Book,Page,LineNumber,Text
06,0003,001,เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมดับ ด้วยประการฉะนี้.
06,0003,002,ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบเนื้อความนั้นแล้ว จึงทรง
06,0003,003,เปล่งอุทานนี้ในเวลานั้น ว่าดังนี้:-
06,0003,004,
พุทธอุทานคาถาที่ ๑
06,0003,005,เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ปรากฏ
06,0003,006,แก่พราหมณ์ ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น ความ
06,0003,007,สงสัยทั้งปวง ของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป
06,0003,008,เพราะมารู้ธรรมพร้อมทั้งเหตุ.
06,0003,009,[๒] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมนสิการปฎิจจสมุปบาท เป็น
06,0003,010,อนุโลม และปฏิโลมตลอดมัชฌิมยามแห่งราตรี ว่าดังนี้ :-
06,0003,011,ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม
06,0003,012,เพราะอวิชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
06,0003,013,เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
06,0003,014,เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
06,0003,015,เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
06,0003,016,เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
06,0003,017,เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
06,0003,018,เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
06,0003,019,เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
06,0003,020,เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
06,0003,021,เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ