tripitaka-mbu / 06 /060005.csv
uisp's picture
add data
3c90236
Book,Page,LineNumber,Text
06,0005,001,<H1>พุทธอุทานคาถาที่ ๒</H1>
06,0005,002,<B>เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่
06,0005,003,พราหมณ์ ผู้มีเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น ความ
06,0005,004,สงสัยทั้งปวง ของพราหมณ์นั้นย่อมสิ้นไป
06,0005,005,เพราะได้รู้ความสั้นแต่งปัจจัยทั้งหลาย.</B>
06,0005,006,[๓] ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมนสิการปฏิจจสมุปบาท เป็น
06,0005,007,อนุโลมและปฏิโลม ตลอดปัจฉิมยามแห่งราตรี ว่าดังนี้:-
06,0005,008,<H2>ปฏิจจสมุปบาท อนุโลม</H2>
06,0005,009,<B>เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขาร
06,0005,010,เพราะสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
06,0005,011,เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป
06,0005,012,เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ
06,0005,013,เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ
06,0005,014,เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา
06,0005,015,เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา
06,0005,016,เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน
06,0005,017,เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ
06,0005,018,เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ
06,0005,019,เพราะชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ
06,0005,020,ทุกข์ โทมันส อุปายาส.</B>
06,0005,021,เป็นอันว่ากองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมเกิด ด้วยประการฉะนี้.