tripitaka-mbu / 29 /290005.csv
uisp's picture
add data
3c90236
Book,Page,LineNumber,Text
29,0005,001,<B>เวทนาซึ่งมีอยู่ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีปัญญา
29,0005,002,ประดุจปฐพีทรงแสดงแล้ว ย่อมไม่หลุดพ้นไป
29,0005,003,จากทุกข์เลย เพราะเหตุที่ภิกษุผู้มีความเพียร
29,0005,004,ละทิ้งเสียได้ด้วยสัมปชัญญะ เธอชื่อว่าเป็น
29,0005,005,บัณฑิตย่อมกำหนดรู้เวทนาทั้งปวง ครั้นกำหนด
29,0005,006,รู้เวทนาแล้ว เป็นผู้หาอาสวะมิได้ในปัจจุบัน
29,0005,007,ตั้งอยู่ในธรรมถึงที่สุดเวท เมื่อตายไป ย่อมไม่
29,0005,008,เข้าถึงความนับว่า เป็นผู้กำหนัด ขัดเคือง เป็น
29,0005,009,ผู้หลง ดังนี้.</B>
29,0005,010,<I>จบ ปหานสูตรที่ ๓</I>
29,0005,011,<H1>อรรถกถาปหานสูตรที่ ๓</H1>
29,0005,012,พึงทราบวินิจฉัยในปหานสูตรที่ ๓ ดังต่อไปนี้.
29,0005,013,บทว่า <B>อจฺเฉชฺช ตยฺหํ</B> ความว่า ตัดตัณหาแม้ทั้งปวงได้เด็ดขาด
29,0005,014,แล้ว. บทว่า <B>นิวตฺตยิ สญฺโชนํ</B> ความว่า เพิกถอนสังโยชน์ทั้ง ๑๐
29,0005,015,อย่างได้แล้ว คือได้ทำให้หมดมูล. บทว่า <B>สมฺมา</B> คือโดยเหตุ คือโดยการณ์.
29,0005,016,บทว่า <B>มานาภิสมยา</B> ความว่า เพราะเห็นและละมานะเสียได้ ด้วยว่า
29,0005,017,อรหัตตมรรค ย่อมเห็นซึ่งมานะด้วยสามารถแห่งกิจ. นี้จัดเป็นการละมานะ
29,0005,018,นั้นด้วยทัสสนะ. ส่วนมานะนั้นอันอรหัตมรรคนั้นเห็นแล้ว ย่อมละได้
29,0005,019,ทันทีเหมือนชีวิตของสัตว์อันบุคคลเห็นละได้ด้วยสามารถทิฏฐิฉะนั้น.นี้ จัด
29,0005,020,เป็นการละมานะนั้นด้วยปหานะ. บทว่า <B>อนฺตมาสิ ทุกฺขสฺส</B> ท่านอธิบาย