Book,Page,LineNumber,Text 34,0013,001,บทว่า นาพฺภนุโมทิตา* ความว่า คนพาลย่อมไม่อนุโมทนา คือ 34,0013,002,ไม่ยินดีปัญหาของบุคคลอื่นที่วิสัชนาโดยแยบคายอย่างนี้ คือ ที่วิสัชนาทำให้ 34,0013,003,สมบูรณ์ ด้วยอาการทุกอย่าง. เหมือนพระโลฬุทายีเถระ ไม่อนุโมทนาปัญหา 34,0013,004,ของพระสารีบุตร ฉะนั้น. เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า 34,0013,005,อาวุโสสารีบุตร ไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาสเลยที่พระอนาคามีนั้น 34,0013,006,ล่วงเลยความเป็นสหายของเหล่าเทพผู้มีกวฬิงการาหารเป็นภักษา เข้าถึงหมู่ 34,0013,007,เทพที่เป็นมโนมยะหมู่ใดหมู่หนึ่งแล้ว จะพึงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธก็ได้ จะ 34,0013,008,พึงออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธก็ได้ ฐานะนี้ไม่มีเลย. 34,0013,009,ในคำว่า โยนิโส ปญฺหํ กตฺตา เป็นต้น พึงทราบวินิจฉัยดัง 34,0013,010,ต่อไปนี้ 34,0013,011,บัณฑิตคิดปัญหาโดยแยบคายแล้ว ย่อมวิสัชนาปัญหาโดยแยบคาย 34,0013,012,เหมือนพระอานนทเถระฉะนั้น. เป็นความจริง พระเถระถูกพระศาสดาตรัส 34,0013,013,ถามว่า ดูก่อนอานนท์ ที่ตั้งของอนุสติมีเท่าไรหนอแล ก็คิดโดยแยบคาย 34,0013,014,ก่อนว่า นี้จักเป็นปัญหา เมื่อจะวิสัชนาโดยแยบคาย จึงทูลว่า ข้าแต่ 34,0013,015,พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุในศาสนานี้ สงัดแล้วเทียวจากกามทั้งหลาย ฯลฯ แล้ว 34,0013,016,เข้าจตุตถฌานอยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่ตั้งของอนุสตินี้ที่เจริญแล้วอย่างนี้ 34,0013,017,ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน. 34,0013,018,บทว่า อพฺภานุโมทิตา โหติ ความว่า บัณฑิตย่อมอนุโมทนา 34,0013,019,โดยแยบคาย เหมือนพระตถาคตอนุโมทนาฉะนั้น. เป็นความจริง พระตถาคต 34,0013,020,เมื่อพระอานนท์เถระวิสัชนาปัญหาแล้ว ก็ตรัสพระดำรัสมีอาทิว่า ดีแล้ว