Book,Page,LineNumber,Text 02,0013,1,ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้อันสงฆ์พร้อมเพรียงกันให้อุปสมบทแล้ว 02,0013,2,ด้วยญัตติจตุตถกรรม อันไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ บรรดาผู้ที่ชื่อว่าภิกษุ 02,0013,3,เหล่านั้น ภิกษุนี้ใด ที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันให้อุปสมบทแล้วด้วยญัตติจตุตถ- 02,0013,4,กรรม อันไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ ภิกษุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์ 02,0013,5,ว่า ภิกษุ ในอรรถนี้ 02,0013,6, ประเทศที่ชื่อว่า บ้าน มีอธิบายว่า บ้านมีกระท่อมหลังเดียวก็ดี มี 02,0013,7,กระท่อม ๒ หลังก็ดี มีกระท่อม ๓ หลังก็ดี มีกระท่อม ๔ หลังก็ดี มีคนอยู่ 02,0013,8,ก็ดี ไม่มีคนอยู่ดี แม้ที่เขาล้อมไว้ก็ดี แม้ที่เขาไม่ได้ล้อมไว้ก็ดี แม้ที่เขา 02,0013,9,สร้างดุจเป็นที่โคจ่อมเป็นต้นก็ดี แม้หมู่เกวียนหรือต่างที่อาศัยอยู่เกิน ๔ เดือน 02,0013,10,ก็ดี พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า บ้าน. 02,0013,11, ที่ชื่อว่า อุปจารบ้าน กำหนดเอาที่ ซึ่งบุรุษขนาดกลาง ผู้ยืนอยู่ 02,0013,12,ณ เสาเขื่อนแห่งบ้านที่ล้อม โยนก้อนดินไปตก หรือกำหนดเอาที่ซึ่งบุรุษขนาด 02,0013,13,กลาง ผู้ยืนอยู่ ณ อุปจารเรือนแห่งบ้านที่ไม่ได้ล้อม โยนก้อนดินไปตก. 02,0013,14, ที่ชื่อว่า ป่า มีอธิบายว่าสถานที่ที่เว้นบ้านและอุปจารบ้าน นอกนั้น 02,0013,15,ชื่อว่า ป่า. 02,0013,16, ที่ชื่อว่า ทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้ มีอธิบายว่า ทรัพย์ใดอันเจ้า 02,0013,17,ของไม่ได้ให้ ไม่ได้ละวาง ยังรักษาปกครองอยู่ ยังถือกรรมสิทธิ์อยู่ว่าเป็น 02,0013,18,ของเรา ยังมีผู้อื่นหวงแหน ทรัพย์นั้นชื่อว่า ทรัพย์อันเจ้าของไม่ได้ให้. 02,0013,19, บทว่า ด้วยส่วนแห่งความเป็นขโมย ได้แก่ มีจิตคิดขโมย คือ 02,0013,20,มีจิตคิดลัก. 02,0013,21, [๘๖] บทว่า ถือเอา คือ ยึดเอา เอาไป เอาลง ยังอริยาบทให้ 02,0013,22,กำเริบ ให้เคลื่อนจากฐาน ให้ล่วงเลยเขตหมาย.