Book,Page,LineNumber,Text
49,0026,001,ได้อาหารอันเป็นสัปปายะ เจริญวิปัสสนาแล้ว ไม่นานนักก็บรรลุ
49,0026,002,พระอรหันต์.
49,0026,003,ภิกษุผู้มักส่อเสียด ไหม้ในนรกตลอดพุทธันดรหนึ่ง ใน
49,0026,004,พุทธุปบาทกาลนี้ เกิดเป็นเปรตปากเน่า ไม่ไกลแต่กรุงราชคฤห์.
49,0026,005,กายของเขา ได้มีสีเหมือนทองคำ. แต่หนอนไต่ออกจากปาก พากัน
49,0026,006,เจาะกินปากข้างโน้นข้างนี้. กลิ่นปากของเปรตนั้นเหม็นฟุ้งขจาย
49,0026,007,ไปทั่วอากาศตั้งไกล.
49,0026,008,ลำดับนั้น ท่านนารทะ ขณะลงจากเขาคิชฌกูฏ พบเปรตนั้น
49,0026,009,จึงถามถึงกรรมที่เธอกระทำไว้ ด้วยคาถานี้ว่า :-
49,0026,010,ท่านมีผิวพรรณงามดังทิพย์ ยืนอยู่ใน
49,0026,011,อากาศกลางหาว แต่ปากของท่านมีกลิ่นเหม็น
49,0026,012,หมู่หนอนพากันชอนไชอยู่ เมื่อก่อนท่านทำกรรม
49,0026,013,อะไรไว้.
49,0026,014,บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทิพฺพํ แปลว่า เป็นทิพย์ คือนับ
49,0026,015,เนื่องจากอัตตภาพของเทวดา. แต่ในที่นี้ชื่อว่าทิพย์ เพราะเป็น
49,0026,016,"เหมือนของทิพย์. บทว่า สุภํ แปลว่า งาม, หรือ ความงาม. บทว่า"
49,0026,017,วณฺณธาตุํ ได้แก่ ผิวพรรณ. บทว่า ธาเรสิ แปลว่า นำไป. บทว่า
49,0026,018,เวหายสํ ติฏฺสิ อนฺตลิกฺเข ได้แก่ ยืนอยู่ในกลางหาว ที่เข้าใจกันว่า
49,0026,019,อากาศ. แต่อาจารย์บางพวกกล่าวปาฐะว่า วิหายสํ ติฏสิ อนฺตลิกฺเข
49,0026,020,ดังนี้ แล้วกล่าวความของปาฐะนั้น โดยคำที่เหลือว่า ท่านยืนอยู่
49,0026,021,กลางหาว ทำอากาศให้สว่างไสวอยู่. บทว่า ปูคิคนฺธํ แปลว่า มีกลิ่น