาทส่วนใหญ่ต่อเชื่อมกับระบบประสาทกลางผ่านทางไขสันหลัง เว้นแต่เส้นประสาทสมอง (cranial nerves) ทั้ง 12 คู่ที่ต่อโดยตรงกับสมอง การเรียกชื่อเส้นประสาทไขสันหลัง (Spinal nerve) จะเรียกเป็นอักษรบอกระดับของกระดูกสันหลังและลำดับเลขตามตำแหน่งระดับของกระดูกสันหลังที่เส้นประสาทเข้าไปเชื่อมกับไขสันหลัง (เช่น C1 หมายถึงเส้นประสาทที่เชื่อมกับไขสันหลังที่ระดับกระดูกสันหลังส่วนคอ (\"cervical\") ชิ้นที่ 1) ส่วนเส้นประสาทสมองจะนับเรียงเป็นลำดับเลข ซึ่งมักจะใช้เลขโรมัน ตั้งแต่ I ถึง XII นอกจากนี้เส้นประสาทหลัก ๆ มักมีชื่อของตัวเอง ส่วนทางประสาทในระบบประสาทกลางจะเรียกเป็น ลำเส้นใยประสาท (tract) มากกว่าเรียกว่าเส้นประสาท",
"ประสาทกายวิภาคศาสตร์ () เป็นสาขาหนึ่งของวิชากายวิภาคศาสตร์ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับการจัดเรียงโครงสร้างทางกายวิภาคของระบบประสาท ซึ่งในสัตว์มีกระดูกสันหลังจะประกอบเส้นประสาทจำนวนมากที่กระจายตัวจากสมองไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งโครงสร้างภายในของสมองซึ่งมีความซับซ้อนมาก การศึกษาประสาทกายวิภาคศาสตร์จึงมีการพัฒนาอย่างเป็นระเบียบในตัวมันเอง และยังเป็นสาขาวิชาที่มีการศึกษาเป็นพิเศษในวิชาประสาทวิทยาศาสตร์ การอธิบายความแตกต่างของโครงสร้างและส่วนของสมองจะเน้นไปถึงการศึกษาการทำงานของมัน ดังเช่นการศึกษาของนักประสาทวิทยาศาสตร์จะมาจากการศึกษาความผิดปกติ (damage หรือ lesion) ของสมองในแต่ละส่วนว่ามีผลอย่างไรต่อพฤติกรรมหรือการทำงานของประสาท",
"เส้นประสาทเฟเชียล[1] หรือ เส้นประสาทสมองเส้นที่ 7[1] (English: Facial nerve) เป็นหนึ่งในเส้นประสาทสมองจากจำนวนทั้งหมด 12 คู่ เส้นประสาทนี้ออกมาจากก้านสมองที่ระหว่างพอนส์และเมดัลลา ออบลองกาตา และทำหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อแสดงสีหน้า และรับรสจากส่วนด้านหน้า 2/3 ของลิ้นและช่องปาก นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เลี้ยงใยประสาทก่อนปมประสาทของพาราซิมพาเทติกไปยังปมประสาทของศีรษะและคออีกจำนวนมาก",
"เส้นประสาทรับกลิ่นเป็นเส้นประสาทสมองที่สั้นที่สุด และเป็นหนึ่งในสองเส้นประสาทสมองที่ไม่เชื่อมต่อกับก้านสมอง (อีกเส้นหนึ่งคือเส้นประสาทตา)",
"การบาดเจ็บหรือความผิดปกติของเส้นประสาทเฟเชียลทำให้เกิดอัมพาตใบหน้าครึ่งซีกเฉียบพลัน (acute facial nerve paralysis) มีอาการอ่อนแรงของใบหน้าซีกหนึ่งด้านเดียวกับเส้นประสาทที่เป็นโรค อัมพาตเบลล์ (Bell's palsy) เป็นอัมพาตใบหน้าครึ่งซีกเฉียบพลันชนิดหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นได้เอง เกิดจากปมประสาทของเส้นประสาทสมองอักเสบ มักเป็นผลตามมาหลังจากการติดเชื้อไวรัสหรือเป็นผลจากโรคไลม์ (Lyme disease) อัมพาตเบลล์ยังอาจเป็นผลข้างเคียงจากการฉีดยาชาเฉพาะส่วนในทางทันตกรรมผิดตำแหน่ง อัมพาตใบหน้าครึ่งซีกมีอาการใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีกซึ่งแสดงอาการคล้ายกับโรคหลอดเลือดสมองได้ แต่อัมพาตชนิดนี้อาการดีขึ้นได้ด้วยยา",
"คอร์พอรา ควอไดรเจมินา (English: Corpora quadrigemina) มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสี่ก้อนที่ด้านหลังของท่อน้ำสมอง (cerebral aqueduct) ตุ่มนูนคู่ที่บนเรียกว่าซุพีเรียร์ คอลลิคูลัส (superior colliculus) ส่วนคู่ล่างเรียกว่าอินฟีเรียร์ คอลลิคูลัส (inferior colliculus) โครงสร้างนี้ช่วยในการไขว้ทแยงของเส้นใยประสาทตา โดยซุพีเรียร์ คอลลิคูลัสเกี่ยวข้องกับการกลอกตาไปหาวัตถุ ส่วนอินฟีเรียร์ คอลลิคูลัสทำหน้าที่ในการเชื่อมการมองเห็นกับสัญญาณเสียง กล่าวคือช่วยในการมองตามเสียงที่ได้ยิน บริเวณนี้มีเส้นประสาทสมองคู่ที่ 4 ชื่อว่าเส้นประสาททรอเคลียร์ (trochlear nerve) ออกจากพื้นผิวด้านหลังของสมองส่วนกลางใต้อินฟีเรียร์ คอลลิคูลัส",
"กล้ามเนื้อตา (extraocular muscle) เป็นตัวควบคุมตำแหน่งของตา ดังนั้น ปัญหาที่กล้ามเนื้อหรือเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ สามารถทำให้ตาเหล่ได้ เส้นประสาทสมอง Oculomotor nerve (III), Trochlear nerve (IV), และ Abducens nerve (VI) เป็นเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อตา ปัญหาที่เส้น III จะทำให้ตาที่ได้รับผลเบี่ยงลงและออก และอาจจะมีผลต่อขนาดรูม่านตา ส่วนปัญหาของเส้น IV ซึ่งอาจเป็นแต่กำเนิด อาจทำให้ตาเบี่ยงขึ้นและอาจจะเบนเข้าหน่อย ๆ ส่วนปัญหาของเส้น VI อาจทำให้ตาเบี่ยงเข้า โดยมีเหตุที่เป็นไปได้มากมายเพราะเป็นเส้นประสาทที่ค่อนข้างยาว เช่น ความดันที่เพิ่มขึ้นในกะโหลกศีรษะอาจกดเส้นประสาทเมื่อมันวิ่งผ่านระหว่างส่วน clivus และก้านสมอง[27] นอกจากนั้น ถ้าแพทย์ไม่ระวังไปบิดคอของทารกเมื่อคลอดโดยใช้ปากคีม (forceps delivery) ก็จะทำให้เส้นประสาท VI เสียหายได้ แพทย์บางท่านยังเห็นหลักฐานด้วยว่า เหตุของตาเหล่อาจอยู่ที่สัญญาณประสาทที่ส่งไปยังเปลือกสมองส่วนการเห็น[28] ซึ่งทำให้ตาเหล่โดยไม่มีความเสียหายโดยตรงต่อเส้นประสาทสมองหรือกล้ามเนื้อตา",
"เซลล์ประสาทสั่งการอวัยวะภายในพิเศษ (special visceral motor neuron หรือ branchial motor neuron) มีบทบาทในการแสดงออกสีหน้า การเคี้ยว การออกเสียง/การพูด และการกลืน\nประสาทสมองที่เกี่ยวข้องกันรวมทั้งเส้นประสาทกล้ามเนื้อตา (oculomotor, คู่ที่ 3), เส้นประสาทแอบดูเซนส์ (abducens, คู่ที่ 6), เส้นประสาททรอเคลียร์ (trochlear, คู่ที่ 4) และเส้นประสาทกล้ามเนื้อลิ้น (hypoglossal, คู่ที่ 12)",
"เนอร์วัส อินเทอร์มีเดียส () หรือ เส้นประสาทอินเทอร์มีเดียท () เป็นส่วนหนึ่งของเส้นประสาทเฟเชียล (เส้นประสาทสมองเส้นที่ 7) อยู่ระหว่างใยประสาทสั่งการของเส้นประสาทเฟเชียลและเส้นประสาทหู (vestibulocochlear nerve; เส้นประสาทสมองเส้นที่ 8) เส้นประสาทนี้นำพากระแสประสาทรับความรู้สึกและใยประสาทพาราซิมพาเทติกของเส้นประสาทเฟเชียล เส้นประสาทนี้เชื่อมกับรากประสาทสั่งการของเส้นประสาทเฟเชียลบริเวณปมประสาทเจนิคิวเลตก่อนถึงคลองประสาทเฟเชียล (facial canal)",
"การติดเชื้อโปลิโอกว่า 90% จะไม่ทำให้เกิดอาการใด ๆ โดยผู้ติดเชื้ออาจมีอาการได้หลายอย่างหากได้รับไวรัสเข้ากระแสเลือด ผู้ป่วย 1% จะมีการติดเชื้อไวรัสเข้าสู่ระบบประสาทกลาง ทำให้เซลล์ประสาทสั่งการถูกทำลาย ทำให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงและอัมพาตอ่อนเปียก ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนแรงได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับเส้นประสาทที่ถูกทำลาย รูปแบบที่พบบ่อยที่สุดคือโปลิโอไขสันหลัง ซึ่งทำให้มีอาการอ่อนแรงแบบไม่สมมาตรมักเป็นที่ขา โปลิโอก้านสมองส่วนท้ายทำให้เกิดการอัมพาตของกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทสมอง โปลิโอไขสันหลังและก้านสมองส่วนท้ายจะทำให้มีอาการร่วมกันทั้งการอัมพาตก้านสมองส่วนท้ายและไขสันหลัง",
"จักษุประสาท, ประสาทตา, ประสาทการเห็น หรือ ประสาทสมองเส้นที่ 2 () เป็นเส้นประสาทที่ทำหน้าที่รับภาพจากจอตาที่ดวงตา เพื่อไปแปลผลที่สมอง",
"เส้นประสาทสมองคู่ที่ 3 ยังควบคุมกล้ามเนื้อ ลีเวเตอร์ พาลพีบรี ซูพีเรียริส ทำหน้าที่ยกเปลือกตาด้านบนขึ้นขณะที่กล้ามเนื้อลูกนัยน์ตาทำงาน สำหรับการปิดเปลือกตา ควบคุมโดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เส้นประสาทเฟเชียล โดยการหดตัวของกล้ามเนื้อออร์บิคูลาร์ รอบดวงตา",
"เทเลนเซฟาลอนทำหน้าที่เกี่ยวกับการสั่งการในร่างกายมนุษย์ หน้าที่ดังกล่าวเริ่มต้นภายในไพรมารี มอเตอร์ คอร์เท็กซ์ (primary motor cortex) และบริเวณอื่นๆ ในบริเวณสั่งการของกลีบสมองด้านหน้า เมื่อสมองส่วนนี้เสียไป สมองจะไม่สามารถส่งสัญญาณผ่านเส้นประสาทไปยังเส้นประสาทสั่งการของกล้ามเนื้อ และทำให้เกิดโรคที่เรียกว่า Motor Neurone Disease การเสื่อมของสมองประเภทนี้ทำให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรง และขาดความแม่นยำ มากกว่าทำให้เกิดอัมพาตทั้งตัว",
"เส้นประสาทไทรเจมินัล () หรือ ประสาทสมองเส้นที่ 5 เป็น เส้นประสาทสมองคู่ที่ 5 จากทั้งหมด 12 คู่ โดยมีหน้าที่รับความรู้สึกบนหน้าและควบคุมการเคลื่อนไหว เช่น การกัด และการเคี้ยว เป็นเส้นประสาทสมองที่ใหญ่ที่สุด ชื่อของเส้นประสาท (\"ไทรเจมินัล (trigeminal)\" = \"tri-\" หรือ สาม และ \"-geminus\" หรือ คู่ รวมกันเป็นสามคู่) มาจากการที่เส้นประสาททั้งสอง (ในพอนส์แต่ละข้าง) ต่างแยกออกเป็นสามแขนงหลัก เส้นประสาทออปทัลมิก (V), เส้นประสาทแมกซิลลารีย์ (V), และเส้นประสาทแมนดิบูลาร์ (V) เส้นประสาทออปทัลมิกและแมกซิลลารีย์ทำหน้าที่รับความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ขณะที่เส้นประสาทแมนดิบูลาร์ทำหน้าที่ทั้งรับความรู้สึกและควบคุมการเคลื่อนไหว",
"วิถีก่อนถึงเฟเชียล นิวเคลียส (supranuclear pathway) ใยประสาทเริ่มจากบริเวณซีรีบรัล คอร์เท็กซ์ บริเวณลอนสมองไพรมารี มอเตอร์ คอร์เท็กซ์ (primary motor cortex) และลอนสมองโพสต์เซนทรัล (postcentral gyrus) ที่ทำหน้าที่ควบคุมใบหน้า แล้วไปทางวิถีประสาทคอร์ติโคบัลบาร์ (corticobulbar tract) ผ่านอินเทอร์นัล แคปซูลและก้านสมอง ใยประสาทส่วนใหญ่ข้ามฝั่งไปยังเฟเชียล นิวเคลียส (facial nucleus) ในก้านสมองด้านตรงข้าม ใยประสาทเหล่านี้ทำหน้าที่ควบคุมครึ่งบนและครึ่งล่างของใบหน้าด้านตรงข้ามกับใยประสาท ส่วนใยประสาทที่เหลือจะลงมายังเฟเชียล นิวเคลียสในก้านสมองด้านเดียวกัน ทำหน้าที่ควบคุมใบหน้าครึ่งบนของใบหน้าด้านเดียวกันกับใยประสาท",
"โครงสร้างเหล่านี้มีบทบาทในการรับรู้รสหลัก ๆ 5 อย่าง คือ เค็ม เปรี้ยว ขม หวาน และอุมะมิ ซึ่งเมื่อรวมกันก็จะเป็นรสชาติของสิ่งที่อยู่ในปาก มีข่าวลอยว่า มีส่วนต่าง ๆ ของลิ้นที่รับรสโดยเฉพาะ ๆ แต่ความจริงลิ้นทั้งหมดสามารถรับรสได้ทุกรส ผ่านช่องเล็ก ๆ ในเนื้อเยื่อของลิ้นซึ่งเรียกได้ว่า รูรับรส (taste pore) โดยอาหารบางส่วนจะละลายในน้ำลาย ท่วมรูรับรส แล้วทำให้ถูกกับหน่วยรับรส[5] เซลล์รับรสจะเป็นตัวส่งข้อมูลที่ได้จากหน่วยรับรสและช่องไอออนกลุ่มต่าง ๆ ไปยังเปลือกสมองส่วนรับรส (gustatory cortex) ผ่านประสาทสมองคือเส้นประสาทเฟเชียล (7), เส้นประสาทลิ้นคอหอย (9), และเส้นประสาทเวกัส (10)",
"มุมมองด้านล่างของสมอง แสดงชื่อเส้นประสาทสมอง ภาพตัดพื้นผิวของคอด้านขวา แสดงให้เห็นหลอดเลือดแดงคาโรติดและหลอดเลือดแดงใต้กระดูกไหปลาร้า (subclavian arteries) เยื่อดูราและส่วนยื่นของมัน เมื่อเปิดเอาสมองและกะโหลกศีรษะครึ่งซีกขวาออก ภาพชำแหละพื้นผิวของก้านสมอง มุมมองด้านท้อง สมองส่วนท้ายและกลาง มุมมองด้านข้างด้านหลัง ปมประสาทปมประสาทเทอริโกแพลาทีน และแขนง เส้นประสาทขากรรไกรล่าง แขนงของเส้นประสาทไทรเจมินัล เส้นประสาทขากรรไกรล่าง แขนงของเส้นประสาทไทรเจมินัล มุมมองจากกึ่งกลาง แผนภาพเส้นประสาทเฟเชียลและเนอร์วัส อินเทอร์มีเดียส และแขนงเชื่อมกับเส้นประสาทอื่น เส้นทางและแขนงเชื่อมของเส้นประสาทเฟเชียลในกระดูกขมับ ส่วนบนของ medulla spinalis และสมองส่วนกลางและส่วนหลัง มองทางด้านหลัง มุมมองของผนังด้านในของโพรงหูส่วนกลาง (ขยาย) เยื่อแก้วหูข้างขวาและกระดูกค้อนและเส้นประสาทคอร์ดา ทิมพานี มุมมองจากด้านใน ด้านหลังด้านบน ตำแหน่งของกระดูกห้องหูชั้นในข้างขวาในกะโหลกศีรษะ มุมมองจากด้านบน ภาพชำแหละเส้นประสาทเฟเชียล กระดูกขมับข้างซ้าย แสดงพื้นผิวของของโพรงหูส่วนกลาง (แดง) โพรงหลอดเลือดดำตามขวาง (ฟ้า) และเส้นประสาทเฟเชียล (เหลือง) ด้านข้างของคอ แสดงตำแหน่งพื้นผิวที่สำคัญ แขนงเส้นประสาทเฟเชียล เส้นประสาทเฟเชียลในทารก เส้นประสาทเฟเชียลในทารก เส้นประสาทเฟเชียลในทารก เส้นประสาทเฟเชียลในทารก"
] |
ธงชาติจีนมีดาวอยู่บนธงกี่ดวง ? | [
"ธงชาติสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน พื้นสีแดง ที่มุมธงบนด้านต้นธงมีรูปดาวสีเหลือง 5 ดวง ลักษณะเป็นรูปดาวดวงใหญ่ 1 ดวง ล้อมรอบด้วยดาวดวงเล็กอีก 4 ดวง"
] | [
"ธงชาติหมู่เกาะโซโลมอน เป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 1 ส่วน ยาว 2 ส่วน พื้นธงแบ่งเป็น 2 ส่วนตามแนวทแยงมุม จากมุมล่างด้านคันธงไปยังมุมบนด้านปลายธง ครึ่งบนพื้นสีน้ำเงิน ครึ่งล่างพื้นสีเขียวแก่ ระหว่างทั้งสองส่วนดังกล่าวมีแถบยาวสีเหลืองแบ่งทั้งสองสีออกจากกัน ที่มุมธงบนด้านคันธงในพื้นสีน้ำเงินนั้น มีรูปดาวห้าแฉกสีขาว 5 ดวง เรียงเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ธงนี้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520",
"ธงชาติฟิลิปปินส์ () มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 1 ส่วน ยาว 2 ส่วน ตอนต้นธงเป็นรูปสามเหลี่ยมสีขาว ภายในมีรูปดวงอาทิตย์รัศมี 8 แฉก ล้อมด้วยดาวห้าแฉก 3 ดวง ตามมุมของรูปสามเหลี่ยม รูปเหล่านี้เป็นสีทอง ส่วนทีเหลือของธงนั้นเป็นแถบแบ่งครึ่งตามด้านยาวของธง ครึ่งบนพื้นสีน้ำเงิน ครึ่งล่างพื้นสีแดง หากแถบทั้งสองสีนี้สลับตำแหน่งกัน คือ แถบสีแดงอยู่บน แถบสีน้ำเงินอยู่ตอนล่าง แสดงว่าประเทศฟิลิปปินส์อยู่ในภาวะสงคราม",
"ธงชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เป็นธงพื้นสีน้ำเงิน ภายในมีสามเหลี่ยมสีเหลืองที่ด้านมุมฉากอยู่ด้านบนธง ด้านตรงข้ามมุมฉากประดับด้วยดาวห้าแฉกสีขาวเต็มดวง 7 ดวง ส่วนปลายของด้านตรงข้ามมุมฉากทั้งสองด้านมีดาวห้าแฉกสีขาวครึ่งดวง 2 ดวง โดยสามเหลี่ยมแทนกลุ่มชนหลักสามกลุ่มในประเทศ ได้แก่ ชาวบอสนีแอก, ชาวโครแอตและชาวเซิร์บ นอกจากนี้ยังใช้แทนดินแดนของบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาที่มีรูปร่างคล้ายสามเหลี่ยม ดาวแทนทวีปยุโรปและการเรียงตัวของดาวแทนจำนวนที่ไม่สิ้นสุด สีน้ำเงินและสีเหลืองมาจากธงยุโรปที่ใช้ในสภายุโรปและสหภาพยุโรป สีของธง 3 สีคือขาว, น้ำเงินและเหลืองแทนความเป็นกลางและสันติภาพ",
"ธงชาติหมู่เกาะคุก มีลักษณะตามแบบธงของอดีตอาณานิคมของสหราชอาณาจักรในมหาสมุทรแปซิฟิก กล่าวคือ พื้นเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำเงิน มีรูปธงชาติสหราชอาณาจักรที่มุมธงบนด้านคันธง (ธงเรือรัฐบาลสหราชอาณาจักร) ในพื้นสีน้ำเงินนั้นมีรูปดาวห้าแฉกสีขาว 15 ดวง เรียงเป็นรูปวงแหวน รูปธงชาติสหราชอาณาจักรนั้นหมายถึงประวัติศาสตร์ชาติผูกพันอยู่กับสหราชอาณาจักร ซึ่งเคยเป็นผู้ปกครองหมู่เกาะคุกในฐานะรัฐในอารักขามาก่อน และหมายถึงความเป็นสมาชิกในเครือจักรภพของหมู่เกาะคุก ดาว 15 ดวง หมายถึงจำนวนเกาะทั้ง 15 เกาะของหมู่เกาะคุก พื้นสีน้ำเงินหมายถึงท้องทะเลและธรรมชาติความเป็นผู้รักสงบของชาวหมู่เกาะคุก",
"ธงของสหพันธ์สาธารณรัฐอเมริกากลางได้ถือว่าเป็นธงชาติของเอลซัลวาดอร์มาจนถึงปี พ.ศ. 2408 จึงได้เปลี่ยนมาใช้ธงที่มีรูปแบบอย่างธงดาวและริ้วของสหรัฐอเมริกา ลักษณะเป็นธงริ้วสีฟ้าสลับขาวรวม 9 ริ้ว มีรูปดาวสีขาว 12 ดวงในสี่เหลี่ยมสีแดงที่มุมธงบนด้านคันธง ถึงปี พ.ศ. 2455 จึงได้เปลี่ยนกลับมาใช้ธงลักษณะคล้ายธงชาติยุคแรกอีกครั้ง ซึ่งได้แก่ธงชาติเอลซัลวาดอร์ในปัจจุบัน แต่รูปตรากลางธงนั้นคือตราแผ่นดินของเอลซัลวาดอร์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายตราของสหมณฑลอเมริกากลางมาก",
"ในปี พ.ศ. 2538 ได้มีการเปลี่ยนธงชาติตูวาลูเป็นแบบที่ไม่อิงกับลักษณะของธงเรือสหราชอาณาจักร โดยเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในแบ่งเป็น 3 แถบใหญ่ แถบกลางสีฟ้า ขนาบด้วยขอบสีขาวขนาดเล็ก แถบบนและแถบล่างเป็นสีแดง ที่แถบสีฟ้าด้านติดคันธงมีรูปสามเหลี่ยมสีขาว ภายในมีภาพตราแผ่นดิน บนพื้นธงนั้นมีรูปดาวห้าแฉกสีขาว 9 ดวง พาดผ่านเป็นรูปแผนที่ประเทศตูวาลูดังที่ปรากฏในธงชาติแบบปัจจุบัน ธงนี้ไม่ได้เป็นที่ยอมรับจากประชาชน เนื่องจากเห็นว่าเป็นการนำประเทศออกห่างจากราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งเป็นที่นับถือของประชาชน ไปสู่ความเป็นสาธารณรัฐ ธงนี้จึงถูกยกเลิกไปในปี พ.ศ. 2540 และมีการนำธงเดิมกลับมาใช้ โดยมีการปรับปรุงแบบธงเล็กน้อย",
"ในธง \"ท้องฟ้าสีคราม ตะวันสาดส่อง\" ของลู่เฮาตง รัศมีทั้ง 12 แฉกของดวงอาทิตย์สีขาวหมายถึงเดือนทั้ง 12 เดือนและระบบการแบ่งเวลาเป็น 12 ชั่วโมงแบบจีน (時辰, shíchén) ซึ่ง 1 ชั่วโมงจีนเท่ากับ 2 ชั่วโมงสากล ดังนั้น 12 ชั่วโมงจีนจึงเท่ากับ 24 ชั่วโมงสากล หรือเวลาใน 1 วัน ต่อมา ดร. ซุนยัดเซ็นได้เพิ่ม \"แผ่นดินอุดมสีแดง\" หรือพื้นสีแดง เพื่อหมายถึงเลือดของนักปฏิวัติผู้เสียสละตนเองเพื่อโค่นล้มรัฐบาลราชวงศ์ชิงและสถาปนาสาธารณรัฐจีน นอกจากนั้นธงนี้ยังได้สือความหมายของหลักลัทธิไตรราษฏร์ของ ดร. ซุนยัตเซ็นไว้ ดังนี้จะเห็นได้ว่าความหมายของสีทั้งสามในธงชาติสาธารณรัฐจีนมีแนวคิดเดียวกับหลักการ \"เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ\"(Liberté, égalité, fraternité) ของประเทศฝรั่งเศส แล้วธงก็มีลักษณะคล้ายคลึงธงชาติสหรัฐอเมริกาคือ สีแดงตรงผืนใหญ่ และข้างบนซ้ายจะมีนำเงิน ดวงอาทิตย์ขาวซึ่งคล้ายกันมากแต่ก็ต่างกันมากเช่นกัน",
"\"ธงชาติแห่งสาธารณรัฐ (ปานามา) ประกอบด้วยพื้นธงที่แบ่งภายในเป็น 4 ส่วน กล่าวคือ ส่วนมุมบนด้านคันธงเป็นพื้นสีขาวมีรูปดาวห้าแฉกสีน้ำเงิน 1ดวง ส่วนมุมบนด้านปลายธงเป็นพื้นสีแดงเปล่า ส่วนมุมล่างด้านคันธงพื้นสีน้ำเงินเปล่า ส่วนมุมล่างด้านปลายธงเป็นพื้นสีขาวมีดาวห้าแฉกสีแดง 1 ดวง\" ",
"ธงชาติเวเนซุเอลา มีพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่อเอกราชชาติตั้งแต่ ค.ศ. 1811 ลักษณะของธงโดยพื้นฐานในแต่ละยุคเป็นธงสามสีรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แถบบนสีเหลือง แถบกลางสีน้ำเงิน แถบล่างสีแดง ส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะในแต่ละยุคนั้นได้แก่การจัดรูปกลุ่มดาว จำนวนของดาว และการเพิ่มดวงตราแผ่นไว้ที่ส่วนมุมธงบนด้านคันธง สำหรับแบบธงที่ปรากฏในปัจจุบันนั้นเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 2006",
"ธงชาติชิลี หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อ คือ \"ธงดาวเดียว\" () ประกอบด้วยแถบแนวนอนสองแถบขนาดเท่ากัน แถบบนสีขาว แถบล่างสีแดง รวมกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความกว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน ที่มุมธงบนด้านคันธงมีรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสสีน้ำเงิน ขนาดกว้างเท่ากับแถบสีขาว ภายในมีรูปดาวห้าแฉกสีขาวขนาดใหญ่ 1 ดวง ลักษณะดังกล่าวมานี้นับได้ว่าธงนี้มีความคล้ายคลึงกับธงประจำรัฐเทกซัสของประเทศสหรัฐอเมริกามาก",
"อนึ่ง แม้ประเทศโบลิเวียจะเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล แต่โบลิเวียก็มีธงนาวีใช้สำหรับเรือตรวจการณ์ในลำน้ำและทะเลสาบด้วยเช่นกัน ลักษณะของธงนาวีเป็นธงพื้นสีฟ้า มีรูปธงชาติโบลิเวียที่มุมธงบนด้านคันธง ล้อมด้วยรูปดาวห้าแฉกสีเหลืองขนาดเล็ก 9 ดวง และมีรูปดาวห้าแฉกสีเหลืองขนาดใหญ่ที่ด้านชายธง ดวงดาวเล็กทั้งเก้าดวงนั้นเป็นตัวแทนของเขตการปกครองทั้ง 9 เขตของโบลืเวีย ส่วนดาวดวงใหญ่หมายถึงสิทธิของประเทศในเดินเรือในทะเล ซึ่งโบลิเวียได้สูญเสียสิทธิดังกล่าวไปในสงครามแห่งมหาสมุทรแปซิฟิกในปี ค.ศ. 1884",
"ธงชาติบูร์กินาฟาโซ เป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน ภายในแบ่งครึ่งตามแนวนอน ครึ่งบนพื้นสีแดง ครึ่งล่างพื้นสีเขียว กลางธงมีรูปดาวห้าแฉกสีเหลือง 1 ดวง ธงนี้เริ่มใช้มาตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2527 หลังเหตุการณ์รัฐประหารในปีนั้น ซึ่งนำโดยร้อยเอกโตมาส์ ซังการา (Thomas Sankara - ต่อมาคือประธานาธิบดีคนแรกของประเทศนี้) สีในธงนี้ถือเป็นสีพันธมิตรแอฟริกาเช่นเดียวกับธงในหลายประเทศ ซึ่งมีต้นแบบมาจากธงชาติเอธิโอเปีย โดยสีแดงหมายถึงการต่อสู้ในการปฏิวัติประเทศ สีเขียวหมายถึงความหวังและความอุดมสมบูรณ์ ดาวสีเหลืองหมายถึงความมั่งคั่งด้วยทรัพยากรแร่ธาตุของประเทศ",
"ระหว่างการจลาจลอู่จางในปี ค.ศ. 1911 (พ.ศ. 2454) ซึ่งนำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐจีน กองทัพปฏิวัติในที่ต่างๆ ได้ใช้ธงเป็นเครื่องหมายของตนเองอย่างหลากหลาย โดยธง \"ท้องฟ้าสีคราม ตะวันสาดส่อง\" ของลู่เฮาตุงนั้นใช้อยู่ในพื้นที่มณฑลกวางตุ้ง มณฑลกวางสี มณฑลยูนนาน และมณฑลกุ้ยโจว ส่วนธงมีรูปดาวสีเหลือง 18 ดวงมีการใช้เป็นธงกองทัพเพื่อแทนมณฑลการปกครองทั้ง 18 มณฑลในเวลานั้น ในพื้นที่เมืองเซี่ยงไฮ้และภาคเหนือของจีนได้ใช้ \"ธงห้าสี\" (五色旗, wǔ sè qí) (The \"Five Races Under One Union\" flag, ธง \"ห้าเชื้อชาติใต้หนึ่งสหภาพ\") เป็นเครื่องหมาย โดยใช้แถบห้าสีแนวนอนแทนสัญลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์หลัก 5 กลุ่มของจีน อันได้แก่ ชาวฮั่น (สีแดง) ชาวแมนจู (สีเหลือง) ชาวมองโกล (สีฟ้า) ชาวหุย (สีชาว) และชาวทิเบต (สีดำ)\nเมื่อได้มีการจัดตั้งรัฐบาลสาธารณรัฐจีนขึ้นในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2455) ก็ได้มีการเลือกใช้ \"ธงห้าสี\" เป็นธงชาติจีนโดยวุฒิสภาเฉพาะกาลของรัฐบาลสาธารณรัฐจีน ส่วน ได้จัดให้เป็นธงประจำกองทัพ และ \"ธงท้องฟ้าสีคราม ตะวันสาดส่อง ปฐพีแดง แผ่นดินอุดม\" ใช้เป็นธงนาวี (ธงชาติประจำกองทัพเรือ) อย่างไรก็ตาม ดร. ซุนยัตเซ้นเห็นว่าการเลือกเอาธงห้าสีเป็นธงชาตินั้นไม่เหมาะสม เพราะลำดับของการเรียงแถบสีในธงห้าสีนั้นมีนัยยะถึงการจัดลำดับชนชั้นทางสังคมของชนชาติต่างๆ ในจีนยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์",
"ภายหลังเมื่อต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2551 ได้มีการเสนอแบบธงชาติใหม่ โดยยกเอาดาวห้าแฉก 3 ดวงสีเขียว อันเป็นสัญลักษณ์ของพรรคบะอัธในธงชาติเดิมออก และแทนที่ด้วยรูปวงกลมสีเหลืองซ้อนทับบนดาวแปดแฉกสีเขียว ที่ระหว่างข้อความภาษาอาหรับ \"อัลลอหุ อักบัร\" เพื่อแทนความหมายถึงชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ดในอิรัก นอกจากนี้ยังมีการเสนอแบบธงใหม่อีกแบบหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับธงชาติช่วง พ.ศ. 2547-2551 แต่เปลี่ยนสีตัวอักษรภาษาอาหรับในธง จากเดิมสีเขียว ให้เป็นสีเหลือง เพื่อให้มีความหมายถึงชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ดด้วยเช่นกัน และได้เปลี่ยนนิยามความหมายของดาว 3 ดวงในธงเป็น \"สันติภาพ ขันติธรรม และยุติธรรม\"",
"ธงชาตินิวซีแลนด์ มัลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นสีน้ำเงิน กว้าง 1 ส่วน ยาว 2 ส่วน มีภาพธงชาติสหราชอาณาจักรที่มุมธงบนด้านคันธง ที่ด้านปลายธงมีรูปดาวห้าแฉกสีแดงขอบขาวรวม 4 ดวง เรียงเป็นรูปกลุ่มดาวกางเขนใต้ ตามที่ปรากฏบนท้องฟ้าของประเทศนิวซีแลนด์ ",
"ซึ่งต่างจากธงชาติที่ใช้ในพวกกลุ่มอาณานิคมอังกฤษ โดยที่ธงชาตินีวเวมีดาวเหลือง 5 ดวง โดยดาวดวงที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในวงกลมสีนำเงินกลางธงยูเนียนแจ็ก มุมบนซ้ายฝั่งคันธงของกากบาทเซนต์จอร์จมุมบนซ้าย และมีดาวดวงเล็ก 4 ดวงล้อมรอบที่แขนของกากบาทเซนต์จอร์จ",
"ธงชาติตูวาลู มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 1 ส่วน ยาว 2 ส่วน พื้นสีฟ้า ที่มุมธงบนด้านคันธงมีภาพธงชาติสหราชอาณาจักร ที่ด้านปลายธงมีรูปดาวสีเหลือง 9 ดวง หมายถีงเกาะทั้ง 9 เกาะ ซึ่งรวมกันเป็นประเทศตูวาลู รูปดาวนี้เรียงเป็นแผนที่ของประเทศตูวาลู ซึ่งจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนหากเอาธงแขวนตามแนวตั้ง ลักษณะธงอย่างนี้คล้ายคลึงกับธงของอีกหลายประเทศที่เป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักร ซึ่งมักจะมีภาพของธงชาติสหราชอาณาจักรประกอบอยู่ด้วย ธงนี้เริ่มใช้เมื่อประเทศนี้ได้รับเอกราชโดยเป็นประเทศในเครือจักรภพในปี พ.ศ. 2521 โดยก่อนหน้านี้ได้ประกาศแยกตัวจากหมู่เกาะกิลเบิร์ต (ประเทศคิริบาสในปัจจุบัน) เมื่อ พ.ศ. 2519 ในช่วงเวลาก่อนหน้าที่ตูวาลูจะเป็นประเทศในเครือจักรภพนั้น ได้ใช้ธงเรือรัฐบาลสหราชอาณาจักร ที่ด้านปลายธงมีภาพตราแผ่นดินของหมู่เกาะเอลลิส (ชื่อประเทศในขณะนั้น) ภายในวงกลมสีขาว เป็นธงสำหรับดินแดน",
"ธงชาติเกรนาดา ที่ใช้ในปัจจุบัน เริ่มใช้เมื่อประเทศเกรนาดาได้ประกาศเอกราชจากสหราชอาณาจักร ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517 ลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 3 ส่วน ยาว 5 ส่วน ตอนในแบ่งเป็นสี่ส่วนตามแนวทแยงที่เรียกว่ากางเขนนักบุญแอนดรูว์ ภายในช่องซ้ายและขวาเป็นพื้นสีเขียว ช่องบนและช่องล่างเป็นพื้นสีเหลือง ตรงกลางเป็นวงกลมสีแดงมีรูปดาวห้าแฉกสีเหลือง 1 ดวง ที่ช่องสีเขียวฝั่งซ้ายมีภายใบลูกจันทน์เทศ 1 ใบ พื้นธงชั้นนอกเป็นขอบสีแดง ในขอบนั้นมีดาวห้าแฉกสีเหลือง 6 ดวง อยู่ด้านบน 3 ดวง ด้านล่าง 3 ดวง",
"ก่อนที่เยเมนจะรวมเป็นประเทศเดียวกันอย่างในปัจจุบันนี้ เยเมนได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเทศ คือ เยเมนเหนือและเยเมนใต้ ประเทศเยเมนเหนือนั้น ในสมัยที่ยังใช้ชื่อว่าราชอาณาจักรมุตาวัคคิไลต์เยเมน ได้ใช้ธงพื้นแดงมีดาวขาว 5 ดวง โดยดาว 4 ดวงวางที่มุมธง ตรงกลางธงมีดาว 1 ดวงอยู่เหนือดาบโค้งแบบอาหรับ ตั้งแต่ พ.ศ. 2470 เมื่อถึง พ.ศ. 2505 เยเมนเหนือได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็นสาธารณรัฐอาหรับเยเมน จึงได้เปลี่ยนมาใช้ธงชาติที่มีลักษณะคล้ายกับในปัจจุบัน แต่ตรงกลางริ้วสีขาวนั้นมีรูปดาวสีเขียว ส่วนเยเมนใต้ ซึ่งใช้ชื่อประเทศว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเยเมน (พ.ศ. 2510 – 2533) ก็ใช้ธงชาติในลักษณะคล้ายกับธงในปัจจุบันเช่นกัน แต่เพิ่มรูปสามเหลี่ยมสีฟ้า พร้อมดาวห้าแฉกสีแดงที่ด้านคันธง โดยฐานของรูปสามเหลี่ยมนั้นอยู่ที่ด้านกว้างของด้านคันธง ธงของเยเมนใต้นี้ ได้รับอิทธิพลความคิดในการออกแบบธงจากการปฏิวัติคิวบา ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1950",
"ธงชาติเซาท์ซูดาน เป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า พื้นธงแบ่งเป็นสามแถบตามแนวนอน โดยแถบกลางธงเป็นแถบสีแดงขนาบด้วยขอบสีขาวที่ตอนบนและตอนล่าง แถบบนสุดมีสีดำ แถบล่างสุดเป็นสีเขียว ลักษณะดังกล่าวนี้คล้ายคลึงกับธงชาติเคนยามาก ทึ่ด้านคันธงนั้นมีรูปสามเหลี่ยมสีน้ำเงิน ภายในมีรูปดาวห้าแฉกสีเหลืองดวงหนึ่ง ธงดังกล่าวนี้เดิมใช้เป็นธงของขบวนการประชาชนปลดปล่อยซูดาน (Sudan People's Liberation Movement) ต่อมาจึงถือเป็นธงของรัฐบาลเซาท์ซูดานอย่างเป็นทางการภายหลังการลงนามในความตกลงสันติภาพเบ็ดเสร็จเพื่อยุติสงครามกลางเมืองซูดานครั้งที่สอง",
"ธงชาติซามัว มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 1 ส่วน ยาว 2 ส่วน พื้นสีแดง ที่มุมบนด้านคันธงมีสี่เหลี่ยมผืนผ้าพื้นสีน้ำเงินขนาดเล็ก ภายในรูปดังกล่าวมีดาวห้าแฉกสีขาวดวงใหญ่ 4 ดวง ดวงเล็ก 1 ดวง เรียงกันเป็นกลุ่มดาวกางเขนใต้ เริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 พื้นสีแดงหมายถึงความกล้าหาญ สีน้ำเงินหมายถึงเสรีภาพ สีขาวหมายถึงความบริสุทธิ์",
"ธงชาติออสเตรเลีย มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพื้นสีน้ำเงิน ที่มุมธงบนด้านคันธงมีรูปธงชาติสหราชอาณาจักร ใต้ธงชาติสหราชอาณาจักรนั้นเป็นรูปดาวเจ็ดแฉกสีขาวดวงหนึ่ง มีชื่อเรียกว่า ดาราสหพันธรัฐ (The Commonwelth Star) ถัดจากรูปดังกล่าวมาทางด้านปลายธงนั้น เป็นรูปดาวเจ็ดแฉก 4 ดวง และดาวห้าแฉกอีก 1 ดวง เรียงกันเป็นรูปกลุ่มดาวกางเขนใต้",
"ธงชาติแบบดังกล่าวนี้ ได้รับอนุญาตให้ใช้ชักในจังหวัดเคอร์ดิชสถาน ซึ่งเป็นเขตปกครองของชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด ส่วนธงในรุ่นหลัง ซึ่งมีการใช้ในกลุ่มสมาชิกพรรคบะอัธ และกลุ่มสมาคมพันธมิตรอาหรับ ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้\nต่อมาเมื่อรัฐบาลปฏิวัติของอับดุล การิม คัสซิมถูกโค่นอำนาจโดยพรรคบะอัธ จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงธงชาติอิรักอีกครั้งหนึ่ง ตามกฎหมายเลขที่ 28 ค.ศ. 1963 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ธงแบบใหม่นี้เป็นธงริ้วสามสีแนวนอนพื้นสีแดง-ขาว-ดำ มีดาว 5 แฉกสีเขียว 3 ดวง ในแถบสีขาว ซึ่งดาวสีเขียวในธงนี้ เดิมได้กำหนดไว้ในธงเพื่อแทนความหมายถึง ความต้องการก่อตั้งสหภาพสาธารณรัฐอาหรับ โดยความร่วมมือกันระหว่าง 3 ประเทศ คือ อิรัก อียิปต์ และซีเรีย ซึ่งในขณะนั้นทั้งสองชาติหลังมีการใช้ธงที่มีดาวสีเขียว 2 ดวงอยู่กลางธงเหมือนกัน หากการก่อตั้งสหภาพเกิดขึ้นจริงแล้ว ทั้งอียิปต์และซีเรียนั้นก็จะเพิ่มจำนวนดาวในธง ในลักษณะเดียวกับธงชาติอิรักในเวลานั้นด้วย \nในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2534 ได้มีการเปลี่ยนแปลงธงชาติอิรักอีกครั้ง โดยธงชาติมีลักษณะคล้ายกับธงชาติยุค พ.ศ. 2506 แต่มีการเปลี่ยนนิยามความหมายของดาว 3 ดวงในธง ให้หมายถึงหลัก 3 ข้อคำขวัญของพรรคบะอัธ คือ เอกภาพ เสรีภาพ สังคมนิยม (อาหรับ: \"Wahda, Hurriyah, Ishtirakiyah\") และเพิ่มข้อความอักษรคูฟิก ภาษาอาหรับ แทรกระหว่างดาวสีเขียว 3 ดวงว่า \"\"อัลลอหุ อักบัร\"\" โดยประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน เป็นผู้ออกคำสั่งให้เพิ่มข้อความข้างต้น แม้จะไม่เป็นที่ยืนยันนัก แต่ก็มีการกล่าวกันว่า ข้อความอักษรคูฟิกดังกล่าวเป็นลายมือของซัดดัม ฮุสเซนเอง ทั้งยังมีอีกหลายคนตีความกันว่า ที่ซัดดัมทำเช่นนี้ก็เพื่อแสวงหาความสนับสนุนจากโลกอิสลามในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก (พ.ศ. 2534) \nหลังการสิ้นอำนาจของซัดดัมใน พ.ศ. 2547 ได้มีการเสนอธงชาติแบบใหม่ให้แทนธงเดิมในเดือนเมษายนปีเดียวกัน แต่ก็ไม่เคยมีการนำมาใช้แต่อย่างใด (ดูเพิ่มเติมข้างล่าง) ต่อมาในพิธีการส่งมอบอำนาจแก่รัฐบาลรักษาการณ์ของอิรัก เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2547 นั้น ได้มีการตกแต่งเวทีโดยใช้ธงซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกับธงชาติแบบเดิม กล่าวคือ เป็นธงสามสีแนวนอนพื้นสีแดง-ขาว-ดำ กลางแถบสีขาวมีรูปดาวสีเขียว 3 ดวง ระหว่างดาวทั้งสามมีข้อความภาษาอาหรับ เขียนด้วยอักษรคูฟิกว่า \"อัลลอหุ อักบัร\" ในลักษณะเป็นอักษรตัวเหลี่ยมสมัยใหม่ ธงชาติอิรักแบบแก้ไขเพิ่มเติมนี้ได้มีการเชิญขึ้นสู่ยอดเสาที่สถานทูตอิรักในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2547\nวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2547 สภาการปกครองอิรัก (Iraqi Governing Council หรือ IGC) ได้ประกาศใช้ธงชาติอย่างใหม่แทนธงเดิมในยุคของซัดดัม ฮุสเซน โดยเลือกจากธงที่ได้มีการการส่งเข้าประกวด 30 แบบ ซึ่งแบบธงที่ได้รับการคัดเลือกนี้ เป็นผลงานของของริฟัต อัล ชาเดอร์ชี (Rifat al-Chaderchi) ศิลปินและสถาปนิกชาวอิรัก ซึ่งพำนักอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร และเป็นพี่ชายของสมาชิกสภาการปกครองอิรักคนหนึ่งด้วย",
"ธงนีวเว เป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพื้นสีเหลือง ที่มุมธงบนด้านคันธงมีรูปธงชาติสหราชอาณาจักรประดับดาวห้าแฉกสีเหลือง 5 ดวง ประกอบด้วยดาวดวงใหญ่ในวงกลมสีน้ำเงินที่กลางกางเขนรูปธงนั้น 1 ดวง และที่แขนกางเขนตามแนวตั้งและแนวนอนด้านละ 1 ดวง รวม 4 ดวง ลักษณะดังกล่าวถือว่าค่อนข้างจะต่างจากธงที่ได้รับอิทธิพลจากธงเรือของสหราชอาณาจักรอย่างชัดเจน ธงนี้เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2518",
"ธงชาติสาธารณรัฐมาซิโดเนีย เป็นธงพื้นสีแดง กลางธงเป็นรูปพระอาทิตย์เปล่งรัศมีแปดทิศจดขอบธงชาติ รูปเหล่านี้เป็นสีเหลือง สัญลักษณ์ในธงดังที่กล่าวมามีความหมายว่า \"ดวงตะวันดวงใหม่แห่งเสรีภาพ\" ดังปรากฏวลีนี้ในบทแรกของเพลงชาติมาซีโดเนียในปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อว่า \"\"Denes nad Makedonija\"\" (แปลว่า \"วันนี้ทั่วแผ่นดินมาซีโดเนีย\") ดังนี้ในช่วงปี พ.ศ. 2487 - 2535 มาซิโดเนียมีฐานะเป็นสาธารณรัฐสังคมนิยมภายใต้การปกครองของสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย ธงชาติมีลักษณะเป็นธงสีแดงเกลี้ยงมีรูปดาวแดงขอบสีทองที่มุมธงบนด้านคันธง",
"หลังจากพม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี พ.ศ. 2491 จึงได้มีการกำหนดแบบธงชาติพม่าใหม่ ลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้าพื้นสีแดง ที่มุมบนด้านคันธงเป็นรูปสีเหลี่ยมผืนผ้าสีน้ำเงินขนาดเล็ก ภายในพื้นสีน้ำเงินนั้นมีรูปดาวห้าแฉกสีขาว 1 ดวง ล้อมรอบด้วยดาวสีขาวดวงเล็กอีก 5 ดวง ดาวดวงใหญ่หมายถึงสหภาพพม่า ดาวดวงเล็กทั้ง 5 หมายถึงชาวพม่า ชาวไทใหญ่ ชาวกะเหรี่ยง ชาวชิน และชาวคะฉิ่น ส่วนสีขาวนั้นหมายถึงความซื่อสัตย์ ธงนี้ได้รับการรับรองด้วยรัฐธรรมนูญแห่งสหภาพพม่า ฉบับลงวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2490 และชักขึ้นเหนือแผ่นดินพม่าครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2491 เวลา 4.25 น.",
"ธงชาติบุรุนดี เป็นธงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 3 ส่วน ยาว 5 ส่วน พื้นธงแบ่งเป็น 4 ส่วนด้วยกากบาททแยงสีขาว โดนช่องซ้ายและช่องขาวที่เกิดจากการแบ่งมีพื้นสีเขียว ช่องบนและช่องล่างพื้นสีแดง กลางการบาทนั้นเป็นรูปวงกลมสีขาว ภายในมีดาวหกแฉกสีแดงขอบเขียว 3 ดวง เรียงเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า (แถวบน 2 ดวง แถวล่าง 1 ดวง) เริ่มใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2520 ",
"ธงชาติปาปัวนิวกินี เป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 3 ส่วน ยาว 4 ส่วน ภายในธงแบ่งครึ่งธงตามแนวทแยง จากมุมบนด้านคันธงไปยังมุมล่างด้านปลายธง ครึ่งบนเป็นพื้นสีแดง มีภาพเงาสีทองของนกปักษาสวรรค์ ครึ่งล่างเป็นพื้นสีดำ มีดาวห้าแฉกสีขาวดวงใหญ่ 4 ดวง ดวงเล็ก 1 ดวง เรียงกันเป็นรูปกลุ่มดาวกางเขนใต้ ธงนี้เป็นแบบธงที่ชนะเลิศการประกวดแบบธงชาติในปี พ.ศ. 2514 ออกแบบโดยนางสาวซูซาน ฮูฮูม (Susan Huhume) นักเรียนหญิงวัย 15 ปี และได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 ",
"ธงชาติสิงคโปร์ เป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 2 ส่วน ยาว 3 ส่วน ประกอบด้วยแถบสองสีแบ่งครึ่งกลางธง แถบสีแดงอยู่ด้านบน แถบสีขาวอยู่ด้านล่าง ที่มุมธงบนด้านคันธงมีรูปพระจันทร์เสี้ยว ถัดจากรูปดังกล่าวมีรูปดาวห้าแฉก 5 ดวง เรียงเป็นรูปห้าเหลี่ยมด้านเท่า รูปเหล่านี้เป็นสีขาว ธงนี้เริ่มใช้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2502 ซึ่งเป็นปีที่สิงค์โปร์ได้สิทธิปกครองตนเองจากจักรวรรดิอังกฤษ และถือเป็นธงชาติของรัฐเอกราชเมื่อสิงคโปร์ประกาศเอกราชในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965)"
] |
นิชคุณ หรเวชกุล เกิดเมื่อวันที่เท่าไหร่ ? | [
"นิชคุณเกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2531 ที่เมืองแรนโค คูคามอนกา (Rancho Cucamonga) รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในครอบครัวไทยและนับถือศาสนาพุทธ บิดาเป็นชาวไทยชื่อ ธีรเกียรติ หรเวชกุล และมารดาเป็นชาวไทยชื่อ เย็นจิต หรเวชกุล นิชคุณเป็นลูกคนที่ 2 จาก 4 คนในครอบครัว มีพี่ชาย 1 คน คือ ณิชฌาน หรเวชกุล จบการศึกษาในคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ ที่ University of California riverside[1] และมีน้องสาวอีก 2 คน คือ[2]นิธิกานต์ ญาณิน หรเวชกุล จบการศึกษาแล้วจาก คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กับ ณัฐจารี หรเวชกุล ผู้เข้าประกวดในรายการเดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 9 ซึ่งกำลังศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ"
] | [
"เพลง Touch ของ Wilber Pan เพลง เจ็บและชินไปเอง ของ อีทีซี (ETC.) เพลง 이별이온다 (Farewell Is Coming) ของ 8eight เพลง Your Wedding (결혼식) ของ JUN.K",
"ปี 2549 นิชคุณได้เป็นนักแสดงหน้าใหม่ในสังกัดของ เจวายพี เอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งในขณะนั้นมีนักร้องนักแสดงดังอย่าง เรน อยู่ในสังกัดนี้ด้วย ซึ่งเซ็นสัญญาเป็นระยะเวลา 8 ปี[5] โดยได้เปิดตัวงานแรกจากสังกัดเจวายพี กับการรับหน้าที่เป็นพิธีกรให้กับรายการ Super Star Survival ที่จัดขึ้นที่ประเทศไทย เป็นรายการเรียลลิตี้หลังจากนั้นบินไปเกาหลี ดูการทำงานของบริษัท ดูการฝึกซ้อม เป็นเวลา 1 อาทิตย์ แล้วกลับเมืองไทยอีก 2 อาทิตย์ ถ่ายทำรายการที่สยามสแควร์ เริ่มมีคนมาขอถ่ายรูป เริ่มมีนักข่าว หนังสือแนวเกาหลีขอสัมภาษณ์ ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงกลับไปเรียนที่สหรัฐอเมริกา แต่เกิดปัญหาเรื่องส่งหนังสือลาไม่ถึง ทำให้ถูกปรับตก ไม่ได้จบแบบเต็มตัวแต่จบแบบ Diploma[4]",
"ปีรายการสถานีโทรทัศน์บทบาทหมายเหตุ2551Hot Blood MenMnetตัวเองก่อนวันเปิดตัวIdol Army Season 3MBCตัวเอง2551-ปัจจุบันStar KingSBSตัวเอง2551Yashimanman Season 2SBSตัวเอง25522PM Wild BunnyMnetตัวเอง2553We Got MarriedMBCตัวเองตอนล่าสุดออกอากาศ September 17, 2011,Running ManSBSตัวเองปรากฏตัวใน Ep 4-5, 19, 40, 50-51, 104, 195, 248, 256, 306 ในสถานะแขกรับเชิญAll My LoveMBCFake OkYupMore Charming By The DaySBSนิชคุณEp 762011Dream HighKBSCameoตอนที่ 8Welcome To The ShowSBSนิชคุณ2PM ShowSBSตัวเอง2013A Song For You From 2PMKBSตัวเอง2014One and a Half SummerDragon TVจาง ห้าว2015รับแซ่บ my bossTrue4Uเปี๊ยก",
"นิชคุณเข้าฝึกที่หอพักฝึกของบริษัทเจวายพี ที่มีการเรียน การเต้น การแสดงและเรียนภาษาเกาหลี โดยเรียนตั้งแต่ 11 โมงถึง 3 ทุ่ม โดยทุกเดือนจะมีการทดสอบวัดความสามารถ มีอาร์ตทิสเทรนนิงเป็นผู้รายงานพัฒนาการของเด็กที่ฝึกหัด และยังดูเรื่องมนุษยสัมพันธ์ หอฝึกมีกฎห้าม อย่างห้ามกินเหล้า ห้ามมีแฟน ใครฝ่าฝืนโดนไล่ออก มีคนอยู่ร่วมโครงการเดียวกับนิชคุณ 5 คน ส่วนด้านการเรียนต่อระดับอุดมศึกษานิชคุณ พักการเรียนไว้ก่อนเนื่องจากความยุ่งยากในการเรียนที่เกาหลี แต่ก็ฝันว่าอยากจะเรียนต่อด้านการทำอาหาร[6]",
"เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 นิชคุณได้ลำดับที่ 1 จากการจัดอันดับในหัวข้อ \"ริมฝีปากของสตาร์ที่อยากขโมย\" (Mnet Super 100 Star's Lips that Everyone Wants To Steal) ของรายการ Wide News Super 100 [23]",
"น้อง.พี่.ที่รัก () เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-คอมเมดี้-ดราม่า ร่วมเขียนบทและกำกับโดย วิทยา ทองอยู่ยง ผลิตโดยจอกว้างฟิล์ม และจัดจำหน่ายโดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า นำแสดงโดย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ อุรัสยา เสปอร์บันด์ และนิชคุณ หรเวชกุล มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพี่น้องที่ไม่ถูกกัน โดยมีพี่ที่พยายามขัดขวางความรักของผู้เป็นน้องสาว",
"เดือนพฤศจิกายน 2552 วงทูพีเอ็มออกผลงานอัลบั้มใหม่กับสมาชิก 6 คนในผลงานชุด 1:59PM มีเพลงเปิดตัวคือ \"Heartbeat\" หลังจากนั้นไม่นานวงทูพีเอ็มยังได้รับรางวัล 2 รางวัลใหญ่จากรางวัลเอ็มเนตเอเชียนมิวสิกอวอร์ดส ในสาขาศิลปินแห่งปีและรางวัลกลุ่มชาย[13]",
"นิชคุณยังถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 2 ในการจัดอันดับศิลปินฝ่ายชายที่ผู้หญิงเกาหลีอยากแต่งงานด้วย[19] โดยหลังจากที่ได้ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุดที่ชื่อ Niga Mibda ออกไป นิชคุณได้กระแสตอบรับที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน และนิชคุณได้ถูกจัดอันดับหนุ่มน่ารักของเกาหลีอีกรอบ จากอันดับที่ 9 เป็นอันดับที่ 8 จากการจัดอันดับ 100 ไอดอลของคนเกาหลี",
"การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเลือกนิชคุณเป็นพรีเซนเตอร์ของโครงการคัมทูไทยแลนด์ \"เลตส์เทกอะเบรก\" เพื่อรุกตลาดนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ โดยเหตุผลที่เลือกนิชคุณเพราะเป็นคนไทยที่สร้างชื่อเสียง เป็นนักร้องในวงทูพีเอ็มที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นเกาหลีและอยู่ในวัยเดียวกับกลุ่มเป้าหมายของโครงการนี้ เนื้อหาของภาพยนตร์โฆษณา มีเรื่องราวเกี่ยวกับนิชคุณที่สนุกกับกิจกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย เช่น ตีกอล์ฟ มวยไทย เทศกาลประเพณีต่างๆ เพื่อสื่อให้เห็นว่าเมืองไทยมีธรรมชาติที่สวยงาม มีกิจกรรมหลากหลายและมีศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ นอกจากนั้นยังเปิดเว็บไซต์ www.nichkhunbreak.com เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ เผยแพร่ข้อมูลและยังเป็นเว็บแฟนคลับของนิชคุณ เว็บไซต์บันเทิงยอดนิยม และมีการจัดทำคู่มือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทย[14]",
"เดือนเมษายน 2552 นิชคุณเดินทางกลับมาประเทศไทย เพื่อเข้ารับการคัดเลือกทหาร ที่วัดโกมุทพุทธรังษี ถนนพุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพฯ แต่เนื่องจากในพื้นที่นี้มีผู้สมัครเป็นทหารครบตามจำนวนแล้ว จึงไม่ต้องเข้ารับ การจับใบดำใบแดง (จับได้ใบแดง ในการสาธิต) [9] ต่อมาในเดือนเดียวกันเมื่อวันที่ 16 เมษายน พวกเขาปล่อยซิงเกิ้ลที่สองคือ \"2:00PM Time for change\" และหลังจากนั้นวันที่ 23 เมษายน ได้แสดงโชว์โชว์คัมแบ็คในเวทีเอ็มเน็ตเอ็มเคานต์ดาวน์ กับเพลง \"Again & Again\"[10]",
"ในปี พ.ศ. 2548 ขณะที่ศึกษาที่สหรัฐอเมริกา เพื่อนชาวเกาหลีชวนไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรีเกาหลี (Korean Music Festival) ในเมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งในวันนั้นบริษัทเจวายพี ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนในฮอลลีวูดกำลังหาคนมาออดิชั่นอยู่ จึงมีคนเข้ามาชักชวน และยังมีบริษัทพีเจ ซึ่งเป็นบริษัททำเพลงเช่นกันก็เข้ามาชวนเช่นกัน ในระหว่างที่ทั้งสองฝั่งคุยกันว่าใครมาก่อนมาหลัง นิชคุณก็เดินออกมา แต่ก็ให้เบอร์โทรศัพท์กับทั้ง 2 ซึ่งในวันรุ่งขึ้นบริษัทพีเจโทรมาก่อน แต่นิชคุณบอกไปว่ายังไม่สนใจ ในวันเดียวกันบริษัทเจวายพีก็โทรมา บอกว่าเป็นบริษัทที่เรนสังกัดอยู่ จึงสนใจขึ้นมาหน่อย ตื๊ออยู่นานจึงตกลงจะไปออดิชั่นให้ โดยนัดกันเจอที่ร้านสตาร์บัคส์ ซึ่งมีการตั้งกล้องหน้าร้าน นิชคุณร้องเพลง \"All Or Nothing\" ของวงโอทาวน์ จากนั้นก็เต้น จนคนในร้านมองกันทั้งร้าน หลังจากนั้นผ่านไป 2 อาทิตย์ก็โทรกลับมา โดยบริษัทชวนมาอยู่เกาหลี โดยจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้ ถือเป็นเด็กไทยคนแรกและคนเดียวที่ผ่านการออดิชั่น และเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถทำการออดิชั่นผ่านจากผู้เข้าออดิชั่นทั้งหมด 11 ประเทศทั่วโลก",
"ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2550 เจวายพีประกาศพวกเขาจะมีวงบอยแบนด์ ที่ประกอบด้วยสมาชิกประมาณ 11,12 หรือ 13 คน แต่ต่อมากลางเดือนสิงหาคม ประกาศรายชื่อสมาชิก 12 คน โดยมีนิชคุณอยู่ในกลุ่มนั้น โดยเป็นกลุ่มเดียวกับที่อยู่ในรายการเรียลลิตี้ ของพวกเขาที่ชื่อ Hot Blood Guys หรือชื่อไทย \"ปฏิบัติการหนุ่มล่าฝัน\" ออกอากาศทางช่องเอ็มเน็ต[7] ต่อมามีซิงเกิ้ลแรกออกอากาศทางเอ็ม! เคาน์ดาวน์ เมื่อ 4 กันยายน พ.ศ. 2551 กับซิงเกิ้ลที่ชื่อ \"Hottest Time of the Day\" ที่มีเพลงอย่าง \"10 out of 10\" ภายใต้วงทูพีเอ็ม ส่วนสมาชิกที่เหลือคือวงทูเอเอ็ม ซึ่งทั้งหมดรวมกันภายใต้ชื่อ วันเดย์",
"หลังจากนั้นนิชคุณ กลับมาประเทศไทยอีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2552 เพื่อเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต \"Mai-Tina Beauty On The Beat Concert\" ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2552 นิชคุณและวงทูพีเอ็มเข้าพบนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร่วมรณรงค์โครงการฉันรักประเทศไทย[11] ต่อมา 4 กรกฎาคม 2552 วงทูพีเอ็มแสดงในงานป็อปมิวสิกอวอร์ดส 2009 ที่พัทยา[12] อีก 2 วันถัดมาแสดงโชว์เคสที่ลานหน้าสยามพารากอน",
"Producer: กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา , Executive Producer: เรวัติ พุทธินันท์ , Producer Co-Ordinator: นิติพงษ์ ห่อนาค บันทึกเสียง: CenterstageStudio / ButterflyStudio ผสมเสียง: โยธิน ชีรานนท์ / ButterflyStudio นักดนตรี: วีระ โชติวิเชียร , เพชร มาร์ , นพพร อิ่มทรัพย์ , ศิริพงษ์ หรเวชกุล (แย้ เดอะ คิดส์) , กฤษณ์ โชคทิพย์พัฒนา , สมชัย ขำเลิศกุล ร้องสนับสนุน: ศิริพงษ์ หรเวชกุล (แย้ เดอะ คิดส์) , อนุช เตมีย์ (บอมบ์ เดอะ ร็อคฟาเธอร์) , พิศาล พานิชผล อำนวยการผลิต: ประชา พงศ์สุพัฒน์",
"ณัฐจารี หรเวชกุล เกิดวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2537 เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของ นายธีรเกียรติ หรเวชกุล กับ นางเย็นจิต หรเวชกุล โดยมีพี่ชาย 2 คน คือ ณิชฌาน หรเวชกุล และ นิชคุณ หรเวชกุล หนึ่งในสมาชิกวง ทูพีเอ็ม วงบอยแบนด์ชื่อดังของ เกาหลีใต้ และมีพี่สาว 1 คน คือ นิธิกานต์ หรเวชกุล ก่อนเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว เชอรีนเคยรวมกลุ่มกับเพื่อนๆเต้นคัฟเวอร์ (Cover Dance) ศิลปินเกาหลี โดยใช้ชื่อวงว่า BELiiZE เพื่อเข้าประกวด และเต้นโชว์ตามงานต่าง ๆ",
"| rowspan=\"2\"|2555 || รัก 7 ปี ดี 7 หน (ตอน 42.195) || เขา |- | ชมรมรัก คลับมหาสนุก เดอะมูวี่ || |- |rowspan=\"2\"|2556 |One And A Half Summer |Zhang Hao |- |Kindaichi Shounen no Jikenbo |Mataichi |- | 2557 || Five Eagle Brothers || ตำรวจ |- | 2558 || ฉลุย แตะขอบฟ้า || นิชคุณ |- | 2561 || น้อง.พี่.ที่รัก || โมจิ |- |}",
"เมื่ออายุได้ 1 ปี ครึ่ง นิชคุณย้ายกลับมาประเทศไทยพร้อมครอบครัว[3] โดยในช่วงแรกนิชคุณพักอาศัยอยู่ที่บ้านในซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 และศึกษาระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 4 ณ โรงเรียนเทพกาญจนา ซึ่งตั้งอยู่ย่านพรานนก ในระหว่างที่ศึกษาอยู่นั้นนิชคุณได้รับรางวัลนักเรียนสุขภาพฟันดีเสมอมา ในช่วงที่ศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 นิชคุณและครอบครัวย้ายไปพักอยู่ที่บ้านย่านถนนพุทธมณฑลสาย 3[4] นิชคุณจึงต้องย้ายไปศึกษา ณ โรงเรียนแห่งใหม่ คือ โรงเรียนตั้งพิรุฬห์ธรรม จนสำเร็จการศึกษาระดับประถมศึกษา หลังจากนั้นได้เข้าศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ณ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล หลังจากสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นิชคุณย้ายไปศึกษาที่ประเทศนิวซีแลนด์ ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งดำเนินการสอนแบบคาทอลิก และมีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี โดยในช่วงแรก นิชคุณพักอาศัยอยู่กับพี่ชายซึ่งศึกษาอยู่ใน นิวซีแลนด์ด้วยเช่นกัน แต่ภายหลังพี่ชายย้ายไปศึกษาต่อใน สหรัฐอเมริกา เป็นเหตุให้นิชคุณรู้สึกเหงา คิดถึงบ้านเป็นอย่างมาก และโทรติดต่อกับครอบครัวในประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง แต่ในที่สุดก็สามารถปรับตัวกับการอยู่เพียงลำพังคนเดียวได้",
"ขณะนี้อยู่ในช่วงพักงานทบทวนสัญญาจากทางค่ายชั่วคราวก่อนคัมแบ็ค",
"2008 มินิอัลบั้มแรกกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม \"Hottest Time of the Day\" 2009 มินิอัลบั้มที่สองกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม \"2:00 PM Time for change\" 2009 อัลบั้มแรกกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม \"1:59PM\" 2010 มินิอัลบั้มที่สามกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม \"Don't Stop Can't Stop\" 2010 มินิอัลบั้มที่สี่กับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม \"Still 2:00pm\" 2011 อัลบั้มที่สองกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม \"Hands Up\" 2013 อัลบั้มที่สามกับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม \"GROWN\" 2014 อัลบั้มที่สี่กับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบั้ม \"Go Crazy \" 2015 อัลบัมที่ห้ากับบอยแบนด์วง 2PM ชื่ออัลบัม \"NO.5\"",
"นิชคุณ หรเวชกุล นักร้องชาวไทย เชื้อชาติไทย-จีน เป็นหนึ่งในสมาชิกในหกคน ของวงดนตรีเกาหลีใต้ \"ทูพีเอ็ม\" สังกัดเจวายพีเอ็นเตอร์เทนเมนท์ นอกจากนั้น ยังเป็นพิธีกรในหลายรายการโทรทัศน์ของเกาหลี",
"นอกจากนั้นยังได้รางวัล MR.Beauty จากการประกาศผลรางวัล MNET 20's Choice 2009",
"ในขณะที่นิชคุณอายุได้ 12 ปี และสำเร็จการศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษโดยใช้เวลาศึกษาประมาณ 1 ปีครึ่ง ในประเทศนิวซีแลนด์ ป้าของนิชคุณซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกาแจ้งให้ครอบครัวของนิชคุณทราบว่ามีห้องพักว่างและหากนิชคุณต้องการที่จะย้ายมาศึกษาที่สหรัฐอเมริกา ก็สามารถมาพักอาศัยอยู่ด้วยได้ นิชคุณจึงตัดสินใจย้ายมาศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา ในเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐ แคลิฟอร์เนีย โดยเริ่มศึกษาในระดับ (เกรด) 9 ในช่วงแรกของการศึกษา ผลการศึกษาของนิชคุณ (คะแนนเฉลี่ย) อยู่ที่ประมาณ 3.8-3.9 แต่ในภายหลัง คะแนนเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.7 เนื่องจากทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนน้อยลงแต่ให้กับเพื่อนๆ มากขึ้น เมื่อศึกษาไปได้ระยะหนึ่ง นิชคุณย้ายไปศึกษาต่อ ณ โรงเรียนมัธยม Los Osos ในลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เพิ่งเปิดใหม่ ตั้งอยู่ใกล้บ้านพัก พี่ชายของนิชคุณต้องการให้นิชคุณย้ายมาศึกษาในโรงเรียนแห่งใหม่นี้ เนื่องจากเห็นว่าโรงเรียนเก่ามีสภาพแวดล้อมไม่ค่อยดีนักและไม่ปลอดภัย ในขณะที่โรงเรียนแห่งใหม่มีขนาดใหญ่กว่า และสภาพแวดล้อมดีกว่า แม้ว่านิชคุณจะค่อนข้างอิดออดเนื่องจากความคุ้นเคยกับโรงเรียนเก่าและเพื่อนๆ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจย้ายโรงเรียน ภายหลังจากที่ปรับตัวเข้าการเรียนในโรงเรียนแห่งใหม่และรู้จักเพื่อนมากขึ้น ผลการเรียนของนิขคุณต่ำลงเล็กน้อย คะแนนเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.4 อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ศึกษาระดับมัธยมใน สหรัฐอเมริกา นิชคุณเป็นที่รู้จักของบรรดานักเรียนในโรงเรียน และเป็นแบบอย่างในด้านการแต่งตัว มีนักเรียนจำนวนมากที่แต่งตัวเลียนแบบนิชคุณ[4] และ",
"วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2553 รายการ 'Section TV Entertainment' ทางสถานีโทรทัศน์ MBC จัดลำดับดาราชาวต่างชาติที่กำลังได้รับความนิยมทั้งในวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ในเกาหลีใต้ ซึ่งนิชคุณได้ลำดับที่ 2[24]",
"ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 7 ในสุดยอดหนุ่มหน้าสวยประจำปี 2009 หรือ Mnet Super 100 Flower Boys! (2009) ที่จัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ Mnet[20] อยู่ในลำดับที่ 16 จากการจัดอันดับ Mnet Super 100 Endorphins Star หรือ \"ดาราสร้างความสุข\" ดาราอารมณ์ดีที่เห็นกี่ทีก็มีความสุข [21] จากผลสำรวจของ Bugs กับหัวข้อ 'ศิลปินที่คุณอยากไปเที่ยวพักผ่อนในฤดูร้อนมากที่สุดคือใคร?' จากผู้ร่วมตอบคำถามในโพลกว่า 4,130 คน นิชคุณติดอยู่อันดับ 3[22]",
"ผลงานทางด้านพิธีกร เมื่อปี 2007 นิชคุณเป็นพิธีกรรายการ J's Studio ซึ่งคุณได้เป็นพิธีกรร่วมกับแทกยอนจากเกาหลี แต่ออกอากาศได้ 2 ตอน รายการก็ถูกยกเลิกไป[8] นิชคุณเป็นพิธีกรร่วมกับนักร้อง-นักแสดง และพิธีกรชื่อดังของเกาหลี คือ คัง โฮดง, ยูนจองชิน, คิมแจดง, ชอนจิน, เอ็มซี มง และซออินยอง ในรายการ Ya Shim Man Man 2 ซึ่งเริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2551 ออกอากาศทั้งหมด 15 ตอน ก็ต้องขอถอนตัวออกเนื่องด้วยภาษาที่ยังไม่แข็งแรง แต่นิชคุณยังเป็นแขกรับเชิญประจำของรายการวาไรตี้ที่ชื่อ Star King",
"ส่วนในเรื่องการจัดอันดับต่าง ๆ นิชคุณ อยู่ในอันดับที่ 17 จากการจัดอันดับ 100 ไอดอล ของคนเกาหลี ประจำปี 2009 ของเว็บไซต์วงการบันเทิงเอ็มเน็ตส์[15] ในการจัดอันดับหนุ่มน่ารักของเกาหลี นิชคุณติดอยู่ในรายชื่อจากการสำรวจนี้ที่อันดับที่ 9[16] ได้อันดับที่ 6 จากการจัด 10 อันดับ นักร้องที่มีดวงตาเป็นเสน่ห์[17]อันดับที่ 3 จากการจัด 10 อันดับ นักร้องผู้ใสซื่อ[18]",
"น้อง.พี่.ที่รัก มีข่าวการทำภาพยนตร์เป็นครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปี พ.ศ. 2560 โดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า ได้โพสต์รูปนักแสดงหลักคือ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, อุรัสยา เสปอร์บันด์, และ นิชคุณ หรเวชกุล ที่กลับมาร่วมงานกับจีดีเอช ห้าห้าเก้าอีกครั้ง และประกาศชื่อเรื่องอย่างไม่เป็นทางการว่า \"Brother & Sister\" ",
"หัวใจหลักในการทำงานของยูนิเซฟ คือ การลงภาคสนามไปกับบรรดาผู้อาสามาร่วมงานด้วยในมากกว่า 150 กว่าประเทศ และยังมีสำนักงานตั้งอยู่ในประเทศต่างๆ มากกว่า 120 ประเทศ สำหรับของไทยจะมี คุณอานันท์ ปันยารชุนเป็นทูตยูนิเซฟประจำประเทศไทย โดยมี เคน ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ และ แอน ทองประสม เข้าร่วมเป็นทูตพิเศษเพื่อเยาวชนขององค์การยูนิเซฟ ตั้งแต่ปี 2551 ปัจจุบัน มี นิชคุณ หรเวชกุล พอลล่า เทเลอร์ ดาวิกา โฮร์เน่ พชร จิราธิวัฒน์ วนิษา เรซ และ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เข้าร่วมเป็น Friends of UNICEF",
"หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2531 หมวดหมู่:บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ หมวดหมู่:นักแสดงไทย หมวดหมู่:ชาวไทยเชื้อสายไหหลำ หมวดหมู่:พิธีกรไทย หมวดหมู่:เคป็อป หมวดหมู่:นักร้องไทย หมวดหมู่:ไอดอลเกาหลีใต้"
] |
เมืองใดในประเทศกัมพูชามีขนาดใหญ่ที่สุด? | [
"ด้วยประชากรกว่า 14.8 ล้านคน กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 66 ของโลก ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งประชากรกัมพูชานับถือประมาณ 95% ชนกลุ่มน้อยในประเทศมีชาวเวียดนาม ชาวจีน ชาวจาม และชาวเขากว่า 30 เผ่า[11] เมืองหลวงและเมืองใหญ่สุด คือ พนมเปญ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของกัมพูชา"
] | [
"ชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนมีอยู่ประมาณ 343,855 คน โดยส่วนมากเป็นเชื้อสายแต้จิ๋วประมาณ 60% รองลงมาได้แก่ กวางตุ้ง 20% ฮกเกี้ยน 7% ส่วนกลุ่มแคะ และไหหลำ มีรวมกันมีเพียง 4%\nแต้จิ๋ว (潮州) เป็นกลุ่มที่มากที่สุดในบรรดาชาวกัมพูชาเชื้อสายจีน โดยส่วนใหญ่บรรพบุรุษอพยพมาจากเมืองเจียหยัง (กิกเอี๊ย), เฉาหยัง (เตี่ยเอี๊ย) และผู่หนิง (โผวเล้ง) โดยกลุ่มนี้จะเป็นผู้กุมอำนาจในด้านของการค้าสินค้าเกษตรกรรม พบได้ทั่วไปตามเมืองขนาดใหญ่ของกัมพูชา\nกวางตุ้ง (廣東) เป็นกลุ่มที่อพยพมาพำนักอยู่ก่อนกลุ่มการอพยพของกลุ่มแต้จิ๋วในช่วงปี ค.ศ. 1930 ชาวกวางตุ้งส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเขตเมือง ชาวกวางตุ้งจะประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งคมนาคม และมีจำนวนไม่น้อยที่ทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้าง โดยเฉพาะช่างไม้ ชาวกัมพูชาเรียกคนจีนกลุ่มนี้ว่า \"เจินคะตุง (Chen-Catung) \" มีชุมชนขนาดใหญ่ในจังหวัดกำปงจาม\nไหหลำ (海南) เป็นกลุ่มชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนที่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมืองกัมปอด จังหวัดกัมปอด โดยจะประกอบอาชีพทำสวนพริกไทยแต่ปัจจุบันส่วนใหญ่อพยพไปอยู่ในพนมเปญ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 กลุ่มชาวจีนไหหลำเป็นผู้กุมเศรษฐกิจเกี่ยวกับการโรงแรม และธุรกิจร้านอาหาร\nแคะ (客家) ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในพนมเปญ และจังหวัดสตึงแตรง โดยชาวแคะรุ่นใหม่หันมาประกอบอาชีพเป็นทันตแพทย์ นอกนั้นยังประกอบอาชีพขายยาจีนแผนโบราณ และร้านโชห่วย",
"ผู้นำเสียงข้างน้อย (; \"บฺรธานกฺรุมภาคติจ\") หรือ ผู้นำฝ่ายค้าน () คือ หัวหน้าพรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชา (National Assembly of Cambodia) ซึ่งมิได้ร่วมรัฐบาล ผู้นำเสียงข้างน้อยทำหน้าที่ประสานระหว่างนายกรัฐมนตรีและผู้นำเสียงข้างมาก หัวหน้าพรรคใดจะเป็นผู้นำเสียงข้างน้อย พรรคนั้นต้องมีที่นั่งอย่างน้อย 25% ในสภา",
"ปราสาทแม่บุญตะวันตก () เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ในเมืองพระนคร ประเทศกัมพูชา บริเวณกึ่งกลางบารายตะวันตกซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองพระนคร วันที่สร้างไม่ปรากฏเป็นที่แน่ชัด แต่จากพยานหลักฐานกล่าวว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 11 ในสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 หรือพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 ในฤดูแล้ง สามารถเข้าถึงตัวปราสาทได้โดยทางบก แต่ในฤดูฝน น้ำจะท่วมรอบๆ ปราสาทซึ่งตั้งอยู่บนที่ดอนจะกลายเป็นเกาะอยู่ในบาราย",
"สภาพการเมืองในกัมพูชาปัจจุบันถือว่ามีเสถียรภาพ พรรคการเมืองสองพรรคหลักซึ่งประกอบขึ้นเป็นรัฐบาลกัมพูชา คือ พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของสมเด็จฮุน เซน และพรรคฟุนซินเปก (FUNCINPEC) ของสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ สามารถร่วมมือกันได้อย่างราบรื่น ทั้งในด้านบริหารและด้านนิติบัญญัติ รวมทั้งมีท่าทีที่สอดคล้องกันเป็นส่วนใหญ่ในประเด็นทางการเมืองสำคัญ ๆ ของประเทศ อาทิ เรื่องการนำตัวอดีตผู้นำเขมรแดงมาพิพากษาโทษ เป็นต้น",
"ตลาดชายแดนบ้านคลองลึกเป็นตลาดพรมแดนขนาดใหญ่ ผู้ประกอบการค้ากว่าร้อยละ 90 เป็นชาวกัมพูชา (ปัจจุบันรอการยืนยันสถานะของชาวเวียดนามที่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เข้ามาแทนที่ชาวกัมพูชา ชาวกัมพูชาส่วนมากจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย เบื้องหลังกลุ่มชาวเวียดนามกำลังมีบทบาทขึ้นเรื่อย ๆ) รายได้ของไทยมาจากการส่งออกสินค้าพื้นฐานทั้งอุปโภค บริโภค อุปกรณ์ก่อสร้าง ปัจจุบันรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อที่ผลิตในไทยก็กำลังได้รับความนิยมเช่นกัน รวมถึงก๊าซหุงต้ม ชาวกัมพูชานิยมนำรถรถยนต์นั่งดัดแปลงเข้ามาเติมในสถานี้เติมก๊าซรถยนต์ในอำเภออรัญประเทศ และนำกลับเข้าไปจำหน่ายในฝั่งกัมพูชาเพื่อบรรจุเป็นก๊าซหุงต้มครัวเรือน ซึ่งกำลังเป็นธุรกิจที่น่าจับตามองเกี่ยวข้องกับความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมายของไทย",
"ต่อมาในช่วงอารยธรรมขอมในประเทศกัมพูชาได้เจริญถึงขีดสุดราวพุทธศตวรรษที่ 16 – 18 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย พบปราสาทหินและเมืองโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบขอม เป็นจำนวนมาก ได้แก่ เมืองพิมาย อันมีปราสาทพิมายเป็นศูนย์กลางของเมือง ตัวเมืองมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ เป็นต้น ช่วงระยะเวลานี้มีหลักฐานว่าเมืองสุรินทร์ได้รับอิทธิพลอารยธรรมของขอมโบราณอย่างมากเช่นกัน มีการปรับแผนผังเมืองให้ใหญ่ขึ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบขอมโบราณมีคูน้ำ 2 ชั้น คันดิน 1 ชั้น ล้อมรอบ ขนาดกว้าง 1,500 เมตร ยาว 2,500 เมตร ล้อมรอบตัวเมืองเดิมรูปวงรีในสมัยก่อนหน้านั้นไว้ภายในอีกชั้นหนึ่ง ส่วนพื้นที่อำเภอต่างๆ พบปราสาทขอมโบราณอีกหลายแห่ง",
"ไพรแวง หรือ กรุงไพรแวง () เป็นเมืองหลักของจังหวัดไพรแวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา เมืองนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวฝรั่งเศสในยุคอินโดจีน ซึ่งสถาณที่หลายแห่งทรุดโทรมแล้ว มีทะเลสาบขนาดใหญ่ทางตะวันตกของเมือง ซึ่งโดยปกติจะแห้งตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนสิงหาคม",
"นครรัฐของชาวปยูไม่เคยรวมตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่นครรัฐขนาดใหญ่มักมีอิทธิพลเหนือนครรัฐขนาดเล็กซึ่งแสดงออกโดยการส่งเครื่องบรรณาการให้ นครรัฐที่มีอิทธิพลมากที่สุดได้แก่ศรีเกษตร ซึ่งมีหลักฐานเชื่อได้ว่า เป็นเมืองโบราณที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศพม่า ไม่ปรากฏหลักฐานว่าอาณาจักรศรีเกษตรถูกสถาปนาขึ้นเมื่อใด แต่มีการกล่าวถึงในพงศาวดารว่ามีการเปลี่ยนราชวงศ์เกิดขึ้นในปีพุทธศักราช 637 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาณาจักรศรีเกษตรต้องได้รับการสถาปนาขึ้นก่อนหน้านั้น มีความชัดเจนว่า อาณาจักรศรีเกษตรถูกละทิ้งไปในปีพุทธศักราช 1199 เพื่ออพยพย้ายขึ้นไปสถาปนาเมืองหลวงใหม่ทางตอนเหนือ แต่ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าเมืองดังกล่าวคือเมืองใด นักประวัติศาสตร์บางท่านเชื่อว่าเมืองดังกล่าวคือเมืองฮะลีนจี อย่างไรก็ตามเมืองดังกล่าวถูกรุกรานจากอาณาจักรน่านเจ้าในราวพุทธศตวรรษที่ 15 จากนั้นก็ไม่ปรากฏหลักฐานกล่าวถึงชาวปยูอีก",
"นายนพดล ปัทมะ ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินคดีตาม คดีหมายเลขดำ อม.3/2556 โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และที่ปรึกษากฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในกรณีที่นายนพดลไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ที่สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไทยโดยภายหลังศาลฏีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองมีมติรับฟ้องเมื่อ วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556\n4 กันยายน 2558 - ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาในคดี ที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นโจทห์ ยื่นฟ้อง นายนพดล ปัทมะ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ในกรณีที่ นายนพดล ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย - กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน ปี 2551 สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไทย ",
"เอสเอ็มอี () หมายถึง วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ส่วนใหญ่ในต่างประเทศจะใช้สินทรัพย์ถาวรและจำนวนของการจ้างงาน รวมไปถึงทุนที่ใช้ในการจดทะเบียน ยอดในการขายสินค้าหรือ เงินทุนเป็นหลักเกณฑ์ในการวัดว่า กิจการใดเป็นกิจการขนาดกลาง กิจการใดเป็นกิจการขนาดย่อม แต่ในส่วนของประเทศไทย จะใช้ มูลค่าสินทรัพย์ถาวรรวมกับที่ดิน เป็นเกณฑ์ในการวัดว่า กิจการใดเข้าข่าย วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม",
"ทางรถไฟที่สำคัญมีสองสายโดยทั้งหมดมีจุดเริ่มที่พนมเปญ มีระยะทางรวม 612 กิโลเมตร เป็นรางรถไฟทางเดี่ยวขนาดหนึ่งเมตร (มีเตอร์เกจ) ทั้งนี้กัมพูชามีแผนสร้างทางรถไฟสายที่สามเพื่อเชื่อมต่อพนมเปญกับเวียดนาม รวมถึงทางรถไฟระหว่างประเทศสิงคโปร์เชื่อมต่อกับเมืองคุนหมิง ประเทศจีน และสายเหนือ-ใต้",
"กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกัมพูชาคือชาวเขมร สำหรับชนกลุ่มน้อยที่มีมากที่สุดคือชาวเวียดนาม อีกจำนวนหนึ่งเป็นลูกหลานของพ่อค้าชาวจีน และกลุ่มชาติพันธุ์พื้นเมืองเช่นชาวม้ง พนองและไทรวมทั้งกลุ่มอื่นๆที่เรียกชาวเขมรบนหรือแขมร์เลอ. กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยในที่ลุ่มร่วมกับชาวเขมรคือชาวจาม ชาวจีน และชาวเวียดนาม\nชาวเขมรเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้ คาดว่าเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากชาวมอญไม่นาน โดยเข้ามาแทนที่กลุ่มชาติพันธุ์ที่พูดภาษาในกลุ่มภาษามอญ-เขมรและตระกูลภาษาออสโตรนีเซียนและสร้างจักรวรรดิเขมรขึ้นในอดีต ชาวเขมรยังแบ่งได้เป็นกลุ่มย่อย 3 กลุ่มตามประเทศและภาษาที่ใช้คือชาวเขมรในกัมพูชา พูดภาษาเขมร ชาวเขมรเหนือหรือเขมรสุรินทร์อยู่ในประเทศไทยและพูดภาษาเขมรที่เป็นสำเนียงของตนเองและพูดภาษาไทยด้วย ชาวขแมร์กรอมเป็นชาวเขมรที่อยู่ทางภาคใต้ของเวียดนาม พูดภาษาเขมรที่เป็นสำเนียงของตนเองและพูดภาษาเวียดนาม บางส่วนอพยพเข้าสู่กัมพูชาเพราะถูกบังคับหรือหนีระบอบคอมมิวนิสต์ในเวียดนาม\nมีประมาณร้อยละ 1 ของประชากรทั้งหมด ส่วนใหญ่เข้ามาตั้งรกรากเมื่อพุทธศตวรรษที่ 23-24 เพื่อมาค้าขาย แบ่งตามภาษาพูดได้เป็น 5 กลุ่มคือ จีนแต้จิ๋ว (60%) จีนกวางตุ้ง (20%) จีนฮกเกี้ยน (7%) จีนฮากกาและจีนไหหลำอย่างละ 4% การแต่งงานระหว่างชาวเขมรและชาวจีนเป็นเรื่องปกติ มีการหลอมรวมเข้ากับสังคมเขมร และยังคงเหลือวัฒนธรรมจีนบางส่วนไว้ ชาวจีนจำนวนมากถูกฆ่าตายในสมัยพล พต แม้จะไม่ใช่กลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นเป้าหมายโดยตรง แต่จะถูกฆ่าไปพร้อมกับชนชั้นสูงของกัมพูชา\nชาวเวียดนามเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีมากที่สุดในกัมพูชา มีผู้อพยพชาวเวียดนามประมาณ 2 ล้านคน ในพื้นที่ต่างๆ ชาวเวียดนามมีความคล้ายคลึงทางวัฒนธรรมกับชาวเขมรน้อยแม้จะพูดภาษาในตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติกเช่นกัน ชาวเขมรรับอิทธิพลทางวัฒนธรรมมาจากอินเดีย ในขณะที่ชาวเวียดนามรับอิทธิพลมาจากจีน ความตึงเครียดระหว่างทั้งสองชาติเกิดขึ้นเนื่องจากเวียดนามเคยพยายามเข้ายึดครองกัมพูชาระหว่างพุทธศตวรรษที่ 23-24 ซึ่งเป็นช่วงที่กัมพูชาอ่อนแอ ต้องพึ่งพาทั้งไทยและเวียดนาม แต่การดำเนินนโยบายของเวียดนามแข็งกร้าวกว่าเพราะต้องการจัดตั้งรัฐบาลที่ควบคุมโดยเวียดนามปกครองกัมพูชา ต้องการให้ชาวเขมรเปลี่ยนการแต่งกายและภาษาพูด ลูกหลานของชาวเวียดนามในกัมพูชาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่บรรพบุรุษมาตั้งถิ่นฐานเมื่อพุทธศตวรรษที่ 25 ไม่ได้พูดภาษาเวียดนามเพียงภาษาเดียวแต่ได้สร้างวัฒนธรรมผสมขึ้น ส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงและยังคงเอกลักษณ์ของตนเองไว้\nมีทั้งชาวไทย ชาวลาว ชาวไทใหญ่และกุลา มีเป็นชนส่วนน้อยในกัมพูชา ชาวไทยส่วนใหญ่อยู่ในพนมเปญและชาวไทยเกาะกงในจังหวัดเกาะกง ชาวลาวมักอยู่กับขนกลุ่มน้อยทางภาคเหนือ ชาวไทใหญ่และกุลาอยู่ในไพลิน ซึ่งภาษาเขมรสำเนียงที่พูดในบริเวณนี้จะได้รับอิทธิพลด้านการออกเสียงและวรรณยุกต์จากภาษาพม่าหรือภาษาไทใหญ่ ชนทั้งสองกลุ่มนี้ มีบทบาทในการค้าพลอย",
"เนื่องจากตั้งอยู่เป็นบริเวณที่เป็นชายขอบระหว่างรัฐที่มีอำนาจ เป็นรัฐกันชน นครราชสีมาจึงมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวพันกับความขัดแย้งระหว่างรัฐอยู่เสมอ เช่น ระหว่างสยามกับกัมพูชา หรือ ระหว่างสยามกับล้านช้าง หรือ ในบางครั้งได้มีความพยายามที่จะตั้งตัวเป็นรัฐอิสระไม่ขึ้นกับผู้ใด เฉกเช่นเดียวกับบรรดาเมืองใหญ่อื่น ๆ",
"ศรีโสภณ () เป็นเมืองหลักของจังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา และยังเป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 2 ของประเทศกัมพูชา",
"ถนนเส้นนี้ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ขนส่งสินค้าระหว่างเมืองกับท่าเรือ ทำให้บางช่วงของทางหลวงหมายเลข 4 เป็นถนนที่เก็บค่าผ่านทาง ซึ่งมีอยู่ 3 ด่านด้วยกัน และเป็นถนนที่อันตรายที่สุดในกัมพูชา เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งและมีการควบคุมที่ไม่เพียงพอ",
"ในเอกสารจีนได้กล่าวถึงเขตแดนของอาณาจักรพนมไว้ดังนี้ ฟูนันมีระยะ ๓,๐๐๐ ลี้ จากประเทศลีนยี (จามปา) ไปทางตะวันตก ฟูนันมีระยะ ๗,๐๐๐ ลี้ จากตงกึง (Jenan) ฟูนันมีความกว้าง ๓,๐๐๐ ลี้ ภายหลังขยายดินแดนมีขนาดถึง ๕,๐๐๐ หรือ ๖,๐๐๐ ลี้ ฟูนันอยู่ตรงอ่าวใหญ่ ฟูนันมีแม่น้ำใหญ่ไหลจากทางตะวันตก (เอกสารบางฉบับว่าพายัพ) แล้วไหลลงสู่ เมื่อพิจารณาว่าระยะทาง ๑ ลี้ มีความยาวเท่ากับ ๕๗๖ เมตร จะได้ระยะทางจากลีนยีมาฟูนันเท่ากับ ๑,๗๒๘ ก.ม. ซึ่งจะตรงกับประเทศกัมพูชา และตอนกลางประเทศไทยในปัจจุบัน ทะเลตามที่ว่าคืออ่าวไทย แม่น้ำใหญ่ที่ว่าคือแม่น้ำโขงหรือเม่น้ำสาบนั่นเอง สรุปก็คือศูนย์กลางรัฐฟูนันอยู่ตรงที่ราบด้านใต้แม่น้ำโขง ซึ่งจุดนี้นักค้นคว้าเห็นพ้องต้องกัน ",
"ตำบลปรือใหญ่ เป็นตำบลหนึ่งในอำเภอขุขันธ์ เดิมขึ้นอยู่กับตำบลห้วยใต้ อำเภอห้วยเหนือ เมืองขุขันธ์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 ได้แยกจากตำบลห้วยใต้ และได้ยกฐานะเป็น ตำบลปรือใหญ่ อำเภอห้วยเหนือ จังหวัดขุขันธ์ ต่อมา ระยะแรกมี 11 หมู่บ้าน ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๘๑ ทางราชการได้เปลี่ยนชื่อจังหวัดขุขันธ์ เป็นชื่อจังหวัดศรีสะเกษ และเปลี่ยนชื่ออำเภอห้วยเหนือ เป็นชื่ออำเภอขุขันธ์ จึงทำให้ตำบลปรือใหญ่ อยู่ในอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ปัจจุบันตำบลปรือใหญ่ ประกอบด้วย 19 หมู่บ้าน มีกำนันปกครองตั้งแต่ยกฐานะจนถึงปัจจุบัน รวม 5 คน คำว่า \"ปรือใหญ่\" แปลว่า \"ป่าใหญ่\" เนื่องจากในสมัยก่อนตำบลปรือใหญ่นั้นมีอาณาเขตกว้างขวางมากติดชายแดนประเทศกัมพูชา และมีผืนป่าขนาดใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์มาก แต่ในปัจจุบันได้ถูกแยกออกไปเป็นตำบลตะเคียนราม ตำบลโคกตาล และตำบลดงรัก อำเภอภูสิงห์ จึงทำให้ปัจจุบันนี้ตำบลปรือใหญ่เหลือพื้นที่ป่าลดน้อยลง",
"เซี่ยงไฮ้มีพื้นที่ของท่าเทียบเรือกว่า 13.6 ตร.กม. นับตั้งแต่ปีทศวรรษที่ 80 ท่าเรือขนส่งเซี่ยงไฮ้เป็นท่าเรือ ขนาดใหญ่ติดอันดับโลก ที่มีสินค้าเข้าออกสูงกว่า 100 ล้านตัน ปลายปี พ.ศ. 2546 มหานครเซี่ยงไฮ้ (Shanghai) ได้รับการขนานนามว่าเป็น \"นครปารีสแห่งตะวันออก\" ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มมหานครไฮโซอันดับ 5 ของโลก รองจาก กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นิวยอร์ก ลอนดอน และ ปารีส รูปแบบการปกครองของมหานครเซี่ยงไฮ้จัดอยู่ในกลุ่มเมืองที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง ซึ่งไม่ขึ้นต่อมณฑลใด ๆ ทั้งสิ้น และปัจจุบันประเทศจีนมีเมืองที่มีรูปแบบการปกครองลักษณะนี้ทั้ง สิ้น 4 เมืองด้วยกัน ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เทียนจินและฉงชิ่ง มหานครเซี่ยงไฮ้ ปัจจุบันนับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก และมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของประเทศจีน เป็นเมืองศูนย์กลางความเจริญในด้านต่างๆ ของภูมิภาค ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การเงิน การลงทุน รวมถึง ด้านแฟชั่น และการท่องเที่ยว โดยการผลักดันของรัฐบาลซึ่งให้นครเซี่ยงไฮ้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำ และเป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย เซี่ยงไฮ้จึงนับเป็นความภูมิใจของชาวจีน โดยเฉพาะชาวเมืองซึ่งถือกันว่าเมืองของตนเป็นสัญลักษณ์ของจีนยุคใหม่ ในด้านความก้าวหน้า และทันสมัย เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีการผสมผสานทางด้านวัฒนธรรม ทั้งของจีนและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน โดยจะเห็นได้จากอาคารสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคมตามเขตเช่าเดิมของชาวตะวันตก ซึ่งในปัจจุบันกลายมาเป็น สัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเมือง",
"ปอยเปต () เป็นเมืองชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งอยู่ที่ตำบลปอยเปต อำเภออูร์ชเรา จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา อยู่ติดกับอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ประเทศไทย ตัวเมืองมีบ่อนกาสิโนเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นผู้ใช้บริการ เนื่องจากการพนันในประเทศไทยผิดกฎหมาย",
"เขตภูเขาสูง เป็นพื้นที่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ย 1,500 เมตรขึ้นไป พื้นที่นี้อยู่ในเขตภาคเหนือของประเทศ เขตที่ราบสูง คือพื้นที่ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 1,000 เมตร ปรากฏตั้งแต่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของที่ราบสูงเมืองพวนไปจนถึงชายแดนกัมพูชา เขตที่ราบสูงนี้มีที่ราบสูงขนาดใหญ่อยู่ 3 แห่ง ได้แก่ ที่ราบสูงเมืองพวน (แขวงเชียงขวาง), ที่ราบสูงนากาย (แขวงคำม่วน) และที่ราบสูงบริเวณ (ภาคใต้) เขตที่ราบลุ่ม เป็นเขตที่ราบตามแนวฝั่งแม่น้ำโขงและแม่น้ำต่าง ๆ เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในเขตพื้นที่ทั้ง 3 เขต นับเป็นพื้นที่อู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญของประเทศ แนวที่ราบลุ่มเหล่านี้เริ่มปรากฏตั้งแต่บริเวณตอนใต้ของแม่น้ำงึม เรียกว่า ที่ราบลุ่มเวียงจันทน์ ผ่านที่ราบลุ่มสุวรรณเขต ซึ่งอยู่ตอนใต้เซบั้งไฟและเซบั้งเหียง และที่ราบจำปาศักดิ์ทางภาคใต้ของลาว ซึ่งปรากฏตามแนวแม่น้ำโขงเรื่อยไปจนจดชายแดนประเทศกัมพูชา",
"พระพุทธศาสนาได้รับอิทธิพลด้านนิกายแต่เดิมเป็นในแบบพุทธศาสนามหายาน และเถรวาท ดังปรากฏหลักฐานเป็นศาสนสถานการก่อสร้างปราสาทนครธม ที่เป็นอุดมคติและแนวคิดอันเนื่องด้วยศาสนาพุทธนิกายมหายาน แต่ในเวลาเดียวกันพุทธศาสนาในแบบเถรวาทก็ซ้อนทับอยู่กับพุทธมหายาน และศาสนาพราหมณ์และค่อย ๆ พัฒนาตัวเองจนกระทั่งกลายเป็นศาสนาของประชากรส่วนใหญ่ในประเทศกัมพูชาพร้อมกับการศูนย์หายไปของพุทธศาสนามหายานในประเทศกัมพูชา แต่ในเวลาเดียวกันพระพุทธศาสนาเถรวาทก็กลายเป็นศาสนาหลักของชาวกัมพูชา จนกระทั่งเมื่อมีการก่อตั้งพุทธศาสนาแบบธรรมยุตินิกาย ด้วยเหตุผลทางการเมือง การปกครองระหว่างไทย กัมพูชา พระพุทธศาสนาในแบบไทย ที่เป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย พัฒนา และปฏิรูป ที่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย และชนชั้นปกครองกัมพูชาก็เชื่อและคาาดหวังอย่างนั้น จึงทำให้พระพุทธศาสนาในประเทศกัมพูชารับพระพุทธศาสนาในแบบธรรมยุติกนิกายไปเผยแผ่ในกัมพูชา และกลายเป็นศาสนาสำหรับราชสำนักในกัมพูชาไปพร้อม ๆ กัน จึงทำให้ศาสนานิกายเดิมซึ่งเป็นสมาชิกส่วนใหญ่กลายเป็นอีกนิกายหนึ่งในสังคมกัมพูชาไปโดยปริยาย ",
"ประวัติศาสตร์กัมพูชา เริ่มตั้งแต่ยุคของอาณาจักรฟูนัน อาณาจักรเจนละ พัฒนามาสู่ยุคเมืองพระนคร ซึ่งมีความยิ่งใหญ่จนสามารถสร้างนครวัด นครธม เป็นศูนย์กลางของอาณาจักร จนกระทั่งพ่ายแพ้แก่อยุธยากลายเป็นรัฐบรรณาการของอยุธยา จนเมื่อฝรั่งเศสเข้ามามีอำนาจในอินโดจีน กัมพูชากลายเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส และเป็นรัฐในอารักขาของญี่ปุ่นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลก กัมพูชาได้เป็นประเทศเอกราช แต่เกิดความสับสนวุ่นวายภายในประเทศเนื่องจากความขัดแย้งภายใน ประเทศตกอยู่ภายใต้การปกครองของเขมรแดงอยู่ระยะหนึ่ง จนกองกำลังของเฮงสัมรินที่มีเวียดนามหนุนหลังเข้ามาขับไล่เขมรแดงออกไป และการเข้ามาไกล่เกลี่ยของสหประชาชาติ เพื่อยุติสงครามกลางเมือง",
"เศรษฐกิจของกัมพูชามีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในทศวรรษที่ผ่านมา แต่การเติบโตก็ยังต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญภายในประเทศคือการเกษตร โรงงานอุตสาหกรรมมีความหลากหลายแต่เป็นโรงงานขนาดเล็ก ภาคบริการส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการค้าและความบันเทิง มีรายงานว่าพบน้ำมันและก๊าซธรรมชาติตามแนวชายฝั่ง",
"เพื่อแลกเปลี่ยนกับการถอนทหารเวียดมิญออกไป ตัวแทนฝ่ายคอมมิวนิสต์ในการประชุมเจนีวาต้องการให้ลาวและกัมพูชาเป็นกลางอย่างแท้จริงโดยต้องไม่มีทหารสหรัฐอเมริกาในประเทศเหล่านี้ กัมพูชาได้ประกาศเป็นกลางโดยจะไม่เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางทหารกับประเทศใด นอกจากการร่วมมือกับสหประชาชาติ ที่ประชุมยังได้มีมติจัดตั้งคณะกรรมการควบคุมนานาชาติสำหรับประเทศในอินโดจีน โดยมีตัวแทนจากแคนาดา โปแลนด์และอินเดีย โดยเป็นที่ปรึกษาในการเจรจาสงบศึก การถอนกองทหารต่างชาติ การปลดปล่อยนักโทษ และสิ่งที่ได้ตกลงร่วมกันอื่นๆระหว่างการประชุม ฝรั่งเศสและทหารเวียดมิญส่วนใหญ่ถอนทหารออกไปตามที่กำหนดไว้\nหลังการประชุมเจนีวาได้มีการเลือกตั้งขึ้นในประเทศกัมพูชาใน พ.ศ. 2498 โดยมีคณะกรรมการควบคุมนานาชาติเป็นผู้สังเกตการณ์เพื่อรับประกันความยุติธรรม พระนโรดม สีหนุได้ทรงตัดสินพระทัยลงเล่นการเมืองอย่างไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2498 พระนโรดม สีหนุได้ประกาศสละราชสมบัติให้พระบิดาของพระองค์คือพระนโรดม สุรามฤตขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์แทนพระองค์ พระนโรดม สีหนุทรงเข้ามาเล่นการเมือง พระองค์ได้ตั้งพรรคการเมืองขึ้นคือ พรรคสังคมราษฎร์นิยม (សង្គមរាស្ត្រនិយម) หรือเรียกสั้นๆว่าพรรคสังคม สมาชิกส่วนใหญ่เป็นฝ่ายขวา ซึ่งต่อต้านคอมมิวนิสต์ด้วยความรุนแรง แนวคิดที่โดดเด่นของพรรคคือ ชาตินิยมเขมร นิยมเจ้า ต่อต้านความอยุติธรรมและการฉ้อราษฎร์บังหลวง ปกป้องพุทธศาสนา การเลือกตั้งในเดือนกันยายน พ.ศ. 2498 พรรคสังคมชนะการเลือกตั้งโดยได้ 83% ของที่นั่งทั้งหมดในสภา มากกว่าพรรคเขมรเอกราชของเซิง งอกทัญและกรมประชาชนของกลุ่มฝ่ายซ้าย ",
"บันไดด้านหน้าเป็นทางเดินขึ้นลงขนาดใหญ่อยู่ทางทิศเหนือของตัวปราสาท ลาดตามไหล่เขา ช่วงแรกเป็นบันไดหิน กว้าง 8 เมตร ยาว 75.50 เมตร จำนวน 162 ขั้น บางชั้นสกัดหินลงไปในพื้นหินของภูเขา สองข้างบันไดมีฐานสี่เหลี่ยมตั้งเป็นกระพัก (กระพักแปลว่า ไหล่เขาเป็นชั้นพอพักได้) ขนาดใหญ่เรียงรายขึ้นไป ใช้สำหรับตั้งรูปสิงห์นั่ง ช่วงที่ 2 กว้าง 4 เมตร ยาว 27 เมตร มี 54 ขั้น มีฐานกระพักกว้าง 2.5 เมตร 7 คู่ มีรูปสิงห์นั่งตั้งอยู่ บันไดหน้าแบ่งออกเป็นสองช่วง โดยที่ตัวบันไดช่วงที่สองแคบกว่าช่วงแรก มีฐานสี่เหลี่ยมและสิงห์นั่งขนาดเล็กกว่าช่วงแรก\nหลังจากที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศพิพากษาให้ปราสาทพระวิหารตกอยู่ในอธิปไตยของกัมพูชา นักศึกษาไทยได้ประท้วงคำตัดสินของศาลฯ และปิดทางขึ้นปราสาทที่อยู่ในเขตแดนไทย ทำให้ชาวกัมพูชาที่ต้องการขึ้นปราสาท จะต้องขึ้นทางช่องเขาแคบ ๆ สูงชันที่เรียกกันว่า \"\"ช่องบันไดหัก\"\"",
"ปราสาทหินพิมายเป็นปราสาทในอารยธรรมเขมรแบบ “ที่มีระเบียงคดล้อมรอบปรางค์ประธาน” และเป็นศูนย์กลางลัทธิวัชรยานจากกัมพูชาที่สำคัญในประเทศไทย อีกทั้งในจารึกปราสาทพระขรรค์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ยังกล่าวถึงเมืองพิมายในฐานะที่เป็นเมืองปลายทางของเส้นทางหลักสายหนึ่งในจำนวน 6 เส้นทางจากเมืองพระนคร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเมืองพิมายในช่วงระยะเวลานี้ได้อย่างดี ประกอบกับภายนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้มีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หลงเหลืออยู่ คือ อโรคยศาลที่พระองค์โปรดให้สร้างขึ้นทั่วพระราชอาณาจักรของพระองค์ เพราะทรงมีความปรารถนาที่จะช่วยเหลือราษฎรให้พ้นจากความทุกข์กายอันได้แก่ความไม่มีโรค จากลักษณะดังกล่าวต่างเป็นสิ่งแสดงถึงฐานะของเมืองพิมายที่มิใช่เป็นเพียง “ดินแดนนอกกัมพุชเทศ” เท่านั้น แต่มีความสำคัญในฐานะที่เป็นดินแดนปิตุภูมิของกษัตริย์เขมรในราชวงศ์มหิธรปุระอีกประการหนึ่งที่สำคัญ คือ รูปแบบศิลปะสถาปัตยกรรมของปราสาทหินพิมายที่จัดอยู่ในศิลปะเขมรแบบนครวัดตอนต้นนี้ ยังส่งอิทธิพลกลับคืนไปยังศูนย์กลางที่เมืองพระนครด้วยความเป็นศูนย์กลางของพิมายในลุ่มแม่น้ำมูลตอนบนเช่นนี้ ทำให้ปราสาทหินพิมายไม่ได้เป็นเพียงปราสาทของราชวงศ์มหิธรปุระเท่านั้น หากยังเป็นศาสนสถานที่รับใช้ชุมชนพิมายเองด้วย ดังปรากฏในจารึกปราสาทหินพิมาย 2 ที่กล่าวถึงการทำบุญในวันสำคัญต่างๆ และการไปนมัสการพระพุทธเจ้าเพื่อให้เกิดความเจริญในชีวิต อีกทั้งภายในบริเวณเมืองพิมายเองก็มีการขุดสระหรือบารายขนาดใหญ่ คือ สระแก้ว สระพรุ่ง (สระศรี) และสระขวัญ และภายนอกกำแพงเมืองด้านตะวันออก คือ สระเพลง นอกกำแพงด้านทิศใต้ คือ สระช่องแมว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงระบบการชลประทานขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับใช้ชุมชนที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้นปราสาทหินพิมายจึงมีความสำคัญในฐานะที่เป็นปราสาทประจำราชวงศ์มหิธรปุระ และเป็นศาสนสถานในลัทธิวัชรยานของชุมชนแม่น้ำมูลตอนบน",
"นครวัด () เป็นศาสนสถาน เริ่มสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 โดยเป็นศาสนสถานประจำพระนครของพระองค์ ตัวเทวสถานได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนเป็นศูนย์กลางทางศาสนาที่สำคัญเพียงแห่งเดียวที่ยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่ก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่เดิมนครวัดเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดูซึ่งสร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระวิษณุ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธ นครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างทางศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ตัวเทวสถานถือเป็นที่สุดของสถาปัตยกรรมเขมรสมัยรุ่งเรือง และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประเทศกัมพูชา โดยปรากฏในธงชาติกัมพูชาและเป็นจุดท่องเที่ยวหลักของประเทศตลอดจนได้รับลงทะเบียนเป็นมรดกโลก ภายใต้ชื่อ เมืองพระนคร ปราสาทนครวัดเป็นสิ่งก่อสร้างในช่วงยุครุ่งเรืองของอาณาจักรขะแมร์โดยมีหินทรายเป็นวัสดุก่อสร้างหลัก",
"การรถไฟในกัมพูชาได้รับการฟื้นฟูโดยรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งใช้เงินทุนจากธนาคารพัฒนาอาเซียน บริษัทใหญ่ของออสเตรเลีย 2 แห่ง ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูทางรถไฟ เพื่อทำให้เส้นทางรถไฟสายทรานส์อาเซียนนั้นเสร็จสมบูรณ์ให้เร็วที่สุด เส้นทางแรกที่ได้รับการเปิดใหม่ ซึ่งมีระยะทาง ระหว่างกรุงพนมเปญและจังหวัดกำปอตในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2010 ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ไปถึงเมืองเมืองพระสีหนุ และเปิดให้บริการเมื่อพฤษภาคม ค.ศ. 2011",
"งานประติมากรรมตะวันออก ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับศาสนาจึงมักจะเป็นเทวรูป พระพุทธรูป หรือ พระโพธิสัตว์ ซึ่งมีทุกขนาดตั้งแต่ใหญ่โตมหึมา จนถึงเล็กกระจิดริด ลักษณะของประติมากรรมอาจแบ่งออกได้ตามสายศิลปะเช่นเดียวกับจิตรกรรมดังต่อไปนี้ \nประติมากรรมทางสายศิลปะอินเดียนั้น ก็เนื่องมาจากลักษณะรูปแบบที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นในยุคสมัยต่าง ๆ ซึ่งก็ได้ถ่ายทอดไปสู่ประเทศอื่น ๆ อยู่ตลอดเวลาตาม “ คลื่นศาสนา ” ที่แพร่สะพัดไปเป็นครั้งคราว จึงเห็นได้ว่าประเทศที่รับเอาลักษณะรูปแบบไปจากอินเดียนั้น ได้คิดสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ตามรสนิยมของตนเองจนกลายเป็นศิลปะที่ได้รับการยกย่อง เช่น ประติมากรรมของไทย ของกัมพูชา เป็นต้น แม้ในประเทศเดียวกันก็ยังมีการสร้างสรรค์ให้แตกต่างกันออกไปตามยุคตามสมัยด้วย ตัวอย่างเช่น พระพุทธรูปของไทย ก็ยังสามารถแยกออกได้ว่า เป็นยุคสมัยใดบ้าง ประติมากรรมเหล่านี้ได้ชี้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ จนกลายเป็นลักษณะของแต่ละประเทศ แต่ส่วนใหญ่แล้วสร้างรูปแบบขึ้นโดยเน้นความงามให้เหมือนธรรมชาติ เช่น ร่างกายของประติมากรรมที่เกลี้ยงเกลา ไม่แสดงกล้ามเนื้อ เครื่องประดับแพรวพราวตามแบบของ แต่ละประเทศ ประติมากรรมเหล่านี้มีทั้งแกะสลักด้วยไม้ หิน และปั่นหล่อด้วยโลหะที่เรียกว่า “ สัมฤทธิ์ ” \nประติมากรรมในสายศิลปะจีน ก็อาศัยลักษณะรูปแบบประติมากรรมอินเดียมาตั้งแต่ในระยะแรก เฉพาะพระพุทธรูปจะเห็นได้ชัดว่า ดำเนินตามลักษณะพระพุทธรูปของอินเดียติดต่อมาเกือบทุกระยะ เช่น สมัยคันธาระ สมัยมถุรา สมัยอมราวดี สมัยคุปตะ เป็นต้น พระพุทธรูปของจีนเองก็แพร่หลายออกไปอีกหลายประเทศ มีญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น แต่ละประเทศก็สามารถสร้างสรรค์แสดงลักษณะแบบอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้ ทำให้บังเกิดพระพุทธรูปขนาดต่าง ๆ เช่น ในประเทศญี่ปุ่นมีพระพุทธรูป “ ไดบุดสุ ” สูงใหญ่มาก"
] |
ฟุตบอลทีมชาติอิรักก่อตั้งครั้งแรกเมื่อใด ? | [
"ฟุตบอลทีมชาติอิรัก (منتخب العراق لكرة القدم) เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนของสาธารณรัฐอิรัก อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสมาคมฟุตบอลอิรัก (IFA) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1948 และได้เข้าร่วมเป็นชาติสมาชิกของฟีฟ่า ในปี 1950 จากนั้นได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) ในปี 1970 และเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียตะวันตก (WAFF) ในปี 2000"
] | [
"จากฟอร์มการเล่นในฤดูกาลดังกล่าวทำให้เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สหพันธ์ฟุตบอลเอเซียตะวันตก 2002 ที่กรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย โดยมะห์มูดเป็นผู้เล่นทีมชาติอิรักที่มีอายุน้อยที่สุดที่ติดทีมชาติชุดใหญ่ และสามารถสร้างผลงานผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ไปพบกับทีมชาติจอร์แดน โดยในนัดชิงชนะเลิศที่สนามกีฬาอัลอับบาซียีน เขาสามารถยิงประตูได้และพาทีมชนะ 3-2 คว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้เป็นครั้งแรกของประเทศ",
"โดยในการแข่งขันเอเชียนคัพ 2015 รอบแรก ทีมชาติปาเลสไตน์ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม D ร่วมกับญี่ปุ่น ,จอร์แดน และอิรัก",
"ในฟุตบอลโลก 1986 รอบคัดเลือกรอบสุดท้าย โซนเอเชีย อิรักต้องแข่งขันกับทีมชาติซีเรีย โดยนัดแรกที่ดามัสกัสทั้งสองทีมเสมอกันไป 0–0 และนัดที่สองที่เมืองทาอิฟ อิรักสามารถเอาชนะไป 3–1 และผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์",
"ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ยุคเจลีก การแข่งขันระดับสูงสุดของสโมสรในญี่ปุ่น Japan Soccer League (JSL) ซึ่งจัดว่าเป็นลีกสมัครเล่น แม้ในยุคทศวรรษที่ 1960 และ 1970 จะได้รับความนิยมขึ้นมา (ช่วงที่ทีมชาติญี่ปุ่นได้เหรียญทองแดงจากกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1968 ที่เม็กซิโก) แต่ JSL ก็เริ่มซบเซาอีกครั้งในช่วงทศวรรษที่ 1980 เช่นเดียวกับฟุตบอลลีกทั่วโลก แฟนบอลลดน้อยลง สนามคุณภาพไม่ดี และทีมชาติญี่ปุ่นก็ไม่ได้ทีมชั้นนำของเอเชียแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) จึงได้ตัดสินใจก่อตั้งลีกอาชีพขึ้นมาเพื่อยกระดับของทีมชาติ เพิ่มความนิยมให้กับลีกในประเทศ และให้มีแฟนบอลมากขึ้น",
"อิรัก หมวดหมู่:ประเทศอิรัก",
"ทีมชาติก่อตั้งขึ้นในปี 1901 ในสมัยราชอาณาจักรโบฮีเมียที่ถูกปกครองโดยจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ต่อมาได้ก่อตั้งเชโกสโลวาเกีย ก่อนจะแยกประเทศกับสโลวาเกียในปี 1992 การแข่งขันระหว่างประเทศของพวกเขาเป็นครั้งแรกที่สาธารณรัฐเช็กคือยูโร 1996 ที่พวกเขาเสร็จสิ้นการวิ่งขึ้นเสร็จที่ดีที่สุดของพวกเขาในการแข่งขันระหว่างประเทศใด ๆ แม้จะมีความสำเร็จแรกของพวกเขาที่พวกเขาได้ให้ความสำคัญเฉพาะในฟุตบอลโลก 2006 ทัวร์นาเมนต์ที่พวกเขาถูกกำจัดในรอบแรกของการแข่งขัน พวกเขาเผชิญชะตากรรมเดียวกันที่ ยูโร 2008 ลักษณะที่ปรากฏล่าสุดของพวกเขาในขั้นตอนสุดท้ายของการแข่งขันที่สำคัญ",
"ฟุตบอลทีมชาติแคเมอรูน () เป็นตัวแทนทีมฟุตบอลจากประเทศแคเมอรูน อยู่ภายใต้การดูแลของสมาพันธ์ฟุตบอลแคเมอรูน และเป็นทีมจากแอฟริกาที่ประสบความสำเร็จที่สุด โดยทีมชาติแคเมอรูนเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 6 ครั้ง คือในปี 1982, 1990, 1994, 1998, 2002 และ 2010 มากกว่าชาติใดในแอฟริกา นอกจากนั้นยังเป็นทีมที่เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก โดยในปี 1990 ทีมชาติแคเมอรูนพ่ายให้กับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษในช่วงต่อเวลาพิเศษ พวกเขาชนะการแข่งขันแอฟริกาคัพออฟเนชันส์ 4 ครั้ง และยังได้รเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2000",
"อิรักลงแข่งขันฟุตบอลในระดับชาติครั้งแรกกับทีมชาติโมร็อกโก โดยแข่งขันกันที่ประเทศเลบานอน ในปี ค.ศ. 1957 ซึ่งเสมอกันไป 3–3 จากนั้นได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเป็นครั้งแรก ในการคัดเลือกฟุตบอลโลก 1974",
"ฟุตบอลทีมชาติจีน เป็นทีมฟุตบอลตัวแทนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลจีน ทีมชาติจีนนั้นก่อตั้งในปี พ.ศ. 2467 และในช่วงสงครามการเมืองจีน ทีมชาติได้ถูกย้ายไปเป็นฟุตบอลทีมชาติจีนไทเป (ของสาธารณรัฐจีนแทน) ซึ่งทีมชาติจีนได้ก่อตั้งอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทีมชาติจีนเคยร่วมเล่นในฟุตบอลโลกหนึ่งครั้งในฟุตบอลโลก 2002 สำหรับในระดับเอเชียทีมชาติจีนได้อันดับสูงสุดในเอเชียนคัพคือรองชนะเลิศสองครั้งใน เอเชียนคัพ 1984 และ เอเชียนคัพ 2004",
"ยูนิส มะห์มูด เคาะลัฟ (, เกิด 3 กุมภาพันธ์ 1983 ที่จังหวัดคีร์คูก ประเทศอิรัก) เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติอิรัก ตำแหน่งกองหน้า เคยเป็นกัปตันทีมชาติ และเป็นเจ้าของสถิติลงสนามให้ทีมชาติอิรักมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งและเป็นผู้ยิงประตูให้ทีมชาติมากที่สุดเป็นอันดับสาม ",
"เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ทริสตอง โด ถูกเรียกตัวให้ลงเล่นทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก โดยเขาได้ลงเล่นให้กับทีมชาติไทยชุดใหญ่นัดแรกในการแข่งขันกระชับมิตรกับทีมชาติอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน โดยสามารถพาทีมชาติไทยชนะไป 2-0 ก่อนจะได้ลงเล่นในฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2 กลุ่ม เอฟ โดยเริ่มนัดแรกในการแข่งขันกับทีมชาติอิรัก จบเกมเสมอกันที่ 2-2 แบ่งแต้มกันไปทีมละ 1 คะแนน",
"ถึงกระนั้น ในการแข่งขันฟุตบอลหญิงเอเชียนคัพ 2014 รอบคัดเลือก วันที่ 21 พฤษภาคม ทีมชาติไทยเป็นฝ่ายชนะฟุตบอลหญิงทีมชาติบังกลาเทศ 9 ประตูต่อ 0 ต่อมาในวันที่ 25 พฤษภาคม ทีมชาติไทยเป็นฝ่ายชนะฟุตบอลหญิงทีมชาติอิหร่าน 5 ประตูต่อ 1 และสามารถเข้าสู่ฟุตบอลหญิงเอเชียนคัพ 2014 รอบสุดท้ายได้สำเร็จ ทั้งนี้ เฮเลนา กอสตา ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติอิหร่าน เคยให้สัมภาษณ์ถึงนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยว่า มีทักษะการเล่นที่ยอดเยี่ยม และให้การยอมรับว่าฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยไม่เป็นรองทีมชาติใดทั้งในอาเซียนและเอเชีย",
"ในรอบคัดเลือก รอบที่ 2 แบ่งออกเป็น 8 กลุ่มๆละ 5 ประเทศ ยกเว้นกลุ่ม F ซึ่งไทยอยู่และกลุ่ม G ที่อินโดนีเซียและคูเวตถูกฟีฟ่าแบน ทำให้ 2 กลุ่มนี้เหลือ 4 ประเทศ และเหลืออยู่ในรอบที่ 2 เพียง 38 ประเทศ โดยกลุ่ม F ไทยอยู่ร่วมกับ อิรัก, เวียดนาม และ ไต้หวัน โดยผลงานของทีมชาติไทยในรอบนี้แข่งไป 6 นัด ชนะ 4 เสมอ 2 เป็นที่หนึ่งของกลุ่มผ่านเข้ารอบรอบคัดเลือก โซนเอเชีย – รอบที่ 3 ต่อไป",
"ฟุตบอลทีมชาติเยเมนใต้ เป็นฟุตบอลทีมชาติของประเทศ เยเมนใต้ ระหว่าง พ.ศ. 2508 - 2532 เคยผ่านเข้าแข่งเอเชียนคัพรอบสุดท้ายใน พ.ศ. 2519 แพ้ฟุตบอลทีมชาติอิหร่าน 0-8 และแพ้ฟุตบอลทีมชาติอิรัก 0-1 เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกเพียงครั้งเดียวในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก พ.ศ. 2529 ซึ่งในรอบแรกแพ้ฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน หลังจากรวมประเทศกับเยเมนเหนือใน พ.ศ. 2533 ได้รวมกันเป็นทีมเดียวคือฟุตบอลทีมชาติเยเมน",
"ในช่วงยุครัฐบาลซัดดัม ฮุสเซน นั้น ทีมชาติอิรักควบคุมโดยลูกของประธานาธิบดีซัดดัม คือ อูเดย์ ฮุสเซน โดยภายใต้การควบคุมนั้น จะมีการลงโทษและข่มขู่อย่างแรง ไม่ว่าจะโดนให้ตัดขาถ้าขาดซ้อม หรือจับขังคุก เตะลูกบอลเหล็ก รวมไปถึงถูกเฆี่ยนด้วยแส้ด้วยไฟฟ้า ซึ่งการลงโทษนี้รวมไปถึง นักฟุตบอลที่เตะลูกโทษพลาดในการแข่งขันนัดสำคัญ [1] ซึ่งภายหลังจากที่ประเทศถูกคุมคามจากสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2546 ทีมชาติได้มีผู้จัดการคนใหม่เข้ามา คือ อัดนัน ฮามัด ซึ่งมีผลงานทำให้ทีมชาติอิรัก ผ่านรอบคัดเลือกในการแข่งขัน โอลิมปิก 2004 โดยชนะ ทีมชาติคอสตาริกา ทีมชาติโปรตุเกส และทีมชาติออสเตรเลีย โดยได้อันดับที่ 4 ในการแข่งขัน",
"ยุค 1970–1980 ถือเป็นยุครุ่งเรืองของวงการฟุตบอลในประเทศอิรัก โดยอิรักสามารถผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้สำเร็จเป็นครั้งแรก ในฟุตบอลโลก 1986 ที่สหรัฐเม็กซิโก และผ่านเข้าไปเล่นในโอลิมปิก 3 ครั้งติดต่อกันในโอลิมปิกฤดูร้อน 1980 ที่กรุงมอสโก สหภาพโซเวียต, โอลิมปิกฤดูร้อน 1984 ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกาและโอลิมปิกฤดูร้อน 1988 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้",
"ก่อนจะเริ่มเข้าสู่ยุคเจลีก การแข่งขันระดับสูงสุดของสโมสรในญี่ปุ่น Japan Soccer League (JSL) ซึ่งจัดว่าเป็นลีกสมัครเล่น แม้ในยุคทศวรรษที่ 1960 และ 1970 จะได้รับความนิยมขึ้นมา (ช่วงที่ทีมชาติญี่ปุ่นได้เหรียญทองแดงจากกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1968 ที่เม็กซิโก) แต่ JSL ก็เริ่มซบเซาอีกครั้งในช่วงทศวรรษที่ 1980 เช่นเดียวกับฟุตบอลลีกทั่วโลก แฟนบอลลดน้อยลง สนามคุณภาพไม่ดี และทีมชาติญี่ปุ่นก็ไม่ได้ทีมชั้นนำของเอเชียแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้ สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น (JFA) จึงได้ตัดสินใจก่อตั้งลีกอาชีพขึ้นมาเพื่อยกระดับของทีมชาติ เพิ่มความนิยมให้กับลีกในประเทศ และให้มีแฟนบอลมากขึ้น",
"ในฟุตบอลโลก 1986 อิรักลงเล่นภายใต้การคุมทีมของ เอวาริสตู เดอ มาเชดู อดีตกองหน้าทีมชาติบราซิล ที่เคยค้าแข้งกับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและเรอัล มาดริด โดยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบี ร่วมกับทีมชาติปารากวัย, ทีมชาติเบลเยียม และทีมชาติเม็กซิโก โดยอิรักลงเล่นฟุตบอลโลกนัดแรกเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ.1986 ด้วยการแพ้ทีมชาติปารากวัย 1–0 ที่สนามเนเมซิโอ ดิเอซ เมืองโตลูกา และมายิงประตูในฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในการแข่งขันนัดที่สองที่แพ้ให้กับทีมชาติเบลเยียม 1–2 โดย อาเหม็ด รอฎีย์ ได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้ยิงประตูแรกและประตูเดียวให้กับทีมชาติอิรักได้ในฟุตบอลโลก จากนั้นทีมชาติอิรักได้ลงแข่งนัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่มกับเจ้าภาพอย่างเม็กซิโก และแพ้ไป 1–0 ตกรอบไปในที่สุด",
"สำหรับผลงานในระดับทวีปเอเชียนั้นทีมชาติอิรักเคยได้เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ 1982 ที่กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย และสามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เอเชียนคัพ ซึ่งเป็นรายการใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียได้ 1 สมัย ในปี 2007",
"ทีมชาติอิรักถือว่าเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากชาติหนึ่งในกลุ่มประเทศแถบอาหรับ เคยเข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก 4 ครั้ง (1980,1984,1988,2004) โดยผลงานดีที่สุดของทีมชาติอิรักในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกคือการคว้าอันดับ 4 ในโอลิมปิก 2004 ที่ประเทศกรีซ และเคยผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 1 ครั้ง ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก",
"23 ผู้เล่นที่ถูกเรียกมาติดทีมชาติในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 2 (นัดที่ 4): วันที่: 17 พฤศจิกายน ค.ศ.2015 คู่แข่งขัน: ไต้หวัน สนาม: เนชันนัล สเตเดียม (เกาสง, ไต้หวัน) จำนวนนัดที่ลงเล่นให้ทีมชาติและจำนวนประตูที่ยิงได้นับถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน 2015 หลังแข่งกับ ทีมชาติไต้หวัน (ชนะ 2–0)",
"ส่วนในการแข่งขันในระดับภูมิภาค ทีมชาติอิรักเคยชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียตะวันตก ในปี 2002 รวมถึงคว้าแชมป์ฟุตบอลรายการ อาหรับ เนชันส์คัพ ได้ถึง 4 สมัย (ปี 1964,1966,1984,1988)",
"ประเทศอัฟกานิสถาน - ก่อตั้งโดยสนธิสัญญาอังกฤษ-อัฟกัน ค.ศ. 1919 จากสหราชอาณาจักร เป็นเอกราชและเป็นที่ยอมรับในปี 1919 ประเทศจีน - ในอดีตคือ จักรวรรดิชิง ประเทศภูฏาน - ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใดในทางปฏิบัติ ประเทศอิหร่าน - ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใดในทางปฏิบัติ แต่ก็ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของอังกฤษและรัสเซีย ประเทศอิรัก - ก่อตั้งโดยสนธิสัญญาอังกฤษ-อิรัก (1930) จากสหราชอาณาจักรในปี 1930 เป็นเอกราชและเป็นที่ยอมรับในปี 1932 ประเทศญี่ปุ่น - เป็นประเทศมหาอำนาจ ประเทศเกาหลี - เป็นรัฐเอกราช แต่ถูกบุกยึดครองโดยญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) ประเทศมองโกเลีย - ประกาศเอกราชจากจีน ในปี พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) ประเทศเนปาล - ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใดในทางปฏิบัติ ประเทศไทย - ไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของชาติใดในทางปฏิบัติ แต่ก็ต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลครอบงำของอังกฤษและฝรั่งเศส ประเทศซาอุดิอาระเบีย - ก่อตั้งขึ้นในปี 1932 จากการรวมอาณาจักรและดินแดนต่างๆในพื้นที่ของประเทศในปัจจุบันและดินแดนที่ใกล้เคียงในระหว่างปี 1902 ถึง 1916 ประเทศตุรกี - สืบทอดจักรวรรดิออตโตมันในปี 1923",
"นอกจากนี้ทีมชาติอิรักยังเคยได้รับเลือกจากสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) ให้เป็นทีมชาติยอดเยี่ยมประจำทวีปเอเชียถึง 2 ครั้ง (ปี 2003 และ 2007) โดยเป็นชาติเดียวในเอเชียตะวันตกที่เคยได้รับรางวัลนี้",
"ผลงานของทีมชาติออสเตรเลียนั้น ได้ร่วมเล่นในฟุตบอลโลก 3 ครั้งใน ฟุตบอลโลก 1974 ฟุตบอลโลก 2006 และ ฟุตบอลโลก 2010 สำหรับในระดับภูมิภาคนั้น ได้ชนะการแข่งขันโอเอฟซีเนชันส์คัพ 4 ครั้ง ก่อนที่จะย้ายมาเล่นกับทีมอื่นในเอเชีย \nในเอเชียนคัพ 2011 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพ ออสเตรเลียก็ผ่านรอบแรกโดยชนะอินเดีย 4-0,เสมอเกาหลีใต้ 1-1,ชนะบาห์เรน 1-0 เป็นที่1ของสาย และสามารถเอาชนะแชมป์เอเชียนคัพ 2007อย่างอิรักไป 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ จากการยิงประตูของแฮร์รี่ คีเวลล์ ในนาที่ที่ 118 ทำให้ออสเตรเลียเข้ารอบรองชนะเลิศไปเจอกับอุซเบกิสถานแล้วชนะไป 6-0 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศกับญี่ปุ่น แต่เป็นฝ่ายแพ้ไป 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในนาทีที่ 109เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560",
"นอกจากนี้อิรักยังคว้าแชมป์เอเชียนเกมส์ 1982 , แชมป์อาหรับเนชันส์คัพ 4 สมัย ,แชมป์กัลฟ์คัพ 3 สมัย และคว้าอันดับ 4 ในเอเชียนคัพ 1976",
"ในรอบคัดเลือก รอบที่ 3 แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม โดยเอาอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละทีมเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ส่วนอันดับ 3 ไปเล่นตัดเชือกกับทีมอันดับ 3 ของอีกกลุ่มในรอบคัดเลือก รอบที่ 4 โดยไทยอยู่ในกลุ่ม B ร่วมกับญี่ปุ่น, ซาอุดิอาระเบีย, ออสเตรเลีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิรัก ในรอบนี้ไทย เสมอ 2 แพ้ 8 ครั้งอยู่ในอันดับสุดท้ายของกลุ่ม ไม่ผ่านรอบคัดเลือก รอบที่ 3",
"ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2458 ในนาม<i data-parsoid='{\"dsr\":[3893,3920,2,2]}'>คณะฟุตบอลสำหรับชาติสยาม และเล่นการแข่งขันอย่างไม่เป็นทางการครั้งแรก (พบกับทีมฝ่ายยุโรป) ที่สนามราชกรีฑาสโมสร ในวันที่ 20 ธันวาคม ในปีนั้น จนวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงก่อตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งสยามฯ โดยลงเล่นในการแข่งขันระหว่างประเทศครั้งแรกใน พ.ศ. 2473 พบกับทีมชาติอินโดจีน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้เล่นเวียดนามใต้ และ ฝรั่งเศส เพื่อต้อนรับการเสด็จประพาสอินโดจีนของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยชื่อของทีมชาติและชื่อของสมาคมได้ถูกเปลี่ยนชื่อในปี พ.ศ. 2482 เมื่อสยามกลายเป็นประเทศไทย",
"ฟุตบอลทีมชาติแอลเบเนีย () เป็นฟุตบอลทีมชาติจากประเทศแอลเบเนีย ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลแห่งแอลเบเนีย ยังไม่เคยปรากฏประวัติใด ๆ ในการลงแข่งขันระดับโลกเลย นอกจากฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2016"
] |
เจมส์ ยูจีน แคร์รี เกิดเมื่อไหร่? | [
"เจมส์ ยูจีน แคร์รี (English: James Eugene Carrey เกิดวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2505) เป็นนักแสดง, ผู้เขียนบทและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชาวแคนาดา-อเมริกัน โดยเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างมากจากการแสดงบทบาทตลก"
] | [
"คุณตาของเขา ยูจีน ซ. พูลเลี่ยม (Eugene C. Pulliam) เป็นผู้มั่งคั่งและมีอิทธิพลผู้ก่อตั้ง Central Newspapers, Inc. เจ้าของหนังสือพิมพ์สำคัญหลายสิบรายเช่น The Arizona Republic และ Indianapolis Star เจมส์ ซี. เควล (James C. Quayle) ได้โยกย้ายครอบครัวของเขาไปที่แอริโซนาในปี 1955 เพื่อดำเนินการขยายสาขาของอาณาจักรการพิมพ์ของครอบครัว",
"ประตูแรกของวิลสันใน ฤดูกาล 2014-15 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2558 ในนัดที่ยูไนเต็ดชนะ ควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 2-0 โดยลงมาเป็นสำรองแทน จอนนี่ อีแวนส์ ในนาทีที่ 73 และเขาเป็นผู้ยิงประตูปิดท้ายในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ",
"กลุ่มภาษาไทย และกลุ่มภาษาจีนนั้นมีหลักภาษาที่ใกล้กันโดยกลุ่มภาษาไทยจะวางคำวิเศษณ์ใว้ข้างหลังและวางกริยาวิเศษณ์ใว้ข้างหลังกรรมในขณะที่กลุ่มภาษาจีนจะวางใว้ด้านหน้าทั้งคำนามและกริยา จึงทำให้ผู้ที่อพยพเข้ามาเรียนรู้ภาษาไทยได้เร็วกว่าภาษาอื่นๆ ภาษาไทยก็มีคำภาษาหมิ่นใต้จำนวนมาก ในปัจจุบันชาวไทยเชื้อสายจีนจะพูดภาษาไทยผสมภาษาหมิ่นใต้ในการติดต่อกันเอง โดยเฉพาะชาวแต้จิ๋วที่อยู่ในกรุงเทพมหานครเป็นส่วนมาก และก็จะใช้ภาษาไทยติดต่อกับสังคมภายนอกได้ดีขึ้น แต่ลูกหลานจีนในปัจจุบันมีน้อยมากที่ยังพูดภาษาของบรรพบุรุษได้ เนื่องจากอยู่กับสังคมภายนอกและที่บ้านเองก็พูดภาษาหมิ่นใต้กับตนน้อยลง ยังคงเหลือแต่ผู้อาวุโสในครอบครัวเท่านั้นที่ยังพูดภาษาเหล่านี้กับลูกหลาน อย่างไรก็ตามยังมีลักษณะหลายประการที่ภาษาไทยถิ่นกรุงเทพแท้เทียบกับภาษาไทยถิ่นสุพรรณบุรีแล้วมีหลักภาษาไม่ตรงกันเช่นหลายครั้งวางกริยาวิเศษณ์ใว้หน้ากริยาหรือรูปขยายความก็วางใว้หน้าบทประธานและบทกรรมซึ่งเป็นการลอกลักษณะทางภาษามาจากภาษาหมิ่นใต้โดยเฉพาะบางสำนวนคือนำคำในภาษาหมิ่นใต้มาเป็นคำไทยอย่างตรงไปตรงมา ส่วนเรื่องสำเนียงก็เป็นที่ทราบกันดีว่าภาษาไทยถิ่นกรุงเทพจะต่างจากภาษาไทยสำเนียงอื่นชัดเจนรวมถึงการผันวรรณยุกต์เพราะเมื่อเทียบกับภาษาหนังสือแล้วจะไม่ตรงกันเท่าไหร่ ทำให้เกิดความลำบากกับต่างชาติในการเรียนภาษาไทย ปัจจุบันประเพณีและค่านิยมบางอย่างที่ยังคงปฏิบัติตาม ครอบครัวลูกหลานจีนก็ยังยึดถือปฏิบัติอยู่ เช่น การไหว้เจ้าในโอกาสต่างๆ ซึ่งถือเป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ",
"แคร์รี-แอนน์ มอสส์เกิดที่เมืองเบอร์นาบีย์ บริทิชโคลัมเบีย แคนาดา เติบโตกับมารดาและพี่ชายที่เมืองแวนคูเวอร์ มารดาของเธอตั้งชื่อเธอตามชื่อเพลง \"Carrie Anne\" เพลงฮิตของวงเดอะฮอลลีส์ในปี 1967 ที่เธอเกิด เธอศึกษาวิชาการแสดงที่เมืองพาซาดีนา แคลิฟอร์เนีย และทำงานเป็นนางแบบและต้องย้ายไปทำงานที่ญี่ปุ่นและสเปน",
"เลเวล อี เป็นเรื่องขององค์ชายบากะแห่งดาวโดคุล่า ที่ทำให้ชีวิตของยูกิทากะเด็กหนุ่มม.ปลายชาวโลกที่ได้แยกมาอยู่หอพักสมใจเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ชีวิตอันน่าจะสงบสุขของเขาก็พังทลายลงเพราะองค์ชายแม้จะสติปัญาเป็นเลิศ แต่ก็เป็นพวกอยู่ไม่สุข ชอบเล่นอะไรแปลก ๆ เสมอ จนทำให้ยูกิทากะพบว่าแท้จริงแล้วมนุษย์ต่างดาวผูกพันกับโลกมากกว่าที่คิดซาโด หนึ่งในสามองครักษ์ มักจะเป็นคนคอยห้ามคราฟท์อยู่เสมอเวลาโมโหองค์ชาย\nโคริน หนึ่งในสามองครักษ์ เป็นสมาชิกใหม่จึงไม่ค่อยมีปากเสียงเท่าไหร่\nมนุษย์ดาวดิสเค่น เข้ามาเกี่ยวข้องกับองค์ชายเมื่อครั้งเกิดเรื่องระหว่างองค์ชายกับชาวดิสเค่น ต่อมาจึงสนิทสนมกันดี\nเอโดกาวะ รันโซ พ่อของมิโฮ เป็นศาสตราจารย์ทางด้านวิศวกรรม และเป็นผู้ตรวจสอบยานอวกาศขององค์ชาย",
"เนม เป็นยมทูตหญิงที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา ถักผมเปีย แถมยังทำตัวเชื่องช้าไม่เป็นที่น่าพอใจต่อหัวหน้าหน่วยเท่าไหร่ แต่กระนั้นเธอกลับมีนิสัยดีต่างจากคุโรซึจิ มายูริผู้เป็นทั้งหัวหน้าหน่วยที่ 12 และเป็นพ่อของเธอโดยสิ้นเชิง ดูได้จากการที่เธอให้ยาถอนพิษกับอิชิดะ อุริวในการต่อสู้กับคุโรซึจิ มายูริ",
"เจ้าหญิงแคทเทอรีน มกุฎราชกุมารีแห่งยูโกสลาเวียหรือแคทเทอรีน แคร์รี เบ็ทติส(พระราชสมภพที่กรุงเอเธนส์ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486)เป็นพระวรชายาองค์ปัจจุบัน ในเจ้าฟ้าชายอเล็กซานเดอร์ มกุฎราชกุมารแห่งยูโกสลาเวีย",
"เจมส์ ไมเคิล คอลลินส์ () เกิดเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1983 เป็นนักฟุตบอลชาวเวลส์ปัจจุบันเล่นให้กับเวสต์แฮมยูไนเต็ดและทีมเวลส์ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก",
"ในปีต่อมา โจเซฟ แคร์รี เมอร์ริค ก็ได้เกิด เห็นได้ว่ามีสุขภาพดีและไม่มีอาการภายนอกผิดปกติใด ๆ ที่ไม่กี่ปีแรกของชีวิตของเขา ชื่อได้ตั้งมาจากพ่อของเขา เขาได้รับชื่อกลางเป็น แคร์รี โดยแม่ของเขา หลังจากทำพิธีกลุ่มคณะแบปทิสต์ของพระวิลเลียม แครีย์ ต่อมาตระกูลเมอร์ริคมีลูกอีกสาม ได้แก่ จอห์น โทมัส (เกิด 21 เมษายน ค.ศ. 1864 เสียชีวิตด้วยโรคไข้ทรพิษ 24 กรกฎาคมในปีเดียวกัน) ,วิลเลียม อาร์เธอร์ (เกิดมกราคม ค.ศ. 1866) ผู้ที่เสียชีวิตด้วยโรคไข้อีดำอีแดงใน 21 ธันวาคม ค.ศ. 1870 และแมเรียน เอลิซ่า (เกิด 28 กันยายน ค.ศ. 1867) ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับพิการทางร่างกายและเสียชีวิตด้วยโรคกระดูกสันหลังอักเสบ และเกิดอาการชักในปี ค.ศ. 1891",
"เบนจามิน เจมส์ เดวิส (; เกิด 24 พฤศจิกายน 2000) นักฟุตบอลเชื้อสายไทย สิงคโปร์ และอังกฤษ เล่นในตำแหน่งกองกลางให้กับสโมสร ฟูลัม ชุดยู–18 และทีมชาติสิงคโปร์ ชุดยู–19",
"หลังจากพิมพ์ต้นฉบับของ \"Casino Royale\" เสร็จแล้ว, เฟลมิ่งได้ให้เพื่อนของเขา วิลเลียม โฟลเมอร์ อ่าน ซึ่งโฟลเมอร์ชอบมันและได้ส่งไปยังสำนักพิมพ์ โจนาธาน เคป แต่เคปก็ไม่ค่อยจะชอบมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ได้ถูกตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2496 ซึ่งแนะนำโดย ปีเตอร์ เฟลมิ่ง, พี่ชายของเอียน เฟลมมิง ระหว่างปี พ.ศ. 2496 ถึง พ.ศ. 2509 และ 2 ปีหลังจากเสียชีวิต เฟลมมิงได้ประพันธ์นวนิยายทั้งหมด 12 เล่มและรวมเรื่องสั้นอีก 2 เล่ม ซึ่ง 2 เล่มสุดท้ายนั้นใช้ชื่อว่า \"The Man with the Golden Gun\" และ \"Octopussy and The Living Daylights\" – ซึ่งตีพิมพ์หลังเสียชีวิตแล้ว ทุกเล่มตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ โจนาธาน เคป",
"ลี กวนยูเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2466 เป็นบุตรชาวจีนอพยพรุ่นที่ 3 ที่อพยพมาจากมณฑลฮกเกี้ยนใน ประเทศจีน ลี กวนยูเกิดในสิงคโปร์ โดยในขณะนั้นสิงค์โปรเป็นประเทศอาณานิคมของอังกฤษ อีกทั้งตัวของลี กวนยูยังอิทธิพลจากอาชีพของบรรพบุรุษซึ่งทำให้ลี กวนยูคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ และได้เข้าศึกษาที่ “Raffles College” ทำให้ลี กวนยูได้รับการปลูกฝังแนวความคิดตามแบบชาวตะวันตก และ ลี กวนยูยังได้รับปริญญาด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัย Cambridge หลังจากนั้นลี กวนยูก็ได้มีโอกาสศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ที่ประเทศอังกฤษในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2",
"แคร์รี เพรสตัน (อังกฤษ: Carrie Preston; เกิด 21 เดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1967) เป็นนักแสดง ผู้กำกับ และผู้สร้างภาพยนตร์ชาวอเมริกัน รู้จักกันดีในภาพยนตร์โทรทัศน์ซีรีส์ \"True Blood\", \"Person of Interest\", \"Crowded\", \"The Good Wife\" และ \"The Good Fight\" เพรสตันมีชื่อเสียงจากบทบาท Elsbeth Tascioni ในดรามาซีรีส์ \"The Good Wife\" และ \"The Good Fight\" ของ CBS\" \"เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าขืงรางวีลสองรอบ Primetime Emmy Award ผู้แสดงนำรับเชิญหญิงยอดเยี่ยม (ดรามาชีรีส์) และไดรับรางวัลหนึ่งครั้ง",
"เจมส์ เกิดในประเทศไทย บิดาชื่อสมิต อัศรัสกร เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน มารดาชื่อคาเร็น เป็นชาวฮ่องกง เขาเป็นบุตรคนโตของครอบครัว มีน้องสาวชื่อวาเนสซ่า ครอบครัวเดินทางไปมาระหว่างประเทศไทย–ฮ่องกง บิดาทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ ส่วนมารดาทำงานกับบริษัทรับจัดประมูลผลงานศิลปะชื่อคริสตีส์ ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่กับบิดาในไทย มารดาพำนักอยู่ฮ่องกง ส่วนน้องสาวศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย",
"เจ้าหญิงแคทเทอรีนทรงพระราชกรณียกิจอุทิศแก่การกุศลตั้งแต่เกิดความขัดแย้งในยูโกสลาเวีย พระนางทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อสิทธิมนุษยชน และทรงเป็นผู้อุปถัมภ์องค์การสิทธิมนุษยชน ในปีพ.ศ. 2544 ทรงจัดตั้งเว็ปไซต์เพื่อสิทธิมนุษยชนในเบลเกรดเพื่อขยายเครือข่ายองค์การเพื่อสิทธิมนุษยชนด้วยการเปิดการให้บริจาค",
"เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ที่ความรู้สึกของใครซักคน (หรืออาจจะทั้งคู่) ก้าวข้ามนิยามคำว่าเพื่อนไปมากกว่านั้นเมื่อไหร่ ก็มักจะมีสัญญาณ (Sign) อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น อาทิเช่น คิดถึงอยากบอกให้รู้ (แต่ไม่กล้าบอก) สบตามองหน้ากันแล้วหวั่นไหว หัวใจเต้นด้วยจังหวะที่ไม่เหมือนเดิม อ่อนไหว อยากเทคแคร์เอาใจใส่ อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้รู้ไว้เถอะว่า หัวใจได้ยึดอำนาจการปกครองสมองไปเรียบร้อย (รักประหาร) ",
"แต่เมื่อภาพยนตร์เข้าฉาย ปรากฏว่าชยามาลานพยายามที่จะดำเนินเรื่องราวด้วยวิธีการตามแบบ \"The Sixth Sense\" ที่แม้แต่ให้นักแสดงคนเดิม คือ บรูซ วิลลิส รับบทนำและมีตัวละครเด็กผู้ชาย อย่าง โจเซฟ คล้ายกับ โคล เซียร์ ใน \"The Sixth Sense\" แต่ \"Unbreakable\" ทำได้น่าเบื่อและไม่น่าติดตามเท่า อีกทั้งการหักมุมตอนท้ายเรื่องก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจเท่าที่ควร ทำให้เสียงวิจารณ์ออกมาในลักษณะที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โดยบรูซ วิลลิส มีบทรับเชิญท้ายเครดิตของหนังเรื่อง split และ glass จะเป็นการมาเจอกันอีกครั้งของ บรูซ วิลลิส และ ซามูเอล แอล แจ็กสัน และ เจมส์ แม็คอวอย มาร่วมกันแสดงด้วยกัน",
"มาร์ก เจมส์ โนเบิล () เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1987 เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤ ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมยูไนเต็ด ในตำแหน่งกองกลาง",
"เจมส์ เทียน () หรือ เถียน จุ้น () เกิดวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1942 ซึ่งมาจากมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เขาปรากฏในภาพยนตร์เกือบ 70 เรื่อง โดยเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นฮ่องกงเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งรับบทในภาพยนตร์ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวร่วมกับดาราอย่างบรูซ ลี, เฉินหลง และหง จินเป่า บ่อยครั้งที่เขาเล่นเป็นดาวร้ายหรือรับบทสมทบ แล้วเขาก็ได้ถอนตัวออกจากวงการภาพยนตร์ฮ่องกงในปี ค.ศ. 2000",
"แคร์รี แมรี อันเดอร์วูด (English: Carrie Marie Underwood; เกิด 10 มีนาคม ค.ศ. 1983) เป็นนักร้องคันทรี, นักแต่งเพลง และนักแสดงชาวอเมริกา ซึ่งมีชื่อเสียงมาจากการชนะเลิศการประกวดรายการอเมริกันไอดอล ฤดูกาลที่ 4 ในปี ค.ศ. 2005 และกลายเป็นหนึ่งในนักร้องที่ประสบความสำเร็จที่สุดในทุกวงการเพลง ความสำเร็จของเธอทำให้เธอได้เข้าเป็นสมาชิกแกรนด์โอลออปรีย์ ใน ปีค.ศ. 2008 และเข้ามาอยู่ในหอเกียรติยศดนตรีโอคลาโฮมา (Oklahoma Music Hall of Fame) ในปีค.ศ. 2009[1] เธอชนะรางวัลดนตรีหลายรางวัล รวมถึง 7 รางวัลแกรมมี, 17 รางวัลบิลบอร์ดมิวสิก, 11 รางวัลอะแคดามีออฟคันทรีมิวสิก และ 9 รางวัลอเมริกันมิวสิก",
"ในวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2544 หลังจากการปฏิวัติประชาธิปไตยในเซอร์เบีย เจ้าฟ้าชายอเล็กซานเดอร์,เจ้าหญิงแคทเทอรีน มกุฎราชกุมารีแห่งยูโกสลาเวียและพระโอรสของเจ้าฟ้าชายอเล็กซานเดอร์ ทรงมีสิทธิในพระราชวังหลวงที่กรุงเบลเกรด",
"ปีศาจหนุ่มผู้มีพลังหมัดเพลิง และวิชาสังหารแบบพริบตา นิสัยเงียบขรึมคล้ายคุรามะ แต่ใจร้อนทันทีหากถูกเย้ยใส่ และอำมหิตแบบนักฆ่าตลอดเวลา ถือกำเนิดขึ้นจากดินแดนน้ำแข็ง แต่ตนเองกลับมีพลังควบคุมเพลิงได้ จึงตกอยู่ในฐานะตัวกาลกิณีของบ้านเกิด จึงต้องถูกสั่งฆ่าต้องแต่แบเบาะ แต่แม่ของฮิเอได้แอบมอบของต่างหน้าพร้อมบอกว่า \"จะมาแก้แค้นเขาเมื่อไหร่ก็ได้\" แล้วแม่ของฮิเอก็แสร้งว่าฆ่าฮิเอแล้ว หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างโจรมาตลอด แต่ก็ได้รับการฝึกฝนการต่อสู้ระหว่างพเนจรไปเรื่อย ๆ จนเป็นที่กล่าวขานว่า อัจฉริยะด้านการฆ่าฟัน กระทั่งได้พบกับยูสึเกะในโลกมนุษย์ ฮิเอะไม่ได้เต็มใจมาเข้าพวกสักเท่าไหร่ แต่ก็ฝีมือการต่อสู้ก็พึ่งพาได้เสมอ พลังของฮิเอะคือการควบคุมเพลิงของโลกปิศาจในรูปของมังกรดำ",
"เจมส์ จอยซ์ () (2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1882 – 13 มกราคม ค.ศ. 1941) เป็นนักเขียนชาวไอริช เกิดในเมืองดับลิน แต่ไปจากบ้านเกิดตั้งแต่ยังหนุ่ม ซึ่งต้องการหลีกหนีจากปัญหาสังคมและเรื่องศาสนา โดยไปอาศัยอยู่ที่ปารีส งานเขียนที่สำคัญได้แก่ “\"ยูลิสซีส\"” (ค.ศ. 1922) และ \"Finnegans Wake\" (ค.ศ. 1939)",
"ความเป็นเมืองภูเก็ตที่เราสัมผัสได้ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นตึกรางบ้านช่อง อาหารการกิน การแต่งกาย วิถีชีวิตและงานประเพณีล้วนแต่มีวัฒนธรรมจีนเข้าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอยู่มากทีเดียว \nต่อคำถามว่า ชาวจีนได้ทะลักเข้ามาอยู่ภูเก็ตตั้งแต่เมื่อไหร่? \nการจะตอบคำถามนี้คงต้องย้อนไปถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 เมื่อนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าการเอาดีบุกไปเคลือบเหล็กจะสามารถป้องกันสนิมได้ การต้องการเหล็กเคลือบดีบุกไปทำกระป๋องบรรจุอาหารจึงมีความต้องการปริมาณมหาศาลในยุโรป ตอนนั้นอังกฤษมาตั้งบริษัท English East India ในปีนังเป็นศูนย์กลางในการทำการค้าและรับซื้อแร่ดีบุกในเอเชีย ทำให้การขนส่งดีบุกไปขายสะดวกมากยิ่งขึ้น ประกอบกับรัฐไทยเลิกผูกขาดธุรกิจดีบุก อนุญาตให้ราษฏรสามารถขุดแร่ขายได้อย่างอิสระ ปัจจัยนี้ก่อให้เกิดความกระตือรือร้นในการเพิ่มผลผลิตดีบุกของเกาะแห่งนี้\nความต้องการดีบุกอย่างมากในช่วงเวลานั้น ก่อให้เกิดการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง เจ้าเมืองภูเก็ตในสมันนั้นจึงเดินทางไปหากรรมกรจีน โดยว่าจ้างคนจีนจากกรุงเทพประมาณ 300 คน และคนจีนจากปีนังอีกจำนวนมากมาทำงาน ส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่พูดภาษาฮกเกี้ยน \nคนจีนเหล่านี้ได้ไปชักชวนญาติพี่น้องจากเมืองจีนมาทำงานในภูเก็ต จึงเกิดการหลั่งไหลของชาวจีนมายังเกาะนี้อย่างมากมาย\nชาวจีนที่อยู่ทางภาคใต้ของประเทศจีนเช่น ชาวจีนจากมณฑลฮกเกี้ยน กวางตุ้ง ไหหลำ สามารถออกทะเลได้ง่ายจึงมีชาวจีนจากพื้นที่เหล่านี้อพยพมาทำงานในเอเชียอาคเนย์เป็นจำนวนมาก \nผู้อพยพชาวจีนเหล่านี้ทิ้งประเทศอันเนื่องจากความยากลำบาก อันเกิดจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ปัญหาสงครามกลางเมือง และภัยพิบัติทางธรรมชาติ เพื่อมาแสวงหาโอกาสทางการงานและชีวิตที่ดีกว่า คนจีนที่อพยพลงมานี้มี 2 ประเภท แบ่งเป็นประเภทที่มาโดยอิสระกับประเภทที่มีสังกัด ( Indentured Labor ) \nชาวจีนอพยพหลายคนถูกนำมาจากเมืองจีนผ่านปีนังก่อนที่จะถูกส่งไปอยู่เมืองอื่น อาทิ ภูเก็ต เมดาน ( ในอินโดเนเชีย ) คนจีนเหล่านี้จะถูกลงทะเบียนและทำเครื่องหมายเพื่อป้องกันการหลบหนี \nThe Chinese Protectorate Report Of 1881 , Indicating the severity of labor condition. Chinese coolies usually worked for 360 days a year with wages varying from $30 to $40 . For new immigrants or sinkeh ( ผู้ที่มาใหม่ ในภาษาฮกเกี้ยน ), the cost of passage was frist deducted from their wages. \nผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรแร่ดีบุก เปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้าอาศัยอยู่ในภูเก็ตสามารถสร้างฐานะได้อย่างมั่นคงโดยเฉพาะชาวจีนที่มีนิสัยขยันขันแข็ง หนังเอาเบาสู้ มัธยัสถ์ อดทนและมีทักษะทางการค้าทำให้กุลีจีนหลายคนถีบตัวจากกรรมกรหรือผู้ทำการค้าเล็กๆน้อยๆ ก้าวมาเป็นนายเหมืองอย่างเต็มภาคภูมิ เศรษฐีกลุ่มนี้บางคนเป็นคนจีนมาจากปีนัง บ้างก็มาจากเมืองจีนโดยตรง ส่วนใหญ่เป็นจีนฮกเกี้ยน ",
"ไมเนอร์โยวไคที่เกิดผิดสถานที่และผิดเวลา ในเกมนั้น ชื่อของเธอปรากฏเป็นเครื่องหมายปริศนา และชื่อ \"orange\" ของเธอนั้นปรากฏในประวัติตัวละครในเกมเท่านั้น\nคุรุมิเป็นแวมไพร์ที่อาศัยอยู่ที่ตรงกลางของทะเลสาบแห่งเลือด เธอคอยปกป้องทะเลสาบแห่งนี้จากผู้คนที่เดินทางผ่าน\nเอลี่เป็นผู้เฝ้าประตูของมุเกนกัน ซึ่งเป็นคฤหาสน์ที่แทบไม่มีใครเข้าไปเยี่ยมเยียน และทำให้เธอแทบไม่ได้ฝึกฝนดันมาคุซักเท่าไหร่\nยูกะเป็นโยวไคระดับสูง เธออาศัยในคฤหาสน์มุเกนกัน ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตแดนระหว่างโลกแห่งความฝันและโลกแห่งความจริง ในภาคนี้ยูกะได้แผ่พลังเวทย์ข้ามโลก และได้ส่งเหล่าวิญญาณในศาลเจ้าฮาคุเรย์ให้คุ้มคลั่งและดึงดูดความสนใจจากมาริสะที่ชอบสอดรู้สอดเห็น",
"ภาพยนตร์มีจุดเด่นอยู่ที่ จิม แคร์รี นักแสดงชาวแคนาดาผู้ซึ่งมีความสามารถพิเศษทำหน้าตาและท่าทางได้ตลกซึ่งไม่มีใครเหมือน ซึ่งในเรื่องนี้นับเป็นการผลิกบทบาทการแสดงครั้งใหญ่ของแคร์รีด้วยการรับบทดราม่า ซึ่งแคร์รีก็แสดงได้ดี แต่ก็ได้รับเสียงวิจารณ์ว่า ยังแสดงได้ติดรูปแบบเดิมเหมือนตลกคาเฟ่",
"เจมส์ วิลสัน () เป็นกองหน้าดาวรุ่งชาว อังกฤษ ปัจจุบันถูกยืมตัวจากสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพื่อไปเล่นให้กับ อเบอร์ดีนใน สกอตติชพรีเมียร์ชิป",
"ไรอัน เบนจามิน เท็ดเดอร์ (Ryan Benjamin Tedder) (เกิด 26 มิถุนายน ค.ศ. 1979) เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์, และนักแสดงชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักดีในฐานะนักร้องนำของวงดนตรีแนวป็อปร็อก วันรีพับบลิก แม้ว่าเขาตัวคนเดียวจะเป็นนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ให้กับนักร้องมากมาย เช่น อะเดล, บียอนเซ่, เบอร์ดี, มารูนไฟฟ์, เดมี โลวาโต, เอลลี โกลดิง, บี.โอ.บี, เคลลี คลาร์กสัน, เค'นาน, แคร์รี อันเดอร์วูด, เจนนิเฟอร์ โลเปซ, จอร์ดิน สปาร์กส, เลโอนา ลูวิส, เกวิน เดอกรอว์, เซบาสเตียน อินกรอสโซ, จิม คลาส ฮีโรส์, วันไดเรกชัน, เจมส์ บลันต์, ฟาร์อีสต์มูฟเมนต์, พอล โอกเคนโฟลด์ และเอลลา เฮนเดอร์สัน ",
"เจค อดีตนาวิกโยธินหนุ่มที่เป็นอัมพาตครึ่งตัว ที่ถูกเรียกมาปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจพิเศษที่จะต้องเปลี่ยนร่างกายของเขา (อวตาร) ให้กลายเป็นชาวมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยอยู่ที่ดาวแพนดอร่า โดยเจคต้องเข้าไปสอดแนมในกลุ่มของชาวนาวี เพื่อนำทางให้มนุษย์เข้าไปตักตวงแร่อันมีค่าของที่นั่น แต่ยิ่งเจคได้สัมผัสชีวิตบนดาวแพนดอร่ามากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหลงใหลในความงามของที่นี่มากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดเขาต้องเลือกระหว่างภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายจากโลกและความรักความผูกพันที่มีต่อชาวนาวี\nเจมส์ คาเมรอนกล่าวว่า ฉากดาวแพนโดรานั้น ได้รับอิทธิพลมาจากทิวทัศน์ของของเทือกเขาสูงในสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะเขาหวงซาน ทางตอนใต้ของมณฑลอันฮุย และอุทยานแห่งชาติอู่หลิงยฺเหวียน เมืองจางเจียเจีย มณฑลหูหนาน"
] |
ศาสตราจารย์ ปรีดี เกษมทรัพย์เป็นคนจังหวัดอะไร? | [
"ศาสตราจารย์ ปรีดี เกษมทรัพย์ หรือ ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ เกิดเมื่อ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2470 ในครอบครัวคนจีนแต้จิ๋ว ที่ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นบุตรนายกิมฮง และนางบัวทอง เกษมทรัพย์ สมรสกับนางอังคณา เกษมทรัพย์ (สกุลเดิมไตรวิทยาคุณ) มีบุตร 4 คน ได้แก่ นายบรรณ นายปัญญ์ น.พ.ดร.วิชช์ และนายวัตร เกษมทรัพย์ ปัจจุบัน (2560) มีหลาน 9 คน [3]"
] | [
"ก่อนเกษียณอายุ ท่านเป็นผู้ก่อตั้งและอธิการวิทยสถานแห่งวัฒนธรรมตะวันออก (Oriental Culture Academy) ประธานกรรมการอาศรมวัฒนธรรมไทย - ภารต รองประธานสหพันธ์คีตาอาศรมแห่งโลก ประธานคีตาอาศรมแห่งประเทศไทย อุปนายกสภามหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ กรรมการสภามหาวิทยาลัยมหามงกุฎราชวิทยาลัย ประธานกรรมการกิตติมศักดิ์คณะกรรมการบัณฑิตศึกษาทางนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรรมการในคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ (ปปร.) และประธานกรรมการพิจารณาคำร้องเรียนการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ",
"นอกจากนี้ยังเป็นเนติบัณฑิตไทย และมีประกาศนียบัตรครูสอนภาษาจีน ของกระทรวงศึกษาธิการ กับทั้งยังได้รับนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์",
"ศาสตราจารย์ เกตุ กรุดพันธ์ เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2496 ที่จังหวัดนนทบุรี บิดาชื่อ นายศักดิ์ กรุดพันธ์ มารดาชื่อ นางอุบล กรุดพันธ์ สมรสกับ นางธนกร กรุดพันธ์ (นามสกุลเดิม เกษมกิจวัฒนา) มีธิดา 1 คน คือ นางสาวศุภรา กรุดพันธ์",
"เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.) พ.ศ. 2529 - เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้น มหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)[11] เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)",
"1. ลัทธิไตรประชาและรัฐธรรมนูญ 5 อำนาจ ของ ดร.ซุนยัดเซ็น. (ไทยวัฒนาพานิช, 2530) 2. กตัญญุตาคถา (คัมภีร์ของขงจื้อ). (พิมพ์แจกในงานศพมารดา, 2518)",
"23 กันยายน 2545 คณะกรรมการสภาสถาบันราชภัฏ มีมติอนุมัติการแต่งตั้งคณะกรรมการสภาประจำสถาบันราชภัฏร้อยเอ็ด โดยมีศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี เกษมทรัพย์ ดำรงดำแหน่งนายกสภาประจำสถาบันราชภัฏร้อยเอ็ด\n21พฤศจิกายน 2545 โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ ปรีดี เกษมทรัพย์ ดำรงตำแหน่งนายกสภาประจำ สถาบันราชภัฏร้อยเอ็ด\n14 มิถุนายน 2547 โปรดเกล้าฯ ตราพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 121 ตอนพิเศษ 23 ก ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2547",
"ศาสตราจารย์กิตติคุณ บัวเรศ คำทอง หรือ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บัวเรศ คำทอง เกิดเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2453 ณ จังหวัดสุรินทร์ เป็นบุตรคนที่ 4 ของนายทรัพย์ คำทอง และนางเปาว์ คำทอง ในปี 2487 ได้สมรสกับนางสาวสุมนา วสุวัต มีบุตร 2 คน คือนายปวเรศ คำทอง และ ดร.นันทิตา (ชมพูนุช) คำทอง ศาสตราจารย์ ดร.บัวเรศ คำทอง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 รวมสิริอายุได้ 91 ปี",
"หลังจากที่เปลี่ยนชื่อโรงเรียนจาก โรงเรียนตัวอย่างประจำมณฑลกรุงเก่า มาเป็น โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยแล้วนั้น การเรียนการสอนก็เป็นไปอย่างราบรื่นและได้เจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด นับจากปี พ.ศ. 2448 จนถึงปี พ.ศ. 2483 โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยมีอายุถึง 35 ปี ที่ใช้อาคารเรียนอยู่ด้านหลังพระราชวังจันทรเกษม จนประชาชน ชาวบ้านเรียกกันว่า โรงเรียนหลังวัง จนมีศิษย์เก่าสำเร็จการศึกษาเป็นจำนวนมาก และซึ่งศิษย์เก่ารุ่นแรก ๆ เหล่านี้เป็นบุคคลที่มีเกียรติอันควรคารวะ อาทิ\nศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ หรือหลวงประดิษฐ์มนูธรรม รัฐบุรุษอาวุโส อดีตนายกรัฐมนตรี 3 สมัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และยังเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เข้าศึกษาใน ร.ศ. 131 หรือ พ.ศ. 2455 และสำเร็จการศึกษาใน ร.ศ. 134 หรือ พ.ศ. 2458 เลขประจำตัว 791 ",
"พลเรือเอกสงัด ชลออยู่ ในฐานะหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ได้แต่งตั้งนายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามคำสั่งที่ ๔๓/๒๕๑๙ โดยแต่งตั้งนาย ประกอบ หุตะสิงห์ เป็นนายกสภามหาวิทยาลัยและนาย ปรีดี เกษมทรัพย์ เป็นอธิการบดีและปลดนาย โกศล สินธวานนท์ พ้นจากอธิบดีกรมการเมืองปลดนาย ชวาล ชวณิชย์ จากตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานอาเซียนแห่งประเทศไทยตามคำสั่งที่ ๕๐/๒๕๑๙ ",
"ปรีดี เริ่มรับราชการเมื่อ พ.ศ. 2496 ในยศนายร้อยตำรวจโทในประจำกองการต่างประเทศและแถลงข่าว กรมตำรวจ จากนั้นเข้าเป็นข้าราชการตุลาการในตำแหน่งผู้พิพากษาในศาลระดับชั้นต่าง ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2498 จนถึง พ.ศ. 2517 ได้ออกจากตำแหน่งผู้พิพากษามารับหน้าที่เป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนเกษียณอายุราชการ และปัจจุบันยังคงเป็นอาจารย์พิเศษในคณะดังกล่าว โดยบรรยายวิชากฎหมายแพ่ง นิติปรัชญา ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย และหลักวิชาชีพนักกฎหมายเป็นต้น เขาเคยได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2516[7]",
"ในระดับอุดมศึกษา เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอ้หมึงแห่งชาติ (National University of Amoy) สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวิชาอักษรศาสตร์และปรัชญาจีน แต่เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองประเทศจีน ทำให้ต้องเดินทางกลับประเทศไทย[6] และมาศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนจบนิติศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมดี) จากนั้นเดินทางไปศึกษาต่อนิติศาสตรมหาบัณฑิต ที่มหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐอเมริกา โดยทุน Fullbright Smith-Mundt Scholarship และนิติศาสตรดุษฎีบัณฑิต ณ มหาวิทยาลัยแห่งกรุงบอนน์ (Universität Bonn) ประเทศเยอรมนี โดยทุน Humboldt Fellowship และทุนรัฐบาลไทย ทำวิทยานิพนธ์ในหัวข้อ \"Das thailändische eheliche Güterrecht\" เมื่อ พ.ศ. 2510",
"ทั้งนี้ปรีดี เกษมทรัพย์ จัดได้ว่าเป็นปรมาจารย์ในแวดวงนิติศาสตร์[8] เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีกฎหมายสามชั้น และผู้ริเริ่มให้บรรยายวิชากฎหมายแพ่ง นิติปรัชญา ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย และหลักวิชาชีพนักกฎหมาย ขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นแห่งแรกของประเทศ[9]",
"รองศาสตราจารย์ สมยศ เชื้อไทย (เกิด พ.ศ. 2493) เป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการเครื่องหมายการค้ากระทรวงพาณิชย์ (ประเทศไทย) ประธานกรรมการมูลนิธิปรีดี เกษมทรัพย์ และนักวิชาการชาวไทย โดยเป็นรองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญ ภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และอดีตคณบดีคณะดังกล่าว",
"ปัจจุบันท่านเป็นประธานกิติมศักดิ์มูลนิธิปรีดี เกษมทรัพย์ ที่ลูกศิษย์ลูกหาร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นมูลนิธิเพื่อให้การสนับสนุนด้านวิชานิติศาตร์ในประเทศไทย",
"ท่านอาจารย์ปรีดีถือว่าเป็นปรมาจารย์ในแวดวงนิติศาสตร์[1] เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีกฎหมายสามชั้น และผู้ริเริ่มให้บรรยายวิชากฎหมายแพ่ง นิติปรัชญา ประวัติศาสตร์กฎหมายไทย และหลักวิชาชีพนักกฎหมาย ขึ้นในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นแห่งแรกของประเทศ[2]",
"คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ คณะนิติศาสตร์ในมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความผูกพันระหว่างศาสตราจารย์ ปรีดี พนมยงค์ กับศาสตราจารย์ ไสว สุทธิพิทักษ์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยและเป็นอธิการบดีคนแรก",
"นอกจากนี้ยังเป็นอาจารย์พิเศษในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันจิตวิทยาความมั่นคง และมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย",
"การศึกษาชั้นต้น ปรีดีได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศจีนตั้งแต่อายุ 7-12 ปี ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่เมืองแต้จิ๋ว[4] หลังจากนั้นกลับมาศึกษาต่อจนจบชั้น ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 จากโรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย และโรงเรียนอัสสัมชัญ ตามลำดับ[5]",
"ขณะอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2517 - พ.ศ. 2519 อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2521 และประธานคณะกรรมการบัณฑิตศึกษาคณะนิติศาสตร์ พ.ศ. 2518-2532[10] ในปี 2549 ได้ก่อตั้ง \"วิทยาลัยนิติรัฐศาสตร์\" ขึ้นใน มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด ซึ่งเปิดสอน 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต และ หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต และยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยนิติรัฐศาสตร์ ต่อมาใน ปี 2558 ปรับโครงสร้างเป็น \"คณะนิติรัฐศาสตร์\" เปิดสอน 3 หลักสูตร คือ หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต และ หลักสูตรรัฐศาสตรบัณฑิต",
"ในทางการเมืองปรีดี เกษมทรัพย์ เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (สภาสนามม้า) พ.ศ. 2516 สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2516-2518 กรรมการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2516-2517 และกรรมการในคณะกรรมการปกครองของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2516-2518",
"ศาสตราจารย์ ปรีดี เกษมทรัพย์ นักกฎหมายผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายแพ่ง และนิติปรัชญา อดีตสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้ก่อตั้งและอดีตอธิการวิทยสถานแห่งวัฒนธรรมตะวันออก อดีตรองประธานสหพันธ์คีตาอาศรมแห่งโลก และอดีตประธานคีตาอาศรมแห่งประเทศไทย",
"หมวดหมู่:ชาวไทยเชื้อสายจีน หมวดหมู่:สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หมวดหมู่:ตำรวจชาวไทย หมวดหมู่:ข้าราชการฝ่ายตุลาการชาวไทย หมวดหมู่:ข้าราชการพลเรือนชาวไทย หมวดหมู่:อาจารย์คณะนิติศาสตร์ หมวดหมู่:ศาสตราจารย์ หมวดหมู่:อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หมวดหมู่:นักวิชาการชาวไทย หมวดหมู่:นักกฎหมายชาวไทย หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนอัสสัมชัญ หมวดหมู่:บุคคลจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช. หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม. หมวดหมู่:สมาชิกเหรียญจักรพรรดิมาลา",
"ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ 96 ถนนปรีดีพนมยงค์ ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13000 โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์สุวัฒน์ ทับทิมเจือ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนคนปัจจุบัน",
"(6) แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษาสำนักงานในโครงการ ให้คำปรึกษา แนะนำและร่วมทำงาน ได้แก่ นายชุมพล พรประภา รองศาสตราจารย์ฉลอง ภิรมย์รัตน์ นายอุดม มุ่งเกษม และนางพัชรี สว่างทรัพย์",
"ศาสตราจารย์กิตติคุณ เกษม สุวรรณกุล หรือ ศ.กิตติคุณ ดร.เกษม สุวรรณกุล เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2473 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สำเร็จปริญญาตรีรัฐศาสตร์บัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี 2494 (รุ่นที่ 1) โดยสอบได้เป็นที่ 1 ของรุ่น ",
"วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นส่วนราชการไทยระดับคณะวิชา สังกัดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดตั้งขึ้นตามนโยบายของ ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์เพื่อรองรับการเรียนการสอนหลักสูตรนานาชาติ โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ศาสตราจารย์ ดร.ปรีดี พนมยงค์ ในวาระครบ 100 ปี ชาตกาล",
"1. สัมมนาในวิชากฎหมายแพ่ง. (โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง, 2520) 2. กฎหมายแพ่ง: หลักทั่วไป. พิมพ์ครั้งที่ 5, (คณะกรรมการบริการทางวิชาการ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2526) 3. เอกสารประกอบการสอนการศึกษาวิชานิติปรัชญาชั้นปริญญาตรี. (คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2526) เล่ม 1 บทนำทางทฤษฎี เล่ม 2 บทนำทางประวัติศาสตร์ 4. รวมสารคดี \"การใช้การตีความกฎหมาย\". (โครงการปริญญาโท คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2526) 5. นิติปรัชญา. (โครงการตำราและเอกสารประกอบการสอน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) 6. หลักวิชาชีพนักกฎหมายในภาคพื้นยุโรป ใน หนังสือรวมคำบรรยายหลักวิชาชีพนักกฎหมาย (สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2531) 7. เอกสารประกอบการศึกษาวิชาสังคมกับกฎหมาย. (โครงการตำราและเอกสารประกอบการสอน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2531) 8. ประชาธิปไตย กฎหมาย หลักนิติธรรม. (นานาสิ่งพิมพ์, 2534) 9. ประชาธิปไตยกับชนชั้นกลาง. พิมพ์ครั้งที่ 2, (วิญญูชน, 2536)",
"สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตเพชรบูรณ์ ได้ริเริ่มก่อตั้งเมื่อพ.ศ. 2514 นายปอ ขาวสะอาด ศึกษาธิการเขตการศึกษา 7 นายปัญจะ เกสรทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ นายเกษม พาณิชการ นายกสมาคมพ่อค้าชาวอำเภอหล่มสัก อำเภอหล่มเก่า อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ และผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความสนใจการกีฬาในจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ดำเนินการขอเปิดวิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยยื่นเรื่องต่อ ศาสตราจารย์นายแพทย์บุญสม มาร์ติน อธิบดีกรมพลศึกษา พ.ศ. 2525 นายปัญจะ เกสรทอง ได้ดำเนินการติดต่อประสานงานกับผู้ว่าราชการเพชรบูรณ์และคณะรัฐมนตรี ในเรื่องที่ดินและงบประมาณการก่อสร้างอาคารต่างๆ พร้อมทั้งประสานงานกับกรมพลศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอเปิดวิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ นายจำเนียร ปฏิเวชวรรณกิจ ได้จัดที่ดินสำหรับก่อสร้าง คือ บริเวณถนนสระบุรี - หล่มสัก ซึ่งมีความกว้าง 160 เมตร รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น 159 ไร่ นายเกษม ศิริสัมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ลงนามในประกาศเปิดวิทยาลัยพลศึกษา ให้ชื่อว่า \"วิทยาลัยพลศึกษาจังหวัดเพชรบูรณ์\" เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2525 โดยเปิดเรียนตั้งแต่ปีการศึกษา 2526 เป็นต้นไป ในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ. สูง พลศึกษา) โดยปีแรกรับนักศึกษาจำนวน 50 คน",
"1. สัญญาทางหนี้และสัญญาทางทรัพย์ในกฎหมายเยอรมัน ใน ดุลพาห 53 ป.15 ล.1 (ม.ค.-ก.พ.2511) 2. กฎหมายเป็นเรื่องน่ารู้ ใน วารสารธรรมศาสตร์ ล.1 ป.1 (มิ.ย. 2514) 3. ข้อสังเกตเกี่ยวกับหลักสูตรของคณะนิติศาสตร์ ใน วารสารวันรพี, คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2517) 4. ศีลธรรม หลักกฎหมาย และกฎหมายเทคนิค ใน วารสารวันรพี ฉบับนักกฎหมายของประชาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2518) 5. ปรัชญารากฐาน 2 ประการของการปกครองระบอบประชาธิปไตย ใน วารสารวันรพี, คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2520) 6. กฎหมายคืออะไร \"ในแง่นิติปรัชญา\" ใน วารสารนิติศาสตร์ ป.11 ฉ.3 (2523) 7. อำนาจ ความชอบธรรมและขอบเขตของรัฐในการบัญญัติกฎหมายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ใน วารสารนิติศาสตร์ ป.11 ฉ.3 (2523) 8. การตีความกฎหมายอาญา ใน วารสารนิติศาสตร์ ป.14 ฉ.4 (2527) 9. การใช้การตีความกฎหมาย ใน วารสารนิติศาสตร์ ป.15 ฉ.1 (2518) 10. Asian indigenous law: in interaction with received law (1986) โดยเขียนร่วมกับ Chiba Masaji 11. เมื่อประมุขตุลาการเผชิญหน้ากับกษัตริย์; กรณี Sir Edward Coke ใน วารสารนิติศาสตร์ ป.22 ล.1 (2535) 12. ระบบ ก.ต. และความอิสระของตุลาการ ใน วารสารนิติศาสตร์ ป.22 ฉ.3 (2535) 13. หลักสุจริตคือหลักความซื่อสัตย์และความไว้วางใจ ใน หนังสืออนุสรณ์การพระราชทานเพลิงศพ ร.ศ.ดร.สมศักดิ์ สิงหพันธุ์ (มิ.ย.2525)"
] |
เมทริกซ์ คืออะไร? | [
"ในคณิตศาสตร์ เมทริกซ์ หรือ เมตริกซ์ (English: matrix) คือตารางสี่เหลี่ยมที่แต่ละช่องบรรจุจำนวนหรือโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ที่สามารถนำมาบวกและคูณกับตัวเลขได้"
] | [
"ขั้นตอนวิธีของแคนนอน () คือขั้นตอนวิธีสำหรับการคูณเมทริกซ์สองเมทริกซ์ที่มีมิติ formula_1 ด้วยการทำงานแบบขนาน นำเสนอโดย \"ลิน เอลเลียต แคนนอน (Lynn Elliot Cannon)\" ในปีค.ศ.1969\nให้ A และ B เป็นเมทริกซ์ที่ถูกดำเนินการ และ C เป็นเมทริกซ์ผลลัพธ์\nแบ่งเมทริกซ์สองเมทริกซ์ A และ B ให้เป็นเมทริกซ์จตุรัสย่อยๆจำนวน p เมทริกซ์ โดยที่ p คือจำนวนกระบวนการ( process )ทั้งหมด โดยที่ทุกกระบวนการทำงานไปพร้อมๆกัน และสามารถส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันได้ ส่งเมทริกซ์ย่อย formula_2 และ formula_3 ลงในกระบวนการ formula_4\nเริ่มต้นเรียงตำแหน่งของเมทริกซ์ย่อย ให้แถวที่ i ของเมทริกซ์ A เลื่อนหมุนตามแนวนอนไปด้านซ้ายเป็นจำนวน i ช่อง และสดมภ์ที่ j ของเมทริกซ์ B เลื่อนหมุนตามแนวตั้งไปด้านบนเป็นจำนวน j ช่อง ( i และ j มีค่าตั้งแต่ 0 ถึง n-1 ) \n\" เมทริกซ์ A \" \nformula_5\nformula_6 \n\" เมทริกซ์ B \" \nformula_7\nformula_8",
"สังเกตว่าอนุพันธ์นี้เป็นการแปลงเชิงเส้น ไม่ใช่ตัวเลข ถ้าการแปลงเชิงเส้นแทนด้วยเมทริกซ์ (จาโคเบียนเมทริกซ์) การรวมทางด้านขวาจะกลายเป็นการคูณเมทริกซ์",
"เมทริกซ์สลับเปลี่ยนคือเมทริกซ์ที่ได้จากการสลับสมาชิก จากแถวเป็นหลัก และจากหลักเป็นแถว ของเมทริกซ์ต้นแบบ เมทริกซ์สลับเปลี่ยนของของเมทริกซ์ A ขนาด m × n คือ AT ขนาด n × m ( หรือเขียนอยู่ในรูปแบบ Atr, หรือ tA, หรือ A' ) ซึ่ง AT[ i, j ] = A[ j, i ] ยกตัวอย่างเช่น",
"การดำเนินการการบวกอีกอย่างหนึ่งซึ่งมีที่ใช้น้อยกว่า คือการบวกโดยตรง เราสามารถบวกเมทริกซ์ \"A\" มิติ \"m\"×\"n\" กับเมทริกซ์ \"B\" มิติ \"p\"×\"q\" ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีมิติเท่ากัน ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเมทริกซ์ที่มีมิติ (\"m\" + \"p\") × (\"n\" + \"q\") ตามที่นิยามไว้ดังนี้",
"การบวกเมทริกซ์โดยทั่วไปจะนิยามให้เมทริกซ์สองเมทริกซ์มีมิติเท่ากัน ผลบวกของเมทริกซ์ \"A\" และ \"B\" ที่มีมิติ \"m\"×\"n\" เขียนแทนด้วย \"A\" + \"B\" และได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเมทริกซ์ขนาด \"m\"×\"n\" ที่มีสมาชิกเป็นผลบวกบนตำแหน่งที่ตรงกัน ตัวอย่างเช่น",
"เราเรียกแถวในแนวนอนของเมทริกซ์ว่า แถว เรียกแถวในแนวตั้งของเมทริกซ์ว่า หลัก และเรียกจำนวนแต่ละจำนวนเในเมทริกซ์ว่า สมาชิก ของเมทริกซ์ การกล่าวถึงสมาชิกของเมทริกซ์ จะต้องระบุตำแหน่งให้ถูกต้อง เช่น จากตัวอย่างข้างบน",
"หากกำหนดให้เมทริกซ์ formula_1 เป็นเมทริกซ์จัตุรัสมิติ \"n\"×\"n\" เมทริกซ์ D จะเป็นเมทริกซ์ทแยงมุมก็ต่อเมื่อ\nสำหรับทุกค่าของ formula_3",
"เดอะ เมทริกซ์ รีโหลดเดด ทำรายได้ในทวีปอเมริกาเหนือไป 281 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้รวมทั่วโลก 735 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื้อหาส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเมทริกซ์ รีโหลดเดด ปรากฏในเกมคอมพิวเตอร์ เอ็นเทอร์เดอะเมทริกซ์ และชุดภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้น ดิ แอนิเมทริคซ์ รวมถึงภาพยนตร์ภาคที่สามของไตรภาค คือ เดอะ เมทริกซ์ เรฟโวลูชั่นส์ ซึ่งออกฉายหลังจากภาคนี้เพียง 6 เดือน",
"เราเรียกเมทริกซ์ที่มี m {\\displaystyle m} แถว และ n {\\displaystyle n} หลัก เรียกว่า เมทริกซ์ m × n {\\displaystyle m\\times n} เราเรียกจำนวน m {\\displaystyle m} และ n {\\displaystyle n} ว่า มิติ หรือ ขนาด ของเมทริกซ์",
"เราใช้สัญญลักษณ์ A = ( a i , j ) m × n {\\displaystyle A=(a_{i,j})_{m\\times n}} เพื่อหมายถึง เมทริกซ์ A {\\displaystyle A} ซึ่งมี m {\\displaystyle m} แถว และ n {\\displaystyle n} หลัก โดยที่ a i , j {\\displaystyle a_{i,j}} (หรือ a i j {\\displaystyle a_{ij}} ) หมายถึง สมาชิกที่อยู่ในตำแหน่ง แถว i {\\displaystyle i} และ หลัก j {\\displaystyle j} ของเมทริกซ์",
"กลศาสตร์เมทริกซ์ มีที่มาจากการค้นพบว่า ตำแหน่งและโมเมนตัมของอนุภาค แทนด้วยสัญลักษณ์ formula_1 และ formula_2 ตามลำดับ สามารถเขียนอยู่ในรูปเมทริกซ์ ไม่จำกัด (infinite matrix) formula_3 และ formula_4 โดยที่ตัวเลขในเมทริกซ์ formula_5 และ formula_6 แทนกรณีที่อนุภาคในวงโคจร formula_7 ปลดปล่อยโฟตอนและย้ายไปอยู่ในวงโคจร formula_8",
"ถ้าเปรียบเทียบเมทริกซ์ 1.0 ว่าเป็นสวรรค์แล้ว เมทริกซ์ 2.0 ก็จะเป็นนรกสำหรับผู้อาศัยอยู่ ด้วยสงคราม โรคระบาด และความตาย เปรียบเทียบได้ในยุคคอมมิวนิสต์รัสเซีย หรือการปกครองของนาซี และเหยื่อจากรังสีของระเบิดนิวเคลียร์",
"การบวกเมทริกซ์ ในทางคณิตศาสตร์ เป็นการดำเนินการการบวกบนสองเมทริกซ์ โดยบวกสมาชิกที่สอดคล้องกันเข้าด้วยกันเป็นเมทริกซ์ใหม่",
"เมทริกซ์สลับเปลี่ยนสังยุค () ของเมทริกซ์ A มิติ \"m\"×\"n\" ซึ่งมีสมาชิกเป็นจำนวนเชิงซ้อน คือเมทริกซ์สลับเปลี่ยนของเมทริกซ์ A ซึ่งเปลี่ยนสมาชิกทั้งหมดเป็นสังยุค เขียนแทนด้วยเมทริกซ์ A* หรือสามารถนิยามได้จาก\nเมื่อ 1 ≤ \"i\" ≤ \"n\" และ 1 ≤ \"j\" ≤ \"m\" และขีดเส้นตรงหมายถึงสังยุคของจำนวนเชิงซ้อน (อาทิ สังยุคของ \"a\" + \"b\"i คือ \"a\" − \"b\"i เป็นต้น)",
"เราสามารถใช้เมทริกซ์แทนระบบสมการเชิงเส้น การแปลงเชิงเส้น และใช้เก็บข้อมูลที่ขึ้นกับตัวแปรต้นสองตัว เราสามารถบวก คูณ และแยกเมทริกซ์ออกเป็นผลคูณของเมทริกซ์ได้หลายรูปแบบ เมทริกซ์เป็นแนวความคิดที่มีความสำคัญยิ่งของพีชคณิตเชิงเส้น โดยทฤษฎีเมทริกซ์เป็นสาขาหนึ่งของพีชคณิตเชิงเส้นที่เน้นการศึกษาเมทริกซ์",
"ตัวอย่าง กำหนดให้เมทริกซ์ A และ B\nจะได้เมทริกซ์แต่งเติม (A|B) เท่ากับ\nตำราบางเล่มอาจใช้เส้นตรงคั่นระหว่างกลางในตัวเมทริกซ์ เพื่อแยกแยะว่าสมาชิกตัวไหนเป็นของเมทริกซ์ใด",
"ดังตัวอย่างการหารอยเมทริกซ์ ของเมทริกซ์ต่อไปนี้",
"เรากล่าวว่าเมทริกซ์ A {\\displaystyle A} แอนติคอมมิวต์ (anticommute) กับเมทริกซ์ B {\\displaystyle B} ถ้า A B = − B A {\\displaystyle AB=-BA} เมทริกซ์ที่แอนติคอมมิวต์ซึ่งกันและกันมีความสำคัญมากในการเป็นตัวแทนของพีชคณิตลีและพีชคณิตคลิฟฟอร์ด",
"หากกำหนดให้เมทริกซ์ formula_1 เป็นเมทริกซ์จัตุรัสมิติ \"n\"×\"n\" เมทริกซ์ D จะเป็นเมทริกซ์ทแยงมุมรองก็ต่อเมื่อ\nสำหรับทุกค่าของ formula_3",
"เมทริกซ์เอกลักษณ์ หรือ เมทริกซ์หน่วย In ขนาด n คือเมทริกซ์ขนาด n × n ที่มีตัวเลขบนเส้นทแยงมุมเป็น 1 ซึ่งสมมติให้เส้นทแยงมุมนั้นลากจากสมาชิกบนซ้ายไปยังสมาชิกขวาล่าง (เฉียงลง) ส่วนสมาชิกที่เหลือเป็น 0 ทั้งหมด มีคุณสมบัติ MIn=M และ InN= N สำหรับทุกๆเมทริกซ์ M ขนาด m × n และเมทริกซ์ N ขนาด n × k เช่นเมื่อ n = 3:",
"จะเห็นได้ว่าโดยการสร้งเมทริกซ์ T {\\displaystyle \\,T} ในลักษณะข้างต้น เมทริกซ์ T {\\displaystyle \\,T} จึงผกผันได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าเมทริกซ์ย่อยในเมทริกซ์ T {\\displaystyle \\,T} นั้นสามารถเป็นเมทริกซ์ศูนย์ได้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่ระบบมีสภาพสังเกตได้และควบคุมได้ เมทริกซ์ T {\\displaystyle \\,T} ลดรูปเหลือ T = T r o {\\displaystyle \\,T=T_{ro}} โดยที่ เมทริกซ์ย่อยอื่นเป็นเมทริกซ์ศูนย์",
"ในพีชคณิตเชิงเส้น รอยเมทริกซ์ หรือ เดือยเมทริกซ์ (ทับศัพท์ว่า \"เทรซ\") คือผลบวกของสมาชิกที่อยู่บนเส้นทแยงมุมของเมทริกซ์จัตุรัส (จากซ้ายบนไปขวาล่าง) นั่นคือ\nโดยที่ formula_2 หมายถึงสมาชิกในแถวที่ \"i\" และหลักที่ \"j\" ของเมทริกซ์ \"A\" นอกจากนั้น รอยเมทริกซ์ยังเท่ากับผลบวกของค่าลักษณะเฉพาะ (eigenvalue) อีกด้วย",
"เดอะ เมทริกซ์ : เพาะพันธุ์มนุษย์เหนือโลก 2199 () เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของชุดไตรภาคเมทริกซ์ กำกับโดยพี่น้องวาชอวสกี (แลร์รี และ แอนดี) ออกฉายในอเมริกาเหนือวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) นำแสดงโดย คีนู รีฟส์, ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น, แคร์รี-แอนน์ มอสส์, และฮิวโก วีฟวิง",
"หรืออาจเรียกได้ว่า เมทริกซ์ A คือผลบวกโดยตรง (direct sum) ของเมทริกซ์ formula_5 เขียนแทนได้ด้วย\nหรือเขียนแทนด้วยสัญกรณ์ของเมทริกซ์ทแยงมุม",
"กำหนดให้เมทริกซ์ \"A\", \"B\" เป็นเมทริกซ์จัตุรัสมิติ \"n\"×\"n\" และสเกลาร์ \"r\" รอยเมทริกซ์จะมีคุณสมบัติดังนี้",
"สมการซิลเวสเตอร์ () มักพบในทฤษฎีระบบควบคุม คือสมการเมทริกซ์ ในรูปแบบ\nโดยที่ formula_2 คือ formula_3 เมทริกซ์ formula_4 เป็นเมทริกซ์ทราบค่า และ formula_5 คือเมทริกซ์ตัวแปรที่เราต้องการหาค่า",
"เมทริกซ์สมมาตรศูนย์กลาง (centrosymmetric matrix) หมายถึงเมทริกซ์จัตุรัสที่สมาชิกมีความสมมาตรกับจุดกึ่งกลางสมมติในเมทริกซ์ เมทริกซ์สมมาตรศูนย์กลางนิยามโดยเมทริกซ์ A มิติ \"n\"×\"n\" ดังนี้\nเมื่อ \"i\" และ \"j\" มีค่าตั้งแต่ 1 ถึง n",
"อย่างไรก็ตาม เมทริกซ์ปรกติไม่จำเป็นต้องเป็นประเภทใดประเภทหนึ่งข้างต้น ตัวอย่าง กำหนดให้เมทริกซ์ A\nเป็นเมทริกซ์ปรกติเช่นกัน เนื่องจาก\nซึ่งเมทริกซ์ A ในที่นี้ ไม่ได้เป็นเมทริกซ์ประเภทใดเลย",
"สำหรับเมทริกซ์จัตุรัสที่ไม่เป็นเมทริกซ์เอกฐาน สามารถมีตัวผกผันได้ทุกเมทริกซ์ โดยการคำนวณผ่านเมทริกซ์แต่งเติมเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ เช่น กำหนดให้เมทริกซ์ C\nการหาเมทริกซ์ผกผันเริ่มจากการนำเมทริกซ์เริ่มต้น มาผนวกกับเมทริกซ์เอกลักษณ์ที่มีมิติเท่ากัน เป็นเมทริกซ์ (C|I)\nแล้วใช้การดำเนินการตามแถวบนเมทริกซ์ (C|I) จนกระทั่งเมทริกซ์แต่งเติมซีกซ้ายกลายเป็นเมทริกซ์เอกลักษณ์ และได้ตัวผกผันของเมทริกซ์ที่ซีกขวา",
"ตัวอย่างเมทริกซ์แบบบล็อกเช่น กำหนดให้เมทริกซ์ P\nจะเห็นว่ามีสมาชิกที่คล้ายกันอยู่เป็นกลุ่มๆ ซึ่งสามารถตัดแบ่งออกเป็นเมทริกซ์ย่อยขนาด 2×2\nดังนั้นเมทริกซ์ P จึงสามารถเขียนได้อีกแบบหนึ่งเป็น"
] |
ราชวงศ์โชซ็อน ล่มสลายเมื่อใด? | [
"ราชวงศ์โชซอน (English: Joseon Dynasty; ) หรือ ราชวงศ์ลี ที่สถาปนาขึ้นภายหลังการยกสถานะของอาณาจักรโชซอนเป็นจักรวรรดิโชซอนตามพระบรมราชโองการของจักรพรรดิควังมูแห่งจักรวรรดิโชซอน (จักรพรรดิโคจง) เป็นราชวงศ์ที่ปกครองคาบสมุทรเกาหลีในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1392-1910 (อย่างเป็นทางการ) โดยรวมแล้วราชวงศ์โชซอนมีอายุกว่า 600 ปี"
] | [
"โครงสร้างทางสังคมของโชซอนที่มีมาหลายร้อยปี จึงล่มสลายลงในสมัยพระเจ้าซุนโจ",
"ราชวงศ์จิ้นตะวันออก ก่อตั้งขึ้นหลังจากการอพยพโยกย้ายราชธานีของเหล่าข้าราชสำนักจิ้นลงสู่ภาคใต้ ภายหลังการล่มสลายของ ราชวงศ์จิ้นตะวันตก ซึ่งแม้ว่าจะยังคงนับเนื่องเป็นราชวงศ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์โบราณของจีน แต่แท้จริงแล้ว ขอบข่ายอำนาจการปกครองเพียงสามารถครอบคลุมดินแดนทางตอนใต้ของลำน้ำฉางเจียงเท่านั้น ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ บ้านเมืองทางตอนเหนือระส่ำระสายไปด้วยไฟสงครามการแย่งชิงของแว่นแคว้นต่าง ๆภายใต้การนำของกลุ่มชนเผ่าจากนอกด่าน รวมทั้งชาวฮั่นเอง สถานการณ์ความแตกแยกนี้ ยังคงดำเนินไปท่ามกลางการผลุดขึ้นและล่มสลายลงของราชวงศ์จิ้นตะวันออก จวบจนถึงยุคแห่งการตั้งประจันของ ราชวงศ์เหนือ-ใต้ ซึ่งกินเวลากว่า 300 ปี สถาปนาจิ้นตะวันออก ",
"ขณะเดียวกัน พระเจ้าโกจง ก็ทรงลี้ภัยไปประทับที่สถานกงสุลรัสเซีย ฝ่ายจักรวรรดิญี่ปุ่นได้อำนาจก็ทำการปรับปรุงจักรวรรดิโชซ็อนให้ทันสมัย โดยยกเลิกประเพณีเก่า ๆ โดยเฉพาะสั่งให้ผู้ชายทุกคนตัดจุก (ลัทธิขงจื๊อห้ามตัดผม) สร้างความไม่พอใจแก่ชาวเกาหลีอย่างมาก ชาวโชซ็อนทุกชนชั้นจึงรวมตัวกันเป็น สมาคมเอกราช (ทงนิบ-ฮย็อบพี) ต่อมาในปี พ.ศ. 2440 พระเจ้าโกจงทรงทนการรบเร้าจากสมาคมเอกราชมิได้ จึงทรงกลับมาประทับที่พระราชวังทอกซู และมีพระบรมราชโองการเลื่อนฐานะของอาณาจักรโชซ็อน เป็นจักรวรรดิโชซ็อนพร้อมเปลี่ยนสถานะของพระองค์จากพระมหากษัตริย์แห่งอาณาจักรโชซ็อนเป็น สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโชซ็อน ภายหลังญี่ปุ่นได้สยบพระราชอำนาจของพระองค์ลงได้และสั่งให้นำตัวพระราชวงศ์ทั้งหมดไปอยู่ที่เกาะญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์โชซ็อนที่ยาวนานถึง 600 ปีจึงสิ้นสุดเพียงเท่านี้",
"ในบันทึกประวัติศาสตร์ทางฝ่ายจีน ได้มีการกล่าวถึงเรื่องของจี้จื่อ ที่ในประวัติศาสตร์ฝ่ายเกาหลีเรียกว่า กีจา ได้เดินทางไปยังโคโจซ็อนในพ.ศ. 36 และยังได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ปกครองโคโจซ็อนต่อมาด้วยเช่นกัน ในประวัติศาสตร์จีนกล่าวถึงจี้จื่อว่าเป็นพระอาจารย์ของกษัตริย์ติ้ซิง กษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ซางกษัตริย์พระองค์นี้เป็นกษัตริย์ทรราช จี้จือถูกจับคุมขังด้วยความไม่พอใจส่วนตัวของกษัตริย์ ต่อมาเมื่อราชวงศ์ซางล่มสลาย โจวอู่หวังผู้โคนล้มราชวงศ์ซางได้ขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์โจว จึงได้ปลดปล่อยจี้จื่อออกมา และเนรเทศออกจากแผ่นดินจีน จี้จื่อจึงได้พาคนจำนาน 5000 คน ออกจากจีน เดินทางมุ่งหน้าขึ้นเหนือ จนกระทั่งมาสุดที่ดินแดนหนึ่งที่เรียกว่า เจ่าเซียน ซึ่งก็คือ โคโจซ็อน และด้วยความรู้ที่มีมากมาย จึงได้รับตำแหน่งเป็นขุนนางที่นั้น จี้จื่อได้เป็นผู้สอนให้ชาวโคโจซ็อนได้เรียนรู้กับวัฒนธรรมของชาวจีน กระทั่งต่อมา จี้จื่อได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของชาวโคโจซ็อน เป็นต้นราชวงศ์จี้จื่อ หรือ กีจาโจซอน",
"ชาวบูรพา (; ) เป็นกลุ่มการเมืองในราชวงศ์โชซ็อนของเกาหลี ปรากฏตัวขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ช่วงรัชกาลพระเจ้าซ็อนโจ มีที่มาจากกลุ่มเกลอของขุนนางคิม ฮโย-ว็อน (김효원) ซึ่งภายหลังได้ศิษย์เกือบทั้งหมดของโช ซิก (조식) และอี ฮวัง (이황) เข้าเป็นสมาชิก แล้วมาขัดแย้งกับกลุ่มของอี อี (이이) ซึ่งเรียกว่า ชาวประจิม (서인) กลุ่มชาวบูรพานี้แม้ได้เป็นใหญ่ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1580 แต่ก็เกือบล่มสลายลงเมื่อขุนนางช็อง ยอ-ริบ (정여립) ฆ่าตัวตายจนนำไปสู่การนองเลือดเมื่อ ค.ศ. 1589 ต่อมาเมื่อขุนนางช็อง ช็อล (정철) จากกลุ่มชาวประจิม ถูกอัปเปหิเพราะพยายามจะยกเจ้าชายควังแฮ (광해군) ขึ้นเป็นรัชทายาท ชาวบูรพาก็แตกแยกออกเป็นชาวเหนือ (북인) และชาวใต้ (남인)",
"ในปี พ.ศ. 2187 ได้เกิดกบฎชาวนานำโดย หลี่ จื้อเฉิง นำกำลังเข้ายึดกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของราชวงศ์หมิง นำไปสู่การล่มสลายของราชวงศ์หมิง หลี่ จื้อเฉิงได้ตั้งตนเองเป็นจักรพรรดิก่อตั้งราชวงศ์ชุนขึ้นมาแทน ในขณะเดียวกันผู้นำราชวงศ์ชิง จักรพรรดิซุ่นจื้อ ได้เริ่มนำกองทัพรุกรานแผ่นดินจีนและล้อมกรุงปักกิ่ง อู๋ ซานกุ้ย แม่ทัพราชวงศ์หมิงผู้ทรยศ ได้แอบติดต่อกับกองทัพแมนจูลับๆ และเปิดประตูป้อมด่านซันไห่ ทำให้กองทัพแมนจูแปดกองธง นำโดยตัวเอ่อร์กุ่น เข้ายึดกรุงปักกิ่งได้สำเร็จ ราชวงศ์ชุนล่มสลาย",
"ในพ.ศ. 2223 ฝ่ายใต้ล่มสลาย เหลือแต่ฝ่ายตะวันตกจึงแบ่งเป็นสองฝ่าย คือ ฝ่ายโนนน (พวกหัวเก่า) ประกอบด้วยขุนนางอาวุโส และฝ่ายโซนน (พวกหัวใหม่) มีขุนนางรุ่นใหม่ ในสมัยพระเจ้าซุกจง ฝ่ายโนนนและฝ่ายโซนนขัดแย้งกันเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาท ฝ่ายโนนนสนับสนุนพระเจ้ายองโจ แต่ฝ่ายโซนนสนับสนุนพระเจ้าเคียงจง ในพ.ศ. 2233 พระเจ้าเคียงจงทรงได้เป็นรัชทายาท ทำให้ฝ่ายโนนนเสื่อมอำนาจลงไป",
"ตลอดรัชกาลเป็นรัชกาลที่อ่อนแอและเหี้ยมโหด เมื่อซินเกาจู่สวรรรคตลงในปี ค.ศ. 24 (พ.ศ. 567) จึงเกิดกบฏต่างๆมากมายและ หลิวซิ่ว ราชนิกูลองค์หนึ่ง สามารถรบเอาชนะคู่แข่งได้และสถาปนาพระองค์เป็น จักรพรรดิฮั่นกวงตี้ ปฐมจักรพรรดิแห่ง ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก และทรงย้ายเมืองหลวงจาก ฉางอัน มาสู่ ลั่วหยาง จึงทำให้ราชวงศ์ซินที่ปกครองจีนเป็นเวลา 16 ปีล่มสลายลง",
"ราชวงศ์ฮั่น (ปี 206 ก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 220) เป็นราชวงศ์ที่ปกครองประเทศจีนในยุคโบราณ ปรากฏช่วงเวลาที่เศรษฐกิจรุ่งเรืองและถดถอยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน แบ่งออกเป็น 3 ช่วงเวลา คือ ราชวงศ์ฮั่นเหนือ (ปี 206 ก่อนคริสตกาล – ค.ศ. 9) ราชวงศ์ซิน (ปี ค.ศ. 9 – 23) และราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ปี ค.ศ. 25 – 220) ระบอบการปกครองของราชวงศ์ซินก่อตั้งโดยจักรพรรดิซินเกาจู่ (หวัง หมั่ง) เป็นระบอบการปกครองช่วงระหว่างภาวะสุญญากาศทางการเมืองคั่นกลางระหว่างการปกครองที่ยาวนานของราชวงศ์ฮั่น หลังจากที่การปกครองของจักรพรรดิซินเกาจู่ล่มสลายลง เมืองหลวงของราชวงศ์ฮั่นถูกย้ายไปทางทิศตะวันออกจากเมืองฉางอานไปยังเมืองลั่วหยาง ด้วยเหตุนี้นักประวัติศาสตร์จึงเรียกยุคก่อนและหลังว่าราชวงศ์ฮั่นตะวันตกและราชวงศ์ฮั่นตะวันออกตามลำดับ",
"ในสมัยพระเจ้าซุนโจขุนนางฉ้อราชย์บังหลวงอย่างกว้างขวาง ระบอบการสอบจอหงวนล่มสลายเพราะทางเดียวที่จะได้เข้ารับราชการคือต้องเส้นขุนนางตระกูลคิมแห่งอันดง ขุนนางเก็บภาษีจากชาวบ้านอย่างมากมาย ทำให้ชาวบ้านพากันสิ้นเนื้อประดาตัว แม้แต่พวกยังบันเองก็ตกต่ำ เพราะจะมีแต่ขุนนางฝ่ายโนนนเท่านั้นที่รุ่งเรือง ชีวิตของยังบันกับชาวบ้านธรรมดาจึงไม่แตกต่างกัน ทำให้พวกขุนนางเริ่มจะไม่สามารถเลี้ยงดูทาสที่มีอยู่ ประกอบกับนโยบายเลิกทาสของพระเจ้าจองโจที่มีมาก่อนหน้า ทำให้ในพ.ศ. 2344 ราชสำนักปลดปล่อยทาสในวังออกมาทั้งหมด เพราะในวังไม่มีงานให้ทาสทำและไม่มีเงินเลี้ยงดู",
"หวังหมั่งจึงสถาปนาตนเองขึ้นเป็น จักรพรรดิซินเกาจู่ จักรพรรดิองค์แรกและองค์เดียวแห่งราชวงศ์ซิน ในรัชกาลนี้ทรงปกครองอย่างเหี้ยมโหด เมื่อสวรรคตลงในปีค.ศ. 24 (พ.ศ. 567) ราชวงศ์ซินก็ล่มสลายลง บ้านเมืองก็เกิดกลียุค หลิวซิ่วราชนิกูลในราชวงศ์ฮั่น รบได้ชัยชนะ และสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิฮั่นกวงตี้ จักรพรรดิองค์แรกแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก",
"จาง ซวิน (; 16 กันยายน, 2397 - 11 กันยายน, 2466) นายพลผู้จงรักภักดีต่อราชวงศ์ชิง ผู้ซึ่งพยายามที่จะฟื้นฟูอำนาจของราชวงศ์ชิงหลังจากที่ราชวงศ์ชิงได้ล่มสลายไปแล้ว ต่อมาในปี พ.ศ. 2460 จาง ซวิน ทำรัฐประหารที่ปักกิ่ง แล้วได้ตั้ง ปูยี ขึ้นเป็นจักรพรรดิ และ เขายังเป็นผู้สนับสนุน หยวน ซื่อไข่ ในตอนที่เป็นประธานาธิบดี",
"จักรพรรดิฉินที่ 3 หรือ จักรพรรดิเจ้าอิง มีพระนามเดิมว่าเจ้าอิง เป็นพระราชภาติยะของ จักรพรรดิฉินที่ 2 (หูไห่)\nซึ่งพระองค์เป็นพระราชโอรสของเจ้าชายฝูซู อดีตรัชทายาท เจ้าเกา มหาขันที ผู้ทรงอิทธิพลใน ราชสำนักฉิน ได้แต่งตั้งพระองค์เป็นจักรพรรดิ หลังจากการปลงพระชนม์จักรพรรดิฉินที่ 2 (หูไห่) พระราชกรณียกิจแรกของพระองค์ คือทรงสั่งประหารชีวิตเจ้าเกาแต่หลังจากนั้นมิได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันใดอีกเลย จนเมื่อ หลิวปัง เข้ายึดนครหลวงเสียนหยางได้ พระองค์จึงประกาศสละราชสมบัติให้และทำให้ราชวงศ์ฉินล่มสลายลง",
"ในทางประวัติศาสตร์ กระบี่อาญาสิทธิ์ปรากฏขึ้นครั้งแรกในสมัยราชวงศ์ฉิน และยังมีบันทึกว่าองค์ฮ่องเต้พระราชทานให้แก่ข้าราชการสำคัญหลายคน เช่น ในสมัยราชวงศ์หมิง แม่ทัพหยวนช้งฮ้วน () ใช้กระบี่อาญาสิทธิ์ตามอำเภอใจ ได้สั่งประหารแม่ทัพเหมาเหวินหลง () นายทัพผู้มากความสามารถ เป็นเหตุให้ราชวงศ์หมิงขาดคนมีฝีมือและล่มสลายลง ในราชวงศ์ต่อมา (ราชวงศ์ชิง) จึงไม่มีการพระราชทานกระบี่อาญาสิทธิ์แก่ผู้ใดอีก",
"ในช่วงปลายราขวงศ์ฮั่นตะวันออกซึ่งเป็นช่วงสมัยยุคสามก๊ก พระเจ้าเหี้ยนเต้ทรงถูกบังคับให้สละพระราชบัลลังก์และมอบให้วุยอ๋องโจผี บุตรชายของโจโฉ แต่ว่าราชวงศ์ฮั่นยังไม่สิ้นสุดเมื่อฮันต๋งอ๋องเล่าปี่ ผู้เป็นพระเจ้าอาของพระเจ้าเหี้ยนเต้และเชื้อพระวงศ์สถาปนาตนเองขึ้นเป็นพระมหาจักรพรรดิในแดนเสฉวนเพื่อรักษาราชวงศ์ฮั่นและเชื้อสายราชตระกูลเล่าต่อไปและกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นให้ฟิ้นคืนอีกครั้ง แต่หลังจากพระเจ้าเล่าปี่สวรรคต พระเจ้าเล่าเสี้ยนขึ้นครองราชย์ต่อแต่พระองค์กลับไม่สนใจบริหารบ้านเมือง กลับเอาเสพสุรานารีไปวันๆ แถมยังหูเบามักถูกขันทีกังฉินยุแหย่ทำให้จ๊กก๊กอ่อนแอลงและถูกวุยก๊กโจมตีจนล่มสลายลง หลังจากนั้นเวลาต่อมาสุมาเอี๋ยนได้ล้มล้างราชวงศ์วุย กลืนดินแดนเสฉวนของจ๊กก๊ก และตีง่อก๊กจนแตกเป็นเหตุให้แผ่นดีนจีนที่ได้แตกออกเป็นสามก๊กกลับมารวมกันอีกครั้งซึ่งอยู่ภายใต้การนำของราชวงศ์ใหม่คือ ราชวงศ์จิ้น อันเป็นการล่มสลายของราชวงศ์ฮั่นในที่สุด",
"ความพ่ายแพ้คราวนี้สร้างความคับแค้นแก่โชซ็อนอย่างมาก เพราะชาวโชซ็อนดูถูกพวกแมนจูมาช้านาน ว่าเป็นอนารยชนจากทางเหนือ ขุนนางโชซ็อนยังคงจงรักภักดีต่อราชวงศ์หมิงอยู่ จนราชวงศ์หมิงถูกทำลายลงในพ.ศ. 2187 ราชวงศ์ชิงของพวกแมนจูก็เข้าปกครองแทน โชซ็อนก็ยังต้องส่งบรรณาการให้กับจีนต่อไปอีกราชวงศ์หนึ่ง",
"ในพ.ศ. 2420 โชซ็อนส่งทูตไปเยี่ยมชมการปรับปรุงประเทศตามแบบตะวันตกของญี่ปุ่น และทูตก็ได้พบว่าญี่ปุ่นนั้นเจริญก้าวหน้าเมืองต่าง ๆ กลายเป็นเมืองใหญ่ มเหสีมินจึงทรงตระหนักว่าประเทศของพระองค์นั้นล้าสมัยเพียงใดและต้องการการพัฒนาประเทศ แต่บรรดาขุนนางขงจื๊อของพระองค์ก็แตกเป็นสองฝ่ายคือ ฝ่ายหัวก้าวหน้า ที่เห็นชอบกับการรับวิทยาการตะวันตกเข้ามาอย่างเต็มที่ และตัดความสัมพันธ์กับจีน และฝ่ายซาแด คือ ฝ่ายที่เห็นตัวอย่างจากราชวงศ์ชิงแล้วว่า ชาวตะวันตกคือภัยคุกคาม ไม่ควรข้องแวะ แต่ภายใต้อำนาจของมเหสีมิน วิทยาการตะวันตกก็เข้าสู่โชซ็อนอย่างเต็มตัว",
"ช่วงเวลาที่ราชวงศ์โชซ็อนปกครองเกาหลีนั้น ได้สร้างการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ที่มั่นคง ส่งเสริมปรัชญาของลัทธิขงจื๊อให้ซึมซาบไปในสังคมโชซ็อน และรับวัฒนธรรมจีน เป็นช่วงเวลาที่วัฒนธรรมโชซ็อนรุ่งเรือง และมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ราชวงศ์โชซ็อนอ่อนแอลงด้วยการรุกรานของญี่ปุ่นและแมนจูเรีย ทำให้โชซ็อนใช้นโยบายปิดประเทศอย่างแข็งกร้าว อาณาจักรโชซ็อนจึงเป็นรู้จักของชาวตะวันตกในนาม อาณาจักรฤๅษี (The Hermit Kingdom) เมื่อสิ้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 อาณาจักรโชซ็อนก็เสื่อมลงด้วยการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายและการแย่งชิงอำนาจและการเผชิญทั้งศึกภายนอกและศึกภายใน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1895 เมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นชนะสงครามกับจักรวรรดิชิง (ประเทศจีน) ก็ได้ส่งทหารบุกเข้าพระราชวังเคียงบกเพื่อปลงพระชนม์ พระมเหสีมิน จาย็อง พระมเหสีในพระเจ้าโกจง (ภายหลังได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็น จักรพรรดินีมย็องซ็อง) และบังคับให้อาณาจักรโชซ็อนแยกตัวเป็นเอกราชจากจักรวรรดิชิงตามสนธิสัญญาชิโมโนเซกิ ใน ค.ศ. 1897 อย่างไรก็ตาม อาณาจักรโชซ็อนโดยพระเจ้าโกจง (พระอิสรยิยศขณะนั้น) โดยการถวายคำแนะนำของรัสเซีย จึงเลื่อนสถานะของอาณาจักรโชซ็อนเป็นจักรวรรดิโชซ็อน และสถาปนาอิสริยยศพระองค์เองใหม่เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิ แต่ในที่สุดก็จบลงด้วยการเข้ายึดครองของจักรวรรดิญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) ตามสนธิสัญญาการเข้ายึดครองเกาหลีของญี่ปุ่น ในรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิยุงฮีแห่งจักรวรรดิโชซ็อน (พระเจ้าซุนจง) ด้วยการลดพระอิสริยยศเหลือเพียง กษัตริย์ และบังคับเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ไปประทับที่ญี่ปุ่นเพื่อเป็นองค์ประกัน",
"พระเจ้าสเน่ห์มิน (, ; ประมาณ 1 เมษายน 1673 – ) เป็นพระมหากษัตริย์พม่าองค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์ตองอูครองราชย์ต่อจากพระเจ้ามังกะยอดินพระบิดาของพระองค์เมื่อ พ.ศ. 2241 ในรัชสมัยของพระองค์ประเทศพม่าได้มีขนาดเล็กลงมากบ้านเมืองอ่อนแอลงซึ่งมีผลทำให้ราชวงศ์ตองอูล่มสลายลง",
"ในทางกลับกัน พระเจ้าซอนโจกลับไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกป้องราชอาณาจักรของพระองค์เลย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พระองค์ทรงล้มเหลวในการป้องกันขอบขัณฑสีมา และการแปรพระราชฐานหนีไปจากโซลโดยทันทีของพระองค์ ทำให้ภาพลักษณ์ของพระองค์ล่มสลายลง มีความเป็นไปได้ถึงความเชื่อว่า พระเจ้าซอนโจและราชสำนัก กลับมองชัยชนะของอี ซุน-ชินและการสนับสนุนในตัวเขาเป็นหอกข้างแคร่ ที่อาจจะทำให้เขาก่อกบฏได้ในภายหลัง เฉยเช่นที่ ลี ซองเกเคยก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจมาจากราชวงศ์โครยอปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นพระเจ้าแทโจปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซ็อนในปี พ.ศ. 1935 ด้วยความกลัวดังนี้ พระเจ้าซอนโจจึงทรงลงพระอาญาจองจำและทรมานอี ซุน-ชิน แต่ก็ได้ยู ซองลยองคอยช่วยกราบทูลคัดค้านโทษตายของอี ซุน-ชินไว้ถึง 2ครั้ง",
"ใน พ.ศ. 1935 อี ซอง-กเย ก็ปลดพระเจ้าคงยางและตั้งตนเองเป็นกษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ และย้ายเมืองหลวงมาที่ฮันยาง ทำการก่อสร้างและปรับปรุงเมือง จนสร้างพระราชวังเคียงบกเสร็จใน พ.ศ. 1938 พระเจ้าแทจงโอรสของพระเจ้าแทโจก็ได้ทรงวางรากฐานการปกครองของอาณาจักรโชซ็อน ทรงตั้งสภาอึยจอง ให้มีการสำรวจสำมะโนประชากร และสนับสนุนลัทธิขงจื๊อให้เป็นที่ยอมรับนับถือเหนือพระพุทธศาสนาซึ่งแต่เดิมมีชาวโชซ็อนนับถือกันมาช้านาน พ.ศ. 1944 ราชวงศ์หมิงก็ยอมรับให้ราชวงศ์โชซ็อนปกครองโชซ็อนอย่างเป็นทางการ และเป็นเมืองขึ้นของจีนต้องส่งบรรณาการ",
"2,333 ปีก่อนคริสต์ศักราชนั้นเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโชซ็อนโบราณ ในสมัยนั้นมีชื่อว่า เมืองวังก็อมซ็อง ในปี ค.ศ. 427 ได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโคกูรยอจึงมีชื่อว่าเมืองเปียงยาง จนถึงปี ค.ศ. 668 อาณาจักรโคกูรยอล่มสลายลง เปียงยางจึงไม่ได้เป็นเมืองหลวง",
"ในจักรวรรดิจีน ราชวงศ์ต่างๆ ผลัดกันขึ้นมาปกครองดินแดนแถบนี้ หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก และสิ้นสุดลงของยุคสามก๊ก ชนเผ่าเร่ร่อนทางตอนเหนือเริ่มคุกคามจีนในช่วงคริสศตวรรษที่ 4 ยึดจีนตอนเหนือบางส่วนและสร้างเป็นอาณาจักรเล็กๆ หลายอาณาจักร ราชวงศ์สุยรวมจีนขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 581 และภายใต้การปกครองของราชวงศ์ถัง (618-907) จักรวรรดิจีนก้าวเข้าสู่ยุคทองเป็นครั้งที่สอง แต่ราชวงศ์ถังก็ล่มสลายนำไปสู่ยุคห้าราชวงศ์สิบอาณาจักร ราชวงศ์ซ่งก็รวมจีนอีกครั้งในปี 982 แต่โดยแรงกดดันจากชนเผ่าเร่ร่อนทางตอนเหนือ ตอนเหนือของจีนจึงตกเป็นของชนเผ่าแมนจูในปี 1141 และจักรวรรดิมองโกลเข้าครองครองประเทศจีนทั้งประเทศในปี 1279 รวมผืนแผ่นดินยูเรเชียเกือบทั้งหมด ยกเว้นก็แต่ยุโรปกลาง ยุโรปตะวันออก เอเชียใต้ส่วนใหญ่ และเกาะญี่ปุ่น",
"ใน พ.ศ. 2278 แฮ็นดริก ฮาเมิล พนักงานบัญชีของบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ แล่นเรือมุ่งหน้าสู่ญี่ปุ่นแต่ถูกพายุซัดมาเรือล่มที่เกาะเชจูมีลูกเรือรอดอยู่ 30 กว่าคน แต่ทั้งหมดก็ถูกพระเจ้าฮโยจงจับขังไว้ที่ฮันยางนานถึง 13 ปี แล้วฮาเมิลจึงสามารถหลบหนีออกมาจากอาณาจักรฤๅษี (The Hermit Kingdom) นี้ได้ ฮาเมิลและพรรคพวกเป็นชาวตะวันตกกลุ่มแรกที่ได้เห็นผืนแผ่นดินโชซ็อน แม้โชซ็อนจะต้อนรับไม่ค่อยจะดีนักก็ตาม",
"\"เรอูนียง\" กลายเป็นชื่อของเกาะในปี พ.ศ. 2336 โดยคำพิพากษาของสมัชชาแห่งชาติเมื่อราชวงศ์บูร์บงล่มสลายลง และการตั้งชื่อนี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงสหภาพแห่งการปฏิวัติจากมาร์เซย์และผู้พิทักษ์แห่งชาติในกรุงปารีส ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2335 ต่อมาในปี พ.ศ. 2344 เกาะแห่งนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น \"เกาะโบนาปาร์ต\" (Île Bonaparte) ตามชื่อนโปเลียน โบนาปาร์ต อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2353 เกาะแห่งนี้ก็ได้ถูกยึดครองโดยกองทัพเรืออังกฤษ นำโดยพลเรือเอกโจเซียส โรว์ลีย์ และใช้ชื่อเกาะบูร์บงตามเดิม ต่อมาเมื่อกลับมาเป็นของประเทศฝรั่งเศส หลังจากการประชุมที่เวียนนาในปี พ.ศ. 2358 ถึงกระนั้นเกาะแห่งนี้ก็ยังคงใช้ชื่อเกาะบูร์บงต่อมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2391 เมื่อราชวงศ์บูร์บงฟื้นฟูล่มสลายลงในระหว่างการปฏิวัติ ซึ่งชื่อของเกาะก็ได้กลับมาเป็นเรอูนียงเหมือนเดิม",
"ภายหลังสงคราม มีการจัดผู้บัญชาการชาวฮั่นสี่นายเพื่อดูแลดินแดนโชซ็อน การล่มสลายของโชซ็อนโบราณนำไปสู่ยุคก่อนสามอาณาจักรเกาหลี (Proto–Three Kingdoms of Korea)",
"พระเจ้าย็องโจ ( ค.ศ. 1694 - ค.ศ. 1776) ทรงเป็นกษัตริย์ลำดับที่ 21 แห่งราชวงศ์โชซ็อน (ค.ศ. 1724 - ค.ศ. 1776) พระเจ้าย็องโจทรงปฏิรูปการปกครองบ้านเมืองหลายประการ ทรงเป็นหนึ่งในกษัตริย์ที่ได้รับยกย่องที่สุดแห่งราชวงศ์โชซ็อน คู่กับพระนัดดา คือ พระเจ้าช็องโจแห่งโชซ็อน พระเจ้าย็องโจทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวที่สุดของราชวงศ์โชซ็อน",
"เปียงยาง () คือเมืองหลวงของประเทศเกาหลีเหนือ เป็นเขตแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศเกาหลีเหนือ ในอดีตนั้นเคยเป็นเมืองหลวงของหลายอาณาจักร เช่น ใน 2333 ปีก่อนคริสต์ศักราชนั้นเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโชซ็อนโบราณ ในสมัยนั้นมีชื่อว่าเมืองวังก็อมซ็อง ในปี ค.ศ. 427 ได้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโคกูรยอ มีชื่อว่าเมืองเปียงยาง จนถึงปี ค.ศ. 668 ที่อาณาจักรโคกูรยอล่มสลายลง",
"หลังจากการล่มสลายของโกคูรยอแก่กองทัพซิลลาและราชวงศ์ถัง แทจุงซางยังคงอยู่ที่ป้อมอันซีโดยไม่ได้ถูกโจมตีในช่วงสงครามโกคูรยอ-ถังครั้งที่3 อย่างไรก็ตามในปี668 โคกูรยอล่มสลาย แม้ว่าทั้งสองพ่อลูกจะร่วมรบอย่างกล้าหาญ แต่ทั้งสองก็ถูกจับเป็นเชลย หลังจากความพ่ายแพ้ของกบฏชาวชี่ตันที่นำโดยหลี่จินฉงต่อราชวงศ์ถังในปี696 ชาวซูโม่ โมเฮและโคกูรยอที่เหลืออยู่อันมีผู้นำคือแทจุงซาง และชาวไป่ซานโมเฮที่มีผู้นำคือชีซีพีอวี้ (ฮันกึล: 걸사비우, ฮันจา: 乞四比羽) ได้เป็นพันธมิตรกันเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เพราะความมุ่งร้ายของนโยบายการทำให้สงบของบูเช็กเทียน ทำให้พวกเขาต้องหนีไปทางตะวันออกสู่ดินแดนบ้านเกิดของพวกเขา",
"ญี่ปุ่นหลังจากที่มีการฟื้นฟูเมจินั้น ได้รับเอาวิทยาการตะวันตกเข้ามาอย่างมากและปรับปรุงประเทศจนทันสมัยมีพลังอำนาจแสนยานุภาพทัดเทียมชาติตะวันตก ในปี พ.ศ. 2418 เรือรบญี่ปุ่นชื่อ อุโย บุกเข้ามาโจมตีเมืองท่าต่าง ๆ ของโชซ็อนและหนีกลับ และญี่ปุ่นก็ส่งข้อเรียกร้องจนญี่ปุ่นและโชซ็อนได้ทำสนธิสัญญาคังฮวา ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่ไม่เท่าเทียม ทำให้โชซ็อนเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขตให้แก่ญี่ปุ่น และต้องเปิดเมืองท่าให้กับญี่ปุ่นและชาวตะวันตก ได้แก่ ปูซาน อินชอน วอนซัน รวมถึงยินยอมให้คนญี่ปุน่สามารถเข้าไปจับจองที่ดินในโชซ็อนได้โดยไม่มีข้อกังขาใด ๆ"
] |
นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นลูกคนที่เท่าไหร่ของครอบครัว ? | [
"ยิ่งลักษณ์เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของเลิศ ชินวัตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ และยินดี ชินวัตร ซึ่งเป็นธิดาของเจ้าจันทร์ทิพย์ ระมิงค์วงศ์ (หลานตาของเจ้าไชยสงคราม สมพมิตร ณ เชียงใหม่ ซึ่งสืบเชื้อสายจากพระเจ้าช้างเผือกธรรมลังกา พระเจ้านครเชียงใหม่) ยิ่งลักษณ์มีพี่น้อง 10 คน เช่น พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, เยาวเรศ ชินวัตร อดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติ, เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และพายัพ ชินวัตร อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ อีกทั้งยังเป็นน้องสะใภ้ของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านทางเยาวภาผู้เป็นพี่สาว"
] | [
"ยิ่งลักษณ์เป็นหลานอาของสุเจตน์ ชินวัตร อดีตนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และสุรพันธ์ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพลเอก ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารบกและอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด โดยพลเอก ชัยสิทธิ์เป็นบุตรชายของพันเอกพิเศษ ศักดิ์ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายคนโตของเลิศ ยิ่งลักษณ์ยังเป็นญาติของพลตำรวจเอก เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผ่านทางคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยาของทักษิณอีกด้วย[6]",
"ต่อมา ชัยสิทธิ์ได้สมรสกับคุณวีณา ชินวัตร (สุขสภา) มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ นางสาวลัฆวี ชินวัตร และนายวีรสิทธิ์ ชินวัตร นอกจากนี้ พล.อ.ชัยสิทธิ์ยังเป็นญาติผู้พี่ของดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 28พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เคยมีกระแสข่าวว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ในปี พ.ศ. 2554 ในปี พ.ศ. 2561 พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคพลังปวงชนไทย ส่วนนายนิคม บุญวิเศษเป็นหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ซึ่งถูกมองว่าเป็นนอมินีของพรรคเพื่อไทย",
"เขมนิจ มีแรงบันดาลใจในวัยเด็กว่าอยากเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เนื่องมาจากมารดาของเขมนิจเคยทำงานที่การบินไทย ในวัยเด็กประมาณ 2 ปี บิดาและมารดาของเขมนิจได้พาเขมนิจไปยังสหรัฐอเมริกาด้วย เมื่อครั้งไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเคนทักกีสเตต ซึ่งการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาครั้งนี้ทำให้ครอบครัวจามิกรณ์ได้รู้จักกับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในสถาบันเดียวกัน และเช่าบ้านหลังเดียวกันกับครอบครัวจามิกรณ์ เขมนิจจึงรู้จักยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในฐานะเพื่อนรุ่นน้องของบิดาและมารดาของเขมนิจ และเขมนิจได้เรียกยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่า \"อาปู\" ด้วยความสนิทสนมชิดเชื้อกันอยู่บ้างแล้ว",
"หลังจากสกุลชินวัตรและดามาพงศ์ ขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ป ให้แก่เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ของรัฐบาลสิงคโปร์ ยิ่งลักษณ์ก็ลาออกจากตำแหน่งในเอไอเอส โดยก่อนหน้านั้น เธอขายหุ้นที่มีอยู่ทั้งหมด ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2548 เพื่อไปบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือ บริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวชินวัตรโดยตรง ด้วยการเข้ารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร ดูแลพอร์ตการลงทุนพัฒนาที่ดินทั้งหมดแทนบุษบา ดามาพงศ์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2549 และยังเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี เมื่อปี พ.ศ. 2550 ในยุคที่ทักษิณเป็นประธานสโมสรฯ[10] นอกจากนี้ ยังเป็นอดีตที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการต่างประเทศ ของวุฒิสภา[11] ปัจจุบัน ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่ง กรรมการและเลขานุการมูลนิธิไทยคม เพื่อการศึกษาของเยาวชนและสาธารณกุศลต่าง ๆ ที่ทักษิณเป็นผู้ก่อตั้ง",
"ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 3) และถูกปรับออกจากตำแหน่งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (กิตติรัตน์ ณ ระนอง)",
"วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2546 วีไอเอฟสละสิทธิ์การซื้อหุ้นเพิ่มทุน บมจ.เอสซีแอสเสทฯ ในราคาพาร์ให้บุตรสาวสองคนของทักษิณ ทั้งที่ในการประชุมครั้งเดียวกันนั้น มีวาระให้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป เพื่อนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยด้วย เป็นเหตุให้วีไอเอฟต้องเสียผลประโยชน์ จากส่วนต่างของราคาหุ้น ต่อมาใน พ.ศ. 2547 บจก.วินมาร์คขายหุ้นบริษัทของครอบครัวชินวัตร 5 แห่ง ให้พิณทองทา ชินวัตร และบริษัทของครอบครัวชินวัตรอื่นอีก 2 บริษัทรวมเป็นเงิน 18.8 ล้านดอลลาร์ โดย บจก.วินมาร์คไม่ได้รับประโยชน์จากการลงทุน ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสงสัยว่า บจก.วินมาร์ค วีไอเอฟ โอจีเอฟ และโอดีเอฟ อาจเป็นนิติบุคคลอำพรางการถือหุ้น (นอมินี) ของทักษิณและครอบครัว[96] อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าความเป็นธุรกิจของครอบครัวชินวัตร กับความวุ่นวายของคดีความที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าเอสซีแอสเสทหรือไม่ ยิ่งลักษณ์ตอบว่า \"90% ของลูกค้าที่เข้าชมโครงการ รับรู้อยู่แล้วว่าธุรกิจเราเป็นของใครตั้งแต่ทำมา เพิ่งมีลูกค้าเพียงรายเดียวเท่านั้นที่ขอเงินคืน หลังจากที่รู้ว่าเราเป็นใคร เพราะไม่มั่นใจว่าอนาคตเราจะเป็นอย่างไร\"[97]",
"จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ได้เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชาชน และต่อมาได้ย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย จนกระทั่งในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค ในเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ได้มีมติแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค แทนนายสุพล ฟองงามที่ลาออกไปก่อนหน้านั้น ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากนั้นจึงได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 3)",
"เมื่อพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ในราวปลายปี พ.ศ. 2551 และหลังจากนั้นก็มี ส.ส.กับสมาชิกพรรคจำนวนมาก ย้ายเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทย ยิ่งลักษณ์ก็เป็นทางเลือกแรกของทักษิณ ที่จะให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธโดยกล่าวว่า ตนไม่เคยต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรี และเพียงแต่สนใจจะทำธุรกิจของตนเท่านั้น โดยเธอจะเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองเป็นบางครั้ง เฉพาะเมื่อทางพรรคส่งจดหมายเชิญเท่านั้น[12] ยงยุทธ วิชัยดิษฐจึงได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแทน และในสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมกับพวกอีก 28 คน ในคดีโครงการรับจำนำข้าว โดยมีข้อกล่าวหาว่าปล่อยปะละเลยให้มีการทุจริตโดยไม่ยับยั้ง ซึ่งศาลได้นัดพิจารณาคดีในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 เวลา 9.00 น. ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ได่เดินทางไปฟังคำพิพากษาจนกระทั่งนำไปสู่การออกหมายจับ กลายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง[13]",
"ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 3) ซึ่งได้รับการคัดค้านจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลายคน ต่อมาในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 เขาถูกปรับออกจากตำแหน่ง",
"เลิศ ชินวัตร (พ.ศ. 2462-23 ตุลาคม พ.ศ. 2540) อดีตนักการเมืองชาวเชียงใหม่ เป็นบิดาของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 และนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ",
"มีการวิจารณ์จากสื่อมวลชนว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามที่จะตอบแทนตำแหน่งให้เนื่องจากในสมัยที่นาย ชัยเกษม นิติสิริ ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ฟ้องร้อง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและยังเป็นหนึ่งในฐานะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้ร่วมทำคำวินิจฉัยเรื่องเสร็จที่ 568-569/2549 เกี่ยวกับโครงการสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัวรวมทั้งสั่งไม่ฟ้อง การทุจริตในโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากเขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และตำแหน่ง ประธานกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2556",
"สังข์ทอง ศรีธเรศ เกิดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2484 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้านชีวิตครอบครัวได้สมรสกับนางบุญรื่น ศรีธเรศ (สกุลเดิม:มัธยมนันทน์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีบุตร-ธิดา 3 คน",
"ณัฐวุฒิได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (2) เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555[8] แทนนายพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 3)[9]",
"เยาวลักษณ์ ชินวัตร เกิดวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เป็นบุตรคนโตของนายเลิศ ชินวัตร กับนางยินดี ชินวัตร มีน้อง 9 คน ได้แก่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (สมรสกับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร), นางเยาวเรศ ชินวัตร (สมรสกับนายวีระชัย วงศ์นภาจันทร์), นางปิยนุช (สมรสกับนายสง่า ลิ้มพัฒนาชาติ), นายอุดร ชินวัตร, นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ (สมรสกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์), นายพายัพ ชินวัตร (สมรสกับนางพอฤทัย จันทรพันธ์), นางมณฑาทิพย์ (สมรสกับนายแพทย์สมชัย โกวิทเจริญกุล), นางทัศนีย์ ชินวัตร และ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี (สมรสกับนายอนุสรณ์ อมรฉัตร) ",
"ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ (30 ธันวาคม พ.ศ. 2524 — ) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม ลิงก์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดพรรคเพื่อไทย และเป็นบุตรสาวของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี กับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย และยังเป็นหลานสาวของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 28 ของไทย ปัจจุบันศึกษาปริญญาเอก คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยรามคำแหง",
"พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา เข้าสู่งานการเมืองโดยการร่วมงานกับพรรคไทยรักไทย และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2544 จึงได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อสังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 23 และได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. เพื่อเปิดทางให้ผู้สมัครในลำดับถัดได้เลื่อนขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน ต่อมาในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555 ได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และจากการสำรวจความพึงพอใจของประชาชน โดยสำนักเอแบคโพล เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 พลเอกยุทธศักดิ์เป็นรัฐมนตรีที่ประชาชนพึงพอใจ เป็นลำดับที่ 4 แต่ในเดือนตุลาคมของปี พ.ศ. 2555 ถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี และได้กลับเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2556 ซึ่งมีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ",
"ต่อพงษ์ ไชยสาส์น อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นบุตรชายของนายประจวบ ไชยสาส์น อดีตหัวหน้าพรรคเสรีธรรม",
"ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2556 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แทนตำแหน่งที่ว่างลงเนื่องจากนายชุมพล ศิลปอาชา ถึงแก่อสัญกรรม แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งเขาก็ตาม",
"นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 2) และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)",
"เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคไทยรักไทย และได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร (พ.ศ. 2548) ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 และ เสริมศักดิ์ ได้เข้าร่วมชุมนุมกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553 ต่อมาในปี พ.ศ. 2555 ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 3)",
"นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ได้รับความไว้วางใจมาเป็นเวลาหลายปี นางกาญจนาเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารกฎหมายต่างๆ รวมทั้งเกี่ยวกับการโอน และซื้อขายหุ้น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท เอสซี แอสเสท จำกัด สนามกอล์ฟอัลไพน์ ในส่วนของคุณหญิงพจมาน พ.ต.ท .ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายพานทองแท้ ชินวัตร นางสาวพิณทองทา ชินวัตร เป็นต้น",
"นายสัตวแพทย์ ยุคล ลิ้มแหลมทอง กรรมการสภามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 3) และเป็นอดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์",
"ทั้งนี้ ในช่วงปลายปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงที่ครอบครัวชินวัตรและดามาพงศ์ มีการเจรจาขายหุ้นชินคอร์ปครั้งประวัติศาสตร์กว่า 70,000 ล้านบาท ให้แก่กลุ่มเทมาเส็ก เพื่อขจัดข้อครหาผลประโยชน์แฝง ในการบริหารประเทศของทักษิณ[93] ที่ถูกกล่าวหาว่าอาศัยอำนาจทางการเมือง เอื้อต่อธุรกิจของครอบครัว[94]นั้น พบว่าระดับราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้พบว่า ผู้บริหารกลุ่มชินคอร์ปก็มีการขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่น่าสังเกตว่า กรณีที่ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในชินคอร์ปจำนวน 20 ล้านหุ้น ซึ่งได้ขายหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็ก ไปพร้อมกับครอบครัวนั้น ในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ. 2548-มกราคม พ.ศ. 2549 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเจรจาการซื้อขายหุ้นอย่างชัดเจน โดยในช่วงเดือนเศษ มีการเทขายหุ้น บมจ.เอไอเอส 11 ครั้ง เป็นจำนวน 278,400 หุ้น ในระดับราคาตั้งแต่ 101-113 บาทต่อหุ้น ในกรณีนี้ถือเป็นข้อกังขาว่า ยิ่งลักษณ์ใช้ข้อมูลอินไซเดอร์หรือไม่ เพราะยิ่งลักษณ์เป็นหนึ่งในผู้ที่ตกลงขายหุ้นให้แก่เทมาเส็ก ยอมรับทราบข้อมูลการเจรจาตกลงเป็นอย่างดี การที่ขายหุ้น บมจ.เอไอเอสอย่างต่อเนื่องเช่นนั้น ในขณะที่ต่อมาทางกลุ่มผู้ซื้อ ประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น บมจ.เอไอเอส ในราคาเพียงหุ้นละ 72.31 บาท[95]",
"จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ (15 สิงหาคม พ.ศ. 2489 —) เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย และอดีตที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยรับราชการในตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงแรงงาน และนายอำเภอหลายอำเภอ ปัจจุบันเป็นเลขาธิการองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย",
"ในปี พ.ศ. 2555 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (ครม.ยิ่งลักษณ์ 3)",
"ยิ่งลักษณ์ยังถูกกล่าวหาว่า ช่วยทักษิณปกปิดทรัพย์สิน โดยยิ่งลักษณ์ได้รับหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น 0.68% จาก ทั้งหมด 46.87% ที่ทักษิณและคุณหญิงพจมานมีอยู่ เมื่อปี พ.ศ. 2542[98] และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ระบุว่ายิ่งลักษณ์ทำธุรกรรมเท็จ โดยเธอกล่าวว่า \"ครอบครัวของเธอตกเป็นเหยื่อทางการเมือง\"",
"นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นอดีต ส.ส.พิจิตร มีชื่อเล่นว่า \"ยอด\" หรือ \"ลูกยอด\" เกิดวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2516 เป็นบุตรของ \"เสธ.หนั่น\" พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กับ นางฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ เป็นลูกคนที่ 3 ในบรรดาพี่น้อง 4 คน ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับ สิชา อัญชนานันท์",
"ไพบูลย์เป็นสมาชิกวุฒิสภาสองวาระ โดยวาระแรกจากการสรรหาภาครัฐ ดำรงตำแหน่งเต็มวาระ ระหว่างปี พ.ศ. 2551 - 2554 และวาระที่สองจากการสรรหาภาคอื่น ดำรงตำแหน่งปี พ.ศ. 2555 - 2557 ในระหว่างการดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา เขาได้เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งและประสานงานกลุ่ม 40 สว. ทำหน้าที่ตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ระดับสูง ตามกระบวนการภายใต้รัฐธรรมนูญ ในหลายรัฐบาล เพื่อให้ระบอบการปกครองอยู่ภายใต้หลักนิติรัฐ นิติธรรม และเป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไปเดือนมีนาคม 2557 ไพบูลย์ นิติตะวันเป็นผู้ยื่นคำร้องฟ้องยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในคดีการโยกย้ายถวิล เปลี่ยนศรี ส่งผลให้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 9 คน ที่ร่วมมีมติครม.ดังกล่าวให้พ้นจากตำแหน่งและสิ้นสุดการปฏิบัติหน้าที่ทั้ง 10 คน ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2557",
"ในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ โดยให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 5 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 แล้วนั้น บัดนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี (ตามรายนามข้างล่าง) ประกาศ ณ วันที่ 9 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 เป็นปีที่ 66 ในรัชกาลปัจจุบัน โดยมี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ"
] |
อัลเทอร์เนทีฟ ร็อก คืออะไร ? | [
"ออลเทอร์นาทิฟร็อก (English: alternative rock ในบางครั้งอาจเรียกว่า ดนตรีออลเทอร์นาทิฟ (alternative music), ออลต์-ร็อก (alt-rock) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ออลเทอร์นาทิฟ) เป็นแนวเพลงร็อกที่เกิดขึ้นจากเพลงใต้ดินอิสระในคริสต์ทศวรรษ 1980 และเริ่มได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในคริสต์ทศวรรษ 1990 ทั้งนี้ คำว่า \"ออลเทอร์นาทิฟ\" นั้นหมายถึง ความแตกต่างด้านแนวเพลงจากดนตรีร็อกกระแสหลัก ความหมายของคำนี้แต่เดิมกว้างกว่านี้ คือหมายถึงยุคของนักดนตรี ไปจนถึงแนวเพลงหรืออาจเป็นแค่ทำงานอิสระ กลุ่มคนที่ทำงานแบบดีไอวายในแนวพังก์ร็อก ซึ่งในปลายคริสต์ทศวรรษ 1970 นี้เองได้ปูพื้นฐานให้กับดนตรีออลเทอร์นาทิฟ[5] ในช่วงเวลานี้เอง \"ออลเทอร์นาทิฟ\" ล้วนอธิบายว่าหมายถึงดนตรีจากศิลปินร็อกใต้ดินที่ได้เป็นที่รู้จักในกระแสหลัก หรือดนตรีประเภทไหนก็ตาม ไม่ว่าจะใช่ร็อกหรือไม่ ที่สืบทอดมาจากดนตรีพังก์ร็อก (ตัวอย่างเช่น พังก์ นิวเวฟ และโพสต์พังก์)"
] | [
"จากนั้น สมาชิกจึงได้แยกย้ายกันออกไป เช่น อภิสิทธิ์ได้ร่วมงานกับวงแบล็คเฮดซึ่งเป็นวงอัลเทอร์เนทีฟ โดยมีอานนท์ สายแสงจันทร์ สมาชิกเก่าวงยูเรเนียมเป็นนักร้องนำ ซึ่งกลับประสบความสำเร็จกว่า",
"รายการที่เสนอแนวดนตรีแต่ละประเภทต่าง ๆ เช่น เอ็มทีวีออนเดอะร็อก เป็นรายการเพลงร็อกตั้งแต่แนวฮาร์ดคอร์ เฮฟวี่เมทัล จัดรายการโดยวีเจเจน เอ็มทีวีเดอะครีม รายการเพลงร็อกทันสมัย เพลงร็อกฝั่งอังกฤษ อัลเทอร์เนทีฟ[14] เอ็มทีวีเอเชียดีไลต์ รายการเพลงเอเชีย เปิดเพลงหลาย ๆ ประเทศในเอเชีย ตั้งแต่ เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีน เป็นต้น จัดรายการโดยวีเจนิกกี้ ดาฮิป รายการเพลงแนวฮิปฮอป อาร์แอนด์บี ไม่มีวีเจ[15] เอ็มทีวีสปินน์ รายการเพลงแด๊นซ์ เต้นรำ ทันสมัยที่เปิดในคลับ และ เอ็มทีวีชิลล์เอาต์ เปิดเพลงแนวชิลล์เอาท์ ผ่อนคลาย",
"แต่เป็นที่จดจำในฐานะนักร้องแนวอัลเทอร์เนทีฟ ในยุค 1990 ปัจจุบันเธอเป็นนักร้องอยู่ที่ร้าน Honey Pie พระราม 6 และได้ทำงานอยู่ที่ Starcom Media",
"แนวเพลงอื่นที่เกี่ยวอย่างทริปฮอป ที่ดาวน์เทมโปรมักจะมีจังหวะที่ช้ากว่าทริปฮอป และเนื่องจากให้ผ่อนคลายและมีความรู้สึกถึงความโรแมนติก ในดนตรีดาวน์เทมโป ร่วมไปกับการใช้เสียงร้องและเนื้อเพลงที่น้อย ๆ อาจไม่ค่อยมี เพลงแนวนี้ได้รับความนิยมเป็นเพลงฉากหลังของห้อง \"ชิลล์เอาต์\" ของปาร์ตี้เพลงแดนซ์หรือร้านคาเฟ่แนวอัลเทอร์เนทีฟ",
"ริชาร์ด เมลวิลล์ ฮอลล์ เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า โมบี้ เป็นนักดนตรี และ นักแต่งเพลง ชาวสหรัฐอเมริกา สไตล์ อีเลคโทรนิก และ ดนตรีร็อก โดยเขาจะรวมเพลงแนวอื่นอย่าง ดนตรี อัลเทอร์เนทีฟ, พังก์ร็อก,เทคโน, แอมเบียนต์, อีเลคโทรนิก, เฮาส์, และ ดาวน์เท็มโป, เข้าผสมในเพลงของเขา มีผลงานเพลงเช่นเพลง Go, Porcelain, Natural Blues, We Are All Made of Stars, Extreme Ways และ Lift Me Up",
"ย้อนหลังไปราวๆ 15 ปี ในช่วงที่วงการเพลงไทย อวลไปด้วยเสียงของดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ดูเหมือนไม่มีที่ว่างให้กับงานเพลงในแนวทางอื่น \nแต่มีบทเพลงหนึ่ง ที่เล่น บรรเลงด้วยเครื่องดนตรีที่เรียบง่าย เสียงร้องสำเนียงใต้ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และท่วงทำนองที่ลื่นไหล ก็สอดแทรกเสียงกีตาร์ที่แตกพร่า ขึ้นมาเป็นเพลงฮิตได้ในยุคนั้น \nยุคที่แวดวงดนตรีอินดี้เบ่งบาน ยุคที่วงดนตรีจากแดนใต้ที่ชื่อว่า “มาลีฮวนน่า” เริ่มต้นเดินบนถนนดนตรีของเมืองไทย",
"ลิงคินพาร์กออกจำหน่ายผลงานอัลบั้มได้มากกว่า 60 ล้านชุดทั่วโลก และ 24,712,000 ชุดในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2557 มีซิงเกิล 11 ซิงเกิลที่ติดอันดับหนึ่งในชาร์ต \"บิลบอร์ด\" เพลงอัลเทอร์เนทีฟ สองซิงเกิล \"ครอว์ลิง\" และ \"นัมบ์/อานคอร์\" ได้รับรางวัลแกรมมี ลิงคินพาร์กอันเดอร์กราวด์ เป็นแฟนคลับของวงที่เป็นทางการ โดยจะออกอีพีเป็นประจำทุกปี ซึ่งประกอบไปด้วยแทร็กหายาก เดโม แทร็กบันทึกการแสดงสด และรีมิกซ์",
"ทเวนตีไฟฟ์อาเวอส์ () เป็นกลุ่มดนตรีสัญชาติไทยแนวอัลเทอร์เนทีฟ ที่มีส่วนผสมของดนตรีแบบบริตป็อป โฟล์ก และร็อก สังกัดค่ายจีนี่เรคอร์ดส ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน ได้แก่ \"แหลม\" สมพล รุ่งพาณิชย์ (ร้องนำ), \"โฟร์\" ประทีป สิริอิสสระนันท์ (กีต้าร์), \"ปู๋\" ปิยวัฒน์ มีเครือ (กีต้าร์), \"บัง\" เอกศิริ กำบังภัย (เบส) และ\"จ๊อบ\" กฤตพงศ์ สกุลนามอเนก (กลอง)",
"\"โรลลิงอินเดอะดีป\" () คัฟเวอร์โดยวงดนตรีร็อกชาวอเมริกัน ลิงคินพาร์ก และได้รวมอยู่ในอีพีบันทึกการแสดงสด \"ไอทูนส์เฟสติวัล\" ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะไม่ได้ออกเป็นซิงเกิล แต่ก็ได้เข้าสู่อันดับ 1 ในชาร์ตซิงเกิลเพลงร็อกแห่งสหราชอาณาจักร และอันดับที่ 42 ในชาร์ตซิงเกิลแห่งสหราชอาณาจักร เพลงนี้ได้นำไปคัฟเวอร์โดยลิงคินพาร์กสองครั้ง ครั้งหนึ่งที่งานนัดพบของสมาชิกจากลิงคินพาร์กอันเดอร์กราวด์ และอีกครั้งหนึ่งที่งานไอทูนส์เฟสติวัล ที่เดอะราวด์เฮาส์ เพลงนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสหราชอาณาจักร \"โรลลิงอินเดอะดีป\" ได้นำไปออกจำหน่ายเป็นซิงเกิลโปรโมตในสถานีวิทยุเพลงอัลเทอร์เนทีฟ ในวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2554",
"\"กิฟเวนอัป\" () เป็นเพลงของวงดนตรีร็อกชาวอเมริกัน ลิงคินพาร์ก เป็นซิงเกิลที่สี่จากสตูดิโออัลบั้มชุดที่สามของวง \"มินิตส์ทูมิดไนต์\" ออกจำหน่ายเป็นดิจิตอลดาวน์โหลดในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะไม่ประสบความสำเร็จมากนักในสหรัฐอเมริกา แต่ก็ได้ติดอันดับสูงในชาร์ตเพลงอัลเทอร์เนทีฟ",
"อัลบั้ม \"ไฮบริดทีโอรี\" และ \"เมทีโอรา\" ทั้งคู่เป็นแนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟเมทัล นูเมทัล แร็ปร็อก และมีกลิ่นอายของป็อป ฮิปฮอป อัลเทอร์เนทีฟ และอิเล็กทรอนิกา และเพิ่มโปรแกรมคอมพิวเตอร์แต่งเสียงและใช้เครื่องสังเคราะห์เสียงช่วยเพิ่มรูปแบบเสียงที่มีความแปลกใหม่และสนุกยิ่งขึ้น ทำให้เป็นแนวเพลงที่ไม่ซ้ำแบบใครและมีสไตล์เป็นตัวของตัวเองอีกด้วย",
"ฐณัณญาญ์ ไอยราถิรศักดิ์ (ชื่อเล่น: จอย) หรือชื่อในวงการคือ อัยย์ พรรณี วีรานุกูล เป็นนักร้อง พิธีกร และดีเจชาวไทย เป็นหนึ่งในสมาชิกวงเดอะ ซิตี้ คอรัส (CU Band) และวงเอ็กซิท (Exit) ในปีพ.ศ. 2536 ภายหลังออกอัลบั้มเดี่ยวในช่วงยุคอัลเทอร์เนทีฟ ภายใต้สังกัดโซนี่ มิวสิค โดยมีผลงานเพลงโด่งดังมากมาย เช่น บอกเขาว่าเจอฉัน, เปิดวิทยุ, ฉันรึเปล่า, หยุดไว้แค่นี้, นานเหลือเกิน, ฉันไม่โง่ เป็นต้น",
"วงก่อตั้งขึ้นในช่วงที่กระแสเพลงทางเลือก (อัลเทอร์เนทีฟ) ก่อตัวขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ราว พ.ศ. 2539",
"เมื่อเร็วๆ นี้, เขาได้ปรากฏตัวในมิวสิควิดีโอป๊อบสตาร์ของนักร้องคือ เคที เพร์รี(Katy Perry's single) ในเพลง\"Last Friday Night (T.G.I.F.) \" กับลุงเคนนี่(เรียก เคนนี จี ว่าลุง) ในวันที่ 8 เดือนตุลาคม ปี 2011 เรื่องราวชีวิตของคืนวันเสาร์(Saturday Night Live),เคนนี จี ปรากฏตัวพร้อมกับเสียงนักร้องโซปราโนกับแซกโซโฟนของเขา เข้าร่วมกับวงดนตรีร๊อค(อัลเทอร์เนทีฟ) วงมีชื่อว่า\"Foster the People\" กับการแสดงในเพลงของพวกเขาที่ชื่อว่า \"Houdini.\"",
"เนติมา อัมพุช' เป็นนักร้อง และนักแต่เพลงชาวไทย มีผลงานเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟ ในช่วงปี พ.ศ. 2539 เป็นที่จดจำในฐานะนักร้องสาวอัลเทอร์เนทีฟ ในช่วงยุค 1990 มีผลงานพลงที่คุ้นหู คือเพลง \"ไม่พร้อม\"\nเนติมา อัมพุช เป็นที่รู้จักกันในชื่อ เนติมา (NETIMA) เป็นนักร้องหญิงชาวไทย ในภาพลักษณ์นักร้องสาวผมยาว ผิวขาวหน้าตาสะสวย มีผลงานแนวเพลงป็อป, อะคูสติก, ออลเทอร์นาทิฟ ภายใต้ค่าย BMG มีผลงานช่วงปี พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2541",
"นิกเคลแบ็ก () เป็นวงร็อกจากแคนาดา ก่อตั้งวงในฮานนา อัลเบอร์ตา โดย แชด โครเกอร์, ไมค์ โครเกอร์, ไรอัน พีก และอดีตมือกลอง แบรนดอน โครเกอร์ (มือกลองปัจจุบันคือ แดเนียล อแดร์) แนวเพลงของวงโดยทั่วไปคือ อัลเทอร์เนทีฟ หรือ ฮาร์ดร็อก ในบางครั้งเว็บไซต์ออลมิวสิกจะจัดกลุ่มอยู่ใน อัลเทอร์เนทีฟเมทัลด้วย",
"เดอะสโตนโรส เป็นอัลบั้มสตูดิโออัลบั้มที่ 1 ของวงเดอะสโตนโรส ซึ่งเป็นวงแนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟ ออกจำหน่ายเมื่อ พ.ศ. 2532 อัลบั้มชุดนี้ใช้เวลาการบันทึกเสียงกว่า 1 ปี เอียน บราวน์ นักร้องนำและนักกีตาร์ประจำวงเป็นผู้ควบคุมการอำนวยการผลิตอัลบั้มชุดนี้ เขาค้นหาเสียงดนตรีใหม่ๆที่เป็นเอกลักษณ์มาใส่ไว้ในอัลบั้มชุดนี้ และใช้เทคนิคพิเศษต่างๆเข้ามาผสมผสานในบทเพลง",
"เซ็กซ์ พิสทอลส์ () เป็นวงแนวพังค์ร็อกจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในลอนดอน ในปี ค.ศ. 1975 พวกเขาเป็นพวกริเริ่มการเคลื่อนไหวพังค์เข้ามาใน สหราชอาณาจักร\nและเป็นแรงบันดาลใจให้แก่พังค์และนักร้องแนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟ ถึงแม้ว่าวงเซ็กซ์ พิสทอลส์จะทำงานได้แค่ 2 ปีครึ่ง และออกจัดจำหน่ายเพลงออกมาได้ สี่ ซิงเกิ้ลและ หนึ่งสตูดิโออัลบั้ม \n\"Never Mind the Bollocks, Here's the Sex Pistols\", พวกเขายังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากในประวัติศาสตร์ของ เพลงสมัยนิยม.",
"2538 อัลเทอร์มาจีบ เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องราวของเด็กหนุ่มก้องที่เกิดมาในยุคดิจิตอล ปี พ.ศ. 2558 เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย (เนตั้น - แดนอรุณ รามณรงค์) แต่บังเอิญโทรศัพท์แบทเกิดหมดจึงออกมาหยอดตู้โทรศัพท์และทำให้ตัวก้องเองได้ถูกย้อนเวลาไปยังปี พ.ศ. 2538 และทำให้เขาได้พบได้พบเจอพ่อแม่ของเขาเองในสมัยหนุ่มสาวและแนวเพลง อัลเทอร์เนทีฟ กำกับภาพยนตร์โดย ยรรยง คุรุอังกูร",
"เจนส์แอดดิกชัน () เป็นวงอัลเทอร์เนทีฟ ร็อกอเมริกันก่อตั้งวงใน ก่อตั้งวงในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 1985 สมาชิกในวงประกอบด้วย นักร้อง เพอร์รี ฟาร์เรล, มือกีตาร์ เดฟ นาวาร์โร, มือเบส อีริก เอเวอรี่ และมือกลอง สตีเฟน เพอร์กิ้นส์ หลังจากแตกวงในปี 1991 วงกลับมาร่วมทัวร์กันอีกครั้งในปี 1997 และกลับมารวมตัวกันใหม่ในปี 2001 จนแยกกันอีกในปี 2004 และกลับมารวมตัวอีกครั้งในปี 2008 แนวเพลงของวงมีความหลากหลาย ที่เกิดจากการรวมของเพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อกดั้งเดิม เข้ากับองค์ประกอบของ เฮฟวีเมทัลและ โกธิกร็อก",
"ลิงคินพาร์กได้เข้าสู่อันดับ 8 ใน \"บิลบอร์ด\" โซเชียล 50 ซึ่งเป็นอันดับชาร์ตของศิลปินที่ทำผลงานอย่างต่อเนื่องในเครือข่ายสังคมชั้นนำของโลก ลิงคินพาร์กได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบิลบอร์ดหกรางวัลในปี พ.ศ. 2554 ได้แก่ ยอดกลุ่มดนตรี อัลบั้มเพลงร็อกยอดเยี่ยมสำหรับอัลบั้ม \"อะเทาซันด์ซันส์\" ยอดศิลปินร็อก ยอดศิลปินอัลเทอร์เนทีฟ ยอดเพลงอัลเทอร์เนทีฟสำหรับเพลง \"เวตติงฟอร์ดิเอ็นด์\" และยอดอัลบั้มเพลงอัลเทอร์เนทีฟสำหรับอัลบั้ม \"อะเทาซันด์ซันส์\" แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะรางวัล",
"อะลาดิน เป็นวงดนตรีสัญชาติไทยแนวฮิปฮอปและอัลเทอร์เนทีฟ โดยอัลบั้มชุดแรก \"อะลาดิน\" ตามชื่อวง ประสบความสำเร็จอย่างมาก มีผลงานที่เป็นที่รู้จักได้แก่ นางมารร้าย , แอบมอง , ศรีทน , อยากพบเธอ",
"ในยุคแรก ดนตรีของ The Manics ถูกจัดไว้ในพวกพังค์-ร็อก ซึ่งการเปลี่ยนแปลงซาวน์ดนตรีต่อมาพวกเขาถูกจัดไว้ในกลุ่มอัลเทอร์เนทีฟ ร็อก และมีแฟนเพลงเหนียวแน่นไม่เฉพาะในอังกฤษ แต่ยังข้ามมาถึงญี่ปุ่น อเมริกา ไม่เว้นแต่ในบ้านเราที่ทำให้เกิดกระแสดนตรีอัลเทอร์เนทีฟขึ้นมา มือกีตาร์และนักแต่งเพลงคนสำคัญของวง Richey James Edwards หายตัวไปอย่างลึกลับในปี 1995 และไม่มีใครพบเขาเลยนับตั้งแต่บัดนั้น",
"4AD เป็นค่ายเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟ ร็อก ก่อตั้งในปี 1979 โดย อีโว-วัตต์-รัสเซลล์ และ ปีเตอร์ เค้นท์ และ วง MARRS เป็นวงดนตรีที่มีเพลงฮิตในต้นสังกัดของ 4AD อย่าง ปั๊มอัพเดอะโวลุ่ม ได้ออกจำหน่าย ในปี 1987 และประสบความสำเร็จ",
"จากนั้นสมาชิกในวงก็แยกย้ายกันออกไปทำงานของตัวเอง เช่น ปู และ (ต๋อง) สมทบ สมมีชัย มือเบสก็ออกไปตั้งวงแบล็คเฮด ในแนวอัลเทอร์เนทีฟ ในปี พ.ศ. 2538 ซึ่งประสบความสำเร็จกว่า",
"เนอร์วานา (English: Nirvana) เป็นวงกรันจ์ และอัลเทอร์เนทีฟ ร็อก สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งขึ้นโดยมือกีตาร์และร้องนำ เคิร์ท โคเบน และมือเบส คริสต์ โนโวเซลิช เมื่อปี ค.ศ. 1987 ที่เมืองอาเบอร์ดีน รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา วงได้ตัวมือกลอง เดฟ โกรล ซึ่งเข้ามาในปี ค.ศ. 1990 และได้อยู่ร่วมกับยาวนานที่สุดจวบจนวงแตก แม้ว่าเนอร์วานาจะออกสตูดิโออัลบั้มเพียง 3 อัลบั้ม ในช่วงเวลาสั้น ๆ 7 ปี แต่วงก็ได้รับการยอมรับอย่างสูงให้เป็นหนึ่งในวงที่ทรงอิทธิพลและสำคัญที่สุดในยุคสมัยใหม่นี้ แม้ว่าดนตรีของวงได้หายในช่วงปี ค.ศ. 1994 แต่งานเพลงของพวกเขาก็ยังคงได้รับกระแสนิยมต่อแรงบันดาลใจและอิทธิพลวัฒนธรรมร็อกแอนด์โรลสมัยใหม่จวบจนถึงปัจจุบัน",
"สวิตช์ฟุต () เป็นวงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟ ร็อก จากซานดิเอโก้ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา สมาชิกปัจจุบันคือ Jon Foreman (ร้องนำ, กีต้าร์) และ Tim Foreman (เบส) ร่วมด้วย Jerome Fontamillas (คีย์บอร์ด) และ Chad Butler (กลอง) และ Drew Shirley (กีตาร์) มีเพลงที่เป็นที่รู้จักคือเพลง \"Meant to Live\" และ \"Dare You to Move\"",
"นา นา นา (นา นา นา นา นา นา นา นา นา) เป็นเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟ และป็อปพังก์ ของมายเคมิคอลโรแมนซ์ เป็นซิงเกิลแรกจากสตูดิโอส์อัลบั้มที่ 4 คือ ",
"เนติมา ออกอัลบั้มเดี่ยวเป็นของตนเองเมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยออกอีพี (หรือมินิ อัลบั้ม) อัลบั้ม ชื่อชุด \"NETIMA\" ก่อนที่จะออกอัลบั้มเต็ม โดยใช้ชื่ออัลบั้มว่า \"ดีกว่า\" มีเพลงฮิตที่เป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องแนวอัลเทอร์เนทีฟ คือเพลง \"ไม่พร้อม\" ก่อนปล่อยซิงเกิลต่อมา เช่นเพลง \"ฝาก (อย่าทำลาย)\" และเพลง \"ดีกว่า\" เป็นต้น ",
"วงทูก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2534 เป็นดูโอแบบ ป๊อป-ร็อก แต่จะหนักไปทางป๊อปมากกว่าร็อก มีอัลบัมชุดแรกปีพ.ศ. 2534 ชื่อชุด รักล้วนๆแต่กวนนะ แนวเพลงน่ารัก สดใส เพลงแรกเปิดตัวด้วยอย่างเพลงเพลง รักกวนๆ ทำให้เพลงนี้โด่งดังและเป็นที่รู้จักของวัยรุ่นยุคนั้น ด้วยกระแสความดังต่อเนื่องมีเพลงฮิตอย่างเพลง หลอมละลาย,ไชน่าเกิร์ล,คนละคนเดียวกัน,ใครคือหุ่นยนต์ เป็นต้น ทำให้อัลบั้มชุดนี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม และสิ่งที่สำคัญเอกลักษณ์ที่เป็นภาพจำคือ ผมยาว เฮฮา ลีลากวนๆ ปีพ.ศ. 2536 อัลบั้มชุด เด้งได้..ถ้าไม่เดี้ยง แนวเพลงยังน่ารักสดใสเหมือนชุดแรก มีเพลงดังอย่างเพลง เธอไม่เคยตาย,หนี,เอวหาย เป็นต้น และปีเดียวกันนี้ออกอัลบั้มรวมฮิตพิเศษคืออัลบั้ม รวมฮิตคนใกล้ตัว โดยการรวมเพลงฮิตๆ2ชุดแรกและมีเพลงเพิ่ม2เพลงอย่างเพลง วัยฝันวันรัก,คนใกล้ตัว และ2เพลงนี้ได้ถูกเป็นเพลงประกอบละครเรื่อง วัยฝันวันรัก ค่ายกันตนา ออกอากาศทางช่อง7สี โดยต่อ วงทู นักร้องนำ ได้แสดงละครเรื่องนี้เป็นบทพระเอกเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่รับบทพระเอกอีกด้วย แสดงคู่กับดาราสาวในยุคนั้นก็คือ หมอก ณัฐสิมา คุปตะวาทิน ปีต่อมาพ.ศ. 2537ได้ออกอัลบั้มพิเศษอย่างอัลบั้มชุด RS Unplugged ดนตรีนอกเวลา (พ.ศ. 2537) โดยการคัฟเวอร์เพลงเก่าศิลปินในยุคนั้น โดยต่อ วงทู ได้ร้องเพลง คนเก่ง ซึ่งเป็นเพลงเวอร์ชันเดิมของ เต๋า สมชาย เข็มกลัด และปี 2538 ได้ออกอัลบั้มชุด Double เปลี่ยนจากแนวป๊อปร็อกสดใสๆวัยรุ่นและภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมผมยาวเปลี่ยนมาเป็นผมสั้น เปลี่ยนเป็นแนวเพลงร็อกมากขึ้น แต่ก็ยังมีกลิ่นอายเพลงป๊อปอยู่บ้าง และมีเพลงดังๆอย่างเพลง ชีวิตเรา...จูงเอง,เธอคือผู้หญิงคนนั้น โดยเฉพาะเพลงที่ดังสุดขีดนั้นก็คือ เธอคือผู้หญิงคนนั้น ปีพ.ศ. 2539 อัลบั้มชุด outdoor เป็นแนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟ โดยการคัพเวอร์เพลงยุค 80 ในอดีต มาเป็นแนวดังกล่าว และปีเดียวกันนี้ได้มีคอนเสิร์ต live action jump concert เล่นร่วมกับ พิสุทธิ์ ทร้พย์วิจิตร,อิทธิ พลางกูร ที่ฟีบัสแอมฟิเธียเตอร์ ถนนรัชดาภิเษก\nหลังจากที่วงทูยุบลงเขาแยกกันไปและต่างคนต่างไว้ผม"
] |
พระธัมมชโย คือใคร? | [
"พระไชยบูลย์ ธมฺมชโย หรือ ไชยบูลย์ สุทธิผล เป็นพระภิกษุชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ประธานมูลนิธิธรรมกาย และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร[1][2]"
] | [
"วันที่ 16 ก.พ. 2560 ทางรัฐบาลมีคำสั่งใช้มาตรา 44 ให้พื้นที่บริเวณวัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษ ป้องกันไม่ให้มีบุคคลเข้าไปในพื้นที่และผลักดันผู้เกี่ยวข้องที่อยู่ในวัดออกนอกพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้เข้าไปตรวจค้น พร้อมทั้งควบคุมตัวพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา คดีพิเศษเลขที่ 27/2559 ในข้อหาสบคบและร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันรับของโจร [31][32]",
"เมื่อมาถึงพุทธุปบาทกาลของพระพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบันท่านมาเกิดเป็น บุตรพราหมณ์มหาศาลในหมู่บ้านพราหมณ์โทณวัตถุ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองกบิลพัสดุ์ ครั้นออกบวชก็ได้บรรลุอรหัตผล อาศัยเหตุที่ตั้งจิตปรารถนามาแต่อดีตชาติประกอบกับเหตุการณ์ในปัจจุบันชาติ ที่ได้รู้แจ้งธรรมและบวชในพระพุทธศาสนาก่อนใคร พระพุทธเจ้าจึงทรงตั้งท่านไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะด้านรัตตัญญู ดังกล่าวมาแล้ว ฝ่ายพระปัญจวัคคีย์ที่เหลือ คือ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะและพระอัสสชิ ซึ่งมีอดีตชาติร่วมกับพระอัญญาโกณฑัญญะ ตรงที่ตั้งจิตปรารถนาให้ได้ฟังพระพุทธเจ้าแสดงธรรมก่อนใคร และปรารถนาจะบรรลุอรหัตผลพร้อมกัน ก็ได้สิ่งที่ปรารถนาไว้คือ ได้ฟังพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมก่อนใครและได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์พร้อมกันในที่สุด",
"มีเรื่องเล่าอีกเรื่องว่าเมื่อทรงประสูติใหม่ ๆ เจ้าจอมมารดาเที่ยง ในรัชกาลที่ 4 ทรงอุ้มพระองค์ให้พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตร ทรงถามว่าพระองค์ทรงเป็นธิดาของใคร เจ้าจอมมารดาเที่ยงท่านก็ไม่ตอบเจ้าจอมมารดาเที่ยงถามว่าเด็กหญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาเหมือนใคร ทรงตอบว่า \"\"เหมือนแม่เพย\"\" ซึ่งก็คือสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระมเหสีองค์ที่สอง",
"โดยพระเยซูเคยตรัสว่า \"ไม่มีใครรู้จักพระบุตรนอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดานอกจากพระบุตรและผู้ที่พระบุตรประสงค์จะสำแดงให้รู้\" ซึ่งในพันธสัญญาใหม่เรียกพระเจ้าว่า \"พระบิดา\" 245 ครั้ง และในบทข้าพเจ้าเชื่อซึ่งเป็นบทอธิษฐานที่สำคัญมากบทหนึ่งของคริสต์ศาสนิกชน ส่วนหนึ่งว่า \"ข้าพเจ้าเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรหนึ่งเดียวของพระเจ้า ทรงบังเกิดจากพระบิดาก่อนกาลเวลา\" แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระบิดาและพระบุตรไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ใดเหตการณ์หนึ่งและไม่ได้อยู่ภายใต้กาลเวลา",
"ศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับพระธัมมชโย กรณีบุกรุกป่าสงวนภูเรือ[54]",
"พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ทรงพอพระหฤทัยที่จะปฏิบัติพระกรณียกิจแบบไม่เปิดเผยพระองค์ คือ ทรงนิยมที่จะทำดีแบบปิดทองหลังพระ ตามพระราชนิยมในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมราชสวามี และตามพระราชปณิธานแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ว่า “...การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นการบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว...”",
"วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2558 สมชาย สุรชาตรี โฆษกประจำสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แถลงว่าตามเอกสารของมหาเถรสมาคมเมื่อปี 2542 ไม่มีคำสั่งหรือเอกสารที่ระบุว่าพระธัมมชโยเป็นปาราชิก ขาดจากความเป็นภิกษุตามพระลิขิตดังกล่าว[47] ด้านพนม ศรศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังเปิดประเด็นอีกด้วยว่าไม่แน่ใจว่าพระลิขิตนั้นเป็นของปลอมหรือไม่ และย้ำว่าพระธัมมชโยยังไม่ปาราชิก[48] ต่อมาวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการและโฆษกมหาเถรสมาคมเผยว่า มหาเถรสมาคมเห็นว่าพระธัมมชโยไม่มีเจตนาขัดพระลิขิต และไม่มีเจตนาฉ้อโกง จึงถือว่าพ้นมลทิน และในปี 2549 ได้มีมติถวายคืนสมณศักดิ์ให้กับพระธัมมชโย อีกทั้งในปี 2554 ยังได้เลื่อนสมณศักดิ์จากยศพระราชภาวนาวิสุทธิ์เป็นพระเทพญาณมหามุนี[49] และพระธัมมชโยก็ได้ดำรงสมณเพศต่อมา และได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ \"พระเทพญาณมหามุนี\" เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2554",
"วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 คณะรักษาความสงบแห่งชาติให้วัดพระธรรมกายเป็นเขตพื้นที่ควบคุมพิเศษ เพื่อจับกุมพระธัมมชโย[2]",
"ในคราวที่ พระศิวะ เสด็จไปบำเพ็ญสมาธิเป็นระยะเวลานานอยู่นั้น พระปารวตี เนื่องจากประทับอยู่พระองค์เดียวเลยเกิดความเหงา และมีพระประสงค์ที่จะมีผู้มาคอยดูแลพระองค์ และป้องกันคนภายนอกที่จะเข้ามาก่อความวุ่นวายในพระตำหนัก จึงทรงเสกเด็กขึ้นมาเพื่อเป็นพระโอรสที่จะเป็นเพื่อนในยามที่พระศิวะเสด็จออกไปตามพระกิจต่าง ๆ มีอยู่คราวหนึ่ง เมื่อพระนางทรงเข้าไปสรงน้ำในพระตำหนักด้านในนั้น พระศิวะเสด็จกลับมาและเมื่อจะเสด็จเข้าไปด้านใน ก็ทรงถูกเด็กหนุ่มห้ามไม่ให้เข้า เนื่องจากมิทรงทราบว่าเป็นใครและในลักษณะเดียวกัน พระศิวะก็มิทรงทราบว่าเด็กหนุ่มนั้นเป็นพระโอรสที่พระปารวตีทรงเสกขึ้นมา เมื่อพระองค์ทรงถูกขัดพระทัยก็ทรงพิโรธและทรงตวาดให้เด็กหนุ่มนั้นหลีกทางให้ พลางถามว่ารู้ไหมว่ากำลังห้ามใครอยู่ ฝ่ายเด็กหนุ่มนั้นก็ตอบกลับว่าไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าเป็นใคร เพราะตนกำลังทำตามพระบัญชาของพระปารวตี และทั้งสองก็ได้ทำการต่อสู้กันอย่างรุนแรงจนเทพทั่วทั้งสวรรค์เกิดความวิตกในความหายนะที่จะตามมา และในที่สุดเด็กหนุ่มนั้นก็ถูกตรีศูลของพระศิวะจนสิ้นใจ และศีรษะก็ถูกตัดหายไป",
"การสูญเสียพระบิดาและพระมารดาได้ทำให้เจ้าชายทรงเศร้าพระทัยมาก ทรงสละพระชายาและพระธิดา เปลี่ยนผ้าคลุมพระกายเป็นแบบนักพรต เสด็จออกจากพระนครและได้ทรงประกาศมหาปฏิญญาในวันนั้นว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 12 ปี ขอไม่พูดกับใครแม้คำเดียว พระมหาวีระได้ทรงบำเพ็ญตนเป็นนักพรตถือการขอเป็นอาชีพ ได้เสด็จเที่ยวไปตามคามนิคมต่างๆโดยมิได้พูดอะไรกับใครเป็นเวลา 12 ปี ได้บรรลุความรู้ขั้นสูงสุดเรียกว่า ไกวัล ถือเป็นผู้หลุดพ้นกิเลสทั้งปวง เป็นพระอรหันต์และเป็นผู้ชนะโดยสิ้นเชิง",
"โดยคณะกรรมาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติมีความเห็นว่า พระธัมมชโยอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตจริง อีกทั้งมหาเถรสมาคมได้มีมติครั้งที่ 191/2542 และครั้งที่ 193/2542 ซึ่งเป็นมติรับทราบและให้ดำเนินการตามพระดำริสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตั้งแต่ปี 2542 แต่ในทางปฏิบัติพบว่ามีการดำเนินการเพียงรับโอนที่ดินให้ตกเป็นของวัดเท่านั้น ส่วนกรณีอาบัติปาราชิกและต้องขาดจากความเป็นพระนั้น กลับละเว้นไม่ดำเนินการมาเป็นเวลา 16 ปีเพื่อให้พระธัมมชโยพ้นจากการเป็นภิกษุสงฆ์ คณะกรรมการฯ จึงได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องบังคับการให้เป็นไปตามมติมหาเถรสมาคม[44][45][46]",
"ในวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 นายสุวิทย์ยื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อให้อายัดทรัพย์พระธัมมชโย",
"หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ได้กล่าวถึงอุปนิสัย และพระจริยวัตรโดยรวมของพระองค์ไว้ ความว่า \"พระองค์หญิงเฉลิมเขตรมงคลมีพระรูปโฉมเหมือนสมเด็จพระบิดาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งพระอัธยาศัยก็คล้ายกันเป็นอันมาก กล่าวคือไม่มีใครเกลียดและไม่มีศัตรู เพราะไม่เป็นภัยกับใครเลย ไม่มีการเล่นพวก ไม่ด่าว่าค่อนแคะผู้ใด ไม่ดูถูกเหยียดหยามผู้ใด มีแต่ความซื่อสัตย์สุจริตและตามพระทัยพระองค์เอง เช่นเด็กที่เป็น Spoiled Child มาตั้งแต่เกิดเพราะไม่เคยมีใครขัดใจเท่านั้น ถ้ามีสิ่งใดที่เสียก็เป็นเรื่องที่ท่านทำพระองค์ท่านเอง ไม่มีผู้ใดต้องมาเสียหายด้วย เช่น ทรงใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ก็เป็นเงินของท่านเอง ไม่ได้ไปหยิบยืมใครมาให้เขาสูญทรัพย์\"",
"พระอิสระมุนีเป็นพระนักเทศน์ที่มีความสามารถ สั่งสอนธรรมะให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม ได้นิยามถึงตัวตนของตนเองไว้ว่า \"เราผู้มีชื่อว่า อิสระมุนี ไม่ใช่ฐานันดรบุคคล ไม่ใช่พระมหาเถระผู้มีวาสนายิ่งใหญ่มหึมา ที่ใคร ๆ จะต้องกราบไหว้ ไม่ใช่พระมหาผู้มีความรู้กว้างขวางจนไม่มีใครเทียมเท่า ไม่ใช่บัณฑิตศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยใด ไม่ใช่นักปราชญ์หรือนักวิชาการ หรือนักคิดที่ถูกคนเขาให้ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์กันเป็นกระบุง ๆ เพราะฉะนั้น เราจึงมีชื่อว่า อิสระมุนี ผู้ที่ต้องการรู้จักเราก็จงรู้ที่ออกมาจากใจของเราตามที่กล่าวมานี้เถิด\"",
"การแสวงหาประโยชน์เชิงพาณิชย์ กรณีที่วัดพระธรรมกายนำเงินบริจาคไปลงทุนเพื่อแสวงหาประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยอ้างว่าเพื่อให้เงินเกิดดอกออกผลติดตามมานั้น ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง เช่น หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเรียกวัดพระธรรมกายเป็น \"แหล่งพุทธพาณิชย์ขนาดใหญ่ของโลก\"[1] การยักยอกทรัพย์ กรณีที่วัดพระธรรมกายถูกพระธัมมชโย เจ้าอาวาส ยักยอกทรัพย์ โดยปรากฏว่าโฉนดที่ดินมากมายของวัดมีชื่อพระธัมมชโยเป็นเจ้าของ เรื่องนี้ถูกนำเข้ามหาเถรสมาคมและเกิดเป็นคดีอาญาในเวลาต่อมา การไต่สวนดำเนินมาเจ็ดปี แต่สุดท้ายอัยการสูงสุดได้มีมติให้ถอนฟ้อง เนื่องจากพระธัมมชโยได้คืนที่ดินให้แก่วัดพระธรรมกายแล้ว[60] การธุดงค์ในเมือง กรณีที่วัดพระธรรมกายจัดให้พระสงฆ์ออกเดินธุดงค์ในเมือง เรียกว่า \"ธุดงค์ธรรมชัย\" โดยให้นำเครื่องลาดมาปูรองที่เดิน โปรยบุปผชาติบนเครื่องลาด และจัดให้ประชาชนซึ่งเป็นสาวกมาเฝ้าแห่แหนริมเครื่องลาด ทั้งมีขบวนแห่อย่างวิจิตรอลังการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554[61] นั้น ก่อปัญหาการจราจรในเมือง และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง[62][63][64] เป็นต้นว่า พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ หลวงปู่พุทธะอิสระ วิจารณ์ว่า \"การจะทำกิจกรรมอะไรก็ตาม หากทำแล้วเบียดเบียนตน ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ถือว่า ผิดหลักพุทธศาสนา...พุทธศาสนิกชนต้องต่อต้าน...ไม่น่าจะเป็นการเผยแพร่ธรรม น่าจะเป็นการทำร้ายพระธรรมมากกว่า รวมทั้งทำให้พระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้ามัวหมอง การเดินธุดงค์บนดอกกุหลาบดอกดาวเรือง ไม่ไช่วิธีของพระภิกษุที่สันโดษ...นอกจากพระเดินธุดงค์แล้ว นักเรียนและประชาชนยังถูกเกณฑ์ให้ไปตากแดดรับคณะ ไม่ได้ไปเพราะศรัทธา แต่ไปเพราะโดนเกณฑ์ไป ศรัทธาที่เกิดจากการแสดงเป็นศรัทธาที่หลอกลวง ไม่ใช่ศรัทธาที่บริสุทธิ์...เรื่องนี้มหาเถรสมาคมทำอะไรอยู่ สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำอะไรอยู่\"[65] ตรึงใจ บูรณสมภพ สมาชิกวุฒิสภา และประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ของวุฒิสภา เห็นว่า \"ไม่เหมาะสม เนื่องจากการเดินธุดงค์ตามหลักพระพุทธศาสนา คือ พระสงฆ์ต้องจาริกไปตามเขา อยู่อย่างสมถะ เพื่อทำให้จิตใจเป็นอิสระ ไม่ใช่มาเดินในเมืองหลวงท่ามกลางกิเลสที่มีสีสันแห่งบริโภคนิยม\"[63] อย่างไรก็ดี วัดพระธรรมกายชี้แจงสั้น ๆ ว่า กิจกรรมดังกล่าวไม่ผิดหลักพุทธศาสนา[63] และได้รับการสนับสนุนจากพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ด้วย[62] ขณะที่นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวรับรองในทำนองเดียวกันว่า \"เป็นการรวมชาวพุทธให้มาร่วมกิจกรรม แม้ว่าจะมีผลกระทบด้านการจราจรบ้าง...เหมือนการจัดทำบุญตักบาตรพระสงฆ์หลายหมื่นรูปที่ถนนเยาวราช ซึ่งเป็นเรื่องดี ไม่อยากให้มองแต่แง่ลบอย่างเดียว อยากให้มองว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์มากกว่า\"[66] การอ้างว่า สตีฟ จอบส์ ตายแล้วเป็นอมนุษย์ กรณีที่วัดพระธรรมกายเผยแพร่สารคดีชุด แวร์อิสสตีฟ จอบส์ (Where is Steve Jobs) ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2555 ความว่า พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัด ได้ใช้ญาณตรวจสอบพบว่า สตีฟ จอบส์ ตายแล้วไปเกิดเป็นวิทยาธรกึ่งยักษ์อยู่ในพิภพซึ่งทับซ้อนอยู่กับมนุษยโลก เพราะเขายังห่วงหาอาลัยในธุรกิจ[1][67] นั้น ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม และพระไพศาล วิสาโล เห็นว่า เข้าข่ายปาราชิก[68] การจัดการพนัน กรณีที่วัดพระธรรมกายเปิดให้สาธารณชนกด \"ถูกใจ\" (like) หน้าเฟซบุ๊กของวัด แล้วลงชื่อเสียงเรียงนามพร้อมที่อยู่สำหรับติดต่อกลับ เพื่อชิงรางวัลพระพุทธรูปทองคำมูลค่าสิบล้านบาท เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2556 นั้น ถูกนักนิติศาสตร์วิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการขยายฐานลูกค้าของวัด และเป็นการจัดการพนันโดยแจ้งชัดซึ่งตามกฎหมายแล้วต้องขออนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยก่อน อย่างไรก็ดี นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า ไม่ผิดอะไร เป็นเรื่องมโนสาเร่ไม่ควรใส่ใจ เพราะเป็นเพียงวิธีดึงดูดความสนใจของวัด และเห็นว่า ที่กิจกรรมนี้ถูกมองว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์บางประการนั้น \"ก็เพราะวัดแห่งนี้มีภาพลักษณ์ที่คนนอกมักมองว่าเลวอยู่ก่อนแล้ว\"[69] กิจกรรมของวัดพระธรรมกายยังเป็นหัวเรื่องหนึ่งที่นิยมศึกษาและวิจัย เช่น งานวิทยานิพนธ์ของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ที่ได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวางบนอินเทอร์เน็ตกลางปี 2556 เมื่อสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่บังคับให้ข้าราชการครูเข้าอบรมยังวัดพระธรรมกาย[70] โดยพระมหาวุฒิชัยได้วิจัยเกี่ยวกับงานวิชาการต่างๆ ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) แล้วสรุปว่า วัดพระธรรมกายเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนาและต่อสังคมไทยอย่างลึกซึ้งถึงรากฐาน[70]",
"โดยพระธัมมชโยได้มีความตั้งใจว่า \"จะเป็นรายการที่ทำให้ผู้ชมมีจิตใจผ่องใส ไม่เศร้าหมอง เพลิดเพลินกับธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จิตใจจะผูกพันอยู่กับพระรัตนตรัยและบุญกุศล\" และ \"มีรายการที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย เช่น รายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา, นานาเทศนา, พุทธประวัติ, ชาดก 500 ชาติ, New News, ข่าว DNN ข่าว DMC News, ไปวัดไปวา, ปฏิบัติการกุ๊กกิ๊ก, พลังมด ฯลฯ\"[36][37][38] ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2555 รายการปรโลกนิวส์ยังได้ถ่ายทอดบทบรรยายโดยพระธัมมชโยเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายและอดีตชาติของสตีฟ จอบส์ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่าหลังจากได้เสียชีวิตแล้ว ตัวเขาก็ได้ไปบังเกิดใหม่เป็น \"เทพบุตรภุมมเทวาระดับกลางสายวิทยาธรกึ่งยักษ์\"[39][40][41]",
"ในปีที่ 13 ที่พวกปาณฑพต้องไม่ให้ใครจำได้นั้น ยุธิษฐิระได้ขอพรจากพระธรรมเทพผู้เป็นบิดาว่าในปีที่ 13 นี้ขอให้ไม่มีใครจำได้ เนื่องจากพระธรรมเทพมาพิสูจน์ความตั้งมั่นอยู่บนหลักธรรมของยุธิษฐิระ โดยการทำให้น้องชายทั้งสี่คนตายไปและแปลงกายเป็นยักษ์ ผู้เฝ้าธารน้ำที่พี่น้องปาณฑพสี่คนลงไปดื่ม แล้วถามว่ายุธิษฐิระจะเลือกใครให้ฟื้นขึ้นมา จึงเลือกนกุล เพราะตนเป็นบุตรพระมารดากุนตี ส่วนบุตรของพระมารดามาทรีหรือมัทรีได้ตายไปหมดแล้ว จึงเลือกนกุลให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง พระธรรมเทพพอใจมากจึงคืนชีวิตให้กับทุกคนและปรากฏร่างเป็นพระธรรมเทพดังเดิม",
"ในกลุ่มวัดพระธรรมกาย พระเทพญาณมหามุณี (พระธัมมชโย) และมูลนิธิมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง นั้นคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้หารือร่วมกับหัวหน้าพนักงานอัยการร่วมสอบสวนแล้ว พิจารณาเห็นว่า",
"แต่ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 สมชาย สุรชาตรี ได้ให้สัมภาษณ์ว่ามติมหาเถรสมาคมเกี่ยวกับพระธัมมชโยเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์นั้นไม่มีจริง ในวันนั้นแค่รายงานเรื่องให้มหาเถรสมาคมทราบเรื่องเท่านั้น[52] ต่อมาวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 มหาเถรสมาคมได้นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุม ภายหลังจากการประชุมพระพรหมเมธีได้แถลงว่า เรื่องของพระธัมมชโยที่ถือว่ายุติลงแล้วตั้งแต่ปี 2542 ที่ประชุม มส.ไม่สามารถนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้เพราะจะทำให้ มส. เป็นอาบัติปาราชิกทั้งคณะตามข้อกำหนดของพระธรรมวินัย[53]",
"วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 คณะกรรมาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ นำโดย ไพบูลย์ นิติตะวัน ประชุมเพื่อพิจารณาสถานภาพของพระธัมมชโย และเชิญผู้แทนมหาเถรสมาคมมาชี้แจง กรณีไชยบูลย์ สุทธิผล (พระธัมมชโย) ได้อาบัติปาราชิกขาดจากความเป็นภิกษุมาตั้งแต่ พ.ศ. 2542 ตามพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกใน 2 กรณี คือ กรณีการไม่ยอมคืนที่ดินให้วัดพระธรรมกาย และการกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกมีความบกพร่องจึงเป็นเหตุให้บิดเบือนคำสอน ซึ่งถือเป็นขั้นอนันตริยกรรม[44][45][46]",
"5 ธันวาคม พ.ศ. 2537: ได้รับการถวาย<b data-parsoid='{\"dsr\":[16517,16561,3,3]}'>ปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2547: องค์การอนามัยโลก ได้มอบถวายรางวัลงดบุหรี่โลก World No Tobacco Day Awards 2004ประจำปีพุทธศักราช 2547 แด่พระราชภาวนาวิสุทธิ์(สมณศักดิ์ในขณะนั้น) จากผลงานการรณรงค์ให้เยาวชนและประชาชนเลิกสุราและบุหรี่[35] 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548: ได้รับการถวายโล่เกียรติคุณ จากวุฒิสภา ในการบำเพ็ญกุศลเพื่อผู้ประสบภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิ 22 เมษายน พ.ศ. 2548: Mr. S.P. Varma เลขาธิการสมาคม Akhil Bharat Rachanatmak Samaj (All Indian Gandhian Worker Society หรือ ABRS) ได้มาถวายรางวัลมหาตมคานธีเพื่อสันติภาพ (Mahatama Gandhi Peace Award) สำหรับความทุ่มเทแรงกายแรงใจในการส่งเสริมสันติภาพ และการพัฒนาเยาวชน ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ผ่านมา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2549: การประชุมขององค์กรยุวสงฆ์โลก WBSY มอบรางวัลผู้นำชาวพุทธ ที่มีผลงานการเผยแผ่พระพุทธศาสนาดีเด่นในระดับโลกหรือUniversal Peace Award จากองค์การยุวพุทธสงฆ์โลก ประเทศศรีลังกา พ.ศ. 2550: มูลนิธิธรรมกายได้รับรางวัลเทลลี (Telly award) ครั้งที่ 28 จำนวน 12 รางวัล จากผลงาน Dhamma Media Channel; DMC[36] พ.ศ. 2551 ได้รับรางวัลสถานีโทรทัศน์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาดีเด่น จากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก 24 เมษายน พ.ศ. 2552: คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ถวายรางวัลผู้ทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ระดับ วัชรเกียรติ[37][38] 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556: ได้รับโล่เกียรติคุณผู้นำในการอนุรักษ์และปกป้องพุทธสถาน MES AYNAK จากสมาพันธ์พิทักษ์โบราณสถานแห่งอัฟกานิสถาน[39] 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 มหาวิทยาลัยโอทาโก ประเทศนิวซีแลนด์ น้อมถวายโล่ประกาศเกียรติคุณ เพื่อเชิดชูเกียรติคุณของ พระเทพญาณมหามุนี(หลวงพ่อธัมมชโย) ที่เมตตาส่งพระภิกษุไปเผยแผ่ธรรมะยังภาคพื้นโอเชียเนีย จนเกิดความตื่นตัวด้านการศึกษาค้นคว้างานวิชาการพระพุทธศาสนา [40] 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมกับองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์ แห่งโลก (ยพสล.) ถวายรางวัลผู้นำพุทธโลก (World Buddhist Outstanding Leader Award) เป็นรางวัลสำหรับผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา [41] [42]",
"ไชยบูลย์ได้ชักชวนเพื่อนนักศึกษาร่วมกิจกรรมที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ คณะลุกศิษย์แม่ชีจันทร์จึงขยายมากขึ้น[5] มีอยู่หนึ่งคนในคณะลูกศิษย์ที่ชื่อเผด็จ ผ่องสวัสดิ์ (ซึ่งในภายหลังได้บวชเป็นพรภิกษุ และได้มาเป็นรองเจ้าอวาสวัดพระธรรมกาย ชื่อพระเผด็จ ทตฺตชีโว). ในปี 2512 ไชยบูลย์เองได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ และได้รับฉายา \"ธมฺมชโย\" และต่อมาได้เริ่มสอนกรรมฐานที่วัดปากน้ำภาษีเจริญร่วมกับแม่ชีจันทร์[6] ในที่สุดคณะลูกศิษย์ได้ขยายไปเป็นจำนวนมาก จึงมีความยากที่จะจัดกิจกกรมที่วัดปากน้ำภาษีเจริญต่อ[7] ดังนั้นในวันที่ 20 ก.พ. พ.ศ. 2513 แม่ชีจันทร์ พระธัมมชโย และพระทัตตชีโว พร้อมกับบรรดาลูกศิษย์ได้ย้ายไปตั้งศูนย์ปฏิบัติธรรมอีกต่างหาก โดยที่มีเริ่มต้นบนที่ดินแปลง 196 ไร่ในอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี[8]",
"พระศรีอริยเมตไตรยจะมาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งมาในอนาคต โลกนี้จะมีความสงบสุข และพระศาสนาจะมีความรุ่งเรืองกว่า พระศาสนาของพระพุทธเจ้าในองค์ปัจจุบันนี้ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่าจะมีพระอริยบุคคลมากกว่า และประชาชนจะมีความสุขอย่างยิ่ง คือจะไม่มีเรื่องร้อนใจเลย ทุกคนพอใจในความเป็นอยู่ ไม่มีการเบียดเบียน ตอนนอนไม่ต้องปิดประตูก็ได้ บ้านเลยไม่ต้องทำประตูก็ได้ เรื่องคนร้าย หรือขโมยก็ไม่ต้องกลัว แล้วก็คนจะเป็นคนดีเหมือนกันหมด ไม่มีคนพาล จนกระทั่งลงจากบ้าน ก็ไม่มีใครจำได้ว่าใครเป็นใคร เพราะมันดีเหมือนกันหมด มันสุภาพเหมือนกันหมด มันสวยเหมือนกันหมด จนเมื่อกลับเข้าบ้าน จึงจะจำได้ว่า นี่คือภรรยาของเรา นี่คือสามีของเรา นี่คือลูกของเรา และต้องการอะไรก็ได้ มันมีต้นไม้พิเศษที่เรียกว่า ต้นกัลปพฤกษ์ อยู่ทุกทิศ อยากได้อะไรก็ไปขอที่ต้นไม้ จะสะดวกสบาย แม้แต่การคมนาคม การไปการมา จนว่าน้ำในแม่น้ำนั้น จะไหลลงข้างหนึ่ง จะไหลขึ้นข้างหนึ่ง เพื่อจะสะดวกต่อการใช้เรือ อยู่กันเป็นผาสุก ไม่มีอันธพาล ทุกอย่างได้อย่างใจ ",
"พระแม่กาลี คือร่างที่แบ่งภาคมาจาก \"พระอุมาเทวี(พระแม่อุมา)\"หรือ\"พระแม่ปารวตี\" โดยทรงมีจุดประสงค์เพื่อลงมาปราบอสูรที่มีนามว่า อสูรทารุณ กล่าวกันว่า อสูรทารุณ เป็นอสูรที่ฆ่าไม่ตาย และหากเมื่อใดที่เลือดหยดลงถึงพื้น เลือดนั้นก็จะทวีขึ้นเรื่อยไปไม่หมดสิ้น ด้วยความคิดที่ว่าตนเองมีอิทธิฤทธิ์มากมายเหนือใคร และไม่มีใครสามารถฆ่าได้ จึงทำให้อสูรทารุณเกิดฮึกเหิมลำพองในความเก่งกาจของตน และได้นำอิทธิฤทธิ์ความเก่งกาจมาใช้กลั่นแกล้งผู้คน และเทวดาทั่วไป จนในวันหนึ่งก็เกิดความคิดที่จะครอบครองโลกทั้งสาม",
"“แต่อย่างไรก็ตาม เข้าคุกแล้ว ถ้าเป็นการละเมิดพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์เองเดือดร้อน เดือดร้อนหลายทาง ทางหนึ่ง ต่างประเทศเขาบอกว่าเมืองไทยนี่ พูดวิจารณ์พระมหากษัตริย์ไม่ได้ ว่าวิจารณ์ไม่ได้ก็เข้าคุก มีที่เข้าคุก เดือดร้อนพระมหากษัตริย์ ต้องบอกว่าเข้าคุกแล้วต้องให้อภัย ที่เขาด่าเราอย่างหนัก ฝรั่งเขาบอกว่าในเมืองไทยนี่ พระมหากษัตริย์ถูกด่า ต้องเข้าคุก ที่จริงควรเข้าคุก แต่เพราะฝรั่งบอกอย่างนั้น ก็ไม่ให้เข้า ไม่มีใครกล้าเอาคนที่ด่าพระมหากษัตริย์เข้าคุก เพราะพระมหากษัตริย์เดือดร้อน เขาหาว่าพระมหากษัตริย์เป็นคนที่ไม่ดี อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นคนที่จั๊กจี้ ใครว่าไรซักนิด ก็บอกให้เข้าคุก ที่จริงพระมหากษัตริย์ไม่เคยบอกให้เข้าคุก ตั้งแต่สมัยรัชกาลก่อนๆ เป็นกบฏ ก็ยังไม่จับใส่คุก ไม่ลงโทษ รัชกาลที่ 6 ท่านไม่ลงโทษ ไม่ได้ลงโทษผู้ที่เป็นกบฏ มาจนถึงต่อมา รัชกาลที่ 9 ใครเป็นกบฏ ก็ไม่เคยมีแท้ๆ ที่จริงก็ทำแบบเดียวกันไม่ให้เข้าคุก ให้ปล่อย หรือถ้าเข้าคุกแล้วก็ให้ปล่อย ถ้าไม่เข้าก็ไม่ฟ้อง เพราะเดือดร้อนผู้ที่ถูกด่า เป็นคนเดือดร้อน”",
"คณะกรรมาการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนายังให้ความเห็นว่า เรื่องนี้จะต้องให้รัฐบาลซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบ บังคับการให้เป็นไปตามมติมหาเถรสมาคม และพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช โดยพระลิขิตสำคัญที่ทรงมีพระวินิจฉัยให้พระธัมมชโยพ้นจากความเป็นสงฆ์ ด้วยอาบัติปาราชิก ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด ลงวันที่ 26 เมษายน 2542 นั้น มีใจความสำคัญดังนี้",
"พระเจ้าอีนญีโก อารีสตาแห่งปัมโปลนาคือปฐมกษัตริย์แห่งนาวาร์ซึ่งตอนนั้นมีชื่อว่าปัมโปลนา พระองค์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ก่อตั้งชาติ ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นในราวปี ค.ศ. 824 ไม่มีใครทราบชื่อพระมเหสีของพระองค์ แต่พระองค์มีพระโอรสธิดาหลายคน หนึ่งในนั้นคือพระเจ้าการ์เซีย อีนญีเกซที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระบิดาในปี ค.ศ. 851 หรือ ค.ศ. 852 ชื่อพระมเหสีของพระองค์ก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน แต่พระองค์เป็นบิดาของพระโอรสธิดาอย่างน้อยสามคน หนึ่งในนั้นคือพระเจ้าฟอร์ตูน การ์เซสที่สืบทอดตำแหน่งต่อจากพระองค์ในปี ค.ศ. 870 พระเจ้าฟอร์ตูน การ์เซสครองราชย์เป็นเวลา 30 ปี แต่ทรงเป็นพระมเหากษัตริย์คนสุดท้ายของราชวงศ์อินญิเกวซ พระมเหสีของพระองค์คือพระราชินีที่ได้รับการบันทึกชื่อคนแรกของปัมโปลนา ชื่อของพระองค์ปรากฏในเอกสารทางประวัติศาสตร์ฉบับหนึ่ง ทรงมีพระนามว่าออเรีย ไม่มีใครทราบว่าบิดามารดาของพระองค์เป็นใคร ทั้งคู่มีพระโอรสธิดาด้วยกันอย่างน้อยห้าคน พระเจ้าฟอร์ตูน การ์เซสถูกแทนที่โดยซันโช การ์เซสในปี ค.ศ. 905 และเกษียณตนเข้าสู่อาราม ทรงสิ้นพระชนม์ในอารามดังกล่าวในปี ค.ศ. 922",
"เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2339 ในฤดูฝน ฝนตกอย่างหนักน้ำในลำแม่น้ำจะล้นฝั่งอยู่แล้ว ท่านพ่อพระยาปาดไปส่งสารที่ในเมืองไม่ได้ เพราะข้ามน้ำน่านไม่ได้ เจ้าเมืองพระฝางหาว่าท่านพ่อพระยาปาดแข้งข้อ แล้วแจ้งข่าวไปหาพระมหากษัตริย์ศึก พระมหากษัตริย์ศึกจึงสั่งจับพระยาปาด แต่ท่านพ่อพระยาปาดไม่ยอมหนีส่วนพระฝางได้หนีไปเลยหายสาบสูญ ส่วนเจ้าพระยาปาดไม่ยอมหนีและมีความจงรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าตากสินตลอดมา จึงขอยอมตายเพื่อเกียรติศักดิ์และศักดิ์ศรี ของนักรบ โดยไม่ยอมเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย ยอมให้ประหารชีวิตที่ริมลำแม่น้ำปาด ณ ที่หินสามเศร้า (ท่านา ) หน้าประตูเมืองของท่านเอง และศีรษะของท่านได้กระเด็นตกลงสู่ลำแม่น้ำปาดเหล่าทหารได้ลงไปงมหาหัวของท่าน แต่ก็ไม่มีใครพบส่วนภรรยาของท่านได้ไปเกณฑ์เอาชาวบ้านไปช่วยงมหาอยู่ 3 วัน 3 คืนด้วยกัน แต่ก็ไม่มีใครพบเจอเลยไปเจอก้อนหินกลมใหญ่อยู่ในวังน้ำกลางวังพอดีจนสุดท้ายศีรษะของท่านพ่อพระยาปาดก็หาไม่พบจนทุกวันนี้ สันนิษฐานกันว่า ท่านพระมหากษัตริย์ศึกคงจะเอาศีรษะของท่านเสียบประจานที่หน้าประตูเมืองของท่านเลยไม่ให้ใครพบเจอ และเดี๋ยวนี้ยังเรียกท่าน้ำวังว่า วังงม จนทุกวันนี้ หลังจากท่านพ่อพระยาปาดถูกประหารชีวิตไปอยู่นานเท่าไรไม่มีใครทราบได้",
"หลังจากจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 8 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแล้ว ได้เข้าไปศึกษาในคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำให้มีโอกาสได้รู้จักกับนิสิตรุ่นน้องชื่อไชยบูลย์ สุทธิผล (ปัจจุบันคือพระไชยบูลย์ ธัมมชโย) ด้วยความศรัทธาในภูมิธรรม ความรู้และการประพฤติปฏิบัติของรุ่นน้องคนนี้ จึงได้ติดตามไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ศึกษาวิชชาธรรมกายกับแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ตามหลักของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และได้เป็นกำลังสำคัญในการบุกเบิกสร้างวัดพระธรรมกายมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน",
"ในสมัยแรกแม่ชีจันทร์ยังมีบทบาทที่สำคัญในการบอกบุญ และการปกครอง ต่อมา เมื่อท่านอายุมากขึ้น จึงค่อยๆ มอบให้ลูกศิษย์ของท่าน คือหลวงพ่อธัมมชโย และหลวงพ่อทัตตชีโวบริหารงานต่อ[7]"
] |
โรงเรียนเทพลีลา เป็นเอกชนหรือไม่ ? | [
"โรงเรียนเทพลีลา (อักษรย่อ: ท.ล, T.L.) เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาประเภทสหศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ สังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งเมื่อ 17 พฤษภาคม 2505 โดยดำริของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ 281 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร สหวิทยาเขตวังทองหลาง"
] | [
"พินิจวรรณกรรมซีไรต์[1] วรรณกรรม, วรรณคดีไทยในสื่อภาพยนตร์ เป็นวิชาที่เกี่ยวกับวรรณกรรมไทยวรรณคดีไทยและภาพยนตร์ กิจกรรมสื่อมวลชนน้อย ศูนย์ข่าวเยาวชนไทย โรงเรียนเทพลีลา เทพลีลาศึกษา",
"โรงเรียนพระยาประเสริฐสุนทราศรัย (กระจ่าง สิงหเสนี) เริ่มเปิดทำการสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2530 ในระดับชั้นเด็กเล็ก และชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยได้รับความอนุเคราะห์จากพระครูอาทรสุทธิวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดเทพลีลาให้ใช้ศาลาการเปรียญวัดเทพลีลา ใช้เป็นสถานที่เรียนชั่วคราว มีนักเรียน 222 คน ครู 9 คน และต่อมาเมื่ออาคารเรียนสร้างเสร็จ โรงเรียนได้ย้ายมาตั้ง ณ เลขที่ 70/8 ซอยคุณประสะนี แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310 เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2531 จนถึงปัจจุบัน",
"แอนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนเทพลีลา และมัธยมศึกษาตอนปลายโรงเรียนบางกะปิ จบการศึกษา ระดับปริญญาตรี จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และระดับปริญญาโท คณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (สาขาการบริหารสื่อสารมวลชน) ",
"โรงเรียนเทพลีลา มีประตูทางเข้าออก 2 เส้นทาง[6] สามารถเดินทางมาโดยรถโดยสารสาธารณะดังนี้",
"โรงเรียนเทพบดินทร์วิทยาเชียงใหม่ เป็นโรงเรียนเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งประมาณ พ.ศ. 2513 เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้น เตรียมอนุบาล ถึง ระดับชั้นมัธยมตอนปลาย",
"โรงเรียนเทพมิตรศึกษา เป็นโรงเรียนเอกชนของมูลนิธิคาทอลิก เขตมิสซังสุราษฎร์ธานี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เขต 1 อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานบริหารงานคณะกรรมการส่งเสิรมการศึกษาเอกชน\nได้จัดตั้งขึ้นเมื่องวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2502 โดยมี ฯพณฯ มุขนายก คาเร็ตโต เป็นผู้รับใบอนุญาต นายวิเชียร สมานจิต เป็นผู้จัดการและครูใหญ่คนแรก และ ในปัจจุบัน บาทหลวงทรงราชย์ ศรีระหงษ์ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเทพมิตรศึกษา",
"3.สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำโรงเรียน",
"ในปัจจุบัน โรงเรียนเทพลีลา ได้มีการพัฒนาไปมาก จึงมีอาคารภายในโรงเรียนทั้งสิ้น 6 อาคารเรียน 1 อาคารโรงฝึกงาน และ1 ที่พักข้าราชการ",
"2.อาคาร เทพธรรมมา มีจำนวนทั้งสิ้น 5 ชั้น ใช้เป็นห้องเรียนที่จัดการเรียนการสอนต่างๆ จำนวน 13 ห้อง และ เป็นห้องพักคณาจารย์กลุ่มสาระ ศูนย์การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี",
"โรงเรียนเทพสัมฤทธิ์วิทยา ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2517 เป็นโรงเรียนประเภทสามัญศึกษา สังกัด\nสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) กระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนตั้งแต่\nระดับอนุบาล ถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มี รองศาสตราจารย์ ดร. จรูญ ทิตาทร เป็นผู้ตั้งนามโรงเรียน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่สถานศึกษา ",
"พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระราชทานเปลี่ยนนามวัดตึกคลองตันเป็นวัดเทพลีลา ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)สั่งให้ทำการขุดคลองขึ้น ภายหลังคลองนี้ชื่อแสนแสบ เพราะยุงชุม ต่อมาเมื่อขุดเลาะคลองแล้วได้พบพระพุทธรูปปางลีลาในคลองนั้นขณะเดินทางไปทำศึก ต่อมาที่ดินธรณีสงฆ์ของเจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)ได้สร้างโรงเรียนมัธยมศึกษาขึ้น ได้ใช้ชื่อว่า \"โรงเรียนเทพลีลา\" จึงถือว่านามของโรงเรียนเป็นมงคลนามพระราชทาน",
"สนามกีฬาโรงเรียนเทพลีลา เป็นสนามฟุตบอล สนามตะกร้อ สนามบาสเก็ตบอล และกีฬาทุกประเภท สวนหย่อมโรงเรียนเทพลีลา อยู่ในบริเวณหลังอาคารเทพธรรมมา เป็นสวนพืช และต้นไม้ประจำโรงเรียน และ ยังเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่อง \"น้ำหมักชีวภาพ\" ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ลานใต้อาคารเทพธรรมมา เป็นลานที่ใช้ทำกิจกรรมการเรียนการสอน และเป็นลานสำหรับนั่งพักผ่อน",
"1.ที่มาของชื่อโรงเรียน",
"สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเทพลีลา สมาคมศิษย์เก่าโรงเรียนเทพลีลา วัดเทพลีลาพระอารามหลวง",
"1.อาคาร เฉลิมพระเกียรติ๖รอบพระชนมพรรษา หรือ อาคารเทพเมธา อาคาร 4 ชั้น ในอดีต มีจำนวนทั้งสิ้น 7 ชั้น ใช้เป็น ห้องเรียนที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอนต่างๆ จำนวน 5 ชั้น รวม ห้องพักคณาจารย์กลุ่มสาระ ห้องเรียนMEP-EP ห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ห้องประชุมโรงอาหาร และโรงอาหารของโรงเรียน นอกจากนี้ บริเวณดาดฟ้าของอาคารยังใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ \"สวนผักลอยฟ้า\" ของโรงเรียนเทพลีลาอีกด้วย",
"4.คณะสีของโรงเรียนเทพลีลา",
"ด้านการศึกษา ศึกษาระดับอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเซนต์จอห์น ระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทพลีลา ระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม (คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ)",
"โรงเรียนเทพลีลาตั้งอยู่ ณ เลขที่ 281 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานครเป็นโรงเรียนมัธยมประเภทสหศึกษาสังกัด กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ในขณะนั้นเป็นปีที่ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพในการจัดแสดงสินค้านานาชาติและจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่๑ มีการปรับแต่งภูมิทัศน์พระนครเพื่อเป็นสถานที่จัดงานในบริเวณพื้นที่บริเวณนั้นเป็นที่ว่างเปล่าทางประเทศไทยจึงให้ความสำคัญต่อการศึกษาโดยเป็นนโยบายของหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยที่ พระครูสุวรรสุทธิการ(ปลัดทองสุข สีลวณโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพลีลาพระอารามหลวงได้มอบที่ดินของเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) จำนวน 6 ไร่ 1 งานให้เป็นสถานที่ตั้งโรงเรียนตามนโยบายการขยายโรงเรียนมัธยมศึกษาไปสู่ชานเมือง ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่ง หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2505 โรงเรียนเทพลีลาเปิดสอนครั้งแรกโดยอาศัยศาลาการเปรียญของวัด เป็นสถานที่เรียนกระทั่งอาคารเรียนหลังแรกเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 4 ตุลาคม 2505 มีนักเรียนกลุ่มแรกจำนวน 2 คน ครู 4 คน โดยมี นายทิม ผลภาค เป็นครูใหญ่คนแรก โรงเรียนเทพลีลาได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยความสามารถของผู้บริหารที่ประสานความร่วมมือกับชุมชนและสถาบันเอกชนต่างๆ อย่างดีเยี่ยม ทั้งนี้สมาคมผู้ปกครองและครู โรงเรียนเทพลีลา ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปีการศึกษา 2514 มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโรงเรียนอย่างยิ่ง ในปีการศึกษา 2542 การก่อสร้างอาคารเรียนแบบพิเศษ 7ชั้น ได้แล้วเสร็จทำให้โรงเรียนเทพลีลามีสภาพทั่วไปที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอนและมีความพร้อมในการให้บริการ ด้านการศึกษาแก่ชุมชนอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ปัจจุบัน โรงเรียนเทพลีลา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 กระทรวงศึกษาธิการ เปิดทำการสอนช่วงชั้นที่ 3 - 4 (หรือช่วงชั้นที่ 3 ตามหลักสูตรใหม่)โรงเรียนเทพลีลาเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับย่านรามคำแหง ทั้งด้านสภาพภูมิทัศน์องค์ประกอบต่างๆทุกอาณาบริเวณล้วนเอื้ออำนวย ด้านการเรียนการสอน ด้านการเดินทางหรือแม้แต่สิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและในปี พ.ศ. 2554 ประวัติโรงเรียนในแต่ละช่วง วันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ โรงเรียนเทพลีลาได้เปิดทำการเป็นวันแรก โดยอาศัยศาลาการเปรียญของวัดเทพลีลา เป็นสถานที่เรียน โดยมีนักเรียนรุ่นแรกจำนวน ๒ คน ครู ๔ คน โดยมีนายทิม ผลภาคเป็นครูใหญ่คนแรก พ.ศ. ๒๕๐๖- พ.ศ ๒๕๐๘ จัดสร้างประตูไม้หน้าโรงเรียนชั่วคราว และเป็นปีที่ประเทศไทย เป็นเจ้าภาพในการจัดแสดงสินค้านานาชาติและจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ ๑ ซึ่งจัดบริเวณฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยรามคำแหงในปัจจุบัน พร้อมได้รับงบประ- มาณในการทาสีโรงเรียน เดินสายไฟและประดับโคมไฟอาคาเรียนหลังแรก พร้อมทั้งถมที่ดินบริเวณ โดยรอบโรงเรียน พ.ศ. ๒๕๑๐ - พ.ศ. ๒๕๑๘ จัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาโรงเรียนชุดแรกนำโดย ๑๐ ท่านนำโดย นายสำราญ สารสุวรรณ , นายหุน หรั่งศรี , ผู้ใหญ่เขียน สันประเสริฐ , ผู้ใหญ่หวัง วงษ์สัน ฮัจญีเต๊ะ ขำวิไล , น.ส.อังคณา นันทวิทยา , นายหมัด ทองสุข , นายอิน มูป และนาย สง่า ทีวรัตน ์ และโรงเรียนได้รับงบประมาณ ๑๗๒,๐๐๐ บาท สร้างหอประชุมและโรงอาหารพร้อมโต๊ะอาหาร ๒๒ ชุด ปลายปีงบประมาณและต่อเติม อาคารเรียน ๓ ชั้น เพิ่มอีกเป็นจำนวน ๒๑ ห้องเรียน พร้อมคุรุภัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๑๙ - พ.ศ. ๒๕๒๗ สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเทพลีลาได้เทพื้นถนน และเท คอนกรีต และเทคอนกรีตสร้างสนามบาสเก็ตบอล สนามวอลเล่ย์บอล และจัดซื้อรถยนต์ปิ๊กอัพไว้ใช้ใน โรงเรียน ๑ คัน แล้วได้จัดสรรเงิน สมาคมสร้างรั้ว คอนกรีต แทน สังกะสี พ.ศ. ๒๕๒๘ - พ.ศ. ๒๕๓๔ พระราชปัญญาโกศล รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทร์ ได้มอบ พระพุทธรูปยืน ปางเทพลีลา สูง ๔๘ นิ้ว มาเป็นพระพุทธรูปประจำโรงเรียน และปีต่อมา ทุบตึกเรียน ๔ ชั้นพ.ศ. ๒๕๓๕ - พ.ศ. ๒๕๔๒ สร้างอาคาร ๗ ชั้น และ อาคาร ๗ ชั้น ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามอาคารหลังนี้ว่า \"อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบ พระชนมพรรษา\" และได้ทำการเปิดอาคารนี้ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๔๒ นับเป็นเกียรติประวัติ อย่างสูงของชาวเทพลีลา พ.ศ. ๒๕๔๒ - ปัจจุบัน สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนเทพลีลา โดยการนำของ นายสมหวัง บุญสมบัติ นายกสมาคมฯ และนายสำเนา แสงมณี ผู้อำนวยการโรงเรียนเทพลีลา ขณะนั้นริเริ่มดำเนินการเปิดตลาดนัดขายของเพื่อสนอง นโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหา เศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชนให้มีรายได้และซื้อของถูกช่วงปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งกิจการดังกล่าวนี้ ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน จนกระทั่ง ท่านผู้อำนวยการ ดร.ธงชาติ วงษ์สวรรค์ ได้มีการปรับปรุงและพัฒนา สิ่งแวดล้อม เพื่อปรับภูมิทัศน์ให้เหมาะกับการเรียนการสอน และปรับปรุงห้องต่างๆทำห้องเรียน ให้เหมาะกับสภาพการเรียนการสอนจนมาถึงปัจจุบัน",
"โรงเรียนเทพอักษร เป็นโรงเรียนเอกชนระดับประถมศึกษาขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 11/5 หมู่ 11 ถนนรามคำแหง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร 10510 ก่อตั้งเมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2499 โดย \"พระยาพิทักษ์ เทพอักษร\" (พิทักษ์ สิงห์วัฒน) เป็นผู้อุปการะโรงเรียน ปัจจุบันมี \"นายสำรวย มีสุข\" เป็นผู้รับใบอนุญาต และ\"นางเอมอร มีสุข\" เป็นผู้จัดการและอาจารย์ใหญ่ ปัจจุบันโรงเรียนเทพอักษรมีนักเรียนกว่า 2,400 คน และครูกว่า 80 คน",
"ท หมวดหมู่:โรงเรียนในกรุงเทพมหานคร หมวดหมู่:โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง หมวดหมู่:เขตบางกะปิ หมวดหมู่:โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่",
"โรงเรียนเทพมิตรศึกษา เป็นโรงเรียนเอกชนของมูลนิธิคาทอลิก เขตมิสซังสุราษฎร์ธานี\nสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เขต 1 อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี\nสำนักงานบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 เมษายน\nพ.ศ. 2502 ในที่ดินจำนวน 17 ไร่ 3 งาน 1.2 ตารางวา ซึ่งนางลิ้นจี่ บุราคม เป็นผู้บริจาคให้เป็นที่\nสร้างโรงเรียน โดยมี ฯพณฯ มุขนายก เปโตร คาเร็ตโต เป็นผู้รับใบอนุญาต นายวิเชียร สมานจิต\nเป็นผู้จัดการและครูใหญ่ คนแรก มีบาทหลวงแอกเตอร์ ฟรีเยรีโอ เป็นอธิการ โรงเรียนเทพมิตร\nศึกษาเปิดทำการสอนดังนี้\nปีการศึกษา 2502 เปิดทำการสอนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 2 ห้อง จำนวน\nนักเรียน 135 คน นายวิเชียรสมานจิต เป็นผู้จัดการและครูใหญ่ คนแรก มีบาทหลวงแอกเตอร์\nฟรีเยรีโอเป็นอธิการ\nปีการศึกษา 2504 เปิดทำการสอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 1 ห้อง และระดับชั้น\nมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 1ห้อง\nปีการศึกษา 2508 ได้รับอนุญาตให้เปิดสอนชั้นประถมตอนต้น ตั้งแต่ระดับ ประถมปีที่ 1\nถึง ประถมปีที่ 7 และระดับมัธยมศึกษาปีที่1 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 11 ห้อง\nปีการศึกษา 2538 ได้ทำการเปิดสอนในระดับชั้นอนุบาลปีที่1 ถึง 3 โดยระดับชั้น\nอนุบาล 1 จำนวน 2 ห้อง ระดับอนุบาล 2 จำนวน 1 ห้องและระดับอนุบาล 3 จำนวน 1 ห้อง\nปีการศึกษา 2553 ได้เปิดสอนเด็กก่อนวัยเรียน จำนวน 2 ห้อง\nปัจจุบันนี้ โรงเรียนเทพมิตรศึกษา เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นก่อนวัยเรียนถึง ชั้น\nมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีอาคารเรียน 6 หลัง พื้นที่จำนวน 19 ไร่ 1 งาน 21.1 ตารางวา",
"ประตูถนนรามคำแหง (ประตูหลัก) รถโดยสารประจำทางที่ผ่านหน้าโรงเรียน ได้แก่ สาย 22, 36 ก, 58, 60, 71, 92 , 93 , 95 , 99 ,109 ,113 ,115 , 122 , 126 , 137 ,168 , 207 ประตูซอยรามคำแหง 39 (ประตูด้านหลังอาคารกิจกรรมและ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบเฉลิมพระชนมพรรษา) รถสองแถว \"วัดเทพลีลา ตลาดห้วยขวาง\" และรถประจำทางที่ผ่านคือสาย 122 รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีพระโขนง แล้วต่อรถโดยสารประจำทางสาย 71,40,115 มาลงที่ หน้าประตูโรงเรียน รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ SRTET สถานีรามคำแหง แล้วต่อรถโดยสารประจำทางสาย 71,40,115 หรือสายอื่นๆ มาลงที่ หน้าประตูโรงเรียน หรือต่อเรือโดยสารคลองแสนแสบ จาก ท่าเรือรามหนึ่ง มาลง ณ ท่าวัดเทพลีลา เรือโดยสารคลองแสนแสบ ท่าวัดเทพลีลา รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคลสถานีเพชรบุรี แล้วต่อเรือโดยสารสาธารณะคลองแสนแสบ มาลง ณ ท่าวัดเทพลีลา รถไฟฟ้าโมโนเรล สายรามคำแหง-ทองหล่อ สถานีมหาวิทยาลัยรามคำแหง *กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม สถานีรามคำแหง *กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต",
"5.อาคาร กาญจนาภิเษก มีจำนวนทั้งสิ้น 2 ชั้น เป็นอาคารที่ตั้งของหน่วยงานศูนย์กลางของโรงเรียน เช่น ห้องประชาสัมพันธ์ , ห้องกลุ่มบริหารงานบุคคล และยังเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธรูปประจำโรงเรียน คือ พระเทพลีลาเมตตาประชานาถ ตลอดจนประดิษฐานอนุสาวรีย์ เจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนีย์)",
"2.ตราสัญลักษณ์ประจำโรงเรียน",
"ตราองค์เทพลีลาถือตรีก้าวมาเหนือหมู่เมฆอยู่ภายในอาร์มมีกอไผ่(ต้นไม้ประจำโรงเรียน)ทั้งสองข้างแสดงถึงความสามัคคี ปรัชญาโรงเรียน สุขา สงฺฆสฺส สามคฺคี และมงคลนามพระราชทาน\"โรงเรียนเทพลีลา\"",
"ลานกิจกรรมกีฬาและสวนพักผ่อนหย่อนใจ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ",
"พระพุทธรูปประจำโรงเรียน: \"พระเทพลีลาเมตตาประชานาถ\" พระพุทธรูปปางลีลา ได้รับมอบจากพระราชปัญญาโกศล รองเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร อนุสาวรีย์: อนุสาวรีย์เจ้าพระยาบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี) ตั้งอยู่หน้าอาคารกาญจนาภิเษก ทางเข้าโรงเรียน ศาล: ศาลพระภูมิเจ้าที่ ตั้งอยู่บริเวณอาคารกาญจนาภิเษก",
"3.อาคาร เทพพิทยา มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ชั้น เป็นอาคารที่ตั้งของหน่วยงานต่าง ๆ ของโรงเรียน เช่น สำนักงานผู้อำนวยการ , สำนักงานกลุ่มบริหารวิชาการ , ห้องสมุด , ห้องทำงานศูนย์ข่าวเยาวชนไทย โรงเรียนเทพลีลา , ห้องประชุมพิพัฒน์ปริยัติสุนทร , ห้อง Multimedia , ห้องสำนักงานกลุ่มบริหารงานทั่วไป , สำนักงานกลุ่มบริหารงบประมาณ , ห้องวัดผลและประเมินผล และ ห้องประชุมเกียรติยศ , ห้องสมุดอิเล็คทรอนิกส์ (สื่อทัศน์รัฐประสิทธิ์)",
"โรงเรียนเทพลีลา ได้รับรางวัลชนะเลิศ การแข่งขัน Color Guard รายการ The 10th Thailand Indoor Marching Competition 2018 รับถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ รางวัลชนะเลิศอันดับ1แชมป์ประเทศไทยการประกวดวงโยธวาทิต ประเภทนั่งบรรเลง ประเภทเพลงไทย ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพฯ นักเรียนโรงเรียนเทพลีลาเป็นส่วนหนึ่งในการต่อตัวเป็นต้นคริสมาสต์ทำลายสถิติโลกในจำนวน852คน ศูนย์ข่าวเยาวชนไทยและ\"ศูนย์ข่าวเยาวชนไทยโรงเรียนเทพลีลา\"ได้รับรางวัล\"รางวัล EMMY AWARD\"ผลิตสกู๊ปข่าวรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ของโลก[2] ศูนย์ข่าวเยาวชนไทยและ\"ศูนย์ข่าวเยาวชนไทยโรงเรียนเทพลีลา\"ได้รับรางวัล\"รางวัล EMMY AWARD\"ผลิตสกู๊ปข่าวรณรงค์ต่อต้านโรคเอดส์ รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 แห่งเอเชีย[2] โรงเรียนมีความดีเด่นด้านภาษาญี่ปุ่นจึงเป็น โรงเรียนศูนย์พัฒนาเครือข่ายการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่น ศูนย์ภาษาญี่ปุ่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2[3] ชนะเลิศการแข่งขันเต้นcoverชิงแชมป์ประเทศไทยชิงถ้วยพระราชทานจากทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ราชกัญญาศิริวัฒนาพรรณวดีประจำปี2553 ชนะเลิศการแข่งขันเชียร์ลีดเดอร์ชิงแชมป์ประเทศไทยครั้งที่ 6 ปี พ.ศ. 2543 ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รองชนะเลิศการแข่งขันทักษะภาษาญี่ปุ่นชิงแชมป์ประเทศไทยระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย พ.ศ. 2551 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ๒โครงงานวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๓๔ (ภาคกลาง) โรงเรียนในโครงการพระราชดำริ \"โรงเรียนพี่ โรงเรียนน้อง\" (Sister Schools Project School Twinning) ณ โรงเรียนบ้านสบปืน จ.น่าน ได้รับรางวัลโรงเรียนที่มีผู้อำนวยการและครูผู้สอนดีเด่นด้านการสอน กระทรวงศึกษาธิการ ศูนย์ข่าวเยาวชนไทยโรงเรียนเทพลีลาได้รับรางวัล \"ระฆังทอง\"[4] รางวัลโรงเรียนห้องสมุดเฉลิมพระเกียรติดีเด่น ปี 2535 รับรางวัลโรงเรียนอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ชนะเลิศการแข่งขันวงดนตรีลูกทุ่งรายการแชมป์เยาวชน ประจำสัปดาห์และประจำเดือน รางวัลชนะเลิศการแข่งขันเต้นโซรันประจำเขต๒ กทม. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ รางวัลชนะเลิศการแข่งขันแอโรบิกมวยไทยประจำเขต๒ กทม. ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๓ โรงเรียนยอดนิยมอย่างสูงของประเทศ (1 in 326 โรงเรียน)[5] โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง 1 in 26 โรงเรียนในกรุงเทพมหานครเขต2 โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงติดอันดับของประเทศไทย 1 in 288 จากทั้งประเทศ 32364 โรงเรียน เป็น1ใน12โรงเรียนช้างเผือกเมืองไทยด้านดนตรีไทยผสมสากลได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 12 วงดนตรีทั่วประเทศเข้าร่วมแข่งขันรายการคุณพระช่วย ช่วงช้างเผือกคุณพระ โดยมีการประพันธ์เพลงขึ้นมาใหม่ คือ<b data-parsoid='{\"dsr\":[12768,12781,3,3]}'>เพลงไผ่ ซึ่งประพันธ์คำร้องโดย นางอุมาพร ไชยฤกษ์ และทำนอง ใช้ทำนองเพลงใบไผ่ สำหรับดนตรีที่ประพันธ์ในรูปแบบของวงดนตรีไทยร่วมสมัย คือ ร้อยเอกประทีป สุพรรณโรจน์ ข้าราชการกองดุริยางค์ทหารบก และนายวัชรวีร์ ธีระเดชโชติ ครูผู้ควบคุมวงดนตรีโรงเรียนเทพลีลา วงดนตรีลูกทุ่งโรงเรียนเทพลีลาเข้าร่วมแข่งขันลูกทุ่งประชาธิปไตย จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศ โดยมีการประพันธ์บทเพลงขึ้นมาใหม่คือ เพลงประชาธิปไตยไชโย ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย นายวัชรวีร์ ธีระเดชโชติ ครูผู้ควบคุมวงดนตรี' โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูงสุดในกรุงเทพมหานคร 1 in 57 พ.ศ. 2557 ได้รับเลือกจากกระทรวงศึกษาธิการ เป็นโรงเรียนผู้นำการใช้หลักสูตรศึกษารุ่นที่ 2 ได้รับเลือกจากกรมสามัญศึกษา เป็นโรงเรียนปฏิบัติตัวอย่างงานนิเทศวิชาการภายในโรงเรียน ปี 2530 ได้รับการคัดเลือกจากกรมสามัญศึกษา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาดีเด่นในกรุงเทพมหานคร ปี 2530 ชมรมดนตรีไทย ร.ร.เทพลีลาได้รับรางวัลระดับเหรียญทองจาก \"การประกวดเดี่ยวเครื่องดนตรีไทยเพื่อพัฒนาทักษะแก่เยาวชน ระดับชาติ ครั้งที่ 4 \" ณ มรภ.อุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์"
] |
อเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์ เป็นที่รู้จักจากผลงานชิ้นใด ? | [
"อเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์ หรือ แซนดี้ คาลเดอร์ (English: Alexander Calder หรือ Sandy Calder) (22 กรกฎาคม ค.ศ. 1898 - 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1976) เป็นประติมากรของขบวนการลัทธิเหนือจริงคนสำคัญของสหรัฐอเมริกาของคริสต์ศตวรรษที่ 20 คาลเดอร์มีชื่อเสียงจากการเป็นผู้ริเริ่มการสร้าง “ประติมากรรมจลดุล”[1][2] (mobile sculpture) นอกจากประติมากรรมจลดุลแล้วคาลเดอร์ก็ยังสร้างงานที่เป็น “ประติมากรรมศักยดุล”[3] หรือ “ประติมากรรมสถิต”[4] (stabile), จิตรกรรม, ภาพพิมพ์หิน, ของเล่น, พรมทอแขวนผนัง และ เครื่องประดับด้วย"
] | [
"ประติมากรรม “ฟลามิงโก” สร้างโดยอเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์มีความสูง 16 เมตร เป็นงานที่จ้างโดยกรมการบริหารทั่วไปแห่งสหรัฐอเมริกา (General Services Administration) และได้รับการเปิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1974 แม้ว่าคาลเดอร์จะลงชื่อว่าสร้างในปี ค.ศ. 1973",
"เมื่อ “เอช. เอฟ. อเล็กซานเดอร์” จอดที่ท่าซานฟรานซิสโกคาลเดอร์ก็จะเดินทางขึ้นไปอเบอร์ดีนที่รัฐวอชิงตันไปเยึ่ยมพี่สาวกับพี่เขยเค็นเนธ เฮย์ส คาลเดอร์สมัครงานเป็นผู้คุมเวลาที่ค่ายโค่นไม้ ภูมิทัศน์ป่าเขาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คาลเดอร์เขียนจดหมายไปถึงบ้านไปขอสีและแปรง ไม่นานหลังจากนั้นคาลเดอร์ก็ตัดสินใจย้ายกลับไปนิวยอร์กเพื่อไปพยายามสร้างตัวเป็นศิลปิน",
"คาลเดอร์สร้างงานประติมากรรมชื่อ “WTC Stabile” หรือที่เรียกว่า “ใบพัดบิด” (“Bent Propeller”) ในปี ค.ศ. 1971 เพื่อติดตั้งหน้าทางเข้าของหอเหนือของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เมื่อแบตเตอรีพาร์คซิตี้เปิดขึ้นประติมากรรมชิ้นนี้ก็ถูกย้ายไปติดตั้งระหว่างถนนเวซีย์และเชิร์ช[17] ประติมากรรมถูกทำลายพร้อมกับเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน ค.ศ. 2001[18]",
"ในปี ค.ศ. 1928 คาลเดอร์ก็จัดงานแสดงศิลปะของตนเองที่หอแสดงภาพในนครนิวยอร์ก และในปี ค.ศ. 1934 คาลเดอร์ก็มีงานแสดงโดยลำพังตนเองในพิพิธภัณฑ์เป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาที่สมาคมเรอเนสซองซ์ของมหาวิทยาลัยชิคาโก",
"คาลเดอร์ผู้เกิดที่ลอว์ตันในรัฐเพนซิลเวเนียในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่22 กรกฎาคม ค.ศ. 1898 มาจากครอบครัวที่เป็นศิลปิน อเล็กซานเดอร์ สเตอร์ลิง คาลเดอร์ บิดาของคาลเดอร์เป็นประติมากรผู้มีชื่อเสียงผู้สร้างงานประติมากรรมสำหรับติดตั้งในที่สาธารณะหลายชิ้นส่วนใหญ่ในฟิลาเดลเฟีย ส่วนปู่ประติมากร อเล็กซานเดอร์ มิลน์ คาลเดอร์ เกิดที่สกอตแลนด์และอพยพมาฟิลาเดลเฟียในปี ค.ศ. 1868 งานที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดเป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ของวิลเลียม เพนน์บนหอตึกเทศบาลเมืองฟิลาเดลเฟีย นาเนตต์ เลเดอเรอร์ คาลเดอร์มารดาของคาลเดอร์เป็นจิตรกรภาพเหมือนอาชีพผู้ได้รับการศึกษาจากสถาบันฌูเลียนและซอร์บอร์นในกรุงปารีสราวระหว่างปี ค.ศ. 1888 ถึงปี ค.ศ. 1893 ต่อมานาเนตต์ย้ายไปอยู่ที่ฟิลาเดลเฟียเมื่อไปพบกับอเล็กซานเดอร์ สเตอร์ลิง คาลเดอร์ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่สถาบันวิจิตรศิลป์แห่งฟิลาเดลเฟีย[5] บิดามารดาของคาลเดอร์สมรสกันเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1895 พี่สาวคนโตมาร์กาเร็ต หรือ เพ็กกี้ คาลเดอร์เกิดในปี ค.ศ. 1896 ต่อมาเมื่อสมรสก็เปลี่ยนชื่อเป็น มาร์กาเร็ต คาลเดอร์ เฮย์ส และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์[6]",
"ในปี ค.ศ. 1929 คาลเดอร์ก็มีงานแสดงประติมากรรมลวดโดยลำพังของตนเองในปารีสที่ห้องแสดงภาพบิลลิเอต์ จิตรกร ฌูลส์ ปาส์แซง เพื่อนของคาลเดอร์จากคาเฟส์ มงต์ปาร์นาส เป็นผู้เขียนบทนำให้",
"คาลเดอร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1976 ไม่นานหลังจากการเปิดแสดงนิทรรศการผลงานย้อนหลังที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะอเมริกันวิทนีย์ ขณะที่ยังทำโครงการทาสีเรือบินลำที่สามชื่อ “Tribute to Mexico”",
"ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1922 คาลเดอร์ทำงานเป็นพนักงานดับเพลิงในห้องเครื่องของเรือขนส่งผู้โดยสาร “เอช. เอฟ. อเล็กซานเดอร์” ขณะที่เรือแล่นออกจากซานฟรานซิสโกไปยังนครนิวยอร์ก คาลเดอร์ได้มีโอกาสทำงานบนดาดฟ้าเรือตามริมฝั่งกัวเตมาลาและได้มีโอกาสได้เป็นทั้งพระอาทิตย์ขึ้นทางหนึ่งและพระจันทร์ตกอีกซีกหนึ่งของฟากฟ้าตรงข้ามที่คาลเดอร์บรรยายไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติว่า:",
"ในปี ค.ศ. 1910 เมื่อการพักฟื้นของสเตอร์ลิง คาลเดอร์สิ้นสุดลง ครอบครัวก็ย้ายกลับไปฟิลาเดลเฟีย เมื่อคาลเดอร์ไปเข้าศึกษาอยู่ที่สถาบันเจอร์มันทาวน์อยู่ระยะหนึ่งและต่อมาโครทัน-ออน-ฮันสันในรัฐนิวยอร์ก[12] ในโครทันระหว่างที่ศึกษาในขั้นมัธยมคาลเดอร์ได้มีโอกาสทำความรู้จักกับจิตรกร เอเวอเรตต์ ชินน์ ที่คาลเดอร์สร้างระบบที่ใช้พลังแรงดึงดูดสำหรับรถไฟกล ที่คาลเดอร์บรรยายว่า:",
"เมื่อทำการตัดสินใจเป็นศิลปินแล้วคาลเดอร์ก็ย้ายกลับไปนิวยอร์กและไปสมัครเป็นนักศึกษาที่สหพันธ์นักศึกษาศิลปะแห่งนิวยอร์ก ขณะที่เป็นนักศึกษาคาลเดอร์ก็ทำงานให้กับ “National Police Gazette” ที่งานชิ้นหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำในปี ค.ศ. 1925 คือร่างภาพคณะละครสัตว์ริงลิงบราเธอร์สและบาร์นัมและเบลีย์ คาลเดอร์มีความรู้สึกดึงดูดกับละครสัตว์ซึ่งเป็นหัวข้อที่มาปรากฏในงานหลายชิ้นที่มาสร้างต่อมา",
"หลังจากโครทันครอบครัวคาลเดอร์ก็ย้ายไปสปุยเทนเดวิลในบร็องซ์ เพื่อให้ไปอยู่ใกล้กับห้องทำงานที่ถนนสายสิบที่สเตอร์ลิง คาลเดอร์เช่าไว้ทำงาน ขณะที่พำนักอยู่ที่สปุยเทนเดวิลคาลเดอร์ก็เข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมยองเคอร์",
"ในปี ค.ศ. 1987 ครอบครัวคาลเดอร์ก็ได้ก่อตั้งมูลนิธิคาลเดอร์ขึ้น ที่ไม่แต่เพียงเป็นองค์การตัวแทนอย่างเป็นทางการของคาลเดอร์ แต่ยังเป็นองค์การในการ “บริหารโครงการ, ร่วมมือจัดงานแสดง และตีพิมพ์งาน[ของคาลเดอร์] และให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ เช่นประวัติ, การรวบรวมงาน และ การบูรณปฏิสังขรณ์งานของคาลเดอร์” ด้วย[20] ผู้แทนเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของคาลเดอร์ในสหรัฐอเมริกาสำหรับมูลนิธิคาลเดอร์คือสมาคมสิทธิของศิลปิน (Artists Rights Society)[21]",
"งานประติมากรรมสำหรับสาธารณชนชิ้นแรกที่ได้จ้างให้ทำเป็งานประติมากรรมจลดุลคู่ที่ออกแบบสำหรับโรงละครที่เปิดในปี ค.ศ. 1937 ที่พิพิธภัณฑ์เบิร์คเชอร์ที่พิทท์สฟิลด์, แมสซาชูเซตส์",
"ในปี ค.ศ. 1909 เมื่อเรียนอยู่ชั้นสี่คาลเดอร์ก็สลักรูปสุนัขและเป็ดจากแผ่นทองเหลืองเป็นของขวัญวันคริสต์มัสสำหรับบิดามารดา ประติมากรรมที่ทำเป็นสามมิติและเป็นจลนศิลป์ที่เคลื่อนไหวได้ เพราะจะเคลื่อนไหวเมื่อแตะเบาๆ งานประติมากรรมเหล่านี้มักจะได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นตัวอย่างผลงานสมัยแรกที่แสดงถึงแนวความสามารถของคาลเดอร์[11]",
"ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1969 คาลเดอร์เข้าร่วมในพิธีการอุทิศงานประติมากรรมศักยดุล “La Grande Vitesse” ที่ตั้งอยู่ที่แกรนด์ แรปิดส์, มิชิแกน ประติมากรรมชิ้นนี้ได้ชื่อว่าเป็นประติมากรรมสำหรับสาธารณชนชิ้นแรกในสหรัฐอเมริกาที่สร้างโดยเงินทุนของรัฐบาลกลาง จากองค์การกองทุนเพื่อศิลปะแห่งชาติ (National Endowment for the Arts) ซึ่งเป็นองค์การของรัฐบาลกลางที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ภายใต้โครงการ “ศิลปะเพื่อสถานที่สาธารณะ”",
"ในปี ค.ศ. 1966 คาลเดอร์ตีพิมพ์งาน “อัตชีวประวัติด้วยภาพ” (Autobiography with Pictures) โดยความช่วยเหลือของลูกเขย จีน เดวิดสัน",
"คาลเดอร์ได้รับปริญญาจากสถาบันเทคโนโลยีสตีเฟนส์ในปี ค.ศ. 1919 ในช่วงเวลาสองสามปีต่อมาคาลเดอร์ก็ทำงานเกี่ยวกับการวิศวกรรมอยู่หลายหน้าที่ที่รวมทั้งเป็นวิศวกรไฮดรอลิคส์และคนเขียนแบบสำหรับบริษัทนิวยอร์กเอดิสัน แต่คาลเดอร์ก็ไม่พอใจกับหน้าที่ใดที่ทำ",
"ในปี ค.ศ. 2003 เป็นเวลาเกือบ 30 หลังจากการเสียชีวิตของคาลเดอร์ งานไม่มีชื่อของคาลเดอร์ขายได้ในราคา 5.2 ล้านเหรียญสหรัฐโดยคริสตีส์[22]",
"ในปี ค.ศ. 1962 คาลเดอร์ก็ย้ายมาทำงานที่ห้องศิลป์ใหม่ที่คาร์รัวออกแบบงานเชิงอนาคตที่มองลงไปยังหุบเขาของเชฟรีเยร์ในแองดร์-เอต์-ลัวร์ในฝรั่งเศส ระหว่างที่ทำคาลเดอร์ก็ไม่ลังเลที่แจกงานจลดุลให้เพื่อน และถึงกับอุทิศ “ประติมากรรมศักยดุล” ให้แก่เมืองที่ตั้งอยู่หน้าวัดซึ่งเป็นประติมากรรมที่เป็นอิสระจากแรงดึงดูด",
"ในปี ค.ศ. 1912 สเตอร์ลิง คาลเดอร์ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ทำการแทนของแผนกประติมากรรมของการแสดงนิทรรศการนานาชาติปานามาแปซิฟิกในซานฟรานซิสโก[14] คาลเดอร์เริ่มแสดงงานประติมากรรมในนิทรรศการที่จัดขึ้นในปี ค.ศ. 1915 ระหว่างที่ศึกษาอยู่ในระดับไฮสกูลระหว่างปี ค.ศ. 1912 ถึงปี ค.ศ. 1915 ครอบครัวคาลเดอร์ก็ย้ายไปมาระหว่างนิวยอร์กกับแคลิฟอร์เนีย ในบ้านที่อยู่ใหม่แต่ละที่บิดามารดาก็จะยกห้องใต้หลังคาไว้ให้เป็นห้องทำงานของคาลเดอร์ ในตอนปลายของสมัยเด็กคาลเดอร์พักอยู่กับเพื่อนในแคลิฟอร์เนียขณะที่บิดามารดาย้ายกลับไปนิวยอร์ก เพื่อจะได้เรียนจบได้ที่โรงเรียนมัธยมโลเวลล์ในซานฟรานซิสโก คาลเดอร์จบการศึกษาในปี ค.ศ. 1915",
"“Cirque Calder” เป็นงานที่ทำให้เห็นถึงความสนใจของคาลเดอร์ในทั้งประติมากรรมลวด และ จลนศิลป์[16] และยังคงใช้ความรู้ทางวิศวกรรมในการสร้างดุลยภาพของประติมากรรมและใช้ในการพัฒนาประติมากรรมที่ที่ดูชองป์เรียกว่า “ประติมากรรมจลดุล” หรือ “Mobile” ซึ่งเป็นคำพ้องในภาษาฝรั่งเศสว่า “Mobile” และ “Motive” คาลเดอร์ออกแบบตัวละครในละครสัตว์ที่ห้อยลงมาด้วยเส้นด้าย แต่การผสมระหว่างสิ่งที่คาลเดอร์ทดลองเพื่อที่จะพัฒนาขึ้นมาเป็นประติมากรรมนามธรรมแท้ๆ เกิดขึ้นหลังจากเมื่อคาลเดอร์ไปเยี่ยม ปิเอต์ มงดริออง เมื่อคาลเดอร์เริ่มสร้างงาน “จลนศิลป์” ขึ้นเป็นชิ้นแรกโดยใช้เครื่องไขและระบบการดึงด้วยรอก",
"ในปี ค.ศ. 1902 เมื่ออายุได้สี่ปีคาลเดอร์ก็เป็นแบบเปลือยให้กับประติมากรรม “The Man Cub” ที่สร้างโดยบิดาที่ในปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน ในปีเดียวกันคาลเดอร์ก็สร้างงานหนึ่งในงานชิ้นแรกๆ เสร็จเป็นช้างที่ทำด้วยดินเหนียว[7]",
"เมื่อมาถึงปลายปี ค.ศ. 1931 คาลเดอร์ก็หันไปทำงานประติมากรรมที่อ่อนช้อยขึ้นที่มาจากการเคลื่อนไหวของอากาศภายในห้อง จากงานนี้ก็เป็นกำเนิดของ “ประติมากรรมจลดุล” ของคาลเดอร์ที่แท้จริง ในขณะเดียวกันคาลเดอร์ทำการทดลองการสร้าง “ประติมากรรมสถิตเชิงนามธรรม” ที่รับน้ำหนักตัวเองได้ที่ฮันส์ อาร์พเรียกว่า “ประติมากรรมศักยดุล” (stabile) เพื่อแยกจาก “ประติมากรรมจลดุล”",
"ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง คาลเดอร์พยายามอาสาสมัครเป็นทหารเรือแต่ถูกปฏิเสธ คาลเดอร์จึงทำงานประติมากรรมต่อ แต่ความที่โลหะเป็นสิ่งที่ขาดแคลนระหว่างสงครามคาลเดอร์จึงหันไปสร้างงานที่ทำงานแกะไม้แทนที่",
"ในปี ค.ศ. 1975 คาลเดอร์ได้รับงานจ้างจากบีเอ็มดับเบิลยูให้เขียนBMW 3.0 CSLที่กลายมาเป็นยานยนตร์คันแรกในโครงการ “รถศิลปะบีเอ็มดับเบิลยู” (BMW Art Car)",
"คาลเดอร์ได้รับการจ้างให้ออกแบบงานประติมากรรมเพราะความที่เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก ช่องว่างที่ล้อมรอบไปด้วยสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ที่มีลักษณะที่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมทำให้คาลเดอร์ออกแบบงานที่มีลักษณะเป็นโค้งขนาดใหญ่ที่ราวกับกับมีพลัง (dynamic) “ฟลามิงโก” เป็นงานชิ้นแรกที่สนับสนุนโดยเงินทุนจากกรมการบริหารทั่วไปแห่งสหรัฐอเมริกาภายใต้โครงการ “เปอร์เซ็นต์เพื่อศิลปะ” (Percent for Art) ซึ่งเป็นจัดเปอร์เซ็นต์จากงบประมาณแผ่นดินสำหรับเป็นทุนในการสร้างศิลปะเพื่อสาธารณชน คาลเดอร์เปิดงาน “ฟลามิงโก” เมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1973 ที่สถาบันศิลปะแห่งชิคาโก ประติมากรรมได้รับการมอบให้แก่สาธารณชนเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1974 ในเวลาเดียวกันกับที่คาลเดอร์เปิดงานประติมากรรมจลดุล “Universe” ที่หอวิลลิส ซึ่งเป็นวันที่ได้รับการประกาศว่าเป็น “วันอเล็กซานเดอร์ คาลเดอร์”",
"คาลเดอร์เป็นหนึ่งในบรรดาประติมากร 250 คนที่แสดงงานในนิทรรศการประติมากรรมสากลครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งฟิลาเดลเฟียในฤดูร้อนของปี ค.ศ. 1949 งาน “ประติมากรรมจลดุลสากล” (International Mobile) กลายเป็นงานชิ้นเอกของงานและมาแขวนอีกในปี ค.ศ. 2007 ที่ที่แขวนไว้แต่เดิมในปี ค.ศ. 1949.",
"จากแอริโซนาครอบครัวคาลเดอร์ย้ายไปอยู่ที่แพซาดีนาในรัฐแคลิฟอร์เนีย ห้องใต้หลังคาของบ้านกลายเป็นห้องทำงานประติมากรรมห้องแรกของคาลเดอร์ เมื่อได้รับเครื่องมือชุดแรก คาลเดอร์ใช้เศษลวดทองแดงที่พบตามถนนและลูกปัดจากตุ๊กตาของพี่สาวในการทำเครื่องประดับ เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1907 มารดาก็นำคาลเดอร์ไปชมเทศกาลพาเหรดดอกไม้ประจำปีแห่งแพซาดีนา (Tournament of Roses Parade) ที่คาลเดอร์ได้ดูการแข่งรถม้าสี่ตัว เหตุการณ์ดังว่าต่อมากลายมาเป็นผลงานละครสัตว์ของคาลเดอร์[10]",
"งานแสดงศิลปะย้อนหลังครั้งแรกของคาลเดอร์จัดขึ้นในปี ค.ศ. 1938 ที่ห้องแสดงภาพจอร์จ วอลเตอร์ วินเซนต์ สมิธที่สปริงฟิลด์, แมสซาชูเซตส์ ในปี ค.ศ. 1943 พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่เป็นเจ้าภาพจัดงานแสดงศิลปะย้อนหลังครั้งแรกของคาลเดอร์โดยการจัดการโดยเจมส์ จอห์นสัน สวีนีย์ และ มาร์เซล ดูชองป์"
] |
เกว็น เรนี สเตฟานี เกิดที่เมืองชื่อว่าอะไร? | [
"สเตฟานีเกิดเมื่อ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1969 ที่ฟูลเลอร์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย[8] เติบโตในครอบครัวโรมันคาทอลิกในแอนะไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย[9] ชื่อของเธอตั้งตามชื่อบริกรหญิงบนเครื่องบนจากบนประพันธ์ปี 1968 เรื่อง แอร์พอร์ต ส่วนชื่อกลาง เรเน (Renée) มาจากเพลงของวงเดอะโฟร์ทอปส์ ปี 1968 ที่คัฟเวอร์ของเลฟต์ แบงก์ในปี 1966 ที่ชื่อ \"วอล์กอะเวย์เรเน\"[10] พ่อเธอ เดนนิส สเตฟานี เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอิตาลี ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด (marketing executive) ที่ยามาฮ่า[11] ส่วนแม่ของเธอ แพตตี (สกุลเดิม ฟลินน์)[12] ทำงานเป็นนักบัญชี ก่อนที่จะออกมาเป็นแม่บ้าน[11][13] พ่อแม่ของเกว็นนั้นเป็นแฟนเพลงแนวโฟล์ก ยังให้เธอฟังเพลงของศิลปินอย่าง บ็อบ ดิลลันและเอมมีลู แฮร์ริส[9] เธอยังมีน้องอีก 2 คน คือ จิลล์และทอดด์ และมีพี่ชายชื่อเอริก[9][13] เอริกเคยเป็นมือคียบอร์ดให้วงโนเดาต์ ก่อนจะออกไปทำงานสร้างภาพเคลื่อนไหวเรื่อง เดอะซิมป์สันส์[8]"
] | [
"\"จัสต์อะเกิร์ล\" () เป็นเพลงของวงอเมริกัน โนเดาต์ จากสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 \"Tragic Kingdom\" (1995) เพลงนี้แต่งโดยเกว็น สเตฟานี และทอม ดูมอนต์ โพรดิวซ์โดยแมตทิว ไวล์เดอร์ ออกจำหน่ายในฐานะซิงเกิ้ลนำในสหรัฐเมื่อ 21 กันยายน 1995 ในยุโรปบางประเทศ \"จัสต์อะเกิร์ล\" ออกขายในปี 1997 และยังปรากฎในอัลบั้มรวมฮิตปี 2003 ชุด \"The Singles 1992–2003\" เนื้อเพลง \"จัสต์อะเกิร์ล\" เป็นเพลงนิวเวฟ พูดในมุมมองชีวิตของสเตฟานี ในฐานะผู้หญิงกับการติดขัดในความเข้มงวดของผู้ปกครอง \"จัสต์อะเกิร์ล\" เป็นเพลงแรกที่สเตฟานีแต่ง โดยปราศจากการช่วยเหลือของพี่ชาย เอริก",
"ซิงเกิลนำจาก เลิฟ. แอนเจิล. มิวสิก. เบบี. เพลง \"วอตยูเวติงฟอร์?\" เป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ดีที่สุดของสเตฟานี จากเว็บไซต์พิตช์ฟอร์ก รวมถึงอยู่ในอันดับ 16 ใน \"50 ซิงเกิ้ลปี 2004\" ของเว็บไซต์นี้[167][168] นอกจากนั้น \"ฮอลลาแบกเกิร์ล\" จากอัลบัมดังกล่าว ยังถือเป็นเพลงแรกที่ขายทางดิจิทัลด้วยยอดขายมากกว่าล้านในสหรัฐ[3] ยังได้รับการยืนยันระดับแผ่นเสียงทองคำขาวจากทั้งในสหรัฐและออสเตรเลีย[169][170] ยังขึ้นอันดับสูงสุดที่อันดับ 41 ของนิตยสาร บิลบอร์ด ในชาร์ตปลายทศวรรษ 2000–09[171] ตั้งแต่ที่ออกในปี 2005 \"ฮอลลาแบกเกิร์ล\" ยังถือว่าเป็น \"เพลงลายเซ็น\" ของสเตฟานี จากนิตยสาร โรลลิงสโตน[172]",
"เอเอกซ์เอส เรียกสเตฟานีว่า \"บุคคลผู้ทรงอิทธิพล\" ด้วนเสียงร้องที่มีช่วงกว้าง \"อย่างเหลือเชื่อ\"[119] เดอะนิวยอร์กไทมส์ ให้เสียงของสเตฟานีว่า \"มีจริต\" และบอกว่าเธอ \"ติดการร้องเสียงสั่น\"[120] ไอจีเอ็น บรรยายว่า สเตฟานี \"มีเสียงร้องที่ยอดเยี่ยมอันมีเอกลักษณ์\"[121] ชิคาโกทริบูน กล่าวว่า สเตฟานี \"มีเสียงร้องต่ำที่ก๋ากั่น\"[122]",
"เกว็น เรนี สเตฟานี (English: Gwen Renée Stefani) เกิด 3 ตุลาคม ค.ศ. 1969 เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักออกแบบด้านแฟชั่น ชาวอเมริกัน เธอเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและนักร้องนำวงโนเดาต์ที่ประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางหลังออกสตูดิโออัลบัมชุดแรก ทราจิกคิงดอม (1995) มีซิงเกิลที่ประสบความสำเร็จอย่าง \"จัสต์อะเกิร์ล\", \"โดนต์สปีก\", \"เฮย์เบบี\" และ \"อิตส์มายไลฟ์\" หลังจากที่วงว่างเว้นจากการทำงาน สเตฟานีออกมาเป็นศิลปินเดี่ยวแนวป็อปในปี 2004 ออกสตูดิโออัลบัมเดี่ยวชื่อ เลิฟ. แอนเจิล. มิวสิก. เบบี. ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลงป็อปในคริสต์ทศวรรษ 80 อัลบั้มได้รับเสียงวิจารณ์และยอดขายที่ดี[1][2] มีซิงเกิลที่ประสบความสำเร็จอย่าง \"วอตยูเวติงฟอร์?\", \"ริชเกิร์ล\" และ \"ฮอลลาแบกเกิร์ล\" เพลงหลังขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต บิลบอร์ด ฮอต 100 และยังเป็นซิงเกิ้ลดาวน์โหลดแรกในสหรัฐที่มียอดขายเกินล้าน[3] ในปี 2006 สเตฟานีออกสตูดิโออัลบัมชุด 2 เดอะสวีตเอสเคป มีซิงเกิลประสบความสำเร็จ 2 ซิงเกิลคือ \"ไวนด์อิตอัป\" และไตเติลแทร็ก \"เดอะสวีตเอสเคป\" อัลบัมเดี่ยวชุด 3 ชุด ดิสอิสวอตเดอะทรุทฟีลส์ไลก์ (2016) เป็นอัลบัมเดี่ยวอัลบัมแรกของเธอที่สามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต บิลบอร์ด 200",
"\"พีค็อก\" () เป็นเพลงของเคที เพร์รี นักร้องชาวอเมริกัน จากสตูดิโออัลบั้มที่สาม \"ทีนเอจดรีม\" (2010) แคปิตอลเรเคิดส์เคยไม่เห็นด้วยที่จะใส่เพลงนี้ในอัลบั้มของเธอ เนื่องจากเพลงมีเนื้อเพลงเกี่ยวข้องกับอวัยวะเพศชาย คล้ายกับเพลง \"ไอคิสด์อะเกิร์ล\" ซึ่งเธอปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น \"พีค็อก\" ถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงและในด้านดนตรี เพลงถูกนำไปเปรียบเทียบกับเพลง \"มิกกี\" ของโทนี เบซิล และ \"ฮอลลาแบ็กเกิร์ล\" ของเกว็น สเตฟานี",
"ปี 2018 สเตฟานีเซ็นสัญญาจำนวน 25 โชว์ แสดงที่แซพโพสเทียเตอร์ในลาสเวกัส เริ่ม 27 มิถุนายน 2018 และจบลง 16 มีนาคม 2019 ชื่อคอนเสิร์ตครั้งนี้ใช้ชื่อตามเพลงของโนเดาต์ว่า \"จัสต์อะเกิร์ล\"[92]",
"เจม อะวอด จากบิลบอร์ด รู้สึกว่าเพลง \"ทำให้นึกถึงเพลง \"ฮอลลาแบ็กเกิลส์\" ของเกว็น สเตฟานี\" คิตตี เอมไพร์ จากเดอะการ์เดียน เขียนว่าเพลง \"คล้ายชาร์ลี เอ็กซ์ซีเอ็กซ์ ที่มีจังหวะตายตัว\"",
"เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2015 สเตฟานีและเพื่อนร่วมรายการ เดอะวอยซ์ และเป็นนักร้องเพลงคันทรี เบลก เชลตัน ประกาศว่าคบหากันอยู่[118]",
"สเตฟานีมีบุตรชาย 3 คนกับรอสส์เดล ได้แก่ คิงสตัน เจมส์ แม็กเกรเกอร์ รอสส์เดล เกิด 26 พฤษภาคม 2006[113] ซูมา เนสตา ร็อก รอสส์เดล เกิด 21 สิงหาคม 2008[114] และอพอลโล โบอี ฟลินน์ รอสส์เดล เกิด 28 กุมภาพันธ์ 2014[115] เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2015 สเตฟานีฟ้องหย่ารอสส์เดล โดยให้เหตุผลว่า \"เข้าถึงความแตกต่างไม่ได้\"[116] การหย่าร้างสิ้นสุดลงเมื่อ 8 เมษายน 2016 โดยรอสส์เดลตกลงที่จะแบ่งทรัพย์สินสมรสไม่เท่ากัน[117]",
"\"วอตยูเวติงฟอร์?\" () เป็นเพลงชาวนักร้องชาวอเมริกัน เกว็น สเตฟานี จากอัลบัมเดี่ยวชุดแรก \"Love. Angel. Music. Baby.\" (2004) แต่งโดยสเตฟานี และลินดา เพอร์รี เป็นเพลงเปิดตัวของอัลบัมและถือเป็นซิงเกิลเปิดตัวของเกว็น สเตฟานี \"วอตยูเวติงฟอร์?\" มีเนื้อหาเกี่ยวกับการขาดแรงบันดาลใจของสเตฟานี การกลัวที่ผลิตผลงานอัลบัม และการตอบรับความกดดันที่ส่งผลต่อค่ายเพลงของเธอ แนวเพลงหลังเป็นแนวอิเล็กโทรป็อปและยังเป็นการแนะนำนักร้องแบ็กอัป 4 คนของสเตฟานี ที่ใช้ชื่อว่า ฮาราจูกุเกิลส์ ที่มีความสำคัญในการผลิตอัลบัมชุดนี้",
"เสียงร้องของกาก้าถูกนำไปเปรียบเทียบกับเสียงของมาดอนนาและเกว็น สเตฟานี บ่อยครั้ง ในขณะที่โครงสร้างทางดนตรีของเธอคล้ายคลึงกับเพลงคลาสสิกป็อบยุค 1980 และเพลงยูโรป็อบในยุค 90[68] ในการวิเคราะห์อัลบั้มเปิดตัว The Fame หนังสือพิมพ์เดอะซันเดย์ไทมส์ กล่าวว่า เป็นการผสมผสานทางดนตรี, แฟชั่น, ศิลปะ และเทคโนโลยี เลดี้กาก้าได้ปลุกกระแสความเป็นมาดอนนา, ไคลี มิโนก และเพลงฮอลลาแบ็คเกิร์ลของเกว็น สเตฟานีในปี 2001 หรือ เกรซ โจนส์ เช่นเดียวกับซาร่าห์ รอดแมน นักวิจารณ์แห่งหนังสือพิมพ์เดอะบอสตันโกลบวิจารณ์ว่า \"เธอได้แรงบันดาลใจจากมาดอนนารวมถึงเกว็น สเตฟานี และแฝงความเป็นเด็กสาวของเธอเอง แต่มีเสียงร้องที่ทรงพลังและจังหวะเร้าอารมณ์ แม้ว่าเนื้อร้องจะขาดสาระไปบ้าง เธอได้พาคุณเข้าไปสู่โลกแห่งความสุขโดยแทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากเลย\"[69][70] ไซมอน เรโนลดส์ เขียนไว้ว่า \"ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเลดี้กาก้ามาจากอิเล็กโทรแคลช ยกเว้นดนตรีซึ่งไม่ได้มาจากยุค 1980 และเป็นเพลงป็อบที่คุ้นหูโดยผ่านโปรแกรมออโต้ทูนส์กับจังหวะอาร์แอนด์บี",
"สตูดิโออัลบัมชุดที่ 2 ของสเตฟานี ชุด เดอะสวีตเอสเคป ออกขาย 1 ธันวาคม 2006[44] สเตฟานียังคงทำงานร่วมกับแคแนล, เพอร์รี และเดอะเนปจูนส์ รวมถึงเอค่อนและทิม ไรซ์-ออกซ์ลีย์จากวงร็อกอังกฤษ คีน อัลบัมนี้เน้นเพลงอิเล็กทรอนิกส์และแดนซ์สำหรับคลับมากขึ้นกว่าอัลบัมชุดก่อน[11] อัลบัมออกพร้อมกับดีวีดีการออกทัวร์ครั้งแรกของสเตฟานี ที่ใช้ชื่อชุดว่า ฮาราจูกุเลิฟเวอส์ไลฟ์ อัลบัมชุดนี้ได้รับเสียงตอบรับผสมกันไป ทั้งบอกว่า \"ได้ความรู้สึกขุ่นหมองอย่างน่าประหลาดใจ, ความรู้สึกเหมือนอัตชีวประวัติเล็กน้อย แต่สเตฟานีก็ยังไม่ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นดีวาที่ได้พึงพอใจ\"[45] และยังเรียกอัลบัมนี้ว่า \"การกลับมาที่เร่งรีบ ที่ดูซ้ำกับ เลิฟ. แอนเจิล. มิวสิก. เบบี. แต่พลังน้อยกว่า\"[46]",
"สเตฟานีทำชุดเสื้อผ้าส่วนใหญ่ที่เธอสวมใส่บนเวทีกับวงโนเดาต์ เป็นผลทำให้เธอเริ่มรวบรวม สรรหาสิ่งดี ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สไตลิสต์ที่ชื่อ แอนเดรีย ลีเบอร์แมน เป็นคนแนะนำเธอให้รู้จักกับชุดแต่งกายแบบโอตคูเชอร์ นำไปสู่การที่เธอออกสินค้าแฟชั่นที่ใช้ชื่อว่า แอล.เอ.เอ็ม.บี. ในปี 2004[9] โดยได้รับอิทธิพลจากแฟชั่นที่หลากหลาย อาทิ สไตล์กัวเตมาลา ญี่ปุ่น และจาเมกา[93] สินค้าเธอยังได้รับความนิยมในหมู่คนดัง มีผู้สวมใส่อย่าง เทรี แฮตเชอร์, นิโคล คิดแมน และตัวเธอเอง[7][94] ในเดือนมิถุนายน 2005 เธอแยกแบรนด์สินค้าที่ราคาถูกกว่า ในชื่อ ฮาราจูกุเลิฟเวอส์ ที่เธออธิบายว่า \"เป็นสินค้าที่น่าเชิดชู\" มีผลิตภัณฑ์หลายอย่าง เช่น กล้องถ่ายรูป สิ่งประดับโทรศัพท์มือถือ และชุดชั้นใน[95][96] ในปลายปี 2006 สเตฟานีออกสินค้าตุ๊กตารุ่นจำกัด เรียกว่า \"เลิฟ. แอนเจิล. มิวสิก. เบบี.\" ตุ๊กตาได้รับแรงบันดาลใจจากแฟชั่นต่าง ๆ ที่สเตฟานีและฮาราจูกุเกิลส์สวมใส่ขณะออกทัวร์อัลบัม[97]",
"หมวดหมู่:นักร้องอเมริกัน หมวดหมู่:บุคคลจากแอนะไฮม์",
"สเตฟานีเริ่มจุดบินดิในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1990 หลังจากที่เธอได้ไปพบปะครอบครัวของโทนี แคแนล หลายครั้ง เขามีเชื้อสายอินเดีย[141] ในช่วงที่โนเดาต์แจ้งเกิด สเตฟานี สวมเครื่องตกแต่งหน้าผากในมิวสิกวิดีโอหลายครั้ง จนทำให้เครื่องประดับเหล่านี้ได้รับความนิยมในเวลาสั้น ๆ ในปี 1997[142] โดยได้รับความสนใจครั้งแรกในมิวสิกวิดีโอปี 1995 เพลง \"จัสต์อะเกิร์ล\" ที่เป็นที่รู้จักเรื่องที่เธอโชว์เอว และมักสวมเสื้อเชิร์ตที่เปิดเผยเรือนร่าง[143] การออกแบบการแต่งหน้าของสเตฟานี โดยทั่วไปมักใช้แป้งโทนสว่าง ทาลิปสติกสีแดงสดใส และทำคิ้วรูปโค้ง เธอพูดถึงประเด็นเหล่านี้ในเพลงที่ชื่อ \"แมจิกส์อินเดอะเมกอัป\" (Magic's in the Makeup) ของโนเดาต์ ในอัลบัมชุด รีเทิร์นออฟแซเทิร์น โดยตั้งคำถามไว้ว่า \"หากมีเวทมนตร์ในการแต่งหน้า แล้วฉันคือใครกัน\"[9] สเตฟานีมีผมสีสีน้ำตาลเข้มตามธรรมชาติ เธอเปลี่ยนสีผมธรรมชาตินั้นตั้งแต่เธอเรียนเกรด 9[144] ตั้งแต่ปลาย 1994 เธอมักไว้ผมสีบลอนด์เงิน สเตฟานีพูดถึงเรื่องนี้ในเพลงที่ชื่อ \"แพลตตินัมบลอนด์ไลฟ์\" (Platinum Blonde Life) ในชุด ร็อกสเตดี และรับบทเป็นสาวผมบลอนด์ จีน ฮาร์โลว์ ในภาพยนตร์ชีวประวัติในปี 2004 เรื่อง บินรัก บันลือโลก[145] ถึงแม้เธอมักจะไว้ผมสีบลอนด์ แต่เธอก็เคยย้อมผมสีน้ำเงินในปี 1998[142] และสีชมพู ในปี 2001[146] ตอนปรากฏบนปกชุด รีเทิร์นออฟแซเทิร์น[147]",
"ที่งานกาลาของแอมฟาร์ ในเทศกาลภาพยนตร์กาน 2011 สเตฟานีนำชุดลูกไม้สีดำที่เธอแต่งในงานนี้เข้าประมูลเพื่อการกุศล โดยได้เงินมากกว่า 125,000 เหรียญสหรัฐ[176] ชุดนี้เกิดข้อพิพาทหลังจากตัวแทนของนักออกแบบ ไมเคิล แอนเจิล ที่ช่วยสเตฟานีออกแบบและทำงานในฐานะสไตลิสต์ออกมายืนยันว่า เขาเป็นคนทำผ้าคลุม ไม่ใช่ตัวสเตฟานี[176][177] ในการออกมาเปิดเผย แองเจิลยืนยันว่า ชุดนั้นออกแบบโดยสเตฟานี สำหรับ แอล.เอ.เอ็ม.บี. และใช้ในการประมูลที่แอมฟาร์กาลา โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า \"ผมรู้สึกผิดหวังที่มุ่งประเด็นผิดทิศผิดทาง จากที่เกว็นและผมได้ตั้งใจไว้ เรื่องที่มาของการสร้างสรรค์ชุดนี้ พวกเรารู้สึกเครียดกับผลและเพลิดเพลินกับขั้นตอนทำงาน ผมไม่ขอทำอะไรมากไปกว่านี้ นอกจากนับถือเธอและยังคงคาดหวังการทำงานร่วมกับเธออีกในอนาคต\"[178] สเตฟานียังเป็นผู้จัดงานหารายได้ให้กับสตรีหมายเลขหนึ่ง มิเชลล์ โอบามา เมื่อเดือนสิงหาคม 2012 ที่บ้านของเธอในเบเวอร์ลีฮิลส์[179]",
"ซิงเกิลที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายของอัลบั้มนี้ได้แก่ \"Porcelain\" \"Why Does My Heart Feel So Bad?\" \"Bodyrock\" และ \"South Side\" โดยได้ศิลปินรับเชิญอย่าง เกว็น สเตฟานี",
"เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2014 สเตฟานีบอกกับเอ็มทีวีนิวส์ ในระหว่างสัปดาห์แฟชั่นนิวยอร์กว่า เธอกำลังทำงานอัลบัมทั้งโนเดาต์และผลงานเดี่ยวของตัวเองอยู่ เธอยังเปิดเผยว่า เธอทำงานอยู่กับวิลเลียมส์[64] สเตฟานีออกผลงานการกลับมาอีกครั้งกับซิงเกิล \"เบบีโดนต์ลาย\" เมื่อ 20 ตุลาคม 2014 ซึ่งเธอร่วมแต่งกับโปรดิวเซอร์ ไรอัน เทดเดอร์, เบนนี บลังโก และโนเอล แซนแคเนลลา[65] บิลบอร์ด ประกาศว่าสตูดิโออัลบัมชุดที่ 3 จะออกเดือนธันวาคม โดยมีเบนนี บลังโกเป็นผู้อำนวยการผลิต[66] ช่วงปลายเดือนตุลาคม มีการเปิดเผยเพลงใหม่บางส่วนจากอัลบัมชุดที่ 3 ของสเตฟานี เพลงชื่อว่า \"สปาร์กเดอะไฟร์\" เป็นครั้งแรก เพลงผลิตโดยฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์[67] เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ได้เผยแพร่เต็มเพลงครั้งแรกทางออนไลน์[68] และปล่อยให้ดาวน์โหลด เมื่อ 1 ธันวาคม[69] ทั้ง \"เบบีโดนต์ลาย\" และ \"สปาร์กเดอะไฟร์\" มีอยู่ในอัลบัมชุดที่ 3 ของเธอ วันที่ 13 มกราคม 2015 สเตฟานีและวิลเลียมบันทึกเสียงเพลงที่ชื่อ \"ไชน์\" เพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่อง แพดดิงตัน สเตฟาเนียและเซียทำงานร่วมกันในเพลงบัลลาดที่ชื่อ \"สตาร์ตอะวอร์\" (Start a War) ที่คาดว่าจะออกในอัลบัมชุดที่ 3 แต่อย่างไรก็ตาม เพลงนี้ไม่ปรากฏอยู่[70] วันที่ 10 กรกฎาคม 2015 แร็ปเปอร์ชาวอเมริกา เอ็มมิเน็มมีซิงเกิลที่ร้องกับสเตฟานีที่ชื่อ \"คิงส์เนเวอร์ดาย\" จากเพลงประกอบภาพยนตร์ เซาท์พาว เพลงเข้าชาร์ตครั้งแรกและสูงสุดที่อนดับ 80 บนชาร์ต บิลบอร์ด ฮอต 100[71] และมียอดดาวน์โหลดในสัปดาห์แรก 35,000 ครั้ง[72]",
"มาสเตอร์การ์ตไพรซ์เลสส์เซอร์ไพรส์พรีเซนส์เกว็นสเตฟานี (2015–2016) เออร์วินมีโดส์แอมฟิเทียเตอร์ไฟนอลโชส์ (2016)",
"จัสต์อะเกิร์ล (2018–2019)",
"ไม่นานหลังจากที่สเตฟานีเข้าร่วมวงโนเดาต์ เธอกับเพื่อนร่วมวง โทนี แคแนล เริ่มคบหากัน เธอเล่าว่า ค่อนข้างสละเวลาอย่างมากในความสัมพันธ์ครั้งนี้ สเตฟานีวิจารณ์ว่า \"ทุกสิ่งที่ฉันทำ คือเพื่อโทนี และภาวนากับพระเจ้าว่าขอให้มีลูกกับเขา\"[107] ระหว่างช่วงนี้ วงเกือบต้องแยกกันไปเพราะความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวของสเตฟานีกับแคแนล[108] โดยแคแนลเป็นผู้บอกเลิกเธอ[109] การเลิกราครั้งนี้เป็นแรงบันดาลใจในเนื้อเพลงให้แก่สเตฟานี หลายเพลงในอัลบัม ทราจิกคิงดอม อย่างเช่น \"โดนต์สปีก\", \"ซันเดย์มอร์นิง\" และ \"เฮย์ยู!\" เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ของทั้งคู่[110] หลายปีต่อมา สเตฟานีร่วมแต่งเพลงดัง \"คูล\" ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อน ในอัลบัมเดี่ยวเปิดตัวชุด เลิฟ. แอนเจิล. มิวสิก. เบบี.[111]",
"\"โดนต์สปีก\" (Don't Speak) เป็นเพลงของวงดนตรีแนวสกาสัญชาติอเมริกัน โนเดาต์ จากสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 3 \"Tragic Kingdom\" (1995) เพลงออกเมื่อ 15 เมษายน ค.ศ. 1996 ในสหรัฐ ในฐานะซิงเกิ้ลที่ 3 ของอัลบั้ม นักร้องนำของวง เกว็น สเตฟานีกับพี่ชาย เอริก สเตฟานี อดีตสมาชิกวง ได้ร่วมกันแต่งเพลงนี้ เดิมมีเจตนาแต่งเป็นเพลงรัก เพลงผ่านการเขียนใหม่ และเกว็นได้ดัดแปลงให้เป็นเพลงอกหัก ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับสมาชิกร่วมวงและอดีตแฟนหนุ่ม โทนี แคเนล หลังจากจบความสัมพันธ์ยาวนาน 7 ปี",
"at the Encyclopædia Britannica on IMDb",
"ฮาราจูกุเลิฟเวอส์ทัวร์ (2005) เดอะสวีตเอสเคปทัวร์ (2007) ดิสอิสวอตเดอะทรุทฟีลส์ไลก์ทัวร์ (2016)",
"สเตฟานียังได้รับการกล่าวถึงว่าเป็น \"เจ้าหญิงเพลงป็อป\" จากนักวิจารณ์ดนตรีร่วมสมัยหลายแห่ง[155][156][157] ในปี 2012 วีเอชวันได้ให้เธออยู่ในอันดับ 13 ของรายชื่อ \"100 ผู้หญิงยอดเยี่ยมแห่งวงการเพลง\"[6] ผลงานของสเตฟานียังมีอิทธิพลให้กับนักดนตรีหลายคน อย่างเช่น เฮย์เลย์ วิลเลียมส์แห่งวงพาร์อะมอร์,[158] เบสต์โคสต์,[159] เคที เพอร์รี,[160] เคชา,[161] มารินาแอนด์เดอะไดอะมอนส์,[162] สเตฟาย,[163] ริตา ออรา[164] สกาย เฟอร์ไรรา[165] และคัฟเวอร์ไดร์ฟ[166] วงหลัง เป็นวงกลุ่มนักดนตรี 4 คนจากบาร์บาโดส ที่กล่าวว่า ทั้งสเตฟานีและโนเดาต์ได้ส่งผลด้านอิทธิพลต่อดนตรีพวกเขา โดยนักร้องนำของวง แอมานดา ไรเฟอร์ ยอมรับว่า เธอคงจะ \"หมดสติ\" หากได้เจอสเตฟานี[166]",
"\"เดอะสวีตเอสเคป\" () เป็นเพลงของนักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เกว็น สเตฟานี จากสตูดิโออัลบัมชุด 2 ในชื่อเดียวกัน (2006) เพลงเขียนโดยสเตฟานี, เอค่อน และจอร์จิโอ ทุยน์ฟอร์ต เอค่อนที่เป็นนักร้องเช่นกัน ได้พัฒนาบีตของเพลงก่อนที่จะร่วมงานกับสเตฟานี เขาออกแบบเพลงโดยยึดจากผลงานเก่าของวงโนเดาต์ เพลง\"เดอะสวีตเอสเคป\" มีเนื้อหาขอโทษในการทะเลาะของคนรักสองคน และอธิบายถึงความฝันกับชีวิตที่น่าพอใจของพวกเขา ยังเป็นเพลงไตเติลแทร็ก ชื่อเพลงยังช่วยด้านการตลาดทั้งเพลงและสินค้าแฟชั่นของสเตฟานีอีกด้วย",
"ในเดือนกรกฎาคม 2017 สเตฟานีประกาศว่ากำลังทำงานในสตูดิโอและวางแผนจะออกผลงานเพลงใหม่ปลายปี[85] ในเดือนสิงหาคม มีการประกาศชื่อเพลงหลายเพลงทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของเจมา (GEMA) โดยเสนอว่าเธออาจบันทึกเสียงอัลบัมเทศกาลวันหยุด[86] ชื่อผู้แต่งเพลงหลุดออกมาว่า สเตฟานีร่วมงานกับสามี เบลก เชลตัน และจัสติน แทรนเตอร์[87] อัลบัมใช้ชื่อว่า ยูเมกอิตฟีลไลก์คริสต์มาส โดยประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อ 21 กันยายน 2017 และออกจำหน่าย 6 ตุลาคม 2017[88] เพลงไตเติลแทร็กของอัลบัมเผยแพร่ทางดิจิตัลเมื่อ 22 กันยายน 2017 เป็นซิงเกิลนำของอัลบัมและมีแขกรับเชิญร่วมร้องคือเชลตัน[89][90] เพื่อประชาสัมพันธ์ เอ็นบีซีขอให้เธอเป็นพิธีกรในรายการพิเศษช่วงคริสต์มาส โดยออกอากาศ 12 ธันวาคม 2017 และใช้ชื่อรายการว่า เกว็นสเตฟานีส์ยูเมกอิตฟีลไลก์คริสต์มาส[91]",
"ปลายฤดูร้อน 2007 สเตฟานีออกน้ำหอมแอล ส่วนหนึ่งของสินค้าเครือ แอล.เอ.เอ็ม.บี. ประเภทเสื้อผ้าและเครื่องประดับ น้ำหอมมีกลิ่นสวีตพีและกุหลาบ[98] ในเดือนกันยายน 2008 สเตฟานีออกสินค้าประเภทเครื่องหอม เป็นส่วนหนึ่งของตราสินค้า ฮาราจูกุเลิฟเวอส์ มีเครื่องหอม 5 ชนิด ที่มาจากฮาราจูกุเกิลส์ 4 คน และสเตฟานี โดยเรียกว่า เลิฟ, ลิลแองเจิล, มิวสิก, เบบี และจี (เกว็น)[99] เดือนมกราคม 2011 สเตฟานีเป็นโฆษกให้กับลอรีอัลปารีส[100] ปี 2016 เออร์เบินดีเคย์ออกเครื่องสำอางรุ่นจำกัดจำนวน โดยร่วมงานกับสเตฟานี[101]",
"\"ไวนด์อิตอัป\" (Wind It Up) เป็นเพลงของนักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน เกว็น สเตฟานี เดิมทีแต่งขึ้นเพื่อรวมไว้กับฮาราจูกุเลิฟเวอส์ทัวร์ของสเตฟานี ต่อมาเพลงได้บันทึกภายหลังสำหรับอัลบัมเดี่ยวชุด 2 \"The Sweet Escape\" (2006) เพลงนี้มีการใช้เพลง \"The Lonely Goatherd\" จากหนังเรื่อง \"The Sound of Music\""
] |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.