Book,Page,LineNumber,Text
34,0047,001,๒. ก็ภิกษุเป็นผู้รู้จักบ่ระมาณในโภชนะอย่างไร ภิกษุในพระธรรมวินัย
34,0047,002,นี้ พิจารณาโดยแยบคายแล้ว จึงกลืนกินอาหาร มิใช่เพื่อเล่น มิใช่เพื่อเมา
34,0047,003,มิใช่เพื่อประดับ มิใช่เพื่อบ่ระเทืองผิว เพียงเพื่อความตั้งอยู่ได้แห่งกายนี้ เพื่อ
34,0047,004,ยังชีวิตให้เป็นไป เพื่อหายความหิว เพื่ออนุเคราะห์พรหมจรรย์๑ ด้วยคิดว่า
34,0047,005,ด้วยการกินอาหารนี้ เราจักระงับเวทนาเก่า๒ เสียได้ด้วย เราจักไม่ยังเวทนํ.
34,0047,006,ใหม่๓ ให้เกิดขึ้นด้วย ความสมประกอบ ความไม่มีโทษและความอยู่ผาสุก
34,0047,007,จักมีแก่เรา อย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้รู้จักประมาณในโภชนะ
34,0047,008,๓. ก็ภิกษุเป็นผู้หมั่นประกอบความเป็นผู้ไม่เห็นแก่นอนอย่างไร ภิกษุ
34,0047,009,ในพระธรรมวินัยนี้เวลากลางวัน ชำระจิตจากอาวรณิยธรรม๔ ด้วยการจงกรม๕
34,0047,010,ด้วยการนั่ง เวลากลางคืน ตอนยามต้น ก็ชำระจิตจากอาวรณิยธรรม ด้วยการ
34,0047,011,จงกรม ด้วยการนั่ง ตอนยามกลาง สำเร็จสีหไสยา โดยข้างเบื้องขวา
34,0047,012,ซ้อนเท้าให้เหลื่อมกัน มีสติสัมปชัญญะ ทำอุฏฐานสัญญา ไว้ในใจ ตอน
34,0047,013,ยามปลาย กลับลุกขึ้นชำระจิตจากอาวรณิยธรรม ด้วยการจงกรม ด้วยการนั่ง
34,0047,014,อย่างนี้แล ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้หมั่นประกอบความเป็นผู้ไม่เห็นแก่นอน
34,0047,015,นี้แล ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ชื่อว่า
34,0047,016,เป็นผู้ปฏิบัติอปัณณกปฏิปทา และเหตุแห่งความสิ้นอาสวะทั้งหลาย ชื่อว่า
34,0047,017,เป็นอันภิกษุนั้นได้เริ่มแล้วด้วย.
34,0047,018,จบอปัณณกสูตรที่ ๖