Book,Page,LineNumber,Text 34,0033,001,ตอบว่า เพราะเขาเกิดในตระกูลต่ำ. 34,0033,002,บทว่า เชฏฺโ€ ความว่า เมื่อพระราชโอรสอีกพระองค์หนึ่งที่เป็น 34,0033,003,องค์โตยังมีอยู่ พระราชโอรสองค์เล็ก ก็ไม่ทรงทำความหวัง เพราะเหตุนั้น 34,0033,004,พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสว่า เชฏฺโ€ ดังนี้. บทว่า อภิเสโก ความว่า 34,0033,005,แม้พระราชโอรสองค์โตก็ยังไม่ควรอภิเษก จึงไม่ทรงทำความหวัง เพราะเหตุ 34,0033,006,นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อภิเสโก ดังนี้. บทว่า อนภิสิตฺโต 34,0033,007,ความว่า แม้พระราชโอรสที่ควรแก่การอภิเษกซึ่งเว้นจากโทษ มีพระเนตรบอด 34,0033,008,และพระหัตถ์หงิกง่อยเป็นต้น ได้รับอภิเษกครั้งเดียวแล้ว ก็ไม่ทรงทำความ 34,0033,009,หวังในการอภิเษกอีก เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสว่า 34,0033,010,อนภิสิตฺโต ดังนี้. บทว่า มจลปฺปตฺโต ความว่า ฝ่ายพระราชโอรส 34,0033,011,องค์โตก็ยังเป็นเด็กอ่อนนอนแบเบาะ มิได้รับการอภิเษก พระราชโอรสแม้นั้น 34,0033,012,มิได้ทำความหวังในการอภิเษก แต่ต่อมา ทรงมีพระชนมายุ ได้ ๑๖ พรรษาเริ่ม 34,0033,013,มีพระมัสสุปรากฏ ชื่อว่าทรงบรรลุนิติภาวะ สามารถจะว่าราชการใหญ่ได้ 34,0033,014,เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงตรัสว่า มจลปฺปตฺโต ดังนี้. บทว่า 34,0033,015,ตสฺส เอวํ โหติ ได้แก่ ถามว่า เพราะเหตุไร พระราชโอรสนั้น จึงมีพระ- 34,0033,016,ดำริอย่างนี้. ตอบว่า เพราะพระองค์มีพระชาติสูง. 34,0033,017,บทว่า ทุสฺสีโล ได้แก่ ผู้ไม่มีศีล. บทว่า ปาปธมฺโม ได้แก่ ผู้มี 34,0033,018,ธรรมอันลามก. บทว่า อสุจิ ได้แก่ผู้ประกอบด้วยกรรมทั้งหลาย มีกายกรรม 34,0033,019,เป็นต้นอันไม่สะอาด. บทว่า สงฺกสฺสรสมาจาโร ความว่า ผู้มีสมาจารอัน 34,0033,020,บุคคลอื่น พึงระลึกถึงด้วยความรังเกียจ คือมีสมาจารเป็นที่ตั้งแห่งความรังเกียจ 34,0033,021,ของคนอื่นอย่างนี้ว่า ผู้นี้ชะรอยจักทำบาปกรรมนี้ เพราะเขาได้เห็นบาปกรรม