Book,Page,LineNumber,Text
06,0019,001,ประทับนั่งอย่างนั้นที่ต้นอชปาลนิโครธนี้ พราหมณ์คนหนึ่งได้มาทูลถามปัญหา
06,0019,002,กะพระองค์. เพราะเหตุนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์จึงกล่าวคำว่า อถ โข
06,0019,003,อญฺตโร เป็นต้น.
06,0019,004,บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า หุํหุํกชาติโก มีความว่า ได้ยินว่า
06,0019,005,พราหมณ์นั้น ชื่อทิฏฐมังคลิกะ เที่ยวตวาดว่า หึหึ ด้วยอำนาจความถือตัว และ
06,0019,006,ด้วยอำนาจความโกรธ เพราะฉะนั้น เขาจึงเรียกแกว่า พราหมณ์หุงหุงกะชาติ
06,0019,007,บางอาจารย์ก็กล่าวว่า พราหมณ์หุหุกชาติบ้าง.
06,0019,008,สองบทว่า เอตมตฺถํ วิทิตฺวา มีความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
06,0019,009,ทราบใจความสำคัญแห่งคำที่แกกล่าวนั้น จึงทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้น.
06,0019,010,เนื้อความแห่งอุทานนั้นว่า พราหมณ์ใด ชื่อว่าเป็นพราหมณ์
06,0019,011,เพราะมีบาปธรรมอันลอยเสียแล้ว จึงได้เป็นผู้ประกอบด้วยบาปธรรมมีกิเลส
06,0019,012,เป็นเครื่องขู่ผู้อื่นว่า หึหึ และกิเลสดุจน้ำฝากเป็นต้น เพราะด่าที่มาถือว่า สิ่งที่
06,0019,013,เห็นแล้วเป็นมงคล ปฏิญาณข้อที่ตนเป็นพราหมณ์ด้วยเหตุสักว่าชาติอย่างเดียว
06,0019,014,หามิได้ พราหมณ์นั้น ชื่อว่าเป็นผู้มีบาปธรรมอันลอยแล้ว เพราะเป็นผู้ลอย
06,0019,015,บาปธรรมเสีย ชื่อว่าผู้ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องขู่ผู้อื่นว่า หึหึ เพราะมาละกิเลส
06,0019,016,เป็นเครื่องขู่ผู้อื่นว่า หึหึ เสียได้ ชื่อว่าผู้ไม่มีกิเลสดุจน้าฝาด เพราะไม่มีกิเลส
06,0019,017,ดุจน้ำฝาดมีราคะเป็นต้น ชื่อว่ามีตนสำรวมแล้ว เพราะเป็นผู้มีจิตประกอบด้วย
06,0019,018,ภาวนานุโยค อนึ่ง ชื่อว่าผู้มีตนสำรวมแล้ว เพราะเป็นผู้มีจิตสำรวมแล้วด้วย
06,0019,019,ศีลสังวร ชื่อว่าผู้จบเวทแล้ว เพราะเป็นผู้ถึงทีสุดด้วยเวททั้งหลาย กล่าวคือ
06,0019,020,จตุมรรคญาณ หรือเพราะเป็นผู้เรียนจบไตรเพท ชื่อว่าผู้จบพรหมจรรย์แล้ว
06,0019,021,เพราะพรหมจรรย์คือมรรค ๔ อันตนได้อยู่เสร็จแล้ว.