Book,Page,LineNumber,Text
12,0029,001,บทว่า ต่างรัฐ คือจากรัฐอื่น. บทว่า ต่างชนบท คือจากชนบท
12,0029,002,อื่น บทว่า ต่างพากันมาเพื่อทูลถามปัญหา ความว่า กษัตริย์และบัณฑิต
12,0029,003,เป็นต้นก็ดี เทวดาพรหมนาคและคนธรรพ์เป็นต้นก็ดี ต่างตระเตรียมปัญหา
12,0029,004,มาเฝ้าด้วยคิดว่า พวกเราจักถาม ในบรรดาชนเหล่านั้น บางจำพวกกำหนด
12,0029,005,เห็นโทษของการถาม หรือความที่ตนไม่สามารถในการยอมรับข้อเฉลย จึง
12,0029,006,ไม่ทูลถามเลย แล้วนั่งนิ่งเสีย บางจำพวกทูลถาม สำหรับบางจำพวก
12,0029,007,พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้เกิดความอุตสาหะในการถามแล้ว จึงทรงเฉลย
12,0029,008,ความเคลือบแคลงของชนเหล่านั้นแม้ทั้งสิ้น มาถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
12,0029,009,ก็เสื่อมคลายไป เหมือนคลื่นในมหาสมุทร มาถึงฝั่งแล้วก็สลายไปฉะนั้น
12,0029,010,ด้วยประการฉะนี้.
12,0029,011,บทว่า มีปกติกล่าวเชื้อเชิญ ความว่า พระองค์ย่อมตรัสกะคน
12,0029,012,ผู้มาสู่สำนักของพระองค์นั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทวดา มนุษย์ บรรพชิตและ
12,0029,013,คฤหัสถ์อย่างนี้ว่า เชิญท่านเข้ามาสิ ท่านมาดีแล้ว (เราขอต้อนรับท่าน)
12,0029,014,ดังนี้. บทว่า เจรจาผูกไมตรี คือ ทรงประกอบพร้อมด้วยพระดำรัสผูก
12,0029,015,ไมตรีที่ท่านกล่าวไว้โดยนัยเป็นต้นว่า บรรดาวาจาเหล่านั้น คำพูดผูกไมตรี
12,0029,016,เป็นไฉน คำพูดผูกไมตรี คือวาจาที่หาโทษมิได้ เป็นวาจาดี ไพเราะเสนาะ
12,0029,017,หู ดังนี้ อธิบายว่า มีพระดำรัสอ่อนหวาน. บทว่า ช่างปราศรัย คือทรง
12,0029,018,ฉลาดในการปฏิสันถาร ความว่า พระองค์ทรงกระทำสัมโมทนียกถาก่อน
12,0029,019,ทีเดียว ดังจะทรงระงับความกระวนกระวายเพราะเดินทางไกลของเหล่า
12,0029,020,บริษัททั้งสี่ ผู้มาแล้ว ๆ ได้สิ้น โดยนัยเป็นต้นว่า ภิกษุ เธอสบายดีแล
12,0029,021,หรือ อาหาร การฉันยังพอเป็นไปได้แลหรือ. บทว่า ไม่สยิ้วพระพักตร์
12,0029,022,ความว่า บางคนเข้าไปยังประชุมที่แล้วมีหน้าเคร่งขรึม มีหน้าขึ้งเครียดฉันใด
12,0029,023,พระองค์มิได้เป็นเช่นนั้น. แต่การเห็นที่ประชุมของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น