Book,Page,LineNumber,Text 11,0003,001,ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันถึงเรื่องอะไร และ 11,0003,002,เรื่องอะไรที่พวกเธอพูดค้างไว้. เมื่อตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นได้ 11,0003,003,กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าดังนี้ว่า พระเจ้าข้า ณ ที่นี้เมื่อพวกข้าพระองค์ 11,0003,004,ลุกขึ้นในเวลาใกล้รุ่ง นั่งประชุมกันอยู่ที่โรงกลม สนทนากันว่า ท่าน 11,0003,005,ทั้งหลาย เท่าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้รู้ผู้เห็นเป็นพระอรหันตสัมมา- 11,0003,006,สัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ทรงทราบความที่หมู่สัตว์มีอัธยาศัยต่าง ๆ กันได้ 11,0003,007,เป็นอย่างดีนี้ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี ความจริง สุปปิยปริพาชกผู้นี้ 11,0003,008,กล่าวติพระพุทธเจ้า ติพระธรรม หรือติพระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย 11,0003,009,ส่วนพรหมทัตตมาณพอันเตวาสิกของสุปปิยปริพาชก กล่าวชมพระ 11,0003,010,พุทธเจ้า ชมพระธรรม หรือชมพระสงฆ์ โดยอเนกปริยาย อาจารย์ 11,0003,011,และอันเตวาสิกทั้งสองนี้ มีถ้อยคำเป็นข้าศึกแก่กันและกันโดยตรงฉะนี้ 11,0003,012,เดินตามพระผู้มีพระภาคเจ้าและภิกษุสงฆ์ไปข้างหลัง ๆ พระเจ้าข้า เรื่อง 11,0003,013,นี้แล ที่พวกข้าพระองค์พูดค้างไว้ พอดีพระองค์เสด็จมาถึง 11,0003,014,พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่น 11,0003,015,จะพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม หรือติพระสงฆ์ ก็ตาม เธอทั้งหลายไม่ 11,0003,016,ควรทำความอาฆาต โทมนัส แค้นใจในคนเหล่านั้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย 11,0003,017,คนเหล่าอื่นพึงกล่าวติเรา ติพระธรรม ติพระสงฆ์ ก็ตาม ถ้าเธอทั้งหลาย 11,0003,018,จักขุ่นเคือง หรือจักน้อยใจในคนเหล่านั้น ด้วยเหตุนั้น อันตรายพึงมี 11,0003,019,แก่เธอทั้งหลายนี่แหละ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นพึงกล่าว 11,0003,020,ติเรา ติพระธรรม หรือติพระสงฆ์ ก็ตาม ถ้าเธอทั้งหลายจักขุ่นเคือง 11,0003,021,หรือจักน้อยใจในคนเหล่านั้น เธอทั้งหลายพึงรู้คำที่เป็นสุภาษิต ของคน 11,0003,022,เหล่าอื่นได้ละหรือ. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้อนั้นหามิได้พระเจ้าข้า.