Book,Page,LineNumber,Text
49,0050,001,จะเป็นมารดา บิดา บุตร หรือหลานก็ตาม ของสัตว์เหล่านั้น คือ
49,0050,002,ผู้เกิดในเปตวิสัยระลึกไม่ได้. ถามว่า เพราะเหตุไร ? ตอบว่า
49,0050,003,"เพราะกรรมเป็นปัจจัย, อธิบายว่า เพราะกรรมคือความตระหนี่"
49,0050,004,อันต่างโดยการไม่ให้และการปฏิเสธการให้เป็นต้น ที่ตนทำไว้
49,0050,005,เป็นเหตุ. กรรมนั้นแหละ ทำให้พวกญาติเหล่านั้น ระลึกไม่ได้.
49,0050,006,พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงความไม่มีแม้แต่การ
49,0050,007,หวนระลึก ของพวกญาติเพราะผลกรรมของพวกเปรต ผู้หวังเฉพาะ
49,0050,008,ต่อพวกญาติ ในเมื่อข้าวและน้ำเป็นต้น แม้มีประมาณไม่น้อย ก็มีอยู่
49,0050,009,อย่างนี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะทรงสรรเสริญทานที่พระราชาถวาย
49,0050,010,อุทิศพวกญาติผู้เกิดในเปตวิสัย จึงตรัสคาถาที่ ๓ ว่า เอวํ ททนฺติ
49,0050,011,าตีนํ ดังนี้เป็นต้น.
49,0050,012,บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เอวํ เป็นคำอุปมา. บทว่า เอวํ นั้น
49,0050,013,เชื่อมความได้ ๒ ประการ คือ บรรดาญาติบางพวก แม้ที่ระลึกไม่ได้
49,0050,014,เพราะกรรมของสัตว์เหล่านั้นเป็นปัจจัย ญาติบางพวกผู้อนุเคราะห์
49,0050,015,อย่างนั้น ก็ย่อมให้แก่พวกญาติ และคือพวกญาติผู้อนุเคราะห์ ย่อม
49,0050,016,ให้น้ำและข้าวอันสะอาด ประณีต อันสมควรตามกาลแก่ญาติทั้งหลาย
49,0050,017,เหมือนทานที่มหาบพิตรถวายแล้วฉะนั้น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า
49,0050,018,ททนฺติ แปลว่า ย่อมให้ คือ อุทิศให้ มอบให้. บทว่า าตีนํ ได้แก่
49,0050,019,ชนผู้เกี่ยวเนื่องกัน ทางมารดาและบิดา. บทว่า เย ได้แก่ ชนเหล่าใด
49,0050,020,เหล่าหนึ่งมีบุตรเป็นต้น. บทว่า โหนฺติ แปลว่า ย่อมเป็น. บทว่า
49,0050,021,อนุกมฺปกา ได้แก่ ผู้ต้องการประโยชน์ คือ ผู้แสวงหาประโยชน์