Book,Page,LineNumber,Text
04,0021,001,ข้อว่า อวชานิตฺวา ปฏิชานาติ มีความว่า พระหัตถกะนั้น
04,0021,002,กำหนดโทษบางอย่างในคำพูดของตนได้ ถลากไถลไปว่า นี้ไม่ใช่คำพูดของเรา
04,0021,003,เมื่อพูดไป ๆ สังเกตได้ว่าไม่มีโทษ แล้วยอมรับว่า นี้ เป็นคำพูดของเราละ.
04,0021,004,ข้อว่า ปฏิชานิตฺวา อวชานาติ มีความว่า ท่านเมื่อกำหนดอานิสงส์
04,0021,005,ในคำพูดบางอย่างได้ ก็ยอมรับว่า นี้ เป็นคำพูดของเรา เมื่อพูดต่อไปอีก
04,0021,006,กำหนดโทษในถ้อยคำนั้นได้ ก็ถลากไถลไปว่า นี้ ไม่ใช่คำพูดของเรา ดังนี้.
04,0021,007,ข้อว่า อญฺเญนญฺํ ปฏิจรติ มีความว่า ย่อมกลบเกลื่อน คือ
04,0021,008,ย่อมปกปิด ได้แก่ ทับถมเหตุอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุอย่างหนึ่ง คือ กล่าวเหตุว่า
04,0021,009,รูปไม่เที่ยง เพราะเป็นของพึงรู้ได้ แล้วกลับกล่าวเหตุเป็นต้นว่า เพราะมี
04,0021,010,ความเกิดเป็นธรรมดา.
04,0021,011,แต่ในกุรุนที ท่านกล่าวว่า ย่อมพูดเรื่องอื่นเป็นอันมาก เพราะเหตุ
04,0021,012,ที่จะปกปิดปฏิญญาและความถลากไถลนั่น.
04,0021,013,ในคำว่า เอตสฺส เป็นต้นนั้น มีอธิบายดังต่อไปนี้ว่า เธอย่อม
04,0021,014,กล่าวคำเป็นอันมากมีอาทิอย่างนี้ว่า ใครกล่าว ? กล่าวว่าอย่างไร ? กล่าวที่ไหน ?
04,0021,015,ดังนี้ เพื่อปกปิดคำปฏิญญาและคำถลากไถลนั้น.
04,0021,016,ในมหาอรรถกถา ท่านกล่าวไว้อีกว่า ถลากไถลแล้วปฏิญาณ และ
04,0021,017,ปฏิญาณแล้วถลากไถล นั่นแหละ ชื่อว่า กลบเกลื่อนเรื่องอื่นด้วยเรื่องอื่น.
04,0021,018,สองบทว่า สมฺปชานมุสา ภาสติ ได้แก่ กล่าวเท็จทั้งที่รู้อยู่.
04,0021,019,หลายบทว่า สงฺเกตํ กตฺวา วิสํวาเทติ มีความว่า ทำการนัดหมายว่า
04,0021,020,การโต้วาทะ จงมีในประเทศชื่อโน้น ในบรรดากาลมีปุเรภัตเป็นต้น ชื่อโน้น
04,0021,021,ดังนี้ แล้วไปก่อน หรือหลังจากเวลาที่ตนนัดหมายไว้ แล้วกล่าวว่า จงดูเอาเถิด
04,0021,022,ผู้เจริญ ! พวกเดียรถีย์ ไม่มาแล้ว แพ้แล้ว ดังนี้ หลีกไปเสีย.