Book,Page,LineNumber,Text 38,0013,001,ครั้นแล้วได้กราบทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ตนไม่พึงมีความสำคัญ 38,0013,002,ในปฐวีธาตุว่าเป็นธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอาโปธาตุว่า 38,0013,003,เป็นอาโปธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในเตโชธาตุว่าเป็นเตโชธาตุ 38,0013,004,เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวาโยธาตุว่าเป็นวาโยธาตุเป็นอารมณ์ 38,0013,005,ไม่พึงมีความสำคัญในอากาสานัญจายตนฌานว่าเป็นอากานัญจายตนฌาน 38,0013,006,เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในวิญญาณัญจายตนฌานว่าเป็นวิญญาณัญ- 38,0013,007,จายตนฌานเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอากิจจัญญายตนฌานว่าเป็น 38,0013,008,อากิญจัญญายตนฌานเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในเนวสัญญานา- 38,0013,009,สัญญายตนฌานว่าเป็นเนวสัญญานาสัญญายตนฌานเป็นอารมณ์ ไม่พึงมี 38,0013,010,ความสำคัญในโลกนี้ว่าเป็นโลกนี้เป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในโลก 38,0013,011,หน้าว่าเป็นโลกหน้าเป็นอารมณ์ ก็แต่ว่าพึงเป็นผู้มีสัญญา การได้สมาธิ 38,0013,012,เห็นปานนั้น พึงมีแก่ภิกษุหรือหนอแล. 38,0013,013,พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ตนไม่พึงมีความสำคัญ 38,0013,014,ในปฐวีธาตุว่าเป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอาโปธาตุ 38,0013,015,ว่าเป็นอาโปธาตุเป็นอารมณ์... ไม่พึงมีความสำคัญในโลกหน้าว่าเป็น 38,0013,016,โลกหน้าเป็นอารมณ์ ก็แต่ว่าพึงเป็นผู้มีสัญญา การได้สมาธิเห็นปานนั้น 38,0013,017,พึงมีแก่ภิกษุ. 38,0013,018,อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ตนไม่พึงมีความสำคัญในปฐวีธาตุว่า 38,0013,019,เป็นปฐวีธาตุเป็นอารมณ์ ไม่พึงมีความสำคัญในอาโปธาตุว่าเป็นอาโป- 38,0013,020,ธาตุเป็นอารมณ์... ไม่พึงมีความสำคัญในโลกหน้าว่าเป็นโลกหน้าเป็น 38,0013,021,อารมณ์ ก็แต่ว่าพึงเป็นผู้มีสัญญา ก็การได้สมาธิเห็นปานนั้น พึงมีแก่ 38,0013,022,ภิกษุได้อย่างไร.