|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
24,0034,001,โลภทิฏฐิคตวิปปยุต ๔ ดวง. ทิฎโฐฆะ ย่อมเกิดขึ้นในจิตตุปบาทอันสัมปยุต
|
|
24,0034,002,ด้วยทิฏฐิคตะ ๔ ดวง. อวิชโชฆะ. ย่อมเกิดขึ้นในอกุศลทั้งปวง.
|
|
24,0034,003,ก็ธรรมทั้งหมดนี้ ชื่อว่า โอฆะ เพราะอรรถว่าเป็นเหตุนำสัตว์ไป
|
|
24,0034,004,และเพราะอรรถว่าเป็นหมู่ใหญ่. คำว่า <B>เพราะอรรถว่าเป็นเหตุนำสัตว์ไป</B>
|
|
24,0034,005,อธิบายว่า เป็นเหตุให้ตกไปในเบื้องต่ำ. จริงอยู่ โอฆะนี้ย่อมยังสัตว์ทั้งหลาย
|
|
24,0034,006,ที่อยู่ในอำนาจของตนให้ตกไปในเบื้องต่ำ คือ ให้เกิดในทุคติต่าง ๆ มีนรก
|
|
24,0034,007,เป็นต้น อีกอย่างหนึ่ง เมื่อไม่ให้ไปในเบื้องบน คือ พระนิพพาน ย่อมให้
|
|
24,0034,008,ไปในเบื้องต่ำ คือ ในภพ ๓ กำเนิด ๔ คติ ๕ วิญญาณฐิติ ๗ และสัตตาวาส ๙
|
|
24,0034,009,ดังนี้บ้าง. คำว่า <B>เพราะอรรถว่าเป็นหมู่ใหญ่</B> อธิบายว่า เพราะหมู่แห่งกิเลส
|
|
24,0034,010,นี้ใหญ่แผ่กระจายอำนาจไปตั้งแต่อเวจีมหานรกจนถึงภวัคคภูมิ หมู่แห่งกิเลสคือ
|
|
24,0034,011,โอฆะนี้ใด ชื่อว่า มีความยินดีพอใจในกามคุณ ๕ แม้ในโอฆะที่เหลือก็นัย
|
|
24,0034,012,นี้แหละ. บัณฑิตพึงทราบกิเลสชื่อว่า โอฆะ เพราะอรรถว่าเป็นหมู่ใหญ่
|
|
24,0034,013,ด้วยประการฉะนี้. บทว่า <B>อตริ</B> อธิบายว่า เทวบุตรนั้น ทูลถามว่า ข้าแต่
|
|
24,0034,014,พระองค์ผู้นิรทุกข์ พระองค์ข้ามโอฆะแม้ทั้ง ๔ นี้ด้วย อย่างไรหนอ ดังนี้.
|
|
24,0034,015,ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงวิสัชนาปัญหาของเทวดานั้น จึง
|
|
24,0034,016,ตรัสคำ เป็นต้น ว่า <B>อปฺปติฏฺํ ขฺวาหํ</B> แปลว่า เราไม่พักอยู่เป็นต้น. บรรดา
|
|
24,0034,017,บทเหล่านั้น บทว่า <B>อปฺปติฏฺํ</B> แก้เป็น <B>อปฺปติฏฺหนฺโต</B> แปลว่า
|
|
24,0034,018,ไม่พักอยู่. บทว่า <B>อนายูหํ</B> แก้เป็น <B>อนายูหนฺโต</B> แปลว่า ไม่เพียรอยู่
|
|
24,0034,019,คือ ไม่พยายามอยู่. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสปัญหากระทำให้เป็นคำอันลี้ลับ
|
|
24,0034,020,ปิดบังแล้ว ด้วยประการฉะนี้.
|
|
24,0034,021,แม้เทวดาก็ฟังคำอันเป็นภายนอกก่อน ธรรมดาว่า บุคคลผู้ข้ามโอฆะ
|
|
24,0034,022,ต้องยืนอยู่ในที่อันตนควรยืน ต้องพยายามในที่อันตนพึงข้ามจึงข้ามไปได้ แต่
|
|
24,0034,023,พระองค์ตรัสว่า เราไม่พักอยู่ ไม่เพียรอยู่ ข้ามได้แล้วซึ่งกองกิเลส คือกิเลส
|
|
|