Book,Page,LineNumber,Text 31,0026,001,๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระอรหันต์ เป็นอนาคามี เพราะอินทรีย์ ๕ ยัง 31,0026,002,อ่อนกว่าอินทรีย์ของผู้ปฏิบัติเพื่อทำอรหัตผลให้แจ้ง เพราะอินทรีย์ ๕ ยัง 31,0026,003,อ่อนกว่าอินทรีย์ของพระอนาคามี เป็นพระสกทาคามี เพราะอินทรีย์ ๕ ยัง 31,0026,004,อ่อนกว่าอินทรีย์ของผู้ปฏิบัติเพื่อทำอนาคามิผลให้แจ้ง เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อทำ 31,0026,005,สกทาคามิผลให้แจ้ง เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระสกทาคามี 31,0026,006,เป็นพระโสดาบัน เพราะอินทรีย์ ๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของผู้ปฏิบัติเพื่อทำ 31,0026,007,สกทาคามิผลให้แจ้ง เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อทำโสดาปัตติผลให้แจ้ง เพราะอินทรีย์ 31,0026,008,๕ ยังอ่อนกว่าอินทรีย์ของพระโสดาบัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อินทรีย์ ๕ 31,0026,009,ประการนี้ ไม่มีแก่ผู้ใดเสียเลยโดยประการทั้งปวง เราเรียกผู้นั้นว่า เป็นคน 31,0026,010,ภายนอก ตั้งอยู่ในฝ่ายปุถุชน. 31,0026,011,จบปฏิปันนสูตรที่ ๘ 31,0026,012,

อรรถกถาปฏิปันนสูตร

31,0026,013,สูตรที่ ๘. คำว่า ตโต มุทุตเรหิ คือ พึงทราบความคละปะปนกัน 31,0026,014,ด้วยอำนาจมรรคและผลนั่นเอง. ความคละปะปนกันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า 31,0026,015,ได้ตรัสไว้ในบาลีเสร็จแล้ว. คำว่า ภายนอก คือ เป็นคนที่นอกจากบุคคล 31,0026,016,ทั้ง ๘ เหล่านี้. คำว่า ตั้งอยู่ในฝ่ายเป็นปุถุชน คือ ดำรงอยู่ในส่วนของ 31,0026,017,คนกิเลสหนา. ในสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแต่อินทรีย์ที่เป็น 31,0026,018,โลกุตระเท่านั้น. 31,0026,019,จบอรรถกถาปฏิปันนสูตรที่ ๘